บทที่ 2
และถึงแม้คำพูดก่อนหน้านั้นจะทำให้บรรยากาศแรกเริ่มไม่ดีสักเท่าไร แต่ก็คงเป็นอย่างที่รั่วหยางจิ้นว่าเขาทำตัวเป็นสามีที่ดี ชายหนุ่มประคองหญิงสาวที่ได้ชื่อว่าภรรยาไปยังโต๊ะน้ำชากลางห้องก่อนจะค่อย ๆ รินสุราลงในจอก
“ให้ข้าเป็นคนทำเถอะเจ้าค่ะ” หญิงสาวจะแย่งมาทำแต่ชายหนุ่มกลับห้ามเอาไว้
“ตัวสั่นเป็นลูกนกตกจากรังขนาดนั้นแล้วแค่อยู่เฉย ๆ ให้เสร็จพิธีไปเถอะ”
น้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความเอ็นดูปนขบขันถูกเปล่งออกมาจากริมฝีปากหนาจนหัวคิ้วเรียวขมวดสงสัย นางเคยได้ยินเขาเอ่ยน้ำเสียงเช่นนี้กับนางเมื่อใดกัน อ้อ ก่อนที่เขาจะหมั้นหมายกับพี่สาวของนาง
ฝูหรงเฝ้ามองทุกการกระทำของชายหนุ่มตรงหน้า ยิ่งมาเห็นใกล้ ๆ เช่นนี้ยิ่งทำให้รู้ว่านางหลงรักเขามากกว่าที่ตัวนางจะคาดคิด
ไม่นานนักจอกสุราก็ถูกส่งมาตรงหน้า หญิงสาวรับเอาไว้และเตรียมจะยกมันขึ้นดื่ม แต่แขนเรียวกลับถูกดึงไปคล้องเอาไว้ ฝูหรงมองชายหนุ่มที่คล้องแขนนางเอาไว้แล้วดื่มสุราด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยคำถาม นางคิดว่าเขาจะดื่มเพียงแค่ให้สาวใช้ที่มาเก็บเห็นว่าสุราหมดไปก็เท่านั้น ไม่นึกว่าเขาจะทำทุกอย่างอย่างที่ควรจะทำจริง ๆ
“จะจ้องข้าอีกนานหรือไม่ ไม่ดื่มสุรามงคลหรือ”
หญิงสาวรีบดื่มสุรามงคลก่อนที่จะยืนทำตัวไม่ถูกอยู่กลางห้องหอแต่ก็ถูกรั่วหยางจิ้นดึงนางให้มานั่งอยู่หน้าคันฉ่อง ฝูหรงมัวแต่ตกใจจึงไม่ทันได้สังเกตว่ามือของชายหนุ่มเริ่มดึงปิ่นที่ปักอยู่บนผมของนางออกทีละอันทีละอันแล้ว
“พี่จิ้นข้าทำเองได้เจ้าค่ะ”
หลังจากคำนั้นชายหนุ่มก็ผละออกไป ฝูหรงเห็นอีกฝ่ายเดินเข้าไปหลังฉากกั้นก่อนจะปลดเสื้อผ้าอาภรณ์ออก เหลือเพียงชุดด้านในเท่านั้น
“หากเสร็จแล้วเจ้าก็มานอนเถอะ”
ดวงใจของหญิงสาวสั่นสะท้าน และตีความไปว่านางและเขาคงจะต้องเข้าหอจริง ๆ เป็นแน่
นางไม่ได้คิดเรื่องนี้เลย คิดเพียงแค่ต้องเข้าพิธีแทนพี่สาว ฝูหรงอดไม่ได้ที่จะต่อว่าตนเองที่โง่เขลานัก หลังจากประวิงเวลาอยู่นานหญิงสาวก็ขึ้นมานอนอยู่บนเตียง ร่างบางนอนอยู่ริมเตียงจนเกือบตก ทำให้ชายหนุ่มที่เข้านอนอยู่ก่อนต้องดึงนางเข้ามากอดเอาไว้หลวม ๆ
"มิใช่ว่าข้าบอกจะทำหน้าที่สามีที่ดีหรือ” เสียงทุ้มแหบพร่าในความมืด ฝูหรงตื่นเต้นจนพูดอะไรไม่ออก “เจ้าก็เพียงแค่ทำหน้าที่ของเจ้าเช่นเดียวกันก็เท่านั้น” ริมฝีปากร้อนประทับที่หน้าผากก่อนจะผละออกไป
ฝูหรงนอนเกร็งรออยู่นานแต่คนข้าง ๆ นางผ่อนลมหายใจยาวราวกับหลับสนิทไปแล้ว ทั้งยังกอดร่างของนางเอาไว้ แม้จะโล่งใจที่ไม่ต้องเข้าหอกับอีกฝ่ายทั้ง ๆ ที่ไม่ได้ตระเตรียมอะไร แต่ก็รู้สึกปวดใจที่คิดว่าอีกคนนั้นไม่ทำอะไรนางไปมากกว่ากอดเอาไว้เพราะนางไม่ใช่พี่สาว ไม่ใช่ท่านพี่อิงอิงงั้นหรือ
