“ใคร มันเป็นใคร” อนวินท์กระชากแขนทำเสียงข่มขู่ ในใจปวดแสบราวกับถูกทิงเจอร์ราดแผล
“พูดไป คุณก็ไม่รู้จัก หมดเวลาของคุณแล้วฉันต้องรีบไปทำงาน” ต้นน้ำรีบเดินออกจากร้านอย่างรวดเร็วมือของหญิงสาวหยิบมือถือมือสั่น อนวินท์มองตามอย่างงุนงงปฏิกิริยาของหญิงสาว เมื่อแยกตัวจากอนวินท์มาได้ ต้นน้ำรีบคิดวางแผนในอนาคตแล้วเดินมุ่งหน้าไปที่รถพร้อมกดโทรศัพท์ “เชอรี่เหรอ พี่จะมาช้าหน่อยช่วยบอกชบามาแทนพี่ก่อนสักชั่วโมงนะ มีธุระด่วนมากจ๊ะ” ต้นน้ำพูดขณะขับรถมุ่งตรงไปคอนโดเพื่อนรักมือสั่น คอนโดมีเนียม ถนนนิมมานเหมินท์ เสียงกดกริ่งหน้าห้อง ทำให้ เรย์ รัตนชาติ บ่นหงุบหงิบกับเสียงกริ่งที่ดังสนั่นลั่นห้อง “โอ๊ย มาแล้ว ทำไมกดซะดังลั่น” เรย์ เปิดประตูก็ต้องตกใจ ที่เพื่อนรักในชุดฟอร์มพยาบาล ยืนใบหน้าเคร่งขรึม “อะไรน้ำ แกจะรีบไปที่ไหน กดกริ่งทำให้รูขุมขนฉันเต้นไปหมด” “ก็มีธุระด่วนนะสิ” “น้องนนท์ เป็นอะไรมากงั้นเหรอ” เพื่อนสาวประเภทสองหันมามองตาโต “เปล่า ดีขึ้นแล้ว แต่มีเรื่องใหญ่กว่านั้นอีก” “อะไรของแก อ้าวนั่งก่อนฉันกำลังหิวข้าว พูดไปกินไปได้ไหมเมื่อวานก็ไม่ได้ทานอะไร แล้วเมื่อคืนก็เฝ้าลูกแกทั้งคืน ฉันหิวมากกกก” เรย์ลากเสียงยาว ต้นน้ำพยักหน้า พร้อมกับวางกระเป๋าข้างตัว “ฉันมีเรื่องให้แกช่วย ด่วนที่สุด” “โอเค” เรย์คีบบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปเข้าปาก พร้อมกับทำเสียงงึมงำ “ช่วยอะไร” “แต่งงานกับฉัน” ต้นน้ำพูดน้ำเสียงจริงจัง เรย์สำลักเส้นบะหมี่จนหน้าแดง จนต้องรีบเคี้ยว แล้วดื่มน้ำเข้าไป “ไอ้น้ำ บ้าเหรอแก” “ไม่บ้า แกฟังนะตอนนี้มันมีเรื่องแบบนี้..”ต้นน้ำเล่าให้เพื่อนฟังอย่างละเอียด “แกบอกฉันว่าอยากได้เงินแสนไม่ใช่เหรอ ฉันจะให้ค่าจ้างแก สามแสนช่วยฉันนะเรย์ เราแค่อยู่กันหลอกๆ แกต้องไปอยู่บ้านฉัน” “เฮ้ย น้ำ อะไรกันเนี่ย” เรย์ รัตน์ชาติโวยวาย “สามแสนเรย์ แค่สามเดือนช่วงที่พี่หมอทำงานที่นี่ แกต้องช่วยชีวิตฉัน” “แกคิดดีแล้วเหรอ” เรย์เอ่ยถาม อย่างเครียดๆ “คิดดีแล้ว เราไปอำเภอตอนนี้เลย” ต้นน้ำลากแขนเพื่อนสนิท “เฮ้ย เอางั้นเลยเหรอ” “เย็นนี้แกต้องไปนอนบ้านฉัน แล้วเลิกใส่ขนตาปลอมสักพักหนึ่ง แล้วเสื้อผ้าแก...เดี๋ยวเย็นนี้เลิกงานฉันจะมาเลือกให้” “เอาจริงเหรอน้ำ” “จริงสิ ไม่งั้นพี่หมอ ต้องเข้ามาจัดการชีวิตฉันแน่ๆ ฉันไม่อยากจะกลับไปใช้ชีวิตเราสามคนแบบนั้นอีก” “ทำไมแกไม่ถามเขา เรื่อง ยัยหมอคนนั้นว่าทำไมเขาต้องไปอยู่กับยัยนั้น ค่ำๆ มืดๆ” “ไม่ ฉันไม่ถาม ที่เห็นด้วยตาก็มากเกินไปแล้ว ฉันจะไม่ลืมสิ่งที่พวกเขาทำกับฉัน อีกอย่างตอนนี้ฉันหลุดพ้นช่วงชีวิตแบบนั้นแล้ว ไม่มีทางที่ฉันจะกลับไปใช้ชีวิตบ้าๆแบบนั้นอีก” แววตาต้นน้ำมุ่งมั่น “ตามใจแก...ที่ฉันช่วยแกไม่ใช่เพราะเงินนะ” เรย์หัวเราะกลบเกลื่อน เมื่อต้นน้ำเซ็นเช็คยื่นให้ แล้วทั้งสองคนก็หัวเราะให้กัน “อย่างงี้ฉันก็มีเงิน ทำสวยล่ะสิ” เรย์พยายามทำให้เพื่อนสาวคลายเครียด เมื่อเอาเช็คไปตบเบาๆ ที่หน้าอก แล้วเรย์ก็ปลื้ม เมื่อต้นน้ำหัวเราะกับท่าทางของเพื่อนสาว “ไป เราไปอำเภอกันเถอะฉันว่า พี่หมอไม่ปล่อยฉันไว้นานๆแน่ เราจะรีบทำก่อน” “แล้วถ้าเขายังไม่ได้เซ็นต์หย่าเหมือนที่เขาบอกกับแกล่ะ” เรย์ รัตน์ชาติ ถามขณะขับรถมุ่งหน้าไปอำเภอ “ไม่มีทาง ผู้หญิงอย่างคุณหมอนิภาไม่มีวันยอมปล่อยให้พี่หมอทำแบบนั้นหรอก” “แกเนี่ย ไอ้น้ำ มีความคิดแผลงมาก” เรย์ บ่นก่อนจะหันไปกอดบ่าเพื่อน เมื่อเห็นน้ำตาร่วงลงมาช้าๆไหลอาบแก้ม ต้นน้ำปล่อยให้น้ำตาร่วงก่อนจะใช้มือปาดทิ้ง แววตามุ่งมั่น “ฉันจะไม่มีวันเสียน้องนนท์ ถ้าเขาคิดจะแย่งลูกไป เขาจะได้รู้จักฉัน เมื่อก่อนฉันอาจจะเป็นต้นน้ำที่หัวอ่อน เรียบร้อย อ่อนหวานแต่คนคนนั้นตายไปตั้งแต่สี่ปีที่แล้ว