เสียงทุ้มต่ำของเซียวเฉินเหยี่ยนยังดังอยู่ข้างหู เสียงเรียกซูซูคำแล้วคำเล่า บังคับให้นางเรียกเขาว่าอาเหยี่ยน เมื่อนางเรียกออกไปเขาถึงยอมปล่อยนางนางไม่รู้สึกว่าชื่อเล่นนี้มีความรู้สึกแฝงอยู่ด้วย เซียวเฉินเหยี่ยนเห็นนางเป็นของเล่นชิ้นหนึ่งเท่านั้น กำไว้ในอุ้งมือเพื่อไม่ให้นางมีโอกาสหนีหากใช้คำพูดของเขามากล่าว เพราะนางเป็นคนทำลายบุพเพสันนิวาสของเขา ทำให้เขาต้องห่างกับมู่หว่านหรงหลายปี เขาต้องการลงโทษนาง ให้นางอยู่ในสายตา ไม่อนุญาตให้ไปไหน เขาสองคนจะพัวพันและทรมานซึ่งกันและกันตลอดไปเสิ่นหรูโจวถึงกระทั่งหน้าซีด ความหวาดกลัวที่เกิดขึ้นเมื่อตอนถูกขังในพระราชวังส่วนลึกหลายปีทะลักออกมาในวินาทีนั้นและนิ้วมือก็เย็นคิดไปเอง คิดไปเองแน่ ๆคงเป็นเพราะนางอยากหย่ามากจนเริ่มเสียสติเซียวเฉินเหยี่ยนในชาตินี้ยังไม่ได้ครองบัลลังก์และนางก็ไม่ใช่เสิ่นหรูโจวเหมือนชาติก่อนที่อยู่เคียงข้างเขา ช่วยเขาชิงตำแหน่งผู้สืบทอดและขึ้นครองราชย์และผ่านเรื่องเลวร้ายด้วยกันหลายปี เขายิ่งไม่ใช่เซียวเฉินเหยี่ยนเหมือนชาติที่แล้ว แต่ทำไมเขาถึงเรียกชื่อนั้นออกมาได้?นางฟังผิดแน่ ๆ ต้องใช่แน่เสิ่นหรูโจวตบหน้าตัวเอง น
นางสวมเสื้อปักเมฆครึ้มสีทอง ทรงผมมัดเป็นมวยยกสูง ปักประดับด้วยปิ่นระย้าทับทิมทองห้อยยาวถึงข้างหู เปล่งประกายแวววาวผิวพรรณที่ถูกบำรุงอย่างดีเนียนขาวนวลผ่อง มีเพียงรอยหยักเส้นเล็กหลายเส้นที่หางตาเผยร่องรอยของอายุออกมาเล็กน้อยบ่าวรับใช้ที่ยืนข้างหลังแกว่งพัดไปมาอย่างระมัดระวัง ภายในห้องเงียบสงบ มีเพียงเสียงกระทบของปิ่นปักผมแกว่งไปมาอย่างแผ่วเบาทันใดนั้น เสียงเท้ากระทบพื้นที่เร่งรีบก็ดังขึ้นจากข้างนอกและมาพร้อมกับเสียงร้องไห้ “ท่านแม่ ท่านแม่ ท่านต้องช่วยลูกตัดสินนะเจ้าคะ!”สตรีหญิงงามตื่นขึ้นจากเสียงตื่นตระหนกและขมวดคิ้วขึ้นอย่างไม่สบอารมณ์บ่าวรับใช้เห็นดังนั้นนางก็หยุดพัดและเดินออกไปตรวจสอบทันทีก่อนที่นางจะเดินออกจากห้อง จู่ ๆ ร่างสีม่วงก็พุ่งเข้ามาและทั้งสองคนก็ชนกันเจียหนิงใช้สองมือกุมหน้าไว้และเตะขาของสาวรับใช้หนึ่งที นางตำหนิอย่างโมโห: “นังบ่าวโง่! ไม่มีตารึไงเล่า!”บ่าวรับใช้กลั้นความเจ็บปวดเอาไว้แล้วคุกเข่าลงพื้นด้วยความหวาดกลัว: “บ่าวสมควรตาย ได้โปรดท่านหญิงให้อภัยบ่าวด้วย”“เสียงดังโหวกเหวกอะไรกัน!” เซียวจิ่นซีลืมตาขึ้นแล้วนวดขมับเจียหนิงค้อนตาใส่บ่าวรับใช้คนนั้น
