เซียวเฉินเหยี่ยนให้คนอุ้มเจียงหนิงกลับเข้าห้องทันที แววตาเย็นเหยียบกวาดมองเสิ่นหรูโจวพร้อมด้วยใบหน้าที่หมองหม่นเจียงหนิงพูดจาไม่รู้กาลเทศะย่อมมีความผิด แต่เสิ่นหรูโจวก็ใช้กำลังอย่างไม่รู้จักหนักเบา คนที่นางตีคือหลานสาวแท้ ๆ ของเขา ถือเป็นการไม่ให้เกียรติเขาโดยสิ้นเชิง!“ท่านอุปราช คนหมดสติไปแล้ว ไม่ควรลงโทษต่อ! หากเป็นอะไรไปจริง ๆ องค์หญิงใหญ่ถามเอาความผิดขึ้นมาคงยากที่จะตอบ”เป่ยซิวเยี่ยนลูบลู่หวายหนิง เขาไม่ตอบเซียวเฉินเหยี่ยนแต่เบือนหน้าไปด้านข้างเล็กน้อยและดวงตาของเขาที่เหมือนสระน้ำลึกในคืนที่หนาวเหน็บไร้ก้นบึ้งตกลงที่ใบหน้าของเสิ่นหรูโจวเงียบ ๆชุดยาวสีแดงทำให้คนดูมีเสน่ห์จับใจคน ใบหน้าละเอียดอ่อนและสวยงามราวกับเป็นภาพวาด แววตาเคลื่อนลงไปเห็นลำคอที่เนียนขาวและเรียวยาว ไหล่ที่ราวกับแกะสลักออกมากับเอวที่บางเฉียบหญิงสาวมีเสน่ห์และน่าหลงใหล แต่นางไม่ใช่คนอ่อนแอไม่มีกระดูก นางมีความเยือกเย็น เย่อหยิ่ง ดุร้ายและเฉียบคมเสิ่นหรูโจวเหมือนรู้สึกได้จึงหันหน้ามองไป นางตกไปอยู่ในสายตาของเป่ยซิวเยี่ยนเข้าโดยไม่ทันตั้งตัวรูปตาดุจหงส์คู่นั้นช่างงดงาม เป็นดวงตาที่เปี่ยมด้วยความรู้สึกโดย
ความเจ็บปวดอย่างรุนแรงจากก้นบึ้งของหัวใจแผ่กระจายออกไป เขาเจ็บถึงกระทั่งพูดไม่ออก สติกลับคืนมาทันใดและถอยหลังไปสองก้าวทุกคนเห็นสีหน้าที่ซีดเซียวของเขาแล้วอดไม่ได้ที่จะรู้สึกถึงความผิดปกติ มู่หว่านหรงยังยื่นมือให้เขาพร้อมส่งสายตาเป็นห่วง “ท่านอ๋อง เป็นอะไรไปหรือเจ้าคะ”เสิ่นหรูโจวรู้สึกเหมือนกันว่าเขาดูผิดปกติ ดูเหมือนไม่ค่อยสบาย แต่ก็ไม่ได้รู้สึกทุกข์ร้อนอะไรเมื่อชาติก่อน นางรักเขาดุจชีวิต เพียงไม่สบายเล็กน้อยนางก็เป็นห่วงอย่างควบคุมตัวเองไม่ได้ แม้จะบาดเจ็บเพียงเล็กน้อยก็ทำให้นางเจ็บปวดอย่างรุนแรงได้ตอนนี้นางเข้าใจแล้วว่าการเป็นห่วงผู้ชายมีแต่จะประสบความซวยที่ยิ่งใหญ่เซียวเฉินเหยี่ยนเม้มริมฝีปากอันบอบบางแน่น เขาปัดมือมู่หว่านหรงออก แววตาจับจ้องเสิ่นหรูโจวผู้มีชีวิตที่อยู่ตรงหน้าเขา เขาไม่สามารถสงบสติอารมณ์และเอาความกลัวในใจออกไปได้เลย“เจ้าจะไปจวนผู้สำเร็จราชการแทนจริง ๆ รึ”ใบหน้าที่สวยงามของเสิ่นหรูโจวไม่มีการเปลี่ยนแปลงใด ๆ แววตาเรียบนิ่ง “ดูเหมือนว่าสิ่งที่ข้าพูดไป ท่านเข้าใจดีแล้ว ถ้าเช่นนั้นก็ดี”เมื่อพูดเสร็จ นางกวาดสายตาเย็นชาให้กับมู่หว่านหรงแล้วหันหลังจากไปทันที
