บทนำ
ท่ามกลางบรรยากาศอันหรูหราและยิ่งใหญ่ ณ จวนแห่งหนึ่งในเมืองหลวง สถานที่ถูกประดับด้วยผ้าไหมสีแดงสดและดอกไม้ที่บานสะพรั่ง กลิ่นหอมของดอกไม้และเครื่องหอมลอยคลุ้งในอากาศ โคมไฟสีแดงถูกแขวนอยู่ทุกมุม ทุกสิ่งทุกอย่างดูงดงามอลังการสมกับเป็นงานแต่งของบุตรสาวในตระกูลบัณฑิตใหญ่มีชื่อเสียงอย่าง หัวหน้าราชบัณฑิตฝูหยาง
ฝูหรง หญิงสาวผู้งามสง่าในชุดเจ้าสาวสีแดงเลือดนกประดับด้วยลวดลายปักที่ละเอียดอ่อน มือของนางกำลังถือพัดที่ปิดหน้าครึ่งหนึ่ง เผยให้เห็นดวงตาที่สดใสและแฝงด้วยความมุ่งมั่น ในขณะที่นางก้าวเดินเข้าไปในห้องโถงใหญ่ ใจของนางเต้นระรัวทั้งด้วยความตื่นเต้นและความกลัว
แม้วันนี้เป็นวันที่หญิงสาวในชุดมงคลควรจะดีใจ แต่มันก็มีความกังวลใจอยู่ลึก ๆ เพราะแท้จริงแล้วนางมิใช่คนที่ต้องแต่งงานในวันนี้
ข้าหวังว่าท่านพี่อิงอิงจะไม่โกรธข้าที่ต้องเข้าพิธีแทนนาง
บรรยากาศทุกสิ่งทุกอย่างดูพร้อมสำหรับพิธีแต่งงานที่กำลังจะเกิดขึ้น ผ้าไหมสีแดงถูกแขวนประดับตามทางเดินและกำแพง ลวดลายสีทองที่ประดับอยู่บนผ้าไหมสะท้อนแสงไฟจากโคมไฟที่ห้อยจากเพดาน ทำให้ทั้งห้องโถงดูเปล่งประกาย
ยามรุ่งสางของวันนี้ฝูหรงรีบลุกจากเตียงตั้งแต่ยามยามอิ๋น (03.00 - 04.59 น.) นางรีบลุกตั้งแต่ฟ้ายังไม่สาง แม้จะไม่ใช่หน้าที่ของตน แต่ฝูหรงก็ทำงานราวกับสาวใช้คนหนึ่งในจวน ทั้ง ๆ ที่ตนเองก็เป็นบุตรสาวคนหนึ่งของเจ้าของจวนแห่งนี้ ร่างบางรีบล้างหน้าเพื่อที่จะไปช่วยพี่สาวแต่งตัว วันนี้เป็นวันสำคัญที่ทุกคนในตระกูลรั่วและตระกูลฝู วันที่ทั้งสองตระกูลบัณฑิตจะได้เป็นทองแผ่นเดียวกันเสียทีหลังจากให้บุตรสาวและบุตรชายหมั้นหมายกันมาหลายปี
มือบางเปิดประตูเรือนนอนออกไปอย่างเงียบเชียบเช่นทุกวัน แต่ก็ต้องเบิกตาโพลงด้วยความตกใจเมื่อเห็นมารดาของตนและท่านแม่ใหญ่เดินมุ่งตรงมาทางนี้ มารดาของนางมีสีหน้าเคร่งเครียดกว่าทุกครั้ง
“ท่านแม่ คารวะแม่ใหญ่” ฝูหรงเร่งเดินข้ามประตูออกไป เมื่อเห็นว่าในกลุ่มคนนั้นมีท่านแม่ใหญ่มาด้วย
“เข้าไปคุยกันข้างใน” ฝูฮูหยินเอ่ยเสียงเรียบ แม้ใบหน้าจะฉายแววกังวลออกมาอย่างชัดเจน
ฝูหรงหวั่นเกรงมิน้อย นางกลัวว่าฮูหยินใหญ่จะหาเรื่องลงโทษอะไรมารดานางอีก “ท่านแม่เกิดเรื่องอะไรขึ้นเจ้าคะ”
“เข้าไปด้านในก่อน เดี๋ยวเจ้าก็รู้” ม่านอิ้น จับจูงมือของบุตรสาวด้วยความแผ่วเบาให้เดินตามเข้าไปในเรือนที่ฝูหรงเพิ่งก้าวออกมา
“เรื่องก็เป็นเช่นนี้” ฝูฮูหยินเอ่ยถึงการมาของนางกับอนุของสามี
