บทที่ 14
เรื่องราวระหว่างลูกสะใภ้กับพี่สาวของนางถูกเล่าให้กับแม่สามีฟังโดยสาวใช้อย่างชิงอี้
“เจ้าก็จับตาดูเอาไว้ก่อนแล้วกัน น่าสงสารหรงหรงนางเป็นเด็กหัวอ่อน และพอดูจากวันนี้ฝูอิงก็เป็นสตรีที่ร้ายกาจกว่าที่เคยรู้”
คนเป็นแม่อยากจะเอ่ยออกไปด้วยซ้ำว่านี่คงเป็นบุญของตระกูลรั่วขนาดไหนที่ไม่ได้ฝูอิงมาเป็นสะใภ้แต่เป็นฝูหรงแทน
แม้ว่าฝูหรงจะเป็นเพียงบุตรสาวของอนุแต่กิริยาท่าทางรวมถึงความรู้หญิงสาวก็มีอย่างที่คุณหนูทั่ว ๆ ไปควรจะมี แค่นี้คนเป็นแม่ก็พอใจแล้วกลัวอย่างเดียวจะเสียรู้พี่สาวที่เจ้าเล่ห์เข้าสักวัน
ฝูอิงก็ไม่รู้ว่าคิดอะไรอยู่ถึงได้ให้มารดาของตน อาศัยความสนิทสนมมาขออยู่ในจวนของอดีตคู่หมาย แต่เมื่อนึกถึงนิสัยที่ผ่านมาของฮูหยินตระกูลฝูแล้วก็ไม่แปลกใจเท่าไร เพราะมักจะทำอะไรขัดหูขัดตาใครต่อใค
บทที่ 15หลังจากสองพ่อลูกลุกไปบรรยากาศบนโต๊ะก็ไม่เหมือนเดิม ที่จริงมันไม่เหมือนเดิมตั้งแต่มีฝูอิงเข้ามาแล้ว“ท่านแม่กับหรงหรงกินกันต่อไปเถอะนะเจ้าคะ ข้าจะกลับเรือนแล้ว” ฝูอิงที่ลุกขึ้นทันทีที่สองพ่อลูกเดินไปถึงกับทำให้ฮูหยินแห่งตระกูลรั่วหายใจแรงอย่างไม่พอใจ“ท่านแม่เป็นอะไรหรือเปล่าเจ้าคะ”“ไม่เป็นอะไรหรอกหรงหรง พี่สาวเราเขาเป็นคนนิสัยอย่างไรหรือ” และทั้ง ๆ ที่คำถามนั้นเอ่ยถามออกไปเพื่อจะช่วยเหลือฝูหรงแต่หญิงสาวกลับคิดไปไกลแล้วว่าท่านแม่อาจจะคิดจัดการเรื่องค้างคาให้จบให้สิ้นสักที“ท่านพี่หรือเจ้าคะ ก็ใจดีไม่เคยแกล้งอะไรข้าเลยสักครั้ง ท่านแม่ก็รู้ว่าข้าเป็นบุตรของอ
บทที่ 16 ฝูหรงเดินกลับเรือนนอนของตนด้วยใบหน้าเศร้าหมอง ในระหว่างที่เดินออกมา นางเห็นบ่าวรับใช้ที่อยู่ด้านนอกของเรือนรับรองมองนางด้วยแววตาสงสาร เสียงการคุยกันระหว่างนางกับพี่สาวคงจะดังออกมาจนคนด้านนอกได้ยินกันหมดร่างบางทรุดตัวลงนั่งหน้ากระจกทองเหลืองใบใหญ่ที่สามีของนางเพิ่งซื้อมา แม้นางจะรู้ว่าข้าวของพวกนี้รั่วหยางจิ้นคงจะตระเตรียมเอาไว้ให้ฮูหยินที่ต้องแต่งกับเขาอย่างฝูอิงฝูหรงค่อย ๆ ดึงปิ่นปักผมออกจากม้วยผมของตนเอง นางยกยิ้มมองใบหน้าของตนที่สะท้อนผ่านกระจก นางก้มมองรอยแผลเป็นที่หลังมือของตน แผลนี้ทำให้นางได้รักรั่วหยางจิ้น และแผลนี้เองก็ทำให้นางมองเห็นธาตุแท้ที่อยู่ในใจคนฝูอิงยกเสื้อชุดใหม่ให้นาง แต่ชุดนั้นมันกลับขาดเป็นทางยาว ในตอนแรกนางคิดว่าพี่สาวคงไม่ทันเห็นว่าชุดนี้ขาดถึงได้มอบให้นาง นางน
