ดวงตาของเสิ่นเยี่ยหงเปล่งประกายท่ามกลางความมืดมืด แววตากริบเต็มไปด้วยความเฉียบขาด
เขาลุกขึ้นนั่งปรายตามองกู้เฉียวจิงที่แอบอิงนอนอยู่เคียงข้าง เสิ่นเยี่ยหงขยับตัวอย่างระมัดระวัง เขาเปิดประตูเดินออกไปด้านนอก ทันทีที่เสิ่นเยี่ยหงขยับตัวกู้เฉียวจิงก็ตื่นแล้วเธอนอนนิ่งแสร้งทำเป็นหลับต่อ
เกือบจะรุ่งเช้า เสิ่นเยี่ยหงก็เดินไปปลุกบุตรชายบอกให้ว่าตนเองจะเข้าเมืองเพียงคนเดียว จากนั้นก็หายไปเกือบครึ่งค่อนวันชายหนุ่มถึงกลับมา
เมื่อปรากฏกายนางก็รับรู้ทันทีกลิ่นอายของสามีเปลี่ยนไป เมื่อเงยหน้าขึ้นก็ปะทะกับดวงตาเย็นชาคู่หนึ่ง สักพักความแข็งกร้าวในดวงตาชายหนุ่มก็จางลงปรับสีหน้ายิ้มจาง ๆ พูดขึ้น
“ข้าจะต้องเดินทางเข้าเมืองหลวง รายละเอียดข้าจะเล่าให้เจ้าฟังระหว่างเดินทาง” จากนั้นเขาก็หันไปสั่งบุตรชาย
“ไปเก็บข้าวของเอาเท่าที่จำเป็นก็พอ”
กู้เฉียวจิงตกตะลึง เสิ่นเยี่ยหงแตกต่างจากสามีคนเดิมของนางอย่างสิ้นเชิง ทั้งที่นางไม่ใช่ตัวจริงทว่ากลับรู้สึกมีก้อนจุกหนึ่งดันขึ้นมาที่คอ นางกำลังน้อยใจ
เสิ่นเยี่ยหงเหมือนจะรับรู้ถึงอารมณ์ของนาง เขาเดินเข้ามากุมมือของภรรยาแล้วพูดขึ้น
“น้องหญิง...ความทรงจำข้ากลับมาแล้ว ครอบครัวข้าอยู่ที่เมืองหลวง...เจ้ายินยอมจะติดตามข้าไปหรือไม่”
กู้เฉียวจิงแค่นเสียงเย้ยหยันตนเองในคอ บิดามารดานางล้วนสิ้นไปหมดแล้ว ถามเช่นนี้...เสิ่นเยี่ยหงต้องการสิ่งใด..ทว่านางก็ไม่ได้เอ่ยสิ่งที่คิด นัยน์ตาเต็มไปด้วยความไม่รู้ว่าควรจะทำเช่นใด กล่าวด้วยน้ำเสียงปนสะอื้น
“สามีเปรียบเสมือนแผ่นฟ้าของข้า ท่านไปที่ใดข้าก็พร้อมจะติดตามท่านไป”
เสิ่นเยี่ยหงไม่มีคำปลอบโยนอื่นอีก สำหรับเขาเรื่องที่ผ่านมาคล้ายความฝันค่ำคืนหนึ่งตัวตนที่แท้จริงเขาหาใช่บุรุษชอบป้อนคำหวาน กู้เฉียวจิงเองก็ไม่คร่ำครวญสิ่งใดต่อ นางกลับเดินเข้าไปหาบุตรชายเพื่อเก็บของที่สำคัญเพียงพอในการเดินทางเท่านั้น
เมื่อเช้าเสิ่นเยี่ยหงเข้าไปในเมืองเพื่อนำทรัพย์สินทั้งหมดไปขาย แม้กระทั่งหนังสุนัขจิ้งจอกที่ชายหนุ่มเอ่ยน้ำเสียงหวานล้ำก็ถูกนำไปแลกเป็นเงินเรียบร้อย เขาซื้อรถม้าพร้อมกับอาหารแห้งจำนวนหนึ่ง
ทั้งที่บอกว่าจะอธิบาย ทว่าตลอดการเดินทางเสิ่นเยี่ยหงหาได้เอื้อยเอ่ยคำใดหรือประโยคใด ชายหนุ่มใส่ใจทั้งหมดไปกับการเตรียมการเดินทาง เขาปลอมตัวเป็นชายขับรถม้า ให้กู้เฉียวจิงและกู้ซวินนั่งอยู่ภายในรถม้าปิดผ้าม่าน ไร้การพูดคุย
กู้ซวินเดิมก็เป็นเด็กว่าง่ายรู้ความยิ่งนัก เขาไม่กล้าเอ่ยถามเพียงแต่กอดมารดาแน่น บิดาเปลี่ยนไปแล้ว บิดากลายเป็นคนอื่นแล้ว ในความรู้สึกตอนนี้บิดาที่รู้จักไม่ต่างจากตายจากไป ตอนนี้เหมือนเขาเหลือแค่เพียงมารดาเท่านั้น
กู้เฉียวจิงรับรู้ถึงความรู้สึกของบุตรชาย ความเย็นชาของบิดาคงทำให้สะเทือนใจไม่น้อย นางจึงกล่าวปลอบโยน “ไม่ต้องห่วงมีแม่อยู่ทุกอย่างต้องดี”
