“ อ้อ !! ลืมบอกไป ข้าคือหูหลินซวงหลานสาวแม่นมหู ที่เป็นแม่นมของท่านแม่ทัพมาตั้งแต่ยังเล็กๆ ที่จริงข้าเองก็ควรจะได้แต่งงานกับเขาเพราะข้าปรนนิบัติดูแลท่านพี่มาหลายปีแล้ว แต่ในเมื่อมีหญิงที่เขามิได้พึงใจบังคับให้เขาจำต้องแต่งงานรับนางเป็นฮูหยินเอกเสียแล้ว
ข้าคงต้องเสียสละเป็นฮูหยินรองกระมัง แต่น่าเสียดายที่นายของเจ้าคงจะเป็นฮูหยินเพียงแค่ตำแหน่งเท่านั้น หญิงที่สามีไม่ปรารถนา ไม่อยากจะร่วมหอ รูปร่างก็อ้วนใหญ่เช่นนั้นยังจะหลงไหลบุรุษจนบีบบังคับให้เขาจำต้องแต่งงานด้วยอีก ช่างหน้าไม่อายจริงๆ ท่านพี่ก็ออกจะหล่อเหลาปานนั้นท่าทางก็องอาจผึ่งผาย แต่จำต้องมีเมียอัปลักษณ์เช่นนี้ บุรุษใดจะทนได้กัน นายของเจ้ารู้หรือไม่ ท่านพี่ดื่มเหล้าเมามายมาหลายวันแล้ว เขาต้องทนทุกข์ที่จำต้องแต่งงานกับหญิงที่เขาไม่ได้รักไม่ได้ชอบ แถมยังรังเกียจเสียด้วยซ้ำ ” หูหลินซวงเอ่ยขึ้นด้วยใบหน้าที่บึ้งตึงอย่างไม่ค่อยจะพอใจ
“ วาจาสามหาวยิ่งนัก หญิงที่เจ้ากล้าด่าทอเป็นถึงองค์หญิงของแคว้นชิงแห่งนี้ หากข้านำคำพูดของเจ้าไปทูลฮองเฮาหัวของพวกเจ้ามีเท่าไหร่ก็คงจะไม่พอให้ตัดเป็นแน่ เป็นแค่หลานสาวแม่นมในจวนแม่ทัพ มาอาศัยเขาอยู่มิได้มีจวนเป็นของตนเอง แต่ก็ยังปากกล้ามิได้เกรงกลัวฟ้าสูงแผ่นดินต่ำ อย่าให้ข้าต้องทนไม่ไหวนะ ข้าเพียงแค่เห็นแก่องค์หญิงหลีน่านายของข้าที่ิมิอยากจะเอาเรื่องเอาราวกับพวกเจ้า ” เพ่ยอิงที่ทนฟังหญิงงามตรงหน้าเอ่ยวาจาล่วงเดินองค์หญิงของตนมานานจนทนไม่ไหว “ จึงเอ่ยตอบโต้นางอย่างเผ็ดร้อน ” หูหลินซวงใบหน้าถอดสีไปเล็กน้อยเมื่อคิดใคร่ครวญถึงคำพูดของอีกฝ่าย แต่นางก็ยังไม่วายทำท่าทางฮึดฮัด “ เฮอะ ในเมื่อนายเจ้าแต่งเข้ามาในจวนแม่ทัพแล้ว เป็นฮูหยินของท่านพี่ก็คงต้องทำตามคำสั่งท่านพี่ที่ได้ชื่อว่าเป็นสามีของนาง " เมื่อเอ่ยจบหลินซวงก็สะบัดหน้าแล้วเดินจากไปทันที พร้อมกับสาวใช้ที่ยื่นถาดอาหารให้กับเพ่ยอิงอย่างลุกลนแล้วรีบเดินตามหลินซวงไปทันที
องค์หญิงหลีน่าแม้จะนั่งอยู่ด้านในเรือนแต่วาจาของหลานสาวแม่นมของสามีในนามของนางนั้น หลีน่าได้ยินทุกคำ นางมิได้โกรธหญิงผู้นั้น แต่นางคิดถึงคำพูดที่หญิงผู้นั้นบอกว่าแม่ทัพไป๋ถึงกับดื่มเหล้าเมามายอยู่หลายวันเพราะเสียใจที่ต้องแต่งงานกับหญิงอัปลักษณ์ที่เขามิได้พึงใจเช่นหลีน่า นางได้แต่ถอดทอนใจออกมา เเต่เมื่อเรื่องมันล่วงเลยมาจนถึงบัดนี้การแก้ไขมิใช่เรื่องง่าย การหย่าแล้วย้ายกลับเข้าวังหลวงนั้นนางทำได้ไม่ยาก แต่นางมิอยากให้ราชวงศ์ต้องอับอายเพราะนาง เรื่องนี้คงต้องใช้เวลาในการแก้ไข หลีน่ามิได้อยากบังคับใจใคร นางแค่เพียงคิดน้อยไปหน่อยจึงได้เกิดเรื่องราวเช่นนี้ขึ้นมา
