ยิ่งเจียหนิงถ่วงเวลานางมากเท่าใด ฉินอวี่ก็จะยิ่งอันตรายมากขึ้นเท่านั้น!เจียหนิงได้ยินเสียงก็หัวเราะเย้ยหยัน “เจ้าคิดว่าข้าจะเชื่อหรือ?”เสิ่นหรูโจวเป็นคนที่ผลักฉินอวี่ออกไปรับดาบ มาพูดถึงเรื่องนี้ตอนนี้คงจะอับอายล่ะสิ!เสิ่นหรูโจวมีท่าทางวิตกกังวล พยายามที่จะไม่ใช้ความรุนแรง ก่อนจะเอ่ยกระซิบ: “ข้ารู้ว่าท่านชอบฉินอวี่”“ยิ่งสถานการณ์เร่งด่วนก็ยิ่งต้องใจเย็น ต้องไม่ให้ความกังวลนำไปสู่ความวุ่นวายได้ กว่าที่หมอหลวงจะมาต้องใช้เวลาสักพัก อาการของเขารอไม่ได้ ยิ่งรอนานเท่าใดก็ยิ่งอันตรายมากขึ้นเท่านั้น ข้ามีทักษะแพทย์ สามารถช่วยเขาได้! ถ้าท่านไม่อยากเห็นเขาตายก็อย่ามารั้งข้าไว้!”เจียหนิงตกใจมากที่เสิ่นหรูโจวรู้ความลับของนาง แต่เมื่อได้ยินคำพูดของเสิ่นหรูโจวอีกครั้งก็พูดด้วยความโกรธ“ที่ฉินอวี่ได้รับบาดเจ็บก็เพราะถูกเจ้าทำร้าย ตอนนี้ยังจะมาพูดถึงเรื่องช่วยเขาอะไรอีก ข้าเห็นว่าเจ้าแค่อยากจะไปฆ่าปิดปากเขา!”“ถ้ากล้า เจ้าก็ฆ่าข้าตอนนี้เสียสิ ท่านน้าและท่านแม่ของข้าจะได้ฝังจวนแม่ทัพทั้งหมดไปด้วยกัน ถ้าเจ้าไม่กล้าลงมือกับข้า ก็รอจนกว่าข้าจะฆ่าเจ้าแล้วกัน!”พูดจบ นางกลอกตา เอ่ยกับทหารยามทั้
ชายหนุ่มสวมชุดแพร่สีดำ รูปร่างสูงโปร่งสง่างาม เส้นผมสีเงินส่องประกายภายใต้แสงอาทิตย์ที่ตกสะท้อน ทำให้ผู้ที่พบเห็นเหมือนต้องมนต์สะกด ราวกับมีรัศมีจาง ๆ ปกคลุมอยู่รอบกายใบหน้าของเขาหล่อเหลาไม่ธรรมดา มีดวงตาเรียวยาวเหมือนดอกท้อ ดำขลับเหมือนหินชนวนดูลึกซึ้ง มอบเพียงแวบเดียวก็ทำให้รู้สึกเหมือนถูกดูดเข้าไป ทั้งตัวเผยให้เห็นถึงความสูงส่งที่มีมาแต่กำเนิด ราวกับพระจันทร์ที่ลอยสูงอยู่บนท้องฟ้า ยังคงให้ความรู้สึกไกลเกินเอื้อมเช่นเดียวกับชาติที่แล้วลมหายใจของเสิ่นหรูโจวหยุดชะงักไปครู่หนึ่ง ส่งเสียงพูดออกมาจากปากเบา ๆ ว่า : “ผู้สำเร็จราชการแทน เป่ยซิวเยี่ยน ?”เขามาได้อย่างไร ?เจียหนิงและมู่หว่านหรงกลับมองตาค้าง เซียวเฉินเหยี่ยนนับว่าหล่อเหลามากพอแล้ว ในใต้หล้าผู้ที่จะเทียบความงามกับเขาได้มีอยู่น้อยมาก แต่เมื่อเขายืนคู่กับเป่ยซิวเยี่ยนที่มีผมทั้งหัวเป็นสีเงิน กลับถูกแย่งชิงความสนใจไปเสียได้ผู้สำเร็จราชการแทนที่มีชื่อเสียงและทรงพลานุภาพ เมื่อเห็นแล้วทำให้รู้สึกประทับใจอย่างลึกซึ้งดังว่าจริง ๆ เป่ยซิวเยี่ยนก้าวเท้าเดินเข้าไปในจวนอ๋อง ลู่หวายหนิงเดินตามไปด้านหลังติด ๆ เซียวเฉินเหยี่ยนหันไ