คำพูดเหล่านี้ปกปิดความจริงที่เจียหนิงไร้เหตุผลก่อนอย่างสิ้นเชิง ทุก ๆ คำพูดล้วนเต็มไปด้วยความไม่ยุติธรรมของนาง ยิ่งคำพูดเหล่านั้นตกมาถึงหูของเซียวจิ่นซีผู้เป็นแม่ ความคับแค้นก็ผุดขึ้นอีกครั้งแต่เซียวจิ่นซีไม่ใช่คนโง่ หลังจากฟังคำบอกเล่าของเจียหนิงแล้วก็พบประเด็นสำคัญทันที นางขมวดคิ้วคู่งามแล้วเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงเข้มงวด: “เจ้าล่วงเกินผู้สำเร็จราชการแทนรึ”เจียหนิงหยุดและสะอื้น นางมองเซียวจิ่นซีหนึ่งทีนางเป็นอันธพาลตัวน้อยที่เย่อหยิ่งจองหองเวลาอยู่ข้างนอก แต่เป็นเด็กหญิงตัวเล็ก ๆ ขี้อ้อนชอบเข้าหาแม่เวลาอยู่ที่เรือนเมื่อถูกแม่ตำหนิถามกลับ นางพลางเบะริมฝีปากและกระโจนเข้าหาอ้อมกอดของเซียวจิ่นซี“ข้าไม่ได้ตั้งใจ เพราะเสิ่นหรูโจวนั่นต่างหากที่เหิมเกริมมากไป ทำข้าโมโหลุกเป็นไฟ ตอนนั้นข้ากำลังโกรธมากก็เลยไม่ทันระวัง……”“เจ้านี่นะ!” เซียวจิ่นซีจับคอเสื้อของนางแล้วดึงนางขึ้นมา นิ้วมือชี้ไปที่หน้าผากโดยไม่ได้ใช้แรงที่เบาไปหรือหนักไป“ทำไมมีแต่ตัวแต่ไม่มีสมองเลยล่ะ! เจ้าคิดจะรังแกคนอื่น แต่ถูกคนอื่นจับได้ก่อนเลยถูกเอาคืน เจ้าถึงเสียเปรียบมากขนาดนี้ ใช่หรือไม่!”เจียหนิงรู้สึกน้อยใจมากขึ้
พูดถึงเรื่องนี้ เจียหนิงยิ่งรู้สึกโกรธ เสิ่นหรูโจวไม่มีเจตนาดีแน่ “จริงเจ้าค่ะ นางทำให้ท่านน้าโมโหไม่น้อย! ท่านแม่ต้องให้บทเรียนกับนางนะเจ้าคะ!”นัยน์ตาของเซียวจิ่นซีฉายแววเด็ดเดี่ยวและเย็นชา “บทเรียนย่อมต้องมอบให้นางแน่”เจียหนิงแทบอดทนรอไม่ไหวจีงรีบกล่าว: “ท่านแม่ ถ้าเช่นนั้นก็สั่งให้คนไปจับตัวนางกลับมาเลยสิเจ้าคะ!”“ไม่ต้องรีบร้อน” เซียวจิ่นซียกมือขึ้น “ตอนนี้เสิ่นหรูโจวอยู่ในจวนของผู้สำเร็จราชการแทน ไม่ง่ายต่อการลงมือ ให้ข้าคิดแผนที่รอบคอบก่อน”เจียหนิงทำหน้าผิดหวังเมื่อได้ยินเช่นนั้น “อยู่ที่จวนของผู้สำเร็จราชการแทนแล้วอย่างไรล่ะ หรือว่าท่านแม่ยังกลัวเป่ยซิวเยี่ยน?”ในใจของนาง ท่านแม่คือผู้หญิงที่มีเกียรติสูงสุดในใต้ฟ้า แม้แต่ฮองเฮาคนปัจจุบันก็ยังไม่อาจแย่งความเปล่งประกายของท่านแม่ไปได้ต้องรู้ไว้ว่า ก่อนที่ท่านแม่จะออกเรือน นางคือองค์หญิงใหญ่ที่ฮ่องเต้โปรดปรานมากที่สุดและได้รับพระฉายานามว่า “เจาหยาง”หลังจากนั้นท่านแม่ยอมแต่งงานเพื่อรักษาสันติภาพและไปอยู่เมืองอื่น เสียสละช่วงชีวิตในวัยสาวของตนเอง หลังจากแต่งงานได้ไม่นาน สามีก็เสียชีวิต ฮ่องเต้จึงรับนางกลับมาที่พระราชสำนัก