สองวันต่อไป หลีน่าออกไปเดินเล่นในสวนหน้าจวนแม่ทัพ สวนแห่งนี้แม้จะสวยงามและได้รับการดูแลดีไม่น้อย ดอกไม้ก็ปลูกไว้เป็นหมวดหมู่มีสีสันตัดกันหลากหลายสีงดงามตาไม่น้อย ไม้ใบที่นี่ก็มีหลากหลายชนิด มีทั้งไม้ใบชนิดเป็นพุ่มและไม้มงคลต่างๆ ต้นไม้ใหญ่น้อยก็ถูกตัดแต่งอย่างดี มีศาลากลางบึงบัวหากไปนั่งเล่นตอนแดดร่มแล้วคงจะเย็นสบายดี นางเดินเล่นช้าๆ หันมองบรรยากาศรอบกายด้วยความพึงใจ พลันสายตาก็หันไปพบเข้ากับแม่ทัพไป๋เฟยหลงที่กำลังเดินกลับเข้าจวนมา นางจึงคิดจะเดินไปทักทายเขา แม้เขามิไม่ได้รักนางไม่พึงใจอยากจะได้นางเป็นภรรยา แต่นางคิดแค่เพียงว่าอยากจะผูกมิตรกับเขาระหว่างที่นางยังอยู่ที่จวนแม่ทัพแห่งนี้ จึงได้เดินตรงไปหาเขาโดยมีสองนางกำนัลเดินตามนางไปด้วย นางหยุดรอเขาที่ทางเดินที่เขากำลังมุ่งตรงมาเพื่อจะเดินกลับไปยังเรือนหลักของเขา
เมื่อแม่ทัพหนุ่มเห็นฮูหยินที่เขาไม่ต้องการนั้นหยุดยืนรอเขาที่ริมทางเดินที่จะไปเรือนหลัก เขาชะงักไปครู่หนึ่งแต่เมื่อไม่มีทางอื่นให้เดินหลีกหนีนาง เขาจึงจำใจเดินตรงมายังทางที่นางกำลังยืนรออยู่ เมื่อเดินมาถึงตัวของนาง องค์หญิงหลีน่ากำลังจะอ้าปากทักทายเขา แต่แม่ทัพหนุ่มกลับทำเป็นมองไม่เห็นนางแล้วเดินผ่านนางไปเลยโดยที่ไม่หยุดแวะทักทายนางเลยด้วยซ้ำ ดังเช่นเขามองไม่เห็นร่างหญิงอ้วนที่ตอนนี้แต่งงานกับเขาแล้วและได้ชื่อว่าเป็นฮูหยินของเขาเลยแม้แต่น้อย ทิ้งให้องค์หญิงหลีน่ามองตามหลังร่างสูงสง่าของเขาไปจนลับตา น้ำตาของนางคลอหน่วยตาที่เล็กยิบหยีลงด้วยใบหน้าอ้วนกลมที่เต็มไปด้วยไขมันนั้นบดบังทำให้ดวงตาที่ควรจะดูกลมโตกว่านี้เล็กลงอย่างมาก
สองนางกำนัลที่เห็นเหตุการณ์มาโดยตลอดต่างพากันตกตะลึงแล้วมองตามหลังแม่ทัพไป๋เฟยหลงที่ได้ชื่อว่าเป็นสามีขององค์หญิงหลีน่าไปอย่างไม่เชื่อสายตา แม่ทัพหนุ่มผู้นี้ช่างบังอาจยิ่งนัก ถึงกับกล้าเมินองค์หญิงหลีน่าของพวกเรา จึงได้เอ่ยขึ้นว่า “ องค์หญิงเพคะ เป็นอะไรหรือไม่ ” เพ่ยอิงที่กำลังจะเอ่ยวาจาต่อว่าแม่ทัพไป๋แต่กลับมองเห็นน้ำตาที่คลอหน่วยตาและมันเริ่มรินไหลรินลงมาขององค์หญิงหลีน่าเข้าเสียก่อน จึงกล้ำกลืนคำพูดของนางลงไปทันที
“ ไม่เป็นอะไร ข้าเพียงอยากจะทักทายเขาฉันท์มิตรเท่านั้น แต่เมื่อเขารังเกียจจนไม่ยอมรับไมตรีของข้าถึงขนาดนี้ก็คงต้องปล่อยให้เป็นตามใจที่เขาต้องการ เรากลับเรือนตะวันตกกันเถอะ ข้าเหนื่อยแล้ว ” เมื่อเอ่ยจบประโยค องค์หญิงหลีน่าก็พาร่างที่อวบอ้วนของตนเองค่อย ๆ เดินช้าๆ กลับไปยังทางเดินที่จะมุ่งสู่เรือนตะวันตกของตนเอง ในอกใจของนางเจ็บแปลบ นางเพิ่งจะรู้ว่่ารักคนที่เขาไม่เห็นค่าของเรามันเจ็บเช่นนี้เอง