สีหน้าของเสิ่นเยี่ยหงทมึงตึงขึ้น เขาลุกขึ้นสะบัดแขนเสื้ออย่างแรง ภายในใจเต็มไปด้วยความเดือดดาลแทบอยากจะเดินปราดออกไปจากห้อง
“เรื่องนี้ ยังไม่ต้องตัดสินใจ...ข้าไม่มีทางจะปล่อยให้เจ้าออกไปอย่างไรเจ้าก็เป็นผู้มีบุญคุณช่วยชีวิตของข้า”
กู้เฉียวจิงยิ้มเยาะในใจ ที่นางกล้าพูดขนาดนี้เพราะรู้ดีว่าอีกฝ่ายไม่มีทางหย่าต่างหาก จะทิ้งนางหาใช่เรื่องง่ายขนาดนั้น ทว่าหากจะต้องไป ก็คงต้องขอเยอะๆ สักหน่อย นางรีบกล่าวน้ำเสียงร้อนรนทว่าก็แฝงความเด็ดเดียว
“ท่านพี่.. ถึงแม้ข้าจะเป็นหญิงสาวชาวบ้าน แต่ก็ไม่เคยคิดจะเป็นอนุของผู้ใด หากท่านจะเมตตาข้าจะขอทรัพย์สินสักก้อนออกไปตั้งตัว เท่านั้นก็นับว่าเพียงพอแล้วต่อคนฐานะเช่นข้า..และอีกอย่างข้าก็มีความรู้ติดตัวอยู่บ้าง”
เสิ่นเยี่ยหง ตวัดสายตามองกลับมากล่าวขัดน้ำเสียงสูง
“เจ้าไม่เป็นห่วงกู้ซวินหรือ”
กู้เฉียวจิงจ้องมองกลับ สายตานางหาได้เกรงกลัวอีกฝ่าย
“..เหตุใดท่านเอ่ยถามเช่นนี้...หากกู้ซวินสามารถไปกับข้าได้ ข้าย่อมยินดี แต่..ท่านพี่..ท่านทราบดี ไม่มีทางที่พวกท่านจะยินยอม นี่เป็นหนทางที่ดีที่สุดสำหรับทุกฝ่ายแล้ว อีกอย่างท่านย่อมกระจ่างใจกว่าข้า ข้าไม่อาจจะได้รับต่ำแหน่งฮูหยินเอกได้.....ครั้งนี้ ต้องแยกกับบุตรชายท่านคิดว่าข้าไม่เจ็บปวดหรือ”
แม้น้ำเสียงจะเด็ดเดียวทว่าก็ยังแฝงความสะอื้นสะท้อนความเจ็บปวดภายในใจ ยิ่งเห็นรอยยิ้มบาง ๆ ที่พยายามสะกดกลั้นความขมขื่นไว้ยิ่งทำให้เสิ่นเยี่ยหงรู้สึกใจอ่อนลงหลายส่วน
ทว่าคำกล่าวของกู้เฉียวจิงไม่ต่างจากคำด่าทอ หากเสิ่นเยี่ยหงหย่ากู้เฉียวจิง ในโรงน้ำชายอาจจะมีนิทานที่มีเขาเป็นตัวชั่วช้าไร้ซึ้งคุณธรรมทิ้งภรรยาที่เคยช่วยเหลือ อีกทั้งยังแยกบุตรกับมารดา จากนั้นนางก็ออกไปแต่งงานมีสามีใหม่ จบอย่างมีความสุข
...ไม่ได้!! เรื่องราวจะเป็นอย่างนี้ไม่ได้
ออกรบทำศึกและต่อสู้กับกลการเมืองมาหลายปี นี่เป็นครั้งแรกที่เสิ่นเยี่ยหงรู้สึกอับจนหนทาง
เสิ่นเยี่ยหงกู้ร้องในใจ
กู้เฉียวจิงไม่ได้ถือว่าตนมีความได้เปรียบผู้อื่นตรงรู้เหตุการณ์ข้างหน้า คนที่มีประโยชน์ คนที่ไร้ประโยชน์ คนที่ชั่วช้าและคนดีมีศีลธรรมล้วนแจ่มชัด ทว่าหากนางปรับเปลี่ยนเนื้อหาในนิยายหลายเหตุการณ์ก็อาจจะเปลี่ยนคนดีให้ต่ำช้าได้ นางชำเลืองมองเสิ่นเยี่ยหง หลุบตาต่ำลงแล้วพูดขึ้น
“หากท่านพี่ยังไม่อาจจะตัดสินใจเรื่องนี้ในตอนนี้ ข้าเองก็อยากจะอยู่กับซวินอีกสักระยะ เช่นนั้นท่านพี่ของอยากจะขอร้องท่านสักเรื่องได้หรือไม่”
เมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายกำลังถอยให้ เสิ่นเยี่ยหงก็ผ่อนคลายลง พยักหน้าให้นางพูดต่อ
“ข้าทราบว่าตระกูลใหญ่ย่อมมีกฎระเบียบมากมาย เมื่อก่อนอยู่หมู่บ้านอี้หลาง ล้วนอิสระเสรีข้าเองก็ปรารถนาเช่นนั้น หากข้าอยากจะออกไปข้างนอกบ้างจะได้หรือไม่”
ชายหนุ่มจ้องมองไปในดวงตาของหญิงสาว แววตาของนางนิ่งสงบแฝงความตื่นกลัว คงจะมีหลายอย่างทำให้นางรู้สึกไม่สบายใจ เอาเถอะนางอาจจะกังวลกับตระกูลเขามากไป หากได้ออกไปข้างนอก ได้เห็นถึงความยิ่งใหญ่ของตระกูลอาจจะเปลี่ยนใจ