บทที่ 17 ฝูหรงนั่งอยู่ในห้องนอนที่อบอุ่นมารดาของสามีนางสั่งให้คนจุดเตาในเรือนนี้ห้ามขาด การเป็นที่รักของคนที่เป็นใหญ่ที่สุดในจวนมันดีเยี่ยงนี้นี่เอง แม้ตอนอยู่จวนสกุลฝูนางจะทำตัวดีเพียงใดก็ยังอยู่อย่างแร้นแค้น บิดาไม่เคยสนใจว่านางกับมารดาจะอยู่เช่นไร มือบางหวีผมด้วยหวีที่ทำจากไม้หอม ทุกครั้งที่หวีลูบผ่านเส้นผม ผมของนางก็ส่งกลิ่นหอมอ่อน ๆ ออกมา นางเตรียมตัวให้ดูงดงามที่สุดเพื่อต้อนรับการกลับมาของสามี อย่างรั่วหยางจิ้น ซึ่งคาดว่าจะกลับถึงจวนในไม่ช้า นางจึงกลับเรือนมาทำผมใหม่ในขณะที่มือหนึ่งถือหวีไม้อย่างพิถีพิถัน อีกมือหนึ่งค่อย ๆ ลูบผมยาวสลวยสีดำขลับ ปล่อยผมลงมาระบายรอบตัวกระจกสะท้อนภาพของหญิงสาวที่ดูอ่อนหวานและอ่อนโยน เสียงหวีที่ลูบผ่านผมเบาและต่อเนื่อง คล้ายกับการปลอบประโลมใจ นางหลับตาลงเล็กน้อย รู้สึกถึงความผ่อนคลายและความสุขในช่วงเวลาส่วนตัวนี้ ใบหน้าของนางยิ้มแย้มเบา ๆ สะท้อนถึงควา
บทที่ 18หลังจากคุยกันวันนั้นสองพี่น้องตระกูลฝูก็แทบไม่ได้เจอหน้ากันอีก หนึ่งคนรู้สึกผิดที่กดดันให้พี่สาวลำบากใจ ส่วนอีกคนไม่อยากเห็นหน้าน้องสาวที่ไม่ต้องการ“เจ้าเป็นอะไรหรือเปล่า” สามีอย่างรั่วหยางจิ้นได้แต่มองภรรยาของตนอย่างสงสัย ภรรยาของเขาช่วงนี้เหมือนคิดอะไรอยู่ตลอด ชายหนุ่มอดสงสัยไม่ได้เพราะขนาดเขาดึงอีกฝ่ายมากอดและเกือบจะดึงเชือกผูกเสื้อของหญิงสาวออกแล้ว เจ้าตัวก็ยังเหม่อไปที่ไหนก็ไม่รู้“หรงหรง” ท่าทางตกใจของฝูหรงที่เพิ่งรู้ตัวว่าถูกถอดเสื้อไปนั้นยิ่งทำให้รั่วหยางจิ้นกังวล “เป็นอะไร” คำถามซ้ำ ที่รู้ดีว่าภรรยาของตนคงไม่ตอบอะไรนอกจากคำว่าไม่เป็นไรยังถูกเอ่ยอยู่เรื่อย ๆ“ห้ามตอบว่าไม่เป็นอะไร”
บทที่ 19ในห้องรับแขกที่ตกแต่งอย่างอบอุ่น มีกลิ่นหอมอ่อนๆ ของดอกไม้อบอวลอยู่ในอากาศ หญิงสาวยืนอยู่กลางห้องด้วยท่าทางสุภาพอ่อนโยน นางสวมชุดกระโปรงยาวสีอ่อน ผมเรียบหรูถูกจัดแต่งอย่างพิถีพิถัน ในมือของนางถือถาดชาที่มีกาน้ำชาและถ้วยชาสองใบฝูหรงเดินอย่างเงียบๆ เข้าหามารดาของสามีที่นั่งอยู่บนเก้าอี้ประธาน หญิงชราเงยหน้าขึ้นมองด้วยความประหลาดใจเมื่อนางค่อยๆ วางถาดชาลงบนโต๊ะ“ท่านแม่เจ้าคะ ข้าชงชามะลิให้ท่าน หวังว่าท่านจะชอบ” นางพูดด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนและนอบน้อม จากนั้นค่อยๆ เทชาใส่ถ้วย ยื่นให้มารดาสามีด้วยสองมือรั่วฮูหยินรับถ้วยชามาอย่างไม่คาดคิด ใบหน้าของนางแสดงความสงสัยเล็กน้อย แต่ก็ยิ้มบางๆ “ขอบใจนะ ช่างเอาใจใส่จริงๆ เด็ก ๆ ในจวนไปไหนหรือถึงให้เจ้ามารินน้ำชาเช่นนี้”
