วันแต่งงานของแม่ทัพไป๋เฟยหลง เขาที่ยังมึนๆจากการดื่มเหล้าอย่างหนักมาเมื่อคืนนี้ เพราะในอกใจของเขามันแสนจะอึดอัดเหลือเกิน เขาคิดว่าเขาเป็นบุรุษที่โชคร้ายยิ่งนัก เพิ่งพลาดรักจากคุณหนูเจียเหลียนฮวาน้องสาวของสหายสนิทที่เขาแอบมีใจให้นางมาหลายปี จนนางถอนหมั้นเขาก็มีความหวังขึ้นมาอีกครั้ง
แต่เมื่อนางหวนกลับไปแต่งงานกับอดีตคู่หมั้นของนางเขาจึงช้ำรักจากนางเป็นครั้งที่สอง ยังไม่ทันได้ตั้งตัวก็ได้รับสมรสพระราชทานกับองค์หญิงที่ตัวอ้วนใหญ่เหลือเกินตัวของนางใหญ่กว่าเขาเกือบสามเท่า แม่ทัพหนุ่มที่หล่อเหลาและรูปร่างสูงสง่าองอาจเช่นเขา กลับจะต้องมามีเมียที่ตัวอ้วนใหญ่เช่นนาง แม้จะมีศักดิ์สูงเป็นถึงองค์หญิงหนึ่งเดียวของราชวงศ์ แต่เขาก็มิได้สนใจในอำนาจ เพราะเขาก็แสวงหามันได้ด้วยตนเองอยู่แล้ว แต่เรื่องความรัก เขากลับไม่มีวาสนาเรื่องนี้เลย
วันแต่งงานเขาไปรับเจ้าสาวที่ขึ้นเกี้ยวขนาดใหญ่กว่าเจ้าสาวทั่วไปเข้้าจวนมาด้วยใบหน้าเฉยชา ดวงตาก็ว่างเปล่าแทบจะไม่รู้สึกยินดียินร้าย เหล่าสหายก็จ้องมองเขาอย่างปลอบใจ แต่ก็ไม่มีใครช่วยอะไรได้ เมื่อเกี้ยวเจ้าสาวแปดคนหามมาถึงหน้าจวนแม่ทัพ นางกำนัลที่ติดตามเจ้าหญิงร่างใหญ่ผู้นั้นก็ลงมาช่วยประคองนางลงจากเกี้ยวถึงสองคนที่ช่วยกันพยุงร่างอ้วนใหญ่ในชุดเจ้าสาวแม้ชุดนั้นจะตัดเย็บอย่างปราณีตงดงามเพียงใด แต่ก็ไม่ทำให้นางกลายเป็นเจ้าสาวที่งดงามมขึ้นมาได้ ใบหน้าอวบอ้วนจนคางปลิ้นนั้น แม้จะได้รับการตกแต่งมานวลเนียนและดูจะงดงามอวบอิ่มอยู่บ้าง แต่มันก็ช่วยอะไรไม่ได้มากนักเมื่อมองดูรูปร่างที่เดินอย่างอืดอาดเชื่องช้านั้นเพราะนางมีน้ำหนักตัวค่อนข้างมาก
เจ้าบ่าวเช่นเขาก็ไม่มีกระจิตกระใจจะช่วยพยุงเจ้าสาวของตนเองเข้าไปในจวนเพื่อทำพิธีไหว้ทั้งสี่เลยด้วยซ้ำ เขาได้แต่มองนางกำนัลสองคนนั่นช่วยกันพยุงองค์หญิงเดินเข้าไปในโถงพิธีและเขาก็เดินตามไปช้าๆ มิได้พยายามแสดงออกสิ่งใดเพื่อเป็นการแสดงว่าเขารักใคร่ และถนุถนอมนางเลย เขามิอยากจะฝืนใจตนเอง แค่เพียงเขายอมสวมชุดเจ้าบ่าวมาเข้าพิธีนี่ก็ดีถมไปแล้ว