ชาติที่แล้ว ตอนที่พี่ชายเข้าพิธีจี๋ก้วน[footnoteRef:1] เขาแอบพานางออกไปเที่ยวเล่น ตอนนั้นเป็นช่วงที่ดอกสาลี่กำลังบาน [1: จี๋ก้วน คือ ชื่อเรียกพิธีหนึ่งในสมัยโบราณ เด็กชายจีนในสมัยโบราณ เมื่อมีอายุ20ปีจะมีพิธีสวมก้วน ซึ่งก้วน คือสิ่งที่ชนชั้นสูงใข้สวมครอบบนศีรษะ] นางนั่งอยู่ใต้ต้นสาลี่ พี่ชายถือดาบยาว กลีบดอกสาลี่ปลิวว่อนจากสายลมที่พัดโดยดาบ รูปร่างที่สูงใหญ่ของพี่ชายเคลื่อนไหวไปมาท่ามกลางดอกสาลี่ ทุกการเคลื่อนไหวเต็มไปด้วยจิตวิญญาณแห่งความอ่อนเยาว์เมื่อการรำดาบจบลง พี่ชายหันกลับมายิ้ม “เป็นอย่างไรบ้าง พี่ชายเจ้าเก่งหรือไม่”นางยกนิ้วโป้งขึ้นและแสดงสีหน้ายกย่อง“พี่ชายของเสิ่นหรูโจว เก่งอยู่แล้ว”พี่ชายลูบศีรษะและกล่าวชัดถ้อยชัดคำ: “จากนี้ไปมีพี่อยู่ด้วย ไม่มีใครกล้ารังแกเจ้าอีก”ตอนนั้นนางรู้สึกดีใจ รบเร้าให้พี่ชายคอยปกป้อง แต่พอโตขึ้นนางกลับตัดขาดความสัมพันธ์อย่างไม่เห็นใจกับพี่ชายที่ตามใจนางที่สุดเพื่อผู้ชายคนหนึ่งหลังจากนั้น นางได้รับแค่ข่าวคราวการเสียชีวิตพร้อมกันในสงครามของท่านพ่อกับพี่ชายเท่านั้น แม้กระทั่งการพบหน้าครั้งสุดท้ายกับพวกเขา ก็ไม่มีโอกาส……ตั้งแต่นั้นเป็น
ในเวลาเดียวกัน ฉินหมิงก็เดินเข้ามา“พระชายาขอรับ ที่พักของท่านเรียบร้อยแล้ว ตามข้ามาได้เลยขอรับ”เสิ่นหรูโจวไม่ได้ตอบตกลงทันทีแต่กล่าวว่า: “ข้าอยากอยู่ใกล้กับฉินอวี่สักหน่อย ห้องข้าง ๆ ดีที่สุด ข้าจะได้ดูแลเขาได้สะดวกขึ้น”นางรู้ว่าเป่ยซิวเยี่ยนมีตำแหน่งสูงส่งและมีฝีมือที่โหดเหี้ยม เลือดเย็นไร้ความเห็นใจ ชาตินี้ก็ไม่อยากมีปฏิสัมพันธ์กับเขา ก็เหมือนกับชาติที่แล้วแต่ชาตินี้ ลู่หวายหนิงกลับถูกนางช่วยเอาไว้ ตอนนี้ยังเกี่ยวพันถึงเรื่องของฉินอวี่อีก ความสัมพันธ์นี้คงตัดไม่ขาดแล้วล่ะในเมื่อมาเเล้วก็จงอยู่อย่างมีความสุข เมื่อเข้าไปเกี่ยวพันโดยไม่ทันระวัง ถ้าเช่นนั้นนางก็จะทะนุถนอมชะตากรรมนี้เองเป่ยซิวเยี่ยนเป็นใคร! มีคนมากมายเกรงกลัวเขา อยากประจบประแจงเขา แม้แต่เซียวเฉินเหยี่ยนที่มีความทะเยอทะยานเช่นนั้นยังต้องการผูกสัมพันธ์กับอำนาจของเขา คนที่มีสายสัมพันธ์กับผู้คนแข็งแกร่งเพียงนี้ จะไม่ใช้เลยก็คงเสียเปล่าถ้าอยากสร้างความสัมพันธ์ที่ดีกับเป่ยซิวเยี่ยน สิ่งสำคัญในตอนนี้ก็คือรักษาฉินอวี่ให้หายนางต้องเฝ้าและช่วยฉินอวี่ผ่านพ้นครั้งนี้ไปให้ได้ ไม่เช่นนั้นจะไม่มีโอกาสหลังจากนี้อีก ไม่แน่
เสิ่นหรูโจวขมวดคิ้ว ความเย็นเยือกแวบผ่านดวงตารูปหงส์ของนาง“ตอนนั้นข้า ฉินอวี่และมู่หว่านหรงกับสาวรับใช้อยู่ในเหตุการณ์ทุกคน พอมีคนร้ายบุกเข้ามา ข้ากับฉินอวี่ก็แยกจากกัน มู่หว่านหรงหลบอยู่ข้างหลังของฉินอวี่ส่วนสาวรับใช้ของนางไม่รู้ว่าหายไปไหน”“หลังจากที่ข้าจัดการคนร้ายพวกนั้นเสร็จ ข้าก็เห็นฉินอวี่นอนราบกับพื้น มู่หว่านหรงกับสาวรับใช้ของนางตื่นตกใจมากไม่รู้จะทำอย่างไร