ลู่หวายหนิงมีท่าทีแบบ ‘ข้าเข้าใจทุกอย่าง’ จากนั้นก็หัวเราะอย่างเจ้าเล่ห์“อาจารย์ ท่านก็อย่าได้ปิดบังอีกเลย วันนี้ท่านถึงขนาดให้พี่สาวอยู่กินข้าวด้วยแล้ว ท่านจะต้องชอบนางอย่างแน่นอน คิดจะแต่งนางกลับมาเป็นอาจารย์หญิงของข้า ใช่ไหมขอรับ!” ดวงตาของเป่ยซิวเยี่ยนหรี่ลง ถอนหายใจออกมาครั้งหนึ่ง จากนั้นยื่นมือไปดีดหน้าผากของลู่หวายหนิงอย่างแรงครั้งหนึ่ง“หุบปาก เจ้าอายุยังน้อยเช่นนี้ ทั้งวันในหัวเอาแต่คิดสิ่งใดกันนะ?” ลู่หวายหนิงถูหน้าผากของตน บ่นพึมพำอย่างไม่ยินยอมว่า “แม้หวายหนิงอายุยังน้อย แต่สิ่งที่ควรรู้ก็รู้หมดแล้วนะขอรับ!” “พอแล้ว” เป่ยซิวเยี่ยนเหลือบมองเขาอย่างเยียบเย็นทีหนึ่ง กล่าวอย่างโหดร้ายว่า “ในเมื่ออยู่ว่างไม่มีอะไรทำ เช่นนั้นก็ไปคัดตำราพิชัยสงครามของซุนวู[footnoteRef:1]ห้ารอบ เจ้าจะได้ไม่เอาแต่คิดเรื่องไร้สาระทั้งวัน” [1: พิชัยสงครามซุนวู หรือ พิชัยสงครามซุนจื่อ เป็นตำรายุทธศาสตร์การทหารหรือตำราพิชัยสงครามของจีน ซึ่งเขียนขึ้นเมื่อราวหกร้อยปีก่อนคริสตกาลโดยซุนจื่อ นักยุทธศาสตร์คนสำคัญในยุครณรัฐของจีน เนื้อหาในตำราพิชัยสงครามฉบับนี้มี 13 บท แต่ละบทเน้นถึงแต่ละแง่มุมของกา
ชุนซิ่ววางมือบนหัวใจแล้วตบเบาๆ “ช่วงบ่ายตอนที่คนของจวนอุปราชมารับของไป บอกว่าท่านไม่เป็นอะไร และยังสร้างผลงานใหญ่ในวังด้วย พวกเราถึงได้วางใจเจ้าค่ะ” เมี่ยวตงเดินเข้ามาจับแขนของเสิ่นหรูโจว แล้วกล่าวอย่างเป็นห่วงว่า “คุณหนู ท่านอ๋องพาท่านไปที่ใดกัน? ได้รังแกท่านหรือไม่?”เสิ่นหรูโจวหัวเราะเบาๆ ทีหนึ่ง “เปล่าหรอก พวกเจ้าก็เห็นแล้วว่าข้ายังสบายดีอยู่ไม่ใช่หรือ?”นางหมุนกายรอบหนึ่งแล้วกล่าวว่า “คุณหนูของพวกเจ้าก็ไม่ใช่คนที่ถูกรังแกง่ายๆ เหมือนลูกพลับนิ่มเสียหน่อย แล้วจะถูกเขารังแกได้อย่างไร?”“เป็นเยี่ยงนั้นก็ดีเจ้าค่ะ” ซุนซิ่วถอนใจอย่างโล่งอกทีหนึ่ง แล้วกล่าวต่ออย่างไม่พอใจนักว่า “ท่านอ๋องทำกับท่านเช่นนี้ได้อย่างไรเจ้าคะ พวกบ่าวเห็นกับตาว่า คนของพระองค์ตีท่านจนสลบแล้วยัดใส่รถม้าไป ช่างทำเกินไปแล้ว!”เมี่ยวตงมองสีหน้าที่เต็มไปด้วยความโมโหของชุนซิ่ว กัดริมฝีปาก แต่ยังคงไม่กล้าบอกนางว่า ตอนที่คุณหนูอยู่ที่จวนอ๋องยังต้องเผชิญกับเรื่องที่เลวร้ายยิ่งกว่านี้อีก“เอาเถอะ เรื่องในวันนี้ก็อย่าได้พูดออกไปแล้ว” เสิ่นหรูโจวยิ้มปลอบพวกนางครั้งหนึ่ง จากนั้นยื่นนิ้วออกไปโบกที่เบื้องหน้าของพวกนาง “ไ