เสียงทุ้มต่ำของเซียวเฉินเหยี่ยนยังดังอยู่ข้างหู เสียงเรียกซูซูคำแล้วคำเล่า บังคับให้นางเรียกเขาว่าอาเหยี่ยน เมื่อนางเรียกออกไปเขาถึงยอมปล่อยนางนางไม่รู้สึกว่าชื่อเล่นนี้มีความรู้สึกแฝงอยู่ด้วย เซียวเฉินเหยี่ยนเห็นนางเป็นของเล่นชิ้นหนึ่งเท่านั้น กำไว้ในอุ้งมือเพื่อไม่ให้นางมีโอกาสหนีหากใช้คำพูดของเขามากล่าว เพราะนางเป็นคนทำลายบุพเพสันนิวาสของเขา ทำให้เขาต้องห่างกับมู่หว่านหรงหลายปี เขาต้องการลงโทษนาง ให้นางอยู่ในสายตา ไม่อนุญาตให้ไปไหน เขาสองคนจะพัวพันและทรมานซึ่งกันและกันตลอดไปเสิ่นหรูโจวถึงกระทั่งหน้าซีด ความหวาดกลัวที่เกิดขึ้นเมื่อตอนถูกขังในพระราชวังส่วนลึกหลายปีทะลักออกมาในวินาทีนั้นและนิ้วมือก็เย็นคิดไปเอง คิดไปเองแน่ ๆคงเป็นเพราะนางอยากหย่ามากจนเริ่มเสียสติเซียวเฉินเหยี่ยนในชาตินี้ยังไม่ได้ครองบัลลังก์และนางก็ไม่ใช่เสิ่นหรูโจวเหมือนชาติก่อนที่อยู่เคียงข้างเขา ช่วยเขาชิงตำแหน่งผู้สืบทอดและขึ้นครองราชย์และผ่านเรื่องเลวร้ายด้วยกันหลายปี เขายิ่งไม่ใช่เซียวเฉินเหยี่ยนเหมือนชาติที่แล้ว แต่ทำไมเขาถึงเรียกชื่อนั้นออกมาได้?นางฟังผิดแน่ ๆ ต้องใช่แน่เสิ่นหรูโจวตบหน้าตัวเอง น
นางสวมเสื้อปักเมฆครึ้มสีทอง ทรงผมมัดเป็นมวยยกสูง ปักประดับด้วยปิ่นระย้าทับทิมทองห้อยยาวถึงข้างหู เปล่งประกายแวววาวผิวพรรณที่ถูกบำรุงอย่างดีเนียนขาวนวลผ่อง มีเพียงรอยหยักเส้นเล็กหลายเส้นที่หางตาเผยร่องรอยของอายุออกมาเล็กน้อยบ่าวรับใช้ที่ยืนข้างหลังแกว่งพัดไปมาอย่างระมัดระวัง ภายในห้องเงียบสงบ มีเพียงเสียงกระทบของปิ่นปักผมแกว่งไปมาอย่างแผ่วเบาทันใดนั้น เสียงเท้ากระทบพื้นที่เร่งรีบก็ดังขึ้นจากข้างนอกและมาพร้อมกับเสียงร้องไห้ “ท่านแม่ ท่านแม่ ท่านต้องช่วยลูกตัดสินนะเจ้าคะ!”สตรีหญิงงามตื่นขึ้นจากเสียงตื่นตระหนกและขมวดคิ้วขึ้นอย่างไม่สบอารมณ์บ่าวรับใช้เห็นดังนั้นนางก็หยุดพัดและเดินออกไปตรวจสอบทันทีก่อนที่นางจะเดินออกจากห้อง จู่ ๆ ร่างสีม่วงก็พุ่งเข้ามาและทั้งสองคนก็ชนกันเจียหนิงใช้สองมือกุมหน้าไว้และเตะขาของสาวรับใช้หนึ่งที นางตำหนิอย่างโมโห: “นังบ่าวโง่! ไม่มีตารึไงเล่า!”บ่าวรับใช้กลั้นความเจ็บปวดเอาไว้แล้วคุกเข่าลงพื้นด้วยความหวาดกลัว: “บ่าวสมควรตาย ได้โปรดท่านหญิงให้อภัยบ่าวด้วย”“เสียงดังโหวกเหวกอะไรกัน!” เซียวจิ่นซีลืมตาขึ้นแล้วนวดขมับเจียหนิงค้อนตาใส่บ่าวรับใช้คนนั้น