ข้าเลยบอกให้พวกนางไปเรียกคนมาช่วย”“แต่พอเซียวเฉินเหยี่ยนมาถึง มู่หว่านหรงกับสาวรับใช้ของนางก็บอกว่าข้าเป็นคนผลักฉินอวี่ ท่านหญิงเจียหนิงได้ฟังดังนั้นก็มาซักถามความผิดกับข้า ขัดขวางไม่ให้ข้าช่วยคน หลังจากนั้นเจ้ากับอาจารย์ของเจ้าก็มาถึง”“เจ้ารู้เรื่องราวหลังจากนั้นแล้ว ตอนนี้ข้าอยู่บนยอดเขาที่มีความเสี่ยง มีเพียงฉินอวี่ฟื้นขึ้นมาถึงจะยืนยันความบริสุทธิ์ของข้าได้ สาเหตุที่ให้พาฉินอวี่มารักษาในจวนผู้สำเร็จราชการแทน ก็เพราะกลัวว่ามู่หว่านหรงจะลอบลงมืออย่างโหดเหี้ยม ถึงตอนนั้นหากฉินอวี่เป็นอะไรขึ้นมา ข้าคงไม่สามารถชำละการเป็นผู้ต้องสงสัยได้แล้วจริง ๆ”ลู่หวายหนิงมองเสิ่นหรูโจว “เพราะเหตุนี้ พี่สาวถึงมาดูแลฉินอวี่ที่จวนด
“ทุกคนรู้ว่าผู้สำเร็จราชการแทนเป็นคนเด็ดขาด ใคร ๆ ก็หวาดกลัว แม้จะมองว่าเขาเป็นปีศาจที่ทรงพลังและหยิ่งผยอง แต่ก็อยากผูกสัมพันธ์กับอิทธิพลของเขา แต่พวกเขาไม่รู้ว่าอาจารย์ต้องผ่านความยากลำบากมามากมายขนาดไหนเพื่อที่จะมาถึงจุดนี้”“ตำแหน่งและอำนาจของเขา ล้วนได้จากเนินเขาที่ก่อขึ้นจากเถ้ากะโหลกของศัตรู ที่เขาเผชิญกับความเป็นและความตายในสนามรบเป็นเวลาหลายปี ราษฎรสามารถมีชีวิตที่มั่นคงได้ในปัจจุบันก็ล้วนเป็นการช่วงชิงมาจากใต้คมดาบของศัตรู!”“อาจารย์ของข้าทุ่มเทเพื่อปกป้องดินแดน ในฐานะลูกศิษย์ของเขา ข้าไม่คาดหวังที่จะบรรลุความสำเร็จเช่นเขา แต่ข้าก็ไม่อยากเป็นคนธรรมดา ๆ ที่ไม่ทำอะไร ข้าแค่อยากเดินตามเส้นทางของเขาและทำอะไรบางอย่างเพื่อบ้านเมืองของข้าบ้าง”“ข้าอยากเป็นเหมือนอาจารย์ที่คอยช่วยเหลือผู้คนให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ ให้ผู้คนจำนวนนับไม่ถ้วนที่เป็นเหมือนข้าสามารถมีชีวิตที่ดีได้”น้ำเสียงของลู่หวายหนิงสุขุมและนิ่ง แววตาเปล่งประกายและมีปณิธานของคนหนุ่มแฝงอยู่เสิ่นหรูโจวมองใบหน้าเล็กของเขา ภายในใจรู้สึกตื้นตันและประหลาดใจนางไม่ได้ประหลาดที่ลู่หวายหนิงเป็นเด็กถูกทอดทิ้ง แต่ประหลาดใจ
เสิ่นหรูโจวกล่าวอย่างเรียบเฉยว่า “เช่นนั้นก็ไม่ผิดแล้ว ในเวลานี้ ความสามารถในการทำงานของตับของพระองค์ได้รับความเสียหายอย่างมากแล้ว” เมื่อได้ยินคำพูดนี้ เซียวจิ่นซีก็คล้ายจะเจ็บยิ่งกว่าเดิมแล้ว เจ็บจนยืดเอวไม่ขึ้นมองเซียวจิ่นซีที่มีสีหน้าเจ็บปวด เซียวเฉินเหยี่ยนก็ขมวดคิ้ว “เช่นนั้นมีวิธีการรักษาหรือไม่?”เสิ่นหรูโจวมิได้รีบกล่าว นางหยิบขวดยาเล็กๆ ขวดหนึ่งออกมาจากถุงผ้า เทยาลงบนในกลางฝ่ามือเม็ดหนึ่งยื่นไปที่เบื้องหน้าเซียวจิ่นซี “ทรงเสวยสิ่งนี้ลงไปก่อน” เซียวจิ่นซีฝืนยืดเอวขึ้น มองเสิ่นหรูโจวด้วยสีหน้าหวาดระแวง “นี่คือสิ่งใด?”