เดินทางติดต่อกันสิบกว่าวันก็ถึงเมืองหลวง กู้เฉียวจิงเปิดผ้าม่านออกดูภายนอก เมืองหลวงแคว้นต้าเฟิ่งแตกต่างจากเมืองที่จากมายิ่งนัก ผู้คนมากหน้าหลายตา ต่างล้วนสวมอารมณ์งดงาม รถม้าคันหรูหราวิ่งขวักไขว่อยู่บนถนน บ้านเรือนใหญ่อบอวลเต็มไปด้วยกลิ่นอายของถิ่นฮองเต้ แม้กระทั่งกู้ซวินที่ตกอยู่ในความเศร้าสร้อยก็ตื่นเต้นกับสิ่งที่เห็น
“ท่านแม่ที่นี่คือเมืองหลวง เมืองฉางอี้หรือขอรับ”
กู้เฉียวจิงพยักหน้าแล้วบอกบุตรชายด้วยเสียงอ่อนโยน “ต่อไปเราจะพักอยู่ที่เมืองนี้”
เสิ่นเยี่ยหงปราดตามองเข้าไปในรถม้า นัยน์ตาไม่สามารถคาดเดาความคิดได้ สักพักรถม้ามาจอดนิ่งอยู่หน้าประตูใหญ่ของตระกูลเสิ่น
“บังอาจ เอารถม้าของเจ้าออกไปเดียวนี้ ที่นี่ไม่ใช่ที่เจ้าจะมาทำนิสัยเหิมเกริมได้”
เสียงชายฉกรรจ์รูปร่างสูงใหญ่ที่เฝ้าประตูแผดเสียงตะโกนข่มขวัญ ทว่าไม่ทำให้เสิ่นเยี่ยหงรู้สึกหวาดกลัว เขาเดินเข้าไปใกล้ชายคนนั้นแล้วพูดขึ้น
“จางลู่ เจ้าจำข้าไม่ได้หรือ”
กลิ่นอายของชายแปลกหน้าทำให้คนเฝ้าประตูชะงัก ขณะที่เสิ่นเยี่ยหงเดินเข้ามาเขาก็จับทวนในมือแน่นอย่างระวัง ทว่าหลังจากเห็นใบหน้าชายตรงหน้าชัดเจน สีหน้าของเขาก็กลายเป็นแตกตื่น เสียงคุกเข่าลงกระทบพื้นดังสนั่น ร่างกายสั่นเทาใบหน้าเต็มไปด้วยความตื่นเต้นและดีใจ
ตึก ตึก เสียงฝีเท้าซอยถี่รีบเร่งเขามาตามระเบียงทางเดิน ลัวมามาที่กำลังช่วยเสิ่นฮูหยินเช็ดถูดูแลเครื่องประดับก็ขมวดคิ้ว “บ่าวคนใด เหตุใดเสียกริยาเช่นนี้”สวีเหยียนเงยหน้าขึ้นมา ใบหน้าฉายความสงสัย “คงมีเรื่องด่วน เจ้าออกไปดูเถิด” ทว่ายังไม่ทันลัวมามาจะออกไป บ่าวคนดังกล่าวก็วิ่งมาถึงหน้าประตูห้องเสียงตะโกนเรียกดังมาก่อนเจ้าตัว “ฮูหยิน ฮูหยินเจ้าค่ะ” น้ำเสียงระคนตื่นเต้นยินดีกระตุ้นความสนใจ สวีเหยียนจึงเอ่ยถามน้ำเสียงร่ำสั่น “เข้ามาพูดจาดี ๆ เกิดอันใดขึ้น” อีชิงถลาเข้าไปคุกเข่าตรงหน้า น้ำหูน้ำตาของนางไหลท่วมใบหน้าเอ่ยน้ำเสียงสะอื้น “คุณชายใหญ่เจ้าค่ะ..ฮูหยิน..ท่านหงอี้โหวกลับมาแล้ว เจ้าค่ะ ” สวีเหยียนได้ยินเช่นนั้นก็ลุกพรวดขึ้นถาม“เยี่ยหงกลับมาแล้ว..แล้วตอนนี้คนอยู่ที่ใด”“ห้องโถงเรือนใหญ่เจ้าค่ะ...” เสิ่นฮูหยินพยายามรักษากริยา นางแทบอยากจะวิ่งออกไปยังเรือนใหญ่ให้เร็วที่สุดทว่าก็ทำได้เพียงเร่งฝีเท้าให้ถี่ขึ้นเท่านั้น เสียงสะอื้นไห้ดังแว่วมาจากห้องโถง ฝีเท้าของเสิ่นฮูหยินชะงักช้าลงนางก้าวเข้าไปอย่างรู้สึกหวาดหวั่นใจเสิ่นเยี่ยหงเงยหน้าหั
กู้เฉียวจิงหลังจากตรวจดูข้าวของบุตรชายเสร็จ นางก็เอ่ยเรียกบ่าวรับใช้คนหนึ่งเข้ามาไต่ถาม “เจ้าชื่ออะไร” น้ำเสียงและแววตาของกู้เฉียวจิงไม่ได้ข่มขู่หรือแข็งกร้าว มันเรียบนิ่งเย็นชา ทำให้อี้เหมยเกิดอาการประหม่า “เรียนแม่นางกู้ ข้าน้อยชื่ออี้เหมยเจ้าค่ะ” ลัวมามาคิดว่ากู้เฉียวจิงเป็นเพียงหญิงสาวชาวบ้าน ไม่จำเป็นต้องใช้บ่าวรับใช้ขั้นหนึ่งมารับใช้ ทว่าอี้เหมยแม้จะไม่เคยรับใช้ผู้สูงศักดิ์โดยตรง แต่ก็คล่องแคล่วอีกอย่างก็ทำงานในจวนมานาน จึงคิดว่าไม่ต้องระมัดระวังสิ่งใด “อี้เหมยหรือ...