บทที่ 3
ฝูหรงใช้เวลาช่วงเช้าพูดคุยกับแม่สามี มีเรื่องที่นางต้องเรียนรู้มากมาย โดยเฉพาะการดูแลเงินของจวนที่แม่สามีอย่างหลี่ชุนโหลวจะยกให้กับนางดูแล
“แม่แก่แล้วหรงหรง หากยังทำต่ออยู่ก็ไม่รู้จะมีอะไรผิดพลาดหรือไม่ ในเมื่อเจ้าแต่งเข้ามาแล้ว ก็ช่วยแม่ดูแลเถิด”
“ไม่ต้องห่วงเจ้าค่ะ ข้าจะช่วยท่านแม่จัดการเอง” เพราะจวนสกุลฝูนางก็ฝึกงานกับท่านแม่ใหญ่ในตระกูลฝูมานาน งานการหลาย ๆ อย่าง ก็เรียนรู้ไปพร้อมกับพี่สาวอย่างฝูอิง จึงทำให้ฝูหรงมีความรู้ความสามารถพอสมควร เอาเข้าจริงงานที่ท่านแม่ใหญ่มอบหมายให้นางและพี่สาวทำ เป็นนางทั้งหมดที่ทำ ท่านพี่อิงอิงแทบไม่ได้หยิบจับ หรือหากจะพูดกันตามตรงก็คือนางเองก็มีดีเท่าที่คุณหนูคนหนึ่งควรจะมี ไม่เช่นนั้นท่านพี่อิงอิงคงไม่ยอมให้นางทำงานแทนทั้งหมดเช่นนั้น หรือนางอาจจะมีดีมากกว่าคุณหนูเล่านั้นตรงที่นางจะขยันและอดทนมากกว่าด้วย เพราะคงไม่มีคุณหนูตระกูลใดต้องตักน้ำอย่างที่นางเคยทำ แม้แต่ผ่าฟืนนางก็เคยทำมาแล้ว ทุกอย่างฝูหรงล้วนทำเป็นทั้งหมดทั้งสิ้น +
นั่นจึงทำให้เพียงเริ่มหยิบจับอะไร แม่สามีก็เอ็นดูจนติดเรียกชื่อนางไม่ขาดปาก ไม่ว่าอะไรก็ หรงหรง
“ท่านพี่ลองชิมอันนี้ดูสิเจ้าคะ หรงหรงเป็นคนทำ น้องว่ารสชาติดีทีเดียว”
แม้หัวหน้าตระกูลอย่างรั่วเจิ้นหวินจะไม่เอ่ยอะไร แต่การรับไปกินโดยไม่มีคำบ่นนั่นก็ถือเป็นคำชมแล้ว และถ้วยที่ว่างเปล่าของสามีที่หญิงสาวเติมน้ำแกงให้เป็นรอบที่สองก็เป็นการบ่งบอกเหมือนกันว่ารั่วหยางจิ้นก็ชื่นชอบสิ่งนี้ไม่น้อย
หลังจากอยู่ในจวนตระกูลรั่วมาเกือบเจ็ดวันก็ทำให้ฝูหรงรู้ว่าบุรุษบ้านนี้เก็บปากเก็บคำไม่ค่อยพูดจา ไม่เหมือนกับแม่สามีของนางที่เอ่ยวาจาอ่อนหวานเอาใจสามีและบุตรชายเสมอ แม้ว่าทั้งสองจะเงียบเฉยใส่ แต่แม่สามีของฝูหรงก็บอกว่าถ้าไม่บ่นออกมาก็คือดีหญิงสาวจึงเริ่มใจชื้นขึ้นบ้าง
เพราะตั้งแต่เข้ามาที่นี่รั่วหยางจิ้นยังไม่เคยบ่นว่าอะไรนางเลยสักครั้ง เขาและนางใช้ชีวิตราวกับสามีภรรยากันจริง ๆ ทำให้ฝูหรงยิ่งรู้สึกดีกับสามีของนางมากขึ้นไปอีก และหลังจากที่นางคลายความกังวลลงบ้างแล้วสามีก็เริ่มเข้าหามากขึ้น
“ทายาทก็เป็นสิ่งสำคัญไม่เช่นนั้นคงไม่มีสัญญาหมั้นหมายเกิดขึ้นหรอก”
