หรงหรงเบิกตาโตอย่างตะลึง นางมองเห็นอุปกรณ์การแพทย์ที่ทันสมัยปรากฎขึ้น มีทั้งยาชา ยาแก้ปวด ยาฆ่าเชื้อ และยาอีกหลายชนิดมากมายครบวงจร "อาเฉิน...ตอนนี้ท่านไม่ต้องทนเจ็บ และไม่ต้องกังวลว่าบาดแผลจะติดเชื้ออีกแล้ว....? หรงหรงสวมกอดโม่เฉินทันทีอย่างลืมตัว โม่เฉินยังคงมึนงงไม่เข้าใจในความหมายของนาง และไม
หรงหรงนั่งลงมืออย่างพิถีพิถัน นางตักน้ำรดโคนผมให้โม่เฉิน เพื่อล้างคราบเลือดออกไปก่อนสองถึงสามรอบ ก่อนจะเทน้ำมันระเหยที่ทำจากธรรมชาติ นวดให้ทั่วทั้งบริเวณศรีษะของเขา และขยี้เบาๆจนเกิดฟองอย่างระแวดระวัง เพราะกลัวว่าหนังศรีษะเขา จะมีบาดแผลในส่วนที่นางมองไม่เห็นอีก โชคดีที่เจ้าของร่างเดิมทำน้ำมันระเหย
รุ่งเช้าที่อากาศแจ่มใส.... หรงหรงตื่นแต่เช้าตรู่ นางนอนไม่หลับทั้งคืน เพราะมัวแต่คิดเรื่องไร้สาระ หรงหรงจึงลงมือเข้าครัวทำอาหารตั้งแต่รุ่งสาง หลังจากนั้นนางรีบออกไปหาบน้ำที่ท้สยหมู่บ้านมาใส่ไว้ในตุ่ม บ้านเรือนบางหลังก็เริ่มทยอยตื่นขึ้นมาบ้างแล้วประปราย "หรงเอ๋อร์...เจ้าช่างขยันจริงเชียว ตื่นมา
หรงหรงรีบหยดเลือดพิสูจน์หาสาเหตุทันที เลือดสีแดงกายเป็นสีดำในชั่วพริบตาเดียว สตรีร่างบางยังไม่ค่อยแน่ใจสักเท่าไหร่ นางจึงหยิบเข็มเงิน เพื่อพิสูจน์หาพิษให้แน่ชัดอีกครั้ง ผลที่ได้...ปลายเข็มเงินกลายเป็นสีดำสนิทขึ้นมาทันที "ร่ายกายได้รับพิษ ท่านแม่....ท่านถูกพิษได้เช่นไรเจ้าคะ...? หรงหรงรีบหันไปถา
"หรงเอ๋อร์!!! รีบตามแม่เข้ามาในห้องประเดี่ยวนี้ แม่ต้องการคำอธิบาย...? นางเมิงทำหน้าตาขึงขังไม่พอใจเป็นอย่างมาก แววตานางลุกโชนราวกับเปลวไฟที่กำลังร้อนระอุ พร้อมที่จะปะทุได้ทุกเมื่อ หญิงชราผู้นี้อยากจะรู้จริงๆเชียว ว่าบุตรสาวตัวดีของนางกำลังคิดอะไรอยู่กันแน่ ถึงได้พาบุรุษลึกลับไม่มีหัวนอนปลายเท้าที
"เพลี้ยะ.!!!" ฝ่ามือหยาบกร้านฟาดไปที่ต้นแขนบุตรสาวไม่ยั้ง "โอ้ยยย...." "ท่านแม่ พอแล้ว ข้าสำนึกผิดไปแล้วจริงๆ" หรงหรงรีบหยิบฝ่ามือหญิงชราขึ้นมาเป่า เมื่อเริ่มเห็นรอยเป็นสีแดง หญิงชรารีบสะบัดมือออกไปในทันที สายตาเพชรฆาตมองไปที่บุตรสาวตัวดี ไม่รู้ว่าบุตรสาวกำลังคิดอะไรอยู่กันแน่ ถึงได้พาบุรุษลึกลั
"ลูกรับปากอาเฉินเอาไว้แล้ว ยังไงลูกก็ต้องรักษาเขาให้หายขาด จะผิดสัจจะวาจามิได้เด็ดขาดเจ้าคะ..." "แต่เรือนเราหลังเล็กนิดเดียว จะอยู่กันยังไงตั้งสามคน แถมเขายังเป็นบุรุษ ระวังเอาไว้หน่อยก็ดี อย่าให้ชาวบ้านมาติฉินนินทาเราเอาได้....? นางเมิงกังวลใจขึ้นมาอย่างเห็นได้ชัด เพราะนางเป็นคนเคร่งครัดในขนบธรรมเ
นางเมิงมองดูบุรุษตรงหน้าอย่างไม่ลดสายตา นางมองสำรวจตั้งแต่หัวจรดเท้าอยู่นาน แล้วจึงเอ่ยออกไป "เจ้าชื่อว่ากระไร......? "ข้าชื่อโม่เฉินขอรับ ท่านแม่..." "ใครเป็นแม่ของเจ้า...เรียกข้าว่าท่านน้าก็พอ.." "คิก...คิก" หรงหรงแอบหลุดหัวเราะออกมา เมื่อได้เห็นว่ามารดาตำหนิคำเรียกของโม่เฉิน "ได้ขอรับ ท
"ไม่ได้!!!...รีบกลับไปพักผ่อนเถิด อย่าได้ทำให้ข้าต้องเป็นห่วงเลยนะ.." กล่าวจบโม่เฉินรีบใช้วิชาตัวเบา อุ้มสตรีตรงหน้าหายไปกลางอากาศอย่างว่องไว "ว้ายยย....นับวันท่านช่างมีนิสัยคล้ายคลึงกับท่านแม่ของข้า กังวลไม่เข้าเรื่อง...." ถึงปากจะบ่นออกไป แต่หรงหรงก็ใช้มือกอดคอโม่เฉินเอาไว้แน่น "สำหรับข้า ร่าง
หมอหญิงคนงามรีบสวมใส่อาภรณ์แล้วเดินจั้มฝีเท้าตามอี้ฟูออกไปอย่างร้อนใจ แต่พอเดินไปถึงจุดเกิดเหตุ นางถึงกับขมวดคิ้วขึ้นมาอย่างขุ่นเคือง เมื่อภาพที่เห็นตรงหน้า กับสิ่งที่คิดในหัว ช่างแตกต่างกันราวฟ้ากับเหว *......* "นี้มันอะไรกันเจ้าอ้วน เจ้ากลายเป็นเด็กเลี้ยงแกะไปตั้งแต่เมื่อไหร่....? "ปัดโธ่...