“ข้า…ข้าต้องแต่งแทนท่านพี่ฝูอิงหรือเจ้าคะ” ฝูหรงหลุดเอ่ยออกมาเสียงดัง นางตกใจไม่น้อยที่แม่ใหญ่บอกว่าพี่สาวของนาง อย่างฝูอิงหายไป
“คงต้องเป็นเจ้าแล้วล่ะฝูหรง ตระกูลฝูมีบุตรสาวเพียงสองคน ในเมื่อฝูอิงหายไป งานแต่งระหว่างสองตระกูลก็คงต้องเป็นหน้าที่ของเจ้า”
“ตามหาหรือยังเจ้าคะ ท่านพี่จะหายไปเฉย ๆ แบบนี้เป็นไปไม่ได้หรอกเจ้าค่ะ” ก็ในเมื่อพี่สาวของนางและรั่วหยางจิ้นเฝ้ารอวันนี้มาตลอด แล้วพี่สาวของนางจะหนีไปกับชายอื่นได้อย่างไร
“นางทิ้งจดหมายเอาไว้ชัดเจนขนาดนั้น ที่บิดาเจ้าไม่มาสั่งให้เจ้าแต่งงานแทนฝูอิง ก็เพราะอยากให้เรื่องนี้เงียบที่สุด” ฝูฮูหยินหลับตาลงด้วยความเจ็บปวด เมื่อนางและสาวใช้ขนเครื่องแต่งกายเพื่อที่จะไปช่วยกันแต่งชุดเจ้าสาวให้ฝูอิง แต่เรือนนอนของบุตรสาวของนางกลับว่างเปล่า ทิ้งเอาไว้แค่จดหมายหนึ่งฉบับ มีเพียงข้อความสั้น ๆ ทิ้งเอาไว้ ว่าไม่ต้องตามหา
`ข้าจะไปอยู่กับชายที่ข้ารัก ไม่ต้องเป็นห่วงข้า ชีวิตข้าย่อมดีกว่าแต่งให้รั่วหยางจิ้น`
ฝูฮูหยินตกใจรีบวิ่งกลับเรือนใหญ่ไปบอกสามีให้รีบตามหาบุตรสาว แต่สามีนางที่รักหน้าตายิ่งกว่าสิ่งใดกลับสั่งให้นางเป็นคนมาบังคับให้บุตรสาวที่เหลืออีกคนแต่งงานแทน ส่วนสหายของสามีนางอย่างรั่วเจิ้นหวิน ก็เห็นดีเห็นงามด้วย ไม่ว่าอย่างไรงานแต่งในวันนี้จะล้มเลิกไม่ได้เด็ดขาด
“เห็นแก่ตระกูลฝู เห็นแก่หน้าบิดาเจ้าที่ตลอดชีวิตไม่เคยถูกนินทาว่าร้าย หากเรื่องที่ฝูอิงหนีตามชายอื่นไปในวันแต่งงาน บิดาเจ้าคงทุกข์ใจไม่กล้าก้าวขาออกจากจวนอีกเลย เจ้าทนดูดายได้เชียวหรือหรงหรง”
เป็นครั้งแรกที่นางเอ่ยเรียกชื่อที่ไม่เคยเอ่ยเรียกบุตรสาวอีกคนของสามีอย่างรักใคร่ หากสามีนางได้รับผลกระทบแน่นอนว่านางที่เป็นถึงฮูหยินตราตั้งที่ได้รับการยอมรับของฮูหยินทั้งเมืองหลวงย่อมสั่นคลอน
“หรงหรงลูกแม่ เจ้าทำเพื่อท่านพ่อของเจ้าได้หรือไม่ หรือทำเพื่อแม่ก็ได้” ม่านอิ้นรวบมือบุตรสาวเอาไว้แน่นเอ่ยอ้อนวอนให้ฝูหรงยินยอมเข้าพิธีแทนฝูอิงที่หายไป
“เจ้าค่ะ” ฝูหรงก้มหน้าตอบ นางมีทางเลือกอื่นอีกเช่นนั้นหรือ
ฝูหรงยืนอยู่หน้ากระจกในห้องแต่งตัว ใบหน้าของนางถูกปกคลุมด้วยผ้าคลุมหน้าเจ้าสาวสีแดงสด นางกำลังนึกถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้ที่พี่สาวต่างมารดาของนาง ฝูอิง หนีออกจากบ้านเพื่อหลีกเลี่ยงการแต่งงานกับรั่วหยางจิ้น นางเลือกที่จะหนีไปกับชายคนรัก เลือกที่จะหนีไปในวันแต่งงานมิใช่วันอื่น ก่อนหน้านี้ไม่ไป เลือกที่จะไปวันนี้ เพราะเหตุใด