เซียวเฉินเหยี่ยนฟังจบ แววตาก็อำมหิตขึ้นมาจนดูน่ากลัวลู่หวายหนิงหันมองเสิ่นหรูโจวด้วยสีหน้าร้อนใจเขาเองก็อยากรู้เหมือนกันว่า ที่เกิดเรื่องขึ้นกันฉินอวี่ มันมีที่มาที่ไปอย่างไรกันแน่เสิ่นหรูโจวหันมองเป่ยซิวเยี่ยน แววตากระจ่างใสสงบนิ่งอย่างยิ่งชาติก่อนนางมีปฏิสัมพันธ์กับเป่ยซิวเยี่ยนไม่มากนัก แต่ทุกครั้งที่พบกับชายคนนี้ ก็จะถูกใบหน้าที่ทรงเสน่ห์ของเขา รวมถึงพลานุภาพอันแข็งแกร่งที่แผ่ซ่านออกมาจากตัวเขา ทำให้รู้สึกหวั่นไหวจะว่าไปแล้ว เป่ยซิวเยี่ยนกับนางนับว่ามีบุญคุณต่อกัน นางจำได้ว่าเมื่อชาติก่อนในงานเลี้ยงงานหนึ่ง มีคนลอบสังหาร สถานการณ์วุ่นวายอย่างยิ่ง เซียวเฉินเหยี่ยนเกรงว่ามู่หว่านชิงจะได้รับอันตราย จึงวิ่งเข้าไปปกป้องมู่หว่านชิง ส่วนนางกลับถูกทิ้งให้อยู่กับที่ ตื่นตระหนกจนทำอะไรไม่ถูกนางรู้วิชาแพทย์ แต่ไม่รู้วรยุทธ์ นี่เป็นจุดอ่อนของนางมาโดยตลอด ตอนนั้นจู่ ๆ ก็มีธนูยิงเข้าใส่นาง นางหลบไม่ทัน ขณะที่คิดว่าคงต้องจบชีวิตลงที่นี่ ก็มีมือเรียวยาวเห็นข้อกระดูกที่ชัดเจน คว้าลูกธนูดอกนั้นไว้อย่างฉับพลันตอนนั้น นางเงยหน้ามองไปด้วยความตะลึง เห็นเพียงใบหน้าที่หล่อเหลาไร้ที่เปรียบของ
แม้นางจะทำตัวน่ารำคาญ แต่ไม่รู้ว่าเพราะเหตุใด เขากลับไม่อยากให้นางตายอย่างบอกไม่ถูกคิดไม่ถึงว่าเสิ่นหรูโจวยังไม่ทันพูดอะไร เจียหนิงก็กระโดดออกมาเสียก่อนเมื่อครู่นางถูกเสิ่นหรูโจวจับตัวไว้จึงรู้สึกโกรธจัด เมื่อได้ยินท่านน้าตำหนิเสิ่นหรูโจว ก็ไม่อาจระงับโทสะเอาไว้ได้อีก“นางจะยอมรับผิดได้อย่างไร ? นางเป็นผู้หญิงจิตใจหยาบช้า ! แม้แต่ข้าก็ยังกล้าจับตัวไว้ ยังมีอะไรที่นางไม่ล้าทำอีกบ้าง ! ฉินอวี่ต้องถูกนางทำร้ายแน่นอน !”“ท่านน้ากับผู้สำเร็จราชการแทนอย่าได้ฟังคำแก้ตัวของนางอีกเลย ผู้หญิงที่โหดเหี้ยมเช่นนี้ ควรตัดคอให้ตายเสีย จะได้ไม่เป็นภัยต่อโลกมนุษย์ !”ยิ่งพูดก็ยิ่งโมโห เจียหนิงทนไม่ไหวอีกต่อไป ชั่วพริบตาเดียว เมื่อมองเห็นกระบี่ที่แขวนอยู่ตรงเอวของฉินหมิงที่ยืนอยู่ข้าง ๆ ก็ชักออกมาแล้วแทงเข้าใส่เสิ่นหรูโจวทันที“เจียหนิง หยุดนะ !” เซียวเฉินเหยี่ยนเผยความตกตะลึงออกมาบนใบหน้า และยื่นมือออกไปขวางตามสัญชาตญาณ ยังไม่ทันที่จะคว้าแขนเสื้อของเจียหนิงไว้ได้ จู่ ๆ ก็ได้ยินเสียง “เก๊ง” ดังขึ้น ——กระบี่ที่พุ่งเข้ามาตรงหน้าเสิ่นหรูโจว กระเด็นออกไปเพราะลูกปัดขนาดเท่าปลายนิ้ว กระบี่ร่วงลงจากม