เพราะฝีมือของเขา” น้ำตาที่คลอในเบ้าตาไหลอาบแก้ม แต่แววตาหญิงสาวกลับแข็งแกร่ง แววตามุ่งมั่น อย่างที่เรย์ รัตนชาติมองแล้วขนลุกแทนอดีตสามีเพื่อนรัก โรงพยาบาลพิงค์วราคม อนวินท์ มองหาภรรยาสาว ถามจากคนใกล้ชิดเห็นเล่าว่าหญิงสาวทำงานอยู่แผนกผู้ป่วยนอก แต่เท่าที่เห็นกับไม่มีวี่แววภรรยาสาว อนวินท์เดินเข้าไปในกลุ่มพยาบาลสาว เมื่อมองเห็นว่าคนไข้บางตามากแล้ว “ขอโทษครับ” อนวินท์ขยับแว่นก่อนพูดน้ำเสียงนุ่มนวล สามพยาบาลสาวหันไปมองพร้อมกับอ้าปากค้าง เมื่อนายแพทย์หนุ่มหล่อที่เป็นที่เลื่องลือมาตลอดเช้ากลับมาปรากฏตัวอยู่ตรงหน้า “ผมมาหาพยาบาลต้นน้ำ เห็นพวกที่วอร์ดในบอกว่าทำงานที่ส่วนนี้นี่ครับ” “อ๋อ พี่น้ำเหรอคะ พี่น้ำออกไปธุระด่วนค่ะ อีกชั่วโมงคงจะกลับ” เชอรี่ พยาบาลรุ่นน้องคนสนิทตอบเสียงรัวเร็ว อนวินท์พยักหน้าพร้อมๆกับขมวดคิ้ว “ไปไหนของเขานะ” “ถ้าเขากลับเข้ามา ช่วยบอกให้เขาไปพบผมที่ห้องทำงานผมด้วยนะครับ” “ได้ค่ะ” สามสาวประสานเสียงกัน อนวินท์เดินกลับด้วยอารมณ์ขุ่นมัว ชายหนุ่มเดินตรงไปที่วอร์ดเด็ก แล้วปรับอารมณ์ให้สดชื่นเมื่อนึกถึงใบหน้าของเด็กน้อย ชายหนุ่มมีรอยยิ้มอ่อนโยนอารมณ์เปลี่ยนทันทีที่นึกถึงใบหน้าเด็กชายน้อยที่ใบหน้าเหมือนตนเองตอนเด็กๆ ราวกับพิมพ์เดียวกัน หน้าที่ว่าการอำเภอ หางดง เรย์ก้มมองกระดาษทะเบียนสมรสระหว่างตนเอง และเพื่อนรักที่คบกันมากว่าสิบปี ใบหน้าของเรย์ รัตนชาติ เหมือนอมบอระเพ็ด ในขณะที่ต้นน้ำพับทะเบียนสมรสไปตั้งแต่ที่ได้รับมาจากเจ้าหน้าที่ “แกรู้ไหม ถ้าไม่ใช่แกฉันจะไม่ยอมทำเรื่องงี่เง่าแบบนี้ที่ฉันเคยอ่านจากนิยายน้ำเน่าเล่มละสิบบาทแต่พอมาเจอกับตัวเอง ฉันขำไม่ออกจริงๆ นะยะ น้ำ” “เออน่า สามเดือนเท่านั้นเรย์ ฉันรับรอง แกก็รู้ฉันจะไม่ทำลายความบริสุทธิ์ของแก” ต้นน้ำพูดขณะขับรถ ใบหน้าอมยิ้มเมื่อมองใบหน้างอง้ำของเพื่อนสนิท “แล้วถ้าฉันเจอพระเอกของฉัน แล้วเกิดเป็นรักแรกพบ แล้วเกิดเขามาขอแต่งงานกับฉัน แล้วฉันก็มาติดพันธะกับแก ฉันจะทำยังไงยัยน้ำ” “โถ เรย์ เรย์ที่รัก ช่วยน้ำหน่อยนะ แกจะได้มี นมสวยๆ ตาสองชั้น ใบหน้าเรียวยาวเทรนเกาหลีสุดๆอีกอย่างช่วยชีวิตเพื่อน ที่แกบอกว่ารักมากกกกกกกกกกไง” ต้นน้ำลากเสียงยาว แล้วเอื้อมมือมาลูบแก้มชายหนุ่มเบาๆ อย่างหยอกเย้าและออดอ้อน ต้นน้ำรู้ว่าจุดอ่อนเพื่อนชายคนสนิท “ร้องไห้หนักมากกก เคยฝันว่าการจดทะเบียนของฉัน จะต้องเป็นทอค์ลออฟเดอะทาวน์ แต่ต้องมาจดทะเบียนกับชะนีแบบแก ฉันนะอยากร้องไห้จริงๆ แต่ว่า มันก็คงดีที่ฉันจะทำความฝันให้เป็นจริง” เรย์พูดน้ำเสียงละห้อย “เอาน่า เรย์ที่รักแค่สามเดือนเท่านั้น พี่หมอกลับกรุงเทพฯ เมื่อไหร่ ฉันจะคืนอิสระให้แกเชื่อฉันสิ” “ก็ได้ เพื่อช่วยแกนะ แต่คืนนี้แกต้องไปเป็นเพื่อนฉันที่คลีนิคหมอศุภชัยนะแก ฉันมีนัดเลเซอร์หน้าอ่ะ” เรย์ รัตนชาติเปลี่ยนเรื่องคุย “ได้สิ แต่ต้องหลังน้องนนท์เข้านอนนะแก” “ชัวร์ คลีนิคหมอศุภชัย ปิดสามทุ่มครึ่ง” น้ำเสียงเรย์ รัตน์ชาติเปลี่ยนไปทันที โรงพยาบาลพิงค์วราคม ต้นน้ำ เดินมาหยุดที่หน้าห้องพิเศษที่ลูกชายสุดที่รักพักรักษาตัว ก็ต้องขมวดคิ้วเมื่อได้ยินเสียงลูกชายหัวเราะเสียงดังประสานเสียงหัวเราะกับผู้ชาย จำได้ว่าเป็นเสียงหัวเราะของอดีตสามี หญิงสาวรู้สึกหงุดหงิดที่ชายหนุ่มเริ่มรุกหนักเริ่มมาตีสนิทกับบุตรชายของตน “แก พี่หมออยู่ในห้อง แก” “แล้วไง” เรย์ รัตนชาติ เลิกคิ้วตั้งคำถาม “เราก็ต้องเริ่มเล่นละครฉากแรกแล้วไง” ต้นน้ำคว้ามือของเพื่อนสนิท พร้อมกับเปิดห้องพักทันที เรย์ถูกกระชากให้เดินตาม อนวินท์เงยหน้ามอง เมื่อได้ยินเสียงคนเดินเข้ามาในห้อง ชายหนุ่มขมวดคิ้ว เมื่ออดีตภรรยาสาวเดินจูงมือชายหนุ่มหน้าตาดีท่าทางสนิทสนม ชายหนุ่มกัดฟันในใจเดือดพล่านด้วยความหึงหวง เมื่อเห็นท่าทางสนิทสนมของทั้งสองคน แล้วยังท่าทางของหนุ่มน้อยหน้าตาดีที่กระซิบข้างแก้ม ยิ่งตอกย้ำคำพูดของหญิงสาวที่พูดกับตนเองช่วงเช้า “แก ....