“ได้..หากจะไปไหนก็บอกบ่าวไพร่หรือให้คนติดตามไปด้วย..เจ้ายังไม่ชินเมืองเฉิงให้คนไปด้วยจะดีกว่า”
“ขอบคุณท่านพี่ ที่เมตตาข้า”
เห็นกู้เฉียวจิงไม่เอ่ยพูดเรื่องหย่าอีก เสิ่นเยี่ยหงก็ลอบถอนหายใจ พูดต่อ
“ข้าพึ่งกลับมา มีหลายอย่างจะต้องสะสาง ดึกแล้วเจ้าพักผ่อนเถอะ”
“เจ้าค่ะ ท่านพี่ดูแลสุขภาพด้วย”
ชายหนุ่มพยักหน้าเล็กน้อยแววตายังแฝงความอ่อนโยนก่อนจะหันกายออกไป กู้เฉียวจิงลอบยืนมองตามหลังอีกฝ่าย
นับว่าวันนี้ผลการเจรจาเป็นไปตามเป้าหมาย
ณ จวนตระกูลเกา
ยามอรุ่นเช้าแสงแดดประกายระยิบระยับ อากาศเย็นผสมกับกลิ่นหอมของดอกไม้โชยเข้ามาแตะปลายจมูก
เกาเหยาชุน ไม่ได้ซึมซับความสดชื่นของบรรยากาศเหล่านั้นแม้แต่น้อย ตั้งแต่ได้ยินข่าวจากตระกูลเสิ่นนางก็ร้อนรนกระวนกระวายจิตใจหาความสงบไม่ได้ ยิ่งได้รู้ว่าเสิ่นเยี่ยหงหาได้กลับมาเพียงลำพังยังมีภรรยาพร้อมบุตรชายกลับมาด้วย นางเหมือนถูกสายฟ้าฟาดในหัวขาวโพลนไร้สติไปเนินนาน
ครั้งเมื่อคืนได้ทบทวนเรื่องราว นางจึงตัดสินใจมาคุยกับมารดา
“คุณหนูรอง ฮูหยินรอท่านอยู่แล้วเจ้าค่ะ” เสียงของบ่าวหน้าห้องมารดาทำให้นางได้สติ นางพยักหน้าเล็กน้อยก่อนจะเดินเข้าไปข้างใน
“ชุนเอ๋อร์ ทานข้าวเช้ามาแล้วหรือยังรับพร้อมกันกับแม่ได้หรือไม่”เกาเหยาชุนเงยหน้าสบตากับมารดา แววตาที่เต็มไปด้วยความรักความห่วงใยทำให้คำกล่าวที่จะปฏิเสธก็ถูกกลืนลงไป“เจ้าค่ะ ท่านแม่” นางเดินไปนั่งตรงข้ามมารดาจากนั้นก็รับช้อนชามจากบ่าวไพร่ก้มหน้ากินโจ๊กหมูอย่างเงียบ ๆ เกาฮูหยินปรายสายตามมองบุตรสาวด้วยความรู้สึกหนักอึ้ง หลังจากทานข้าวเสร็จ เกาเหยาชุนหยิบผ้าเช็ดปากแล้วเงยหน้ามองมารดาเอ่ยเรียกเสียงแผ่วเบา“ท่านแม่”“เจ้าคงจะไม่มาบอกแม่ ว่ายินยอมเป็นฮูหยินรองใช่หรือไม่”หญิงสาวหยักหน้าเบา ๆ อย่างรู้สึกผิด นางรักเสิ่นเยี่ยหงมาตั้งหลายปี สัญญาหมั้นหมายก็มีแล้ว เหตุการณ์ครั้งนี้หาได้มีคนผิด ทำไมนางจะต้องแก้ไขด้วยเล่า“ให้แม่ไปคุยกับทางโน้นเสียก่อน อย่างไรผู้หญิงคนนั้นก็เป็นเพียงสตรีชาวบ้าน เสิ่นฮูหยินอาจจะมีวิธีจัดการที่เหมาะสม ไยเจ้าต้องรีบลดเกียรติตนเองเช่นนี้” น้ำเสียงของเกาฮูหยินเต็มไปด้วยความอ่อนใจ แม้เกาเหยาชุนจะรู้สึกผิดกับมารดา ทว่านางเติบโตมาพร้อมกับเสิ่นเยี่ยหง บุรุษที่นางหลงรักมาหลายปี นิสัยใจคอของชายหนุ่มนางล้วนกระจ่างใจยิ่งกว่าใจตนเองเสียอีก “ท่านแม่..ลูกขอโ
กู้เฉียวจิง อยู่ในฐานะสตรีจากบ้านนอก อีกทั้งยังไม่ได้รับฐานะอันใด จะกระทำสิ่งใดล้วนไม่ต้องระมัดระวังมากมายนัก นางตอบรับคำอี้เหมย ในขณะที่กำลังปรับเปลี่ยนการแต่งกาย ลัวมามาก็มาเยือน นางคารวะกู้เฉียวจิงอย่างนอบน้อมอยู่หน้ากั้นฉากแล้วกล่าวขึ้น"แม่นางกู้ อาจารย์ที่ท่านโหวเชิญมาสอนคุณชายได้มาถึงจวนแล้ว ฮูหยินจึงให้ข้ามาแจ้งท่านพร้อมเชิญคุณชายไปพบอาจารย์เจ้าค่ะ”รวดเร็วยิ่งนักกู้เฉียวจิงกระพริบตานิ่งพินิจชั่วครู่แล้วพูดขึ้น“กู้ซวิน