บทนำท่ามกลางบรรยากาศอันหรูหราและยิ่งใหญ่ ณ จวนแห่งหนึ่งในเมืองหลวง สถานที่ถูกประดับด้วยผ้าไหมสีแดงสดและดอกไม้ที่บานสะพรั่ง กลิ่นหอมของดอกไม้และเครื่องหอมลอยคลุ้งในอากาศ โคมไฟสีแดงถูกแขวนอยู่ทุกมุม ทุกสิ่งทุกอย่างดูงดงามอลังการสมกับเป็นงานแต่งของบุตรสาวในตระกูลบัณฑิตใหญ่มีชื่อเสียงอย่าง หัวหน้าราชบัณฑิตฝูหยางฝูหรง หญิงสาวผู้งามสง่าในชุดเจ้าสาวสีแดงเลือดนกประดับด้วยลวดลายปักที่ละเอียดอ่อน มือของนางกำลังถือพัดที่ปิดหน้าครึ่งหนึ่ง เผยให้เห็นดวงตาที่สดใสและแฝงด้วยความมุ่งมั่น ในขณะที่นางก้าวเดินเข้าไปในห้องโถงใหญ่ ใจของนางเต้นระรัวทั้งด้วยความตื่นเต้นและความกลัวแม้วันนี้เป็นวันที่หญิงสาวในชุดมงคลควรจะดีใจ แต่มันก็มีความกังวลใจอยู่ลึก ๆ เพราะแท้จริงแล้วนางมิใช่คนที่ต้องแต่งงานในวันนี้ ข้าหวังว่าท่านพี่อิงอิงจะไม่โกรธข้าที่ต้องเข้าพิธีแทนนางบรรยากาศทุกสิ่งทุกอย่างดูพร้อมสำหรับพิธีแต่งงานที่กำลังจะเกิดขึ้น ผ้าไหมสีแดงถูกแขวนประดับตามทางเดินและกำแพง ลวดลายสีทองที่ประดับอยู่บนผ้าไหมสะท้อนแสงไฟจากโคมไฟที่ห้อยจากเพดาน ทำให้ทั้งห้องโถงดูเปล่งประกายยามรุ่งสางของวันนี้ฝูหรงรีบลุกจากเตียงตั้งแต
บทที่ 1แม้จะกระวนกระวายใจที่ถูกจับขึ้นเกี้ยวอย่างไม่ทันได้ตั้งตัวแทนพี่สาวที่หายตัวไปทิ้งเอาไว้เพียงแค่จดหมายด้วยเหตุผลแปลกประหลาด `ข้าจะไปอยู่กับชายที่ข้ารัก ไม่ต้องเป็นห่วงข้า ชีวิตข้ายอมดีกว่าแต่งให้รั่วหยางจิ้น` ในเมืองหลวงยามนี้ชายหนุ่มรุ่นเดียวกันมีผู้ใดมีอนาคตสดใสเกินกว่าคุณชายรั่วด้วยงั้นหรือ คนที่เป็นอันดับหนึ่งของสถานศึกษาหลวง แม้จะกังขาในการหายตัวไปของพี่สาว แต่ในความรู้สึกต่าง ๆ นั้นก็แอบมีความยินดีอยู่ส่วนหนึ่งจนฝูหรงอดไม่ได้ที่จะรู้สึกรังเกียจตัวเอง เพราะแท้จริงแล้วการแต่งงานครั้งนี้ แม้จะถูกบังคับร้องขอให้เข้าพิธีแทนพี่สาว แต่ตัวของนางเองนั้นก็ไม่ได้รังเกียจคนที่จะต้องเข้าพิธีด้วย