“สายพระเนตรขององค์หญิงทรงไม่ดีหรือเพคะ นี่คือยาอย่างไรเล่าเพคะ”เซียวจิ่นซีไม่เชื่อว่าเสิ่นหรูโจวจะปรารถนาดีเช่นนี้ ลังเลอยู่นานไม่ยอมรับไปเสิ่นหรูโจวจึงชักมือกลับมา กล่าวอย่างไม่อนาทรร้อนใจว่า “ไม่เสวยก็ช่างเถอะ ปล่อยให้ทรงปวดตายก็แล้วกัน” เซียวจิ่นซีกัดฟัน คว้าแย่งมาจากนั้นยัดเข้าปากไปเสิ่นหรูโจวโค้งริมฝีปาก หัวเราะอย่างเย้ยหยันทีหนึ่ง จากนั้นจึงพูดวิธีการรักษาออกมา “ตับของพระองค์ยามนี้เสียหายแล้ว หากทรงต้องการมีชีวิตรอด ก็จะต้องตัดตับของพระองค์ออก
เซียวจิ่นซีคิดจะบันดาลโทสะอีกครั้ง ทว่าเซียวเฉินเหยี่ยนขมวดคิ้วมองนาง เขากล่าวด้วยน้ำเสียงเคร่งขรึมว่า “เสด็จพี่ แทนที่จะทรงตรัสสิ่งใดด้วยโทสะเพื่อความสะใจเพียงชั่วครู่ มิสู้ทรงให้เสิ่นหรูโจวตรวจอาการให้พระองค์อย่างว่าง่ายดีกว่าพ่ะย่ะค่ะ การรักษาพระวรกายให้หายดีสำคัญที่สุดนะพ่ะย่ะค่ะ"เต๋อเฟยก็เกลี้ยกล่อมเช่นกัน “นั่นสิ จิ่นซี อย่าได้เสียเวลาอีกเลย รีบให้หรูโจวตรวจให้เจ้าเถอะ” สุดท้ายแล้ว เซียวจิ่นซีก็ต้องการรักษาชีวิตตน ไม่ว่าจะเคียดแค้นเสิ่นหรูโจวอย่างไร ยามนี้ก็มิใช่เวลาที่จะมาก่อเรื่อง นางจึงแค่นเสียงเย็นครั้งหนึ่ง แล้วก็ไม่กล่าวสิ่งใดอีกเซียวเฉินเหยี่ยนมองไปยังเสิ่นหรูโจว พูดเสียงเบาว่า “นี่เป็นพระบัญชาของเสด็จพ่อ เจ้าก็อย่าได้เอาแต่ใจ” เดิมเสิ่นหรูโจวก็ไม่คิดจะจากไปจริงๆ เพียงแค่ขู่เซียวจิ่นซีไปอย่างนั้น บัญชาของฮ่องเต้ไม่อาจฝืน นอกจากนี้ นางก็จำเป็นจะต้องสร้างโอกาสให้ตนได้หย่าเช่นกันนางเดินกลับไปอย่างเรื่อยเฉื่อย นั่งลงข้างกายเซียวจิ่นซี “รบกวนองค์หญิงทรงยื่นพระหัตถ์ออกมาด้วยเพคะ” สีหน้าของเซียวจิ่นซีไม่น่ามอง ทว่ายังคงทำตามครั้งก่อนที่เสิ่นหรูโจวตรวจอาการให้เซียวจิ
เมื่อเสิ่นหรูโจวได้ยินคำพูดประโยคสุดท้าย สีหน้าก็ผ่อนคลายลงไม่น้อยดูไปแล้ว จนถึงตอนนี้ยังคงถือได้ว่าราบรื่น ด่านเคราะห์ของท่านพ่ออยู่ที่การศึกครั้งสุดท้าย ไม่รู้ว่าเวลานี้ยาของนางส่งไปถึงหรือยัง หากดูตามเวลาก็น่าจะทันการอยู่ขอเพียงท่านพ่อใช้ยาของนาง ก็จะไม่ทิ้งโรคเรื้อรังไว้ในภายหลังแล้วนับแต่ได้ถือกำเนิดใหม่กลับมา นางยังมิได้พบท่านพ่อเลย นางจะต้องทำให้ท่านพ่อกลับมาอย่างปลอดภัยให้ได้เซียวเฉินเหยี่ยนเห็นว่าเมื่อนางได้ฟังข่าวของบิดาและพี่ชาย อารมณ์ก็คล้ายจะสงบลงไม่น้อย จึงลองกล่าวว่า “ในอนาคต เจ้ายังคงแก้นิสัยของเจ้าหน่อยเถิด” เสิ่นหรูโจวเงยหน้ามองเขา “นิสัยของข้าเป็นอย่างไร?”