ผ้าไหมสีแดงถูกแขวนประดับตามทางเดินและกำแพง ลวดลายสีทองที่ประดับอยู่บนผ้าไหมสะท้อนแสงไฟจากโคมไฟที่ห้อยจากเพดาน ทำให้ทั้งห้องโถงดูเปล่งประกาย รั่วหยางจิ้น เจ้าบ่าวในชุดแต่งงานที่งดงามสมฐานะ เขายืนรอเจ้าสาวอย่างสงบแต่ก็มีความสงสัยอยู่ในใจ แม้เขาจะรู้แล้วว่าเจ้าสาวของตนในวันนี้มิใช่คู่หมายที่หมั้นหมายมาตั้งแต่ในวัยเยาว์ แต่เขาก็ไม่ได้คัดค้าน อย่างน้อยนางก็ก้มหน้ารับหน้าที่ที่ต้องรักษาหน้าตาของตระกูลและเพื่อปกป้องเกียรติของตระกูล
เช่นเดียวกับเขา
ในขณะที่ฝูหรงกำลังจะก้าวออกจากห้อง หยางจิ้นเดินเข้ามาพร้อมด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความห่วงใย เขาเห็นความกล้าหาญในสายตาของฝูหรง และรู้สึกซาบซึ้งในความเสียสละของนาง รั่วหยางจิ้นรู้ว่ามีการเปลี่ยนตัวเจ้าสาว บิดาของเขาและท่านลุงฝู ไม่ว่าอย่างไรก็ไม่ยอมล้มเลิกงานแต่ง
แน่นอนว่ามันเป็นเพราะศักดิ์ศรี เขาเอื้อมมือออกไปรับมือของฝูหรง เมื่อนางวางมือลงมาทาบทับฝ่ามือหนาของเขา รั่วหยางจิ้นรับรู้ได้ว่ามือของนางสั่นไหวไม่น้อย
“ฝูหรง ข้าไม่เคยคิดว่าเจ้าจะต้องมาแต่งแทนพี่สาวของเจ้า ข้ารู้ว่าเจ้ากำลังทำเพื่อครอบครัว แต่ข้าสัญญาว่าจะดูแลเจ้าอย่างดีที่สุด”
เมื่อทั้งสองเดินเข้าสู่ห้องโถงใหญ่ เสียงโห่ร้องและเสียงปรบมือดังกึกก้องทั่วบริเวณ แขกเหรื่อทุกคนต่างยิ้มแย้มและยินดีกับคู่บ่าวสาว ฝูหรงและรั่วหยางจิ้นก้าวขึ้นบนเวทีเพื่อทำพิธีแต่งงาน ทั้งสองนั่งลงบนเบาะผ้าสีแดงและทำพิธีตามประเพณี
“ขอให้คู่บ่าวสาวมีความสุขและเจริญรุ่งเรือง ขอให้เจ้าสาวและเจ้าบ่าวอยู่กันอย่างมีความรักและความเข้าใจ”
หลังจากพิธีการเสร็จสิ้น ฝูหรงและรั่วหยางจิ้นได้ทำการคารวะบรรพบุรุษและรับพรจากแขกผู้มีเกียรติ ในขณะที่ฝูหรงนั่งอยู่ข้างๆ รั่วหยางจิ้น นางลอบมองใบหน้าของชายหนุ่มที่นางแอบรักมาตลอด ฝูหรงยิ้มอย่างอ่อนโยนแม้ในใจจะสั่นไหว นางเงยหน้ามองหยางจิ้นด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความรักและความหวัง
“พี่จิ้น ข้ารู้ว่าพี่อาจจะไม่ได้รักข้า แต่ข้าจะพยายามทำหน้าที่ภรรยาให้ดีที่สุด” ข้าจะทำให้พี่เห็นความรักของข้า ฝูหรงมิได้กล่าวประโยคสุดท้ายออกไป แต่นางจะพยายามแสดงให้ชายหนุ่มตรงหน้ามองเห็นความรักที่นางแอบซ่อนเอาไว้ ตลอดเวลาที่ผ่านมา นางปิดบังทุกคนมาตลอดว่ารู้สึกเช่นไรกับคู่หมายของพี่สาวของตน แต่หลังจากนี้ไม่ใช่แล้ว ตอนนี้นางได้เป็นภรรยาของเขา นางมีสิทธิ์ที่จะรักรั่วหยางจิ้นแล้ว
