อยู่ ๆ โจวเทียนเฉิงก็นึกเสียใจขึ้นมาเมื่อคืนบอสอยู่ทำงานจนถึงเช้า แถมวันนี้ก็ยังหน้าบึ้งทั้งวัน ชัดเจนเลยว่าอารมณ์ไม่ดีถ้าพูดเรื่องเฉียวสือเนี่ยนขึ้นมาอีก มันจะกลายเป็นความวัวไม่ทันหาย ความควายเข้ามาแทรกหรือเปล่าหนอ?“มีเรื่องอะไรก็รีบเข้ามาพูด!” ฮั่วเยี่ยนฉือหงุดหงิดเต็มประดาโจวเทียนเฉิงจึงทำได้
ขณะที่เฉียวสือเนี่ยนกำลังสู้รบกับล้อรถอยู่นั้น เสียงของฮั่วเยี่ยนฉือก็ดังอยู่ข้างหูทันทีที่เงยหน้า เขาก็เดินมาถึงข้างรถแล้วแม้ว่าเฉียวสือเนี่ยนจะรู้สึกเสียหน้าอยู่บ้าง แต่เธอไม่ได้ไร้เดียงสาขนาดที่จะมาไม่พอใจเพราะเรื่องแบบนี้เธอเบะปากเล็กน้อย ก่อนที่จะปลดเข็มขัดนิรภัย แล้วออกมาจากที่นั่งคนขับฮั่
เหมือนกับคนเมาสักคนที่เดินซวนเซ แล้วตัวก็ชนเข้ากับผนังอย่างไรอย่างนั้นเฉียวสือเนี่ยนแปลกใจนัก ในบ้านก็มีแค่ป้าหวังกับฮั่วเยี่ยนฉือ แล้วใครกันที่ดื่มเหล้าแบบนี้?“ผ่าง” จู่ ๆ ประตูห้องของเธอก็เปิดออกฮั่วเยี่ยนฉือเดินเข้ามาแล้ว!ร่างกายเขาโงนเงนเล็กน้อย ดวงหน้าหล่อเหลาแดงก่ำผิดจากปกติ ที่หน้าผากมีเห
‘ไม่ต้องมองดูแหล่งที่มา ไม่ต้องถามถึงจุดจบ กินข้าวสามมื้อ มีน้ำใจต่อฤดูกาลทั้งสี่ แล้วคุณจะเข้าสู่ชีวิตกับคนที่ถูกเวลาและสภาพอากาษที่ดีที่สุดในที่สุด ด้านล่างมีภาพหนึ่งภาพที่เต็มไปด้วยอาหารเลิศรส และภาพถ่ายเซลฟี่ด้านข้างของป๋ายอีอีจากภาพถ่ายและข้อความ ดูเหมือนว่าเป็นแค่เพียงการแบ่งปันภาพศิลปะ แต่ถ
เฉียวสือเนี่ยนเผยยิ้มขึ้น “ฉันเพิ่งสมัครคลาสซ่านโฉ่วไปน่ะ” โจวหยางหยิงรู้สึกชอบใจ “บังเอิญจริง ๆ ผมเป็นโค้ชสอนซ่านโฉ่วพอดี” ค่อนข้างบังเอิญจริง ๆ ตอนแรกคิดว่าเราจะได้เจอกันอีกครั้ง ก็ตอนหารือเรื่องความร่วมมือ ไม่คิดว่าจะได้เจอกันเร็วขนาดนี้ “งั้นต่อจากนี้รบกวนนายต้องดูแลฉันแล้วล่ะ” เฉียวสือเนี่ย
เฉิงหว่านซินส่งข้อความยาวเป็นพืดให้เธอ มีทั้งรูปภาพ วิดีโอ และข้อความเสียง เฉียวสือเนี่ยนดูรูปภาพก่อน เป็นภาพที่เฉิงหว่านซินถ่ายที่ชั้นล่างและติดกับประตูบ้านพักของไป๋อีอี วิดีโอปรากฏหลายนาทีอยู่ เฉียวสือเนี่ยนจะเปิดวิดีโอฟัง ‘เนี่ยนเนี่ยน ฉันสั่งสอนนังเลวป๋ายนั่นแทนแกแล้ว! ฉันทนเห็นแกทุกข์ทรมานไ