ในเมื่ออาจารย์มาถึงแล้วจะเสียมารยาทไม่ได้.. เจ้าจงตามลัวมามาไปพบอาจารย์เสีย ไว้วันหลังแม่จะพาเจ้าออกไปข้างนอกชดเชยให้”กู้ซวินแม้จะผิดหวังที่ไม่ได้ติดตามมารดาไป ทว่าเขาเองก็เป็นเด็กใฝ่รู้เมื่อได้ยินว่าอาจารย์ที่เชิญมาสอนตนเองโดยเฉพาะมาถึงแล้วก็ตื่นเต้นยินดีกลบความผิดหวังนั่นจนมิด“ขอรับท่านแม่”กู้เฉียวจิง หันไปพูดกับลัวมามา“ข้าฝากกู้ซวินด้วยนะ ลัวมามา”ลัวมามาได้ยินเช่นนั้น ก็รีบโค้งตัวอ่อน“การปรนนิบัติท่านเป็นหน้าที่ของบ่าวอยู่แล้ว ท่านอย่ากล่าวเช่นนั้นเลยเจ้าค่ะ” พูดเสร็จ จากนั้นนางก็หันไปผ่ายมือเชิญกู้ซวินอย่างอ่อนน้อมยิ่งกว่า แม้ฐานะขอ
อี้เหมยและอี้หลิง พากู้เฉียงจิงเดินเข้าร้านเครื่องประดับ ร้านอาภรณ์ ร้านผ้าไหม ร้านเครื่องหอม เข้า ๆ ออก ๆ อยู่หลายร้าน หากมีมูลค่ามากหน่อย ก็ให้ร้านไปส่งของและเก็บเงินจากจวนตระกูลเสิ่น บุรุษสูงโปร่งสวมชุดสีคราม ยื่นพิงเสาระเบียงหอเฟิ่งหลางท่วงท่าดูเกียจคร้าน ทว่าสายตาที่พินิจกู้เฉียงจิงกลับเฉียบคมหวังจะเห็นอีกฝ่ายให้ทะลุปุโปร่ง เขาหมุนจอกชาในมือไปมาแล้วถามขึ้น “นั่นหรือ.. สตรีที่เสิ่นเยี่ยหงพากลับมาด้วย” บ่าวข้างกายรีบตอบ “ขอรับ เห็นว่ามีบุตรชายด้วยหนึ่งคน” กู้เฉียวจิงรู้สึกว่ามีสายตาจ้องมอง นางเงยหน้าขึ้นประสานสายตากับชายหนุ่มที่มีใบหน้าหล่อเหลาดุจดั่งหยกบริสุทธิ์ผู้หนึ่ง แม้บุรุษผู้นั้นจะยิ้มทักทายอย่างบุรุษเสเพล กระนั้นนางก็รู้สึกถึงความอำมหิตของอีกฝ่าย นางรีบดึงสายตากลับอย่างไม่ใส่ใจ ที่นี่ย่อมมีบุคคลไม่ธรรมดาอยู่มาก หลีกเลี่ยงเสียหน่อยจะดีกว่าเซียวหลีหยวนจ้องมองแผ่นหลังกู้เฉียงจิงที่กำลังเดินห่างออกไป ครุ่นคิดถึงสายตาเย็นชาของนางเมื่อสักครู่ “สมกับเป็นเสิ่นเยี่ยหง มักมีเรื่องให้ตกตะลึงอยู่เสมอ” เมื่อเดินมากพอสมควร ร่างกาย
กัวเล่อเยี่ยนเชิญกู้เฉียวจิงไปนั่งพร้อมทั้งรินน้ำชาพลางเอ่ย“ต้องขออภัยคุณหนู คนของข้าเสียมารยาทยิ่ง”กู้เฉียวจิงเหม่อมองนิ้วมือทั้งเรียวเล็กและขาวผุดผ่อง ที่ยืนจอกชามาตรงหน้า ผงสมุนไพรเล็ก ๆ ที่ติดอยู่ตรงช่วงแขนทำให้นางเกือบจะเอามือไปปัดออก นางรู้สึกว่าตนเองเสียอาการยิ่ง พลันได้สติ รีบรับจอกชามาแล้วพูดขึ้น“คุณหนูเกรงใจเกินไปแล้ว ท่านมีฐานะสูงส่งไม่อาจจะเปิดเผยตน ข้าเข้าใจ” “ไม่ทราบว่านามของท่านคือ ?”“...ข้า กู้เฉียวจิงเจ้าค่ะ..เอ่อ ฐานะของข้าค่อนข้างที่จะ..ยังไม่ชัดเจนเท่าไรนัก ข้าพึ่งมาเมืองหลวงเมื่อวาน” กัวเล่อเยี่ยนยิ้มละมุน ท่าทีบ่งบอกว่าหาได้ใส่ใจฐานะของอีกฝ่าย นางเอ่ย“ข้าอดแปลกใจไม่ได้...ท่านทราบเรื่องที่ข้ามีวิชาแพทย์ทั้งได้เล่าเรียนกับอาจารย์เหิง..เพราะแม้กระทั่งคนในครอบครัวก็หาได้รู้เรื่องนี้ไม่...”ความลับอย่างไรก็ควรเป็นความลับ การที่กู้เฉียวจิงเอ่ยพูดความลับของคนอื่น ย่อมทำให้อีกฝ่ายไม่พอใจ นางจึงรีบพูด“ต้องขออภัยคุณหนูกัว ต่อไปเรื่องนี้ข้าจะไม่เอ่ยเรื่องนี้ส่งเดชอีก” ใบหน้างดงามส่ายเบา ๆ ไม่ให้คนลำบากใจ “มิใช่เช่นนั้น ... เดิมไม่ใช่ความลับ เพียงแต่