ข้ามีบางอย่างอยากจะถามเกี่ยวกับจวนตระกูลเสิ่น เจ้าจะพอให้ความกระจ่างได้หรือไม่” อี้เหมยเงยหน้ามองกู้เฉียวจิง ภาพตรงหน้าเป็นสตรีสวมชุดสีชมพู่ดอกไห่ถังสดใส ใบหน้างดงามเพริศแพร้ว ยิ่งพินิจที่แววตามันกระตุ้นใจของนางกระตุก ไม่รู้เหตุใดนางถึงรู้สึกถึงกลิ่นอายความโหดร้าย “แม่นางจะสอบถามสิ่งใด หากผู้น้อยตอบได้ ..ยินดีจะตอบอย่างไม่ปิดบังเจ้าค่ะ” กู้เฉียวจิงปรับสีหน้ายิ้มพราย “เหตุใดเจ้ากล่าวจึงจริงจังเพียงนั้น เจ้าก็ทราบว่าข้ามาจากถิ่นไกล..แค่อยากจ
สีหน้าของเสิ่นเยี่ยหงทมึงตึงขึ้น เขาลุกขึ้นสะบัดแขนเสื้ออย่างแรง ภายในใจเต็มไปด้วยความเดือดดาลแทบอยากจะเดินปราดออกไปจากห้อง “เรื่องนี้ ยังไม่ต้องตัดสินใจ...ข้าไม่มีทางจะปล่อยให้เจ้าออกไปอย่างไรเจ้าก็เป็นผู้มีบุญคุณช่วยชีวิตของข้า” กู้เฉียวจิงยิ้มเยาะในใจ ที่นางกล้าพูดขนาดนี้เพราะรู้ดีว่าอีกฝ่ายไม่มีทางหย่าต่างหาก จะทิ้งนางหาใช่เรื่องง่ายขนาดนั้น ทว่าหากจะต้องไป ก็คงต้องขอเยอะๆ สักหน่อย นางรีบกล่าวน้ำเสียงร้อนรนทว่าก็แฝงความเด็ดเดียว “ท่านพี่.. ถึงแม้ข้าจะเป็นหญิงสาวชาวบ้าน แต่ก็ไม่เคยคิดจะเป็นอนุของผู้ใด หากท่านจะเมตตาข้าจะขอทรัพย์สินสักก้อนออกไปตั้งตัว เท่านั้นก็นับว่าเพียงพอแล้วต่อคนฐานะเช่นข้า..และอีกอย่างข้าก็มีความรู้ติดตัวอยู่บ้าง” เสิ่นเยี่ยหง ตวัดสายตามองกลับมากล่าวขัดน้ำเสียงสูง “เจ้าไม่เป็นห่วงกู้ซวินหรือ”กู้เฉียวจิงจ้องมองกลับ สายตานางหาได้เกรงกลัวอีกฝ่าย“..เหตุใดท่านเอ่ยถามเช่นนี้...หากกู้ซวินสามารถไปกับข้าได้ ข้าย่อมยินดี แต่..ท่านพี่..ท่านทราบดี ไม่มีทางที่พวกท่านจะยินยอม นี่เป็นหนทางที่ดีที่สุดสำหรับทุกฝ่ายแล้ว อีกอย่
“ชุนเอ๋อร์ ทานข้าวเช้ามาแล้วหรือยังรับพร้อมกันกับแม่ได้หรือไม่”เกาเหยาชุนเงยหน้าสบตากับมารดา แววตาที่เต็มไปด้วยความรักความห่วงใยทำให้คำกล่าวที่จะปฏิเสธก็ถูกกลืนลงไป“เจ้าค่ะ ท่านแม่” นางเดินไปนั่งตรงข้ามมารดาจากนั้นก็รับช้อนชามจากบ่าวไพร่ก้มหน้ากินโจ๊กหมูอย่างเงียบ ๆ เกาฮูหยินปรายสายตามมองบุตรสาวด้วยความรู้สึกหนักอึ้ง หลังจากทานข้าวเสร็จ เกาเหยาชุนหยิบผ้าเช็ดปากแล้วเงยหน้ามองมารดาเอ่ยเรียกเสียงแผ่วเบา“ท่านแม่”“เจ้าคงจะไม่มาบอกแม่ ว่ายินยอมเป็นฮูหยินรองใช่หรือไม่”หญิงสาวหยักหน้าเบา ๆ อย่างรู้สึกผิด นางรักเสิ่นเยี่ยหงมาตั้งหลายปี สัญญาหมั้นหมายก็มีแล้ว เหตุการณ์ครั้งนี้หาได้มีคนผิด ทำไมนางจะต้องแก้ไขด้วยเล่า“ให้แม่ไปคุยกับทางโน้นเสียก่อน อย่างไรผู้หญิงคนนั้นก็เป็นเพียงสตรีชาวบ้าน เสิ่นฮูหยินอาจจะมีวิธีจัดการที่เหมาะสม ไยเจ้าต้องรีบลดเกียรติตนเองเช่นนี้” น้ำเสียงของเกาฮูหยินเต็มไปด้วยความอ่อนใจ แม้เกาเหยาชุนจะรู้สึกผิดกับมารดา ทว่านางเติบโตมาพร้อมกับเสิ่นเยี่ยหง บุรุษที่นางหลงรักมาหลายปี นิสัยใจคอของชายหนุ่มนางล้วนกระจ่างใจยิ่งกว่าใจตนเองเสียอีก “ท่านแม่..ลูกขอโ