“ทุกครั้งที่เจ้าพบกับองค์หญิงเจาหยาง ล้วนมีเรื่องกันจนตึงเครียด” เซียวเฉินเหยี่ยนพยายามพูดอย่างละมุนละม่อม หวังว่านางจะรับฟัง “ถึงอย่างไรนางก็เป็นเสด็จพี่หญิงของข้า เมื่ออยู่ต่อหน้านาง เจ้าก็แสดงท่าทีที่ดีสักหน่อย อย่าใช้อารมณ์ไปเสียทุกเรื่อง” เสิ่นหรูโจวหัวเราะอย่างเยาะหยันทีหนึ่ง กล่าวอย่างดูแคลนว่า “ท่านอย่าได้มาบงการข้า” บนใบหน้าของเซียวเฉินเหยี่ยนมีความไม่พอใจวาบผ่าน "หากเจ้ามีสิ่งใดไม่พอใจ อยาก
เริ่มจากชายแดนส่งข่าวด่วนมา บิดาและพี่ชายของเสิ่นหรูโจวจึงนำทัพไปช่วยที่ชายแดน ภาพเหตุการณ์เปลี่ยนไป กลายเป็นฉากที่รายงานการรบถูกส่งมา ท่านแม่ทัพเสิ่นถูกธนูของศัตรูยิงทะลุมือ เนื่องจากขาดแคลนยาและสิ่งของทำให้ไม่มียารักษา ทว่าก็ยังคงรบชนะต่อมา หลังจากแม่ทัพใหญ่เสิ่นกลับมาถึงเมืองหลวงพร้อมชัยชนะ ก็ล้มป่วยจนต้องนอนอยู่บนเตียงตลอด ส่วนที่จวนอ๋อง เสิ่นหรูโจวกับมู่หว่านหรงทะเลาะกันครั้ง เขาจึงลงโทษกักบริเวณให้นางสำนึกตน นางบังเอิญเป็นหวัดพอดี จึงนอนซมลุกไม่ขึ้น ทำให้ไม่รู้เรื่องที่ท่านแม่ทัพใหญ่เสิ่นได้รับบาดเจ็บผ่านไปไม่กี่วันเมื่อนางรู้ข่าว ก็มาขอร้องต่อหน้าเขา ต้องการให้เขาไปส่งของบำรุงจำนวนหนึ่งไปให้บิดา เขามองใบหน้าที่อ่อนแรงและซีดขาวของนาง ไม่มีความสงสารแม้แต่น้อย มองดูนางอย่างเย็นชาท้ายที่สุดเขายังคงให้คนไปส่งของ ทว่าเด็กรับใช้ส่งไปในนามของเขา รอจนพวกเขารู้เรื่อง เรื่องราวก็ผ่านไปนานแล้ว ความสัมพันธ์ของเสิ่นหรูโจวและตระกูลเสิ่นก็มาถึงจุดเยือกแข็งแล้วเช่นกัน นั่นเป็นครั้งแรกที่นางปวดใจอย่างที่สุด และก็เป็นครั้งแรกที่นางใส่อารมณ์กับเขา ดั่งเช่นในยามนี้เซียวเฉิยเหยี่ยนยันรถม้าไว้
สีหน้าของเซียวเฉินเหยี่ยนไม่น่ามองอยู่บ้าง “หรือเจ้าจะให้ข้ายืนรอเจ้าอยู่ด้านนอก?”“ท่านจะนั่งยองลงก็ได้เช่นกัน” ใบหน้าของเสิ่นหรูโจวไม่มีความรู้สึกแม้แต่น้อย “ข้าขอบอกท่านไว้เลย เวลานี้ไม่ว่าข้าจะมองท่านที่ใดก็ขัดตาไปหมด หากท่านไม่ต้องการสร้างความอับอายให้ตนเอง ก็อย่าได้มายั่วโมโหข้า!”กล่าวจบ นางก็หมุนตัวเดินเข้าประตูไป จากนั้นปิดประตูลงดัง ‘ปัง’เซียวเฉินเหยี่ยนยืนอยู่ที่เดิม เขากำหมัดแน่นมองประตูใหญ่ที่ถูกปิดสนิท เขารู้สึกโมโหเป็นอย่างมาก ทว่าในใจก็เกิดความรู้สึกถึงความแตกต่างขึ้นมาเช่นกันในอดีต ทั้งดวงตาและหัวใจของเสิ่นหรูโจวล้วนมีแต่เขา ไม่มีทางกีดกันเขาไว้ภายนอกอย่างเด็ดขาด ทว่า ในยามนี้ เขาไม่มีสิทธิ์แม้กระทั่งจะเหยียบเข้าประตูเรือนของนางแล้วอย่างนั้นหรือ?ทว่า ความรู้สึกของคนเปลี่ยนแปลงได้ง่ายถึงเพียงนั้นเชียวหรือ เหตุใดเขาจึงโชคไม่ดีเช่นนี้ แต่งงานได้เพียงช่วงสั้นๆ สิบกว่าวัน นางก็ไม่หลงเหลือความรักให้เขาแล้วหลังเสิ่นหรูโจวปิดประตูลง ก็เข้าสู่ห้องของตนเมี่ยวตงเดินมาหาพร้อมรอยยิ้ม “คุณหนูกลับมาแล้วหรือเจ้าคะ ท่านอยากทานสิ่งใด บ่าวจะไปเตรียมให้เจ้าค่ะ” “ไม่ต้องแล้