ตอนที่ 11 มิได้เอาใจแต่กำลังเจรจา เรือนใหญ่ ตระกูลเสิ่น เสิ่นซูอิงนั่งเคียงข้างเสิ่นฮูหยินฟังอี้เหมยรายงานเรื่องวันนี้ ด้วยท่าทีสงบเสงี่ยม “อืม วันนี้พวกเจ้าทำได้ดีมาก” จากนั้นลัวมามาก็หยิบถุงเงินส่งให้อี้เหมย หญิงสาวรับมาด้วยสีหน้าแช่มชื่น“ขอบพระคุณฮูหยินเจ้าค่ะ”“หากมีเรื่องอันใดก็รีบมาแจ้งข้า เรื่องในเรือนนั้นเพียงเล็กน้อยก็ต้องรายงานทั้งหมด”สีหน้าของอี้เหมยคล้ายมีเรื่องบางอย่าง สวีเหยียนจึงถามขึ้น“มีเรื่องอันใด” “ก่อนที่บ่าวจะออกมา พ่อบ้านได้นำเสื้อคลุมขนจิ้งจอกหิมะหายากตัวหนึ่งมามอบให้แม่นางกู้ เห็นว่าเป็นของที่ท่านโหวเป็นคนสั่งการกำชับเป็นพิเศษเจ้าค่ะ” “เสื้อคลุมจิ้งจอก ?”“เจ้าค่ะ..สิ่งของอื่น ๆ ที่ได้รับในวันนี้ ใบหน้าแม่นางกู้ล้วนเต็มไปด้วยยินดี ทว่ามีเพียงเสื้อคลุมขนจิ้งจอกตัวนี้ ที่นางมองด้วยสายตาเศร้าสร้อย บ่าวยังแอบเห็นนางยิ้มเย้ยหยันที่มุมปากด้วยเจ้าค่ะ” เสิ่นซูอิงคิ้วขมวด“ท่านแม่ เรื่องเช่นนี้ก็ต้องให้บ่าวมันรายงานด้วยหรือเจ้าค่ะ ข้ามองว่าดูพวกเราจะใส่ใจนางมากไปเสียหน่อย”ในสายตาเสิ่นซูอิง กู้เฉียวจิงก็เป็นเพียงสตรีที่ไม่มีฐานะอันใด แม้นา
ตอนที่ 12 เพื่อรอยยิ้มของสาวงาม กู้เฉียวจิงถือโอกาสทานมื้อเย็นที่เรือนของบุตรชาย กำชับบุตรชายให้ตั้งใจเล่าเรียนก่อนที่จะกลับเรือน ในขณะที่ เดินผ่านเรือนไผ่หยกของเสิ่นเยี่ยหงภายในเรือนมีโคมไฟจุดเพียงด้านหน้า คล้ายเจ้าของเรือนไม่อยู่ก็หยุดฝีเท้าเอ่ยถามอี้หลิง “ท่านพี่ยังไม่กลับมาอีกหรือ”“ท่านโหวเข้าวังไปตั้งแต่เช้า จนกระทั่งตอนนี้ยังไม่กลับเจ้าค่ะ” กู้เฉียวจิงพยักหน้าเล็กน้อย ก่อนจะก้าวฝีเท้าเดินกลับเรือนของตน ภายในใจก็ครุ่นคิดไปพลางกู้ซวินแม้จะมีใบหน้าหล่อเหลาดั่งบิดา ทว่ากลับมีท่วงท่างดงามสง่าเฉกนักปราชญ์ น้ำเสียงก็อบอุ่นและใสกระจ่างดั่งสายธารน้ำไหลในฤดูใบไม้ผลิ มิน่ามีท่าทีดุดันเฉกแม้ทัพแม้แต่น้อย เหตุใดถึงได้ติดตามบิดาไปออกทัพได้นะนางเดินผ่านทางเดินเลี้ยวผ่านประตูหลายบาน กว่าจะมาถึงหน้าเรือนของตนเอง กู้เฉียวจิงพลันตระหนักได้ว่า เรือนของนางอยู่ไกลยิ่งนัก นางยิ้มมุมปากบางแต่ไม่เอ่ยอันใด หลังจากชำระร่างกายเปลี่ยนชุดเสร็จ นางก็สั่งให้ทุกคนออกไป เปิดตู้ยาสำรวจยาต่าง ๆ อีกครั้ง ตระกูลกัว กัวเล่อเยี่ยน หลังจากตรวจคุณสมบัติของยาก็ทำให้ใบหน้างามคิ้วขมวดอ
ตอนที่ 13 ถือโอกาส กู้เฉียวจิงเดินกลับเรือนด้วยอาการเหม่อเล็กน้อย มือในแขนเสื้อกำเงินยี่สิบตำลึงที่พึ่งได้จากกัวเล่อเยี่ยนเบา ๆ สิ่งที่นางต้องการมิใช่เงิน เสิ่นเยี่ยหงมีทั้งพลังและอำนาจ หากนางจะสลัดบุรุษผู้นี้จะต้องอาศัยบารมีผู้อื่นร่วมด้วย ไม่อยากนั้นหากหนีออกไปโดยไม่วางแผนอาจจะถูกจับกลับมาไม่ได้เห็นเดือนเห็นตะวันอีก สร้างความสัมพันธ์กับผู้ที่มีวาสนาสูงสุดในที่นี่นับว่าเป็นหนทางที่ดีและสะดวก