“ตระกูลฮั่วไม่ได้อัตคัดขัดสนจนถึงขั้นให้เธอหย่าออกไปตัวเปล่าหรอกนะ”
ขณะที่เฉียวสือเนี่ยนมีแต่ความสงสัยอยู่เต็มใบหน้า ฮั่วเยี่ยนฉือก็กล่าวด้วยน้ำเสียงราบเรียบ “ฉันจะให้โจวเทียนเฉิงร่างข้อตกลงการจ่ายค่าชดเชยตามสมควรให้เธอใหม่หนึ่งฉบับ”
“ไม่จำเป็น” เฉียวสือเนี่ยนปฏิเสธ “ฉันไม่ได้แต่งงานกับคุณเพราะเห็นแก่เงินอยู่แล้ว”
เธอไม่ได้ขาดแคลนเงิน
อย่าว่าแต่หุ้นที่คุณตาทิ้งไว้ให้เลย เธอแค่อาศัยความสามารถของตัวเองก็หาเงินได้เองอยู่แล้ว
สาเหตุที่รั้นจะแต่งให้ฮั่วเยี่ยนฉือนั้น เพราะเธอเอาแต่ไล่ตามความรักอย่างคนไม่มีสมองก็แค่นั้น
“เธอจะเห็นแก่อะไรก็เรื่องของเธอ” น้ำเสียงของฮั่วเยี่ยนฉือไม่ยินยอมในคำปฎิเสธใด ๆ ทั้งนั้น “เพื่อรักษาหน้าของทั้งสองฝ่าย จะให้ร่างข้อตกลงการหย่าขึ้นใหม่ตามที่ฉันว่าละกัน”
อ๋อ กลัวว่าจะมีวันใดวันหนึ่งที่มีข่าวแพร่ออกไปว่าฮั่วเยี่ยนฉือหย่าขาดกับภรรยาเก่าโดยไม่ให้อะไรติดตัวไปเลย จะทำให้เขาเสียหน้าละสิท่า
เฉียวสือเนี่ยนยอมไม่เถียงด้วย “อย่างนั้นก็เอาตามที่คุณว่าเลย”
“พรุ่งนี้เจอกันที่สำนักทะเบียน”
พูดจบ เฉียวสือเนี่ยนก็ถอยหลังปิดบานประตูห้องกลับไปเก็บของต่อ
ฮั่วเยี่ยนฉือที่อยู่ด้านนอกขมวดคิ้วมุ่นอีกครั้ง
เฉียวสือเนี่ยนรั้งตัวเขาไว้ก็เพื่อเรื่องหย่าแค่นั้นจริง ๆ เหรอ?
คุยธุระเสร็จเธอก็ปิดประตูด้วยท่าทีสบาย ๆ ไม่พูดจามากความอะไรสักประโยค
เมื่อก่อนทันทีที่เขากลับถึงบ้าน เฉียวสือเนี่ยนก็จะคอยวนเวียนเหมือนนกกระจอกร้องจิ๊บ ๆ ๆ อยู่รอบตัวเขา
เดี๋ยวให้เขาไปเดินเล่นเป็นเพื่อนบ้างล่ะ เดี๋ยวให้เขาไปดูดอกไม้เป็นเพื่อนบ้างล่ะ
แถมยังชอบหาเหตุผลร้อยแปดพันเก้ามาเดินวนไปเวียนมาต่อหน้าเขาในเวลาสะสางงานด้วยซ้ำ
ถ้าเธอทำตัวเงียบ ๆ สบาย ๆ แบบนี้มาตั้งแต่แรก เขาก็คงไม่ถึงขั้นที่จะต้องเบื่อหน่ายกับการกลับบ้านขนาดนี้หรอก
แต่ไม่ว่าเฉียวสือเนี่ยนจะวางแผนทำอะไร ขอแค่พรุ่งนี้เธอยอมหย่าให้จริง ๆ เขาก็จะได้หมดเรื่องกวนใจไปได้อีกเรื่อง
...
“พี่เยี่ยนฉือ ฉันอยากไปไหว้คุณตา ขอแค่ไปสักวันก็ยังดี! ฉันสาบานด้วยชีวิตเลยว่าจะไม่ทำให้งานแต่ของพี่กับป๋ายอีอีล่มแน่! ถ้าพี่ไม่เชื่อ ฉันพิสูจน์ให้ดูตอนนี้เลยก็ได้!”
“เฉียวสือเนี่ยน เธอนี่มันเกินเยียวยาวจริง ๆ ! อยากตายนักก็ตายไปเลย ฉันไม่มีทางให้เธอมาทำลายอีอีได้อีกแน่!”