ร่างหนาของเจ้าบ่าวที่เดินตามเจ้าสาวไปยืนที่หน้าแทนพิธี เขาชำเลืองมองนางเล็กน้อย เห็นดวงตาเล็กยิบหยีที่ประดับอยู่ในใบหน้าอวบอูมนั้นก็แอบลอบมองเขา นางพยายามจะยิ้มให้เขา แต่เขาก็เมินหน้าหนีนางแล้วมองตรงไปด้านหน้าที่ไม่ต้องเห็นใบหน้าของหญิงอ้วนที่หลงรักเขาจนหน้าไม่อายผู้นี้ เขาทำใจไม่ได้จริงๆ เรื่องอื่นเขาอาจจะยอมได้บ้าง แต่เรื่องบังคับจิตใจกันให้รักหญิงที่เขามิเคยคิดจะมองนางเลยด้วยซ้ำไปนี่เขาบังคับหัวใจตนเองไม่ได้จริงๆ
แม่ทัพหนุ่มทำตามเสียงที่กำกับระหว่างทำพิธีไหว้ทั้งสี่อย่างซังกะตาย เขาทำเพียงให้พิธีแต่งงานที่เขาไม่เต็มใจเลยนี้ให้มันจบๆกันไป จนเมื่อเสร็จสิ้นพิธีการที่อยู่ในสายตาของทั้งฮ่องเต้ฮองเฮาและเหล่าราชวงศ์ที่พากันมาจนแทบจะครบ ยิ่งโดยเฉพาะเหล่าองค์ชายพี่ชายของนางที่จ้องมองเขาอย่างคาดคั้น เหมือนบังคับเขาด้วยสายตาให้ทำดีต่อนางให้มากๆ จ้องเขาแทบจะสะกดเขาและเหมือนข่มขวัญเขาอยู่ในที ที่จริงแล้วแม่ทัพหนุ่มมิใช่คนอ่อนแอที่จะเกรงกลัวสายตาของเหล่าองค์ชายพวกนั้น เขาก็แค่เกรงใจฮองเต้และฮองเฮาเพียงเท่านัั้น แม้ไม่รักนางเลย ไม่ได้อยากได้เป็นฮูหยินเลย แต่ก็จะปฏิบัติกับนางเช่นฮูหยินในนามของเขา แต่คงจะรักนางเช่นคู่ผัวเมียอื่นไม่ลงเป็นอันขาด
เมื่อเสร็จสิ้นพิธีการต่างๆ ทั้งฮองเต้และฮองเฮาก็เสด็จกลับทันที เหลือเหล่าองค์ชายที่พามารุมล้อมโอบกอดองค์หญิงน้องสุดท้องของพวกเขาอย่างรักใคร่และเป็นห่วงเป็นใยเหลือแสน แม้ขณะนี้นางจะออกเรือนแล้ว “ แม่ทัพไป๋ พวกเราฝากน้องสาวที่เรารักและห่วงใยนางมากผู้นี้ไว้กับท่านแล้ว หวังว่าท่านจะรักและดูแลนางเป็นอย่างดี อย่าทำให้นางต้องเสียใจและเสียน้ำตาเป็นอันขาด ท่านคงจะรู้นะว่ามันจะเกิดอะไรขึ้น หากหลีน่าน้อยของเรา ต้องเจ็บช้ำเพราะสามี ” องค์ชายรองเอ่ยขึ้นด้วยใบหน้าเคร่งเครียด เขาเป็นกังวลเพราะเขารักองค์หญิงหลีน่าน้อยๆของพวกเขามาก เขาดูแลนางมาตั้งแต่เล็กเช่นไข่ในหิน พวกเขาเห็นนางเป็นน้องน้อยตัวเล็กมาเสมอ แม้ตอนนี้ขนาดตัวของนางจะใหญ่กว่าพวกเขาเกือบจะสามเท่าแล้วก็ตาม