“ห้ามลูบนะ!” เสียงหนึ่งดังขึ้นอย่างกะทันหัน จากนั้นไม้ปัดขนไก่ด้ามหนึ่งก็ฟาดไปที่หลังมือของเมี่ยวตงเมี่ยวตงร้องอุทานเสียงต่ำทีหนึ่ง โชคดีที่ตอบสนองได้ไว ดึงมือกลับมาในทันที ไม่เช่นนั้นหลังมือคงถูกตีจนบวมแล้วแววตาของเสิ่นหรูโจวเย็นลงทันที ขมวดคิ้วมองไปอย่างไม่พอใจในมือเสี่ยวเอ้อร์ของร้านถือไม้ขนไก่อยู่ด้ามหนึ่ง สายตาดูแคลนกวาดตามองพวกเสิ่นหรูโจวทั้งสองตั้งแต่หัวจรดเท้าไปรอบหนึ่ง จากนั้นแค่นเสียงออกจากจมูกทีหนึ่ง “ไม่ซื้อก็อย่าเที่ยวจับ!” กล่าวจบ ไม้ปัดขนไก่ในมือด้ามนั้นของเขาก็ปัดไปบนชุดเบาๆน้ำเสียงของเสิ่นหรูโจวเย็นชาดุจน้ำแข็ง “พวกเจ้าปฏิบัติต่อแขกเช่นนี้หรือ?” เมี่ยวตงกำฝ่ามือแน่น ใบหน้าเต็มไปด้วยความโมโหเสี่ยวเอ้อร์ในร้านมีท่าทีเย่อหยิ่งอย่างมาก ไม่แม้แต่จะมองพวกนางตรงๆ “แขกทั้งสองท่านโปรดอภัย ที่ข้าทำเช่นนี้ก็เพราะปรารถนาดีต่อพวกท่าน เสื้อผ้าชุดนี้แพงอย่างมาก หากลูบจนเสียหายขึ้นมาพวกท่านอาจชดใช้ไม่ไหว” เสิ่นหรูโจวหัวเราะอย่างเยาะหยันครั้งหนึ่ง “เสื้อผ้าอะไรกันลูบเพียงครั้งเดียวก็พังแล้ว ร้านของพวกเจ้าช่างไม่เหมือนใครจริงๆ” “ร้านของพวกเราไม่เหมาะกับทั้งสองท่านจริงๆ
เสี่ยวเอ้อร์ร้านมองหยวนเป่าทองคำก้อนนั้น ดวงตาก็สว่างวาบขึ้นมา จากนั้นก็มองไปทางเสิ่นหรูโจว เผยสีหน้าลำบากใจออกมา“นี่เกรงว่า…”บนใบหน้าของเสิ่นหรูโจวกลับไม่ปรากฏความขุ่นเคือง แววตาของนางมืดสลัวเห็นได้ชัดว่าเจียหนิงจงใจหาเรื่อง หากนางทะเลาะกับเจียหนิงขึ้นมา นางก็จะยิ่งกระตือรือร้น ดังนั้นนางจึงเลือกที่จะหลีกเลี่ยง“ท่านหญิงช่างร่ำรวยนัก แค่เสื้อผ้าไม่กี่ตัวท่านั้น ในเมื่อท่านอยากได้ ข้าสละให้ท่านก็แล้วกัน” กล่าวจบ นางก็หมุนกายไปเลือกตัวอื่นกับเมี่ยวตงเจียหนิงสีหน้าตะลึงไป คิดไม่ถึงจริงๆ ว่าเสิ่นหรูโจวจะยกให้นางทันทีเช่นนี้ดุจดั่งชกหมัดลงบนปุยนุ่น ไม่สบอารมณ์อย่างมากนางเดินเข้าไปคว้าไหล่ของเสิ่นหรูโจว แล้วดึงนางให้หมุนกลับมา “เจ้าหยุดนะ!”เสิ่นหรูโจวเหลือบตามองนางทีหนึ่ง ยื่นมือไปปัดไหล่ของตน “นี่ท่านหญิงหมายความเช่นไร?”“ท่านหญิงเช่นข้าก็ต้องการจะบอกเจ้าว่า อย่าได้คิดว่าเจ้าช่วยกุ้ยเฟยไว้ก็จะลำพองได้” เจียหนิงแค่นเสียงอย่างไม่พอใจทีหนึ่ง เมื่ออยู่ต่อหน้าท่านหญิงเช่นข้า เจ้าก็ไม่นับเป็นตัวอะไรทั้งสิ้น!“คำนี้กล่าวผิดไปแล้ว” เสิ่นหรูโจวหัวเราะเบาๆ ในสีหน้าจริงจังมีการเยาะ