กู้เฉียวจิง อยู่ในฐานะสตรีจากบ้านนอก อีกทั้งยังไม่ได้รับฐานะอันใด จะกระทำสิ่งใดล้วนไม่ต้องระมัดระวังมากมายนัก นางตอบรับคำอี้เหมย ในขณะที่กำลังปรับเปลี่ยนการแต่งกาย ลัวมามาก็มาเยือน นางคารวะกู้เฉียวจิงอย่างนอบน้อมอยู่หน้ากั้นฉากแล้วกล่าวขึ้น"แม่นางกู้ อาจารย์ที่ท่านโหวเชิญมาสอนคุณชายได้มาถึงจวนแล้ว ฮูหยินจึงให้ข้ามาแจ้งท่านพร้อมเชิญคุณชายไปพบอาจารย์เจ้าค่ะ”รวดเร็วยิ่งนักกู้เฉียวจิงกระพริบตานิ่งพินิจชั่วครู่แล้วพูดขึ้น“กู้ซวิน ในเมื่ออาจารย์มาถึงแล้วจะเสียมารยาทไม่ได้.. เจ้าจงตามลัวมามาไปพบอาจารย์เสีย ไว้วันหลังแม่จะพาเจ้าออกไปข้างนอกชดเชยให้”กู้ซวินแม้จะผิดหวังที่ไม่ได้ติดตามมารดาไป ทว่าเขาเองก็เป็นเด็กใฝ่รู้เมื่อได้ยินว่าอาจารย์ที่เชิญมาสอนตนเองโดยเฉพาะมาถึงแล้วก็ตื่นเต้นยินดีกลบความผิดหวังนั่นจนมิด“ขอรับท่านแม่”กู้เฉียวจิง หันไปพูดกับลัวมามา“ข้าฝากกู้ซวินด้วยนะ ลัวมามา”ลัวมามาได้ยินเช่นนั้น ก็รีบโค้งตัวอ่อน“การปรนนิบัติท่านเป็นหน้าที่ของบ่าวอยู่แล้ว ท่านอย่ากล่าวเช่นนั้นเลยเจ้าค่ะ” พูดเสร็จ จากนั้นนางก็หันไปผ่ายมือเชิญกู้ซวินอย่างอ่อนน้อมยิ่งกว่า แม้ฐานะขอ
อี้เหมยและอี้หลิง พากู้เฉียงจิงเดินเข้าร้านเครื่องประดับ ร้านอาภรณ์ ร้านผ้าไหม ร้านเครื่องหอม เข้า ๆ ออก ๆ อยู่หลายร้าน หากมีมูลค่ามากหน่อย ก็ให้ร้านไปส่งของและเก็บเงินจากจวนตระกูลเสิ่น บุรุษสูงโปร่งสวมชุดสีคราม ยื่นพิงเสาระเบียงหอเฟิ่งหลางท่วงท่าดูเกียจคร้าน ทว่าสายตาที่พินิจกู้เฉียงจิงกลับเฉียบคมหวังจะเห็นอีกฝ่ายให้ทะลุปุโปร่ง เขาหมุนจอกชาในมือไปมาแล้วถามขึ้น “นั่นหรือ.. สตรีที่เสิ่นเยี่ยหงพากลับมาด้วย” บ่าวข้างกายรีบตอบ “ขอรับ เห็นว่ามีบุตรชายด้วยหนึ่งคน” กู้เฉียวจิงรู้สึกว่ามีสายตาจ้องมอง นางเงยหน้าขึ้นประสานสายตากับชายหนุ่มที่มีใบหน้าหล่อเหลาดุจดั่งหยกบริสุทธิ์ผู้หนึ่ง แม้บุรุษผู้นั้นจะยิ้มทักทายอย่างบุรุษเสเพล กระนั้นนางก็รู้สึกถึงความอำมหิตของอีกฝ่าย นางรีบดึงสายตากลับอย่างไม่ใส่ใจ ที่นี่ย่อมมีบุคคลไม่ธรรมดาอยู่มาก หลีกเลี่ยงเสียหน่อยจะดีกว่าเซียวหลีหยวนจ้องมองแผ่นหลังกู้เฉียงจิงที่กำลังเดินห่างออกไป ครุ่นคิดถึงสายตาเย็นชาของนางเมื่อสักครู่ “สมกับเป็นเสิ่นเยี่ยหง มักมีเรื่องให้ตกตะลึงอยู่เสมอ” เมื่อเดินมากพอสมควร ร่างกาย
กัวเล่อเยี่ยนเชิญกู้เฉียวจิงไปนั่งพร้อมทั้งรินน้ำชาพลางเอ่ย“ต้องขออภัยคุณหนู คนของข้าเสียมารยาทยิ่ง”กู้เฉียวจิงเหม่อมองนิ้วมือทั้งเรียวเล็กและขาวผุดผ่อง ที่ยืนจอกชามาตรงหน้า ผงสมุนไพรเล็ก ๆ ที่ติดอยู่ตรงช่วงแขนทำให้นางเกือบจะเอามือไปปัดออก นางรู้สึกว่าตนเองเสียอาการยิ่ง พลันได้สติ รีบรับจอกชามาแล้วพูดขึ้น“คุณหนูเกรงใจเกินไปแล้ว ท่านมีฐานะสูงส่งไม่อาจจะเปิดเผยตน ข้าเข้าใจ” “ไม่ทราบว่านามของท่านคือ ?”“...ข้า กู้เฉียวจิงเจ้าค่ะ..เอ่อ ฐานะของข้าค่อนข้างที่จะ..