ชาติที่แล้ว ตอนที่พี่ชายเข้าพิธีจี๋ก้วน[footnoteRef:1] เขาแอบพานางออกไปเที่ยวเล่น ตอนนั้นเป็นช่วงที่ดอกสาลี่กำลังบาน [1: จี๋ก้วน คือ ชื่อเรียกพิธีหนึ่งในสมัยโบราณ เด็กชายจีนในสมัยโบราณ เมื่อมีอายุ20ปีจะมีพิธีสวมก้วน ซึ่งก้วน คือสิ่งที่ชนชั้นสูงใข้สวมครอบบนศีรษะ] นางนั่งอยู่ใต้ต้นสาลี่ พี่ชายถือดาบยาว กลีบดอกสาลี่ปลิวว่อนจากสายลมที่พัดโดยดาบ รูปร่างที่สูงใหญ่ของพี่ชายเคลื่อนไหวไปมาท่ามกลางดอกสาลี่ ทุกการเคลื่อนไหวเต็มไปด้วยจิตวิญญาณแห่งความอ่อนเยาว์เมื่อการรำดาบจบลง พี่ชายหันกลับมายิ้ม “เป็นอย่างไรบ้าง พี่ชายเจ้าเก่งหรือไม่”นางยกนิ้วโป้งขึ้นและแสดงสีหน้ายกย่อง“พี่ชายของเสิ่นหรูโจว เก่งอยู่แล้ว”พี่ชายลูบศีรษะและกล่าวชัดถ้อยชัดคำ: “จากนี้ไปมีพี่อยู่ด้วย ไม่มีใครกล้ารังแกเจ้าอีก”ตอนนั้นนางรู้สึกดีใจ รบเร้าให้พี่ชายคอยปกป้อง แต่พอโตขึ้นนางกลับตัดขาดความสัมพันธ์อย่างไม่เห็นใจกับพี่ชายที่ตามใจนางที่สุดเพื่อผู้ชายคนหนึ่งหลังจากนั้น นางได้รับแค่ข่าวคราวการเสียชีวิตพร้อมกันในสงครามของท่านพ่อกับพี่ชายเท่านั้น แม้กระทั่งการพบหน้าครั้งสุดท้ายกับพวกเขา ก็ไม่มีโอกาส……ตั้งแต่นั้นเป็น
ในเวลาเดียวกัน ฉินหมิงก็เดินเข้ามา“พระชายาขอรับ ที่พักของท่านเรียบร้อยแล้ว ตามข้ามาได้เลยขอรับ”เสิ่นหรูโจวไม่ได้ตอบตกลงทันทีแต่กล่าวว่า: “ข้าอยากอยู่ใกล้กับฉินอวี่สักหน่อย ห้องข้าง ๆ ดีที่สุด ข้าจะได้ดูแลเขาได้สะดวกขึ้น”นางรู้ว่าเป่ยซิวเยี่ยนมีตำแหน่งสูงส่งและมีฝีมือที่โหดเหี้ยม เลือดเย็นไร้ความเห็นใจ ชาตินี้ก็ไม่อยากมีปฏิสัมพันธ์กับเขา ก็เหมือนกับชาติที่แล้วแต่ชาตินี้ ลู่หวายหนิงกลับถูกนางช่วยเอาไว้ ตอนนี้ยังเกี่ยวพันถึงเรื่องของฉินอวี่อีก ความสัมพันธ์นี้คงตัดไม่ขาดแล้วล่ะในเมื่อมาเเล้วก็จงอยู่อย่างมีความสุข เมื่อเข้าไปเกี่ยวพันโดยไม่ทันระวัง ถ้าเช่นนั้นนางก็จะทะนุถนอมชะตากรรมนี้เองเป่ยซิวเยี่ยนเป็นใคร! มีคนมากมายเกรงกลัวเขา อยากประจบประแจงเขา แม้แต่เซียวเฉินเหยี่ยนที่มีความทะเยอทะยานเช่นนั้นยังต้องการผูกสัมพันธ์กับอำนาจของเขา คนที่มีสายสัมพันธ์กับผู้คนแข็งแกร่งเพียงนี้ จะไม่ใช้เลยก็คงเสียเปล่าถ้าอยากสร้างความสัมพันธ์ที่ดีกับเป่ยซิวเยี่ยน สิ่งสำคัญในตอนนี้ก็คือรักษาฉินอวี่ให้หายนางต้องเฝ้าและช่วยฉินอวี่ผ่านพ้นครั้งนี้ไปให้ได้ ไม่เช่นนั้นจะไม่มีโอกาสหลังจากนี้อีก ไม่แน่
