ลู่หวายหนิงขมวดคิ้ว กวาดสายตามองสองนายบ่าวอย่างไม่เป็นมิตร พวกนางต้องการผลักความดีความชอบไปให้หมอหลวง ซ้ำยังเหยียบย่ำพี่สาวคนสวยอีก ? ช่างน่ารังเกียจยิ่งนัก !“พวกท่านพูดเช่นนี้หมายความว่าอย่างไร ? เห็นอยู่ชัด ๆ ว่าเป็นพี่สาวคนสวยเป็นคนออกแรง !”มู่หว่านหรงไม่แสดงสีหน้าร้ายกาจออกมาแม้แต่น้อย “ใช่แล้ว พระชายาออกแรงก็จริง เพียงแต่พระชายาอายุยังน้อย ความรู้ตื้นเขิน ย่อมไม่มีทักษะทางการแพทย์ที่เยี่ยมยอดอย่างเช่นหมอหลวงจางแน่นอน ถึงแม้นายน้อยจะเข้าข้างพระชายา แต่จะมองข้ามผมงานของหมอหลวงจางก็คงไม่ได้นะ”เซียวเฉินเหยี่ยนขมวดคิ้ว แย่งชิงผลงานกันต่อหน้าเป่ยซิวเยี่ยนเช่นนี้ เป็นเรื่องที่ไม่เหมาะสมจริง ๆ เสิ่นหรูโจวมีความสามารถมากน้อยเพียงใดเขาย่อมรู้ดี หวังให้นางช่วยคนนั้น ไม่มีทางเป็นไปได้“แน่นอนว่าหมอหลวงจางต้องเป็นผู้สร้างผลงานใหญ่ ช่วยคนกลับมาได้ต่างหากคือสิ่งที่สำคัญที่สุด ไม่จพเป็นต้องทะเลาะกันด้วยเรื่องพวกนี้”ตอนนี้เอง หมอหลวงจางกลับรีบโต้แย้งขึ้นมาว่า : “ช้าก่อน อ๋องอู่เฉิง พระชายารอง พวกท่านเข้าใจผิดแล้ว การช่วยเหลือองครักษ์ฉินอวี่ครั้งนี้ต้องพึ่งพาพระชายาทั้งหมด กระหม่อมเป็นเพ
เสิ่นหรูโจวจ้องมองเป่ยซิวเยี่ยน “เขาจะอยู่ที่นี่ไม่ได้ ผู้สำเร็จราชการแทนพาตัวเขาไปเถอะนะ”สายตาพิจารณาของเป่ยซิวเยี่ยนจับจ้องมาที่ใบหน้าของเสิ่นหรูโจว นางมีใบหน้าที่สวยสดงดงาม แววตาบริสุทธิ์สดใสยากจะหาได้ ซ้ำยังแฝงไปด้วยความแน่วแน่ น้อยนักที่จะเห็นความสดใสงดงามและความดื้อรั้นรวมอยู่ในคนคนเดียวแววตาของเขามืดมนลงเล็กน้อยจนไม่อาจสังเกตเห็นได้ ยังไม่ทันได้พูดอะไร เจียหนิงก็ตะคอกออกมาเสียงดัง “ไม่ได้ !”“ฉินอวี่ได้รับบาดเจ็บสาหัสขนาดนั้น เพิ่งช่วยชีวิตกลับมาได้ จะต้องพักฟื้นอย่างสงบ ให้เคลื่อนย้ายเขาไปมาในตอนนี้ เจ้าไม่อยากให้เขาหายดีหรืออย่างไร ?”มู่หว่านหรงมีสีหน้าตื่นตระหนก รีบพูดเสริมขึ้นมา“ท่านหญิงพูดถูก ตอนนี้ไม่สมควรเคลื่อนย้ายจริง ๆ เพื่อป้องกันไม่ให้อาการบาดเจ็บรุนแรงกว่าเดิม ให้อยู่ที่จวนอ๋องไปก่อนเถิด รอให้อาการบาดเจ็บดีขึ้นสักหน่อย แล้วค่อยส่งกลับไปที่จวนผู้สำเร็จราชการแทน”ฉินอวี่จะไปไม่ได้ !หากเขาพักฟื้นอยู่ในจวน นางก็ยังมีโอกาสที่จะฆ่าเขา แต่หากพาตัวฉินอวี่ไปรักษาอาการบาดเจ็บอย่างดีละก็ เมื่อฉินอวี่ฟื้นขึ้นมาแล้วพูดความจริง นางต้องจบเห่แน่ !เซียวเฉินเหยี่ยนขมวดค