เธอพูดออกไปอย่างนั้น แต่ในใจของเธอกลับหลั่งน้ำตาให้ตัวเองต้องแต่งงานกับผู้ชายคนหนึ่งและไม่ได้รับความชอบจากเขา แถมยังไม่ได้ทรัพย์สมบัติอะไรจากเขาอีก เสียเปรียบจริง ๆ ฮั่วเยี่ยนฉือรับรู้ได้ถึงความเสียใจในคำพูดของเฉียวสือเนี่ยน แต่เขากลับไม่เร่งรีบที่จะถาม ก่อนที่ขายาวของเขาจะพาดไว้บนโต๊ะของโซฟา เอ่ย
ฮั่วเยี่ยนฉือมองไปยังเฉียวสือเนี่ยนที่ยืนอยู่บนโซฟาอย่างเย็นชา “เรื่องของฉันเธอไม่ต้องกังวล ถ้าหากอยากหย่าจริง ๆ ก็แสดงความจริงใจออกมา!” เขาพูดขณะที่โยนสัญญาข้อตกลงในการหย่าทิ้ง และเดินตรงมานั่งที่โต๊ะทำงานหากจะโทษก็โทษที่ครั้งก่อนเธอไม่ได้ฮึดสู้ยืนกรานว่าจะหย่าร้างจนถึงที่สุด จึงทำให้ฮั่วเยี่ยนฉื
เท่าที่เฉียวสือเนี่ยนจำความได้ แม่เป็นคนที่มั่นใจในตัวเองและใช้ความรู้สึกร่วมกับเหตุผล ต่อให้ในตอนนั้นแม่จะโกรธมากแค่ไหน หลังจากนั้นก็ต้องไปถามหลีพัวถิงให้ชัดเจนดังนั้น เรื่องนี้สาเหตุหลักไม่ได้มาจากการที่แม่ขอเลิกแน่ ๆอีกอย่างการที่แม่หา “คนรักเก่า” มาเป็นข้ออ้างเพื่อขอเลิก ต้องเป็นเพราะมีเหตุผลส
ผลตรวจดีเอ็นเอไม่พลิกผัน หลีซูเหยียนกับหลีพัวไม่มีความเกี่ยวข้องกันทางสายเลือดตั้งแต่นั้นมา หลีพัวถิงก็เก็บซ่อนเรื่องนี้ไว้ในเบื้องลึกของหัวใจ ป่าวประกาศกับคนภายนอกว่าหลีซูเหยียนคือลูกสาวของเขา และเลี้ยงดูเสมือนเป็นลูกแท้ ๆ “ในเมื่อคุณเชื่อว่าแม่ฉันโกหก เด็กก็ไม่ใช่ลูกของคุณ แล้วทำไมคุณยังต้องเลี้
หลีพัวถิงพยักหน้าเล็กน้อยและจมอยู่ในความทรงจำต่อไปหนุ่มสาวมากความสามารถที่อายุน้อย แถมอยู่ต่างบ้านต่างเมืองอีก หัวใจทั้งสองดวงจึงใกล้ชิดกันอย่างรวดเร็วหลังรู้จักกันได้ไม่นาน ในวันที่แสงแดดเจิดจ้าเช่นเดียวกัน หลีพัวถิงสารภาพรักกับเมิ่งจินเหยียนท่ามกลางทุ่งดอกไม้ที่สวยงาม และทั้งสองก็กลายเป็นคู่รักอ
แม้หลีซูเหยียนจะพูดอย่างจริงใจ แต่หลีพัวถิงก็ยังคงปฏิเสธ “ซูเหยียน ไม่ต้องพูดอะไรอีกแล้ว และทำตามที่พ่อบอก ลูกไปใช้ชีวิตที่ต่างประเทศซะ”เดิมทีหลีซูเหยียนคิดว่าตัวเองมั่นใจต่อข้อเสนอนี้มาก ถึงอย่างไรทางด้านคุณลุงก็พร้อมจะลงมือ แถมครั้งนี้ยังเกิดเหตุการณ์เลวร้ายถึงขั้นลักพาตัวอีก เธอยินยอมกลายเป็นเป้
พอเฉียวสือเนี่ยนได้ยินแบบนั้นก็ยิ่งสับสนมึนงงเข้าไปใหญ่ สิ่งที่ฮั่วเยี่ยนฉือพูดมามันเป็นเรื่องจริงอย่างนั้นเหรอ?ไม่เคยมีคุณแม่แท้ ๆ ของหลีซูเหยียนอยู่ทั้งนั้น หลีซูเหยียนเข้าใจผิดไปเองว่ามารดาที่ให้กำเนิดตัวเองมีความรักลึกซึ้งกับหลีพัวถิง?คนที่หลีพัวถิงรักมาตลอดชั่วชีวิตมีเพียงคุณแม่ของเฉียวสือเนี
หลีซูเหยียนกับตระกูลรองของตระกูลหลีนั้นถือว่าอยู่ฝั่งตรงข้ามกันในเรื่องของผลประโยชน์ พวกเขาจะไปร่วมมือกันได้อย่างไร?บางทีฮั่วเยี่ยนฉือก็อาจจะคิดถึงจุดนี้เหมือนกันเลยไม่ได้พูดอะไรแต่พอพูดถึงเรื่องนี้ เฉียวสือเนี่ยนก็ฉุกคิดเรื่องบางอย่างขึ้นมาได้ เธอหยิบโทรศัพท์ออกมาเปิดรูปถ่ายของคุณแม่กับคุณผู้หญิง
พูดจบ หนิงเสี่ยวเยว่ก็ตัดสายวิดีโอคอลเฉียวสือเนี่ยนรู้สึกว่าหนิงเสี่ยวเยว่ดูแปลก ๆ อยู่บ้าง แต่พอคิด ๆ ดูแล้ว น่าจะเป็นเพราะหล่อนใช้ชีวิตอยู่ในต่างประเทศมานาน เลยค่อนข้างเปิดเผยความรู้สึกไปบ้างสินะเวลาล่วงเลยไปอีกสองวันวิดีโอและรูปภาพเกี่ยวกับเฉียวสือเนี่ยนและซ่งชิงชวนทั้งหลายบนอินเทอร์เน็ตนั้นค้
เฉียวสือเนี่ยนยิ้มพลางบอกว่าไม่ได้รบกวน ทั้งยังถามหนิงเสี่ยวเยว่ว่าโทรมาหาเธอมีธุระอะไรหรือเปล่าหนิงเสี่ยวเยว่ชี้แจงแถลงไขให้ฟังอย่างเก้อเขินเล็กน้อยว่า วันนี้เธอไปช็อปปิ้งที่ร้านน้ำหอมของ M•Q แล้วชอบน้ำหอมรุ่นลิมิเต็ดนั่นมาก แต่ก็ได้รับแจ้งว่าสินค้าหมดเสียแล้ว“ฉันได้ยินว่าคุณเป็นคำปรุงน้ำหอมรุ่นน
ซ่งชิงชวนแกะมือมารดาออกด้วยใบหน้าเรียบเฉยแล้วหมุนตัวจากไป คล้อยหลังเขา หลีซูเหยียนก็กอบกุมลำคอที่เจ็บระบมของตนเอง ร้องไห้สะอึกสะอื้นพลางกล่าว “ป้าเซิ่ง เมื่อกี้นี้ป้าเซิ่งไม่เห็นสายตาของประธานซ่งเหรอคะ? เขาคิดจะบีบคอหนูให้ตายจริง ๆ นะคะ เขาน่ะเกลียดที่หนูลงมือกับเฉียวสือเนี่ยนชัด ๆ !”เซิ่งจวงฮุ่ยหั