เสิ่นหรูโจวขมวดคิ้ว ความเย็นเยือกแวบผ่านดวงตารูปหงส์ของนาง“ตอนนั้นข้า ฉินอวี่และมู่หว่านหรงกับสาวรับใช้อยู่ในเหตุการณ์ทุกคน พอมีคนร้ายบุกเข้ามา ข้ากับฉินอวี่ก็แยกจากกัน มู่หว่านหรงหลบอยู่ข้างหลังของฉินอวี่ส่วนสาวรับใช้ของนางไม่รู้ว่าหายไปไหน”“หลังจากที่ข้าจัดการคนร้ายพวกนั้นเสร็จ ข้าก็เห็นฉินอวี่นอนราบกับพื้น มู่หว่านหรงกับสาวรับใช้ของนางตื่นตกใจมากไม่รู้จะทำอย่างไร ข้าเลยบอกให้พวกนางไปเรียกคนมาช่วย”“แต่พอเซียวเฉินเหยี่ยนมาถึง มู่หว่านหรงกับสาวรับใช้ของนางก็บอกว่าข้าเป็นคนผลักฉินอวี่ ท่านหญิงเจียหนิงได้ฟังดังนั้นก็มาซักถามความผิดกับข้า ขัดขวางไม่ให้ข้าช่วยคน หลังจากนั้นเจ้ากับอาจารย์ของเจ้าก็มาถึง”“เจ้ารู้เรื่องราวหลังจากนั้นแล้ว ตอนนี้ข้าอยู่บนยอดเขาที่มีความเสี่ยง มีเพียงฉินอวี่ฟื้นขึ้นมาถึงจะยืนยันความบริสุทธิ์ของข้าได้ สาเหตุที่ให้พาฉินอวี่มารักษาในจวนผู้สำเร็จราชการแทน ก็เพราะกลัวว่ามู่หว่านหรงจะลอบลงมืออย่างโหดเหี้ยม ถึงตอนนั้นหากฉินอวี่เป็นอะไรขึ้นมา ข้าคงไม่สามารถชำละการเป็นผู้ต้องสงสัยได้แล้วจริง ๆ”ลู่หวายหนิงมองเสิ่นหรูโจว “เพราะเหตุนี้ พี่สาวถึงมาดูแลฉินอวี่ที่จวนด
“ทุกคนรู้ว่าผู้สำเร็จราชการแทนเป็นคนเด็ดขาด ใคร ๆ ก็หวาดกลัว แม้จะมองว่าเขาเป็นปีศาจที่ทรงพลังและหยิ่งผยอง แต่ก็อยากผูกสัมพันธ์กับอิทธิพลของเขา แต่พวกเขาไม่รู้ว่าอาจารย์ต้องผ่านความยากลำบากมามากมายขนาดไหนเพื่อที่จะมาถึงจุดนี้”“ตำแหน่งและอำนาจของเขา ล้วนได้จากเนินเขาที่ก่อขึ้นจากเถ้ากะโหลกของศัตรู ที่เขาเผชิญกับความเป็นและความตายในสนามรบเป็นเวลาหลายปี ราษฎรสามารถมีชีวิตที่มั่นคงได้ในปัจจุบันก็ล้วนเป็นการช่วงชิงมาจากใต้คมดาบของศัตรู!”“อาจารย์ของข้าทุ่มเทเพื่อปกป้องดินแดน ในฐานะลูกศิษย์ของเขา ข้าไม่คาดหวังที่จะบรรลุความสำเร็จเช่นเขา แต่ข้าก็ไม่อยากเป็นคนธรรมดา ๆ ที่ไม่ทำอะไร ข้าแค่อยากเดินตามเส้นทางของเขาและทำอะไรบางอย่างเพื่อบ้านเมืองของข้าบ้าง”“ข้าอยากเป็นเหมือนอาจารย์ที่คอยช่วยเหลือผู้คนให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ ให้ผู้คนจำนวนนับไม่ถ้วนที่เป็นเหมือนข้าสามารถมีชีวิตที่ดีได้”น้ำเสียงของลู่หวายหนิงสุขุมและนิ่ง แววตาเปล่งประกายและมีปณิธานของคนหนุ่มแฝงอยู่เสิ่นหรูโจวมองใบหน้าเล็กของเขา ภายในใจรู้สึกตื้นตันและประหลาดใจนางไม่ได้ประหลาดที่ลู่หวายหนิงเป็นเด็กถูกทอดทิ้ง แต่ประหลาดใจ