คำพูดเหล่านี้ปกปิดความจริงที่เจียหนิงไร้เหตุผลก่อนอย่างสิ้นเชิง ทุก ๆ คำพูดล้วนเต็มไปด้วยความไม่ยุติธรรมของนาง ยิ่งคำพูดเหล่านั้นตกมาถึงหูของเซียวจิ่นซีผู้เป็นแม่ ความคับแค้นก็ผุดขึ้นอีกครั้งแต่เซียวจิ่นซีไม่ใช่คนโง่ หลังจากฟังคำบอกเล่าของเจียหนิงแล้วก็พบประเด็นสำคัญทันที นางขมวดคิ้วคู่งามแล้วเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงเข้มงวด: “เจ้าล่วงเกินผู้สำเร็จราชการแทนรึ”เจียหนิงหยุดและสะอื้น นางมองเซียวจิ่นซีหนึ่งทีนางเป็นอันธพาลตัวน้อยที่เย่อหยิ่งจองหองเวลาอยู่ข้างนอก แต่เป็นเด็กหญิงตัวเล็ก ๆ ขี้อ้อนชอบเข้าหาแม่เวลาอยู่ที่เรือนเมื่อถูกแม่ตำหนิถามกลับ นางพลางเบะริมฝีปากและกระโจนเข้าหาอ้อมกอดของเซียวจิ่นซี“ข้าไม่ได้ตั้งใจ เพราะเสิ่นหรูโจวนั่นต่างหากที่เหิมเกริมมากไป ทำข้าโมโหลุกเป็นไฟ ตอนนั้นข้ากำลังโกรธมากก็เลยไม่ทันระวัง……”“เจ้านี่นะ!” เซียวจิ่นซีจับคอเสื้อของนางแล้วดึงนางขึ้นมา นิ้วมือชี้ไปที่หน้าผากโดยไม่ได้ใช้แรงที่เบาไปหรือหนักไป“ทำไมมีแต่ตัวแต่ไม่มีสมองเลยล่ะ! เจ้าคิดจะรังแกคนอื่น แต่ถูกคนอื่นจับได้ก่อนเลยถูกเอาคืน เจ้าถึงเสียเปรียบมากขนาดนี้ ใช่หรือไม่!”เจียหนิงรู้สึกน้อยใจมากขึ้
พูดถึงเรื่องนี้ เจียหนิงยิ่งรู้สึกโกรธ เสิ่นหรูโจวไม่มีเจตนาดีแน่ “จริงเจ้าค่ะ นางทำให้ท่านน้าโมโหไม่น้อย! ท่านแม่ต้องให้บทเรียนกับนางนะเจ้าคะ!”นัยน์ตาของเซียวจิ่นซีฉายแววเด็ดเดี่ยวและเย็นชา “บทเรียนย่อมต้องมอบให้นางแน่”เจียหนิงแทบอดทนรอไม่ไหวจีงรีบกล่าว: “ท่านแม่ ถ้าเช่นนั้นก็สั่งให้คนไปจับตัวนางกลับมาเลยสิเจ้าคะ!”“ไม่ต้องรีบร้อน” เซียวจิ่นซียกมือขึ้น “ตอนนี้เสิ่นหรูโจวอยู่ในจวนของผู้สำเร็จราชการแทน ไม่ง่ายต่อการลงมือ ให้ข้าคิดแผนที่รอบคอบก่อน”เจียหนิงทำหน้าผิดหวังเมื่อได้ยินเช่นนั้น “อยู่ที่จวนของผู้สำเร็จราชการแทนแล้วอย่างไรล่ะ หรือว่าท่านแม่ยังกลัวเป่ยซิวเยี่ยน?”ในใจของนาง ท่านแม่คือผู้หญิงที่มีเกียรติสูงสุดในใต้ฟ้า แม้แต่ฮองเฮาคนปัจจุบันก็ยังไม่อาจแย่งความเปล่งประกายของท่านแม่ไปได้ต้องรู้ไว้ว่า ก่อนที่ท่านแม่จะออกเรือน นางคือองค์หญิงใหญ่ที่ฮ่องเต้โปรดปรานมากที่สุดและได้รับพระฉายานามว่า “เจาหยาง”หลังจากนั้นท่านแม่ยอมแต่งงานเพื่อรักษาสันติภาพและไปอยู่เมืองอื่น เสียสละช่วงชีวิตในวัยสาวของตนเอง หลังจากแต่งงานได้ไม่นาน สามีก็เสียชีวิต ฮ่องเต้จึงรับนางกลับมาที่พระราชสำนัก