ท่ามกลางเสียงโห่ร้องและเสียงปรบมือของแขกเหรื่อ มิมีผู้ใดเอ่ยถึงการเปลี่ยนตัวเจ้าสาวในครั้งนี้เพราะตลอดมามีเพียงข่าวการหมั้นหมายระหว่างตระกูลบัณฑิตใหญ่ แต่ไม่ได้เอ่ยว่าเป็นบุตรชายหรือบุตรสาวคนใดที่จะได้แต่งงานกัน ก็น่าแปลกไม่น้อยเพราะปกติจะต้องเอ่ยถึงว่าผู้ใดหมั้นหมายกับผู้ใด เมื่อถามก็บอกเพียงว่าเมื่อถึงวันแต่งก็รู้เอง ทำให้ชาวเมืองก็คาดเดากันอย่างตื่นเต้น รองานแต่งครั้งนี้กันอย่างใจจดใจจ่อว่าเจ้าสาวจะเป็นผู้ใด คุณหนูฝูอิงบุตรสาวฮูหยินเอกหรือฝูหรงบุตรสาวของอนุ
เมื่อเห็นว่าคนที่เข้าพิธีเป็นฝูหรงบุตรสาวของอนุ แขกเหรื่อก็ยิ่งเลื่อมใสหัวหน้าบัณฑิตฝูหยางมากยิ่งขึ้น เพราะไม่ถือศักดิ์เรื่องบุตรฮูหยินเอกหรือบุตรอนุ ยอมให้บุตรสาวอนุแต่งมากับลูกศิษย์คนโปรด
ฝูหรงและหยางจิ้นจึงเข้าสู่พิธีแต่งงานอย่างสมบูรณ์ แต่ในใจของฝูหรง นางรู้ดีว่าที่รั่วหยางจิ้นไม่ยกเลิกงานแต่งที่เจ้าสาวมิใช่คนเดิมเพราะสิ่งใด แต่ไม่ว่าจะเพราะอะไร นางยินดีในการแต่งงานครั้งนี้ โอกาสที่นางไม่คิดว่าจะมีวันเกิดขึ้น แต่นางจะใช้โอกาสที่ได้รับให้ดีที่สุด
ฝูหรงไม่รู้เลยว่าเมื่อวันหนึ่งเมื่อฝูอิง พี่สาวต่างมารดาของนางกลับมา นางต้องเผชิญหน้ากับความจริงที่ยากจะหลีกเลี่ยง
“น้องหญิง ข้าไม่คิดว่าเจ้าจะรักหยางจิ้นจริง ๆ ข้าขอโทษที่ทิ้งให้เจ้าแต่งแทนข้า แต่ตอนนี้ข้ากลับมาแล้ว ข้าต้องการเขาคืน คืนเขาให้ข้าเถอะ” นางอ้อนวอนทั้งน้ำตาขอคนรักคืนจากน้องสาวต่างมารดา
“พี่อิงอิง ข้ารู้ว่าพี่กับเขารักกันมาก่อน แต่ข้าตอนนี้คือภรรยาของเขา ท่านกลายเป็นเพียงพี่สาวของภรรยาของรั่วหยางจิ้น หากท่านอยากได้เขาคืนก็ไปบอกเขาเองเถิดมิใช่มาบอกข้า”
บทที่ 1แม้จะกระวนกระวายใจที่ถูกจับขึ้นเกี้ยวอย่างไม่ทันได้ตั้งตัวแทนพี่สาวที่หายตัวไปทิ้งเอาไว้เพียงแค่จดหมายด้วยเหตุผลแปลกประหลาด `ข้าจะไปอยู่กับชายที่ข้ารัก ไม่ต้องเป็นห่วงข้า ชีวิตข้ายอมดีกว่าแต่งให้รั่วหยางจิ้น` ในเมืองหลวงยามนี้ชายหนุ่มรุ่นเดียวกันมีผู้ใดมีอนาคตสดใสเกินกว่าคุณชายรั่วด้วยงั้นหรือ คนที่เป็นอันดับหนึ่งของสถานศึกษาหลวง แม้จะกังขาในการหายตัวไปของพี่สาว แต่ในความรู้สึกต่าง ๆ นั้นก็แอบมีความยินดีอยู่ส่วนหนึ่งจนฝูหรงอดไม่ได้ที่จะรู้สึกรังเกียจตัวเอง เพราะแท้จริงแล้วการแต่งงานครั้งนี้ แม้จะถูกบังคับร้องขอให้เข้าพิธีแทนพี่สาว แต่ตัวของนางเองนั้นก็ไม่ได้รังเกียจคนที่จะต้องเข้าพิธีด้วย เพราะว่าหญิงสาวแอบหลงรักคู่หมั้นของพี่สาวมานานแล้วตั้งแต่จำความได้ฝูหรงเป็นรองพี่สาวต่างมารดามาตลอดในทุกสิ่งและทุกอย่าง คงเป็นเพราะมารดาของนางเป็นเพียงหญิงชาวบ้านธรรมดาที่แต่งเข้ามาเป็นได้เพียงอนุก็เท่านั้นแต่ฝูหรงก็ยังนึกยินดีที่พี่สาวต่างมารดาของนางอย่างฝูอิงไม่ได้ดูแคลนนางนัก อีกฝ่ายเป็นหญิงสาวที่ดูใจดี ทั้งยังเอ็นดูนางไม่ต่างจากน้องสาวแท้ ๆ นางเลยเต็มใจดูแลพี่สาวราวกับเป็นสาวใช้คนสนิ
