นางสวมเสื้อปักเมฆครึ้มสีทอง ทรงผมมัดเป็นมวยยกสูง ปักประดับด้วยปิ่นระย้าทับทิมทองห้อยยาวถึงข้างหู เปล่งประกายแวววาวผิวพรรณที่ถูกบำรุงอย่างดีเนียนขาวนวลผ่อง มีเพียงรอยหยักเส้นเล็กหลายเส้นที่หางตาเผยร่องรอยของอายุออกมาเล็กน้อยบ่าวรับใช้ที่ยืนข้างหลังแกว่งพัดไปมาอย่างระมัดระวัง ภายในห้องเงียบสงบ มีเพียงเสียงกระทบของปิ่นปักผมแกว่งไปมาอย่างแผ่วเบาทันใดนั้น เสียงเท้ากระทบพื้นที่เร่งรีบก็ดังขึ้นจากข้างนอกและมาพร้อมกับเสียงร้องไห้ “ท่านแม่ ท่านแม่ ท่านต้องช่วยลูกตัดสินนะเจ้าคะ!”สตรีหญิงงามตื่นขึ้นจากเสียงตื่นตระหนกและขมวดคิ้วขึ้นอย่างไม่สบอารมณ์บ่าวรับใช้เห็นดังนั้นนางก็หยุดพัดและเดินออกไปตรวจสอบทันทีก่อนที่นางจะเดินออกจากห้อง จู่ ๆ ร่างสีม่วงก็พุ่งเข้ามาและทั้งสองคนก็ชนกันเจียหนิงใช้สองมือกุมหน้าไว้และเตะขาของสาวรับใช้หนึ่งที นางตำหนิอย่างโมโห: “นังบ่าวโง่! ไม่มีตารึไงเล่า!”บ่าวรับใช้กลั้นความเจ็บปวดเอาไว้แล้วคุกเข่าลงพื้นด้วยความหวาดกลัว: “บ่าวสมควรตาย ได้โปรดท่านหญิงให้อภัยบ่าวด้วย”“เสียงดังโหวกเหวกอะไรกัน!” เซียวจิ่นซีลืมตาขึ้นแล้วนวดขมับเจียหนิงค้อนตาใส่บ่าวรับใช้คนนั้น
คำพูดเหล่านี้ปกปิดความจริงที่เจียหนิงไร้เหตุผลก่อนอย่างสิ้นเชิง ทุก ๆ คำพูดล้วนเต็มไปด้วยความไม่ยุติธรรมของนาง ยิ่งคำพูดเหล่านั้นตกมาถึงหูของเซียวจิ่นซีผู้เป็นแม่ ความคับแค้นก็ผุดขึ้นอีกครั้งแต่เซียวจิ่นซีไม่ใช่คนโง่ หลังจากฟังคำบอกเล่าของเจียหนิงแล้วก็พบประเด็นสำคัญทันที นางขมวดคิ้วคู่งามแล้วเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงเข้มงวด: “เจ้าล่วงเกินผู้สำเร็จราชการแทนรึ”เจียหนิงหยุดและสะอื้น นางมองเซียวจิ่นซีหนึ่งทีนางเป็นอันธพาลตัวน้อยที่เย่อหยิ่งจองหองเวลาอยู่ข้างนอก แต่เป็นเด็กหญิงตัวเล็ก ๆ ขี้อ้อนชอบเข้าหาแม่เวลาอยู่ที่เรือนเมื่อถูกแม่ตำหนิถามกลับ นางพลางเบะริมฝีปากและกระโจนเข้าหาอ้อมกอดของเซียวจิ่นซี“ข้าไม่ได้ตั้งใจ เพราะเสิ่นหรูโจวนั่นต่างหากที่เหิมเกริมมากไป ทำข้าโมโหลุกเป็นไฟ ตอนนั้นข้ากำลังโกรธมากก็เลยไม่ทันระวัง……”“เจ้านี่นะ!” เซียวจิ่นซีจับคอเสื้อของนางแล้วดึงนางขึ้นมา นิ้วมือชี้ไปที่หน้าผากโดยไม่ได้ใช้แรงที่เบาไปหรือหนักไป“ทำไมมีแต่ตัวแต่ไม่มีสมองเลยล่ะ! เจ้าคิดจะรังแกคนอื่น แต่ถูกคนอื่นจับได้ก่อนเลยถูกเอาคืน เจ้าถึงเสียเปรียบมากขนาดนี้ ใช่หรือไม่!”เจียหนิงรู้สึกน้อยใจมากขึ้
