ลู่หวายหนิงมีท่าทีแบบ ‘ข้าเข้าใจทุกอย่าง’ จากนั้นก็หัวเราะอย่างเจ้าเล่ห์“อาจารย์ ท่านก็อย่าได้ปิดบังอีกเลย วันนี้ท่านถึงขนาดให้พี่สาวอยู่กินข้าวด้วยแล้ว ท่านจะต้องชอบนางอย่างแน่นอน คิดจะแต่งนางกลับมาเป็นอาจารย์หญิงของข้า ใช่ไหมขอรับ!” ดวงตาของเป่ยซิวเยี่ยนหรี่ลง ถอนหายใจออกมาครั้งหนึ่ง จากนั้นยื่นมือไปดีดหน้าผากของลู่หวายหนิงอย่างแรงครั้งหนึ่ง“หุบปาก เจ้าอายุยังน้อยเช่นนี้ ทั้งวันในหัวเอาแต่คิดสิ่งใดกันนะ?” ลู่หวายหนิงถูหน้าผากของตน บ่นพึมพำอย่างไม่ยินยอมว่า “แม้หวายหนิงอายุยังน้อย แต่สิ่งที่ควรรู้ก็รู้หมดแล้วนะขอรับ!” “พอแล้ว” เป่ยซิวเยี่ยนเหลือบมองเขาอย่างเยียบเย็นทีหนึ่ง กล่าวอย่างโหดร้ายว่า “ในเมื่ออยู่ว่างไม่มีอะไรทำ เช่นนั้นก็ไปคัดตำราพิชัยสงครามของซุนวู[footnoteRef:1]ห้ารอบ เจ้าจะได้ไม่เอาแต่คิดเรื่องไร้สาระทั้งวัน” [1: พิชัยสงครามซุนวู หรือ พิชัยสงครามซุนจื่อ เป็นตำรายุทธศาสตร์การทหารหรือตำราพิชัยสงครามของจีน ซึ่งเขียนขึ้นเมื่อราวหกร้อยปีก่อนคริสตกาลโดยซุนจื่อ นักยุทธศาสตร์คนสำคัญในยุครณรัฐของจีน เนื้อหาในตำราพิชัยสงครามฉบับนี้มี 13 บท แต่ละบทเน้นถึงแต่ละแง่มุมของกา
ชุนซิ่ววางมือบนหัวใจแล้วตบเบาๆ “ช่วงบ่ายตอนที่คนของจวนอุปราชมารับของไป บอกว่าท่านไม่เป็นอะไร และยังสร้างผลงานใหญ่ในวังด้วย พวกเราถึงได้วางใจเจ้าค่ะ” เมี่ยวตงเดินเข้ามาจับแขนของเสิ่นหรูโจว แล้วกล่าวอย่างเป็นห่วงว่า “คุณหนู ท่านอ๋องพาท่านไปที่ใดกัน? ได้รังแกท่านหรือไม่?”เสิ่นหรูโจวหัวเราะเบาๆ ทีหนึ่ง “เปล่าหรอก พวกเจ้าก็เห็นแล้วว่าข้ายังสบายดีอยู่ไม่ใช่หรือ?”นางหมุนกายรอบหนึ่งแล้วกล่าวว่า “คุณหนูของพวกเจ้าก็ไม่ใช่คนที่ถูกรังแกง่ายๆ เหมือนลูกพลับนิ่มเสียหน่อย แล้วจะถูกเขารังแกได้อย่างไร?”“เป็นเยี่ยงนั้นก็ดีเจ้าค่ะ” ซุนซิ่วถอนใจอย่างโล่งอกทีหนึ่ง แล้วกล่าวต่ออย่างไม่พอใจนักว่า “ท่านอ๋องทำกับท่านเช่นนี้ได้อย่างไรเจ้าคะ พวกบ่าวเห็นกับตาว่า คนของพระองค์ตีท่านจนสลบแล้วยัดใส่รถม้าไป ช่างทำเกินไปแล้ว!”เมี่ยวตงมองสีหน้าที่เต็มไปด้วยความโมโหของชุนซิ่ว กัดริมฝีปาก แต่ยังคงไม่กล้าบอกนางว่า ตอนที่คุณหนูอยู่ที่จวนอ๋องยังต้องเผชิญกับเรื่องที่เลวร้ายยิ่งกว่านี้อีก“เอาเถอะ เรื่องในวันนี้ก็อย่าได้พูดออกไปแล้ว” เสิ่นหรูโจวยิ้มปลอบพวกนางครั้งหนึ่ง จากนั้นยื่นนิ้วออกไปโบกที่เบื้องหน้าของพวกนาง “ไ