บทที่ 2และถึงแม้คำพูดก่อนหน้านั้นจะทำให้บรรยากาศแรกเริ่มไม่ดีสักเท่าไร แต่ก็คงเป็นอย่างที่รั่วหยางจิ้นว่าเขาทำตัวเป็นสามีที่ดี ชายหนุ่มประคองหญิงสาวที่ได้ชื่อว่าภรรยาไปยังโต๊ะน้ำชากลางห้องก่อนจะค่อย ๆ รินสุราลงในจอก“ให้ข้าเป็นคนทำเถอะเจ้าค่ะ” หญิงสาวจะแย่งมาทำแต่ชายหนุ่มกลับห้ามเอาไว้ “ตัวสั่นเป็นลูกนกตกจากรังขนาดนั้นแล้วแค่อยู่เฉย ๆ ให้เสร็จพิธีไปเถอะ” น้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความเอ็นดูปนขบขันถูกเปล่งออกมาจากริมฝีปากหนาจนหัวคิ้วเรียวขมวดสงสัย นางเคยได้ยินเขาเอ่ยน้ำเสียงเช่นนี้กับนางเมื่อใดกัน อ้อ ก่อนที่เขาจะหมั้นหมายกับพี่สาวของนางฝูหรงเฝ้ามองทุกการกระทำของชายหนุ่มตรงหน้า ยิ่งมาเห็นใกล้ ๆ เช่นนี้ยิ่งทำให้รู้ว่านางหลงรักเขามากกว่าที่ตัวนางจะคาดคิดไม่นานนักจอกสุราก็ถูกส่งมาตรงหน้า หญิงสาวรับเอาไว้และเตรียมจะยกมันขึ้นดื่ม แต่แขนเรียวกลับถูกดึงไปคล้องเอาไว้ ฝูหรงมองชายหนุ่มที่คล้องแขนนางเอาไว้แล้วดื่มสุราด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยคำถาม นางคิดว่าเขาจะดื่มเพียงแค่ให้สาวใช้ที่มาเก็บเห็นว่าสุราหมดไปก็เท่านั้น ไม่นึกว่าเขาจะทำทุกอย่างอย่างที่ควรจะทำจริง ๆ“จะจ้องข้าอีกนานหรือไม่ ไม่ดื่มสุรามง
บทที่ 3ฝูหรงใช้เวลาช่วงเช้าพูดคุยกับแม่สามี มีเรื่องที่นางต้องเรียนรู้มากมาย โดยเฉพาะการดูแลเงินของจวนที่แม่สามีอย่างหลี่ชุนโหลวจะยกให้กับนางดูแล“แม่แก่แล้วหรงหรง หากยังทำต่ออยู่ก็ไม่รู้จะมีอะไรผิดพลาดหรือไม่ ในเมื่อเจ้าแต่งเข้ามาแล้ว ก็ช่วยแม่ดูแลเถิด”“ไม่ต้องห่วงเจ้าค่ะ ข้าจะช่วยท่านแม่จัดการเอง” เพราะจวนสกุลฝูนางก็ฝึกงานกับท่านแม่ใหญ่ในตระกูลฝูมานาน งานการหลาย ๆ อย่าง ก็เรียนรู้ไปพร้อมกับพี่สาวอย่างฝูอิง จึงทำให้ฝูหรงมีความรู้ความสามารถพอสมควร เอาเข้าจริงงานที่ท่านแม่ใหญ่มอบหมายให้นางและพี่สาวทำ เป็นนางทั้งหมดที่ทำ ท่านพี่อิงอิงแทบไม่ได้หยิบจับ หรือหากจะพูดกันตามตรงก็คือนางเองก็มีดีเท่าที่คุณหนูคนหนึ่งควรจะมี ไม่เช่นนั้นท่านพี่อิงอิงคงไม่ยอมให้นางทำงานแทนทั้งหมดเช่นนั้น หรือนางอาจจะมีดีมากกว่าคุณหนูเล่านั้นตรงที่นางจะขยันและอดทนมากกว่าด้วย เพราะคงไม่มีคุณหนูตระกูลใดต้องตักน้ำอย่างที่นางเคยทำ แม้แต่ผ่าฟืนนางก็เคยทำมาแล้ว ทุกอย่างฝูหรงล้วนทำเป็นทั้งหมดทั้งสิ้น +นั่นจึงทำให้เพียงเริ่มหยิบจับอะไร แม่สามีก็เอ็นดูจนติดเรียกชื่อนางไม่ขาดปาก ไม่ว่าอะไรก็ หรงหรง“ท่านพี่ลองชิมอันนี้ดูสิ