โม่เฉินเงียบไปชั่วขณะ ก็จะเอ่ยออกมาเพื่อให้สตรีตรงหน้าคลายกังวล "ข้าก็อยู่แต่ในห้องตำรา จะออกไปที่ไหนได้ หมู่บ้านแห่งนี้ข้าไม่รู้จักมักคุ้นกับใครเลยสักคน เจ้าเองก็น่าจะรู้ดี..." "ให้มันจริงเถอะ อาเฉิน....หากท่านกล้าโกหกข้า ท่านก็น่าจะรู้ผลที่จะตามมาว่าเป็นเช่นไร...? หรงหรงจดจ้องมองปฎิกริยาของคนตร
ฤดูเหมันต์ผ่านพ้นไป ฤดูกาลใหม่หมุนเปลี่ยนเข้ามาแทนที่ หมอหญิงคนงามกำลังนอนแช่น้ำอยู่ในอ่างอาบน้ำภายในห้องอย่างสบายใจ "หรงเอ๋อร์...อยู่หรือไม่...? เสียงเรียกแผ่วเบาตะโกนเข้ามา แต่อีกคนภายในห้องกับกำลังนอนหลับตาพริ้มแช่อยู่ในอ่างน้ำอย่างผ่อนคลาย พร้อมทั้งกำลังฮัมเพลง โดยที่ไม่ได้สนใจเสียงรอบข้าง เ
หลังจากพูดคุยกับหญิงชรานานพอสมควร โม่เฉินก็มุ่งหน้าเดินกลับไปห้องของตนเอง แต่เมื่อเปิดประตูห้องเข้าไป เขาก็เห็นสตรีร่างบาง กำลังนั่งรอเขาพร้อมกับสัตว์เลี้ยงตัวน้อย อย่างใจจดใจจ่อ "ตกลงท่านคุยเรื่องอะไรตั้งครึ่งค่อนวันกับท่านแม่กันแน่...? โม่เฉินยังไม่ทันจะปิดประตูห้อง สตรีร่างบางก็ยิงคำถามขึ้นอย่า
หรงหรงเดินนำหน้าเข้ามาก่อน ยังไม่ทันที่นางจะเอ่ยปากพูด หญิงชราก็รีบออกคำสั่ง ด้วยน้ำเสียงที่แข็งกร้าวขึ้นทันที "คุกเข่า..." บุตรสาวทำตามคำสั่งมารดาโดยไม่ปริปาก พร้อมกับบุรุษต้นเรื่อง ทั้งสองคนคุกเข่าลงพร้อมกัน โดยไม่ปริปากแม้แต่คนเดียว..... "ท่านพี่ ท่านจงมองดูลูกสาวตัวดีของท่านเอาเถิด พวกเขาส
"ไปเถอะน๊า....เดี๋ยวพอถึงก็รู้เองแหละ..." เสียงถกเถียงของทั้งสองคนดังอยู่ภายในห้อง พลันมีเสียงเคาะประตูแทรกขึ้นมา ทำให้ทั้งสองคนหันไปมองทางเดียวกัน อย่างลุ้นระทึก พูดถึงโจโฉ โจโฉก็มา..... "หรงเอ๋อร์...นั้นลูกตื่นแล้วรึ....? เสียงหญิงชราตะโกนเรียก เมื่อเห็นว่าได้เวลาไปตรวจคนไข้ แต่ยังไม่เห็นแม
"ยังจะมีหน้ามายิ้มอีก ท่านเกิดปีหมาหรืออย่างไร ร่องรอยพวกนี้ท่านจงใจฝากไว้บนเรือนร่างข้าชัดๆ...." หรงหรงค่อยๆเลื่อนสายตามองไปทั่วเรือนรางของตนเองอย่างอ่อนระทวย ก่อนจะหันไปมองโม่เฉิน ฉายแววตาเขียวปั๊ดใส่เขา "ข้าเกิดปีกระต่าย มิได้เกิดปีหมาเสียหน่อย..." "โม่เฉิน....นี้ท่านกำลังยอกย้อนคำพูดข้าอยู่ส
"อ่ะ...." หรงเอ๋อร์ส่งเสียงร้องครางออกมาเบาๆด้วยความเจ็บ ริมฝีปากหนาเลื่อนลงจากคอไปที่กระดูกไหปลาร้า ร่างกายหรงหรงเหมือนถูกกระตุ้น ก่อนจะใช้มือทั้งสองข้างกอดรัดเขาเอาไว้แน่น "หรงเอ๋อร์ รีบปล่อยมือออกบัดเดี๋ยวนี้.." โม่เฉินกำลังจะพูดต่อ แต่ถูกหรงหรงดึงเขาลงมาจูบแทน พลันมุมปากของบุรุษยกยิ้มขึ้นม