ชาติที่แล้ว ตอนที่พี่ชายเข้าพิธีจี๋ก้วน[footnoteRef:1] เขาแอบพานางออกไปเที่ยวเล่น ตอนนั้นเป็นช่วงที่ดอกสาลี่กำลังบาน [1: จี๋ก้วน คือ ชื่อเรียกพิธีหนึ่งในสมัยโบราณ เด็กชายจีนในสมัยโบราณ เมื่อมีอายุ20ปีจะมีพิธีสวมก้วน ซึ่งก้วน คือสิ่งที่ชนชั้นสูงใข้สวมครอบบนศีรษะ] นางนั่งอยู่ใต้ต้นสาลี่ พี่ชายถือดาบยาว กลีบดอกสาลี่ปลิวว่อนจากสายลมที่พัดโดยดาบ รูปร่างที่สูงใหญ่ของพี่ชายเคลื่อนไหวไปมาท่ามกลางดอกสาลี่ ทุกการเคลื่อนไหวเต็มไปด้วยจิตวิญญาณแห่งความอ่อนเยาว์เมื่อการรำดาบจบลง พี่ชายหันกลับมายิ้ม “เป็นอย่างไรบ้าง พี่ชายเจ้าเก่งหรือไม่”นางยกนิ้วโป้งขึ้นและแสดงสีหน้ายกย่อง“พี่ชายของเสิ่นหรูโจว เก่งอยู่แล้ว”พี่ชายลูบศีรษะและกล่าวชัดถ้อยชัดคำ: “จากนี้ไปมีพี่อยู่ด้วย ไม่มีใครกล้ารังแกเจ้าอีก”ตอนนั้นนางรู้สึกดีใจ รบเร้าให้พี่ชายคอยปกป้อง แต่พอโตขึ้นนางกลับตัดขาดความสัมพันธ์อย่างไม่เห็นใจกับพี่ชายที่ตามใจนางที่สุดเพื่อผู้ชายคนหนึ่งหลังจากนั้น นางได้รับแค่ข่าวคราวการเสียชีวิตพร้อมกันในสงครามของท่านพ่อกับพี่ชายเท่านั้น แม้กระทั่งการพบหน้าครั้งสุดท้ายกับพวกเขา ก็ไม่มีโอกาส……ตั้งแต่นั้นเป็น
ในเวลาเดียวกัน ฉินหมิงก็เดินเข้ามา“พระชายาขอรับ ที่พักของท่านเรียบร้อยแล้ว ตามข้ามาได้เลยขอรับ”เสิ่นหรูโจวไม่ได้ตอบตกลงทันทีแต่กล่าวว่า: “ข้าอยากอยู่ใกล้กับฉินอวี่สักหน่อย ห้องข้าง ๆ ดีที่สุด ข้าจะได้ดูแลเขาได้สะดวกขึ้น”นางรู้ว่าเป่ยซิวเยี่ยนมีตำแหน่งสูงส่งและมีฝีมือที่โหดเหี้ยม เลือดเย็นไร้ความเห็นใจ ชาตินี้ก็ไม่อยากมีปฏิสัมพันธ์กับเขา ก็เหมือนกับชาติที่แล้วแต่ชาตินี้ ลู่หวายหนิงกลับถูกนางช่วยเอาไว้ ตอนนี้ยังเกี่ยวพันถึงเรื่องของฉินอวี่อีก ความสัมพันธ์นี้คงตัดไม่ขาดแล้วล่ะในเมื่อมาเเล้วก็จงอยู่อย่างมีความสุข เมื่อเข้าไปเกี่ยวพันโดยไม่ทันระวัง ถ้าเช่นนั้นนางก็จะทะนุถนอมชะตากรรมนี้เองเป่ยซิวเยี่ยนเป็นใคร! มีคนมากมายเกรงกลัวเขา อยากประจบประแจงเขา แม้แต่เซียวเฉินเหยี่ยนที่มีความทะเยอทะยานเช่นนั้นยังต้องการผูกสัมพันธ์กับอำนาจของเขา คนที่มีสายสัมพันธ์กับผู้คนแข็งแกร่งเพียงนี้ จะไม่ใช้เลยก็คงเสียเปล่าถ้าอยากสร้างความสัมพันธ์ที่ดีกับเป่ยซิวเยี่ยน สิ่งสำคัญในตอนนี้ก็คือรักษาฉินอวี่ให้หายนางต้องเฝ้าและช่วยฉินอวี่ผ่านพ้นครั้งนี้ไปให้ได้ ไม่เช่นนั้นจะไม่มีโอกาสหลังจากนี้อีก ไม่แน่