บทที่ 4ฝูหรงมองสามีที่อ่านหนังสืออยู่ไกล ๆ นางคิดเสมอว่าเขาเฉยชาเพราะแรกเริ่มนางไม่ใช่คนที่เขารัก แต่ก็นึกไม่ออกว่าคนเช่นนี้จะรักใครได้ เมื่อนึกย้อนกลับไปนางก็เคยเห็นเขาแสดงท่าทางเช่นนี้กับท่านพี่ของนางอยู่บ้าง แม้เขาจะมีความเย็นชานิ่งเฉย แต่ท่านพี่อิงอิงของนางก็บอกว่ารั่วหยางจิ้นเป็นชายหนุ่มที่เหมาะสมกับนาง ฐานะเท่าเทียมกัน ฝูหรงก็เห็นด้วย บุตรสาวจากตระกูลบัณฑิตและเขาที่เป็นบัณฑิตหนุ่มย่อมเหมาะสมกัน นางเองถึงแม้จะเป็นบุตรสาวของท่านพ่อเช่นเดียวกันแต่นางเป็นเพียงบุตรสาวของอนุ หากนางเหมาะสมกับรั่วหยางจิ้นบิดาของนางคงหมั้นหมายนางกับเขาแล้ว ไม่ใช่กับพี่สาวของนางแต่ท่าทางที่ดูคล้ายจะคุกคามในบางทีของสามีที่เข้าใกล้นางถึงเนื้อถึงตัวทุกครั้งยามอยู่กันเพียงลำพังก็ทำให้ดวงใจของหญิงสาวสั่นไหว ถึงกระนั้นทุกอย่างก็กลับเป็นปกติอย่างรวดเร็ว ราวกับเมื่อครู่เขาไม่ได้ทำสิ่งใดเหมือนดั่งเช่นวันก่อนที่เจ้าตัวอยากได้ถุงหอมกลิ่นที่คล้ายกับกลิ่นตัวของนาง ฝูหรงไม่เคยใช้เครื่องหอมจริง ๆ จัง ๆ แต่พอมานั่งคิดดู ไม่ว่าจะเสื้อผ้าที่อบกำยาน หรือวิธีการผสมน้ำซักผ้าของนางก็ล้วนทำให้เกิดกลิ่นเฉพาะตัวขึ้นมาได้ สุดท
บทที่ 4ฝูหรงมองสามีที่อ่านหนังสืออยู่ไกล ๆ นางคิดเสมอว่าเขาเฉยชาเพราะแรกเริ่มนางไม่ใช่คนที่เขารัก แต่ก็นึกไม่ออกว่าคนเช่นนี้จะรักใครได้ เมื่อนึกย้อนกลับไปนางก็เคยเห็นเขาแสดงท่าทางเช่นนี้กับท่านพี่ของนางอยู่บ้าง แม้เขาจะมีความเย็นชานิ่งเฉย แต่ท่านพี่อิงอิงของนางก็บอกว่ารั่วหยางจิ้นเป็นชายหนุ่มที่เหมาะสมกับนาง ฐานะเท่าเทียมกัน ฝูหรงก็เห็นด้วย บุตรสาวจากตระกูลบัณฑิตและเขาที่เป็นบัณฑิตหนุ่มย่อมเหมาะสมกัน นางเองถึงแม้จะเป็นบุตรสาวของท่านพ่อเช่นเดียวกันแต่นางเป็นเพียงบุตรสาวของอนุ หากนางเหมาะสมกับรั่วหยางจิ้นบิดาของนางคงหมั้นหมายนางกับเขาแล้ว ไม่ใช่กับพี่สาวของนางแต่ท่าทางที่ดูคล้ายจะคุกคามในบางทีของสามีที่เข้าใกล้นางถึงเนื้อถึงตัวทุกครั้งยามอยู่กันเพียงลำพังก็ทำให้ดวงใจของหญิงสาวสั่นไหว ถึงกระนั้นทุกอย่างก็กลับเป็นปกติอย่างรวดเร็ว ราวกับเมื่อครู่เขาไม่ได้ทำสิ่งใดเหมือนดั่งเช่นวันก่อนที่เจ้าตัวอยากได้ถุงหอมกลิ่นที่คล้ายกับกลิ่นตัวของนาง ฝูหรงไม่เคยใช้เครื่องหอมจริง ๆ จัง ๆ แต่พอมานั่งคิดดู ไม่ว่าจะเสื้อผ้าที่อบกำยาน หรือวิธีการผสมน้ำซักผ้าของนางก็ล้วนทำให้เกิดกลิ่นเฉพาะตัวขึ้นมาได้ สุดท