“ห้ามลูบนะ!” เสียงหนึ่งดังขึ้นอย่างกะทันหัน จากนั้นไม้ปัดขนไก่ด้ามหนึ่งก็ฟาดไปที่หลังมือของเมี่ยวตงเมี่ยวตงร้องอุทานเสียงต่ำทีหนึ่ง โชคดีที่ตอบสนองได้ไว ดึงมือกลับมาในทันที ไม่เช่นนั้นหลังมือคงถูกตีจนบวมแล้วแววตาของเสิ่นหรูโจวเย็นลงทันที ขมวดคิ้วมองไปอย่างไม่พอใจในมือเสี่ยวเอ้อร์ของร้านถือไม้ขนไก่อยู่ด้ามหนึ่ง สายตาดูแคลนกวาดตามองพวกเสิ่นหรูโจวทั้งสองตั้งแต่หัวจรดเท้าไปรอบหนึ่ง จากนั้นแค่นเสียงออกจากจมูกทีหนึ่ง “ไม่ซื้อก็อย่าเที่ยวจับ!” กล่าวจบ ไม้ปัดขนไก่ในมือด้ามนั้นของเขาก็ปัดไปบนชุดเบาๆน้ำเสียงของเสิ่นหรูโจวเย็นชาดุจน้ำแข็ง “พวกเจ้าปฏิบัติต่อแขกเช่นนี้หรือ?” เมี่ยวตงกำฝ่ามือแน่น ใบหน้าเต็มไปด้วยความโมโหเสี่ยวเอ้อร์ในร้านมีท่าทีเย่อหยิ่งอย่างมาก ไม่แม้แต่จะมองพวกนางตรงๆ “แขกทั้งสองท่านโปรดอภัย ที่ข้าทำเช่นนี้ก็เพราะปรารถนาดีต่อพวกท่าน เสื้อผ้าชุดนี้แพงอย่างมาก หากลูบจนเสียหายขึ้นมาพวกท่านอาจชดใช้ไม่ไหว” เสิ่นหรูโจวหัวเราะอย่างเยาะหยันครั้งหนึ่ง “เสื้อผ้าอะไรกันลูบเพียงครั้งเดียวก็พังแล้ว ร้านของพวกเจ้าช่างไม่เหมือนใครจริงๆ” “ร้านของพวกเราไม่เหมาะกับทั้งสองท่านจริงๆ
เสี่ยวเอ้อร์ร้านมองหยวนเป่าทองคำก้อนนั้น ดวงตาก็สว่างวาบขึ้นมา จากนั้นก็มองไปทางเสิ่นหรูโจว เผยสีหน้าลำบากใจออกมา“นี่เกรงว่า…”บนใบหน้าของเสิ่นหรูโจวกลับไม่ปรากฏความขุ่นเคือง แววตาของนางมืดสลัวเห็นได้ชัดว่าเจียหนิงจงใจหาเรื่อง หากนางทะเลาะกับเจียหนิงขึ้นมา นางก็จะยิ่งกระตือรือร้น ดังนั้นนางจึงเลือกที่จะหลีกเลี่ยง“ท่านหญิงช่างร่ำรวยนัก แค่เสื้อผ้าไม่กี่ตัวท่านั้น ในเมื่อท่านอยากได้ ข้าสละให้ท่านก็แล้วกัน” กล่าวจบ นางก็หมุนกายไปเลือกตัวอื่นกับเมี่ยวตงเจียหนิงสีหน้าตะลึงไป คิดไม่ถึงจริงๆ ว่าเสิ่นหรูโจวจะยกให้นางทันทีเช่นนี้ดุจดั่งชกหมัดลงบนปุยนุ่น ไม่สบอารมณ์อย่างมากนางเดินเข้าไปคว้าไหล่ของเสิ่นหรูโจว แล้วดึงนางให้หมุนกลับมา “เจ้าหยุดนะ!”เสิ่นหรูโจวเหลือบตามองนางทีหนึ่ง ยื่นมือไปปัดไหล่ของตน “นี่ท่านหญิงหมายความเช่นไร?”“ท่านหญิงเช่นข้าก็ต้องการจะบอกเจ้าว่า อย่าได้คิดว่าเจ้าช่วยกุ้ยเฟยไว้ก็จะลำพองได้” เจียหนิงแค่นเสียงอย่างไม่พอใจทีหนึ่ง เมื่ออยู่ต่อหน้าท่านหญิงเช่นข้า เจ้าก็ไม่นับเป็นตัวอะไรทั้งสิ้น!“คำนี้กล่าวผิดไปแล้ว” เสิ่นหรูโจวหัวเราะเบาๆ ในสีหน้าจริงจังมีการเยาะ