เพราะว่าหญิงสาวแอบหลงรักคู่หมั้นของพี่สาวมานานแล้วตั้งแต่จำความได้ฝูหรงเป็นรองพี่สาวต่างมารดามาตลอดในทุกสิ่งและทุกอย่าง คงเป็นเพราะมารดาของนางเป็นเพียงหญิงชาวบ้านธรรมดาที่แต่งเข้ามาเป็นได้เพียงอนุก็เท่านั้นแต่ฝูหรงก็ยังนึกยินดีที่พี่สาวต่างมารดาของนางอย่างฝูอิงไม่ได้ดูแคลนนางนัก อีกฝ่ายเป็นหญิงสาวที่ดูใจดี ทั้งยังเอ็นดูนางไม่ต่างจากน้องสาวแท้ ๆ นางเลยเต็มใจดูแลพี่สาวราวกับเป็นสาวใช้คนสนิ
บทที่ 2และถึงแม้คำพูดก่อนหน้านั้นจะทำให้บรรยากาศแรกเริ่มไม่ดีสักเท่าไร แต่ก็คงเป็นอย่างที่รั่วหยางจิ้นว่าเขาทำตัวเป็นสามีที่ดี ชายหนุ่มประคองหญิงสาวที่ได้ชื่อว่าภรรยาไปยังโต๊ะน้ำชากลางห้องก่อนจะค่อย ๆ รินสุราลงในจอก“ให้ข้าเป็นคนทำเถอะเจ้าค่ะ” หญิงสาวจะแย่งมาทำแต่ชายหนุ่มกลับห้ามเอาไว้ “ตัวสั่นเป็นลูกนกตกจากรังขนาดนั้นแล้วแค่อยู่เฉย ๆ ให้เสร็จพิธีไปเถอะ” น้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความเอ็นดูปนขบขันถูกเปล่งออกมาจากริมฝีปากหนาจนหัวคิ้วเรียวขมวดสงสัย นางเคยได้ยินเขาเอ่ยน้ำเสียงเช่นนี้กับนางเมื่อใดกัน อ้อ ก่อนที่เขาจะหมั้นหมายกับพี่สาวของนางฝูหรงเฝ้ามองทุกการกระทำของชายหนุ่มตรงหน้า ยิ่งมาเห็นใกล้ ๆ เช่นนี้ยิ่งทำให้รู้ว่านางหลงรักเขามากกว่าที่ตัวนางจะคาดคิดไม่นานนักจอกสุราก็ถูกส่งมาตรงหน้า หญิงสาวรับเอาไว้และเตรียมจะยกมันขึ้นดื่ม แต่แขนเรียวกลับถูกดึงไปคล้องเอาไว้ ฝูหรงมองชายหนุ่มที่คล้องแขนนางเอาไว้แล้วดื่มสุราด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยคำถาม นางคิดว่าเขาจะดื่มเพียงแค่ให้สาวใช้ที่มาเก็บเห็นว่าสุราหมดไปก็เท่านั้น ไม่นึกว่าเขาจะทำทุกอย่างอย่างที่ควรจะทำจริง ๆ“จะจ้องข้าอีกนานหรือไม่ ไม่ดื่มสุรามง
บทที่ 19ในห้องรับแขกที่ตกแต่งอย่างอบอุ่น มีกลิ่นหอมอ่อนๆ ของดอกไม้อบอวลอยู่ในอากาศ หญิงสาวยืนอยู่กลางห้องด้วยท่าทางสุภาพอ่อนโยน นางสวมชุดกระโปรงยาวสีอ่อน ผมเรียบหรูถูกจัดแต่งอย่างพิถีพิถัน ในมือของนางถือถาดชาที่มีกาน้ำชาและถ้วยชาสองใบฝูหรงเดินอย่างเงียบๆ เข้าหามารดาของสามีที่นั่งอยู่บนเก้าอี้ประธาน หญิงชราเงยหน้าขึ้นมองด้วยความประหลาดใจเมื่อนางค่อยๆ วางถาดชาลงบนโต๊ะ“ท่านแม่เจ้าคะ ข้าชงชามะลิให้ท่าน หวังว่าท่านจะชอบ” นางพูดด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนและนอบน้อม จากนั้นค่อยๆ เทชาใส่ถ้วย ยื่นให้มารดาสามีด้วยสองมือรั่วฮูหยินรับถ้วยชามาอย่างไม่คาดคิด ใบหน้าของนางแสดงความสงสัยเล็กน้อย แต่ก็ยิ้มบางๆ “ขอบใจนะ ช่างเอาใจใส่จริงๆ เด็ก ๆ ในจวนไปไหนหรือถึงให้เจ้ามารินน้ำชาเช่นนี้”