ความเงียบหลังจากนั้นทำให้ฝูหรงรู้สึกอึดอัด นางพยายามทำใจให้นิ่งอยู่กับที่ ยามค่ำคืนผ่านไปอย่างช้า ๆ ฝูหรงนอนไม่หลับตลอดคืน ความคิดวนเวียนอยู่ในหัว นางคิดถึงพี่สาว คิดถึงอนาคตที่ไม่แน่นอน และคิดถึงความรู้สึกที่มีต่อรั่วหยางจิ้น ทั้งที่นางรู้ว่าไม่ควรรู้สึกเช่นนั้น
ในตอนเช้าฝูหรงตื่นขึ้นมาก่อนคนที่นอนกอดนางเอาไว้แน่นทั้งคืน นางไปเปิดประตูรับน้ำร้อนที่สาวใช้นำมาให้เพื่อปรนนิบัติดูแลสามีในนามของนาง และแม้ว่าปกติแล้วคุณหนูทั่ว ๆ ไปยามเมื่อแต่งเข้าเรือนไหนก็มักจะมีสาวใช้คนสนิทติดตามไปด้วย แต่เพราะหญิงสาวไม่ได้เป็นคุณหนูแบบนั้นนางจึงขึ้นเกี้ยวเจ้าสาวเข้ามาที่นี่เพียงลำพัง
“ข้าจัดการเองเจ้าไปทำอย่างอื่นเถอะ” ฝูหรงรับอ่างน้ำร้อนนั้นเข้าไปวางที่จุดแบ่งเอาไว้ใช้จัดการตนเอง และใช้ผ้าชุบน้ำจนชุ่มก่อนจะนำไปให้กับสามีของตน
“พี่จิ้น เช้าแล้วเจ้าค่ะ” รั่วหยางจิ้นลืมตาขึ้นก่อนจะรับผ้านั่นมาเช็ดหน้าเช็ดตา
ชายหนุ่มที่เช็ดหน้าเช็ดตาแล้วเดินไปยังหลังฉากกั้นเพื่อจัดการเปลี่ยนเสื้อผ้า แล้วก็ต้องแปลกใจเมื่อของของเขาถูกตระเตรียมเอาไว้เรียบร้อยแล้ว หรงหรงถือได้ว่าเป็นภรรยาที่ดีจริง ๆ
“ให้ข้าช่วยหรือไม่เจ้าคะ”
ชายหนุ่มกำลังจะผูกผ้าคาดเอวแต่เมื่อได้ยินเสียงของหญิงสาวจึงครางรับในลำคอและปล่อยให้นางได้เป็นคนจัดการ
“เจ้าก็แต่งตัวด้วยเดี๋ยวจะต้องไปยกน้ำชาให้ท่านพ่อท่านแม่”
ฝูหรงพยักหน้ารับคำและแต่งตัวเสร็จภายในเวลาไม่นาน วันรุ่งขึ้น ฝูหรงตื่นขึ้นมาพร้อมกับความหวังเล็กน้อย นางหวังว่าบางทีรั่วหยางจิ้นอาจจะยอมรับนางในที่สุด แต่อาจจะต้องใช้เวลาอีกสักนิด
คนทั้งสองเดินไปยังเรือนหลัก ใบหน้าของคุณหนูตระกูลฝูที่ทุกคนเห็นครั้งแรกนั้นทำให้เกิดคำถามเพราะบางคนจำได้ว่าคุณหนูตระกูลฝูไม่ใช่คนคนนี้ แต่เพราะรั่วเจิ้นหวินบิดาของรั่วหยางจิ้นเป็นคนเข้มงวดจึงไม่มีใครกล้าเอ่ยอะไรออกไป
ฝูหรงมีกิริยาเรียบร้อยจึงทำให้ครั้งแรกที่ฮูหยินของตระกูลฝูเห็นก็รู้สึกเอ็นดูนางไม่ใช่น้อย
“ถึงแม้เรื่องราวจะยุ่งยากไปหน่อย แต่ก็ต้อนรับเข้าตระกูลของเรานะลูก”
คำพูดที่อบอุ่นแทบจะทำให้ฝูหรงน้ำตาไหล เพราะหญิงสาวนึกกังวลกลัวว่าคนที่นี่จะรังเกียจที่นางไม่ใช่บุตรสาวที่เกิดจากฮูหยินเอก เป็นเพียงหญิงสาวที่เกิดจากอนุฟๆผภรรยา แต่การกระทำที่เหมือนจะไม่สนใจนี่กลับทำให้เกิดรอยยิ้ม แม้กระทั่งหัวหน้าตระกูลอย่างรั่วเจิ้นหวินที่ดูดุก็ยังยิ้มให้นางน้อย ๆ พอให้ฝูหรงมีกำลังใจ
หลังจากจบพิธียกชา ทั้งหมดก็นั่งพูดคุยกัน แล้วก็คงไม่พ้นเรื่องทั่ว ๆ ไปที่สะใภ้ทุกคนจะต้องรู้ในวันแรกที่แต่งเข้าตระกูลสามี หัวหน้าตระกูลอย่างรั่วเจิ้นหวินและสามีของนางแยกตัวไปทำงาน จึงเหลือเพียงแค่ฝูหรงและรั่วฮูหยินเท่านั้น