เนี่ยเหรอ พระเอกแก หล่อว่ะ เพ้ออ่ะ” เรย์กระซิบข้างๆ หูเพื่อนสาว ตาจ้องมองแพทย์หนุ่มเขม็ง แต่อนวินท์กลับจ้องมองไปทางพยาบาลสาว แววตาดุดัน “แม่ครับ แม่ดูนี่สิครับ คุณลุงช่วยซ่อมหุ่นยนต์ของผม” น้องนนท์ โชว์หุ่นยนต์ก่อนส่งเสียงเล่า ต้นน้ำก้มลงจูบหน้าผากลูกชายสุดที่รัก สายตาตวัดค้อนชายหนุ่ม พร้อมกระซิบถาม “คุณหมอมาทำอะไรที่นี่คะ น้องนนท์อาการก็ดีมากแล้ว คงไม่ต้องมานั่งเฝ้านานๆ ค่ะ” ต้นน้ำกระซิบขณะที่เด็กชายตัวน้อยกำลังเพลิดเพลินกับหุ่นยนต์ ตัวโปรด “พี่ก็มาอยู่เป็นเพื่อนลูก” อนวินท์กระซิบบอก พลางปลายตาไปมองชายหนุ่มหน้าตาดีอีกคน อย่างหมั่นไส้ เพราะแม้จะพูดกับเขาแต่มือของภรรยาสาว ยังจับที่หนุ่มหน้าตาดีแน่น อนวินท์ใจเดือดพล่าน “จะไม่แนะนำหน่อยหรือไง ว่าเขาเป็นใคร” อนวินท์กระซิบถามเสียงเครียด “แฟนน้ำไงคะ นี่เรย์ รัตน์ชาติ องค์สุวรรณ เรย์คะ นี่คุณหมอที่มาแทนหมอสุชาติจ๊ะ” ต้นน้ำแนะนำให้สองหนุ่มรู้จักกัน เรย์ยื่นมือให้นายแพทย์หนุ่มอย่างดีใจที่เห็นหนุ่มหล่อราวกับพระเอกหนุ่มซีรีย์เกาหลี ในขณะที่อนวินท์ นึกหมั่นไส้ชายหนุ่มรุ่นน้องจนเผลอบีบมือชายหนุ่มแรง “โอ๊ย...” เรย์ ร้องเสียงดัง “ขอโทษครับ ผมคงอินไปหน่อยไม่เคยเห็นน้ำมีเพื่อนผู้ชายสักที” อนวินท์กระซิบเบาๆให้ได้ยินกันสองคน ขณะมองภรรยาสาวเข้าไปอุ้มลูกชายให้นั่งตัก “อ๋อ เราสนิทกันตั้งแต่มหาลัยครับพี่หมอ” เรย์ เรียกอนวินท์สนิทสนม จนอนวินท์เลิกคิ้วมองแววตาที่ส่งมามีประกายวิบวับประหลาด ต้นน้ำมองสองหนุ่มแล้วถอนหายใจเฮือก หญิงสาวไม่แน่ใจว่าสิ่งที่ตนเองทำผิดหรือถูก แต่ความกลัวที่จะเสียลูกชายสุดที่รัก ทำให้กล้าและเสี่ยงจะทำการที่บ้าบิ่นที่สุดในชีวิต“เรย์คะ คืนนี้น้ำจะนอนเฝ้าน้องนนท์ ที่โรงพยาบาล เรย์ช่วยพาสมศรีกลับบ้าน แล้วเอาเสื้อผ้ามาให้น้ำด้วยนะคะ” ต้นน้ำพยายามส่งเสียงออดอ้อน อนวินท์กัดฟัน รอจนเด็กหนุ่มรุ่นน้องและแม่บ้านสาวลับร่างออกจากห้องไป ต้นน้ำลูบเส้นผมของลูกชายที่หลังจากทานอาหารอิ่มแล้วทานยาก็เริ่มง่วงนอน เด็กชายนอนซุกอกผู้เป็นแม่ อนวินทร์มองภรรยาสาวผู้เป็นที่รักและเด็กน้อยที่ตนเชื่อว่าเป็นเลือดเนื้อของตน ด้วยแววตาอ่อนโยน แต่เมื่อนึกถึงภาพที่เห็นภรรยาสาว ออดอ้อน ชายที่อ้างว่าเป็นเพื่อน อนวินทร์ก็รู้สึกหงุดหงิด ขึ้นมาทันที “ออกมาคุยกันหน่อย” อนวินท์พยายามข่มเสียงให้เย็นทั้งที่ใจร้อนระอุ ต้นน้ำวางลูกชายให้นอน ก่อนจะเดินตามชายหนุ่ม แล้วก็ต้องตกใจเมื่อถูกชายหนุ่มผลักเข้าห้องน้ำอย่างแรง “นี่คุณ ฉันเจ็บนะ” ต้นน้ำถูกผลักจนแผ่นหลังชนเข้าสู่อ่างล้างหน้า อย่างไม่ตั้งใจ “อย่ายั่วพี่ด้วยการเฟิร์สกับผู้ชายคนอื่นต่อหน้าพี่ ไม่งั้นจะหาว่าพี่ไม่เตือน” อนวินท์ เท้าแขนที่อ่างน้ำ ทำให้ใบหน้า ของทั้งเขาและเธอห่างกันแค่ไม่กี่เซนติเมตร ต้นน้ำหัวใจเต้นแรง เพราะไม่ว่าเวลาจะผ่านไปแค่ไหน เธอจะโกรธเขามากอย่างไร แต่ก็เถียงไม่ได้ว่าชั่วชีว
“คุณไม่มีวันเหมือนเรย์” ต้นน้ำพูดน้ำเสียงเย็น กิริยาเย็นชา ทำให้อนวินท์ยิ่งโมโห ชายหนุ่มจับต้นแขนแน่น “นี่ปล่อยนะ ฉันเจ็บ” ต้นน้ำนิ่วหน้าด้วยความเจ็บ “ไม่ จนกว่าเราจะคุยกันให้รู้เรื่อง ทั้งเรื่องลูกและเรื่องของเรา” อนวินท์พูดจนชิดริมฝีปาก ต้นน้ำหันหน้าหนี ยิ่งยั่วยุให้ชายหนุ่มยิ่งโมโห อนวินท์จับที่คางให้หญิงสาวหันมาเผชิญหน้า ต้นน้ำตกใจเมื่อชายหนุ่มมีกริยาที่ก้าวร้าว แล้วก็ต้องตกใจอีกครั้งเมื่อริมฝีปากของชายหนุ่มบดขยี้รุนแรงจนต้นน้ำตั้งตัวไม่ทัน อนวินท์จูบหนักหน่วงจนเรียกได้ว่าจูบไม่ให้หญิงสาวตั้งตัว