ถือว่าเป็นทางลัดทางหนึ่งไม่ใช่หรือ!แม้ว่านางกับเซียวเฉินเหยี่ยนตกลงว่าจะหย่าหลังจากนี้สามเดือน แต่ดูจากสถานการณ์ในตอนนี้ เกรงว่ายังไม่ทันถึงหนึ่งเดือนคงต้องเป็นบ้าไปก่อนแน่ชาติที่แล้วจนกระทั่งตายก็อยากหย่ากับเขา แต่พอตายแล้วก็ยังเป็นฮองเฮาของเซียวเฉินเหยี่ยน ชาตินี้นางอยากหย่าจนแทบเสียสติ ตอนที่เดินออกจากจวนอ๋องอู่เฉิง นางถึงกระทั่งได้ยินเซียวเฉินเหยี่ยนเรียกนางว่า “ซูซู” !ตอนนี้เพียงนึกถึงก็รู้สึกขนลุกไปทั้งตัว เรื่องหย่านี้ยิ่งเร็วยิ่งดีนางจะรักษาเป่ยซิวเยี่ยนให้หายและให้เขาช่วยนางจัดการเรื่องหย่า!เสิ่นหรูโจวมองลู่หวายหนิง “อาการป่วยของอาจารย์เจ้า ข้าจะพิจารณาในการลองรักษาเขาดูนะ”ลู่หวายหนิงได้ยินพลันนั่งตัวตรง น้ำเสียงเต็มไปด้วยความดีใจ: “ดีมากขอรับ พี่สาวเก่งถึงเพียงนี้ บางทีอาการป่วยของอาจารย์อาจรักษาให้หายได้จริง ๆ”ชาติที่แล้วนางได้ยินว่าเป่ยซิวเยี่ยนป่วยเป็นโรคประหลาด หาหมอที่เก่งกาจมากมาย ใช้ยาหายากนับไม่ถ้วนก็ยังไม่สามารถรักษาเขาได้นางชักสงสัยแล้วจริง ๆ โรคอะไรถึงรักษายากเช่นนี้เมื่อพูดถึงสิ่งนี้ ลู่หวายหนิงก็ทำท่าอ้ำอึ้งและน้ำเสียงดูลังเล“ถ้าอาจารย์หลุดพ้น
เมื่อเห็นว่าเขาคิดเพื่อนางอย่างรอบคอบ หัวใจของเสิ่นหรูโจวก็อุ่นขึ้นและมีรอยยิ้มจาง ๆ ปรากฏขึ้นบนริมฝีปากของนางในความเป็นจริงนางรู้ดีว่ าแม้ว่าเป่ยซิวเหยี่ยนได้รับสมญานามว่าฆ่าอย่างไร้ความปราณี แต่เขาไม่ใช่ผู้ทรยศที่ใช้อำนาจและกระทำความชั่วโดยไม่สนใจชีวิตมนุษย์เป่ยซิวเหยี่ยนมีชื่อเสียงตั้งแต่ยังเป็นเด็ก เป็นผู้นำนำทัพกองทหารไปพิชิตดินแดนที่เสียไปตั้งแต่อายุสิบกว่า ยึดเมืองทั้งหกเมืองที่อยู่ภายใต้การปกครองของชาวเซี่ยอย่างต่อเนื่อง และทำการขับไล่ชาวเซี่ยออกจากแผ่นดินนั้นไปโดยสิ้นเชิงเขาเป็นวีรบุรุษนักฆ่าในสนามรบ สามารถเอาชนะสามกองทัพได้ด้วยความโกรธเคือง แต่นี่ไม่ได้หมายความว่าเขาเป็นปีศาจฆ่าคนที่โหดเหี้ยมเขาแย่งดินแดนที่สูญเสียไปมากมายกลับคืนมา แต่นางไม่เคยได้ยินมาก่อนว่าเขาทำร้ายพลเมืองหรือผู้บริสุทธิ์ในต่างแดนทั้งในชาติที่แล้วและชาตินี้ท่านพ่อพูดคุยเกี่ยวกับสงครามเป็นครั้งคราวและเคยยกย่องเป่ยซิวเยี่ยน ทั้งชื่นชมและยกย่องคนหนุ่มที่โดดเด่นคนนี้และวันนี้ เมื่อนางได้ยินลู่หวายหนิงพูดว่าเป่ยซิวเยี่ยนมีความทะเยอทะยานที่ยิ่งใหญ่และเป็นห่วงบ้านเมือง นางก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกชื่นชมเขา