ตอนนี้นับได้ว่าเป้าหมายสำเร็จในระดับหนึ่ง เมื่อมาถึงเรือนสาวใช้ก็ช่วยกู้เฉียวจิงปรับเปลี่ยนชุด เสร็จแล้วนางก็หันไปบอกสาวใช้ทั้งสอง “ข้าอยากจะนอนพักสักครู่ พวกเจ้าออกไปเถอะ” เมื่อประตูปิดสนิท กู้เฉียวจิงจึงเริ่มออกกำลังกายแบบเสริมกล้ามเนื้อ “ถึงแม้จะไม่วรยุทธ์หรือวิชาตัวเบา อย่างไรก็ไม่อาจปล่อยให้กลายเป็นสตรีอ่อนแอได้” ทว่าร่างกายของกู้เฉียวจิงบอบบางยิ่งนัก แขนขาไร้เรี่ยวแรง จับไปส่วนใดก็ล้วนอ่อนนุ่ม กู้เฉียวจิงรู้สึกขัดใจ นางจึงหวังจะบริหารสร้างกล้ามเนื้อขึ้นมาใหม่ ทว่า ยืดแขนขาไม่กี่ท่า เสียงหายใจของนางก็กระชั้นถี่ เมื่อรู้สึกว่าไม่ไหว
ตอนที่ 14 ยอมรับข้อเสนอ ระหว่างเส้นทางกลับจวน กู้เฉียวจิงนิ่งเงียบไร้วาจาไปตลอดทาง นางครุ่นคิดถึงตัวละครชื่อหลีเซียวหยวน ผู้บัญชาการองค์รักษ์เสื้อแพร คนผู้นี้ไม่ใช่มิตรและศัตรูของเสิ่นเยี่ยหง แต่นับได้ว่าเป็นกำลังสำคัญขององค์รัชทายาท ฉากพบกันในวันนี้ในนิยายไม่ได้เอ่ยถึง จากการถูกหลีเซียวหยวนหยอกล้อ นี้คงเป็นสาเหตุที่ทำให้กู้เฉียวจิงกลายเป็นอนุ และคงเป็นนางที่บีบคั้นตนเองเสียมากกว่า เมื่อกลับมาถึงจวน กู้เฉียวจิงปรับเปลี่ยนเครื่องแต่งกายเสร็จก็ไล่สาวใช้ออกไป บอกว่าต้องการอยู่คนเดียวนางเปิดมิติตู้ยากำลังจะหยิบยาล้างแผลสดพลันสายตามองไปเห็นขวดยาภารกิจ เป็นฮูหยินเอกเสิ่นเยี่ยหง ปรากฏชื่อยาขึ้นมาแล้ว ชะล้างไขกระดูก หญิงสาวขมวดครุ่นคิด แล้วหยิบขวดยาออกมาอ่านสรรพคุณ ช่วยล้างไขกระดูกสร้างพลังลมปราณ วิชาตัวเบาโฉบบินดั่งนกอินทรีย์ พลังเยี่ยงเจ้ายุทธภพ กู้เฉียวจิง เบิกตากว้างอ้าปากค้างไปชั่วขณะ นี้ยิ่งกว่าคำว่าโกงเสียอีก นับว่าคุณสมบัติของยาทำให้ กู้เฉียวจิง รู้สึกหวั่นไหวเป็นอย่างมากยิ่งเกิดเหตุการณ์เฉกวันนี้ยิ่งทำให้มีวรยุทธ์ติดกาย และในฐานะนักฆ่ามาก่อน ความฝัน
ตอนที่ 60 บทบาทต่อไป...พี่สาวจงหงวน “คุณหนูหวัง...ถึงโรงเตี้ยมแล้วขอรับ” เสียงพ่อบ้านเฉิงเอ่ยเรียกอยู่นอกรถม้าด้วยเสียงนอบน้อม พอหวังเว่ยซินเลิกผ้าม่านออกมา ก็เจอป้ายขนาดใหญ่หอสุราชิงเห่อ โรงเตี้ยมใหญ่ที่สุดในเมืองหลวง หวังเว่ยซินถอนหายใจ มิต้องสงสัย คงไม่ได้เริ่มต้นแบบชีวิตสตรีชาวบ้านทั่วไปเสียแล้ว นางก้าวลงรถม้า พ่อบ้านเฉิงก็เอ่ยบอก “นี่คือเอกสารของท่านขอรับ เมื่อสักครู่คนเอามาส่งแล้ว” “รบกวนแล้ว ขอบคุณพ่อบ้านเฉิงมาก” “มิกล้า มิกล้า โรงเตี้ยมนี้ท่านจะอยู่กี่คืนก็ได้ขอรับ ข้าได้สั่งเถ้าแก่เอาไว้ ให้ไปเก็บที่จวน” หวังเว่ยซินยิ้มแห้ง ๆ จากนั้นก็เอ่ย “ท่านพ่อบ้านมีภารกิจมากมาย ขอมิอาจรบกวนนาน ส่งข้าเท่านี้พอ” พ่อบ้านเฉิงถูกกำชับว่าอย่าขัดใจคนเบื้องหน้าเด็ดขาด ก็รีบขานรับทันที “มิกล้า มิกล้า เช่นนั้นบ่าวขอตัว” “เดินทางดี ๆ เจ้าค่ะ” จากนั้นเสี่ยวเอ้อก็มารับหน้าต่อ “คุณหนูเชิญด้านในเจ้าค่ะ ตอนนี้ท่านจะไปยังห้องพักหรือว่านั่งผ่อนคลายที่ระเบียงชั้นสองก่อนดีเจ้าคะ”