หญิงสาวรู้สึกถึงความเจ็บที่ริมฝีปากเมื่อชายหนุ่มระดมทั้งจูบและกัดจนหญิงสาวทั้งรู้สึกวาบหวิวและเจ็บระคนกัน อนวินท์รู้สึกถึงแรงต่อต้านเมื่อพยาบาลสาวทั้งทุบที่ไหล่ และอีกมือจิกที่หลังยิ่งเป็นแรงกระตุ้นให้ชายหนุ่มยิ่งบดขยี้รุนแรง ปลายลิ้นของชายหนุ่มทะลุเข้าสำรวจริมฝีปากบาง มือของหญิงสาวเริ่มอ่อนแรงเมื่ออีกฝ่ายรุกหนักจนต้นน้ำรู้สึกวาบหวิว และต้องตกใจเมื่อชายหนุ่มอุ้มให้หญิงสาวขึ้นไปนั่งบนอ่างน้ำเพื่อลดการต่อต้านให้น้อยลง ริมฝีปากทั้งสองจูบทั้งหนักหน่วงรุนแรงก่อนจะลดระดับเป็นความอ่อนหวาน
เสียงเปิดประตูห้องพิเศษทำให้เรย์เหลียวไปมองเห็นพยาบาลเพื่อนรัก เปิดประตูหน้าตามีแววกังวล หญิงสาวสั่งให้สมศรีเก็บของ แล้วตนเองก็มาจัดการกับเด็กชายนนทวัตรอย่างรวดเร็ว “เรย์ หมออนุญาตให้กลับบ้านแล้วแกเก็บของสิ แล้วเย็นนี้นะรีบไปเก็บของที่คอนโดฯ แกมาที่บ้านฉันด้วย” น้ำเสียงต้นน้ำร้อนรน “โห อะไรจะเร็วปานนั้น แกเป็นอะไรไป” “ไม่มีเวลาแล้วแก รู้ป่ะพี่หมอมาพักบ้านอาจารย์หมอสุชาติ” ต้นน้ำเล่าเสียงสูงด้วยความตื่นเต้น เรย์ปิดปากหัวเราะ “น้ำตาจิไหล โห โลกมันกลมจริงว่ะน้ำ ฉันว่าแกอย่าหนีเลยสงสัยสามีแกเนี่ย เนื้อคู่ขนานแท้ ไปๆมาๆ ก็อยู่แค่ข้างบ้านกันเอง” “แกอย่ามาทำเป็นเรื่องตลกแก พี่หมอเขาไม่ธรรมดานะแก เกิดเขามาเอาน้องนนท์ไป แล้วฉันจะอยู่ยังไง” “เออ พูดถึงน้ำนนท์ เมื่อคืนนะฉันแอบเห็นเขาเข้ามาหาแกกับลูกด้วย พอดีฉันเพิ่งไปเข้าห้องน้ำมา แล้วที่สำคัญ รู้ไหมเขาทำอะไรแก” สาวประเภทสองในร่างกายชายหนุ่มรูปงามจีบปากเล่า “ทำไม เขาทำอะไรฉัน” “เขาจูบแกด้วย กรี๊ดฉันเกือบจะกรี๊ดออกมา” ต้นน้ำตาโต ใบหน้าร้อนผ่าวก่อนจะใช้มือลูบริมฝีปากบางเบา ก่อนสะบัดศีรษะไปมาเบาๆ “เร็วสิ เรย์ เดี๋ยวฉันไปส่งลูกที่บ้าน
“หมอวินท์ค่ะ โถ ปล่อยให้นิ ถือสายรอตั้งนาน”“ขอโทษครับ พอดีผมติดธุระสำคัญ” อนวินท์กดมือที่กอดอดีตภรรยาแน่น ต้นน้ำทั้งหยิกทั้งดิ้นเพื่อที่จะให้หลุดพ้นจากการพันธนาการของอีกฝ่าย แต่อีกฝ่ายกลับไม่สะดุ้งสะเทือนแต่ทั้งกอดแน่น แล้วยังหอมแก้มติดๆ กันหลายครั้ง “เออ คือนิจะโทรมาถามว่า หมอวินท์จะมาที่บ้านนิกี่โมงคะ เดี๋ยวนิ จะให้พี่พรทำไข่พะโล้ของโปรดของคุณให้นะคะ” น้ำเสียงแพทย์หญิงนิภายังอ่อนหวาน อนวินท์ขยับตัวแล้วกางขา เพื่อให้ภรรยาสาว นั่งตรงกลางอย่างไม่สามารถดิ้นรน หลุดออกจากอ้อมแขนไปได้ ในขณะที่ต้นน้ำได้ยินเสียงแพทย์หญิงยังออดอ้อนอ่อนหวาน ใบหน้าเริ่มร้อนขึ้นเรื่อยๆ ด้วยความหึงหวง แต่ไม่สามารถรับกับตัวเองว่า ตนเองยังรู้สึกหวงชายหนุ่มมิใช่น้อย “ไม่ต้องหรอกครับนิ ผมคงไม่ได้ไป และคงไม่ได้อีกนานเพราะตอนนี้ผมทำงานต่างจังหวัด ส่วนเรื่องที่บ้านนิ...” อนวินท์หยุดชะงักเมื่อรู้สึกว่าเกือบเผลอพูดความลับของอีกฝ่ายออกมา “เออ คือเรื่องที่บ้าน ผมจะให้รุ่นพี่ผมเข้าไปแทนนะครับ ถ้านิไม่มีอะไรแล้วผมคงต้องขอตัว เพราะติดธุระสำคัญมากๆ ครับ” อนวินท์กดปิดสายทันทีเมื่อรู้สึกปวดแสบที่แขน เมื่ออดีตภรรยาสาวทั้
“พี่หมอขู่น้ำงั้นเหรอ” ต้นน้ำเปลี่ยนสรรพนามตัวเองเรียกแทนตัวเอง น้ำเสียงขุ่นมัว “ไม่ได้ขู่ แต่จะทำจริงๆ ถ้ายังดื้อ” “พี่หมอจะเอายังไง” “พี่จะย้ายมาอยู่กับน้ำที่นี่ พี่ต้องมีโอกาสได้เลี้ยงดูนนท์บ้าง” “จะอยู่ได้ยังไง บ้านนี้เล็กนิดเดียว มีแค่สองห้อง” “พี่นอนกับลูกก็ได้” “แค่สองวันเสาร์กับอาทิตย์เท่านั้น” ต้นน้ำทำเสียงแข็ง พร้อมกับนึกถึงความกังวลใจต่างๆที่จะตามเข้ามา “สามวัน ศุกร์ เสาร์ อาทิตย์ พี่จะย้ายมาที่นี่ ส่วนวันธรรมดาเราต้องทานข้าวเย็นด้วยกันทุกวัน” “พี่หมอ!!” ต้นน้ำตวาดเสียงดัง แต่เมื่อเห็นแววตาของอดีตสามี ทำให้หญิงสาวได้แต่เม้มปากด้วยความอึดอัดใจ “ตามนั้นครับน้ำ พี่จะไม่อ่อนข้อให้น้ำอีก พี่ไม่รู้ว่าสรุปแล้วพี่ทำอะไรให้น้ำเข้าใจผิด แต่พี่จะพิสูจน์ให้น้ำเห็นว่าไม่ว่าจะเมื่อสี่ปีก่อนหรือในเวลานี้ น้ำมีความสำคัญกับพี่คนเดียว” อนวินท์ก้าวเท้าเดินออกทันทีแล้วหันมาพูดน้ำเสียงเด็ดเดี่ยว “วันมะรืนพี่จะมานอนบ้านน้ำ พรุ่งนี้เย็นเจอกันพี่จะมาทานข้าวด้วย” อนวินท์พูดจบก็เดินจากไป ต้นน้ำยืนนิ่งอย่างกลุ้มใจอยู่เกือบครึ่งชั่วโมง ก็เดินเข้าไปในบ้าน เมื่อมาถึงในห้องนั่งเล่นก็เห็นเพื่อ