นางมองเพียงแวบเดียว ก็รู้สึกได้ถึงแรงกดดันที่มองไม่เห็น แต่ในใจกลับยิ่งรู้สึกโมโหขึ้นมาผู้สำเร็จราชการแทนที่ปกติเลือดเย็นไร้ความปรานี ทำไมถึงได้เชื่อฟังเสิ่นหรูโจว ? ไม่เห็นความปลอดภัยของฉินอวี่อยู่ในสายตาเลยสักนิด“ทำไมวันนี้ผู้สำเร็จราชการแทนถึงได้หูเบานัก ฟังคำพูดยุแยงเพียงไม่กี่ตำก็ตกปากรับคำนาง ? หรือว่า ผู้สำเร็จราชการแทนมีใจคิดปกป้อง ?”มู่หว่านหรงแอบนึกดีใจ เจียหนิงเป็นคนอารมณ์ร้อน เมื่อโมโหขึ้นมาก็ไม่สนใครหน้าไหนทั้งนั้น ขอเพียงนางไม่ยอมเสียอย่าง ฉินอวี่ก็ไม่มีทางถูกพาตัวไปแน่ !เสิ่นหรูโจวเลิกคิ้วโก่งขึ้นเล็กน้อย ถึงขั้นยิ้มมุมปากด้วยความรู้สึกสนุกชาติก่อนเจียหนิงอกใหญ่ไร้สมอง ชาตินี้ก็เช่นเดียวกัน นางเองก็อยากรู้เหมือนกันว่า ท่านหญิงผู้ยิ่งใหญ่ จะพูดจารนหาที่ตายออกมาสักกี่คำเมื่อเห็นเจียหนิงกล่าวโทษเป่ยซิวเยี่ยนออกมาเช่นนี้ เซียวเฉินเหยี่ยนก็มีสีหน้ามืดมนทันที และตำหนิออกมา“หุบปาก ! พูดไร้สาระไร ?”เจียหนิงกลับจ้องเขาตาเขม็ง ยิ่งเพิ่มเสียงสูงหนักกว่าเก่า“ข้าไม่ได้พูดไร้สาระ ! ท่านน้า ท่านดูผู้สำเร็จราชการแทนสิ ตั้งแต่เข้าจวนมา ก็เชื่อฟังคำพูดของเสิ่นหรูโจวมาตลอ
อะไรนะ ? !ผู้สำเร็จราชการแทนที่น่ากลัว กลับเห็นด้วยกับคำขอที่ไร้เหตุผลของพระชายา ? !ทุกคนต่างตกตะลึง ยากที่จะเชื่อเป่ยซิวเยี่ยนพูดขึ้นอย่างไม่แยแส เผยความเกียจคร้านออกมาเล็กน้อย คำเพียงไม่กี่คำเมื่อดังเข้าไปในหูของเจียหนิง กลับเป็นเหมือนดาบน้ำแข็ง ใบหน้าที่หยิ่งยโสของนางแข็งทื่อไปทันทีคิดไม่ถึงเลยว่าผู้สำเร็จราชการแทนจะฟังคำของเสิ่นหรูโจว จะลงโทษตบหน้านางร้อยครั้ง ! นางโตจนป่านนี้ ยังไม่เคยได้รับความอัปยศเช่นนี้มาก่อนเลย !เซียวเฉินเหยี่ยนตกตะลึงยิ่งกว่า คิ้วคมเข้มขมวดเข้าหากันเจียหนิงคือหลานสาวของเขา ถูกประคบประหงมมาแต่เด็ก จะถูกลงโทษเช่นนี้ได้อย่างไร ?เสิ่นหรูโจว ทำไมใจดำอำมหิตเพียงนี้ แก้แค้นด้วยเรื่องส่วนตัวเช่นนี้เลยหรือ ? !เขาพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงจริงจัง : “ผู้สำเร็จราชการแทนโปรดใจเย็น จริงอยู่ที่เจียหนิงมีความผิด แต่ลงโทษเช่นนี้ ดูจะหนักเกินไปหน่อย ขอให้ผู้สำเร็จราชการแทนโปรดเมตตา ละเว้นนางสักครั้ง”ใบหน้าอันหล่อเหลาของเป่ยซิวเยี่ยน กลับปกคลุมไปด้วยรัศมีของความเย็นชา ทำเหมือนไม่ได้ยินคำพูดของเซียวเฉินเหยี่ยนเลยสักนิดแววตาของมู่หว่านหรงเปลี่ยนไปเล็กน้อย รีบแสดงท่า
เซียวเฉินเหยี่ยนให้คนอุ้มเจียงหนิงกลับเข้าห้องทันที แววตาเย็นเหยียบกวาดมองเสิ่นหรูโจวพร้อมด้วยใบหน้าที่หมองหม่นเจียงหนิงพูดจาไม่รู้กาลเทศะย่อมมีความผิด แต่เสิ่นหรูโจวก็ใช้กำลังอย่างไม่รู้จักหนักเบา คนที่นางตีคือหลานสาวแท้ ๆ ของเขา ถือเป็นการไม่ให้เกียรติเขาโดยสิ้นเชิง!“ท่านอุปราช คนหมดสติไปแล้ว ไม่ควรลงโทษต่อ! หากเป็นอะไรไปจริง ๆ องค์หญิงใหญ่ถามเอาความผิดขึ้นมาคงยากที่จะตอบ”เป่ยซิวเยี่ยนลูบลู่หวายหนิง เขาไม่ตอบเซียวเฉินเหยี่ยนแต่เบือนหน้าไปด้านข้างเล็กน้อยและดวงตาของเขาที่เหมือนสระน้ำลึกในคืนที่หนาวเหน็บไร้ก้นบึ้งตกลงที่ใบหน้าของเสิ่นหรูโจวเงียบ ๆชุดยาวสีแดงทำให้คนดูมีเสน่ห์จับใจคน ใบหน้าละเอียดอ่อนและสวยงามราวกับเป็นภาพวาด แววตาเคลื่อนลงไปเห็นลำคอที่เนียนขาวและเรียวยาว ไหล่ที่ราวกับแกะสลักออกมากับเอวที่บางเฉียบหญิงสาวมีเสน่ห์และน่าหลงใหล แต่นางไม่ใช่คนอ่อนแอไม่มีกระดูก นางมีความเยือกเย็น เย่อหยิ่ง ดุร้ายและเฉียบคมเสิ่นหรูโจวเหมือนรู้สึกได้จึงหันหน้ามองไป นางตกไปอยู่ในสายตาของเป่ยซิวเยี่ยนเข้าโดยไม่ทันตั้งตัวรูปตาดุจหงส์คู่นั้นช่างงดงาม เป็นดวงตาที่เปี่ยมด้วยความรู้สึกโดย
ความเจ็บปวดอย่างรุนแรงจากก้นบึ้งของหัวใจแผ่กระจายออกไป เขาเจ็บถึงกระทั่งพูดไม่ออก สติกลับคืนมาทันใดและถอยหลังไปสองก้าวทุกคนเห็นสีหน้าที่ซีดเซียวของเขาแล้วอดไม่ได้ที่จะรู้สึกถึงความผิดปกติ มู่หว่านหรงยังยื่นมือให้เขาพร้อมส่งสายตาเป็นห่วง “ท่านอ๋อง เป็นอะไรไปหรือเจ้าคะ”เสิ่นหรูโจวรู้สึกเหมือนกันว่าเขาดูผิดปกติ ดูเหมือนไม่ค่อยสบาย แต่ก็ไม่ได้รู้สึกทุกข์ร้อนอะไรเมื่อชาติก่อน นางรักเขาดุจชีวิต เพียงไม่สบายเล็กน้อยนางก็เป็นห่วงอย่างควบคุมตัวเองไม่ได้ แม้จะบาดเจ็บเพียงเล็กน้อยก็ทำให้นางเจ็บปวดอย่างรุนแรงได้ตอนนี้นางเข้าใจแล้วว่าการเป็นห่วงผู้ชายมีแต่จะประสบความซวยที่ยิ่งใหญ่เซียวเฉินเหยี่ยนเม้มริมฝีปากอันบอบบางแน่น เขาปัดมือมู่หว่านหรงออก แววตาจับจ้องเสิ่นหรูโจวผู้มีชีวิตที่อยู่ตรงหน้าเขา เขาไม่สามารถสงบสติอารมณ์และเอาความกลัวในใจออกไปได้เลย“เจ้าจะไปจวนผู้สำเร็จราชการแทนจริง ๆ รึ”ใบหน้าที่สวยงามของเสิ่นหรูโจวไม่มีการเปลี่ยนแปลงใด ๆ แววตาเรียบนิ่ง “ดูเหมือนว่าสิ่งที่ข้าพูดไป ท่านเข้าใจดีแล้ว ถ้าเช่นนั้นก็ดี”เมื่อพูดเสร็จ นางกวาดสายตาเย็นชาให้กับมู่หว่านหรงแล้วหันหลังจากไปทันที