“ทั้งสองก็ดูเย็นชาเช่นนี้ รั่วหยางจิ้นเขานิสัยเหมือนบิดาเจ้าไม่ต้องกังวลไปหรอกนะ”
ฝูหรงพยักหน้าอย่างเข้าใจ ทุกครั้งที่รั่วหยางจิ้นมาพบพี่สาวของนางที่จวน เขาก็ทำสีหน้านิ่งเรียบ สีหน้าเปลี่ยนแปลงเล็กน้อยสงบนิ่งราวกับใบหลิว มีเพียงแววตาของเขาที่ฉายแววมีความสุขมากขึ้นกว่าครั้งที่เขามาที่จวนสกูลฝู คงมีเรื่องราวดี ๆ เกิดขึ้นกับรั่วหยางจิ้นในช่วงยามนี้กระมัง อาจจะเป็นข่าวดีในอันดับสอบ นางแอบเห็นริมฝีปากที่เคยเยียดตรงยกยิ้มราวกับสมใจบางสิ่งชั่วครู่ก่อนจะหมุนตัวเดินตามบิดาของเขาออกจากเรือนไป
บทที่ 3ฝูหรงใช้เวลาช่วงเช้าพูดคุยกับแม่สามี มีเรื่องที่นางต้องเรียนรู้มากมาย โดยเฉพาะการดูแลเงินของจวนที่แม่สามีอย่างหลี่ชุนโหลวจะยกให้กับนางดูแล“แม่แก่แล้วหรงหรง หากยังทำต่ออยู่ก็ไม่รู้จะมีอะไรผิดพลาดหรือไม่ ในเมื่อเจ้าแต่งเข้ามาแล้ว ก็ช่วยแม่ดูแลเถิด”“ไม่ต้องห่วงเจ้าค่ะ ข้าจะช่วยท่านแม่จัดการเอง” เพราะจวนสกุลฝูนางก็ฝึกงานกับท่านแม่ใหญ่ในตระกูลฝูมานาน งานการหลาย ๆ อย่าง ก็เรียนรู้ไปพร้อมกับพี่สาวอย่างฝูอิง จึงทำให้ฝูหรงมีความรู้ความสามารถพอสมควร เอาเข้าจริงงานที่ท่านแม่ใหญ่มอบหมายให้นางและพี่สาวทำ เป็นนางทั้งหมดที่ทำ ท่านพี่อิงอิงแทบไม่ได้หยิบจับ หรือหากจะพูดกันตามตรงก็คือนางเองก็มีดีเท่าที่คุณหนูคนหนึ่งควรจะมี ไม่เช่นนั้นท่านพี่อิงอิงคงไม่ยอมให้นางทำงานแทนทั้งหมดเช่นนั้น หรือนางอาจจะมีดีมากกว่าคุณหนูเล่านั้นตรงที่นางจะขยันและอดทนมากกว่าด้วย เพราะคงไม่มีคุณหนูตระกูลใดต้องตักน้ำอย่างที่นางเคยทำ แม้แต่ผ่าฟืนนางก็เคยทำมาแล้ว ทุกอย่างฝูหรงล้วนทำเป็นทั้งหมดทั้งสิ้น +นั่นจึงทำให้เพียงเริ่มหยิบจับอะไร แม่สามีก็เอ็นดูจนติดเรียกชื่อนางไม่ขาดปาก ไม่ว่าอะไรก็ หรงหรง“ท่านพี่ลองชิมอันนี้ดูสิ
บทที่ 4ฝูหรงมองสามีที่อ่านหนังสืออยู่ไกล ๆ นางคิดเสมอว่าเขาเฉยชาเพราะแรกเริ่มนางไม่ใช่คนที่เขารัก แต่ก็นึกไม่ออกว่าคนเช่นนี้จะรักใครได้ เมื่อนึกย้อนกลับไปนางก็เคยเห็นเขาแสดงท่าทางเช่นนี้กับท่านพี่ของนางอยู่บ้าง แม้เขาจะมีความเย็นชานิ่งเฉย แต่ท่านพี่อิงอิงของนางก็บอกว่ารั่วหยางจิ้นเป็นชายหนุ่มที่เหมาะสมกับนาง ฐานะเท่าเทียมกัน ฝูหรงก็เห็นด้วย บุตรสาวจากตระกูลบัณฑิตและเขาที่เป็นบัณฑิตหนุ่มย่อมเหมาะสมกัน นางเองถึงแม้จะเป็นบุตรสาวของท่านพ่อเช่นเดียวกันแต่นางเป็นเพียงบุตรสาวของอนุ หากนางเหมาะสมกับรั่วหยางจิ้นบิดาของนางคงหมั้นหมายนางกับเขาแล้ว