“แน่นอนว่าเป็นข้า!” เจียหนิงชี้นิ้วไปยังเสิ่นหรูโจวอย่างลำพอง ส่งสายตาดั่งใบมีดอันทิ่มแทงไป และกล่าวเสียงดังว่า “วันนี้นางเลือกสิ่งใด ข้าก็จะซื้อสิ่งนั้น!” ในเมื่อมิให้นางได้สมหวัง เช่นนั้นเสิ่นหรูโจวก็อย่าหวังจะได้เป็นสุขเลย!เสิ่นหรูโจวเลิกคิ้ว มุมปากยกขึ้นเป็นรอยยิ้มเมี่ยวตงขมวดคิ้วกล่าว “คุณหนู ไม่เช่นนั้นพวกเราไปดูที่ร้านอื่นดีหรือไม่เจ้าคะ?” “ไม่ต้องหรอก เสื้อผ้าของที่นี่คุณภาพดีจริงๆ พวกเราก็ซื้อที่นี่แหละ” เสิ่นหรูโจวจงใจเพิ่มเสียงให้ดังขึ้น “ท่านหญิงคงไม่อาจซื้อเสื้อผ้าไปหมดทุกชุด ถึงอย่างไรก็คงเหลือให้พวกเราสักชุดสองชุดละนะ” นางลูบกระโปรงแสงจันทร์ [1] ตัวหนึ่ง บนในหน้าแสดงรอยยิ้มตื่นเต้นยินดีออกมา “ตัวนี้สวยเหลือเกิน เสี่ยวเอ้อร์ ราคาเท่าใด?”เสี่ยวเอ้อร์ร้านกล่าวด้วยรอยยิ้มว่า “นายหญิงท่านนี้สายตาดีมากขอรับ กระโปรงตัวนี้ทำจากผ้าไหมหางโจว ราคาสี่สิบตำลึงเงินขอรับ” “ข้าเอาแล้ว!” เจียหนิงไม่รอให้เสิ่นหรูโจวเอ่ยปากก็แย่งไปก่อนทันที “หยินซวง จ่ายเงิน” หยินซวงหยิบหยวนเป่าทองคำออกมาหนึ่งก้อนทันที ท่าทีดูมือเติบอย่างมากเสี่ยวเอ้อร์ของร้านมองสีหน้าของเสิ่นหรูโจวสองครั
“ท่านหญิง ท่านแน่ใจว่าจะรับกระโปรงหม่าเมี่ยนตัวนี้ด้วยหรือขอรับ? เสี่ยวเอ้อร์ร้านประคองกระโปรงไว้ในมือ บนในหน้าประดับด้วยรอยยิ้มสุภาพ “ตัวนี้ห้าสิบตำลึงขอรับ” เสิ่นหรูโจวยิ้มบางพลางกอดอก ท่าทีราวกำลังชมงิ้วเจียหนิงลอบกัดฟัน พูดกับเสี่ยวเอ้อร์ร้านว่า “ลงบัญชีของข้าไว้ก่อน” เสี่ยวเอ้อร์ร้านเผยรอยยิ้มลำบากใจออกมา “ทางร้านของเราไม่มีระเบียบนี้ หากท่านหญิงต้องการค้างชำระไว้ก่อนจริงๆ ผู้น้อยต้องไปขออนุญาตจากเถ้าแก่ก่อนขอรับ โอ้ เถ้าแก่ของร้านเรามาพอดีขอรับ” เจียหนิงหันกลับไปมอง ชายหนุ่มที่มีใบหน้าสง่างามผู้หนึ่งสาวเท้าเข้ามาอย่างช้าๆหนิงซวงกระซิบที่ข้างหูของเจียหนิงว่า “ท่านหญิง เขาคือเจียงรุ่ย เดิมเป็นแม่ทัพใหญ่ใต้สังกัดของท่านผู้สำเร็จราชการ ต่อมาลาออกมาทำกิจการขอรับ” เจียงรุ่ยก้าวเข้ามาประสานมือแสดงความเคารพ ยิ้มบางๆ ว่า “พระชายาของท่านอ๋องอู่เฉิงและท่านหญิงเจียหนิงมาเยือนด้วยตนเอง ข้าไม่ได้ต้อนรับให้ดี เสียมารยาทแล้วขอรับ” เสิ่นหรูโจวเห็นเขามีท่าทีสุภาพ ไม่มีเจตนาร้าย จึงได้พยักหน้าเสี่ยวเอ้อร์ร้านเดินไปที่ข้างกายของเจียงรุ่ย “นายท่าน ท่านหญิงชื่นชอบกระโปรงตัวนี้ ประสงค์จ