ชาติก่อนมู่หว่านหรงอาศัยว่าได้รับความโปรดปราน มักแย่งของนางอย่างเปิดเผย ของพระราชทานที่ในวังประทานให้ชายาเอกทุกงานเทศกาลนางก็จะแย่ง ไปช่วยเหลือราษฎรจนสร้างผลงาน นางก็จะแย่งอีก เซียวเฉินเหยี่ยนไม่เคยสนใจแม้แต่น้อย เวลานี้ยิ่งดี แม้แต่ตัวเขาเองก็จะมาแย่งรางวัลของนางด้วย!เซียวเฉินเหยี่ยนถูกคำพูดของเสิ่นหรูโจวซัดไปเป็นชุด ทำให้ภายในใจรู้สึกไม่สบอารมณ์อยู่บ้างเขาจับข้อมือเสิ่นหรูโจวแน่นไม่ยอมปล่อย ความโมโหในก้นบึ้งของดวงตาปรากฏขึ้นแล้วหายไปอย่างรวดเร็ว แปรเปลี่ยนเป็นความมืดมิด จับจ้องไปที่เสิ่นหรูโจวแล้วกล่าวว่า “หากข้าไม่ชิงลงมือก่อนเจ้าก้าวหนึ่ง เจ้าก็คงจะไปขอให้เสด็จพ่อประทานการหย่าให้แล้ว” “ไม่ผิด!” เสิ่นหรูโจวตอบอย่างไม่ลังเลนี่เป็นเรื่องที่นางเฝ้าปรารถนา รอคอยมาสองชาติ!“เจ้า…" เซียวเฉินเหยี่ยนพูดไม่ออกไปชั่วขณะ รู้สึกว่าอารมณ์ความรู้สึกอันซับซ้อนนับหมื่นอัดอั้นอยู่ในอก อึดอัดจนหายใจไม่ออก”โดยพื้นฐานแล้ว เขาดูแคลนต่อการแย่งผลงานสตรี ที่ทำเช่นนี้ ประการแรก เป็นเพราะจดหมายฉบับนั้นของมู่หว่านชิง ประการที่สอง…เขาคิดได้ว่า เสิ่นหรูโจวจะใช้คำสัญญานี้มาหย่ากับเขา เขารู้สึกไม่อยากห
ฉินหมิงตะลึงไป ถามอย่างไม่แน่ใจว่า “ท่านอ๋องไม่เป็นอะไร? คำพูดนี้ของนายน้อยหมายความว่าอย่างไร?”ลู่หวายหนิงดึงฉินหมิงเข้ามาใกล้ขึ้นอีกนิด พยายามระงับความตื่นเต้น ลดเสียงเบาลงแล้วกล่าวว่า “ความหมายก็คือบนร่างของอาจารย์ไม่มีผื่นขึ้น อาจารย์อาการภูมิแพ้ไม่กำเริบตอนอยู่กับพี่สาวน่ะสิ” ดวงตาทั้งคู่ของฉินหมิงเบิกกว้าง พูดอย่างตกใจว่า “จริงหรือขอรับ?”ลู่หวายหนิงหัวเราะออกมา “จริงแท้แน่นอน ข้าทำการยืนยันแล้ว” ฉินหมิงรู้สึกไม่อยากเชื่อ “หลายปีมานี้ ไม่ว่าสตรีนางใดสัมผัสท่านอ๋อง ก็ล้วนทำให้ท่านอ๋องเกินอาการแพ้ มีเพียงหญิงที่นายท่านพบในปีที่แล้วนางนั้นที่ไม่เป็นไร” “พูดไปแล้ว ตามหาสตรีนางนั้นไม่เจอเสียที ช่างน่าเสียดายนัก คิดไม่ถึงว่าพระชายาของอ๋องอู่เฉิงก็ไม่ทำให้นายท่านเกิดอาการแพ้เช่นกัน ช่างเป็นเรื่องดีจริงๆ ราวสวรรค์ได้สรรค์สร้างมา” “นั่นสิ!” ลู่หวายหนิงเห็นด้วยอย่างมาก “อาจารย์หาผู้หญิงคนนั้นไม่เจอสักที อย่างนั้นพี่สาวก็เป็นคู่ชะตาที่สวรรค์ลิขิตมาให้อาจารย์แล้ว! ถ้าพวกเขามาอยู่ด้วยกันเร็วหน่อยก็ดี ข้าแทบรอวันนั้นไม่ไหวแล้ว!”ฉินหมิงพยักหน้า จากนั้นก็รีบส่ายหน้าอย่างรุนแรงทันที “