ลู่หวายหนิงวางถุงหอมไว้ข้างหน้าเป่ยซิวเยี่ยนและกล่าวยกย่องเสิ่นหรูโจวด้วยรอยยิ้มเต็มใบหน้า“ท่านอาจารย์ นี่เป็นครั้งแรกที่ข้ารู้ว่าดอกไม้สามารถใช้เป็นยารักษาอาการเจ็บป่วยของคนได้ พี่คนสวยทั้งใจดีและมีน้ำใจจริง ๆ ท่านอาจารย์ลองแขวนไว้เวลาเข้านอนตอนกลางคืนแล้วมาดูผลกันดีหรือไม่ขอรับ”องครักษ์ฉินหมิงที่อยู่ข้าง ๆ ขมวดคิ้วสงสัยก้อนสีเงินอันนั้น “นายน้อย สิ่งนี้ปลอดภัยหรือไม่ หรือเอาไปให้หมอหลวงดูก่อนดีไหมขอรับ”เมื่อได้ยินสิ่งนี้ ลู่หวายหนิงจ้องเขาด้วยความโกรธ "ข้าเห็นพี่คนสวยทำสิ่งนี้ด้วยตาของข้าเอง ข้าเก็บดอกไม้ด้วยตัวเอง มีอะไรให้กังวลอีก"ฉินหมิงปิดปากช้า ๆใบหน้าหล่อเหลาของเป่ยซิวเยี่ยนปกคลุมไปด้วยความเย็นชา เขาหยิบถุงหอมอันประณีตขึ้นมาบีบเบา ๆ แล้ววางมันไว้ใต้จมูก กลิ่นหอมสดชื่นลอยเข้ามา คิดไม่ถึงเลยว่าเขาสัมผัสได้ถึงความสบาย “เป็นอย่างไรบ้างขอรับอาจารย์ ได้ผลไหมหรือไม่” ลู่หวายหนิงถามพร้อมยิ้มให้ เขามั่นใจในฝืมือของพี่คนสวยมากท่านอาจารย์ต้องชอบแน่ ๆเป่ยซิวเยี่ยนไม่ได้พูดอะไร แต่จ้องถุงหอมในมือ นัยน์ตาที่มืดมิดและลุ่มลึกมีความเยือกเย็นที่ซ่อนอยู่ข้างใน เขาโยนถุงหอมในมื
นางหยิบเข็มเงินออกมาแล้วฝังที่จุดหลิงซวี[footnoteRef:1] ของฉินอวี่และทำให้เขาสงบลงทันที [1: จุดหลิงซวี คือชื่อจุดฝังเข็มที่ภายในสัมพันธ์กับหัวใจ ภายนอกอยู่บนเนินกล้ามเนื้อ ที่รักษาโรคระบบหายใจ ระบบย่อยอาหารและอาการปวดหน้าอกเป็นต้น] หลังจากที่ฉินอวี่หลับไปแล้ว เสิ่นหรูโจวก็หยิบยาออกจากกล่องยา เมื่อต้มยาเสร็จนางก็ป้อนให้ฉินอวี่ดื่มนางเพิ่งเก็บของเสร็จ ฉินหมิงก็เข้ามาและทักทาย แต่กลับเต็มไปด้วยความเย็นชาอย่างยิ่ง “พระชายาขอรับ นายท่านของข้าต้องการพบท่านขอรับ”ดวงตาของเสิ่นหรูโจวเปล่งประกาย "ข้าทราบแล้ว"เพียงครู่เดียว ฉินหมิงก็พาเสิ่นหรูโจวมาถึงห้องหนังสือแล้วออกไปเสิ่นหรูโจวก้าวเข้ามาถึงห้องก็ได้กลิ่นหอมจาง ๆ ของพลัมทันที ดวงตาของนางสั่นไหวเล็กน้อยจากนั้นนางได้ยินความเคลื่อนไหวซึ่งดูเหมือนเป็นเสียงการพลิกหนังสือ นางจึงเดินตามเสียงนั้นไปถึงห้องทางทิศตะวันออกและยกมือขึ้นเปิดม่านลูกปัดช้า ๆ นางเห็นชายผู้ไม่เป็นสองรองใคร นั่งตัวตรงอยู่หน้าโต๊ะและกำลังพลิกหนังสือหน้าต่างที่อยู่ถัดจากโต๊ะเปิดอยู่ครึ่งหนึ่ง มีแสงแดดอ่อน ๆ ส่องเข้ามาสะท้อนบนร่างกายของเขา ผมสีเงินสยายออกและพาดไว้