ไม่ใช่กับพี่สาวของนางแต่ท่าทางที่ดูคล้ายจะคุกคามในบางทีของสามีที่เข้าใกล้นางถึงเนื้อถึงตัวทุกครั้งยามอยู่กันเพียงลำพังก็ทำให้ดวงใจของหญิงสาวสั่นไหว ถึงกระนั้นทุกอย่างก็กลับเป็นปกติอย่างรวดเร็ว ราวกับเมื่อครู่เขาไม่ได้ทำสิ่งใดเหมือนดั่งเช่นวันก่อนที่เจ้าตัวอยากได้ถุงหอมกลิ่นที่คล้ายกับกลิ่นตัวของนาง ฝูหรงไม่เคยใช้เครื่องหอมจริง ๆ จัง ๆ แต่พอมานั่งคิดดู ไม่ว่าจะเสื้อผ้าที่อบกำยาน หรือวิธีการผสมน้ำซักผ้าของนางก็ล้วนทำให้เกิดกลิ่นเฉพาะตัวขึ้นมาได้ สุดท
บทที่ 5ระหว่างที่นางกำลังเตรียมจัดงานเลี้ยงยินดีให้กับสามีที่เพิ่งมีพระราชโองการประกาศออกไปว่าเขาจะได้เป็นเจ้าเมืองคนใหม่ที่อายุน้อยที่สุด คนที่ไม่คาดคิดก็ปรากฏตัวขึ้น“ท่านพี่ฝูอิง”“หรงหรงน้อยพี่กลับมาแล้ว” เสียงหวานเอ่ยอีกทั้งรีบวิ่งเข้ามาโอบกอดน้องสาวคนเดียวอย่างแสนรักใคร่ฝูหรงยืนแข็งค้างทำตัวไม่ถูก ที่นี่ไม่มีทั้งพ่อสามีและแม่สามีอยู่ รวมถึงสามีของนางที่ต้องเข้าไปรายงานตัว มีเพียงแค่นางเท่านั้นที่อยู่ที่จวนตระกูลรั่วแห่งนี้“ทำไมถึงได้ทำหน้าเช่นนั้นเล่าหรงหรง เจ้าไม่ดีใจอย่างนั้นหรือที่พี่กลับมา พี่กลับมาแล้ว” คำถามของพี่สาวฝูหรงไม่รู้จะตอบเช่นไรในตอนนี้ และนางก็ไม่เข้าใจด้วยว่าคำว่ากลับมานั้นท่านพี่หมายความเช่นไร “ท่านพี่มาได้อย่างไรเจ้าคะ”ฝูอิงพี่สาวของนางหันมายิ้มและตอบด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความมุ่งมั่น “พี่หนีออกมาจากที่นั่น เมื่อรู้ว่าไม่สามารถใช้ชีวิตแบบนั้นได้ ก็เลยกลับมาหาเจ้า กลับมาหาทุกคน"ฝูหรงพยักหน้าเบา ๆ พยายามกลั้นอารมณ์ที่ปะทุขึ้นภายในใจ นางรู้สึกเหมือนถูกตัดขาดจากความสงบสุขที่เพิ่งค้นพบในชีวิตใหม่ “ท่านพี่ แล้วท่านจะทำอย่างไรต่อไป” นางยังอดที่จะกังวลแทน
บทที่ 6ราวกับฟ้าถล่มลงมา ฝูหรงที่ส่งพี่สาวกลับในวันก่อน ไม่คาดคิดว่าวันต่อมาจะเจอพี่สาวต่างมารดาในโถงของเรือนรับรอง พร้อมกองข้าวของมากมายรั่วหยางจิ้นเป็นบัณฑิตหนุ่มที่มีอนาคตไกลใคร ๆ ก็รับรู้เรื่องนี้ ก่อนหน้าที่เขาจะเข้าพิธีมงคลกับคุณหนูตระกูลฝูเขาก็เคยไปสอบเคอจี้เอาไว้ ใครจะไปนึกว่าชายหนุ่มจะสอบได้อันดับหนึ่งระดับจอหงวนในครั้งแรกที่เข้าสอบระดับแคว้น แม้จะเคยเห็นความเก่งกาจระดับอำเภอและมณฑลมาแล้วก็เถอะวันนี้ที่ชายหนุ่มไม่อยู่จวนก็เพราะจะต้องไปรายงานตัว และยังต้องเตรียมตัวย้ายเข้าจวนเจ้าเมืองด้วย จึงทำให้ทั้งตระกูลรั่ววุ่นวายไปหมด และคนที่เป็นแม่งานใหญ่ก็จะเป็นใครไปไม่ได้นอกจากฝูหรงบิดามารดาของสามีไว้ใจให้นางจัดการเรื่องที่จวนเพียงลำพังส่วนตัวเองก็ไปเชิญแขกสำคัญและพูดคุยกับบรรดาเพื่อนบัณฑิตแต่