ยังไม่ชัดเจนเท่าไรนัก ข้าพึ่งมาเมืองหลวงเมื่อวาน” กัวเล่อเยี่ยนยิ้มละมุน ท่าทีบ่งบอกว่าหาได้ใส่ใจฐานะของอีกฝ่าย นางเอ่ย“ข้าอดแปลกใจไม่ได้...ท่านทราบเรื่องที่ข้ามีวิชาแพทย์ทั้งได้เล่าเรียนกับอาจารย์เหิง..เพราะแม้กระทั่งคนในครอบครัวก็หาได้รู้เรื่องนี้ไม่...”ความลับอย่างไรก็ควรเป็นความลับ การที่กู้เฉียวจิงเอ่ยพูดความลับของคนอื่น ย่อมทำให้อีกฝ่ายไม่พอใจ นางจึงรีบพูด“ต้องขออภัยคุณหนูกัว ต่อไปเรื่องนี้ข้าจะไม่เอ่ยเรื่องนี้ส่งเดชอีก” ใบหน้างดงามส่ายเบา ๆ ไม่ให้คนลำบากใจ “มิใช่เช่นนั้น ... เดิมไม่ใช่ความลับ เพียงแต่
ตอนที่ 11 มิได้เอาใจแต่กำลังเจรจา เรือนใหญ่ ตระกูลเสิ่น เสิ่นซูอิงนั่งเคียงข้างเสิ่นฮูหยินฟังอี้เหมยรายงานเรื่องวันนี้ ด้วยท่าทีสงบเสงี่ยม “อืม วันนี้พวกเจ้าทำได้ดีมาก” จากนั้นลัวมามาก็หยิบถุงเงินส่งให้อี้เหมย หญิงสาวรับมาด้วยสีหน้าแช่มชื่น“ขอบพระคุณฮูหยินเจ้าค่ะ”“หากมีเรื่องอันใดก็รีบมาแจ้งข้า เรื่องในเรือนนั้นเพียงเล็กน้อยก็ต้องรายงานทั้งหมด”สีหน้าของอี้เหมยคล้ายมีเรื่องบางอย่าง สวีเหยียนจึงถามขึ้น“มีเรื่องอันใด” “ก่อนที่บ่าวจะออกมา พ่อบ้านได้นำเสื้อคลุมขนจิ้งจอกหิมะหายากตัวหนึ่งมามอบให้แม่นางกู้ เห็นว่าเป็นของที่ท่านโหวเป็นคนสั่งการกำชับเป็นพิเศษเจ้าค่ะ” “เสื้อคลุมจิ้งจอก ?”“เจ้าค่ะ..สิ่งของอื่น ๆ ที่ได้รับในวันนี้ ใบหน้าแม่นางกู้ล้วนเต็มไปด้วยยินดี ทว่ามีเพียงเสื้อคลุมขนจิ้งจอกตัวนี้ ที่นางมองด้วยสายตาเศร้าสร้อย บ่าวยังแอบเห็นนางยิ้มเย้ยหยันที่มุมปากด้วยเจ้าค่ะ” เสิ่นซูอิงคิ้วขมวด“ท่านแม่ เรื่องเช่นนี้ก็ต้องให้บ่าวมันรายงานด้วยหรือเจ้าค่ะ ข้ามองว่าดูพวกเราจะใส่ใจนางมากไปเสียหน่อย”ในสายตาเสิ่นซูอิง กู้เฉียวจิงก็เป็นเพียงสตรีที่ไม่มีฐานะอันใด แม้นา
ตอนที่ 57 หวังเว่ยซิน..ได้ตามที่ขอในถนนเส้นหนึ่งในอำเภอเล็ก ๆ มีรถม้าคันนี้กำลังเดินทางเข้าสู่เมืองหลวง ภายในรถม้ามีเด็กสาววัยแรกแย้มอยู่ประมาณห้าหกคน ทุกคนล้วนมีผิวพรรณละเอียดใบหน้าหมดจด เค้าโครงรูปหน้าชัดโตขึ้นย่อมเป็นหญิงงามอย่างไม่ต้องสงสัย“ฮื้อ ฮื้อ...ข้าไม่อยากเชื่อเลยว่าครอบครัวข้าจะขายข้า” เสียงเด็กสาวร้องไห้สะอื้นจนตัวโยก บางคนร้องจนหมดแรงหลับไป กู้เฉียวจิงตอนนี้อยู่ในร่างของ หวังเว่ยซิน หนึ่งในสาวงามที่ถูกครอบครัวขายมา เด็กสาวตรอมใจตายยกร่างให้กู้เฉียวจิง อย่างไม่อาลัยอาวรณ์พร้อมขอไปเกิดใหม่ทันทีนางนิ่งเงียบสนิทพยายามทบทวนเรื่องราวของตนเองจากความทรงจำเจ้าของร่างพร้อมกับตรวจสอบพรว่าได้ครบหรือไม่ ในข้อที่หนึ่งขอไปเกิดใหม่พร้อมความทรงจำและวรยุทธ์ ข้อนี้ผ่านไม่มีข้อผิดพลาดถูกต้องตามเจตนา ข้อสอง เกิดในครอบครัวที่นางสามารถเลือกใช้ชีวิตด้วยตนเองได้ทันที นับว่าใช่ ตอนนี้นางมีมารดาและน้องชายแต่นางถูกขายออกมาโดยผู้ที่ได้ว่าเป็นย่าแท้ ๆ อำมหิตสุด ๆ แต่ก็ยังถูกต้องตามที่ขอ หวังเว่ยซินยิ้มแห้ง ๆ ส่วนข้อสาม คงต้องรอสักระยะ ได้ยินคนขับรถม้า