ฝูหรงยังจำได้ดีว่าตอนที่นางได้ยินคำนี้ครั้งแรกนางรู้สึกเขินอายมากแค่ไหน แต่เพราะใจที่เป็นของอีกฝ่ายอยู่แล้ว รวมถึงความอ่อนโยนที่เย็นชานั่นก็ทำให้ตกลงไปในบ่วงรักของอีกคนมากขึ้นไปอีก
นางเพิ่งเข้าใจความหมายจริง ๆ ของคำพูดในคืนวันแต่งของชายหนุ่มก็เมื่อได้ร่วมหอกับเขาจริง ๆ รั่วหยางจิ้นไม่ได้สนใจเลยว่าสตรีที่เขาเข้าพิธีมงคลหรือร่วมหอกับเขาจะเป็นใคร ชายหนุ่มล้วนคิดเพียงแค่หน้าที่เท่านั้น นั่นก็หมายความว่า บางทีต่อให้คนที่นั่งอยู่บนเตียงในวันเข้าหอเป็นพี่สาวของนาง ก็อาจจะได้รับคำพูดที่ไม่ต่างกันนัก
ฉะนั้นแม้จะสุขใจที่ได้อยู่ในอ้อมกอดของเขา แต่ก็เป็นความสุขที่แอบจุกและเจ็บอยู่บ้าง แต่เพราะตอนนี้นางเป็นภรรยาของรั่วหยางจิ้นแล้วจึงไม่ได้คิดอะไรมาก
กลางวันจัดการเรื่องในเรือน มันง่ายเสียยิ่งกว่ายามที่นางอยู่ที่จวนตระกูลฝูเสียอีก เพราะไม่ว่าจะทำอะไรก็มีคนคอยช่วยเหลือ แม่สามีก็ไม่คัดค้านอะไรสักอย่างทั้งยังเอ่ยปากชมไม่ขาดปากอยู่เสมอ ๆ
“มีหรงหรงแล้วแม่ก็วางใจจริง ๆ สาวใช้ทำงานได้เรียบร้อยยิ่งกว่าตอนที่แม่ดูแลอยู่อีก”
หญิงสาวที่ได้รับคำชมนางยิ้มอย่างเขินอาย เพราะไม่ว่าทำดีเท่าไรก็ไม่เคยได้ยินคำชมจากปากท่านแม่ใหญ่เลยสักครั้ง มารดาของนางเองก็ก้มหน้าก้มตาทำงานในจวนตามคำสั่งของฮูหยินเอก
“ท่านแม่ก็พูดเกินไปเจ้าค่ะ ข้าก็แค่ทำตามหน้าที่เท่านั้น”
“เจ้านี่นะถ่อมตัวจริง ๆ อ่อนน้อมน่ะดี แต่ให้คนเอาเปรียบไม่ดีรู้หรือไม่ อะไรที่ทำได้ดีเมื่อมีคนชมก็รับเอาไว้เถอะ”
ฝูหรงยิ้มอย่างตื้นตันให้กับแม่สามี นางรู้สึกราวกับสิ่งที่ดีที่สุดที่บิดาเคยทำให้นางคือการที่ให้นางแต่งออกมาแทนท่านพี่จริง ๆ หรือนางควรขอบคุณท่านพี่อิงอิงที่หายไป
เพราะหากไม่เป็นอย่างนั้น ชาตินี้ก็ไม่รู้ว่านางจะเจอครอบครัวสามี และสามีที่ดีขนาดนี้หรือไม่ แม้ว่ารั่วหยางจิ้นจะพูดจากับนางน้อยนัก แต่เพราะแม่สามีบอกเอาไว้แล้วว่าท่านพ่อและสามีของนางนั้น เหมือนน้ำนิ่งไหลลึก แม้จะคิดอะไรอยู่ในใจมากมาย แต่กลับกระทำเพียงน้อย และพูดเพียงแค่จำเป็นเท่านั้น หากเข้าใจก็จะมีความสุขได้ แต่ถ้าไม่เข้าใจก็จะคิดว่าชายหนุ่มนั้นเย็นชาและไม่สนใจใส่ใจ ซึ่งคำของท่านแม่ ฝูหรงก็พยายามจดจำเอาไว้เสมอ
“ท่านพี่วันนี้ข้าตุ๋นน้ำแกงเอาไว้ให้ท่านดื่มก่อนนอนด้วยนะเจ้าคะ”