วันนี้ทั้งวัน ต้นน้ำเหมือนคนทำงานเหมือนใจไม่อยู่กับตัว ถึงแม้ว่าตนเองจะเป็นหัวหน้าพยาบาล แต่ก็มีบางครั้งต้องทำงานร่วมกับหมอ หญิงสาวกำลังนึกว่าวันนี้เป็นวันศุกร์วันที่อนวินท์บอกว่าจะมาค้างที่บ้าน นึกแล้วใจเต้นแรง สองวันที่ผ่านมาเขาติดสัมมนาที่ในตัวเมืองกับคณะท่านผู้อำนวยการ จึงไม่ได้มาทานอาหารเย็น แต่เมื่อคืนหลังจากได้รับแมสเสจว่าชายหนุ่มกลับมาแล้ว ต้นน้ำก็เริ่มใจไม่อยู่กับตัว คิดไปต่างๆ นานาว่าเพื่อนร่วมงานจะว่ายังไงบ้าง หญิงสาวไม่อยากเป็นเป้าสายตาของผู้ร่วมงาน ดังนั้นวันนี้หญิงสาวรู้สึกทำงานแบบไม่ค่อยมีสมาธินัก ดีว่าคนไข้เยอะทำให้ลืมๆ ที่จะคิดกังวลไปบ้าง ตอนพักกลางวันทานข้าวกับพวกรุ่นน้องๆ ก็ได้ยินข่าวว่า รถของท่านผู้อำนวยการกลับมาแล้วตอนสายๆ แล้วตอนนี้ก็ประชุมกันอยู่ที่ห้องประชุมใหญ่ สาวๆ รุ่นน้องพยาบาลก็กรี๊ดกร๊าดหมอหนุ่มที่ย้ายเข้ามาใหม่ ต้นน้ำนึกหมั่นไส้อดีตสามีไม่ว่าเวลาผ่านไปเท่าไหร่ ชายหนุ่มก็ยังเสน่ห์แรงเสมอในกลุ่มพยาบาลสาว อาจเป็นเพราะถึงแม้จะย่างเข้าสามสิบกว่าๆ แต่หมอหนุ่มยังรักษาหุ่นให้เฟิร์มอยู่เสมอ สังเกตว่าเวลาผ่านไปเกือบห้าปีแต่ชายหนุ่มยังดูเหมือนเดิม อาจดูภูมิฐ
โรงเรียนอนุบาลรุ่งอรุณ ต้นน้ำยืนอยู่ข้างๆ นายแพทย์อนวินท์ เด็กๆกำลังจะเลิกเรียน โรงเรียนเตรียมอนุบาลแห่งนี้อยู่ไม่ไกลมาก จากโรงพยาบาลทำให้สะดวกในการไปรับและมาส่ง ต้นน้ำน้ำตาซึมเมื่อมองเห็นท่าทางตื่นเต้นของลูกชายตัวน้อยที่มองมาจากที่นั่ง คุณครูกำลังจะปล่อยนักเรียน พยาบาลสาวมองเห็นลูกชายตัวน้อยกำลังซอยเท้าเหมือนกำลังตื่นเต้นเต็มที่ที่จะได้เจอพ่อ ผู้ชายที่ยืนข้างๆ นี้ พยาบาลรับรู้ถึงความอบอุ่นหญิงสาวเหลือบไปมอง เห็นนายแพทย์หนุ่มขยับแว่น หญิงสาวขนลุกเมื่อมองเห็นเหมือนอดีตสามีมีน้ำรื้นๆ อยู่ในดวงตา หญิงสาวยังแอบเห็นว่าชายหนุ่มกำมือแน่น แล้วเงยหน้าเหมือนต้องการทำการหยุดไม่ให้น้ำตาไหลออกมา ต้นน้ำเหลียวไปมองอีกครั้งในห้องเรียนเห็นลูกชายตัวน้อยวิ่งตรงมาที่ตนเองและหมอหนุ่มยืนรอพร้อมอ้าแขนมาแต่ไกล “พ่อ พ่อฮะ พ่อ.....” น้องนนท์ร้องเรียกเสียงดัง จนต้นน้ำตกใจ อนวินท์ย่อตัวลงนั่งพร้อมกับอ้าแขนรับร่างเด็กชายตัวน้อยที่วิ่งเข้ามาหาเหมือนคุ้นเคยกันนานปี ต้นน้ำเบือนหน้าหนีเมื่อน้ำตาหยดลงมา หญิงสาวรีบปาดน้ำตาทิ้ง “นนท์ ลูกพ่อ” อนวินท์อุ้มลูกชายพร้อมเหวี่ยงไปมาอย่างดีใจ “พ่อ พ่อ ....พ่อ” น้องนนท์
ต้นน้ำลอบมองนายแพทย์อนวินท์กำลังวิ่งเตะบอลกับลูกชาย นัยน์ตาเธอรื้นด้วยน้ำตา ภาพแบบนี้มันเคยอยู่ในความฝัน ภาพครอบครัวที่แม่ทำอาหาร พ่อและลูกชายวิ่งเล่นที่สนามหน้าบ้าน ใครจะเชื่อภาพฝันที่เคยอยู่ในภวังค์ความคิดเมื่อหลายปีก่อนวันนี้กลับเป็นภาพแห่งความจริงเสียงหัวเราะของเด็กชายนนทวัตรสลับกับเสียงหัวเราะของนายแพทย์อนวินท์ซึ่งน้อยครั้งจะมีคนได้ยินเพราะบุคลิกของหมอที่เคร่งขรึมและเอาจริงเอาจัง ตั้งแต่ชายหนุ่มอยู่มัธยมปลายจนกระทั่งเรียนจบยังเป็นภาพจำมิรู้ลืม แม้กระทั่งแต่งงานกันแล้วต้นน้ำจำได้ว่าก็ไม่บ่อยนักที่จะได้ยินชายหนุ่มหัวเราะเสียงแจ่มใสแบบนี้อาจเป็นเพราะภาระหน้าที่รองผู้อำนวยการโรงพยาบาลเอกชนเมื่อหลายปีก่อนงานค่อนข้างหนัก ตอนนี้ชายหนุ่มได้เลื่อนขึ้นมาเป็นผู้อำนวยการโรงพยาบาลแล้ว เนื่องจากนายแพทย์เอกชัยได้เกษียณตัวเองเมื่อสองปีก่อนตามคำบอกเล่าของเพื่อนสาวคนสนิท ต้นน้ำมองภาพนั้นหัวใจรู้สึกปวดร้าวขึ้นมา เมื่อนึกว่าอีกไม่กี่เดือนข้างหน้าถ้าชายหนุ่มต้องกลับไปปฏิบัติหน้าที่ที่กรุงเทพฯ หญิงสาวไม่อยากนึกภาพว่าลูกชายตัวน้อยจะเศร้าใจเพียงไรยิ่งเห็นภาพความสุขของบุตรชายยิ่งทำให้พยาบาลสาวนึกหวั่