พูดถึงเรื่องนี้ เจียหนิงยิ่งรู้สึกโกรธ เสิ่นหรูโจวไม่มีเจตนาดีแน่ “จริงเจ้าค่ะ นางทำให้ท่านน้าโมโหไม่น้อย! ท่านแม่ต้องให้บทเรียนกับนางนะเจ้าคะ!”นัยน์ตาของเซียวจิ่นซีฉายแววเด็ดเดี่ยวและเย็นชา “บทเรียนย่อมต้องมอบให้นางแน่”เจียหนิงแทบอดทนรอไม่ไหวจีงรีบกล่าว: “ท่านแม่ ถ้าเช่นนั้นก็สั่งให้คนไปจับตัวนางกลับมาเลยสิเจ้าคะ!”“ไม่ต้องรีบร้อน” เซียวจิ่นซียกมือขึ้น “ตอนนี้เสิ่นหรูโจวอยู่ในจวนของผู้สำเร็จราชการแทน ไม่ง่ายต่อการลงมือ ให้ข้าคิดแผนที่รอบคอบก่อน”เจียหนิงทำหน้าผิดหวังเมื่อได้ยินเช่นนั้น “อยู่ที่จวนของผู้สำเร็จราชการแทนแล้วอย่างไรล่ะ หรือว่าท่านแม่ยังกลัวเป่ยซิวเยี่ยน?”ในใจของนาง ท่านแม่คือผู้หญิงที่มีเกียรติสูงสุดในใต้ฟ้า แม้แต่ฮองเฮาคนปัจจุบันก็ยังไม่อาจแย่งความเปล่งประกายของท่านแม่ไปได้ต้องรู้ไว้ว่า ก่อนที่ท่านแม่จะออกเรือน นางคือองค์หญิงใหญ่ที่ฮ่องเต้โปรดปรานมากที่สุดและได้รับพระฉายานามว่า “เจาหยาง”หลังจากนั้นท่านแม่ยอมแต่งงานเพื่อรักษาสันติภาพและไปอยู่เมืองอื่น เสียสละช่วงชีวิตในวัยสาวของตนเอง หลังจากแต่งงานได้ไม่นาน สามีก็เสียชีวิต ฮ่องเต้จึงรับนางกลับมาที่พระราชสำนัก
ชาติที่แล้ว ตอนที่พี่ชายเข้าพิธีจี๋ก้วน[footnoteRef:1] เขาแอบพานางออกไปเที่ยวเล่น ตอนนั้นเป็นช่วงที่ดอกสาลี่กำลังบาน [1: จี๋ก้วน คือ ชื่อเรียกพิธีหนึ่งในสมัยโบราณ เด็กชายจีนในสมัยโบราณ เมื่อมีอายุ20ปีจะมีพิธีสวมก้วน ซึ่งก้วน คือสิ่งที่ชนชั้นสูงใข้สวมครอบบนศีรษะ] นางนั่งอยู่ใต้ต้นสาลี่ พี่ชายถือดาบยาว กลีบดอกสาลี่ปลิวว่อนจากสายลมที่พัดโดยดาบ รูปร่างที่สูงใหญ่ของพี่ชายเคลื่อนไหวไปมาท่ามกลางดอกสาลี่ ทุกการเคลื่อนไหวเต็มไปด้วยจิตวิญญาณแห่งความอ่อนเยาว์เมื่อการรำดาบจบลง พี่ชายหันกลับมายิ้ม “เป็นอย่างไรบ้าง พี่ชายเจ้าเก่งหรือไม่”นางยกนิ้วโป้งขึ้นและแสดงสีหน้ายกย่อง“พี่ชายของเสิ่นหรูโจว เก่งอยู่แล้ว”พี่ชายลูบศีรษะและกล่าวชัดถ้อยชัดคำ: “จากนี้ไปมีพี่อยู่ด้วย ไม่มีใครกล้ารังแกเจ้าอีก”ตอนนั้นนางรู้สึกดีใจ รบเร้าให้พี่ชายคอยปกป้อง แต่พอโตขึ้นนางกลับตัดขาดความสัมพันธ์อย่างไม่เห็นใจกับพี่ชายที่ตามใจนางที่สุดเพื่อผู้ชายคนหนึ่งหลังจากนั้น นางได้รับแค่ข่าวคราวการเสียชีวิตพร้อมกันในสงครามของท่านพ่อกับพี่ชายเท่านั้น แม้กระทั่งการพบหน้าครั้งสุดท้ายกับพวกเขา ก็ไม่มีโอกาส……ตั้งแต่นั้นเป็น