ตอนที่ 56 พรหนึ่งข้อกับตัวละครลับ ในที่สุดกู้เฉียวจิงก็ทนความง่วงไม่ไหว คล้อยหลับไปในตอนดึก ค่ำคืนในฤดูหนาวสายลมพัดเย็นยะเยือก ในห้วงคลับคล้ายเหมือนฝัน นางได้พบกับคนผู้หนึ่งยืนอยู่กลางหิมะ ใบหน้าเหมือนกับนางในตอนนี้ไม่ผิดเพี้ยน “เจ้าคือ กู้เฉียวจิงคนนั้น?” หญิงสาวคนนั้นยิ้มละมุนตอบ “ใช่ข้าเอง...ข้ามาขอบคุณท่าน หากไม่มีท่านทุกอย่างคงไม่ลงเอ่ยเช่นนี้...ข้าซึ้งใจท่านนัก” กล่าวตามจริง กู้เฉียวจิงก็รู้สึกว่าตนเองไม่ได้ทำอันใดมากนัก แค่ทำตามคำสั่งและระงับอารมณ์ให้มากเท่านั้นเอง จึงกล่าว “ข้าทำตามภารกิจ...เจ้ามิต้องขอบคุณ” นางส่ายหน้า “ถึงอย่างไรก็ต้องขอบคุณ” กู้เฉียวจิงมองคนเบื้องหน้าอย่างครุ่นคิดแววตาฉายความสงสัย “ท่านไปอยู่ที่ไหนมาเหตุใดพึ่งปรากฏกาย” “ข้าก็อยู่กับท่าน...หนึ่งร่างสองวิญญาณ”กู้เฉียวจิงเบิกตากว้างอย่างตกตะลึง ความเข้าใจหนึ่งผุดขึ้นใช่แล้ว..กู้เฉียวจิงเจ้าของร่างไม่ได้บอกว่านางตาย มิน่า ๆ หลายครั้งนางก็มีความรู้สึกลึกซึ้งกับเสิ่นเยี่ยหง คงจะเป็นความรู้สึกของสตรีคนนี้ นางเอ่ยถ
ตอนที่ 55 หลบหน้า “ซื่อจือ” กู้เฉียวจิงเอ่ยเรียกกู้ซวินด้วยน้ำเสียงเปี่ยมไปด้วยความยินดี รอยยิ้มของเด็กชายหันมามองมารดาอบอุ่นเป็นพิเศษ ชวนให้ใบหน้าระบายด้วยรอยยิ้มอิ่มเอมกับความสุขที่ล้นออกมาทั้งใจ ความสุขนี้มากเกินบรรยาย หลังจากออกกำลังไป ฝึกกระบี่ไปหลายกระบวนท่าแล้ว กู้ซวินก็มานั่งข้างมารดา รับน้ำมาดื่มพลางเอ่ยถามมารดา “ท่านแม่...ผู้ที่ตัดเส้นแขนขา จะสามารถฝึกฝนวรยุทธ์ได้อีกหรือไม่ขอรับ” กู้เฉียวจิงกระพริบตาเล็กน้อยสายตาอ่อนโยน มองบุตรชายเป็นกังวลนางก็รู้สึกใจอ่อน “ไม่ต้องห่วง...แม่มีหนทางช่วยพ่อเจ้า” ดวงตาบุตรชายเป็นประกายขึ้นมา “จริงหรือขอรับ” “แม่มิเคยโกหกเจ้า” “ป่ะ..เปล่าขอรับ ลูกแค่ตื่นเต้นเกินไป” “เอาล่ะ ไปอาบน้ำเสียก่อน...ทานอาหารให้เรียบร้อยอย่าได้ให้อาจารย์ต้องรอ” เด็กชายตอบรับทันที “ขอรับท่านแม่”ผลัดออกจากบุตรชาย กู้เฉียวจิงก็กลับไปที่เรือนไปหยอกล้อเสิ่ยซูเวยสักพักก่อนจะออกจากจวนไป โรงหมอฮุ๋ยหวง กัวเล่อเยี่ยนชำเลืองมองกู้เฉียวจิง ใบหน้าของนางคล
ตอนที่ 54 เบื้องหน้าเบื้องหลัง กู้เฉียวจิงอ่านสารจากชิงชิงด้วยความรู้สึกหลากหลายทั้งปลื้มปิติกับเด็กน้อย ทั้งโมโหที่เสิ่นเยี่ยหงเสียท่าให้ผู้อื่น ภายในใจกระวนกระวายอารมณ์ปั่นป่วนอึดอัดไม่รู้ด้วยเหตุใด แม้นางจะเข้าใจว่าเหตุใดเสิ่นเยี่ยหงต้องชิงรีบตัดเส้นเอ็นสร้างความตระหนกเพื่อเบี่ยงเบนให้อีกฝ่ายมีเวลาไตร่ตรองน้อยลง แล้วส่งมอบกู้ซวินออกมาให้เร็วที่สุด กระนั้นนางก็ยังอยากจะฟาดกระบี่ใส่อีกฝ่ายเช่นเคย นางสูดลมหายใจเข้าระงับอารมณ์ ยื่นสารไปยังตะเกียงดูมันมอดไหม้พลางเอ่ยถาม ซูซู “คาดว่าพวกเขาจะถึงเมืองหลวงเมื่อไร” “น่าจะไม่เกินสิบวันเจ้าค่ะ ทว่าท่านบัญชาการน่าจะถึงภายในห้าวันนี้” กู้เฉียวจิงผงกศีรษะ แล้วส่งสัญญาให้ซูซูออกไป ในสถานการณ์เช่นนี้ นางคาดเดาว่าตู้ยาต้องมีภารกิจ จึงเปิดขึ้นมาดู ภารกิจที่ห้า มอบยาต่อเส้นเอ็นให้เสิ่นเยี่ยหง เหอะ เหอะ คาดไม่ผิด ผลตอบแทนที่จะได้รับยังไม่ปรากฏ กู้เฉียวจิงยิ้มที่มุมปาก จะเป็นอะไรนะ สิ่งที่นางจะได้รับในครั้งนี้ เงิน อำนาจ ความสามารถ นางล้วนมีค