บทที่ 7งานเลี้ยงดำเนินไปโดยที่ฝูอิงไม่ได้ไปเข้าร่วมด้วย นางยังไม่กล้ากับรั่วเจิ้นหวินใบหน้าดุ ๆ นั่นทำเอานางกลัว บิดานางก็เป็นบัณฑิตเช่นเดียวกัน แต่เขาตามใจนางยิ่งกว่าอะไร พอเห็นใบหน้าน่ากลัวของบิดารั่วหยางจิ้นทำเอาฝูอิงไม่กล้าแม้แต่จะขยับตัว นางอยากเดินออกไปต้อนรับแขก และแสดงตนว่านางคือรั่วฮูหยินตัวจริง แม้จะแอบไม่พอใจ ทั้ง ๆ ที่ตั้งใจจะกลับมาทวงตำแหน่งฮูหยินของเจ้าเมืองคืน แต่กลับไม่ได้ง่ายอย่างที่คิดถึงกระนั้นนางก็ไม่กังวลหรอก นางรู้จักฝูหรงดีกว่าใครเด็กคนนั้นนางทำไม่ดีด้วยมาตลอดชีวิต อีกฝ่ายยังไม่รู้และจับไม่ได้เลย กลับอิแค่ทำให้ฝูหรงรู้ฐานะตนเองว่าควรอยู่ตรงไหนคงไม่ใช่เรื่องยากอะไร“รออีกนิดเถอะ ที่ของข้าอย่างไรก็เป็นของข้าวันยังค่ำ”ขณะเดียวกันฝูหรง
บทที่ 8ฝูหรงไม่คิดเลยว่าชีวิตการแต่งงานที่มีความสุขจากการแย่งของของคนอื่นมาจะจบลงในเวลาเพียงแค่สามเดือนหลังจากจบงานฉลองรับตำแหน่งเจ้าเมืองของสามี หญิงสาวก็ทำทุกอย่างเหมือนปกติ แต่มีสิ่งหนึ่งที่ยังติดค้างอยู่ในใจของนาง และมันไม่อาจจะหายไปได้ง่าย ๆ นั่นก็คือเรื่องของพี่สาวต่างมารดาที่เข้ามาอาศัยอยู่ในจวนตระกูลรั่วแม้ว่าบิดาของสามีจะสั่งให้พี่สาวของนางไปพักเรือนรับรอง แต่ที่ทำเช่นนั้นก็อาจจะเป็นเพราะท่านพี่อิงอิงกับสามีของนางยังไม่ได้เข้าห้องหอหรือพิธีมงคลกันก็เป็นได้ และหากเป็นอย่างที่หญิงสาวคิดจริง ๆ นางก็คือคนที่อยู่ผิดที่ผิดทางและควรหลบให้กับพี่สาวไม่ใช่ชุบมือเปิบรับสมอ้างเป็นฮูหยินท่านเจ้าเมืองอยู่อย่างนี้“เรื่องท่านพี่ของข้า” ฝูหรงไม่สามารถเก็บความสงสัยเอาไว้ได้ เมื่อสามีกลับมาจากการส่งแขกที่มาร่วมแสดงความยินดี หญิงสาวก็เผลอเอ
บทที่ 9ฝูหรงพยายามหลีกเลี่ยงพี่สาวตนเอง แต่อีกฝ่ายก็เข้ามาวุ่นวายกับหญิงสาวอยู่ทุกวันจนแม้แต่บรรดาสาวใช้ก็สังเกตเห็นท่าทางอึดอัดใจที่ฮูหยินเล็กมีเพราะจะต้องย้ายไปจวนเจ้าเมืองแต่ด้วยข้าวของมากมายและไม่ได้บังคับให้รีบจัดการเสียวันสองวันนี้ เพราะต้องให้เจ้าเมืองคนเก่าจัดการทุกอย่างให้เรียบร้อยก่อน ฝูหรงกับบรรดาสาวใช้และคนงานจึงช่วยกันตระเตรียมทุกอย่าง แต่ในทุกวันก็จะปรากฏร่างของฝูอิงด้วยเสมอ“ทำไมถึงเอาของชิ้นนี้ไปล่ะ ไม่ใช่ว่าท่านพี่ไม่ชอบมันหรอกหรือ” สาวใช้หลายคนตรงหน้าหันไปมองตรงจุดที่สองสาวตระกูลฝูยืนอยู่ คำว่าท่านพี่นั้นขนาดฮูหยินเล็กที่เป็นภรรยา สาวใช้อย่างพวกนางยังได้ยินไม่บ่อยครั้งนักเลยแต่คุณหนูที่มาขออาศัยอยู่อย่างฝูอิงกับพูดเสียคล่องปาก“นี่เป็นของที่เขาชอบเจ้าค่ะ” ฝูหรงไม่รู้จะบอกอย่างไร เพราะมันเป็นของที่สาม
