เซียวเฉินเหยี่ยนฟังจบ แววตาก็อำมหิตขึ้นมาจนดูน่ากลัวลู่หวายหนิงหันมองเสิ่นหรูโจวด้วยสีหน้าร้อนใจเขาเองก็อยากรู้เหมือนกันว่า ที่เกิดเรื่องขึ้นกันฉินอวี่ มันมีที่มาที่ไปอย่างไรกันแน่เสิ่นหรูโจวหันมองเป่ยซิวเยี่ยน แววตากระจ่างใสสงบนิ่งอย่างยิ่งชาติก่อนนางมีปฏิสัมพันธ์กับเป่ยซิวเยี่ยนไม่มากนัก แต่ทุกครั้งที่พบกับชายคนนี้ ก็จะถูกใบหน้าที่ทรงเสน่ห์ของเขา รวมถึงพลานุภาพอันแข็งแกร่งที่แผ่ซ่านออกมาจากตัวเขา ทำให้รู้สึกหวั่นไหวจะว่าไปแล้ว เป่ยซิวเยี่ยนกับนางนับว่ามีบุญคุณต่อกัน นางจำได้ว่าเมื่อชาติก่อนในงานเลี้ยงงานหนึ่ง มีคนลอบสังหาร สถานการณ์วุ่นวายอย่างยิ่ง เซียวเฉินเหยี่ยนเกรงว่ามู่หว่านชิงจะได้รับอันตราย จึงวิ่งเข้าไปปกป้องมู่หว่านชิง ส่วนนางกลับถูกทิ้งให้อยู่กับที่ ตื่นตระหนกจนทำอะไรไม่ถูกนางรู้วิชาแพทย์ แต่ไม่รู้วรยุทธ์ นี่เป็นจุดอ่อนของนางมาโดยตลอด ตอนนั้นจู่ ๆ ก็มีธนูยิงเข้าใส่นาง นางหลบไม่ทัน ขณะที่คิดว่าคงต้องจบชีวิตลงที่นี่ ก็มีมือเรียวยาวเห็นข้อกระดูกที่ชัดเจน คว้าลูกธนูดอกนั้นไว้อย่างฉับพลันตอนนั้น นางเงยหน้ามองไปด้วยความตะลึง เห็นเพียงใบหน้าที่หล่อเหลาไร้ที่เปรียบของ
แม้นางจะทำตัวน่ารำคาญ แต่ไม่รู้ว่าเพราะเหตุใด เขากลับไม่อยากให้นางตายอย่างบอกไม่ถูกคิดไม่ถึงว่าเสิ่นหรูโจวยังไม่ทันพูดอะไร เจียหนิงก็กระโดดออกมาเสียก่อนเมื่อครู่นางถูกเสิ่นหรูโจวจับตัวไว้จึงรู้สึกโกรธจัด เมื่อได้ยินท่านน้าตำหนิเสิ่นหรูโจว ก็ไม่อาจระงับโทสะเอาไว้ได้อีก“นางจะยอมรับผิดได้อย่างไร ? นางเป็นผู้หญิงจิตใจหยาบช้า ! แม้แต่ข้าก็ยังกล้าจับตัวไว้ ยังมีอะไรที่นางไม่ล้าทำอีกบ้าง ! ฉินอวี่ต้องถูกนางทำร้ายแน่นอน !”“ท่านน้ากับผู้สำเร็จราชการแทนอย่าได้ฟังคำแก้ตัวของนางอีกเลย ผู้หญิงที่โหดเหี้ยมเช่นนี้ ควรตัดคอให้ตายเสีย จะได้ไม่เป็นภัยต่อโลกมนุษย์ !”ยิ่งพูดก็ยิ่งโมโห เจียหนิงทนไม่ไหวอีกต่อไป ชั่วพริบตาเดียว เมื่อมองเห็นกระบี่ที่แขวนอยู่ตรงเอวของฉินหมิงที่ยืนอยู่ข้าง ๆ ก็ชักออกมาแล้วแทงเข้าใส่เสิ่นหรูโจวทันที“เจียหนิง หยุดนะ !” เซียวเฉินเหยี่ยนเผยความตกตะลึงออกมาบนใบหน้า และยื่นมือออกไปขวางตามสัญชาตญาณ ยังไม่ทันที่จะคว้าแขนเสื้อของเจียหนิงไว้ได้ จู่ ๆ ก็ได้ยินเสียง “เก๊ง” ดังขึ้น ——กระบี่ที่พุ่งเข้ามาตรงหน้าเสิ่นหรูโจว กระเด็นออกไปเพราะลูกปัดขนาดเท่าปลายนิ้ว กระบี่ร่วงลงจากม