ในขณะที่จอยผลักให้ต้นน้ำเดิน เพราะหญิงสาวกำลังตกตะลึง.. ต้นน้ำวิ่งย้อนขึ้นกลับไปบนบันไดเลื่อน ในขณะที่อนวินท์วิ่งลงมา ภาพประทับใจแบบนี้ ทำให้จอยถึงกลับต้องตบมือด้วยความซาบซึ้ง ต้นน้ำวิ่งเข้าสวมกอดอนวินท์ทันที “น้ำขอโทษ น้ำเสียใจที่เอาแต่ใจ น้ำน่าจะเชื่อใจพี่หมอมากกว่านี้ น้ำมันงี่เง่าเอง” ต้นน้ำร่ายยาว อนวินทร์สวมกอดภรรยาสาวแน่น มองหน้าภรรยาสาว ตาบวมแดง จมูกแดง ปากสั่นๆขณะพูด ชายหนุ่มอมยิ้ม ก่อนก้มลงจูบภรรยาสาวในขณะที่หญิงสาวละล่ำละลักพูด ต้นน้ำตกใจหัวใจเต้นแรง จูบตอบชายหนุ่มด้วยความโหยหา แม้ว่ารสจูบจะหนักหน่วง แต่ต้นน้ำไม่ขัดขืนเพราะเธอก็คิดถึงอ้อมกอดนี้ ริมฝีปากนี้ แล้วยิ่งรู้ว่าจะต้องจากชายหนุ่มนาน หญิงสาวใช้มือโอบรอบต้นคอ จอยอ้าปากค้างกับภาพที่เห็นเป็นสิบวินาที “โห จะเลิฟซีนก็สะกิดก่อนสิ จะได้หลบไปไกลๆ เอามาให้คนโสด อิจฉา” จอยบ่นก่อนเดินหันหลังลงบันไดเลื่อนด้วยความเซ็ง แต่ก็เพียงแป๊ปเดียวก็หันมาถ่ายรูปที่คุณหมอหนุ่มชื่อดัง และภรรยาสาว กำลังแลกจูบกันไปมาด้วยความคิดถึง “แหม ลีมินโฮ ก็ลีมินโฮ เถอะ เจอคุณหมอวินท์ชิดซ้าย เล่นมาจูบกลางสนามบินสุวรรณภูมิงี้” จอยหันไปมองผู้คนรอบข้างที่
อนวินท์เมื่อวางสายจากลูกชาย ก็มองไปที่แบตเตอรี่ที่บอกสัญญาณว่าจะใกล้หมด เหลือเพียงสี่เปอร์เซนต์ เมื่อค้นหาพาวเวอร์แบงก์ก็ต้องหงุดหงิดว่าลืมเอาใส่กระเป๋าโหลดลงเครื่องไป ชายหนุ่มตัดสินใจปิดเครื่องทันที โดยไม่ได้เปิดไปมองโปรแกรมยอดฮิต ที่มีข้อความเข้ามานับสิบข้อความ ต้นน้ำพยายามที่จะโทรศัพท์อีก แต่คราวนี้ เหมือนกับว่าเจ้าของเครื่องได้ทำการปิดเครื่องแล้ว “พี่หมอปิดเครื่องแล้ว เมื่อกี้สายไม่ว่าง แต่คราวนี้ปิดเครื่องไปเลย เอาไงดีจอย” ต้นน้ำพูดน้ำเสียงร้อนรนจอยนิ่งคิด เมื่อได้ยินเสียงผู้ประกาศสาวที่กำลังประกาศ น้ำเสียงอ่อนหวาน ก็ดีดนิ้ว เมื่อนึกอะไรออก“ไปกับฉันแก เราต้องพึ่งฝ่ายประชาสัมพันธ์ มันเป็นโอกาสสุดท้ายล่ะ ถ้าไม่ได้ทางนี้ แกคงต้องรอคุณหมอที่บ้านแหละ”“ไปเถอะ โอกาสสุดท้ายฉันก็ยอม ฉันรอพี่หมอได้ แต่ฉันอยากจะใช้โอกาสสุดท้ายของฉัน แค่ได้บอกเค้าก็ยังดี”“งั้นไปกัน”ประกาศ ผู้โดยสารที่ชื่อว่า คุณอนวินท์ เลิศวสิน กรุณาเปิดเครื่องสื่อสารของท่าน ทางบ้านมีเรื่องด่วนแต่ติดต่อไม่ได้ค่ะประกาศอีกครั้ง ประชาสัมพันธ์สาวพูดย้ำอีกรอบ อนวินท์ยืนนิ่งเมื่อได้ยินเหมือนเสียงเรียกชื่อตนเอง ชายหนุ่มขมวด
จอย หันไปมองเพื่อนสาว ที่บางทีก็หัวเราะ บางทีก็ร้องไห้ ระหว่างที่ตนขับรถ คิ้วขมวด ก่อนเอ่ยถามด้วยความอยากรู้“แกเป็นอะไรน้ำ เสียใจจนเป็นบ้าไปเลยเหรอ คุณหมอยังไม่ได้ทิ้งแกหรอกนะ”“ไม่...ฉันอ่านข้อความที่พี่หมอเขียน ดูสิ สติ๊กเกอร์ พี่หมอเอาเวลาไหนไปโหลดมา ปกติใช้แต่ของฟรี” ต้นน้ำหัวเราะเบาๆ พร้อมปาดน้ำตา “สรุปแล้วฉันเข้าใจผิดพี่หมอหมดเลย..ทำยังไงดีล่ะแก ฉันจะเอาหน้าไหนไปสู้กับพี่หมอได้ล่ะ ต่อว่าเค้ามากมาย ทั้งเรื่องแม่ของหมอนิ ทั้งเรื่องที่โรงแรมที่เชียงใหม่ ว่าแต่แกรู้เรื่องพี่หมอสุชาติด้วยเหรอ ทำไมแกไม่เล่าให้ฉันฟัง” ต้นน้ำเขย่าแขนเพื่อนสาว หลังจากอ่านข้อความไปเกินสิบหน้า “ก็ตอนนั้นแกไม่มาทำงาน แล้วงานโรงพยาบาลเวลาไม่มีแก ก็ยุ่งๆ” จอยหันมาตอบเสียงอ่อย“มันคงเป็นเวรกรรมของฉันมั้ง ไปว่าพี่หมอให้มากมาย ถ้าฉันไปไม่ทันจริงๆ แล้วพี่หมอไปนาน ๆฉันต้องคลอดลูกคนเดียวอีกเหรอเนี่ย” ต้นน้ำทำเสียงเศร้า หญิงสาวเลื่อนหน้าจอมาเจอคลิปวีดีโอ แล้วเปิดฟังทรมานไปทั้งหัวใจทุกครั้งที่เราได้ชิดใกล้ แต่พูดความจริงไม่ได้...ได้แต่เก็บอยู่ข้างใน ไม่รู้ว่าเมื่อไหร่เธอจะรู้หัวใจได้โปรดมองในตาฉัน มองที่ตรงนั