บทที่ 10หลังจากวันนั้นฮูหยินเล็กก็พักอยู่ในเรือนของตน ไม่ออกมาช่วยจัดเตรียมของ บรรดาสาวใช้กับคนงานก็เก็บเพียงแค่ของทั่ว ๆ ไป แต่ฝูอิงนั้นเข้ามาช่วยเจ้ากี้เจ้าการราวกับว่านางเป็นภรรยาของรั่วหยางจิ้นแล้วก็ไม่ปานเรื่องที่เกิดขึ้นเริ่มลุกลามไปจนบิดามารดาของรั่วหยางจิ้นได้ยิน “ท่านพี่เรื่องของฝูอิงนั้น” คนเป็นสามีเข้าใจดีกว่าภรรยาจะเอ่ยอะไร“อย่างไรนางก็เป็นบุตรีของสหาย จะให้ไปนอนตามโรงเตี๊ยมก็คงไม่ได้ และหากบุตรชายของข้าโง่งมจนหันไปมองคนที่ทิ้งตัวเองไปในวันสำคัญโดยไม่ได้สนใจว่าจะเกิดเหตุการณ์ใดตามมาข้าก็ไม่รู้จะพูดอย่างไรแล้ว” ได้ฟังคำสามีก็อยากจะบอกว่านางเองก็เข้าใจ แต่ว่า...“รายนั้นข้าไม่ได้ห่วง ที่ข้ากังวลเป็นหรงหรงมากก
บทที่ 19ในห้องรับแขกที่ตกแต่งอย่างอบอุ่น มีกลิ่นหอมอ่อนๆ ของดอกไม้อบอวลอยู่ในอากาศ หญิงสาวยืนอยู่กลางห้องด้วยท่าทางสุภาพอ่อนโยน นางสวมชุดกระโปรงยาวสีอ่อน ผมเรียบหรูถูกจัดแต่งอย่างพิถีพิถัน ในมือของนางถือถาดชาที่มีกาน้ำชาและถ้วยชาสองใบฝูหรงเดินอย่างเงียบๆ เข้าหามารดาของสามีที่นั่งอยู่บนเก้าอี้ประธาน หญิงชราเงยหน้าขึ้นมองด้วยความประหลาดใจเมื่อนางค่อยๆ วางถาดชาลงบนโต๊ะ“ท่านแม่เจ้าคะ ข้าชงชามะลิให้ท่าน หวังว่าท่านจะชอบ” นางพูดด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนและนอบน้อม จากนั้นค่อยๆ เทชาใส่ถ้วย ยื่นให้มารดาสามีด้วยสองมือรั่วฮูหยินรับถ้วยชามาอย่างไม่คาดคิด ใบหน้าของนางแสดงความสงสัยเล็กน้อย แต่ก็ยิ้มบางๆ “ขอบใจนะ ช่างเอาใจใส่จริงๆ เด็ก ๆ ในจวนไปไหนหรือถึงให้เจ้ามารินน้ำชาเช่นนี้”
บทที่ 18หลังจากคุยกันวันนั้นสองพี่น้องตระกูลฝูก็แทบไม่ได้เจอหน้ากันอีก หนึ่งคนรู้สึกผิดที่กดดันให้พี่สาวลำบากใจ ส่วนอีกคนไม่อยากเห็นหน้าน้องสาวที่ไม่ต้องการ“เจ้าเป็นอะไรหรือเปล่า” สามีอย่างรั่วหยางจิ้นได้แต่มองภรรยาของตนอย่างสงสัย ภรรยาของเขาช่วงนี้เหมือนคิดอะไรอยู่ตลอด ชายหนุ่มอดสงสัยไม่ได้เพราะขนาดเขาดึงอีกฝ่ายมากอดและเกือบจะดึงเชือกผูกเสื้อของหญิงสาวออกแล้ว เจ้าตัวก็ยังเหม่อไปที่ไหนก็ไม่รู้“หรงหรง” ท่าทางตกใจของฝูหรงที่เพิ่งรู้ตัวว่าถูกถอดเสื้อไปนั้นยิ่งทำให้รั่วหยางจิ้นกังวล “เป็นอะไร” คำถามซ้ำ ที่รู้ดีว่าภรรยาของตนคงไม่ตอบอะไรนอกจากคำว่าไม่เป็นไรยังถูกเอ่ยอยู่เรื่อย ๆ“ห้ามตอบว่าไม่เป็นอะไร”
บทที่ 17 ฝูหรงนั่งอยู่ในห้องนอนที่อบอุ่นมารดาของสามีนางสั่งให้คนจุดเตาในเรือนนี้ห้ามขาด การเป็นที่รักของคนที่เป็นใหญ่ที่สุดในจวนมันดีเยี่ยงนี้นี่เอง แม้ตอนอยู่จวนสกุลฝูนางจะทำตัวดีเพียงใดก็ยังอยู่อย่างแร้นแค้น บิดาไม่เคยสนใจว่านางกับมารดาจะอยู่เช่นไร มือบางหวีผมด้วยหวีที่ทำจากไม้หอม ทุกครั้งที่หวีลูบผ่านเส้นผม ผมของนางก็ส่งกลิ่นหอมอ่อน ๆ ออกมา นางเตรียมตัวให้ดูงดงามที่สุดเพื่อต้อนรับการกลับมาของสามี อย่างรั่วหยางจิ้น ซึ่งคาดว่าจะกลับถึงจวนในไม่ช้า