“แน่นอนว่าเป็นข้า!” เจียหนิงชี้นิ้วไปยังเสิ่นหรูโจวอย่างลำพอง ส่งสายตาดั่งใบมีดอันทิ่มแทงไป และกล่าวเสียงดังว่า “วันนี้นางเลือกสิ่งใด ข้าก็จะซื้อสิ่งนั้น!” ในเมื่อมิให้นางได้สมหวัง เช่นนั้นเสิ่นหรูโจวก็อย่าหวังจะได้เป็นสุขเลย!เสิ่นหรูโจวเลิกคิ้ว มุมปากยกขึ้นเป็นรอยยิ้มเมี่ยวตงขมวดคิ้วกล่าว “คุณหนู ไม่เช่นนั้นพวกเราไปดูที่ร้านอื่นดีหรือไม่เจ้าคะ?” “ไม่ต้องหรอก เสื้อผ้าของที่นี่คุณภาพดีจริงๆ พวกเราก็ซื้อที่นี่แหละ” เสิ่นหรูโจวจงใจเพิ่มเสียงให้ดังขึ้น “ท่านหญิงคงไม่อาจซื้อเสื้อผ้าไปหมดทุกชุด ถึงอย่างไรก็คงเหลือให้พวกเราสักชุดสองชุดละนะ” นางลูบกระโปรงแสงจันทร์ [1] ตัวหนึ่ง บนในหน้าแสดงรอยยิ้มตื่นเต้นยินดีออกมา “ตัวนี้สวยเหลือเกิน เสี่ยวเอ้อร์ ราคาเท่าใด?”เสี่ยวเอ้อร์ร้านกล่าวด้วยรอยยิ้มว่า “นายหญิงท่านนี้สายตาดีมากขอรับ กระโปรงตัวนี้ทำจากผ้าไหมหางโจว ราคาสี่สิบตำลึงเงินขอรับ” “ข้าเอาแล้ว!” เจียหนิงไม่รอให้เสิ่นหรูโจวเอ่ยปากก็แย่งไปก่อนทันที “หยินซวง จ่ายเงิน” หยินซวงหยิบหยวนเป่าทองคำออกมาหนึ่งก้อนทันที ท่าทีดูมือเติบอย่างมากเสี่ยวเอ้อร์ของร้านมองสีหน้าของเสิ่นหรูโจวสองครั
“ท่านหญิง ท่านแน่ใจว่าจะรับกระโปรงหม่าเมี่ยนตัวนี้ด้วยหรือขอรับ? เสี่ยวเอ้อร์ร้านประคองกระโปรงไว้ในมือ บนในหน้าประดับด้วยรอยยิ้มสุภาพ “ตัวนี้ห้าสิบตำลึงขอรับ” เสิ่นหรูโจวยิ้มบางพลางกอดอก ท่าทีราวกำลังชมงิ้วเจียหนิงลอบกัดฟัน พูดกับเสี่ยวเอ้อร์ร้านว่า “ลงบัญชีของข้าไว้ก่อน” เสี่ยวเอ้อร์ร้านเผยรอยยิ้มลำบากใจออกมา “ทางร้านของเราไม่มีระเบียบนี้ หากท่านหญิงต้องการค้างชำระไว้ก่อนจริงๆ ผู้น้อยต้องไปขออนุญาตจากเถ้าแก่ก่อนขอรับ โอ้ เถ้าแก่ของร้านเรามาพอดีขอรับ” เจียหนิงหันกลับไปมอง ชายหนุ่มที่มีใบหน้าสง่างามผู้หนึ่งสาวเท้าเข้ามาอย่างช้าๆหนิงซวงกระซิบที่ข้างหูของเจียหนิงว่า “ท่านหญิง เขาคือเจียงรุ่ย เดิมเป็นแม่ทัพใหญ่ใต้สังกัดของท่านผู้สำเร็จราชการ ต่อมาลาออกมาทำกิจการขอรับ” เจียงรุ่ยก้าวเข้ามาประสานมือแสดงความเคารพ ยิ้มบางๆ ว่า “พระชายาของท่านอ๋องอู่เฉิงและท่านหญิงเจียหนิงมาเยือนด้วยตนเอง ข้าไม่ได้ต้อนรับให้ดี เสียมารยาทแล้วขอรับ” เสิ่นหรูโจวเห็นเขามีท่าทีสุภาพ ไม่มีเจตนาร้าย จึงได้พยักหน้าเสี่ยวเอ้อร์ร้านเดินไปที่ข้างกายของเจียงรุ่ย “นายท่าน ท่านหญิงชื่นชอบกระโปรงตัวนี้ ประสงค์จ
แม้ในใจสีหน้าของเสิ่นหรูโจวจะดูสงบไร้คลื่นลม ทว่าภายในใจกลับกำลังปั่นป่วนนางชอบเสื้อขนนกยูงทองตัวนี้เป็นอย่างมาก และนางก็พึ่งหาเงินมาได้หนึ่งแสนตำลึงทองพอดี เรื่องซื้อนั้นย่อมซื้อได้ ทว่าให้นำเงินมหาศาลขนาดนี้ไปซื้อเสื้อผ้า อย่างไรเสียตัดใจไม่ลงนางกำลังคิดว่าจะปฏิเสธเจ้าของร้านอย่างละมุนละม่อมอย่างไรดี ในเวลานี้เอง เจียงรุ่ยก็เอ่ยปากอย่างยิ้มแย้มว่า “หากพระชายาต้องการ ข้าจะไม่คิดเงินแม้แต่เหวินเดียว มอบให้พระชายาเลยขอรับ” เสิ่นหรูโจวมีสีหน้าตกตะลึงเล็กน้อย มองไปยังเจียงรุ่ยอย่างประหลาดใจเจียหนิงพองขนแล้ว ชี้ไปที่เจียงรุ่ยและด่าว่า “เจ้าหมายความว่าอย่างไรกัน! ท่านหญิงเช่นข้าจะซื้อ เจ้ากลับเรียกราคาเสียสูงลิ่ว แต่พอนางซื้อ เจ้ากลับไม่เก็บเงินแม้แต่เหวินเดียว”เจียงรุ่ยประสานมือยิ้มบางๆ “พระชายาเป็นแขกผู้มีเกียรติของร้านเรา ย่อมไม่เหมือนกันอย่างแน่นอน” เจียหนิงขึ้นเสียงว่า “เบิกตาสุนัขของเจ้าดูให้ดี! ตัวข้าคือท่านหญิง มีพระมารดาเป็นองค์หญิง ท่านหญิงเยี่ยงข้าสูงส่งกว่านางมากนัก!”เจียงรุ่ยกล่าวว่า “ข้าน้อยย่อมไม่มีทางดูแคลนท่านอย่างแน่นอน เพียงแต่ว่า…”พอแล้ว!” เจียหนิงตะคอกใส
เซียวเฉินเหยี่ยนหลับตาลง ใช้นิ้วนวดที่หว่างคิ้ว เห็นได้ชัดว่ารู้สึกรำคาญอยู่บ้างเมื่อวานเสิ่นหรูโจวขี่ม้าตัวเดียวกับเป่ยซิวเยี่ยนจากไปต่อหน้าต่อตาเขา ทำให้เขาโมโหไม่น้อย เขาจึงยังไม่ได้คิดจะไปหานาง แต่สุขภาพของเสด็จพี่หญิงกลับไม่อาจล่าช้าได้เขาลืมตาขึ้น ก้นบึ้งของดวงตาอันมืดมิดเต็มไปด้วยอารมณ์ที่อัดอั้น “ตอนนี้เสิ่นหรูโจวอยู่ที่ใด?”กลับเรือนของนางไปแล้ว หรืออยู่กับเป่ยซิวเยี่ยนกัน?พ่อบ้านตอบตามความจริงว่า “เมื่อวานตอนค่ำพระชายาก็กลับเรือนของตนเองแล้วขอรับ ยามนี้น่าจะอยู่ที่เรือนนะขอรับ” สีหน้าเคร่งขมึงของเซียวเฉินเหยี่ยนผ่อนคลายลงเล็กน้อย ลุกขึ้นยืนแล้วเดินออกไปเพียงครู่เดียว รถม้าก็มาจอดอยู่ที่หน้าบ้านของเสิ่นหรูโจวเซียวเฉินเหยี่ยนเดินออกมาจากรถม้า ขณะที่เพิ่งลงจากรถม้า ก็เห็นจากไม่ไกล เสิ่นหรูโจวกับเมี่ยวตงกำลังกลับมาอย่างมีความสุขบนใบหน้าอันงดงามของเสิ่นหรูโจวประดับด้วยรอยยิ้มกว้าง ในมือถือพุทราเชื่อมไม้หนึ่งกำลังส่งเข้าปาก ฝีเท้าผ่อนคลายและรวดเร็วอย่างมาก ทั่วทั้งร่างต่างส่องประกายความร่าเริงออกมาเห็นนางเบิกบานเช่นนี้ เซียวเฉินเหยี่ยนก็รู้สึกโมโหขึ้นมาอย่างไม่มีเห
เสิ่นหรูโจวกล่าวอย่างเรียบเฉยว่า “เช่นนั้นก็ไม่ผิดแล้ว ในเวลานี้ ความสามารถในการทำงานของตับของพระองค์ได้รับความเสียหายอย่างมากแล้ว” เมื่อได้ยินคำพูดนี้ เซียวจิ่นซีก็คล้ายจะเจ็บยิ่งกว่าเดิมแล้ว เจ็บจนยืดเอวไม่ขึ้นมองเซียวจิ่นซีที่มีสีหน้าเจ็บปวด เซียวเฉินเหยี่ยนก็ขมวดคิ้ว “เช่นนั้นมีวิธีการรักษาหรือไม่?”เสิ่นหรูโจวมิได้รีบกล่าว นางหยิบขวดยาเล็กๆ ขวดหนึ่งออกมาจากถุงผ้า เทยาลงบนในกลางฝ่ามือเม็ดหนึ่งยื่นไปที่เบื้องหน้าเซียวจิ่นซี “ทรงเสวยสิ่งนี้ลงไปก่อน” เซียวจิ่นซีฝืนยืดเอวขึ้น มองเสิ่นหรูโจวด้วยสีหน้าหวาดระแวง “นี่คือสิ่งใด?”