โรงพยาบาลเลิศวสินต้นน้ำลงจากรถวิ่งเข้าไปในโรงพยาบาล ราวร่างไร้หัวใจ กว่าชั่วโมงที่ตามหาชายหนุ่มแต่ไม่พบทำให้ต้นน้ำรู้สึกถึงความผิดปรกติ หญิงสาวแทบวิ่งถลาไปที่ห้องทำงาน เห็นเพื่อนสาวคนสนิทกำลังทำงานอย่างวุ่นวาย “จอย” ต้นน้ำตะโกนเรียกไปก่อนพยาบาลจอย สะดุ้งก่อนมองไปที่ต้นเสียง แว๊บแรก แสดงความตื่นเต้น แต่เมื่อนึกถึงว่า ตลอดหลายวันมานี่ ไม่ว่าเธอพยายามติดต่อหญิงสาวอย่างไรก็ติดต่อไม่ได้ ทำให้จอยรู้สึกน้อยใจเพื่อนสาว ทั้งน้อยใจของตัวเองและยังโกรธเพื่อน เพราะสงสารเจ้านายหนุ่ม ที่ตลอดหลายวันตั้งแต่หญิงสาวหายไป นายแพทย์หนุ่มทั้งเครียด และไม่ได้ดูแลตัวเองเลย จอยแกล้งทำงานต่อไปราวกับไม่ได้ยินเสียงเพื่อนรัก“จอย พี่หมออยู่ไหน” ต้นน้ำถาม เมื่อเดินมายืนตรงหน้า “แกสนใจด้วยเหรอ หายไปไหนมา ทั้งฉันทั้งพี่หมอติดต่อแกไม่ได้ ตอนนี้จะมาถามหา ช้าไปหน่อยไหม” จอยพูดประชดแล้วทำงานต่อ“แกอย่าเพิ่งโกรธฉันนะ ฉันไม่สบายนอนโรงพยาบาล แล้วลืมเอาที่ชาร์ตโทรศัพท์ไปด้วย แบตหมดตั้งแต่วันแรกแล้วมั้ง ฉันรู้ข่าวหมอนิ ตกลงเป็นยังไง”จอยได้ฟัง แล้วเงยหน้ามองเพื่อนที่ท่าทางดูอิดโรยก็รู้สึกตัว รีบลุกขึ้นมาโอบกอดเพื่อนสาวแน่
พิพัฒนพงษ์ตรีรินทร์ได้ยินเสียงโทรศัพท์ ก็เหลียวไปมอง ก่อนจะเดินไปรับสายโทรศัพท์ “พิพัฒนพงษ์ค่ะ”“คุณแม่ครับ คุณแม่ติดต่อน้ำได้หรือเปล่า”“ยังเลยตาหมอ”อนวินท์มีใบหน้าสลดลง ถอนหายใจ “คุณแม่ครับ ผมต้องเดินทางไปประชุมงานที่ญี่ปุ่นสักพักฝากคุณแม่ดูแลน้องนนท์ ผมโทรหาเมื่อกี้เห็นบอกว่าไปแคมป์กับน้องกายที่เขาใหญ่”“ใช่จ๊ะ ตาหมอไม่ต้องเป็นห่วง แม่จะดูแลตานนท์ให้จ๊ะ”อนวินท์วางโทรศัพท์ กลับไปที่บ้านชายหนุ่มเดินไปทั่วบ้านด้วยความรู้สึกเหงา บ้านที่ปราศจากหญิงสาวและลูกชายตัวน้อย ดูเงียบสนิท ภาพความทรงจำเก่าๆ จะเห็นหญิงสาวในห้องครัวทำอาหารมีลูกชายตัวน้อยนั่งอยู่ใกล้ๆ บนเก้าอี้ในห้องครัว อนวินท์กอดอกนึกย้อนภาพเก่าๆ อย่างมีความสุข เสียงรถมาจอดหน้าบ้าน อนวินท์ออกไปต้อนรับ“ขอบคุณมากจอย” “ไม่เป็นไรค่ะหมอ” จอยตอบ ขณะที่มีพนักงานบริษัทอีเว้นต์แพลนเนอร์ชื่อดัง อีกสามคนเดินตามมาอนวินท์เดินนำเข้าไปในบ้าน อีกหลายชั่วโมงต่อมาทั้งบ้านเต็มไปด้วยดอกไม้ ลูกโป่ง จัดแต่งอย่างสวยงาม โรแมนติค จอยมองรอบๆ บ้านหลังน้อยที่ถูกตกแต่งในแต่ละห้องอย่างสวยงาม ทั้งดอกไม้ ลูกโป่ง ข้อความ หญิงสาวมองด้วยความซาบซึ้ง“โห โรแ
โรงพยาบาลเลิศวสินจอยเอาอาหารและน้ำมาเสิร์ฟ ให้นายแพทย์อนวินท์ ที่นั่งสะสางงานจนดึกด้วยความเป็นห่วง ตั้งแต่กลับจากสถานีตำรวจ นายแพทย์หนุ่มขังตัวเองอยู่ในห้อง เกือบครึ่งวัน“หมอคะ ทานอะไรสักหน่อย ตั้งแต่เช้าจอยยังไม่เห็นหมอทานอะไรเลย” พยาบาลสาวมองนายแพทย์ที่เป็นทั้งสามีเพื่อนและเจ้านายด้วยความเป็นห่วง “วางไว้ตรงนั้นแหละจอยขอบใจมาก อืมคุณติดต่อน้ำได้ไหม ผมติดต่อไม่ได้เลย” อนวินท์มีสีหน้าเป็นกังวล“ไม่ได้เหมือนกันค่ะ กลับมาจอยจัดการให้พี่หมอเลย งอนเป็นนางเอกละครไทยไปได้” จอยพูดน้ำเสียงหงุดหงิด“น้ำคงมีเหตุผล นั่งสิจอยผมมีเรื่องอยากถาม”“น้ำเขาเคยพูดเรื่อง วันครบรอบแต่งงานสี่ปีก่อน ก่อนที่เขาจะหนีผมไป คุณอยู่ในเหตุการณ์ ไหนเล่าให้ฟังสิ คุณรู้อะไรเกี่ยวกับเรื่องนี้ ผมอยากรู้อะไรทำให้เขาน้อยใจ เพราะปรกติแค่เรื่องผมไม่กลับบ้านติดคนไข้ ไม่น่าจะทำให้เขาโกรธขนาดนี้”อีกสามสิบนาทีต่อมา อนวินท์ก็พอปะติปะต่อ เรื่องต่างๆ ได้ ชายหนุ่มถอนหายใจยาว“ผมเป็นต้นเหตุกับเรื่องต่างๆ นี้เอง”“ยัยน้ำเป็นคนอ่อนไหว เพราะเป็นลูกสาวคนกลาง คิดว่าพ่อแม่ไม่ค่อยรัก เกี่ยวกับคุณหมอ น้ำมันฝังใจมาตลอดว่าเพราะคุณหมออกหัก