บทที่ 18หลังจากคุยกันวันนั้นสองพี่น้องตระกูลฝูก็แทบไม่ได้เจอหน้ากันอีก หนึ่งคนรู้สึกผิดที่กดดันให้พี่สาวลำบากใจ ส่วนอีกคนไม่อยากเห็นหน้าน้องสาวที่ไม่ต้องการ“เจ้าเป็นอะไรหรือเปล่า” สามีอย่างรั่วหยางจิ้นได้แต่มองภรรยาของตนอย่างสงสัย ภรรยาของเขาช่วงนี้เหมือนคิดอะไรอยู่ตลอด ชายหนุ่มอดสงสัยไม่ได้เพราะขนาดเขาดึงอีกฝ่ายมากอดและเกือบจะดึงเชือกผูกเสื้อของหญิงสาวออกแล้ว เจ้าตัวก็ยังเหม่อไปที่ไหนก็ไม่รู้“หรงหรง” ท่าทางตกใจของฝูหรงที่เพิ่งรู้ตัวว่าถูกถอดเสื้อไปนั้นยิ่งทำให้รั่วหยางจิ้นกังวล “เป็นอะไร” คำถามซ้ำ ที่รู้ดีว่าภรรยาของตนคงไม่ตอบอะไรนอกจากคำว่าไม่เป็นไรยังถูกเอ่ยอยู่เรื่อย ๆ“ห้ามตอบว่าไม่เป็นอะไร”
บทที่ 17 ฝูหรงนั่งอยู่ในห้องนอนที่อบอุ่นมารดาของสามีนางสั่งให้คนจุดเตาในเรือนนี้ห้ามขาด การเป็นที่รักของคนที่เป็นใหญ่ที่สุดในจวนมันดีเยี่ยงนี้นี่เอง แม้ตอนอยู่จวนสกุลฝูนางจะทำตัวดีเพียงใดก็ยังอยู่อย่างแร้นแค้น บิดาไม่เคยสนใจว่านางกับมารดาจะอยู่เช่นไร มือบางหวีผมด้วยหวีที่ทำจากไม้หอม ทุกครั้งที่หวีลูบผ่านเส้นผม ผมของนางก็ส่งกลิ่นหอมอ่อน ๆ ออกมา นางเตรียมตัวให้ดูงดงามที่สุดเพื่อต้อนรับการกลับมาของสามี อย่างรั่วหยางจิ้น ซึ่งคาดว่าจะกลับถึงจวนในไม่ช้า นางจึงกลับเรือนมาทำผมใหม่ในขณะที่มือหนึ่งถือหวีไม้อย่างพิถีพิถัน อีกมือหนึ่งค่อย ๆ ลูบผมยาวสลวยสีดำขลับ ปล่อยผมลงมาระบายรอบตัวกระจกสะท้อนภาพของหญิงสาวที่ดูอ่อนหวานและอ่อนโยน เสียงหวีที่ลูบผ่านผมเบาและต่อเนื่อง คล้ายกับการปลอบประโลมใจ นางหลับตาลงเล็กน้อย รู้สึกถึงความผ่อนคลายและความสุขในช่วงเวลาส่วนตัวนี้ ใบหน้าของนางยิ้มแย้มเบา ๆ สะท้อนถึงควา