ตอนที่ 59 เรื่องราวสามปีที่ผ่านมา รถม้าจวนหงอี้กงเคลื่อนผ่านพร้อมกับเสียงกระซิบแผ่วเบา “นี่...รู้ไหมฮูหยินหงอี้กง จัดหาอนุให้กับท่านหงอี้กงอีกแล้วนะ ...ได้ยินว่าเป็นเด็กสาววัยแรกแย้มงดงามที่สุดที่หอซิงเซียงอุตสาหามาได้ แต่จวนหงอี้กงก็ยังมาแย่งคนไป” “จริงหรือ” น้ำเสียงที่เอ่ยถามดูตื่นเต้นประหลาดที่สุด ทำให้คนเล่ายิ่งรู้สึกสนุกอยากเล่าต่อ “แน่นอน...ข้าได้เห็นกลับตา ว่าไปแล้วก็อิจฉาหงอี้กงยิ่งนัก ได้ฮูหยินที่ใจกว้างดั่งมหาสมุทรเช่นนี้ หากเป็นข้าก็อยากจะกลับเรือนทุกวัน” “คริ คริ” เสียงสตรีผู้หนึ่งหัวเราะขบขันพลางกล่าว “ท่านมีเงินเลี้ยงพวกนางหรือข้าได้ยินว่า ฮูหยินหงอี้กงใช้เงินเดือนละหลายหมื่นตำลึงหมดไปกับอาภรณ์เครื่องประดับของเหล่าอนุเชียวนะ” บุรุษผู้นั้นรู้สึกละอาย ตอนนี้แค่นี้ภรรยากับบุตรสองคนก็แสนอัตคัดจะมีปัญญาที่ไหนไปเลี้ยงอนุเพิ่มบุรุษผู้หนึ่ง หมุนจอกชาในมือไปมาคิดไปแล้วก็แปลกใจดูเหมือนว่า อยู่ ๆ เขาก็ตัดใจจากกู้เฉียวจิงได้ ส่วนฮูหยินอันดับหนึ่งที่ทุกคนให้ตำแหน่งมา “ฮื้อ ฮื้อ ท่านไปไหนมา
ตอนที่ 58 ฮูหยินกู้..ถามข่าวท่านทุกวัน ซูซูมอง เด็กสาวประครองหีบขึ้นมา เมื่อเปิดดูข้างในก็เจอตั๋วเงินหลายแผ่นพร้อมเครื่องประตับจำนวนหนึ่ง ดวงตาโตของเด็กสาวเจิดจ้าใต้แสงดาว ได้ยินเสียงนางพึมพำ“เงินของข้า เงินของข้า”นางประคองหีบออกมาอย่างประคบประหงม ลุกขึ้นปัดฝุ่นเล็กน้อยแล้วหันมากล่าว “ซูซู ขอบคุณท่านมากนะที่เฝ้าให้ข้า ข้าไปล่ะ”ในขณะที่กำลังจะทะยานออกไป ซูซูก็เอ่ย“คุณหนูช้าก่อน” จากนั้นก็ไปขวางหน้าเด็กสาว เห็นสีหน้าที่ดูแตกตื่นแววตาสังหารประกายวาบขึ้น นางก็รีบอธิบาย “ป่ะ...เปล่า ข้ามิได้ห้ามที่ท่านจะนำหีบไป เพียงแต่ฮูหยินสั่งเอาไว้ หากท่านมาก็ให้เชิญท่านไปพบ”เด็กสาวพยักหน้าเข้าใจยิ้มตอบ “ฝากบอกนางว่าทุกอย่างเรียบร้อยดี เอาไว้ทุกอย่างลงตัวแล้วข้าจะไป”หวังเว่ยซินกำลังจะก้าวเท้าออกไปก็ถูกซูซูขวางอีกรอบ “คุณหนูจะบอกข้าได้หรือไม่...ว่าท่านพักอยู่ที่ใด เผื่อหากว่าฮูหยินถามข้าจะได้มีข้อมูล...ฮูหยินถามข่าวท่านทุกวันเลยนะเจ้าคะ สีหน้านางดูเป็นกังวลและห่วงใยท่านมาก” แววตาของหวังเว่ยซินมีประกายอบอุ่นขึ้นมา นางคลี่ยิ้มตอบ “ข้าถูกนำมาขายที่หอซิงเซียง ตอนนี้ให้ข้าไปไถ
ตอนที่ 57 หวังเว่ยซิน..ได้ตามที่ขอในถนนเส้นหนึ่งในอำเภอเล็ก ๆ มีรถม้าคันนี้กำลังเดินทางเข้าสู่เมืองหลวง ภายในรถม้ามีเด็กสาววัยแรกแย้มอยู่ประมาณห้าหกคน ทุกคนล้วนมีผิวพรรณละเอียดใบหน้าหมดจด เค้าโครงรูปหน้าชัดโตขึ้นย่อมเป็นหญิงงามอย่างไม่ต้องสงสัย“ฮื้อ ฮื้อ...ข้าไม่อยากเชื่อเลยว่าครอบครัวข้าจะขายข้า” เสียงเด็กสาวร้องไห้สะอื้นจนตัวโยก บางคนร้องจนหมดแรงหลับไป กู้เฉียวจิงตอนนี้อยู่ในร่างของ หวังเว่ยซิน หนึ่งในสาวงามที่ถูกครอบครัวขายมา เด็กสาวตรอมใจตายยกร่างให้กู้เฉียวจิง อย่างไม่อาลัยอาวรณ์พร้อมขอไปเกิดใหม่ทันทีนางนิ่งเงียบสนิทพยายามทบทวนเรื่องราวของตนเองจากความทรงจำเจ้าของร่างพร้อมกับตรวจสอบพรว่าได้ครบหรือไม่ ในข้อที่หนึ่งขอไปเกิดใหม่พร้อมความทรงจำและวรยุทธ์ ข้อนี้ผ่านไม่มีข้อผิดพลาดถูกต้องตามเจตนา ข้อสอง เกิดในครอบครัวที่นางสามารถเลือกใช้ชีวิตด้วยตนเองได้ทันที นับว่าใช่ ตอนนี้นางมีมารดาและน้องชายแต่นางถูกขายออกมาโดยผู้ที่ได้ว่าเป็นย่าแท้ ๆ อำมหิตสุด ๆ แต่ก็ยังถูกต้องตามที่ขอ หวังเว่ยซินยิ้มแห้ง ๆ ส่วนข้อสาม คงต้องรอสักระยะ ได้ยินคนขับรถม้า