“ กระหม่อมรับรองจะดูแลนางในฐานะฮูหยินอย่างดีพะยะคะ ขอองค์ชายมิต้องกังวล” องค์ชายหลายๆคนที่รุมล้อมเจ้าบ่าวเจ้าสาวอยู่พยักหน้าหงึกหงักอย่างสบายใจขึ้น “ ท่านแม่ทัพไป๋ก็รับปากแล้ว พวกเราก็กลับกันก่อนเถิด น้องหญิงจะได้ไปพักผ่อน นางคงเหนื่อยมากตื่นขึ้นมาเตรียมตัวตั้งแต่เช้าแล้ว ” องค์ชายสามเอ่ยขึ้น “ หลีน่าน้อย พวกพี่ไปก่อนนะ เจ้าดูแลตนเองดีๆ หากมีเรื่องอันใดให้รีบส่งคนไปบอกพวกพี่ๆได้ทันที เราจะมาจัดการปัญหาทุกอย่างให้เจ้าเอง ไม่ต้องกังวลไปนะ ” อ๋องแปดเอ่ยขึ้น
“ เสด็จพี่ทั้งหลายไม่ต้องเป็นห่วงหลีน่าจะเพคะ หม่อมฉันดูแลตนเองได้ ตอนนี้แต่งงานแล้ว ท่านแม่ทัพคงจะไม่ปล่อยให้หลีน่าต้องทุกข์ใจเรื่องใดๆใช่ไหมเจ้าคะ ” นางหันไปเอ่ยถามสามีหมาดๆที่ยืนอยู่ข้างๆนาง แม่ทัพหนุ่มจำต้องพยักหน้ารับแต่ใบหน้าก็มิได้ยิ้มแย้มอะไร “ ขอรับ กระหม่อมจะดูแลองค์หญิงอย่างดีที่สุด เท่าที่จะทำได้" เหล่าองค์ชายทั้งหลายจึงได้คลายใจและยอมถอยออกไปด้านนอกที่กำลังมีการจัดเลี้ยงฉลองแต่งงาน
แม่สื่อและนางกำนัลช่วยกันนำตัวองค์หญิงไปส่งยังห้องหอที่จัดเตรียมไว้แล้วที่เรือนตะวันตก แม้เหล่าหมัวมัวที่มาช่วยงานและนางกำนัลจะงุนงงเล็กน้อยว่าทำไมจัดให้เรือนขององค์หญิงอยู่ไกลจากเรือนหลักมาก แต่องค์หญิงหลีน่าเอ่ยขึ้นว่า “ มิเป็นไรหรอกหมัวมัว ข้าอยู่ที่ไหนก็ได้ เรือนตะวันตกนี้ก็ดูสบายดี เขาก็จัดเตรียมไว้ให้น่าอยู่ไม่น้อย ข้าเพิ่งแต่งเข้าจวนแม่ทัพของเขา มิอยากให้มากเรื่องไป หมัวมัวไม่ต้องเป็นห่วงนะ และไม่ต้องนำเรื่องนี้ไปรบกวนพระทัยเสด็จพ่อและเสด็จแม่ด้วย แล้วไม่ต้องบอกพวกพี่ชายของข้าด้วยนะ ไม่อยากให้เป็นเรื่องใหญ่ ” องค์หญิงหลีน่ากำชับหมัวมัวและและนางกำนัลที่มาช่วยงานและกำลังจะกลับเข้าวังหลวง เหลือไว้เพียงสองนางกำนัลคนสนิทที่จะอยู่คอยรับใช้ในจวนแม่ทัพต่อไป
หลี่น่าที่ถูกพามานั่งบนเตียงวิวาห์ที่กว้างใหญ่ โดยมีสองนางกำลังที่ชื่อเหม่ยอี้กับเพ่ยอี้คอยดูแล “ องค์หญิงหิวหรือไม่เพคะ หม่อมฉันเตรียมขนมกุ้ยฮวากับผิงก้วยมาไว้ให้แล้วจะกินเลยหรือไม่เพคะ ” หลี่น่าหันไปมองจานขนมและผลไม้ในมือของนางกำนัลแล้วพยักหน้า “ ข้าจะกินเลยก็ดีหิวมากเหมือนกัน เหม่ยอี้กับเพ่ยอี้ต่อไปไม่ต้องเรียกข้าว่าองค์หญิงนะ ตอนนี้ข้าเป็นฮูหยินแม่ทัพไป๋ เช่นนั้นเรียกข้าว่าฮูหยินก็ได้ แล้วไม่ต้องใช้คำราชาศัพท์ในการพูดกับข้านะ ใช้คำพูดธรรมดาเช่นที่พูดกับฮูหยินจวนอื่นๆก็พอ หากเข้าวังหลวงก็ค่อยทำตัวเหมือนเดิม ” สองนางกำนัลพยักหน้าอย่างเข้าใจ