ในเวลาเดียวกัน ฉินหมิงก็เดินเข้ามา“พระชายาขอรับ ที่พักของท่านเรียบร้อยแล้ว ตามข้ามาได้เลยขอรับ”เสิ่นหรูโจวไม่ได้ตอบตกลงทันทีแต่กล่าวว่า: “ข้าอยากอยู่ใกล้กับฉินอวี่สักหน่อย ห้องข้าง ๆ ดีที่สุด ข้าจะได้ดูแลเขาได้สะดวกขึ้น”นางรู้ว่าเป่ยซิวเยี่ยนมีตำแหน่งสูงส่งและมีฝีมือที่โหดเหี้ยม เลือดเย็นไร้ความเห็นใจ ชาตินี้ก็ไม่อยากมีปฏิสัมพันธ์กับเขา ก็เหมือนกับชาติที่แล้วแต่ชาตินี้ ลู่หวายหนิงกลับถูกนางช่วยเอาไว้ ตอนนี้ยังเกี่ยวพันถึงเรื่องของฉินอวี่อีก ความสัมพันธ์นี้คงตัดไม่ขาดแล้วล่ะในเมื่อมาเเล้วก็จงอยู่อย่างมีความสุข เมื่อเข้าไปเกี่ยวพันโดยไม่ทันระวัง ถ้าเช่นนั้นนางก็จะทะนุถนอมชะตากรรมนี้เองเป่ยซิวเยี่ยนเป็นใคร! มีคนมากมายเกรงกลัวเขา อยากประจบประแจงเขา แม้แต่เซียวเฉินเหยี่ยนที่มีความทะเยอทะยานเช่นนั้นยังต้องการผูกสัมพันธ์กับอำนาจของเขา คนที่มีสายสัมพันธ์กับผู้คนแข็งแกร่งเพียงนี้ จะไม่ใช้เลยก็คงเสียเปล่าถ้าอยากสร้างความสัมพันธ์ที่ดีกับเป่ยซิวเยี่ยน สิ่งสำคัญในตอนนี้ก็คือรักษาฉินอวี่ให้หายนางต้องเฝ้าและช่วยฉินอวี่ผ่านพ้นครั้งนี้ไปให้ได้ ไม่เช่นนั้นจะไม่มีโอกาสหลังจากนี้อีก ไม่แน่
เสิ่นหรูโจวขมวดคิ้ว ความเย็นเยือกแวบผ่านดวงตารูปหงส์ของนาง“ตอนนั้นข้า ฉินอวี่และมู่หว่านหรงกับสาวรับใช้อยู่ในเหตุการณ์ทุกคน พอมีคนร้ายบุกเข้ามา ข้ากับฉินอวี่ก็แยกจากกัน มู่หว่านหรงหลบอยู่ข้างหลังของฉินอวี่ส่วนสาวรับใช้ของนางไม่รู้ว่าหายไปไหน”“หลังจากที่ข้าจัดการคนร้ายพวกนั้นเสร็จ ข้าก็เห็นฉินอวี่นอนราบกับพื้น มู่หว่านหรงกับสาวรับใช้ของนางตื่นตกใจมากไม่รู้จะทำอย่างไร ข้าเลยบอกให้พวกนางไปเรียกคนมาช่วย”“แต่พอเซียวเฉินเหยี่ยนมาถึง มู่หว่านหรงกับสาวรับใช้ของนางก็บอกว่าข้าเป็นคนผลักฉินอวี่ ท่านหญิงเจียหนิงได้ฟังดังนั้นก็มาซักถามความผิดกับข้า ขัดขวางไม่ให้ข้าช่วยคน หลังจากนั้นเจ้ากับอาจารย์ของเจ้าก็มาถึง”“เจ้ารู้เรื่องราวหลังจากนั้นแล้ว ตอนนี้ข้าอยู่บนยอดเขาที่มีความเสี่ยง มีเพียงฉินอวี่ฟื้นขึ้นมาถึงจะยืนยันความบริสุทธิ์ของข้าได้ สาเหตุที่ให้พาฉินอวี่มารักษาในจวนผู้สำเร็จราชการแทน ก็เพราะกลัวว่ามู่หว่านหรงจะลอบลงมืออย่างโหดเหี้ยม ถึงตอนนั้นหากฉินอวี่เป็นอะไรขึ้นมา ข้าคงไม่สามารถชำละการเป็นผู้ต้องสงสัยได้แล้วจริง ๆ”ลู่หวายหนิงมองเสิ่นหรูโจว “เพราะเหตุนี้ พี่สาวถึงมาดูแลฉินอวี่ที่จวนด
“ทุกคนรู้ว่าผู้สำเร็จราชการแทนเป็นคนเด็ดขาด ใคร ๆ ก็หวาดกลัว แม้จะมองว่าเขาเป็นปีศาจที่ทรงพลังและหยิ่งผยอง แต่ก็อยากผูกสัมพันธ์กับอิทธิพลของเขา แต่พวกเขาไม่รู้ว่าอาจารย์ต้องผ่านความยากลำบากมามากมายขนาดไหนเพื่อที่จะมาถึงจุดนี้”“ตำแหน่งและอำนาจของเขา ล้วนได้จากเนินเขาที่ก่อขึ้นจากเถ้ากะโหลกของศัตรู ที่เขาเผชิญกับความเป็นและความตายในสนามรบเป็นเวลาหลายปี ราษฎรสามารถมีชีวิตที่มั่นคงได้ในปัจจุบันก็ล้วนเป็นการช่วงชิงมาจากใต้คมดาบของศัตรู!”“อาจารย์ของข้าทุ่มเทเพื่อปกป้องดินแดน ในฐานะลูกศิษย์ของเขา ข้าไม่คาดหวังที่จะบรรลุความสำเร็จเช่นเขา แต่ข้าก็ไม่อยากเป็นคนธรรมดา ๆ ที่ไม่ทำอะไร ข้าแค่อยากเดินตามเส้นทางของเขาและทำอะไรบางอย่างเพื่อบ้านเมืองของข้าบ้าง”“ข้าอยากเป็นเหมือนอาจารย์ที่คอยช่วยเหลือผู้คนให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ ให้ผู้คนจำนวนนับไม่ถ้วนที่เป็นเหมือนข้าสามารถมีชีวิตที่ดีได้”น้ำเสียงของลู่หวายหนิงสุขุมและนิ่ง แววตาเปล่งประกายและมีปณิธานของคนหนุ่มแฝงอยู่เสิ่นหรูโจวมองใบหน้าเล็กของเขา ภายในใจรู้สึกตื้นตันและประหลาดใจนางไม่ได้ประหลาดที่ลู่หวายหนิงเป็นเด็กถูกทอดทิ้ง แต่ประหลาดใจ
ถือว่าเป็นทางลัดทางหนึ่งไม่ใช่หรือ!แม้ว่านางกับเซียวเฉินเหยี่ยนตกลงว่าจะหย่าหลังจากนี้สามเดือน แต่ดูจากสถานการณ์ในตอนนี้ เกรงว่ายังไม่ทันถึงหนึ่งเดือนคงต้องเป็นบ้าไปก่อนแน่ชาติที่แล้วจนกระทั่งตายก็อยากหย่ากับเขา แต่พอตายแล้วก็ยังเป็นฮองเฮาของเซียวเฉินเหยี่ยน ชาตินี้นางอยากหย่าจนแทบเสียสติ ตอนที่เดินออกจากจวนอ๋องอู่เฉิง นางถึงกระทั่งได้ยินเซียวเฉินเหยี่ยนเรียกนางว่า “ซูซู” !ตอนนี้เพียงนึกถึงก็รู้สึกขนลุกไปทั้งตัว เรื่องหย่านี้ยิ่งเร็วยิ่งดีนางจะรักษาเป่ยซิวเยี่ยนให้หายและให้เขาช่วยนางจัดการเรื่องหย่า!เสิ่นหรูโจวมองลู่หวายหนิง “อาการป่วยของอาจารย์เจ้า ข้าจะพิจารณาในการลองรักษาเขาดูนะ”ลู่หวายหนิงได้ยินพลันนั่งตัวตรง น้ำเสียงเต็มไปด้วยความดีใจ: “ดีมากขอรับ พี่สาวเก่งถึงเพียงนี้ บางทีอาการป่วยของอาจารย์อาจรักษาให้หายได้จริง ๆ”ชาติที่แล้วนางได้ยินว่าเป่ยซิวเยี่ยนป่วยเป็นโรคประหลาด หาหมอที่เก่งกาจมากมาย ใช้ยาหายากนับไม่ถ้วนก็ยังไม่สามารถรักษาเขาได้นางชักสงสัยแล้วจริง ๆ โรคอะไรถึงรักษายากเช่นนี้เมื่อพูดถึงสิ่งนี้ ลู่หวายหนิงก็ทำท่าอ้ำอึ้งและน้ำเสียงดูลังเล“ถ้าอาจารย์หลุดพ้น