ตอนที่ 56 พรหนึ่งข้อกับตัวละครลับ ในที่สุดกู้เฉียวจิงก็ทนความง่วงไม่ไหว คล้อยหลับไปในตอนดึก ค่ำคืนในฤดูหนาวสายลมพัดเย็นยะเยือก ในห้วงคลับคล้ายเหมือนฝัน นางได้พบกับคนผู้หนึ่งยืนอยู่กลางหิมะ ใบหน้าเหมือนกับนางในตอนนี้ไม่ผิดเพี้ยน “เจ้าคือ กู้เฉียวจิงคนนั้น?” หญิงสาวคนนั้นยิ้มละมุนตอบ “ใช่ข้าเอง...ข้ามาขอบคุณท่าน หากไม่มีท่านทุกอย่างคงไม่ลงเอ่ยเช่นนี้...ข้าซึ้งใจท่านนัก” กล่าวตามจริง กู้เฉียวจิงก็รู้สึกว่าตนเองไม่ได้ทำอันใดมากนัก แค่ทำตามคำสั่งและระงับอารมณ์ให้มากเท่านั้นเอง จึงกล่าว “ข้าทำตามภารกิจ...เจ้ามิต้องขอบคุณ” นางส่ายหน้า “ถึงอย่างไรก็ต้องขอบคุณ” กู้เฉียวจิงมองคนเบื้องหน้าอย่างครุ่นคิดแววตาฉายความสงสัย “ท่านไปอยู่ที่ไหนมาเหตุใดพึ่งปรากฏกาย” “ข้าก็อยู่กับท่าน...หนึ่งร่างสองวิญญาณ”กู้เฉียวจิงเบิกตากว้างอย่างตกตะลึง ความเข้าใจหนึ่งผุดขึ้นใช่แล้ว..กู้เฉียวจิงเจ้าของร่างไม่ได้บอกว่านางตาย มิน่า ๆ หลายครั้งนางก็มีความรู้สึกลึกซึ้งกับเสิ่นเยี่ยหง คงจะเป็นความรู้สึกของสตรีคนนี้ นางเอ่ยถ
ตอนที่ 55 หลบหน้า “ซื่อจือ” กู้เฉียวจิงเอ่ยเรียกกู้ซวินด้วยน้ำเสียงเปี่ยมไปด้วยความยินดี รอยยิ้มของเด็กชายหันมามองมารดาอบอุ่นเป็นพิเศษ ชวนให้ใบหน้าระบายด้วยรอยยิ้มอิ่มเอมกับความสุขที่ล้นออกมาทั้งใจ ความสุขนี้มากเกินบรรยาย หลังจากออกกำลังไป ฝึกกระบี่ไปหลายกระบวนท่าแล้ว กู้ซวินก็มานั่งข้างมารดา รับน้ำมาดื่มพลางเอ่ยถามมารดา “ท่านแม่...ผู้ที่ตัดเส้นแขนขา จะสามารถฝึกฝนวรยุทธ์ได้อีกหรือไม่ขอรับ” กู้เฉียวจิงกระพริบตาเล็กน้อยสายตาอ่อนโยน มองบุตรชายเป็นกังวลนางก็รู้สึกใจอ่อน “ไม่ต้องห่วง...แม่มีหนทางช่วยพ่อเจ้า” ดวงตาบุตรชายเป็นประกายขึ้นมา “จริงหรือขอรับ” “แม่มิเคยโกหกเจ้า” “ป่ะ..เปล่าขอรับ ลูกแค่ตื่นเต้นเกินไป” “เอาล่ะ ไปอาบน้ำเสียก่อน...ทานอาหารให้เรียบร้อยอย่าได้ให้อาจารย์ต้องรอ” เด็กชายตอบรับทันที “ขอรับท่านแม่”ผลัดออกจากบุตรชาย กู้เฉียวจิงก็กลับไปที่เรือนไปหยอกล้อเสิ่ยซูเวยสักพักก่อนจะออกจากจวนไป โรงหมอฮุ๋ยหวง กัวเล่อเยี่ยนชำเลืองมองกู้เฉียวจิง ใบหน้าของนางคล