บทที่ 3ฝูหรงใช้เวลาช่วงเช้าพูดคุยกับแม่สามี มีเรื่องที่นางต้องเรียนรู้มากมาย โดยเฉพาะการดูแลเงินของจวนที่แม่สามีอย่างหลี่ชุนโหลวจะยกให้กับนางดูแล“แม่แก่แล้วหรงหรง หากยังทำต่ออยู่ก็ไม่รู้จะมีอะไรผิดพลาดหรือไม่ ในเมื่อเจ้าแต่งเข้ามาแล้ว ก็ช่วยแม่ดูแลเถิด”“ไม่ต้องห่วงเจ้าค่ะ ข้าจะช่วยท่านแม่จัดการเอง” เพราะจวนสกุลฝูนางก็ฝึกงานกับท่านแม่ใหญ่ในตระกูลฝูมานาน งานการหลาย ๆ อย่าง ก็เรียนรู้ไปพร้อมกับพี่สาวอย่างฝูอิง จึงทำให้ฝูหรงมีความรู้ความสามารถพอสมควร เอาเข้าจริงงานที่ท่านแม่ใหญ่มอบหมายให้นางและพี่สาวทำ เป็นนางทั้งหมดที่ทำ ท่านพี่อิงอิงแทบไม่ได้หยิบจับ หรือหากจะพูดกันตามตรงก็คือนางเองก็มีดีเท่าที่คุณหนูคนหนึ่งควรจะมี ไม่เช่นนั้นท่านพี่อิงอิงคงไม่ยอมให้นางทำงานแทนทั้งหมดเช่นนั้น หรือนางอาจจะมีดีมากกว่าคุณหนูเล่านั้นตรงที่นางจะขยันและอดทนมากกว่าด้วย เพราะคงไม่มีคุณหนูตระกูลใดต้องตักน้ำอย่างที่นางเคยทำ แม้แต่ผ่าฟืนนางก็เคยทำมาแล้ว ทุกอย่างฝูหรงล้วนทำเป็นทั้งหมดทั้งสิ้น +นั่นจึงทำให้เพียงเริ่มหยิบจับอะไร แม่สามีก็เอ็นดูจนติดเรียกชื่อนางไม่ขาดปาก ไม่ว่าอะไรก็ หรงหรง“ท่านพี่ลองชิมอันนี้ดูสิ
บทที่ 2และถึงแม้คำพูดก่อนหน้านั้นจะทำให้บรรยากาศแรกเริ่มไม่ดีสักเท่าไร แต่ก็คงเป็นอย่างที่รั่วหยางจิ้นว่าเขาทำตัวเป็นสามีที่ดี ชายหนุ่มประคองหญิงสาวที่ได้ชื่อว่าภรรยาไปยังโต๊ะน้ำชากลางห้องก่อนจะค่อย ๆ รินสุราลงในจอก“ให้ข้าเป็นคนทำเถอะเจ้าค่ะ” หญิงสาวจะแย่งมาทำแต่ชายหนุ่มกลับห้ามเอาไว้ “ตัวสั่นเป็นลูกนกตกจากรังขนาดนั้นแล้วแค่อยู่เฉย ๆ ให้เสร็จพิธีไปเถอะ” น้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความเอ็นดูปนขบขันถูกเปล่งออกมาจากริมฝีปากหนาจนหัวคิ้วเรียวขมวดสงสัย นางเคยได้ยินเขาเอ่ยน้ำเสียงเช่นนี้กับนางเมื่อใดกัน อ้อ ก่อนที่เขาจะหมั้นหมายกับพี่สาวของนางฝูหรงเฝ้ามองทุกการกระทำของชายหนุ่มตรงหน้า ยิ่งมาเห็นใกล้ ๆ เช่นนี้ยิ่งทำให้รู้ว่านางหลงรักเขามากกว่าที่ตัวนางจะคาดคิดไม่นานนักจอกสุราก็ถูกส่งมาตรงหน้า หญิงสาวรับเอาไว้และเตรียมจะยกมันขึ้นดื่ม แต่แขนเรียวกลับถูกดึงไปคล้องเอาไว้ ฝูหรงมองชายหนุ่มที่คล้องแขนนางเอาไว้แล้วดื่มสุราด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยคำถาม นางคิดว่าเขาจะดื่มเพียงแค่ให้สาวใช้ที่มาเก็บเห็นว่าสุราหมดไปก็เท่านั้น ไม่นึกว่าเขาจะทำทุกอย่างอย่างที่ควรจะทำจริง ๆ“จะจ้องข้าอีกนานหรือไม่ ไม่ดื่มสุรามง