ในขณะที่พูด เขาก็ยื่นศีรษะเข้าไป มองซ้ายมองขวาเป่ยซิวเยี่ยนยื่นมือออกไปผลักหัวของเขาเบาๆ “ไม่ต้องดูแล้ว ไม่มีหรอก” ลู่หวายหนิงตกใจอย่างมาก ดวงตาเบิกจนกลมโตมองไปที่เป่ยซิวเยี่ยนบนใบหน้าเย็นชาดุจน้ำแข็งของเป่ยซิวเยี่ยน ก็มีความประหลาดใจอยู่อย่างเลือนรางเช่นกันลู่หวายหนิงยังคงรู้สึกไม่ยากที่จะเชื่ออยู่บ้าง จึงทำการยืนยันอีกครั้ง “อาจารย์ขอรับ เมื่อครู่พี่สาวสัมผัสถูกท่านแล้วใช่หรือไม่ขอรับ?” เป่ยซิวเยี่ยนเอนกายไปด้านหลัง พิงลงบนพนักเก้าอี้ ดวงตาล้ำลึกดุจบึงน้ำอันเยือกเย็นหรี่ลงเล็กน้อยเรื่องที่เขาเป็นภูมิแพ้ผู้หญิงมีน้อยคนนักที่จะรู้ เมื่อครู่คิดจะหยุดนางเพื่อหลีกเลี่ยงการสัมผัสโดยตรง แต่กลับทำให้เรื่องกลับตาลปัตรไปกุมมือของนางเข้าโดยบังเอิญ จนเกิดเป็นผลลัพธ์ที่ไม่ได้ตั้งใจขึ้นมา ด้วยเหตุนี้ เขามั่นใจว่าอีกครู่อาการของตนต้องกำเริบ จึงปล่อยให้นางเปลี่ยนยาให้ตนเสียเลย คิดไม่ถึงว่า จนกระทั่งตอนนี้ก็ยังไม่มีอาการผิดปกติอะไรอาการคันชาบริเวณเอวคล้ายจะยังไม่จางหายไป ปลายนิ้วที่เย็นเล็กน้อยตกลงบนหน้าท้องของเขาครั้งแล้วครั้งเล่าราวกับการยั่วเย้า เขาเงียบไปครู่หนึ่ง ลู่หวายหนิงร้อ
เป่ยซิวเยี่ยนมองดวงหน้าที่งดงามดั่งหยกของนาง ดวงตาของนางเต็มไปด้วยความคาดหวัง หัวใจของเขาก็อ่อนลงอย่างน่าประหลาด “ในเมื่อข้ารับปากเจ้าแล้ว ก็ไม่มีทางผิดคำสัญญา เพราะถึงอย่างไรพวกเราก็ต่างมีผลประโยชน์ร่วมกัน”เสิ่นหรูโจวพลันหัวเราะออกมาแล้ว มองเป่ยซิวเยี่ยนอย่างซาบซึ้ง “ท่านผู้สำเร็จราชการ ท่านเป็นคนดีจริงๆ ข้าจะต้องพยายามสุดความสามารถเพื่อรักษาท่านให้ได้แน่” ไม่ว่าในชาติก่อนเขาจะก่อกบฏ เพราะเหตุใด เหตุใดจึงถูกคนขนานนามว่าเป็นพญามัจจุราชที่มีชีวิต แต่สำหรับนางแล้ว เขาก็คือคนดีคนหนึ่งเป่ยซิวเยี่ยนตะลึงไปเล็กน้อย เมื่อเห็นรอยยิ้มที่แย้มบานราวบุปผาของนาง ริมฝีปากบางก็อดโค้งขึ้นเล็กน้อยไม่ได้เช่นกัน “คำชมของพระชายาช่างแปลกใหม่เหลือเกิน” นี่เป็นครั้งแรกที่ได้ยินคนพูดว่าเขาเป็นคนดีแปลกใหม่? แปลกใหม่ตรงที่ใดกัน?เสิ่นหรูโจวรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย แต่ว่าบาดแผลของเขาได้รับการจัดการเรียบร้อยแล้ว นางจึงถือกล่องยาขึ้นมา“ท่านผู้สำเร็จราชการ สองสามวันนี้บาดแผลของท่านกำลังสมานตัว จะคันอย่างมาก เพียงระวังอย่าไปเกาก็จะหายดีแล้ว เช่นนั้นข้าก็ขอตัวก่อนแล้ว” เป่ยซิวเยี่ยนพยักหน้าเบาๆ รอจนเสิ่