นางจึงกลับเรือนมาทำผมใหม่ในขณะที่มือหนึ่งถือหวีไม้อย่างพิถีพิถัน อีกมือหนึ่งค่อย ๆ ลูบผมยาวสลวยสีดำขลับ ปล่อยผมลงมาระบายรอบตัวกระจกสะท้อนภาพของหญิงสาวที่ดูอ่อนหวานและอ่อนโยน เสียงหวีที่ลูบผ่านผมเบาและต่อเนื่อง คล้ายกับการปลอบประโลมใจ นางหลับตาลงเล็กน้อย รู้สึกถึงความผ่อนคลายและความสุขในช่วงเวลาส่วนตัวนี้ ใบหน้าของนางยิ้มแย้มเบา ๆ สะท้อนถึงควา
บทที่ 16 ฝูหรงเดินกลับเรือนนอนของตนด้วยใบหน้าเศร้าหมอง ในระหว่างที่เดินออกมา นางเห็นบ่าวรับใช้ที่อยู่ด้านนอกของเรือนรับรองมองนางด้วยแววตาสงสาร เสียงการคุยกันระหว่างนางกับพี่สาวคงจะดังออกมาจนคนด้านนอกได้ยินกันหมดร่างบางทรุดตัวลงนั่งหน้ากระจกทองเหลืองใบใหญ่ที่สามีของนางเพิ่งซื้อมา แม้นางจะรู้ว่าข้าวของพวกนี้รั่วหยางจิ้นคงจะตระเตรียมเอาไว้ให้ฮูหยินที่ต้องแต่งกับเขาอย่างฝูอิงฝูหรงค่อย ๆ ดึงปิ่นปักผมออกจากม้วยผมของตนเอง นางยกยิ้มมองใบหน้าของตนที่สะท้อนผ่านกระจก นางก้มมองรอยแผลเป็นที่หลังมือของตน แผลนี้ทำให้นางได้รักรั่วหยางจิ้น และแผลนี้เองก็ทำให้นางมองเห็นธาตุแท้ที่อยู่ในใจคนฝูอิงยกเสื้อชุดใหม่ให้นาง แต่ชุดนั้นมันกลับขาดเป็นทางยาว ในตอนแรกนางคิดว่าพี่สาวคงไม่ทันเห็นว่าชุดนี้ขาดถึงได้มอบให้นาง นางน
บทที่ 15หลังจากสองพ่อลูกลุกไปบรรยากาศบนโต๊ะก็ไม่เหมือนเดิม ที่จริงมันไม่เหมือนเดิมตั้งแต่มีฝูอิงเข้ามาแล้ว“ท่านแม่กับหรงหรงกินกันต่อไปเถอะนะเจ้าคะ ข้าจะกลับเรือนแล้ว” ฝูอิงที่ลุกขึ้นทันทีที่สองพ่อลูกเดินไปถึงกับทำให้ฮูหยินแห่งตระกูลรั่วหายใจแรงอย่างไม่พอใจ“ท่านแม่เป็นอะไรหรือเปล่าเจ้าคะ”“ไม่เป็นอะไรหรอกหรงหรง พี่สาวเราเขาเป็นคนนิสัยอย่างไรหรือ” และทั้ง ๆ ที่คำถามนั้นเอ่ยถามออกไปเพื่อจะช่วยเหลือฝูหรงแต่หญิงสาวกลับคิดไปไกลแล้วว่าท่านแม่อาจจะคิดจัดการเรื่องค้างคาให้จบให้สิ้นสักที“ท่านพี่หรือเจ้าคะ ก็ใจดีไม่เคยแกล้งอะไรข้าเลยสักครั้ง ท่านแม่ก็รู้ว่าข้าเป็นบุตรของอ
บทที่ 14เรื่องราวระหว่างลูกสะใภ้กับพี่สาวของนางถูกเล่าให้กับแม่สามีฟังโดยสาวใช้อย่างชิงอี้“เจ้าก็จับตาดูเอาไว้ก่อนแล้วกัน น่าสงสารหรงหรงนางเป็นเด็กหัวอ่อน และพอดูจากวันนี้ฝูอิงก็เป็นสตรีที่ร้ายกาจกว่าที่เคยรู้” คนเป็นแม่อยากจะเอ่ยออกไปด้วยซ้ำว่านี่คงเป็นบุญของตระกูลรั่วขนาดไหนที่ไม่ได้ฝูอิงมาเป็นสะใภ้แต่เป็นฝูหรงแทนแม้ว่าฝูหรงจะเป็นเพียงบุตรสาวของอนุแต่กิริยาท่าทางรวมถึงความรู้หญิงสาวก็มีอย่างที่คุณหนูทั่ว ๆ ไปควรจะมี แค่นี้คนเป็นแม่ก็พอใจแล้วกลัวอย่างเดียวจะเสียรู้พี่สาวที่เจ้าเล่ห์เข้าสักวันฝูอิงก็ไม่รู้ว่าคิดอะไรอยู่ถึงได้ให้มารดาของตน อาศัยความสนิทสนมมาขออยู่ในจวนของอดีตคู่หมาย แต่เมื่อนึกถึงนิสัยที่ผ่านมาของฮูหยินตระกูลฝูแล้วก็ไม่แปลกใจเท่าไร เพราะมักจะทำอะไรขัดหูขัดตาใครต่อใค