หญิงสาวช้อนสายตามองคนที่นางกำลังช่วยเขาถอดชุดออก เสียงครางรับเบา ๆ ในลำคอเป็นการบ่งบอกให้รู้ว่าชายหนุ่มนั้นรับรู้แล้ว แต่ระหว่างที่ฝูหรงจะเดินไปจัดเตรียมที่นอนให้กับสามีก็ถูกรั้งตัวเอาไว้ จมูกของชายหนุ่มผ่านแก้มเนียนไปราวกับแมลงปอบินผ่าน
“เครื่องหอมของเจ้า ทำเป็นถุงหอมให้ข้าได้หรือไม่”
“แต่ข้าไม่ได้ใช้เครื่องหอมใด ๆ เลยนะเจ้าคะ”
คำของหญิงสาวเรียกสายตาคมให้หันมามองและนั่นก็ยิ่งทำให้หัวใจของฝูหรงเต้นไม่เป็นส่ำ
“แล้วต้องทำเช่นไรถึงจะมีกลิ่นเช่นนี้เล่า”
เขาเอ่ยคำที่ไม่ได้ฟังดูแปลกอะไรเลย แต่ยามนี้กลับทำให้ฝูหรงเกือบจะหายใจไม่ออกตายอยู่แล้ว
ฝูหรงยิ้มเอียงอายแล้วก้มหน้าลงเล็กน้อย รู้สึกถึงความร้อนที่ไหลวนอยู่ในแก้มของตน “บางทีอาจเป็นเพราะกลิ่นดอกไม้ที่ข้าใช้อาบน้ำก็ได้เจ้าค่ะ”
รั่วหยางจิ้นยิ้มอ่อนก่อนจะพลิกฝ่ามือบางแล้ววางตลับยาตลับเล็กลงบนฝ่ามือนั่น ฝ่ามือของนางเล็กนิดเดียว แต่กลับหยาบกร้านยิ่งกว่าเขาเสียอีก ทำไมเขาจะไม่รู้ว่าภรรยาของเขา เดิมอยู่ที่จวนสกุลฝูเช่นไร
"ถ้าเช่นนั้นเจ้าก็ทำถุงหอมจากดอกไม้ที่ว่านั่นให้ข้าด้วยนะ ส่วนนั่นทาทุกวันอย่าให้ขาด คนขายร้านเครื่องประทินผิวบอกว่าตัวยาในตลับตัวนี้ดีที่สุด"
หลังจากจัดที่นอนเสร็จ ฝูหรงเดินไปที่ครัวเพื่อนำน้ำแกงที่ตุ๋นไว้มาให้สามี ความรู้สึกอบอุ่นของน้ำแกงในมือเทียบไม่ได้เลยกับความอบอุ่นที่เกิดขึ้นในใจนาง เป็นแรงผลักดันให้นางอยากดูแลเขาให้ดีที่สุด แม้ในใจนางรู้สึกว่า แม้รั่วหยางจิ้นจะไม่ใช่คนที่แสดงความรักออกมาอย่างชัดเจน แต่การกระทำเล็ก ๆ น้อย ๆ ของเขาก็เพียงพอให้นางรู้สึกถึงความรักและความเอาใจใส่ที่เขามีต่อนาง แม้จะไม่มีคำบอกรักหรือรู้สึกเช่นไรกับนางเลยสักคำก็ตาม
นางทำดีกับเขาถึงเพียงนี้ เขาย่อมต้องเอนเอียงมาหานางบ้างใช่หรือไม่
ในคืนที่เงียบสงบนี้ ฝูหรงนั่งมองสามีของนางที่ดื่มน้ำแกงอย่างตั้งใจ ในใจนางรู้สึกอบอุ่นและปลอดภัย และรู้ว่าการตัดสินใจของบิดาที่ให้นางแต่งงานกับรั่วหยางจิ้นแทนพี่สาวนั้นเป็นสิ่งที่ดีที่สุดที่เกิดขึ้นในชีวิตของนางตั้งแต่เกิดมา ทั้งสองคนอาจจะยังค่อย ๆ เรียนรู้และปรับตัวเข้าหากัน แต่ฝูหรงก็รู้ว่าพวกเขาจะผ่านทุกอุปสรรคไปด้วยกัน เยี่ยงสามีภรรยาคู่อื่น ๆ
เมื่อรั่วหยางจิ้นดื่มน้ำแกงเสร็จ เขาหันมายิ้มให้ภรรยาของตน "ขอบใจเจ้ามากหรงหรง น้ำแกงนี้อร่อยมาก ข้าจะนอนแล้ว เจ้าเองก็นอนพักผ่อนเสียด้วย"