ตอนที่ 53 นับว่าก้าวหน้าขึ้น กู้ซวินกวัดแกร่งกระบี่ในมืออย่างรวดเร็ว หลังจากใช้กระบี่ปกป้องตนเอง พลิกพลิ้วกายฟาดฝ่ามือใส่อย่างแรง หักแขนขากลุ่มโจรเสียงร้องโหยหวนดังไม่ขาดสาย เหล่าทหารองค์รักษ์ต่างยืนตะลึงนิ่งอึ้งงันไป พลันได้สติกลับมาก็ชูกระบี่ขึ้นเตรียมกระโจนเข้าไปร่วมต่อสู้ ทว่าพวกเขา ต่างหยุดชะงัก หลังจากเห็นฝ่ามือของเสิ่นเยี่ยหงยกมือขึ้นห้าม ชายหนุ่มปรายสายตามองดูบุตรชาย ตัวเล็ก ๆ ของเขาถูกโอบล้อมด้วยจำนวนที่มากกว่ายี่สิบคน กระนั้นเด็กชายกลับดูปลอดโปร่งไร้ความกังวล แค่นี้ก็เห็นถึงความเหนือชั้น ดูรับมือได้ไม่ยาก ชายหนุ่มยกปากยิ้มเย้ยหยันในตอนนี้เขาไม่รู้ว่าตนเองควรมีสีหน้ายังไง จะปลาบปลื้มชื่นชมหรือตกตะลึงคาดไม่ถึงกันแน่ เห็นเหล่าทหารต่างหยุดชะงักมองดูตาค้าง กู้ซวินก็ตะโกนลั่นมา “พวกท่านชักช้าอันใด ไยไม่รีบตามหมอมาดูอาการท่านพ่อเดี๋ยวนี้” เสิ่นเยี่ยหงยิ้มดูแคลนตนเอง หมอทหารที่เตรียมมาเพื่อช่วยเหลือกู้ซวินกลับมาต้องรักษาตัวเขาแทน เหล่าโจรภูเขามองกู้ซวินอย่างตะลึงพรึงเพริด เด็กคนหนึ่งใบหน้าไร้เดียงสา แต่กลับแข็ง
ตอนที่ 52 ซ้อนซ้อนแผน ชิงชิงติดตามขึ้นภูเขาจนกระทั่งจุดทางลับ กลุ่มคนร้ายค่อย ๆ ทยอยหายเข้าไปให้โพร่งไม้นางกำลังจะตามเข้าไปก็ถูก หลีเซียวหยวนสะกัดเอาไว้ “ข้าจะตามเข้าไปเอง เจ้าจงไปตามคนของข้ามา” ชิงชิงพยักหน้าจากนั้นก็เร้นกายออกไปภายในโพร่งมืดสนิท มีเพียงแสงจากโคมไฟเล็ก ๆ ที่นำทางด้านหน้า ส่วนคนที่อยู่ข้างหลัง แม้กระทั่งมือตนเองก็มองไม่เห็น กู้ซวินถูกคนร้ายคนหนึ่งแบกอยู่ช่วงกลางขบวน เด็กชายถูกจี้สะกัดจุดนิทราแต่เขาคลายจุดด้วยตนเองไปแล้ว จึงรับรู้ของการติดตามมาของอาจารย์กู้ซวินลอบฟังเสียงลมหายใจของแต่ละคน หนึ่งหรือสองคนในนี้มียอดฝีมืออยู่ เด็กชายจึงหลับแสร้งหลับต่อไป พวกมันพาเด็กชายไปขังไว้ในห้องหนึ่ง “ต้องมัดมือมัดเท้าหรือไม่”“เด็กตัวแค่นี้ไม่ต้องหรอก ให้มันได้นอนหลับสบายสุดท้ายในชีวิต” จากนั้นพวกมันก็ออกไปเฝ้าหน้าห้อง กู้ซวินจึงลุกขึ้นนั่งดูสำรวจรอบกาย หลีเซียวหยวนรอจังหวะแล้วลอบเข้าไป เอ่ยถามเสียงเบา “หวาดกลัวหรือไม่”เด็กชายส่ายหน้า “ไม่กลัวขอรับ ยิ่งรู้ว่าอาจารย์ติดตามมายิ่งไม่มีสิ่งใดให้กลัว”หลีเซียวหยวนนั่งล