เสียงทุ้มต่ำของเซียวเฉินเหยี่ยนยังดังอยู่ข้างหู เสียงเรียกซูซูคำแล้วคำเล่า บังคับให้นางเรียกเขาว่าอาเหยี่ยน เมื่อนางเรียกออกไปเขาถึงยอมปล่อยนางนางไม่รู้สึกว่าชื่อเล่นนี้มีความรู้สึกแฝงอยู่ด้วย เซียวเฉินเหยี่ยนเห็นนางเป็นของเล่นชิ้นหนึ่งเท่านั้น กำไว้ในอุ้งมือเพื่อไม่ให้นางมีโอกาสหนีหากใช้คำพูดของเขามากล่าว เพราะนางเป็นคนทำลายบุพเพสันนิวาสของเขา ทำให้เขาต้องห่างกับมู่หว่านหรงหลายปี เขาต้องการลงโทษนาง ให้นางอยู่ในสายตา ไม่อนุญาตให้ไปไหน เขาสองคนจะพัวพันและทรมานซึ่งกันและกันตลอดไปเสิ่นหรูโจวถึงกระทั่งหน้าซีด ความหวาดกลัวที่เกิดขึ้นเมื่อตอนถูกขังในพระราชวังส่วนลึกหลายปีทะลักออกมาในวินาทีนั้นและนิ้วมือก็เย็นคิดไปเอง คิดไปเองแน่ ๆคงเป็นเพราะนางอยากหย่ามากจนเริ่มเสียสติเซียวเฉินเหยี่ยนในชาตินี้ยังไม่ได้ครองบัลลังก์และนางก็ไม่ใช่เสิ่นหรูโจวเหมือนชาติก่อนที่อยู่เคียงข้างเขา ช่วยเขาชิงตำแหน่งผู้สืบทอดและขึ้นครองราชย์และผ่านเรื่องเลวร้ายด้วยกันหลายปี เขายิ่งไม่ใช่เซียวเฉินเหยี่ยนเหมือนชาติที่แล้ว แต่ทำไมเขาถึงเรียกชื่อนั้นออกมาได้?นางฟังผิดแน่ ๆ ต้องใช่แน่เสิ่นหรูโจวตบหน้าตัวเอง น
นางสวมเสื้อปักเมฆครึ้มสีทอง ทรงผมมัดเป็นมวยยกสูง ปักประดับด้วยปิ่นระย้าทับทิมทองห้อยยาวถึงข้างหู เปล่งประกายแวววาวผิวพรรณที่ถูกบำรุงอย่างดีเนียนขาวนวลผ่อง มีเพียงรอยหยักเส้นเล็กหลายเส้นที่หางตาเผยร่องรอยของอายุออกมาเล็กน้อยบ่าวรับใช้ที่ยืนข้างหลังแกว่งพัดไปมาอย่างระมัดระวัง ภายในห้องเงียบสงบ มีเพียงเสียงกระทบของปิ่นปักผมแกว่งไปมาอย่างแผ่วเบาทันใดนั้น เสียงเท้ากระทบพื้นที่เร่งรีบก็ดังขึ้นจากข้างนอกและมาพร้อมกับเสียงร้องไห้ “ท่านแม่ ท่านแม่ ท่านต้องช่วยลูกตัดสินนะเจ้าคะ!”สตรีหญิงงามตื่นขึ้นจากเสียงตื่นตระหนกและขมวดคิ้วขึ้นอย่างไม่สบอารมณ์บ่าวรับใช้เห็นดังนั้นนางก็หยุดพัดและเดินออกไปตรวจสอบทันทีก่อนที่นางจะเดินออกจากห้อง จู่ ๆ ร่างสีม่วงก็พุ่งเข้ามาและทั้งสองคนก็ชนกันเจียหนิงใช้สองมือกุมหน้าไว้และเตะขาของสาวรับใช้หนึ่งที นางตำหนิอย่างโมโห: “นังบ่าวโง่! ไม่มีตารึไงเล่า!”บ่าวรับใช้กลั้นความเจ็บปวดเอาไว้แล้วคุกเข่าลงพื้นด้วยความหวาดกลัว: “บ่าวสมควรตาย ได้โปรดท่านหญิงให้อภัยบ่าวด้วย”“เสียงดังโหวกเหวกอะไรกัน!” เซียวจิ่นซีลืมตาขึ้นแล้วนวดขมับเจียหนิงค้อนตาใส่บ่าวรับใช้คนนั้น