ฝูหรงยิ้มและกล่าวขอบคุณสามีกลับไปในความเป็นห่วงเป็นใยที่เขาเอ่ย ก่อนที่จะไปเตรียมตัวนอนเคียงข้างเขาเช่นทุกวัน ความสุขและความพอใจที่นางรู้สึกในวันนี้ทำให้นางหลับไปด้วยรอยยิ้มที่อบอุ่น มั่นใจว่าพรุ่งนี้จะเป็นอีกวันที่ดีในชีวิตใหม่ของนางที่จวนตระกูลรั่ว
บทที่ 4ฝูหรงมองสามีที่อ่านหนังสืออยู่ไกล ๆ นางคิดเสมอว่าเขาเฉยชาเพราะแรกเริ่มนางไม่ใช่คนที่เขารัก แต่ก็นึกไม่ออกว่าคนเช่นนี้จะรักใครได้ เมื่อนึกย้อนกลับไปนางก็เคยเห็นเขาแสดงท่าทางเช่นนี้กับท่านพี่ของนางอยู่บ้าง แม้เขาจะมีความเย็นชานิ่งเฉย แต่ท่านพี่อิงอิงของนางก็บอกว่ารั่วหยางจิ้นเป็นชายหนุ่มที่เหมาะสมกับนาง ฐานะเท่าเทียมกัน ฝูหรงก็เห็นด้วย บุตรสาวจากตระกูลบัณฑิตและเขาที่เป็นบัณฑิตหนุ่มย่อมเหมาะสมกัน นางเองถึงแม้จะเป็นบุตรสาวของท่านพ่อเช่นเดียวกันแต่นางเป็นเพียงบุตรสาวของอนุ หากนางเหมาะสมกับรั่วหยางจิ้นบิดาของนางคงหมั้นหมายนางกับเขาแล้ว ไม่ใช่กับพี่สาวของนางแต่ท่าทางที่ดูคล้ายจะคุกคามในบางทีของสามีที่เข้าใกล้นางถึงเนื้อถึงตัวทุกครั้งยามอยู่กันเพียงลำพังก็ทำให้ดวงใจของหญิงสาวสั่นไหว ถึงกระนั้นทุกอย่างก็กลับเป็นปกติอย่างรวดเร็ว ราวกับเมื่อครู่เขาไม่ได้ทำสิ่งใดเหมือนดั่งเช่นวันก่อนที่เจ้าตัวอยากได้ถุงหอมกลิ่นที่คล้ายกับกลิ่นตัวของนาง ฝูหรงไม่เคยใช้เครื่องหอมจริง ๆ จัง ๆ แต่พอมานั่งคิดดู ไม่ว่าจะเสื้อผ้าที่อบกำยาน หรือวิธีการผสมน้ำซักผ้าของนางก็ล้วนทำให้เกิดกลิ่นเฉพาะตัวขึ้นมาได้ สุดท
บทนำท่ามกลางบรรยากาศอันหรูหราและยิ่งใหญ่ ณ จวนแห่งหนึ่งในเมืองหลวง สถานที่ถูกประดับด้วยผ้าไหมสีแดงสดและดอกไม้ที่บานสะพรั่ง กลิ่นหอมของดอกไม้และเครื่องหอมลอยคลุ้งในอากาศ โคมไฟสีแดงถูกแขวนอยู่ทุกมุม ทุกสิ่งทุกอย่างดูงดงามอลังการสมกับเป็นงานแต่งของบุตรสาวในตระกูลบัณฑิตใหญ่มีชื่อเสียงอย่าง หัวหน้าราชบัณฑิตฝูหยางฝูหรง หญิงสาวผู้งามสง่าในชุดเจ้าสาวสีแดงเลือดนกประดับด้วยลวดลายปักที่ละเอียดอ่อน มือของนางกำลังถือพัดที่ปิดหน้าครึ่งหนึ่ง เผยให้เห็นดวงตาที่สดใสและแฝงด้วยความมุ่งมั่น ในขณะที่นางก้าวเดินเข้าไปในห้องโถงใหญ่ ใจของนางเต้นระรัวทั้งด้วยความตื่นเต้นและความกลัวแม้วันนี้เป็นวันที่หญิงสาวในชุดมงคลควรจะดีใจ แต่มันก็มีความกังวลใจอยู่ลึก ๆ เพราะแท้จริงแล้วนางมิใช่คนที่ต้องแต่งงานในวันนี้ ข้าหวังว่าท่านพี่อิงอิงจะไม่โกรธข้าที่ต้องเข้าพิธีแทนนางบรรยากาศทุกสิ่งทุกอย่างดูพร้อมสำหรับพิธีแต่งงานที่กำลังจะเกิดขึ้น ผ้าไหมสีแดงถูกแขวนประดับตามทางเดินและกำแพง ลวดลายสีทองที่ประดับอยู่บนผ้าไหมสะท้อนแสงไฟจากโคมไฟที่ห้อยจากเพดาน ทำให้ทั้งห้องโถงดูเปล่งประกายยามรุ่งสางของวันนี้ฝูหรงรีบลุกจากเตียงตั้งแต
บทที่ 1แม้จะกระวนกระวายใจที่ถูกจับขึ้นเกี้ยวอย่างไม่ทันได้ตั้งตัวแทนพี่สาวที่หายตัวไปทิ้งเอาไว้เพียงแค่จดหมายด้วยเหตุผลแปลกประหลาด `ข้าจะไปอยู่กับชายที่ข้ารัก ไม่ต้องเป็นห่วงข้า ชีวิตข้ายอมดีกว่าแต่งให้รั่วหยางจิ้น` ในเมืองหลวงยามนี้ชายหนุ่มรุ่นเดียวกันมีผู้ใดมีอนาคตสดใสเกินกว่าคุณชายรั่วด้วยงั้นหรือ คนที่เป็นอันดับหนึ่งของสถานศึกษาหลวง แม้จะกังขาในการหายตัวไปของพี่สาว แต่ในความรู้สึกต่าง ๆ นั้นก็แอบมีความยินดีอยู่ส่วนหนึ่งจนฝูหรงอดไม่ได้ที่จะรู้สึกรังเกียจตัวเอง เพราะแท้จริงแล้วการแต่งงานครั้งนี้ แม้จะถูกบังคับร้องขอให้เข้าพิธีแทนพี่สาว แต่ตัวของนางเองนั้นก็ไม่ได้รังเกียจคนที่จะต้องเข้าพิธีด้วย เพราะว่าหญิงสาวแอบหลงรักคู่หมั้นของพี่สาวมานานแล้วตั้งแต่จำความได้ฝูหรงเป็นรองพี่สาวต่างมารดามาตลอดในทุกสิ่งและทุกอย่าง คงเป็นเพราะมารดาของนางเป็นเพียงหญิงชาวบ้านธรรมดาที่แต่งเข้ามาเป็นได้เพียงอนุก็เท่านั้นแต่ฝูหรงก็ยังนึกยินดีที่พี่สาวต่างมารดาของนางอย่างฝูอิงไม่ได้ดูแคลนนางนัก อีกฝ่ายเป็นหญิงสาวที่ดูใจดี ทั้งยังเอ็นดูนางไม่ต่างจากน้องสาวแท้ ๆ นางเลยเต็มใจดูแลพี่สาวราวกับเป็นสาวใช้คนสนิ
บทที่ 2และถึงแม้คำพูดก่อนหน้านั้นจะทำให้บรรยากาศแรกเริ่มไม่ดีสักเท่าไร แต่ก็คงเป็นอย่างที่รั่วหยางจิ้นว่าเขาทำตัวเป็นสามีที่ดี ชายหนุ่มประคองหญิงสาวที่ได้ชื่อว่าภรรยาไปยังโต๊ะน้ำชากลางห้องก่อนจะค่อย ๆ รินสุราลงในจอก“ให้ข้าเป็นคนทำเถอะเจ้าค่ะ” หญิงสาวจะแย่งมาทำแต่ชายหนุ่มกลับห้ามเอาไว้ “ตัวสั่นเป็นลูกนกตกจากรังขนาดนั้นแล้วแค่อยู่เฉย ๆ ให้เสร็จพิธีไปเถอะ” น้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความเอ็นดูปนขบขันถูกเปล่งออกมาจากริมฝีปากหนาจนหัวคิ้วเรียวขมวดสงสัย