องค์หญิงหลี่น่านั่งรอสามีตั้งแต่แม่สื่อพานางมา จนนางกินขนมและผลไม้รองท้องจนเสร็จและนั่งฟังเสียงแขกเหรื่อสนทนากันอย่างสนุกสนาน เสียงหัวเราะและเสียงบรรเลงพิณในงานเลี้ยง เสียงการดื่มอวยพรที่ดูครึกครื้นไม่น้อย เสียงหัวเราะอย่างครื้นเครงในงานเลี้ยง สองนางกำนัลที่แอบออกไปดูบรรยากาศด้านนอกกลับมาบอกว่าข้างนอกครึกครื้นเหลือเกิน นางขยับร่างกายไปมาด้วยความปวดเมื่อยเนื้อตัว แม้เปลี่ยนท่าทางการนั่งมาทุกท่าก็ยังไม่มีวี่แววของเจ้าบ่าวที่จะเข้ามาในห้องหอ นางนั่งรอบนเตียงวิวาห์โดยยังอยู่ในชุดที่เต็มยศของเจ้าสาว จนกระทั่งเสียงทุกอย่างด้านนอกค่อยๆเงียบลงไปเรื่อย ๆ จนกระทั่งทุกอย่างเงียบสนิทลง ไม่มีแม้แต่เสียงบ่าวไพร่ที่กำลังช่วยกันเก็บข้าวของหลังจากงานเลี้ยงเสร็จสิ้นแล้ว ทุกอย่างในจวนแม่ทัพเงียบสนิทโดยสิ้นเชิง องค์หญิงหลีน่าหันไปมองสองนางกำนัลที่ง่วงนอนจนทนไม่ไหว นั่งหลับบนเก้าอี้กลมที่อยู่กลางห้องนั้น คนหนึ่งฟุบลงกับโต๊ะกลมนั้น อีกคนหนึ่งนั่งสัปหงกหัวโยกไปมาดูน่าเวทนา องค์หญิงหลี่น่าที่ทนต่อไปไม่ไหวจึงได้เรียกทั้งสองเบาๆ “ เหม่ยอี้เพ่ยอี้ มาช่วยข้าเปลี่ยนอาภรณ์ก่อน ข้าอยากจะอาบน้ำและเข้านอนแล้ว ปวดเม
นางผิดเองที่หลงรักเขาอย่างมากมายตั้งแต่เมื่อแรกเห็น นางไม่เคยคิดเลยว่าการบีบบังคับผู้อื่นให้รักตนเองนั้นมันจะนำความทุกข์มาให้ทั้งตัวของนางเองและบุรุษผู้นั้นด้วย แม้ตอนนี้นางจะเริ่มคิดได้แล้ว ว่าครั้งนี้นางอาจจะตัดสินใจผิดไป แต่เรื่องแต่งงานนี้เป็นเรื่องใหญ่ของราชวงศ์ นางรู้แล้วว่าเขารังเกียจนางมาก เมื่อตอนที่นางกำลังจะเดินมายังเรือนตะวันตก นางก็ยังแอบได้ยินสาวใช้ซุบซิบกันเบา ๆเรื่องที่แม่ทัพไป๋ที่เป็นคุณชายของจวนนี้มิได้ต้องการฮูหยินที่อัปลักษณ์และมีรูปร่างอ้วนใหญ่เช่นนี้ แต่จำใจเพราะเป็นสมรสพระราชทานและเมื่อตอนที่เขาได้รับราชโองการเขาแทบจะเป็นลมล้มลงด้วยซ้ำ ตอนที่สาวใช้ซุบซิบกันนั้น พวกเขาไม่เห็นว่านางหยุดยืนฟังพวกเขา และนางก็ไม่อยากให้ผู้ติดตามทั้งหลายมาได้ยินเข้าด้วย แต่ก็ดีแล้วที่นางได้ยินความในใจของพวกเขา นางจะได้รู้ว่าพวกเขาคิดกับนางเช่นไร และนางต้องขอบคุณสาวใช้ทั้งสองคนที่ซุบซิบกันให้นางได้ยิน เพราะเมื่อเจ้าบ่าวไม่มาเข้าหอนางจึงไม่ได้แปลกใจอันใดเพราะนางคิดไว้อยู่แล้ว ว่าถ้าเขารังเกียจนางมากถึงขนาดนั้น ก็คงจะไม่ยอมมาเข้าหออย่างแน่นอน องค์หญิงหลีน่าเทสุราลงจอกยกขึ้นดื่มช้าๆ
