"ลูกรับปากอาเฉินเอาไว้แล้ว ยังไงลูกก็ต้องรักษาเขาให้หายขาด จะผิดสัจจะวาจามิได้เด็ดขาดเจ้าคะ..." "แต่เรือนเราหลังเล็กนิดเดียว จะอยู่กันยังไงตั้งสามคน แถมเขายังเป็นบุรุษ ระวังเอาไว้หน่อยก็ดี อย่าให้ชาวบ้านมาติฉินนินทาเราเอาได้....? นางเมิงกังวลใจขึ้นมาอย่างเห็นได้ชัด เพราะนางเป็นคนเคร่งครัดในขนบธรรมเ
นางเมิงมองดูบุรุษตรงหน้าอย่างไม่ลดสายตา นางมองสำรวจตั้งแต่หัวจรดเท้าอยู่นาน แล้วจึงเอ่ยออกไป "เจ้าชื่อว่ากระไร......? "ข้าชื่อโม่เฉินขอรับ ท่านแม่..." "ใครเป็นแม่ของเจ้า...เรียกข้าว่าท่านน้าก็พอ.." "คิก...คิก" หรงหรงแอบหลุดหัวเราะออกมา เมื่อได้เห็นว่ามารดาตำหนิคำเรียกของโม่เฉิน "ได้ขอรับ ท
หรงหรงรีบพานางเมิงเดินออกมา ก่อนที่โม่เฉินจะโดนจับกินไปเสียก่อน นางรู้ว่ามารดาไม่ค่อยพอใจในตัวโม่เฉิน อีกทั้งโม่เฉินยังได้รับบาดเจ็บไปทั้งตัว ไม่สามารถช่วยเหลือตัวเองได้ถนัด ยิ่งทำให้มารดาไม่พอใจในข้อนี้เป็นอย่างมาก แต่ตรงกันข้าม นางเมิงกลัวว่าบุตรสาวจะเหนื่อยจนเกินไป แล้วยังต้องมาแบกรับภาระเพิ่ม
"พวกท่านพาคนบุกมายังเรือนของข้ามากมายเยี่ยงนี้ มาด้วยเหตุอันใดมิทราบ....? หรงหรงเอ่ยออกไป โดยไม่สนใจคำพูดของแม่เฒ่าอิ๋นเมื่อครู่ ทำกับว่าแม่เฒ่าอิ๋นเป็นเพียงอากาศธาตุสำหรับนาง "หรงเอ๋อร์....เจ้าจะพูดเช่นนี้ก็มิได้..." แม่เฒ่าอิ๋นรีบเอ่ยแทรกขึ้นมา "หุบปาก ข้ามิได้ถาม" หรงหรงเอ่ยออกไปด้วยน้ำเสียงท
ชาวบ้านหลายคนที่ได้ยิน พอได้ฟังคำพูดหรงหรงเข้า ต่างพากันล่าถอยหายแว้บไปในทันที่ เพราะเกรงว่าจะมีความผิดติดตัว ยามนี้ภายในเรือนเหลือไว้เพียงผู้ที่เกี่ยวข้องเท่านั้น.... "ที่นางหนูพูดมาก็มีเหตุผล พวกเจ้ามาสู่ขอนางกับมารดานางแล้วกระนั้นรึ...? ท่านผู้นำหมู่บ้านรีบหันไปกล่าวถามทางสองผัวเมียทันที นา
สตรีในสมัยนี้ ล้วนถือชื่อเสียงเป็นสิ่งสำคัญ นางเมิงจึงต้องรีบออกตัวปกป้องบุตรสาวเพียงคนเดียว บวกกับความรักความห่วงใยที่มีต่อบุตรสาวเกินกว่าจะพรรณนา นางเมิงมีหรือจะยอมให้ใครมาแตะต้องแก้วตาดวงใจของนาง มิมีวันเสียหรอก "ในเมื่อเป็นเรื่องเข้าใจผิด พวกเจ้าก็จงแยกย้ายกันได้แล้ว..." ท่านผู้นำหมู่บ้านหันไปท
"แลกกับชีวิตลูกชายท่าน ที่ไม่ต้องติดคุกติดตารางตลอดชีวิต ข้าคิดว่ามันคุ้มนะเจ้าค่ะ...? หรงหรงรีบหยิบยกหาเหตุผลเอามากล่าวอ้าง "ห้าตำลึงทอง มากกว่านั้นข้าให้ไม่ได้จริงๆ" ภรรยานายท่านเซิ๋นยังคงต่อรองราคาต่อ "เก้าตำลึงทอง..." หรงหรงเอ่ยขัด "ไม่ได้ ข้าให้ได้เพียงแค่หกตำลึงทอง.." ภรรยานายท่านเซิ่นยังคง
นางเมิงและบุตรสาว ช่วยกันเข้าครัวทำกับข้าวจึงเสร็จเร็วกว่าทุกวัน อาหารหลายอย่างถูกจัดวางบนจานดูน่ารับประทาน พอถึงเวลาอาหาร ทุกคนก็นั่งล้อมวงกินอาหารพร้อมหน้ากันเป็นครั้งแรก หรงหรงหยิบตะเกียบเป็นคนแรก นางคีบอาหาร และตักน้้ำแกงส่งให้มารดาไปคนแรก "ท่านแม่รีบกินสิเจ้าค่ะ...ผัดผักสดๆ กับน้ำแกงแสนอร่อ
"ไม่ได้!!!...รีบกลับไปพักผ่อนเถิด อย่าได้ทำให้ข้าต้องเป็นห่วงเลยนะ.." กล่าวจบโม่เฉินรีบใช้วิชาตัวเบา อุ้มสตรีตรงหน้าหายไปกลางอากาศอย่างว่องไว "ว้ายยย....นับวันท่านช่างมีนิสัยคล้ายคลึงกับท่านแม่ของข้า กังวลไม่เข้าเรื่อง...." ถึงปากจะบ่นออกไป แต่หรงหรงก็ใช้มือกอดคอโม่เฉินเอาไว้แน่น "สำหรับข้า ร่าง
หมอหญิงคนงามรีบสวมใส่อาภรณ์แล้วเดินจั้มฝีเท้าตามอี้ฟูออกไปอย่างร้อนใจ แต่พอเดินไปถึงจุดเกิดเหตุ นางถึงกับขมวดคิ้วขึ้นมาอย่างขุ่นเคือง เมื่อภาพที่เห็นตรงหน้า กับสิ่งที่คิดในหัว ช่างแตกต่างกันราวฟ้ากับเหว *......* "นี้มันอะไรกันเจ้าอ้วน เจ้ากลายเป็นเด็กเลี้ยงแกะไปตั้งแต่เมื่อไหร่....? "ปัดโธ่...