นางเคยได้ยินเขาเอ่ยน้ำเสียงเช่นนี้กับนางเมื่อใดกัน อ้อ ก่อนที่เขาจะหมั้นหมายกับพี่สาวของนางฝูหรงเฝ้ามองทุกการกระทำของชายหนุ่มตรงหน้า ยิ่งมาเห็นใกล้ ๆ เช่นนี้ยิ่งทำให้รู้ว่านางหลงรักเขามากกว่าที่ตัวนางจะคาดคิดไม่นานนักจอกสุราก็ถูกส่งมาตรงหน้า หญิงสาวรับเอาไว้และเตรียมจะยกมันขึ้นดื่ม แต่แขนเรียวกลับถูกดึงไปคล้องเอาไว้ ฝูหรงมองชายหนุ่มที่คล้องแขนนางเอาไว้แล้วดื่มสุราด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยคำถาม นางคิดว่าเขาจะดื่มเพียงแค่ให้สาวใช้ที่มาเก็บเห็นว่าสุราหมดไปก็เท่านั้น ไม่นึกว่าเขาจะทำทุกอย่างอย่างที่ควรจะทำจริง ๆ“จะจ้องข้าอีกนานหรือไม่ ไม่ดื่มสุรามง
บทที่ 4ฝูหรงมองสามีที่อ่านหนังสืออยู่ไกล ๆ นางคิดเสมอว่าเขาเฉยชาเพราะแรกเริ่มนางไม่ใช่คนที่เขารัก แต่ก็นึกไม่ออกว่าคนเช่นนี้จะรักใครได้ เมื่อนึกย้อนกลับไปนางก็เคยเห็นเขาแสดงท่าทางเช่นนี้กับท่านพี่ของนางอยู่บ้าง แม้เขาจะมีความเย็นชานิ่งเฉย แต่ท่านพี่อิงอิงของนางก็บอกว่ารั่วหยางจิ้นเป็นชายหนุ่มที่เหมาะสมกับนาง ฐานะเท่าเทียมกัน ฝูหรงก็เห็นด้วย บุตรสาวจากตระกูลบัณฑิตและเขาที่เป็นบัณฑิตหนุ่มย่อมเหมาะสมกัน นางเองถึงแม้จะเป็นบุตรสาวของท่านพ่อเช่นเดียวกันแต่นางเป็นเพียงบุตรสาวของอนุ หากนางเหมาะสมกับรั่วหยางจิ้นบิดาของนางคงหมั้นหมายนางกับเขาแล้ว ไม่ใช่กับพี่สาวของนางแต่ท่าทางที่ดูคล้ายจะคุกคามในบางทีของสามีที่เข้าใกล้นางถึงเนื้อถึงตัวทุกครั้งยามอยู่กันเพียงลำพังก็ทำให้ดวงใจของหญิงสาวสั่นไหว ถึงกระนั้นทุกอย่างก็กลับเป็นปกติอย่างรวดเร็ว ราวกับเมื่อครู่เขาไม่ได้ทำสิ่งใดเหมือนดั่งเช่นวันก่อนที่เจ้าตัวอยากได้ถุงหอมกลิ่นที่คล้ายกับกลิ่นตัวของนาง ฝูหรงไม่เคยใช้เครื่องหอมจริง ๆ จัง ๆ แต่พอมานั่งคิดดู ไม่ว่าจะเสื้อผ้าที่อบกำยาน หรือวิธีการผสมน้ำซักผ้าของนางก็ล้วนทำให้เกิดกลิ่นเฉพาะตัวขึ้นมาได้ สุดท
บทที่ 3ฝูหรงใช้เวลาช่วงเช้าพูดคุยกับแม่สามี มีเรื่องที่นางต้องเรียนรู้มากมาย โดยเฉพาะการดูแลเงินของจวนที่แม่สามีอย่างหลี่ชุนโหลวจะยกให้กับนางดูแล“แม่แก่แล้วหรงหรง หากยังทำต่ออยู่ก็ไม่รู้จะมีอะไรผิดพลาดหรือไม่ ในเมื่อเจ้าแต่งเข้ามาแล้ว ก็ช่วยแม่ดูแลเถิด”“ไม่ต้องห่วงเจ้าค่ะ ข้าจะช่วยท่านแม่จัดการเอง” เพราะจวนสกุลฝูนางก็ฝึกงานกับท่านแม่ใหญ่ในตระกูลฝูมานาน งานการหลาย ๆ อย่าง ก็เรียนรู้ไปพร้อมกับพี่สาวอย่างฝูอิง จึงทำให้ฝูหรงมีความรู้ความสามารถพอสมควร เอาเข้าจริงงานที่ท่านแม่ใหญ่มอบหมายให้นางและพี่สาวทำ เป็นนางทั้งหมดที่ทำ ท่านพี่อิงอิงแทบไม่ได้หยิบจับ หรือหากจะพูดกันตามตรงก็คือนางเองก็มีดีเท่าที่คุณหนูคนหนึ่งควรจะมี ไม่เช่นนั้นท่านพี่อิงอิงคงไม่ยอมให้นางทำงานแทนทั้งหมดเช่นนั้น หรือนางอาจจะมีดีมากกว่าคุณหนูเล่านั้นตรงที่นางจะขยันและอดทนมากกว่าด้วย เพราะคงไม่มีคุณหนูตระกูลใดต้องตักน้ำอย่างที่นางเคยทำ แม้แต่ผ่าฟืนนางก็เคยทำมาแล้ว ทุกอย่างฝูหรงล้วนทำเป็นทั้งหมดทั้งสิ้น +นั่นจึงทำให้เพียงเริ่มหยิบจับอะไร แม่สามีก็เอ็นดูจนติดเรียกชื่อนางไม่ขาดปาก ไม่ว่าอะไรก็ หรงหรง“ท่านพี่ลองชิมอันนี้ดูสิ
บทที่ 2และถึงแม้คำพูดก่อนหน้านั้นจะทำให้บรรยากาศแรกเริ่มไม่ดีสักเท่าไร แต่ก็คงเป็นอย่างที่รั่วหยางจิ้นว่าเขาทำตัวเป็นสามีที่ดี ชายหนุ่มประคองหญิงสาวที่ได้ชื่อว่าภรรยาไปยังโต๊ะน้ำชากลางห้องก่อนจะค่อย ๆ รินสุราลงในจอก“ให้ข้าเป็นคนทำเถอะเจ้าค่ะ” หญิงสาวจะแย่งมาทำแต่ชายหนุ่มกลับห้ามเอาไว้ “ตัวสั่นเป็นลูกนกตกจากรังขนาดนั้นแล้วแค่อยู่เฉย ๆ ให้เสร็จพิธีไปเถอะ” น้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความเอ็นดูปนขบขันถูกเปล่งออกมาจากริมฝีปากหนาจนหัวคิ้วเรียวขมวดสงสัย นางเคยได้ยินเขาเอ่ยน้ำเสียงเช่นนี้กับนางเมื่อใดกัน อ้อ ก่อนที่เขาจะหมั้นหมายกับพี่สาวของนางฝูหรงเฝ้ามองทุกการกระทำของชายหนุ่มตรงหน้า ยิ่งมาเห็นใกล้ ๆ เช่นนี้ยิ่งทำให้รู้ว่านางหลงรักเขามากกว่าที่ตัวนางจะคาดคิดไม่นานนักจอกสุราก็ถูกส่งมาตรงหน้า หญิงสาวรับเอาไว้และเตรียมจะยกมันขึ้นดื่ม แต่แขนเรียวกลับถูกดึงไปคล้องเอาไว้ ฝูหรงมองชายหนุ่มที่คล้องแขนนางเอาไว้แล้วดื่มสุราด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยคำถาม นางคิดว่าเขาจะดื่มเพียงแค่ให้สาวใช้ที่มาเก็บเห็นว่าสุราหมดไปก็เท่านั้น ไม่นึกว่าเขาจะทำทุกอย่างอย่างที่ควรจะทำจริง ๆ“จะจ้องข้าอีกนานหรือไม่ ไม่ดื่มสุรามง