“ อ้อ !! ลืมบอกไป ข้าคือหูหลินซวงหลานสาวแม่นมหู ที่เป็นแม่นมของท่านแม่ทัพมาตั้งแต่ยังเล็กๆ ที่จริงข้าเองก็ควรจะได้แต่งงานกับเขาเพราะข้าปรนนิบัติดูแลท่านพี่มาหลายปีแล้ว แต่ในเมื่อมีหญิงที่เขามิได้พึงใจบังคับให้เขาจำต้องแต่งงานรับนางเป็นฮูหยินเอกเสียแล้วข้าคงต้องเสียสละเป็นฮูหยินรองกระมัง แต่น่าเสียดายที่นายของเจ้าคงจะเป็นฮูหยินเพียงแค่ตำแหน่งเท่านั้น หญิงที่สามีไม่ปรารถนา ไม่อยากจะร่วมหอ รูปร่างก็อ้วนใหญ่เช่นนั้นยังจะหลงไหลบุรุษจนบีบบังคับให้เขาจำต้องแต่งงานด้วยอีก ช่างหน้าไม่อายจริงๆ ท่านพี่ก็ออกจะหล่อเหลาปานนั้นท่าทางก็องอาจผึ่งผาย แต่จำต้องมีเมียอัปลักษณ์เช่นนี้ บุรุษใดจะทนได้กัน นายของเจ้ารู้หรือไม่ ท่านพี่ดื่มเหล้าเมามายมาหลายวันแล้ว เขาต้องทนทุกข์ที่จำต้องแต่งงานกับหญิงที่เขาไม่ได้รักไม่ได้ชอบ แถมยังรังเกียจเสียด้วยซ้ำ ” หูหลินซวงเอ่ยขึ้นด้วยใบหน้าที่บึ้งตึงอย่างไม่ค่อยจะพอใจ “ วาจาสามหาวยิ่งนัก หญิงที่เจ้ากล้าด่าทอเป็นถึงองค์หญิงของแคว้นชิงแห่งนี้ หากข้านำคำพูดของเจ้าไปทูลฮองเฮาหัวของพวกเจ้ามีเท่าไหร่ก็คงจะไม่พอให้ตัดเป็นแน่ เป็นแค่หลานสาวแม่นมในจวนแม่ทัพ มาอาศัยเขาอยู่มิไ
สองนางกำนัลหันมามองหน้ากันแล้วเอ่ยขึ้นอย่างแปลกใจว่า “ องค์หญิงอยากจะลดความอ้วนหรือเพคะ ทำไมเมื่อก่อนไม่เห็นจะสนใจเรื่องนี้เลย ” องค์หญิงหลีน่าหันมองสีหน้าของสองนางกำนัลที่มีท่าทางสงสัยในท่าทีของนางที่เปลี่ยนไปกระทันหันอย่างที่ไม่เคยมาก่อน “ ข้าอยากจะลดความอ้วนให้มีรูปร่างที่ผอมลงจะได้แต่งกายได้งดงามดังเช่นคุณหนูในห้องหออื่นๆที่ข้าเคยเห็น แต่มิได้ต้องการให้บุรุษใดพึงใจหรอกนะ ข้าทำเพื่อตัวข้าเองวันนี้ข้าเพิ่งจะนึกขึ้นได้ว่า ข้ามัวแต่พึงใจผู้อื่น อยากให้ผู้อื่นเป็นดังใจของข้า แต่ไม่เคยมองดูตนเองว่ามีสิ่งใดให้ผู้อื่นพึงใจได้้บ้าง แต่ข้ามิได้หมายถึงสามีในนามของข้าหรอกนะ เพราะข้าได้ตัดสินใจแล้ว ไม่ว่าข้าจะยังรูปร่างอ้วนใหญ่ทำให้ไม่มีใครต้องการข้า หรือ ข้าจะงดงามยิ่งกว่านี้ีอีกมากมาย แต่ข้าก็จะไม่มีวันรักบุรุษผู้นี้อีก ข้าจะตัดใจจากเขาให้ได้ เพียงแต่ตอนนี้ตัดสินใจแต่งงานเข้าจวนแม่ทัพมาแล้ว ยังไม่สามารถจะหย่าขาดจากเขาได้ง่ายๆ คงต้องใช้เวลาสักพักใหญ่ แต่ระหว่างรอเวลา ข้าจะปรับปรุงตนเองเสียใหม่ บำรุงตนเอง รักตนเองให้มากกว่านี้ ข้ารักตนเอง ข้าจึงต้องเป็นหญิงงามที่ดูแลตนเองได้ดีใช่หรือไม่ ”
สองนางกำนัลหันมามองหน้ากันแล้วเอ่ยขึ้นอย่างแปลกใจว่า “ องค์หญิงอยากจะลดความอ้วนหรือเพคะ ทำไมเมื่อก่อนไม่เห็นจะสนใจเรื่องนี้เลย ” องค์หญิงหลีน่าหันมองสีหน้าของสองนางกำนัลที่มีท่าทางสงสัยในท่าทีของนางที่เปลี่ยนไปกระทันหันอย่างที่ไม่เคยมาก่อน “ ข้าอยากจะลดความอ้วนให้มีรูปร่างที่ผอมลงจะได้แต่งกายได้งดงามดังเช่นคุณหนูในห้องหออื่นๆที่ข้าเคยเห็น แต่มิได้ต้องการให้บุรุษใดพึงใจหรอกนะ ข้าทำเพื่อตัวข้าเองวันนี้ข้าเพิ่งจะนึกขึ้นได้ว่า ข้ามัวแต่พึงใจผู้อื่น อยากให้ผู้อื่นเป็นดังใจของข้า แต่ไม่เคยมองดูตนเองว่ามีสิ่งใดให้ผู้อื่นพึงใจได้้บ้าง แต่ข้ามิได้หมายถึงสามีในนามของข้าหรอกนะ เพราะข้าได้ตัดสินใจแล้ว ไม่ว่าข้าจะยังรูปร่างอ้วนใหญ่ทำให้ไม่มีใครต้องการข้า หรือ ข้าจะงดงามยิ่งกว่านี้ีอีกมากมาย แต่ข้าก็จะไม่มีวันรักบุรุษผู้นี้อีก ข้าจะตัดใจจากเขาให้ได้ เพียงแต่ตอนนี้ตัดสินใจแต่งงานเข้าจวนแม่ทัพมาแล้ว ยังไม่สามารถจะหย่าขาดจากเขาได้ง่ายๆ คงต้องใช้เวลาสักพักใหญ่ แต่ระหว่างรอเวลา ข้าจะปรับปรุงตนเองเสียใหม่ บำรุงตนเอง รักตนเองให้มากกว่านี้ ข้ารักตนเอง ข้าจึงต้องเป็นหญิงงามที่ดูแลตนเองได้ดีใช่หรือไม่ ”
“ อ้อ !! ลืมบอกไป ข้าคือหูหลินซวงหลานสาวแม่นมหู ที่เป็นแม่นมของท่านแม่ทัพมาตั้งแต่ยังเล็กๆ ที่จริงข้าเองก็ควรจะได้แต่งงานกับเขาเพราะข้าปรนนิบัติดูแลท่านพี่มาหลายปีแล้ว แต่ในเมื่อมีหญิงที่เขามิได้พึงใจบังคับให้เขาจำต้องแต่งงานรับนางเป็นฮูหยินเอกเสียแล้วข้าคงต้องเสียสละเป็นฮูหยินรองกระมัง แต่น่าเสียดายที่นายของเจ้าคงจะเป็นฮูหยินเพียงแค่ตำแหน่งเท่านั้น หญิงที่สามีไม่ปรารถนา