ต้นน้ำเดินมือจับเสาแขวนน้ำเกลือห้อยอยู่ ส่วนอีกมือก็จับมือพยาบาลสาว เพื่อนรุ่นพี่ร่วมอาชีพที่เพิ่งรับประทานอาหารกลางวันด้วยกัน หญิงสาวเดินผ่านห้องโถงที่กำลังมีรายการข่าวร้อนต้นน้ำจ้องมองที่หน้าจอ ยืนตัวแข็งจนพยาบาลนิดต้องเขย่าที่ข้อมือ แพทย์หญิงพ่ายรัก ฉีดยาตายคาห้องพัก เกิดเหตุที่คอนโดฯ ชื่อดังใจกลางเมือง ตรวจสอบต่อมาว่าคือ สูตินารีแพทย์ชื่อดัง แพทย์หญิงนิภา ทำงานที่โรงพยาบาลเอกชนชื่อดัง สวมชุดกาวน์สีขาวที่แขนซ้ายมีรอยเข็มฉีดยาและมีสายยางรัดที่แขน ใกล้กันพบเข็มฉีดยาใช้แล้ว น่าสลดใจยิ่งขึ้นเมื่อพบว่ามารดาของแพทย์หญิงเพิ่งเสียชีวิตเมื่อสามวันก่อน คาดว่าต้นเหตุอาจมาจากปมชู้สาว ที่เกิดเหตุพบจดหมายที่จ่าหน้าถึง นายแพทย์หนุ่มอักษร อ ผู้อำนวยการหนุ่มโรงพยาบาลชื่อดังที่เคยมีข่าวกันเมื่อหลายปีก่อนต้นน้ำยืนนิ่งฟังแล้ว ใจเต้นแรงสมองแทบไม่สั่งงาน มือสั่นก่อนที่จะหมดสติลง พยาบาลนิดมองปฏิกิริยาคนไข้สาวแล้วตกใจรีบพยุงไปนอนที่เตียงก่อนจะปฐมพยาบาลต้นน้ำลืมตาขึ้นสมองยังจำได้ถึงข้อความข่าว “หมอนิตาย...แม่หมอนิก็ตาย เกิดอะไรขึ้น..โทรศัพท์โทรศัพท์มือถือ” หญิงสาวผงกศีรษะเร็ว แล้วกวาดสายตามองหาโทรศัพท์
จังหวัดแม่ฮ่องสอน อ.ปาย ภายในรีสอร์ต เล็กๆ ในอำเภอปาย ปายอินเฮเว่น เป็นรีสอร์ต เล็กๆ อยู่ไกลจากความเจริญในเมือง เป็นรีสอร์ตที่ใกล้เคียงธรรมชาติ อยู่ห่างจากความเจริญในตัวเมืองปาย ห้ากิโลเมตร ต้นน้ำเลือกที่นี่เป็นที่พัก เพราะครั้งหนึ่ง เมื่อสิบปีก่อน เธอกับสามีเคยมาออกค่ายอาสาที่นี่ ไม่น่าเชื่อว่า สิบปีผ่านมา อำเภอปายจะเจริญเติบโต เป็นอำเภอที่เน้น การท่องเที่ยว เป็นอำเภอที่ดึงดูดน้องท่องเที่ยว จากทั่วโลก หญิงสาวไม่เลือกที่พักในเมือง เพราะอยากอยู่สงบๆ ตามลำพัง ตัดขาดจากสิ่งอำนวยความสะดวกทั้งปวง ไม่มีทีวี ไม่มีมือถือ ต้นน้ำนอนซมอยู่สองสามวัน เพราะป่วย วันนี้เป็นวันแรกที่ลุกขึ้นมาจากเตียงได้ยังรู้สึกมึนงง หญิงสาวรู้สึกผะอืดผะอม คลื่นไส้ เวียนหัว ต้นน้ำแทบจะคลานไปที่ห้องน้ำ แล้วอ้วกออกมา มีเพียงน้ำใสๆ เพราะเธอแทบจะไม่ได้ทานอะไร สามสี่วันที่ผ่านมา “เวียนหัวจัง...” ต้นน้ำแทบจะนอนลงไปที่พื้นในห้องน้ำ หญิงสาวพยายามพยุงตัวเอง ให้ออกมาจากห้อง นัยน์ตาพร่ามัว ก่อนที่จะเป็นลมไปในที่สุด...ฟื้นมาอีกครั้ง ตัวเองก็มานอนอยู่ในโรงพยาบาลกำลังถูกให้น้ำเกลือ หญิงสาวมองไปข้างๆ ทั้งซ้าย ขวา ก็มีคนไข้นอนเรีย
โรงพยาบาลเลิศวสินอนวินทร์กำลังอ่านชาร์ตคนไข้ ที่มีตารางจะต้องเข้าผ่าตัดบ่ายนี้ ขณะที่หมอภัทรนั่งดื่มกาแฟอยู่ใกล้ๆ ภายในห้องเดียวกัน “เมื่อคืนวินท์ไม่ได้ไปงานสวดอภิธรรมคุณแม่หมอนิเหรอ” นายแพทย์ภัทรถามด้วยความแปลกใจ“ไม่ได้ไป ติดเคสผ่าตัด เป็นไงบ้าง” อนวินทร์เงยหน้าจากชาร์ต มองหน้าเพื่อนร่วมงานนิ่ง“แปลก..”นายแพทย์ภัทรกล่าว ขณะที่ใช้ปากกาเคาะที่โต๊ะเบาๆ“แปลกยังไง” อนวินทร์ถาม ขณะยกกาแฟขึ้นจิบ ตามองที่เพื่อนร่วมงานเขม็ง“เจ้าภาพงานไม่มา.. แล้วเมื่อเช้านี้ หมอนิมีผ่าตัด ก็ไม่มาอีก พี่หมอสุชาติต้องเข้าผ่าตัดเอง นั่นไง เดินหน้าตั้งมาโน่นล่ะ”อนวินท์มองตามมือเพื่อน ก็เห็นนายแพทย์สุชาติเดินตรงเข้ามาในห้องใบหน้าเคร่งเครียด“วินท์ ไม่ไหวนะเนี่ย หมอนิทำไมไม่รับผิดชอบงานที่ตัวเองรับผิดชอบ นี่พี่ต้องทำคลอดสองคนติดต่อกัน ติดต่อไม่ได้ โทรไปที่บ้านก็ไม่อยู่ เค้าติดต่อมาทางวินท์ไหม จะลางานก็น่าจะบอกกันบ้าง” นายแพทย์สุชาติพูดเร็วด้วยอารมณ์หงุดหงิด“ไม่นะครับ ไม่ได้คุยกันเลย ตั้งแต่คืนสวดอภิธรรมคืนแรก”“แปลกจัง เอ ถ้าเค้าไม่กลับไปนอนที่บ้าน เขามีที่พักที่ไหน” นายแพทย์สุชาติ นึกสังหรณ์ใจแปลกๆ“นิเค้าม