“ฉึก!”
ขณะที่ฮั่วเยี่ยนฉือทำสีหน้าเย็นชาแกมชิงชังอยู่นั้น เธอก็ปักมีดแหลมคมเข้าสู่หัวใจ
โลหิตอุ่นร้อนไหลรินออกมาจากกาย ครั้นแล้วก็ค่อยแปรเปลี่ยนเป็นความเย็นเยียบ...
“กรี๊ด!”
เฉียวสือเนี่ยนกรีดร้องด้วยความตกใจ ผุดลุกขึ้นนั่งอยู่บนเตียง
มองบรรยากาศที่ทั้งดูแปลกแต่ก็คุ้นเคยรอบกายแล้ว เธอจึงผ่อนลมหายใจออกมายาว ๆ
เกิดใหม่มาได้สองสามวันแล้ว แต่เธอยังคงฝันถึงเรื่องราวในชาติก่อนอยู่ตลอด
ความรู้สึกทุกข์ทนและสิ้นหวังก่อนตายแบบนั้นมันกระชากลมหายใจได้เป็นอย่างดี
ไม่ว่าจะเป็นอย่างไรเธอก็ไม่อยากมีชีวิตอย่างในชาติก่อนอีกแล้ว!
คิดได้ดังนั้น เฉียวสือเนี่ยนก็ลุกขึ้นจากเตียง ค่อยๆ บรรจงแต่งหน้าแต่งกาย แล้วเดินทางไปยังสำนักทะเบียน
ยังไม่ถึงเก้าโมงเช้า สำนักทะเบียนยังไม่เปิดทำการ ฮั่วเยี่ยนฉือก็ยังมาไม่ถึง
ด้านนอกสำนักทะเบียนปรากฏหนุ่มสาววัยเยาว์ที่กำลังรองานมงคลสมรสอยู่จำนวนไม่น้อย
มองดูท่าทางเปี่ยมสุขของพวกเขาแล้ว เฉียวสือเนี่ยนพาลอดคิดถึงตอนที่ตัวเองกับฮั่วเยี่ยนฉือมารับใบทะเบียนสมรสไม่ได้
ตอนนั้นเธอเองก็ตื่นเต้นดีใจล้นปรี่ มาเข้าแถวรออยู่ที่นี่ตั้งแต่เช้าตรู่
แม้ว่าจะต้องรอจนเที่ยงวันแล้ว ตัวฮั่วเยี่ยนฉือถึงจะเพิ่งเดินกรีดกรายเข้ามา
ถึงสีหน้าของฮั่วเยี่ยนฉือจะเย็นชาเหลือคณา
แต่เธอก็ยังดีใจเหลือเกิน
เธอเผลอคิดไปว่านับตั้งแต่นี้จะสามารถย่างก้าวเข้าสู่ปราสาทงานสมรสอันเป็นสุขนิรันดร์ได้แล้ว
ใครเล่าจะรู้ นั่นเป็นจุดเริ่มต้นของโศกนาฎกรรมของเธอเองต่างหาก...
ฮั่วเยี่ยนฉือนั่งอยู่ในรถ ลูกตาดำขลับเรียบนิ่งไม่สั่นไหวมองไปยังด้านหน้า
หัวเด็ดตีนขาดอย่างไรเขาก็ไม่เชื่อว่าเฉียนสือเนี่ยนจะหย่าขาดจากเขาจริง ๆ
ถึงอย่างไรเขาก็เคยเห็นลูกไม้ของเฉียวสือเนี่ยนมานับไม่ถ้วน
เพื่อเลี่ยงการถูกตลบหลัง เขาจึงได้ส่งคนไปตรวจบริเวณรอบ ๆ พร้อมกับสถานการณ์ด้านใน
ทั้งยังให้คนไปตามดูความเคลื่อนไหวของเฉียวสือเนี่ยนในช่วงไม่กี่วันมานี้ด้วย
สุดท้ายลูกน้องผู้ใต้บังคับบัญชากลับมารายงานว่าทั้งที่ห้องทะเบียนกับตัวเฉียวสือเนี่ยนนั้นไม่มีอะไรผิดปกติ
ยามนี้ได้เห็นดวงหน้าเล็ก ๆ ของเฉียวสือเนี่ยนเผยความเจ็บปวดเย็นชาทั้งยังหัวเราะเย้ยหยันตัวเอง ความไม่สบายใจถึงกับแล่นปราดเข้าสู่ใจของฮั่วเยี่ยนฉือชั่วแวบหนึ่ง
แต่มันก็ค่อย ๆ หายไปอย่างช้า ๆ
สิ่งที่ชั่วชีวิตนี้เขาเกลียดที่สุดก็คือการที่มีคนพยายามเข้ามาควบคุมชีวิตและข่มขู่เขา
ซึ่งเฉียวสือเนี่ยนก็ทำมาหมดแล้วทั้งสองอย่าง
ก่อเรื่องวุ่นวายจนถึงขั้นต้องหย่าแบบนี้ เธอหาเหาใส่หัวตัวเองทั้งนั้น!