แม้ในใจสีหน้าของเสิ่นหรูโจวจะดูสงบไร้คลื่นลม ทว่าภายในใจกลับกำลังปั่นป่วนนางชอบเสื้อขนนกยูงทองตัวนี้เป็นอย่างมาก และนางก็พึ่งหาเงินมาได้หนึ่งแสนตำลึงทองพอดี เรื่องซื้อนั้นย่อมซื้อได้ ทว่าให้นำเงินมหาศาลขนาดนี้ไปซื้อเสื้อผ้า อย่างไรเสียตัดใจไม่ลงนางกำลังคิดว่าจะปฏิเสธเจ้าของร้านอย่างละมุนละม่อมอย่างไรดี ในเวลานี้เอง เจียงรุ่ยก็เอ่ยปากอย่างยิ้มแย้มว่า “หากพระชายาต้องการ ข้าจะไม่คิดเงินแม้แต่เหวินเดียว มอบให้พระชายาเลยขอรับ” เสิ่นหรูโจวมีสีหน้าตกตะลึงเล็กน้อย มองไปยังเจียงรุ่ยอย่างประหลาดใจเจียหนิงพองขนแล้ว ชี้ไปที่เจียงรุ่ยและด่าว่า “เจ้าหมายความว่าอย่างไรกัน! ท่านหญิงเช่นข้าจะซื้อ เจ้ากลับเรียกราคาเสียสูงลิ่ว แต่พอนางซื้อ เจ้ากลับไม่เก็บเงินแม้แต่เหวินเดียว”เจียงรุ่ยประสานมือยิ้มบางๆ “พระชายาเป็นแขกผู้มีเกียรติของร้านเรา ย่อมไม่เหมือนกันอย่างแน่นอน” เจียหนิงขึ้นเสียงว่า “เบิกตาสุนัขของเจ้าดูให้ดี! ตัวข้าคือท่านหญิง มีพระมารดาเป็นองค์หญิง ท่านหญิงเยี่ยงข้าสูงส่งกว่านางมากนัก!”เจียงรุ่ยกล่าวว่า “ข้าน้อยย่อมไม่มีทางดูแคลนท่านอย่างแน่นอน เพียงแต่ว่า…”พอแล้ว!” เจียหนิงตะคอกใส
เซียวเฉินเหยี่ยนหลับตาลง ใช้นิ้วนวดที่หว่างคิ้ว เห็นได้ชัดว่ารู้สึกรำคาญอยู่บ้างเมื่อวานเสิ่นหรูโจวขี่ม้าตัวเดียวกับเป่ยซิวเยี่ยนจากไปต่อหน้าต่อตาเขา ทำให้เขาโมโหไม่น้อย เขาจึงยังไม่ได้คิดจะไปหานาง แต่สุขภาพของเสด็จพี่หญิงกลับไม่อาจล่าช้าได้เขาลืมตาขึ้น ก้นบึ้งของดวงตาอันมืดมิดเต็มไปด้วยอารมณ์ที่อัดอั้น “ตอนนี้เสิ่นหรูโจวอยู่ที่ใด?”กลับเรือนของนางไปแล้ว หรืออยู่กับเป่ยซิวเยี่ยนกัน?พ่อบ้านตอบตามความจริงว่า “เมื่อวานตอนค่ำพระชายาก็กลับเรือนของตนเองแล้วขอรับ ยามนี้น่าจะอยู่ที่เรือนนะขอรับ” สีหน้าเคร่งขมึงของเซียวเฉินเหยี่ยนผ่อนคลายลงเล็กน้อย ลุกขึ้นยืนแล้วเดินออกไปเพียงครู่เดียว รถม้าก็มาจอดอยู่ที่หน้าบ้านของเสิ่นหรูโจวเซียวเฉินเหยี่ยนเดินออกมาจากรถม้า ขณะที่เพิ่งลงจากรถม้า ก็เห็นจากไม่ไกล เสิ่นหรูโจวกับเมี่ยวตงกำลังกลับมาอย่างมีความสุขบนใบหน้าอันงดงามของเสิ่นหรูโจวประดับด้วยรอยยิ้มกว้าง ในมือถือพุทราเชื่อมไม้หนึ่งกำลังส่งเข้าปาก ฝีเท้าผ่อนคลายและรวดเร็วอย่างมาก ทั่วทั้งร่างต่างส่องประกายความร่าเริงออกมาเห็นนางเบิกบานเช่นนี้ เซียวเฉินเหยี่ยนก็รู้สึกโมโหขึ้นมาอย่างไม่มีเห