ลู่หวายหนิงตกใจ รีบเอ่ยปากขึ้นทันที : “อาจารย์อย่าได้รีบร้อน พี่หญิงต้องอธิบายอย่างกร่างแน่นอน”เขาหันกลับไปมองเสิ่นหรูโจว : “พี่สาวคนสวย ท่านรีบเล่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในตอนนั้นออกมาอย่างละเอียดเร็วเข้า”สีหน้าของเสิ่นหรูโจวยังคงเหมือนเดิม เงยหน้าขึ้นมองเป่ยซิวเยี่ยนนางเตี้ยกว่าเป่ยซิวเยี่ยนประมาณหนึ่งช่วงหัว เมื่อยืนอยู่ต่อหน้าเขา ก็ถูกรูปร่างที่สูงใหญ่ของเขาบดบังสายตา รู้สึกอึดอัดเป็นอย่างยิ่ง“ตอนนั้นมีคนลอบสังหาร ในลานโกลาหลวุ่นวาย ข้าแทบจะเอาตัวเองไม่รอด เมื่อตั้งสติได้ ฉินอวี่ก็ถูกดาบแทงเสียแล้ว ส่วนถูกแทงได้อย่างไรนั้น ข้าไม่แน่ใจนัก”“แต่ข้าไม่ได้เป็นคนผลักเขาไปรับดาบอย่างแน่นอน ตอนนั้นฉินอวี่ป้องกันศัตรูอยู่ด้านหน้ามู่หว่านหรง ข้าอยู่ห่างจากพวกเขาเกือบสองจ้าง แล้วจะผลักเขาได้อย่างไร”“อีกอย่าง ข้าพยายามอย่างสุดความสามารถ ช่วยรักษาฉินอวี่ในทันที หากข้าเป็นคนผลักฉินอวี่ออกไปรับดาบ หากข้าช่วยเขา ไม่เท่ากับหาเรื่องใส่ตัวหรอกหรือ ?”“หากเขาถูกคนผลักออกไปรับดาบจริง คนที่ขัดขวางไม่ให้ข้าช่วยเขาต่างหาก ถึงจะเป็นฆาตกรตัวจริง”ขณะที่พูดอยู่นั้น นางก็กวาดสายตาผ่านมู่หว่านหรงตอ
ใบหน้าหล่อเหลาสง่างามดูเซียวเฉินเหยี่ยนดูเคร่งเครียดเล็กน้อย สุดท้ายก็ไม่ได้พูดอะไร ทำเพียงแค่เชิญเขาเข้าไปพักผ่อนในศาลาด้านข้าง ส่วนฉินอวี่จะเป็นหรือตาย คงต้องรอดูผลลัพธ์แล้วในศาลามีโต๊ะไม้มะฮอกกานีฝังด้วยหินอ่อน เป่ยซิวเยี่ยนและเซียวเฉินเหยี่ยนนั่งตรงข้ามกัน ส่วนคนอื่น ๆ นั่งพิงอยู่ที่ราวบันได ลู่หวายหนิงร้อนใจเป็นอย่างยิ่ง ยืนอยู่ด้านล่างศาลา หันมองไปทางเรือนปีกไม่หยุด สีหน้าเต็มไปด้วยความร้อนรน“อาจารย์ หวายหนิงอยากไปดูสักหน่อย”เมื่อเจียหนิงได้ยินเขาพูดเช่นนั้น ก็อยากตามไปด้วยเช่นกัน ขณะที่กำลังจะเอ่ยปาก ก็ถูกเซียวเฉินเหยี่ยนมองฟาดด้วยสายตาจนไม่กล้าส่งเสียงนางปิดปากเงียบอย่างไม่เต็มใจ“เจ้าไปแล้วก็ช่วยอะไรไม่ได้” เป่ยซิวเยี่ยนหันมองลู่หวายหนิง จากนั้นจึงผละสายตาอย่างไม่แยแส พูดขึ้นด้วยน้ำเสียงเย็นชาไร้ความปรานี : “นั่งลง รอฟังข่าว”ได้ยินดังนั้น ลู่หวายหนิงก็นั่งลงหน้าจ๋อยมู่หว่านหรงกะพริบตาเล็กน้อย น้ำเสียงอ่อนโยนดุจสายน้ำในฤดูใบไม้ผลิ “นายน้อยไม่ต้องร้อนใจไป พระยาชาและหมอหลวงต่างอยู่กันครบ จะต้องมีหนทางอย่างแน่นอน”ลู่หวายหนิงหันมองนางด้วยสายตาเย็นชา ไม่ปิดบังความ