ล่วงเลยมาถึงเวลาทำการของสำนักทะเบียน เฉียวสือเนี่ยนก้มหน้าส่งข้อความแล้วเดินเข้าไป
เห็นข้อความบนหน้าจอโทรศัพท์ “ฉันมาถึงแล้ว คุณก็รีบเข้ามาล่ะ”
ฮั่วเยี่ยนฉือก็คว้าข้อตกลงการหย่าที่โจวเทียนเฉิงพรินต์ออกมาให้เป็นอย่างดีขึ้นมา แล้วเหวี่ยงขายาว ๆ ก้าวลงจากรถไป
“คุณฮั่ว”
เฉียวสือเนี่ยนเพิ่งนั่งลงไปไม่นานก็ได้ยินเสียงเจ้าหน้าที่กล่าวทักทายด้วยความสุภาพ
เร็วขนาดนี้เชียวเหรอ?
คิดไม่ถึงเลยว่าฮั่วเยี่ยนฉือคนที่มาสายไปครึ่งวันตอนมารับทะเบียนสมรสคนนั้น จะรักษาเวลาและคำพูดได้ในวันที่ต้องมาทำเรื่องหย่าแบบนี้
เฉียวสือเนี่ยนเงยหน้า ฮั่วเยี่ยนสือผู้ตัวสูงใหญ่ หล่อเหลาและอกผายไหล่ผึ่งมาถึงแล้วจริง ๆ
เขาใส่เสื้อเชิ้ตสีม่วงเข้มลายดำ เครื่องหน้าทั้งห้าดูดีไร้ที่ติ บุคลิกโดดเด่นเกินใคร
แสงไฟเจิดจ้าเหนือศีรษะสาดส่องลงมา ขับให้กายเขาเรืองรองราวกับเป็นพระภิกษุทรงศีลผู้ละทางโลก
แม้ว่าตอนนี้เฉียวสือเนี่ยนจะหมดรักเขาไปแล้ว แต่ก็ต้องยอมรับจริงๆ ว่ารูปร่างหน้าตาของฮั่วเยี่ยนฉือนั้นสมบูรณ์แบบ
เมื่อก่อนที่เธอหลงใหลคลั่งไคล้เขา เหตุผลส่วนหนึ่งก็มาจากความหล่อเหลาของเขานี่แหละ
“มองพอหรือยัง?” ฮั่วเยี่ยนฉือขมวดคิ้วคม
ยังนึกอยู่ว่าเธอจะมีอะไรเปลี่ยนแปลงไปบ้าง ที่แท้ก็ยังคงจับจ้องเขาตาเป็นมันเหมือนเคย!
เฉียวสือเนี่ยนไม่มีทั้งอาการหน้าแดงและไม่มีทั้งคำอธิบาย “เอาข้อตกลงมาแล้วก็เอามาให้ฉันเซ็นสิ”
ฮั่วเยี่ยนฉือขมวดคิ้วอีกครั้ง โยนหนังสือยินยอมไปให้เธอ
เจ้าหน้าที่รออยู่ด้านนอก เฉียวสือเนี่ยนคว้าข้อตกลงขึ้นมาปราดสายตามองคร่าว ๆ
ฮั่วเยี่ยนฉือให้ค่าเลี้ยงดูเธอห้าสิบล้านบาท
ถึงจำนวนมันจะน้อยนิดขี้ปะติ๋วเมื่อเทียบกับทรัพย์สินในครอบครองของเขา แต่ให้เธอมาขนาดนี้ก็นับว่าไม่เลว
อย่างไรเสียฮั่วเยี่ยนฉือก็ถูกบังคับให้แต่งงานนี่นะ แถมยังเกลียดเธอขนาดนี้
“พอหย่าแล้วก็รูดซิปปากให้สนิท ถ้าเธอทำให้เรื่องนี้มันบานปลาย ก็อย่าหาว่าฉันไม่ไว้หน้าละกัน” ฮั่วเยี่ยนฉือเอ่ยเตือนด้วยน้ำเสียงเย็นชา