บทที่ 1แม้จะกระวนกระวายใจที่ถูกจับขึ้นเกี้ยวอย่างไม่ทันได้ตั้งตัวแทนพี่สาวที่หายตัวไปทิ้งเอาไว้เพียงแค่จดหมายด้วยเหตุผลแปลกประหลาด `ข้าจะไปอยู่กับชายที่ข้ารัก ไม่ต้องเป็นห่วงข้า ชีวิตข้ายอมดีกว่าแต่งให้รั่วหยางจิ้น` ในเมืองหลวงยามนี้ชายหนุ่มรุ่นเดียวกันมีผู้ใดมีอนาคตสดใสเกินกว่าคุณชายรั่วด้วยงั้นหรือ คนที่เป็นอันดับหนึ่งของสถานศึกษาหลวง แม้จะกังขาในการหายตัวไปของพี่สาว แต่ในความรู้สึกต่าง ๆ นั้นก็แอบมีความยินดีอยู่ส่วนหนึ่งจนฝูหรงอดไม่ได้ที่จะรู้สึกรังเกียจตัวเอง เพราะแท้จริงแล้วการแต่งงานครั้งนี้ แม้จะถูกบังคับร้องขอให้เข้าพิธีแทนพี่สาว แต่ตัวของนางเองนั้นก็ไม่ได้รังเกียจคนที่จะต้องเข้าพิธีด้วย เพราะว่าหญิงสาวแอบหลงรักคู่หมั้นของพี่สาวมานานแล้วตั้งแต่จำความได้ฝูหรงเป็นรองพี่สาวต่างมารดามาตลอดในทุกสิ่งและทุกอย่าง คงเป็นเพราะมารดาของนางเป็นเพียงหญิงชาวบ้านธรรมดาที่แต่งเข้ามาเป็นได้เพียงอนุก็เท่านั้นแต่ฝูหรงก็ยังนึกยินดีที่พี่สาวต่างมารดาของนางอย่างฝูอิงไม่ได้ดูแคลนนางนัก อีกฝ่ายเป็นหญิงสาวที่ดูใจดี ทั้งยังเอ็นดูนางไม่ต่างจากน้องสาวแท้ ๆ นางเลยเต็มใจดูแลพี่สาวราวกับเป็นสาวใช้คนสนิ
บทนำท่ามกลางบรรยากาศอันหรูหราและยิ่งใหญ่ ณ จวนแห่งหนึ่งในเมืองหลวง สถานที่ถูกประดับด้วยผ้าไหมสีแดงสดและดอกไม้ที่บานสะพรั่ง กลิ่นหอมของดอกไม้และเครื่องหอมลอยคลุ้งในอากาศ โคมไฟสีแดงถูกแขวนอยู่ทุกมุม ทุกสิ่งทุกอย่างดูงดงามอลังการสมกับเป็นงานแต่งของบุตรสาวในตระกูลบัณฑิตใหญ่มีชื่อเสียงอย่าง หัวหน้าราชบัณฑิตฝูหยางฝูหรง หญิงสาวผู้งามสง่าในชุดเจ้าสาวสีแดงเลือดนกประดับด้วยลวดลายปักที่ละเอียดอ่อน มือของนางกำลังถือพัดที่ปิดหน้าครึ่งหนึ่ง เผยให้เห็นดวงตาที่สดใสและแฝงด้วยความมุ่งมั่น ในขณะที่นางก้าวเดินเข้าไปในห้องโถงใหญ่ ใจของนางเต้นระรัวทั้งด้วยความตื่นเต้นและความกลัวแม้วันนี้เป็นวันที่หญิงสาวในชุดมงคลควรจะดีใจ แต่มันก็มีความกังวลใจอยู่ลึก ๆ เพราะแท้จริงแล้วนางมิใช่คนที่ต้องแต่งงานในวันนี้ ข้าหวังว่าท่านพี่อิงอิงจะไม่โกรธข้าที่ต้องเข้าพิธีแทนนางบรรยากาศทุกสิ่งทุกอย่างดูพร้อมสำหรับพิธีแต่งงานที่กำลังจะเกิดขึ้น ผ้าไหมสีแดงถูกแขวนประดับตามทางเดินและกำแพง ลวดลายสีทองที่ประดับอยู่บนผ้าไหมสะท้อนแสงไฟจากโคมไฟที่ห้อยจากเพดาน ทำให้ทั้งห้องโถงดูเปล่งประกายยามรุ่งสางของวันนี้ฝูหรงรีบลุกจากเตียงตั้งแต