ตอนที่ 51 งานเลี้ยงต้อนรับ ตลอดการเดินทางของเสิ่นเยี่ยหงต้องผ่านหลากหลายหมู่บ้านหลากหลายอำเภอ ชายหนุ่มไม่เพียงไม่ปกปิดฐานะยังเข้าร่วมงานเลี้ยงที่เหล่าขุนนางท้องถิ่นจัดเตรียมไว้ให้อย่างสำราญ “ฮ่า ฮ่า ชายแดนบูรพาได้แม่ทัพกลับมาดูแลย่อมสงบไปหลายอีกปีอย่างแน่นอนขอรับ” นายอำเภอแห่งหนึ่งกล่าวยกย่ออย่างไม่ขัดเขิน “มิกล้า มิกล้า ท่านกล่าวหนักเกินไปแล้ว” จากนั้นนายอำเภอก็ชำเลืองมองไปยังเกาเหยาชุนที่ยังนั่งเด่นสง่าร่วมงานเลี้ยงไม่มีท่าทีว่าจะกลับ เขาปรายส่งสายตาให้คนตนเอง เสิ่นเยี่ยหงชำเลืองมองเห็นก็หันไปกล่าว “ฮูหยินเดินมาเหน็ดเหนื่อย...เจ้าไปพักเสียเถอะ...” ชาในมือของเกาเหยาชุนชะงักเพียงเล็กน้อย แววตาฉายความกรุ่นโกรธผุดขึ้นมาเพียงแวบหนึ่งก็หายไป นางก้มหน้าพลางกล่าวด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา “เจ้าค่ะ...วันนี้เหนื่อยล้าไม่น้อย เช่นนั้นข้าต้องเสียมารยาทกับใต้เท้าทุกท่านด้วยนะเจ้าคะ” ในเมื่อเกาเหยาชุนลุก ฮูหยินใต้เท้าผู้อื่นก็ต่างลุกขอตัวพอสตรีออกไปหมดแล้วนายอำเภอก็ส่งสัญญาณ เสียงดนตรีบรรเลงก็ดังขึ้นพร้อมนางรำที
ตอนที่ 50 ไม่หนีตอนนี้จะหนีตอนไหน ยามเช้าในช่วงฤดูหนาวยังคงเจิดจ้า กู้เฉียวจิงที่ยืนนิ่งอยู่บนต้นไม้ใหญ่ ชุดคลุมสีดำปลิวไสวไปกับสายลมดวงหน้างดงามแววตาฉายความเย็นชาความกังวลฉายในแววตา บุรุษที่ปรากฏกายข้างกายนางปราดสายตามองนางครู่หนึ่งแล้วกล่าว “ไม่ต้องห่วง อย่างไรกู้ซวินก็เป็นลูกศิษย์ของข้า” กู้เฉียวจิงเบนหน้าออกจากขบวนรถม้าของหงอี้โหว ที่กำลังเคลื่อนออกจากตัวเมือง สบตาหลีเซียวหยวนพลางโค้งศีรษะกล่าว “รบกวนท่านแล้ว” “อืม..เรื่องที่เจ้าให้ข้าสืบ หลายอย่างคาดเดาได้ไม่ลำบาก ไปครั้งนี้ต้องการไปหาหลักฐานเพิ่มเท่านั้น” “ข้าเป็นหนี้บุญคุณท่านอีกแล้ว”นัยน์ตาจิ้งจอกประกายไหว จ้องมองแล้วตอบ “เจ้าช่วยงานข้าเสียมากกว่า..นับว่าเป็นเบาะแสที่ดี” กู้เฉียวจิงยิ้มมุมปากเรียว ทอดหายใจเบาบาง “หวังว่าจะไม่ร้ายแรงเกินไป” ชายหนุ่มพยักหน้าครั้งหนึ่งให้หญิงสาว กู้เฉียวจิงโค้งศีรษะจากนั้นเขาก็จะทะยานออกไปรวมกลุ่มกับองค์รักษ์แล้วควบม้าออกเดินทาง หลังจากนั้นกู้เฉียวจิงเองก็เร้นกายหายออกไปจากตรงนั้น ไ
ตอนที่ 49 ภารกิจที่สี่ที่แสนอันตราย เสิ่นเยี่ยหงไม่มากวนใจกู้เฉียวจิงมากนัก อาจจะเป็นเพราะถูกผู้อาวุโสห้ามปราม เพราะนางกำลังถูกย่างกู้เฉียวจิงคล้ายกำลังจะตายทั้งเป็นนาง ทั้งความเจ็บปวดในการคลอด ทั้งอยู่ไฟหลังคลอด นางผู้ที่เป็นฮูหยินเอกหงอี้โหว มีบ่าวไพร่ดูแลมากมายยังรู้สึกเหนื่อยล้าเพียงนี้ ความอดทนอดกลั้นทั้งชีวิตเหมือนถูกใช้ไปหมดแล้วในคราวนี้ นี่คือคอร์สฝึกฝนนักฆ่าชัด ๆ มิน่าเล่าเหล่าฮูหยินเรือนหลังถึงได้โหดเหี้ยมกันเหลือเกิน นางเข้าใจแล้ว กู้เฉียวจิงเปิดตูยาหยิบ ยาหอมออกมาสูดดมอย่างแรง พลันสายตาก็มองเห็น ภารกิจที่สี่ ให้กู้ซวินติดตามเสิ่นเยี่ยหงไปชายแดน ความเหนื่อยล้าเมื่อสักครู่หายไปจนหมดสิ้น กู้เฉียวจิงเบิกตากว้าง มองด้วยความรู้สึกตื่นตระหนก เป็นไปไม่ได้ ภารกิจนี้ หัวใจของนางสั่นสะท้าน กู้ซวินตายเพราะติดตามบิดาไปยังชายแดน เป็นไปไม่ได้ที่นางจะยินยอม ข้อแลกเปลี่ยนคืออะไรกันเหตุใดตู้ยาถึงกล้าเสนอเงื่อนไขเช่นนี้ หลังจากนั้นเรื่องนี้ก็ค้างคาใจ