ไม่อยากจะร่วมหอ รูปร่างก็อ้วนใหญ่เช่นนั้นยังจะหลงไหลบุรุษจนบีบบังคับให้เขาจำต้องแต่งงานด้วยอีก ช่างหน้าไม่อายจริงๆ ท่านพี่ก็ออกจะหล่อเหลาปานนั้นท่าทางก็องอาจผึ่งผาย แต่จำต้องมีเมียอัปลักษณ์เช่นนี้ บุรุษใดจะทนได้กัน นายของเจ้ารู้หรือไม่ ท่านพี่ดื่มเหล้าเมามายมาหลายวันแล้ว เขาต้องทนทุกข์ที่จำต้องแต่งงานกับหญิงที่เขาไม่ได้รักไม่ได้ชอบ แถมยังรังเกียจเสียด้วยซ้ำ ” หูหลินซวงเอ่ยขึ้นด้วยใบหน้าที่บึ้งตึงอย่างไม่ค่อยจะพอใจ “ วาจาสามหาวยิ่งนัก หญิงที่เจ้ากล้าด่าทอเป็นถึงองค์หญิงของแคว้นชิงแห่งนี้ หากข้านำคำพูดของเจ้าไปทูลฮองเฮาหัวของพวกเจ้ามีเท่าไหร่ก็คงจะไม่พอให้ตัดเป็นแน่ เป็นแค่หลานสาวแม่นมในจวนแม่ทัพ มาอาศัยเขาอยู่มิไ
นางผิดเองที่หลงรักเขาอย่างมากมายตั้งแต่เมื่อแรกเห็น นางไม่เคยคิดเลยว่าการบีบบังคับผู้อื่นให้รักตนเองนั้นมันจะนำความทุกข์มาให้ทั้งตัวของนางเองและบุรุษผู้นั้นด้วย แม้ตอนนี้นางจะเริ่มคิดได้แล้ว ว่าครั้งนี้นางอาจจะตัดสินใจผิดไป แต่เรื่องแต่งงานนี้เป็นเรื่องใหญ่ของราชวงศ์ นางรู้แล้วว่าเขารังเกียจนางมาก เมื่อตอนที่นางกำลังจะเดินมายังเรือนตะวันตก นางก็ยังแอบได้ยินสาวใช้ซุบซิบกันเบา ๆเรื่องที่แม่ทัพไป๋ที่เป็นคุณชายของจวนนี้มิได้ต้องการฮูหยินที่อัปลักษณ์และมีรูปร่างอ้วนใหญ่เช่นนี้ แต่จำใจเพราะเป็นสมรสพระราชทานและเมื่อตอนที่เขาได้รับราชโองการเขาแทบจะเป็นลมล้มลงด้วยซ้ำ ตอนที่สาวใช้ซุบซิบกันนั้น พวกเขาไม่เห็นว่านางหยุดยืนฟังพวกเขา และนางก็ไม่อยากให้ผู้ติดตามทั้งหลายมาได้ยินเข้าด้วย แต่ก็ดีแล้วที่นางได้ยินความในใจของพวกเขา นางจะได้รู้ว่าพวกเขาคิดกับนางเช่นไร และนางต้องขอบคุณสาวใช้ทั้งสองคนที่ซุบซิบกันให้นางได้ยิน เพราะเมื่อเจ้าบ่าวไม่มาเข้าหอนางจึงไม่ได้แปลกใจอันใดเพราะนางคิดไว้อยู่แล้ว ว่าถ้าเขารังเกียจนางมากถึงขนาดนั้น ก็คงจะไม่ยอมมาเข้าหออย่างแน่นอน องค์หญิงหลีน่าเทสุราลงจอกยกขึ้นดื่มช้าๆ