“สายพระเนตรขององค์หญิงทรงไม่ดีหรือเพคะ นี่คือยาอย่างไรเล่าเพคะ”เซียวจิ่นซีไม่เชื่อว่าเสิ่นหรูโจวจะปรารถนาดีเช่นนี้ ลังเลอยู่นานไม่ยอมรับไปเสิ่นหรูโจวจึงชักมือกลับมา กล่าวอย่างไม่อนาทรร้อนใจว่า “ไม่เสวยก็ช่างเถอะ ปล่อยให้ทรงปวดตายก็แล้วกัน” เซียวจิ่นซีกัดฟัน คว้าแย่งมาจากนั้นยัดเข้าปากไปเสิ่นหรูโจวโค้งริมฝีปาก หัวเราะอย่างเย้ยหยันทีหนึ่ง จากนั้นจึงพูดวิธีการรักษาออกมา “ตับของพระองค์ยามนี้เสียหายแล้ว หากทรงต้องการมีชีวิตรอด ก็จะต้องตัดตับของพระองค์ออก
เซียวจิ่นซีคิดจะบันดาลโทสะอีกครั้ง ทว่าเซียวเฉินเหยี่ยนขมวดคิ้วมองนาง เขากล่าวด้วยน้ำเสียงเคร่งขรึมว่า “เสด็จพี่ แทนที่จะทรงตรัสสิ่งใดด้วยโทสะเพื่อความสะใจเพียงชั่วครู่ มิสู้ทรงให้เสิ่นหรูโจวตรวจอาการให้พระองค์อย่างว่าง่ายดีกว่าพ่ะย่ะค่ะ การรักษาพระวรกายให้หายดีสำคัญที่สุดนะพ่ะย่ะค่ะ"เต๋อเฟยก็เกลี้ยกล่อมเช่นกัน “นั่นสิ จิ่นซี อย่าได้เสียเวลาอีกเลย รีบให้หรูโจวตรวจให้เจ้าเถอะ” สุดท้ายแล้ว เซียวจิ่นซีก็ต้องการรักษาชีวิตตน ไม่ว่าจะเคียดแค้นเสิ่นหรูโจวอย่างไร ยามนี้ก็มิใช่เวลาที่จะมาก่อเรื่อง นางจึงแค่นเสียงเย็นครั้งหนึ่ง แล้วก็ไม่กล่าวสิ่งใดอีกเซียวเฉินเหยี่ยนมองไปยังเสิ่นหรูโจว พูดเสียงเบาว่า “นี่เป็นพระบัญชาของเสด็จพ่อ เจ้าก็อย่าได้เอาแต่ใจ” เดิมเสิ่นหรูโจวก็ไม่คิดจะจากไปจริงๆ เพียงแค่ขู่เซียวจิ่นซีไปอย่างนั้น บัญชาของฮ่องเต้ไม่อาจฝืน นอกจากนี้ นางก็จำเป็นจะต้องสร้างโอกาสให้ตนได้หย่าเช่นกันนางเดินกลับไปอย่างเรื่อยเฉื่อย นั่งลงข้างกายเซียวจิ่นซี “รบกวนองค์หญิงทรงยื่นพระหัตถ์ออกมาด้วยเพคะ” สีหน้าของเซียวจิ่นซีไม่น่ามอง ทว่ายังคงทำตามครั้งก่อนที่เสิ่นหรูโจวตรวจอาการให้เซียวจิ
เมื่อเสิ่นหรูโจวได้ยินคำพูดประโยคสุดท้าย สีหน้าก็ผ่อนคลายลงไม่น้อยดูไปแล้ว จนถึงตอนนี้ยังคงถือได้ว่าราบรื่น ด่านเคราะห์ของท่านพ่ออยู่ที่การศึกครั้งสุดท้าย ไม่รู้ว่าเวลานี้ยาของนางส่งไปถึงหรือยัง หากดูตามเวลาก็น่าจะทันการอยู่ขอเพียงท่านพ่อใช้ยาของนาง ก็จะไม่ทิ้งโรคเรื้อรังไว้ในภายหลังแล้วนับแต่ได้ถือกำเนิดใหม่กลับมา นางยังมิได้พบท่านพ่อเลย นางจะต้องทำให้ท่านพ่อกลับมาอย่างปลอดภัยให้ได้เซียวเฉินเหยี่ยนเห็นว่าเมื่อนางได้ฟังข่าวของบิดาและพี่ชาย อารมณ์ก็คล้ายจะสงบลงไม่น้อย จึงลองกล่าวว่า “ในอนาคต เจ้ายังคงแก้นิสัยของเจ้าหน่อยเถิด” เสิ่นหรูโจวเงยหน้ามองเขา “นิสัยของข้าเป็นอย่างไร?”