แววตาของเสิ่นหรูโจวเป็นประกายขึ้นมาทันที แอบรู้สึกโล่งใจไม่น้อย อาเจียนเลือดพิษออกมาแล้ว นั่นหมายความว่ารอดชีวิต !หมอหลวงตกตะลึงไปทันที รีบจับข้อมือข้างหนึ่งของฉินอวี่ขึ้นมา แล้วใช้สองนิ้วทาบลงไปที่ข้อมือชีพจรกลับมาเป็นปกติแล้ว ช่างน่าเหลือเชื่อจริง ๆ !เขาแสดงสีหน้าประหลาดใจ ไม่กล้าเชื่อสายตาตนเอง “รอดแล้ว ? รอดแล้วจริง ๆ ! ชีพจรก็เป็นปกติแล้ว ทุกอย่างปกติดีแล้ว !”เขาหันมองเสิ่นหรูโจวอย่างไม่อยากเชื่อ หญิงสาวหน้าตางดงามมีสีหน้าที่สงบนิ่ง อายุยังน้อยอยู่แท้ ๆ แต่ร่างกายกลับแผ่รัศมีที่ดูหนักแน่นมั่นคงออกมาในฐานะที่เป็นหมอ อาการบาดเจ็บของฉินอวี่ร้ายแรงเพียงใด เขารู้ดีกว่าใคร นี่เท่ากับดึงคนกลับมาจากประตูนรกเชียวนะเขารู้ดีว่าตนเองจนปัญญาที่จะช่วย ยิ่งไปกว่านั้นยังเยาะเย้ยดูถูกเสิ่นหรูโจว คิดว่านางอายุยังน้อย ไม่มีทางที่จะมีทักษะทางการแพทย์ยอดเยี่ยมเช่นนั้น คิดไม่ถึงเลยจริง ๆ ว่า สุดท้ายจะถูกนางช่วยกลับมาได้จริง ๆ !เมื่อนึกถึงคำพูดที่ตนเองดูถูกเยาะเย้ยเสิ่นหรูโจวเมื่อครู่ ก็รู้สึกใบหน้าร้อนผ่าว อับอายอย่างยิ่ง“พระชายา กระหม่อมมีตาหามีแววไม่ เมื่อครู่เสียมารยาทต่อพระชายา ขอพร
ลู่หวายหนิงขมวดคิ้ว กวาดสายตามองสองนายบ่าวอย่างไม่เป็นมิตร พวกนางต้องการผลักความดีความชอบไปให้หมอหลวง ซ้ำยังเหยียบย่ำพี่สาวคนสวยอีก ? ช่างน่ารังเกียจยิ่งนัก !“พวกท่านพูดเช่นนี้หมายความว่าอย่างไร ? เห็นอยู่ชัด ๆ ว่าเป็นพี่สาวคนสวยเป็นคนออกแรง !”มู่หว่านหรงไม่แสดงสีหน้าร้ายกาจออกมาแม้แต่น้อย “ใช่แล้ว พระชายาออกแรงก็จริง เพียงแต่พระชายาอายุยังน้อย ความรู้ตื้นเขิน ย่อมไม่มีทักษะทางการแพทย์ที่เยี่ยมยอดอย่างเช่นหมอหลวงจางแน่นอน ถึงแม้นายน้อยจะเข้าข้างพระชายา แต่จะมองข้ามผมงานของหมอหลวงจางก็คงไม่ได้นะ”เซียวเฉินเหยี่ยนขมวดคิ้ว แย่งชิงผลงานกันต่อหน้าเป่ยซิวเยี่ยนเช่นนี้ เป็นเรื่องที่ไม่เหมาะสมจริง ๆ เสิ่นหรูโจวมีความสามารถมากน้อยเพียงใดเขาย่อมรู้ดี หวังให้นางช่วยคนนั้น ไม่มีทางเป็นไปได้“แน่นอนว่าหมอหลวงจางต้องเป็นผู้สร้างผลงานใหญ่ ช่วยคนกลับมาได้ต่างหากคือสิ่งที่สำคัญที่สุด ไม่จพเป็นต้องทะเลาะกันด้วยเรื่องพวกนี้”ตอนนี้เอง หมอหลวงจางกลับรีบโต้แย้งขึ้นมาว่า : “ช้าก่อน อ๋องอู่เฉิง พระชายารอง พวกท่านเข้าใจผิดแล้ว การช่วยเหลือองครักษ์ฉินอวี่ครั้งนี้ต้องพึ่งพาพระชายาทั้งหมด กระหม่อมเป็นเพ