บทที่ 13ฝูอิงไม่ได้โง่คำพูดของมารดาของรั่วหยางจิ้นนั้นหญิงสาวล้วนเข้าใจดี ยิ่งได้ยินก็ยิ่งรู้ว่าหนทางจะกลับเข้ามาเป็นสะใภ้ตระกูลนี้อีกครั้งไม่ง่าย ขนาดบิดาที่ให้กำเนิดยังโกรธที่นางหนีไปกับชายอีกคน ทางตระกูลรั่วนี้ไม่ได้เป็นอะไรกันเลยด้วยซ้ำจะไม่โกรธเลยหรือคงเป็นไปไม่ได้แต่คนอย่างฝูอิงไม่สนใจหรอก ทั้งตำแหน่งสะใภ้ ทั้งตำแหน่งฮูหยินของท่านเจ้าเมืองทุกอย่างมันเป็นที่ของนางตั้งแต่แรกอยู่แล้วจะเอาคืนก็ต้องได้ และหากไม่ได้มาง่าย ๆ ก็ต้องบังคับเอามาในเมื่อตอนนี้มันไม่เหลือหนทางให้ย้อนกลับแล้วถึงจะคิดเช่นนั้นแต่ข่าวลือที่มารดาของรั่วหยางจิ้นได้ยินมาก็ถือว่าเป็นปัญหา ฝูอิงไม่รู้หรอกว่าฮูหยินแห่งจวนตระกูลรั่วไปได้ยินข่าวอะไรมาบ้าง แต่เพียงแค่ปฏิเสธเอาไว้ใครจะทำอะไรนางได้ หญิงสาวคิดอย่างย่ามใจในเมื่อคนที่รู้เรื่องจริงก็คงมีเพียงแค่ตระกูลคหบดีของม่อซื่อที่เมืองเฉินเท่านั้น
บทที่ 12“อ้าวหรงหรง พี่ไม่เห็นเจ้าเสียหลายวันเลยนะ” ฝูหรงยิ้มรับคำทักทายของพี่สาวอย่างไม่เต็มที่นัก ที่อีกฝ่ายไม่พบเจอก็เพราะหญิงสาวหลีกเลี่ยงที่จะเจอ อีกไม่นานก็จะต้องย้ายไปจวนเจ้าเมืองแล้ว เมื่อคืนสามีก็บอกกับนางว่าไม่ต้องกังวลหรือคิดมากอะไร สงสัยสิ่งใดให้ถาม แต่นางหรือจะกล้าแต่สำหรับคนที่มาอยู่ในที่ของคนอื่น จะไม่คิดได้หรือ ด้วยเหตุนั้นจึงทำให้หญิงสาวเลือกที่จะไม่พบเจอกับพี่สาวของนางไปเลยดีที่สุด“แล้วนี่เจ้าจะไปไหนหรือ” แม้จะไม่อยากบอกแต่ออกมาขนาดนี้แล้ว “ข้าจะไปซื้อชุดใหม่เจ้าค่ะท่านพี่” ฝูหรงไม่ได้บอกออกไปหรอกว่านางจำใจต้องออกไปซื้อชุดใหม่เพราะทั้งแม่สามีและสามีอย่างรั่วหยางจิ้นบังคับนาง ด้วยคำพูดและเหตุผลท
บทที่ 11รั่วหยางจิ้นยังคงกลับมาช้าเหมือนปกติ แต่วันนี้ก่อนที่เขาจะถึงเรือนตน ฝูอิงก็เดินเข้ามาทักเขาเอาไว้เสียก่อน“ท่านพี่กลับมืดค่ำจังเลยนะเจ้าคะ” นางปั้นเสียงหวานเอ่ยทักชายหนุ่มทำเพียงแค่ปรายตามอง วันนี้เขากลับเร็วกว่าปกติและหวังว่าจะได้พูดคุยกับภรรยาไม่ได้อยากมาเสียเวลากับอดีตคู่หมายอย่างฝูอิง แต่ดูเหมือนนางจะเตรียมตัวมาอย่างดีแล้วที่จะทำให้ทุกกคนเข้าใจผิดหญิงสาวดี ๆ ที่ไหนจะแต่งตัวเช่นนี้ออกมานอกเรือนกัน เสื้อผ้าที่บางเบาน้อยชิ้น จะนอนยังไม่แต่งขนาดนี้เลยกระมัง ชายหนุ่มไม่เพียงไม่สนใจจะตอบคำถาม เขายังเดินหนีจนหญิงสาวต้องเดินตามฝูอิงตั้งใจจะล้มแล้วให้อีกฝ่ายช่วยรับ อย่างไรรั่วหยางจิ้นก็เป็นชายหนุ่มจะปฏิเสธการช่วยเหลือนางเชียวหรือ แต่สิ่งที่หญิงสาวคิดกลับผิดแผนไปหมด เมื่อตอนที่นา