ลู่หวายหนิงตกใจ รีบเอ่ยปากขึ้นทันที : “อาจารย์อย่าได้รีบร้อน พี่หญิงต้องอธิบายอย่างกร่างแน่นอน”เขาหันกลับไปมองเสิ่นหรูโจว : “พี่สาวคนสวย ท่านรีบเล่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในตอนนั้นออกมาอย่างละเอียดเร็วเข้า”สีหน้าของเสิ่นหรูโจวยังคงเหมือนเดิม เงยหน้าขึ้นมองเป่ยซิวเยี่ยนนางเตี้ยกว่าเป่ยซิวเยี่ยนประมาณหนึ่งช่วงหัว เมื่อยืนอยู่ต่อหน้าเขา ก็ถูกรูปร่างที่สูงใหญ่ของเขาบดบังสายตา รู้สึกอึดอัดเป็นอย่างยิ่ง“ตอนนั้นมีคนลอบสังหาร ในลานโกลาหลวุ่นวาย ข้าแทบจะเอาตัวเองไม่รอด เมื่อตั้งสติได้ ฉินอวี่ก็ถูกดาบแทงเสียแล้ว ส่วนถูกแทงได้อย่างไรนั้น ข้าไม่แน่ใจนัก”“แต่ข้าไม่ได้เป็นคนผลักเขาไปรับดาบอย่างแน่นอน ตอนนั้นฉินอวี่ป้องกันศัตรูอยู่ด้านหน้ามู่หว่านหรง ข้าอยู่ห่างจากพวกเขาเกือบสองจ้าง แล้วจะผลักเขาได้อย่างไร”“อีกอย่าง ข้าพยายามอย่างสุดความสามารถ ช่วยรักษาฉินอวี่ในทันที หากข้าเป็นคนผลักฉินอวี่ออกไปรับดาบ หากข้าช่วยเขา ไม่เท่ากับหาเรื่องใส่ตัวหรอกหรือ ?”“หากเขาถูกคนผลักออกไปรับดาบจริง คนที่ขัดขวางไม่ให้ข้าช่วยเขาต่างหาก ถึงจะเป็นฆาตกรตัวจริง”ขณะที่พูดอยู่นั้น นางก็กวาดสายตาผ่านมู่หว่านหรงตอ
ใบหน้าหล่อเหลาสง่างามดูเซียวเฉินเหยี่ยนดูเคร่งเครียดเล็กน้อย สุดท้ายก็ไม่ได้พูดอะไร ทำเพียงแค่เชิญเขาเข้าไปพักผ่อนในศาลาด้านข้าง ส่วนฉินอวี่จะเป็นหรือตาย คงต้องรอดูผลลัพธ์แล้วในศาลามีโต๊ะไม้มะฮอกกานีฝังด้วยหินอ่อน เป่ยซิวเยี่ยนและเซียวเฉินเหยี่ยนนั่งตรงข้ามกัน ส่วนคนอื่น ๆ นั่งพิงอยู่ที่ราวบันได ลู่หวายหนิงร้อนใจเป็นอย่างยิ่ง ยืนอยู่ด้านล่างศาลา หันมองไปทางเรือนปีกไม่หยุด สีหน้าเต็มไปด้วยความร้อนรน“อาจารย์ หวายหนิงอยากไปดูสักหน่อย”เมื่อเจียหนิงได้ยินเขาพูดเช่นนั้น ก็อยากตามไปด้วยเช่นกัน ขณะที่กำลังจะเอ่ยปาก ก็ถูกเซียวเฉินเหยี่ยนมองฟาดด้วยสายตาจนไม่กล้าส่งเสียงนางปิดปากเงียบอย่างไม่เต็มใจ“เจ้าไปแล้วก็ช่วยอะไรไม่ได้” เป่ยซิวเยี่ยนหันมองลู่หวายหนิง จากนั้นจึงผละสายตาอย่างไม่แยแส พูดขึ้นด้วยน้ำเสียงเย็นชาไร้ความปรานี : “นั่งลง รอฟังข่าว”ได้ยินดังนั้น ลู่หวายหนิงก็นั่งลงหน้าจ๋อยมู่หว่านหรงกะพริบตาเล็กน้อย น้ำเสียงอ่อนโยนดุจสายน้ำในฤดูใบไม้ผลิ “นายน้อยไม่ต้องร้อนใจไป พระยาชาและหมอหลวงต่างอยู่กันครบ จะต้องมีหนทางอย่างแน่นอน”ลู่หวายหนิงหันมองนางด้วยสายตาเย็นชา ไม่ปิดบังความ