บทที่ 1แม้จะกระวนกระวายใจที่ถูกจับขึ้นเกี้ยวอย่างไม่ทันได้ตั้งตัวแทนพี่สาวที่หายตัวไปทิ้งเอาไว้เพียงแค่จดหมายด้วยเหตุผลแปลกประหลาด `ข้าจะไปอยู่กับชายที่ข้ารัก ไม่ต้องเป็นห่วงข้า ชีวิตข้ายอมดีกว่าแต่งให้รั่วหยางจิ้น` ในเมืองหลวงยามนี้ชายหนุ่มรุ่นเดียวกันมีผู้ใดมีอนาคตสดใสเกินกว่าคุณชายรั่วด้วยงั้นหรือ คนที่เป็นอันดับหนึ่งของสถานศึกษาหลวง แม้จะกังขาในการหายตัวไปของพี่สาว แต่ในความรู้สึกต่าง ๆ นั้นก็แอบมีความยินดีอยู่ส่วนหนึ่งจนฝูหรงอดไม่ได้ที่จะรู้สึกรังเกียจตัวเอง เพราะแท้จริงแล้วการแต่งงานครั้งนี้ แม้จะถูกบังคับร้องขอให้เข้าพิธีแทนพี่สาว แต่ตัวของนางเองนั้นก็ไม่ได้รังเกียจคนที่จะต้องเข้าพิธีด้วย เพราะว่าหญิงสาวแอบหลงรักคู่หมั้นของพี่สาวมานานแล้วตั้งแต่จำความได้ฝูหรงเป็นรองพี่สาวต่างมารดามาตลอดในทุกสิ่งและทุกอย่าง คงเป็นเพราะมารดาของนางเป็นเพียงหญิงชาวบ้านธรรมดาที่แต่งเข้ามาเป็นได้เพียงอนุก็เท่านั้นแต่ฝูหรงก็ยังนึกยินดีที่พี่สาวต่างมารดาของนางอย่างฝูอิงไม่ได้ดูแคลนนางนัก อีกฝ่ายเป็นหญิงสาวที่ดูใจดี ทั้งยังเอ็นดูนางไม่ต่างจากน้องสาวแท้ ๆ นางเลยเต็มใจดูแลพี่สาวราวกับเป็นสาวใช้คนสนิ
บทนำท่ามกลางบรรยากาศอันหรูหราและยิ่งใหญ่ ณ จวนแห่งหนึ่งในเมืองหลวง สถานที่ถูกประดับด้วยผ้าไหมสีแดงสดและดอกไม้ที่บานสะพรั่ง กลิ่นหอมของดอกไม้และเครื่องหอมลอยคลุ้งในอากาศ โคมไฟสีแดงถูกแขวนอยู่ทุกมุม ทุกสิ่งทุกอย่างดูงดงามอลังการสมกับเป็นงานแต่งของบุตรสาวในตระกูลบัณฑิตใหญ่มีชื่อเสียงอย่าง หัวหน้าราชบัณฑิตฝูหยางฝูหรง หญิงสาวผู้งามสง่าในชุดเจ้าสาวสีแดงเลือดนกประดับด้วยลวดลายปักที่ละเอียดอ่อน มือของนางกำลังถือพัดที่ปิดหน้าครึ่งหนึ่ง เผยให้เห็นดวงตาที่สดใสและแฝงด้วยความมุ่งมั่น ในขณะที่นางก้าวเดินเข้าไปในห้องโถงใหญ่ ใจของนางเต้นระรัวทั้งด้วยความตื่นเต้นและความกลัวแม้วันนี้เป็นวันที่หญิงสาวในชุดมงคลควรจะดีใจ แต่มันก็มีความกังวลใจอยู่ลึก ๆ เพราะแท้จริงแล้วนางมิใช่คนที่ต้องแต่งงานในวันนี้ ข้าหวังว่าท่านพี่อิงอิงจะไม่โกรธข้าที่ต้องเข้าพิธีแทนนางบรรยากาศทุกสิ่งทุกอย่างดูพร้อมสำหรับพิธีแต่งงานที่กำลังจะเกิดขึ้น ผ้าไหมสีแดงถูกแขวนประดับตามทางเดินและกำแพง ลวดลายสีทองที่ประดับอยู่บนผ้าไหมสะท้อนแสงไฟจากโคมไฟที่ห้อยจากเพดาน ทำให้ทั้งห้องโถงดูเปล่งประกายยามรุ่งสางของวันนี้ฝูหรงรีบลุกจากเตียงตั้งแต