บทที่ 16 ฝูหรงเดินกลับเรือนนอนของตนด้วยใบหน้าเศร้าหมอง ในระหว่างที่เดินออกมา นางเห็นบ่าวรับใช้ที่อยู่ด้านนอกของเรือนรับรองมองนางด้วยแววตาสงสาร เสียงการคุยกันระหว่างนางกับพี่สาวคงจะดังออกมาจนคนด้านนอกได้ยินกันหมดร่างบางทรุดตัวลงนั่งหน้ากระจกทองเหลืองใบใหญ่ที่สามีของนางเพิ่งซื้อมา แม้นางจะรู้ว่าข้าวของพวกนี้รั่วหยางจิ้นคงจะตระเตรียมเอาไว้ให้ฮูหยินที่ต้องแต่งกับเขาอย่างฝูอิงฝูหรงค่อย ๆ ดึงปิ่นปักผมออกจากม้วยผมของตนเอง นางยกยิ้มมองใบหน้าของตนที่สะท้อนผ่านกระจก นางก้มมองรอยแผลเป็นที่หลังมือของตน แผลนี้ทำให้นางได้รักรั่วหยางจิ้น และแผลนี้เองก็ทำให้นางมองเห็นธาตุแท้ที่อยู่ในใจคนฝูอิงยกเสื้อชุดใหม่ให้นาง แต่ชุดนั้นมันกลับขาดเป็นทางยาว ในตอนแรกนางคิดว่าพี่สาวคงไม่ทันเห็นว่าชุดนี้ขาดถึงได้มอบให้นาง นางน
บทที่ 15หลังจากสองพ่อลูกลุกไปบรรยากาศบนโต๊ะก็ไม่เหมือนเดิม ที่จริงมันไม่เหมือนเดิมตั้งแต่มีฝูอิงเข้ามาแล้ว“ท่านแม่กับหรงหรงกินกันต่อไปเถอะนะเจ้าคะ ข้าจะกลับเรือนแล้ว” ฝูอิงที่ลุกขึ้นทันทีที่สองพ่อลูกเดินไปถึงกับทำให้ฮูหยินแห่งตระกูลรั่วหายใจแรงอย่างไม่พอใจ“ท่านแม่เป็นอะไรหรือเปล่าเจ้าคะ”“ไม่เป็นอะไรหรอกหรงหรง พี่สาวเราเขาเป็นคนนิสัยอย่างไรหรือ” และทั้ง ๆ ที่คำถามนั้นเอ่ยถามออกไปเพื่อจะช่วยเหลือฝูหรงแต่หญิงสาวกลับคิดไปไกลแล้วว่าท่านแม่อาจจะคิดจัดการเรื่องค้างคาให้จบให้สิ้นสักที“ท่านพี่หรือเจ้าคะ ก็ใจดีไม่เคยแกล้งอะไรข้าเลยสักครั้ง ท่านแม่ก็รู้ว่าข้าเป็นบุตรของอ
บทที่ 14เรื่องราวระหว่างลูกสะใภ้กับพี่สาวของนางถูกเล่าให้กับแม่สามีฟังโดยสาวใช้อย่างชิงอี้“เจ้าก็จับตาดูเอาไว้ก่อนแล้วกัน น่าสงสารหรงหรงนางเป็นเด็กหัวอ่อน และพอดูจากวันนี้ฝูอิงก็เป็นสตรีที่ร้ายกาจกว่าที่เคยรู้” คนเป็นแม่อยากจะเอ่ยออกไปด้วยซ้ำว่านี่คงเป็นบุญของตระกูลรั่วขนาดไหนที่ไม่ได้ฝูอิงมาเป็นสะใภ้แต่เป็นฝูหรงแทนแม้ว่าฝูหรงจะเป็นเพียงบุตรสาวของอนุแต่กิริยาท่าทางรวมถึงความรู้หญิงสาวก็มีอย่างที่คุณหนูทั่ว ๆ ไปควรจะมี แค่นี้คนเป็นแม่ก็พอใจแล้วกลัวอย่างเดียวจะเสียรู้พี่สาวที่เจ้าเล่ห์เข้าสักวันฝูอิงก็ไม่รู้ว่าคิดอะไรอยู่ถึงได้ให้มารดาของตน อาศัยความสนิทสนมมาขออยู่ในจวนของอดีตคู่หมาย แต่เมื่อนึกถึงนิสัยที่ผ่านมาของฮูหยินตระกูลฝูแล้วก็ไม่แปลกใจเท่าไร เพราะมักจะทำอะไรขัดหูขัดตาใครต่อใค