แววตาของเสิ่นหรูโจวเป็นประกายขึ้นมาทันที แอบรู้สึกโล่งใจไม่น้อย อาเจียนเลือดพิษออกมาแล้ว นั่นหมายความว่ารอดชีวิต !หมอหลวงตกตะลึงไปทันที รีบจับข้อมือข้างหนึ่งของฉินอวี่ขึ้นมา แล้วใช้สองนิ้วทาบลงไปที่ข้อมือชีพจรกลับมาเป็นปกติแล้ว ช่างน่าเหลือเชื่อจริง ๆ !เขาแสดงสีหน้าประหลาดใจ ไม่กล้าเชื่อสายตาตนเอง “รอดแล้ว ? รอดแล้วจริง ๆ ! ชีพจรก็เป็นปกติแล้ว ทุกอย่างปกติดีแล้ว !”เขาหันมองเสิ่นหรูโจวอย่างไม่อยากเชื่อ หญิงสาวหน้าตางดงามมีสีหน้าที่สงบนิ่ง อายุยังน้อยอยู่แท้ ๆ แต่ร่างกายกลับแผ่รัศมีที่ดูหนักแน่นมั่นคงออกมาในฐานะที่เป็นหมอ อาการบาดเจ็บของฉินอวี่ร้ายแรงเพียงใด เขารู้ดีกว่าใคร นี่เท่ากับดึงคนกลับมาจากประตูนรกเชียวนะเขารู้ดีว่าตนเองจนปัญญาที่จะช่วย ยิ่งไปกว่านั้นยังเยาะเย้ยดูถูกเสิ่นหรูโจว คิดว่านางอายุยังน้อย ไม่มีทางที่จะมีทักษะทางการแพทย์ยอดเยี่ยมเช่นนั้น คิดไม่ถึงเลยจริง ๆ ว่า สุดท้ายจะถูกนางช่วยกลับมาได้จริง ๆ !เมื่อนึกถึงคำพูดที่ตนเองดูถูกเยาะเย้ยเสิ่นหรูโจวเมื่อครู่ ก็รู้สึกใบหน้าร้อนผ่าว อับอายอย่างยิ่ง“พระชายา กระหม่อมมีตาหามีแววไม่ เมื่อครู่เสียมารยาทต่อพระชายา ขอพร
ลู่หวายหนิงขมวดคิ้ว กวาดสายตามองสองนายบ่าวอย่างไม่เป็นมิตร พวกนางต้องการผลักความดีความชอบไปให้หมอหลวง ซ้ำยังเหยียบย่ำพี่สาวคนสวยอีก ? ช่างน่ารังเกียจยิ่งนัก !“พวกท่านพูดเช่นนี้หมายความว่าอย่างไร ? เห็นอยู่ชัด ๆ ว่าเป็นพี่สาวคนสวยเป็นคนออกแรง !”มู่หว่านหรงไม่แสดงสีหน้าร้ายกาจออกมาแม้แต่น้อย “ใช่แล้ว พระชายาออกแรงก็จริง เพียงแต่พระชายาอายุยังน้อย ความรู้ตื้นเขิน ย่อมไม่มีทักษะทางการแพทย์ที่เยี่ยมยอดอย่างเช่นหมอหลวงจางแน่นอน ถึงแม้นายน้อยจะเข้าข้างพระชายา แต่จะมองข้ามผมงานของหมอหลวงจางก็คงไม่ได้นะ”เซียวเฉินเหยี่ยนขมวดคิ้ว แย่งชิงผลงานกันต่อหน้าเป่ยซิวเยี่ยนเช่นนี้ เป็นเรื่องที่ไม่เหมาะสมจริง ๆ เสิ่นหรูโจวมีความสามารถมากน้อยเพียงใดเขาย่อมรู้ดี หวังให้นางช่วยคนนั้น ไม่มีทางเป็นไปได้“แน่นอนว่าหมอหลวงจางต้องเป็นผู้สร้างผลงานใหญ่ ช่วยคนกลับมาได้ต่างหากคือสิ่งที่สำคัญที่สุด ไม่จพเป็นต้องทะเลาะกันด้วยเรื่องพวกนี้”ตอนนี้เอง หมอหลวงจางกลับรีบโต้แย้งขึ้นมาว่า : “ช้าก่อน อ๋องอู่เฉิง พระชายารอง พวกท่านเข้าใจผิดแล้ว การช่วยเหลือองครักษ์ฉินอวี่ครั้งนี้ต้องพึ่งพาพระชายาทั้งหมด กระหม่อมเป็นเพ