เสิ่นหรูโจวจ้องมองเป่ยซิวเยี่ยน “เขาจะอยู่ที่นี่ไม่ได้ ผู้สำเร็จราชการแทนพาตัวเขาไปเถอะนะ”สายตาพิจารณาของเป่ยซิวเยี่ยนจับจ้องมาที่ใบหน้าของเสิ่นหรูโจว นางมีใบหน้าที่สวยสดงดงาม แววตาบริสุทธิ์สดใสยากจะหาได้ ซ้ำยังแฝงไปด้วยความแน่วแน่ น้อยนักที่จะเห็นความสดใสงดงามและความดื้อรั้นรวมอยู่ในคนคนเดียวแววตาของเขามืดมนลงเล็กน้อยจนไม่อาจสังเกตเห็นได้ ยังไม่ทันได้พูดอะไร เจียหนิงก็ตะคอกออกมาเสียงดัง “ไม่ได้ !”“ฉินอวี่ได้รับบาดเจ็บสาหัสขนาดนั้น เพิ่งช่วยชีวิตกลับมาได้ จะต้องพักฟื้นอย่างสงบ ให้เคลื่อนย้ายเขาไปมาในตอนนี้ เจ้าไม่อยากให้เขาหายดีหรืออย่างไร ?”มู่หว่านหรงมีสีหน้าตื่นตระหนก รีบพูดเสริมขึ้นมา“ท่านหญิงพูดถูก ตอนนี้ไม่สมควรเคลื่อนย้ายจริง ๆ เพื่อป้องกันไม่ให้อาการบาดเจ็บรุนแรงกว่าเดิม ให้อยู่ที่จวนอ๋องไปก่อนเถิด รอให้อาการบาดเจ็บดีขึ้นสักหน่อย แล้วค่อยส่งกลับไปที่จวนผู้สำเร็จราชการแทน”ฉินอวี่จะไปไม่ได้ !หากเขาพักฟื้นอยู่ในจวน นางก็ยังมีโอกาสที่จะฆ่าเขา แต่หากพาตัวฉินอวี่ไปรักษาอาการบาดเจ็บอย่างดีละก็ เมื่อฉินอวี่ฟื้นขึ้นมาแล้วพูดความจริง นางต้องจบเห่แน่ !เซียวเฉินเหยี่ยนขมวดค
นางมองเพียงแวบเดียว ก็รู้สึกได้ถึงแรงกดดันที่มองไม่เห็น แต่ในใจกลับยิ่งรู้สึกโมโหขึ้นมาผู้สำเร็จราชการแทนที่ปกติเลือดเย็นไร้ความปรานี ทำไมถึงได้เชื่อฟังเสิ่นหรูโจว ? ไม่เห็นความปลอดภัยของฉินอวี่อยู่ในสายตาเลยสักนิด“ทำไมวันนี้ผู้สำเร็จราชการแทนถึงได้หูเบานัก ฟังคำพูดยุแยงเพียงไม่กี่ตำก็ตกปากรับคำนาง ? หรือว่า ผู้สำเร็จราชการแทนมีใจคิดปกป้อง ?”มู่หว่านหรงแอบนึกดีใจ เจียหนิงเป็นคนอารมณ์ร้อน เมื่อโมโหขึ้นมาก็ไม่สนใครหน้าไหนทั้งนั้น ขอเพียงนางไม่ยอมเสียอย่าง ฉินอวี่ก็ไม่มีทางถูกพาตัวไปแน่ !เสิ่นหรูโจวเลิกคิ้วโก่งขึ้นเล็กน้อย ถึงขั้นยิ้มมุมปากด้วยความรู้สึกสนุกชาติก่อนเจียหนิงอกใหญ่ไร้สมอง ชาตินี้ก็เช่นเดียวกัน นางเองก็อยากรู้เหมือนกันว่า ท่านหญิงผู้ยิ่งใหญ่ จะพูดจารนหาที่ตายออกมาสักกี่คำเมื่อเห็นเจียหนิงกล่าวโทษเป่ยซิวเยี่ยนออกมาเช่นนี้ เซียวเฉินเหยี่ยนก็มีสีหน้ามืดมนทันที และตำหนิออกมา“หุบปาก ! พูดไร้สาระไร ?”เจียหนิงกลับจ้องเขาตาเขม็ง ยิ่งเพิ่มเสียงสูงหนักกว่าเก่า“ข้าไม่ได้พูดไร้สาระ ! ท่านน้า ท่านดูผู้สำเร็จราชการแทนสิ ตั้งแต่เข้าจวนมา ก็เชื่อฟังคำพูดของเสิ่นหรูโจวมาตลอ