บทที่ 13ฝูอิงไม่ได้โง่คำพูดของมารดาของรั่วหยางจิ้นนั้นหญิงสาวล้วนเข้าใจดี ยิ่งได้ยินก็ยิ่งรู้ว่าหนทางจะกลับเข้ามาเป็นสะใภ้ตระกูลนี้อีกครั้งไม่ง่าย ขนาดบิดาที่ให้กำเนิดยังโกรธที่นางหนีไปกับชายอีกคน ทางตระกูลรั่วนี้ไม่ได้เป็นอะไรกันเลยด้วยซ้ำจะไม่โกรธเลยหรือคงเป็นไปไม่ได้แต่คนอย่างฝูอิงไม่สนใจหรอก ทั้งตำแหน่งสะใภ้ ทั้งตำแหน่งฮูหยินของท่านเจ้าเมืองทุกอย่างมันเป็นที่ของนางตั้งแต่แรกอยู่แล้วจะเอาคืนก็ต้องได้ และหากไม่ได้มาง่าย ๆ ก็ต้องบังคับเอามาในเมื่อตอนนี้มันไม่เหลือหนทางให้ย้อนกลับแล้วถึงจะคิดเช่นนั้นแต่ข่าวลือที่มารดาของรั่วหยางจิ้นได้ยินมาก็ถือว่าเป็นปัญหา ฝูอิงไม่รู้หรอกว่าฮูหยินแห่งจวนตระกูลรั่วไปได้ยินข่าวอะไรมาบ้าง แต่เพียงแค่ปฏิเสธเอาไว้ใครจะทำอะไรนางได้ หญิงสาวคิดอย่างย่ามใจในเมื่อคนที่รู้เรื่องจริงก็คงมีเพียงแค่ตระกูลคหบดีของม่อซื่อที่เมืองเฉินเท่านั้น
บทที่ 12“อ้าวหรงหรง พี่ไม่เห็นเจ้าเสียหลายวันเลยนะ” ฝูหรงยิ้มรับคำทักทายของพี่สาวอย่างไม่เต็มที่นัก ที่อีกฝ่ายไม่พบเจอก็เพราะหญิงสาวหลีกเลี่ยงที่จะเจอ อีกไม่นานก็จะต้องย้ายไปจวนเจ้าเมืองแล้ว เมื่อคืนสามีก็บอกกับนางว่าไม่ต้องกังวลหรือคิดมากอะไร สงสัยสิ่งใดให้ถาม แต่นางหรือจะกล้าแต่สำหรับคนที่มาอยู่ในที่ของคนอื่น จะไม่คิดได้หรือ ด้วยเหตุนั้นจึงทำให้หญิงสาวเลือกที่จะไม่พบเจอกับพี่สาวของนางไปเลยดีที่สุด“แล้วนี่เจ้าจะไปไหนหรือ” แม้จะไม่อยากบอกแต่ออกมาขนาดนี้แล้ว “ข้าจะไปซื้อชุดใหม่เจ้าค่ะท่านพี่” ฝูหรงไม่ได้บอกออกไปหรอกว่านางจำใจต้องออกไปซื้อชุดใหม่เพราะทั้งแม่สามีและสามีอย่างรั่วหยางจิ้นบังคับนาง ด้วยคำพูดและเหตุผลท
บทที่ 11รั่วหยางจิ้นยังคงกลับมาช้าเหมือนปกติ แต่วันนี้ก่อนที่เขาจะถึงเรือนตน ฝูอิงก็เดินเข้ามาทักเขาเอาไว้เสียก่อน“ท่านพี่กลับมืดค่ำจังเลยนะเจ้าคะ” นางปั้นเสียงหวานเอ่ยทักชายหนุ่มทำเพียงแค่ปรายตามอง วันนี้เขากลับเร็วกว่าปกติและหวังว่าจะได้พูดคุยกับภรรยาไม่ได้อยากมาเสียเวลากับอดีตคู่หมายอย่างฝูอิง แต่ดูเหมือนนางจะเตรียมตัวมาอย่างดีแล้วที่จะทำให้ทุกกคนเข้าใจผิดหญิงสาวดี ๆ ที่ไหนจะแต่งตัวเช่นนี้ออกมานอกเรือนกัน เสื้อผ้าที่บางเบาน้อยชิ้น จะนอนยังไม่แต่งขนาดนี้เลยกระมัง ชายหนุ่มไม่เพียงไม่สนใจจะตอบคำถาม เขายังเดินหนีจนหญิงสาวต้องเดินตามฝูอิงตั้งใจจะล้มแล้วให้อีกฝ่ายช่วยรับ อย่างไรรั่วหยางจิ้นก็เป็นชายหนุ่มจะปฏิเสธการช่วยเหลือนางเชียวหรือ แต่สิ่งที่หญิงสาวคิดกลับผิดแผนไปหมด เมื่อตอนที่นา