“ทุกครั้งที่เจ้าพบกับองค์หญิงเจาหยาง ล้วนมีเรื่องกันจนตึงเครียด” เซียวเฉินเหยี่ยนพยายามพูดอย่างละมุนละม่อม หวังว่านางจะรับฟัง “ถึงอย่างไรนางก็เป็นเสด็จพี่หญิงของข้า เมื่ออยู่ต่อหน้านาง เจ้าก็แสดงท่าทีที่ดีสักหน่อย อย่าใช้อารมณ์ไปเสียทุกเรื่อง” เสิ่นหรูโจวหัวเราะอย่างเยาะหยันทีหนึ่ง กล่าวอย่างดูแคลนว่า “ท่านอย่าได้มาบงการข้า” บนใบหน้าของเซียวเฉินเหยี่ยนมีความไม่พอใจวาบผ่าน "หากเจ้ามีสิ่งใดไม่พอใจ อยาก
เริ่มจากชายแดนส่งข่าวด่วนมา บิดาและพี่ชายของเสิ่นหรูโจวจึงนำทัพไปช่วยที่ชายแดน ภาพเหตุการณ์เปลี่ยนไป กลายเป็นฉากที่รายงานการรบถูกส่งมา ท่านแม่ทัพเสิ่นถูกธนูของศัตรูยิงทะลุมือ เนื่องจากขาดแคลนยาและสิ่งของทำให้ไม่มียารักษา ทว่าก็ยังคงรบชนะต่อมา หลังจากแม่ทัพใหญ่เสิ่นกลับมาถึงเมืองหลวงพร้อมชัยชนะ ก็ล้มป่วยจนต้องนอนอยู่บนเตียงตลอด ส่วนที่จวนอ๋อง เสิ่นหรูโจวกับมู่หว่านหรงทะเลาะกันครั้ง เขาจึงลงโทษกักบริเวณให้นางสำนึกตน นางบังเอิญเป็นหวัดพอดี จึงนอนซมลุกไม่ขึ้น ทำให้ไม่รู้เรื่องที่ท่านแม่ทัพใหญ่เสิ่นได้รับบาดเจ็บผ่านไปไม่กี่วันเมื่อนางรู้ข่าว ก็มาขอร้องต่อหน้าเขา ต้องการให้เขาไปส่งของบำรุงจำนวนหนึ่งไปให้บิดา เขามองใบหน้าที่อ่อนแรงและซีดขาวของนาง ไม่มีความสงสารแม้แต่น้อย มองดูนางอย่างเย็นชาท้ายที่สุดเขายังคงให้คนไปส่งของ ทว่าเด็กรับใช้ส่งไปในนามของเขา รอจนพวกเขารู้เรื่อง เรื่องราวก็ผ่านไปนานแล้ว ความสัมพันธ์ของเสิ่นหรูโจวและตระกูลเสิ่นก็มาถึงจุดเยือกแข็งแล้วเช่นกัน นั่นเป็นครั้งแรกที่นางปวดใจอย่างที่สุด และก็เป็นครั้งแรกที่นางใส่อารมณ์กับเขา ดั่งเช่นในยามนี้เซียวเฉิยเหยี่ยนยันรถม้าไว้
สีหน้าของเซียวเฉินเหยี่ยนไม่น่ามองอยู่บ้าง “หรือเจ้าจะให้ข้ายืนรอเจ้าอยู่ด้านนอก?”“ท่านจะนั่งยองลงก็ได้เช่นกัน” ใบหน้าของเสิ่นหรูโจวไม่มีความรู้สึกแม้แต่น้อย “ข้าขอบอกท่านไว้เลย เวลานี้ไม่ว่าข้าจะมองท่านที่ใดก็ขัดตาไปหมด หากท่านไม่ต้องการสร้างความอับอายให้ตนเอง ก็อย่าได้มายั่วโมโหข้า!”กล่าวจบ นางก็หมุนตัวเดินเข้าประตูไป จากนั้นปิดประตูลงดัง ‘ปัง’เซียวเฉินเหยี่ยนยืนอยู่ที่เดิม เขากำหมัดแน่นมองประตูใหญ่ที่ถูกปิดสนิท เขารู้สึกโมโหเป็นอย่างมาก ทว่าในใจก็เกิดความรู้สึกถึงความแตกต่างขึ้นมาเช่นกันในอดีต ทั้งดวงตาและหัวใจของเสิ่นหรูโจวล้วนมีแต่เขา ไม่มีทางกีดกันเขาไว้ภายนอกอย่างเด็ดขาด ทว่า ในยามนี้ เขาไม่มีสิทธิ์แม้กระทั่งจะเหยียบเข้าประตูเรือนของนางแล้วอย่างนั้นหรือ?ทว่า ความรู้สึกของคนเปลี่ยนแปลงได้ง่ายถึงเพียงนั้นเชียวหรือ เหตุใดเขาจึงโชคไม่ดีเช่นนี้ แต่งงานได้เพียงช่วงสั้นๆ สิบกว่าวัน นางก็ไม่หลงเหลือความรักให้เขาแล้วหลังเสิ่นหรูโจวปิดประตูลง ก็เข้าสู่ห้องของตนเมี่ยวตงเดินมาหาพร้อมรอยยิ้ม “คุณหนูกลับมาแล้วหรือเจ้าคะ ท่านอยากทานสิ่งใด บ่าวจะไปเตรียมให้เจ้าค่ะ” “ไม่ต้องแล้