ตอนที่ 54 เบื้องหน้าเบื้องหลัง กู้เฉียวจิงอ่านสารจากชิงชิงด้วยความรู้สึกหลากหลายทั้งปลื้มปิติกับเด็กน้อย ทั้งโมโหที่เสิ่นเยี่ยหงเสียท่าให้ผู้อื่น ภายในใจกระวนกระวายอารมณ์ปั่นป่วนอึดอัดไม่รู้ด้วยเหตุใด แม้นางจะเข้าใจว่าเหตุใดเสิ่นเยี่ยหงต้องชิงรีบตัดเส้นเอ็นสร้างความตระหนกเพื่อเบี่ยงเบนให้อีกฝ่ายมีเวลาไตร่ตรองน้อยลง แล้วส่งมอบกู้ซวินออกมาให้เร็วที่สุด กระนั้นนางก็ยังอยากจะฟาดกระบี่ใส่อีกฝ่ายเช่นเคย นางสูดลมหายใจเข้าระงับอารมณ์ ยื่นสารไปยังตะเกียงดูมันมอดไหม้พลางเอ่ยถาม ซูซู “คาดว่าพวกเขาจะถึงเมืองหลวงเมื่อไร” “น่าจะไม่เกินสิบวันเจ้าค่ะ ทว่าท่านบัญชาการน่าจะถึงภายในห้าวันนี้” กู้เฉียวจิงผงกศีรษะ แล้วส่งสัญญาให้ซูซูออกไป ในสถานการณ์เช่นนี้ นางคาดเดาว่าตู้ยาต้องมีภารกิจ จึงเปิดขึ้นมาดู ภารกิจที่ห้า มอบยาต่อเส้นเอ็นให้เสิ่นเยี่ยหง เหอะ เหอะ คาดไม่ผิด ผลตอบแทนที่จะได้รับยังไม่ปรากฏ กู้เฉียวจิงยิ้มที่มุมปาก จะเป็นอะไรนะ สิ่งที่นางจะได้รับในครั้งนี้ เงิน อำนาจ ความสามารถ นางล้วนมีค
ตอนที่ 53 นับว่าก้าวหน้าขึ้น กู้ซวินกวัดแกร่งกระบี่ในมืออย่างรวดเร็ว หลังจากใช้กระบี่ปกป้องตนเอง พลิกพลิ้วกายฟาดฝ่ามือใส่อย่างแรง หักแขนขากลุ่มโจรเสียงร้องโหยหวนดังไม่ขาดสาย เหล่าทหารองค์รักษ์ต่างยืนตะลึงนิ่งอึ้งงันไป พลันได้สติกลับมาก็ชูกระบี่ขึ้นเตรียมกระโจนเข้าไปร่วมต่อสู้ ทว่าพวกเขา ต่างหยุดชะงัก หลังจากเห็นฝ่ามือของเสิ่นเยี่ยหงยกมือขึ้นห้าม ชายหนุ่มปรายสายตามองดูบุตรชาย ตัวเล็ก ๆ ของเขาถูกโอบล้อมด้วยจำนวนที่มากกว่ายี่สิบคน กระนั้นเด็กชายกลับดูปลอดโปร่งไร้ความกังวล แค่นี้ก็เห็นถึงความเหนือชั้น ดูรับมือได้ไม่ยาก ชายหนุ่มยกปากยิ้มเย้ยหยันในตอนนี้เขาไม่รู้ว่าตนเองควรมีสีหน้ายังไง จะปลาบปลื้มชื่นชมหรือตกตะลึงคาดไม่ถึงกันแน่ เห็นเหล่าทหารต่างหยุดชะงักมองดูตาค้าง กู้ซวินก็ตะโกนลั่นมา “พวกท่านชักช้าอันใด ไยไม่รีบตามหมอมาดูอาการท่านพ่อเดี๋ยวนี้” เสิ่นเยี่ยหงยิ้มดูแคลนตนเอง หมอทหารที่เตรียมมาเพื่อช่วยเหลือกู้ซวินกลับมาต้องรักษาตัวเขาแทน เหล่าโจรภูเขามองกู้ซวินอย่างตะลึงพรึงเพริด เด็กคนหนึ่งใบหน้าไร้เดียงสา แต่กลับแข็ง
ตอนที่ 52 ซ้อนซ้อนแผน ชิงชิงติดตามขึ้นภูเขาจนกระทั่งจุดทางลับ กลุ่มคนร้ายค่อย ๆ ทยอยหายเข้าไปให้โพร่งไม้นางกำลังจะตามเข้าไปก็ถูก หลีเซียวหยวนสะกัดเอาไว้ “ข้าจะตามเข้าไปเอง เจ้าจงไปตามคนของข้ามา” ชิงชิงพยักหน้าจากนั้นก็เร้นกายออกไปภายในโพร่งมืดสนิท มีเพียงแสงจากโคมไฟเล็ก ๆ ที่นำทางด้านหน้า ส่วนคนที่อยู่ข้างหลัง แม้กระทั่งมือตนเองก็มองไม่เห็น กู้ซวินถูกคนร้ายคนหนึ่งแบกอยู่ช่วงกลางขบวน เด็กชายถูกจี้สะกัดจุดนิทราแต่เขาคลายจุดด้วยตนเองไปแล้ว จึงรับรู้ของการติดตามมาของอาจารย์กู้ซวินลอบฟังเสียงลมหายใจของแต่ละคน หนึ่งหรือสองคนในนี้มียอดฝีมืออยู่ เด็กชายจึงหลับแสร้งหลับต่อไป พวกมันพาเด็กชายไปขังไว้ในห้องหนึ่ง “ต้องมัดมือมัดเท้าหรือไม่”“เด็กตัวแค่นี้ไม่ต้องหรอก ให้มันได้นอนหลับสบายสุดท้ายในชีวิต” จากนั้นพวกมันก็ออกไปเฝ้าหน้าห้อง กู้ซวินจึงลุกขึ้นนั่งดูสำรวจรอบกาย หลีเซียวหยวนรอจังหวะแล้วลอบเข้าไป เอ่ยถามเสียงเบา “หวาดกลัวหรือไม่”เด็กชายส่ายหน้า “ไม่กลัวขอรับ ยิ่งรู้ว่าอาจารย์ติดตามมายิ่งไม่มีสิ่งใดให้กลัว”หลีเซียวหยวนนั่งล