โม่เฉินเงียบไปชั่วขณะ ก็จะเอ่ยออกมาเพื่อให้สตรีตรงหน้าคลายกังวล "ข้าก็อยู่แต่ในห้องตำรา จะออกไปที่ไหนได้ หมู่บ้านแห่งนี้ข้าไม่รู้จักมักคุ้นกับใครเลยสักคน เจ้าเองก็น่าจะรู้ดี..." "ให้มันจริงเถอะ อาเฉิน....หากท่านกล้าโกหกข้า ท่านก็น่าจะรู้ผลที่จะตามมาว่าเป็นเช่นไร...? หรงหรงจดจ้องมองปฎิกริยาของคนตร
ฤดูเหมันต์ผ่านพ้นไป ฤดูกาลใหม่หมุนเปลี่ยนเข้ามาแทนที่ หมอหญิงคนงามกำลังนอนแช่น้ำอยู่ในอ่างอาบน้ำภายในห้องอย่างสบายใจ "หรงเอ๋อร์...อยู่หรือไม่...? เสียงเรียกแผ่วเบาตะโกนเข้ามา แต่อีกคนภายในห้องกับกำลังนอนหลับตาพริ้มแช่อยู่ในอ่างน้ำอย่างผ่อนคลาย พร้อมทั้งกำลังฮัมเพลง โดยที่ไม่ได้สนใจเสียงรอบข้าง เ
หลังจากพูดคุยกับหญิงชรานานพอสมควร โม่เฉินก็มุ่งหน้าเดินกลับไปห้องของตนเอง แต่เมื่อเปิดประตูห้องเข้าไป เขาก็เห็นสตรีร่างบาง กำลังนั่งรอเขาพร้อมกับสัตว์เลี้ยงตัวน้อย อย่างใจจดใจจ่อ "ตกลงท่านคุยเรื่องอะไรตั้งครึ่งค่อนวันกับท่านแม่กันแน่...? โม่เฉินยังไม่ทันจะปิดประตูห้อง สตรีร่างบางก็ยิงคำถามขึ้นอย่า
หรงหรงเดินนำหน้าเข้ามาก่อน ยังไม่ทันที่นางจะเอ่ยปากพูด หญิงชราก็รีบออกคำสั่ง ด้วยน้ำเสียงที่แข็งกร้าวขึ้นทันที "คุกเข่า..." บุตรสาวทำตามคำสั่งมารดาโดยไม่ปริปาก พร้อมกับบุรุษต้นเรื่อง ทั้งสองคนคุกเข่าลงพร้อมกัน โดยไม่ปริปากแม้แต่คนเดียว..... "ท่านพี่ ท่านจงมองดูลูกสาวตัวดีของท่านเอาเถิด พวกเขาส
"ไปเถอะน๊า....เดี๋ยวพอถึงก็รู้เองแหละ..." เสียงถกเถียงของทั้งสองคนดังอยู่ภายในห้อง พลันมีเสียงเคาะประตูแทรกขึ้นมา ทำให้ทั้งสองคนหันไปมองทางเดียวกัน อย่างลุ้นระทึก พูดถึงโจโฉ โจโฉก็มา..... "หรงเอ๋อร์...นั้นลูกตื่นแล้วรึ....? เสียงหญิงชราตะโกนเรียก เมื่อเห็นว่าได้เวลาไปตรวจคนไข้ แต่ยังไม่เห็นแม
"ยังจะมีหน้ามายิ้มอีก ท่านเกิดปีหมาหรืออย่างไร ร่องรอยพวกนี้ท่านจงใจฝากไว้บนเรือนร่างข้าชัดๆ...." หรงหรงค่อยๆเลื่อนสายตามองไปทั่วเรือนรางของตนเองอย่างอ่อนระทวย ก่อนจะหันไปมองโม่เฉิน ฉายแววตาเขียวปั๊ดใส่เขา "ข้าเกิดปีกระต่าย มิได้เกิดปีหมาเสียหน่อย..." "โม่เฉิน....นี้ท่านกำลังยอกย้อนคำพูดข้าอยู่ส
"อ่ะ...." หรงเอ๋อร์ส่งเสียงร้องครางออกมาเบาๆด้วยความเจ็บ ริมฝีปากหนาเลื่อนลงจากคอไปที่กระดูกไหปลาร้า ร่างกายหรงหรงเหมือนถูกกระตุ้น ก่อนจะใช้มือทั้งสองข้างกอดรัดเขาเอาไว้แน่น "หรงเอ๋อร์ รีบปล่อยมือออกบัดเดี๋ยวนี้.." โม่เฉินกำลังจะพูดต่อ แต่ถูกหรงหรงดึงเขาลงมาจูบแทน พลันมุมปากของบุรุษยกยิ้มขึ้นม