ชาติก่อนมู่หว่านหรงอาศัยว่าได้รับความโปรดปราน มักแย่งของนางอย่างเปิดเผย ของพระราชทานที่ในวังประทานให้ชายาเอกทุกงานเทศกาลนางก็จะแย่ง ไปช่วยเหลือราษฎรจนสร้างผลงาน นางก็จะแย่งอีก เซียวเฉินเหยี่ยนไม่เคยสนใจแม้แต่น้อย เวลานี้ยิ่งดี แม้แต่ตัวเขาเองก็จะมาแย่งรางวัลของนางด้วย!เซียวเฉินเหยี่ยนถูกคำพูดของเสิ่นหรูโจวซัดไปเป็นชุด ทำให้ภายในใจรู้สึกไม่สบอารมณ์อยู่บ้างเขาจับข้อมือเสิ่นหรูโจวแน่นไม่ยอมปล่อย ความโมโหในก้นบึ้งของดวงตาปรากฏขึ้นแล้วหายไปอย่างรวดเร็ว แปรเปลี่ยนเป็นความมืดมิด จับจ้องไปที่เสิ่นหรูโจวแล้วกล่าวว่า “หากข้าไม่ชิงลงมือก่อนเจ้าก้าวหนึ่ง เจ้าก็คงจะไปขอให้เสด็จพ่อประทานการหย่าให้แล้ว” “ไม่ผิด!” เสิ่นหรูโจวตอบอย่างไม่ลังเลนี่เป็นเรื่องที่นางเฝ้าปรารถนา รอคอยมาสองชาติ!“เจ้า…" เซียวเฉินเหยี่ยนพูดไม่ออกไปชั่วขณะ รู้สึกว่าอารมณ์ความรู้สึกอันซับซ้อนนับหมื่นอัดอั้นอยู่ในอก อึดอัดจนหายใจไม่ออก”โดยพื้นฐานแล้ว เขาดูแคลนต่อการแย่งผลงานสตรี ที่ทำเช่นนี้ ประการแรก เป็นเพราะจดหมายฉบับนั้นของมู่หว่านชิง ประการที่สอง…เขาคิดได้ว่า เสิ่นหรูโจวจะใช้คำสัญญานี้มาหย่ากับเขา เขารู้สึกไม่อยากห
ฉินหมิงตะลึงไป ถามอย่างไม่แน่ใจว่า “ท่านอ๋องไม่เป็นอะไร? คำพูดนี้ของนายน้อยหมายความว่าอย่างไร?”ลู่หวายหนิงดึงฉินหมิงเข้ามาใกล้ขึ้นอีกนิด พยายามระงับความตื่นเต้น ลดเสียงเบาลงแล้วกล่าวว่า “ความหมายก็คือบนร่างของอาจารย์ไม่มีผื่นขึ้น อาจารย์อาการภูมิแพ้ไม่กำเริบตอนอยู่กับพี่สาวน่ะสิ” ดวงตาทั้งคู่ของฉินหมิงเบิกกว้าง พูดอย่างตกใจว่า “จริงหรือขอรับ?”ลู่หวายหนิงหัวเราะออกมา “จริงแท้แน่นอน ข้าทำการยืนยันแล้ว” ฉินหมิงรู้สึกไม่อยากเชื่อ “หลายปีมานี้ ไม่ว่าสตรีนางใดสัมผัสท่านอ๋อง ก็ล้วนทำให้ท่านอ๋องเกินอาการแพ้ มีเพียงหญิงที่นายท่านพบในปีที่แล้วนางนั้นที่ไม่เป็นไร” “พูดไปแล้ว ตามหาสตรีนางนั้นไม่เจอเสียที ช่างน่าเสียดายนัก คิดไม่ถึงว่าพระชายาของอ๋องอู่เฉิงก็ไม่ทำให้นายท่านเกิดอาการแพ้เช่นกัน ช่างเป็นเรื่องดีจริงๆ ราวสวรรค์ได้สรรค์สร้างมา” “นั่นสิ!” ลู่หวายหนิงเห็นด้วยอย่างมาก “อาจารย์หาผู้หญิงคนนั้นไม่เจอสักที อย่างนั้นพี่สาวก็เป็นคู่ชะตาที่สวรรค์ลิขิตมาให้อาจารย์แล้ว! ถ้าพวกเขามาอยู่ด้วยกันเร็วหน่อยก็ดี ข้าแทบรอวันนั้นไม่ไหวแล้ว!”ฉินหมิงพยักหน้า จากนั้นก็รีบส่ายหน้าอย่างรุนแรงทันที “