องค์หญิงหลี่น่านั่งรอสามีตั้งแต่แม่สื่อพานางมา จนนางกินขนมและผลไม้รองท้องจนเสร็จและนั่งฟังเสียงแขกเหรื่อสนทนากันอย่างสนุกสนาน เสียงหัวเราะและเสียงบรรเลงพิณในงานเลี้ยง เสียงการดื่มอวยพรที่ดูครึกครื้นไม่น้อย เสียงหัวเราะอย่างครื้นเครงในงานเลี้ยง สองนางกำนัลที่แอบออกไปดูบรรยากาศด้านนอกกลับมาบอกว่าข้างนอกครึกครื้นเหลือเกิน นางขยับร่างกายไปมาด้วยความปวดเมื่อยเนื้อตัว แม้เปลี่ยนท่าทางการนั่งมาทุกท่าก็ยังไม่มีวี่แววของเจ้าบ่าวที่จะเข้ามาในห้องหอ นางนั่งรอบนเตียงวิวาห์โดยยังอยู่ในชุดที่เต็มยศของเจ้าสาว จนกระทั่งเสียงทุกอย่างด้านนอกค่อยๆเงียบลงไปเรื่อย ๆ จนกระทั่งทุกอย่างเงียบสนิทลง ไม่มีแม้แต่เสียงบ่าวไพร่ที่กำลังช่วยกันเก็บข้าวของหลังจากงานเลี้ยงเสร็จสิ้นแล้ว ทุกอย่างในจวนแม่ทัพเงียบสนิทโดยสิ้นเชิง องค์หญิงหลีน่าหันไปมองสองนางกำนัลที่ง่วงนอนจนทนไม่ไหว นั่งหลับบนเก้าอี้กลมที่อยู่กลางห้องนั้น คนหนึ่งฟุบลงกับโต๊ะกลมนั้น อีกคนหนึ่งนั่งสัปหงกหัวโยกไปมาดูน่าเวทนา องค์หญิงหลี่น่าที่ทนต่อไปไม่ไหวจึงได้เรียกทั้งสองเบาๆ “ เหม่ยอี้เพ่ยอี้ มาช่วยข้าเปลี่ยนอาภรณ์ก่อน ข้าอยากจะอาบน้ำและเข้านอนแล้ว ปวดเม
วันแต่งงานของแม่ทัพไป๋เฟยหลง เขาที่ยังมึนๆจากการดื่มเหล้าอย่างหนักมาเมื่อคืนนี้ เพราะในอกใจของเขามันแสนจะอึดอัดเหลือเกิน เขาคิดว่าเขาเป็นบุรุษที่โชคร้ายยิ่งนัก เพิ่งพลาดรักจากคุณหนูเจียเหลียนฮวาน้องสาวของสหายสนิทที่เขาแอบมีใจให้นางมาหลายปี จนนางถอนหมั้นเขาก็มีความหวังขึ้นมาอีกครั้งแต่เมื่อนางหวนกลับไปแต่งงานกับอดีตคู่หมั้นของนางเขาจึงช้ำรักจากนางเป็นครั้งที่สอง ยังไม่ทันได้ตั้งตัวก็ได้รับสมรสพระราชทานกับองค์หญิงที่ตัวอ้วนใหญ่เหลือเกินตัวของนางใหญ่กว่าเขาเกือบสามเท่า แม่ทัพหนุ่มที่หล่อเหลาและรูปร่างสูงสง่าองอาจเช่นเขา กลับจะต้องมามีเมียที่ตัวอ้วนใหญ่เช่นนาง แม้จะมีศักดิ์สูงเป็นถึงองค์หญิงหนึ่งเดียวของราชวงศ์ แต่เขาก็มิได้สนใจในอำนาจ เพราะเขาก็แสวงหามันได้ด้วยตนเองอยู่แล้ว แต่เรื่องความรัก เขากลับไม่มีวาสนาเรื่องนี้เลย วันแต่งงานเขาไปรับเจ้าสาวที่ขึ้นเกี้ยวขนาดใหญ่กว่าเจ้าสาวทั่วไปเข้้าจวนมาด้วยใบหน้าเฉยชา ดวงตาก็ว่างเปล่าแทบจะไม่รู้สึกยินดียินร้าย เหล่าสหายก็จ้องมองเขาอย่างปลอบใจ แต่ก็ไม่มีใครช่วยอะไรได้ เมื่อเกี้ยวเจ้าสาวแปดคนหามมาถึงหน้าจวนแม่ทัพ นางกำนัลที่ติดตามเจ้าหญิงร่างใหญ่ผู