ในขณะที่พูด เขาก็ยื่นศีรษะเข้าไป มองซ้ายมองขวาเป่ยซิวเยี่ยนยื่นมือออกไปผลักหัวของเขาเบาๆ “ไม่ต้องดูแล้ว ไม่มีหรอก” ลู่หวายหนิงตกใจอย่างมาก ดวงตาเบิกจนกลมโตมองไปที่เป่ยซิวเยี่ยนบนใบหน้าเย็นชาดุจน้ำแข็งของเป่ยซิวเยี่ยน ก็มีความประหลาดใจอยู่อย่างเลือนรางเช่นกันลู่หวายหนิงยังคงรู้สึกไม่ยากที่จะเชื่ออยู่บ้าง จึงทำการยืนยันอีกครั้ง “อาจารย์ขอรับ เมื่อครู่พี่สาวสัมผัสถูกท่านแล้วใช่หรือไม่ขอรับ?” เป่ยซิวเยี่ยนเอนกายไปด้านหลัง พิงลงบนพนักเก้าอี้ ดวงตาล้ำลึกดุจบึงน้ำอันเยือกเย็นหรี่ลงเล็กน้อยเรื่องที่เขาเป็นภูมิแพ้ผู้หญิงมีน้อยคนนักที่จะรู้ เมื่อครู่คิดจะหยุดนางเพื่อหลีกเลี่ยงการสัมผัสโดยตรง แต่กลับทำให้เรื่องกลับตาลปัตรไปกุมมือของนางเข้าโดยบังเอิญ จนเกิดเป็นผลลัพธ์ที่ไม่ได้ตั้งใจขึ้นมา ด้วยเหตุนี้ เขามั่นใจว่าอีกครู่อาการของตนต้องกำเริบ จึงปล่อยให้นางเปลี่ยนยาให้ตนเสียเลย คิดไม่ถึงว่า จนกระทั่งตอนนี้ก็ยังไม่มีอาการผิดปกติอะไรอาการคันชาบริเวณเอวคล้ายจะยังไม่จางหายไป ปลายนิ้วที่เย็นเล็กน้อยตกลงบนหน้าท้องของเขาครั้งแล้วครั้งเล่าราวกับการยั่วเย้า เขาเงียบไปครู่หนึ่ง ลู่หวายหนิงร้อ
เป่ยซิวเยี่ยนมองดวงหน้าที่งดงามดั่งหยกของนาง ดวงตาของนางเต็มไปด้วยความคาดหวัง หัวใจของเขาก็อ่อนลงอย่างน่าประหลาด “ในเมื่อข้ารับปากเจ้าแล้ว ก็ไม่มีทางผิดคำสัญญา เพราะถึงอย่างไรพวกเราก็ต่างมีผลประโยชน์ร่วมกัน”เสิ่นหรูโจวพลันหัวเราะออกมาแล้ว มองเป่ยซิวเยี่ยนอย่างซาบซึ้ง “ท่านผู้สำเร็จราชการ ท่านเป็นคนดีจริงๆ ข้าจะต้องพยายามสุดความสามารถเพื่อรักษาท่านให้ได้แน่” ไม่ว่าในชาติก่อนเขาจะก่อกบฏ เพราะเหตุใด เหตุใดจึงถูกคนขนานนามว่าเป็นพญามัจจุราชที่มีชีวิต แต่สำหรับนางแล้ว เขาก็คือคนดีคนหนึ่งเป่ยซิวเยี่ยนตะลึงไปเล็กน้อย เมื่อเห็นรอยยิ้มที่แย้มบานราวบุปผาของนาง ริมฝีปากบางก็อดโค้งขึ้นเล็กน้อยไม่ได้เช่นกัน “คำชมของพระชายาช่างแปลกใหม่เหลือเกิน” นี่เป็นครั้งแรกที่ได้ยินคนพูดว่าเขาเป็นคนดีแปลกใหม่? แปลกใหม่ตรงที่ใดกัน?เสิ่นหรูโจวรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย แต่ว่าบาดแผลของเขาได้รับการจัดการเรียบร้อยแล้ว นางจึงถือกล่องยาขึ้นมา“ท่านผู้สำเร็จราชการ สองสามวันนี้บาดแผลของท่านกำลังสมานตัว จะคันอย่างมาก เพียงระวังอย่าไปเกาก็จะหายดีแล้ว เช่นนั้นข้าก็ขอตัวก่อนแล้ว” เป่ยซิวเยี่ยนพยักหน้าเบาๆ รอจนเสิ่