แม้นางจะทำใจได้มากแล้ว แต่เมื่อเผชิญกับความเฉยชาของชายที่นางหลงรักเขาจนหมดใจก็ทำให้ใจดวงน้อยของนางเจ็บปวดเหลือเกิน องค์หญิงร่างใหญ่ที่มีใบหน้านวลละออไม่น้อย เดินน้ำตาไหลรินกลับไปยังเรือนพำนักของตนเอง นางปล่อยให้น้ำตารินไหลลงมาโดยมิได้เช็ดมัน เพราะต้องการให้ตนเองเจ็บปวดอย่างถึงที่สุด หัวใจบ้าๆนี่มันจะได้จำเสียที วันหลังอย่าไปรักคนที่เขาไม่เห็นค่าของตนเองอีก เพราะลงท้ายแล้วมันจะเจ็บปวดแทบขาดใจนี้
สองนางกำนัลได้แต่เดินตามองค์หญิงหลีน่ามาเงียบๆ มิกล้าเอ่ยวาจาใดๆ องค์หญิงผู้นี้หากมีเรื่องใดทุกข์ใจนางจะเงียบเฉยเช่นนี้ แล้วทำใจเงียบๆเพียงผู้เดียวไม่ชอบให้ผู้ใดเซ้าซี้นาง เมื่อเดินตามกันมาจนถึงเรือนตะวันตก องค์หญิงหลีน่าก็เดินเข้าไปในเรือนอย่างเงียบสงบ แล้วเดินไปนั่งทรุดลงที่ตั่งตัวยาวที่ระเบียงเรือนด้านซ้ายที่ตอนนี้แดดร่มลงแล้ว มีลมพัดมาเย็นสบายอย่างยิ่ง นางยกมือปาดน้ำตาที่ไหลรินลงสองข้างแก้มให้แห้ง แล้วเอ่ยขึ้นว่า “ เหม่งอี้ เพ่ยอี้ เจ้ารู้จักผู้ใดที่จะมาช่วยข้าลดน้ำหนักได้บ้างหรือไม่ ข้าต้องการผอมลงและมีรูปร่างดังเช่นคุณหนูจวนขุนนางอื่นๆที่ข้าเคยเห็น ทำให้ข้างดงามยิ่งกว่าหญิงอื่นในเมืองหลวงนี้ได้ยิ่งดี ”
สองนางกำนัลหันมามองหน้ากันแล้วเอ่ยขึ้นอย่างแปลกใจว่า “ องค์หญิงอยากจะลดความอ้วนหรือเพคะ ทำไมเมื่อก่อนไม่เห็นจะสนใจเรื่องนี้เลย ” องค์หญิงหลีน่าหันมองสีหน้าของสองนางกำนัลที่มีท่าทางสงสัยในท่าทีของนางที่เปลี่ยนไปกระทันหันอย่างที่ไม่เคยมาก่อน “ ข้าอยากจะลดความอ้วนให้มีรูปร่างที่ผอมลงจะได้แต่งกายได้งดงามดังเช่นคุณหนูในห้องหออื่นๆที่ข้าเคยเห็น แต่มิได้ต้องการให้บุรุษใดพึงใจหรอกนะ ข้าทำเพื่อตัวข้าเองวันนี้ข้าเพิ่งจะนึกขึ้นได้ว่า ข้ามัวแต่พึงใจผู้อื่น อยากให้ผู้อื่นเป็นดังใจของข้า แต่ไม่เคยมองดูตนเองว่ามีสิ่งใดให้ผู้อื่นพึงใจได้้บ้าง แต่ข้ามิได้หมายถึงสามีในนามของข้าหรอกนะ เพราะข้าได้ตัดสินใจแล้ว ไม่ว่าข้าจะยังรูปร่างอ้วนใหญ่ทำให้ไม่มีใครต้องการข้า หรือ ข้าจะงดงามยิ่งกว่านี้ีอีกมากมาย แต่ข้าก็จะไม่มีวันรักบุรุษผู้นี้อีก ข้าจะตัดใจจากเขาให้ได้ เพียงแต่ตอนนี้ตัดสินใจแต่งงานเข้าจวนแม่ทัพมาแล้ว ยังไม่สามารถจะหย่าขาดจากเขาได้ง่ายๆ คงต้องใช้เวลาสักพักใหญ่ แต่ระหว่างรอเวลา ข้าจะปรับปรุงตนเองเสียใหม่ บำรุงตนเอง รักตนเองให้มากกว่านี้ ข้ารักตนเอง ข้าจึงต้องเป็นหญิงงามที่ดูแลตนเองได้ดีใช่หรือไม่ ”
จนลืมไปว่าตนเองแอบปีนหลังคาเรือนฮูหยินของตนเองอยู่ พลันหูของเขาก็ได้ยินเสียงพูดคุยมาจากด้านล่าง “ องค์หญิงเพคะ แช่น้ำนานไปแล้วนะเพคะขึ้นมาจากน้ำเถิด เดี๋ยวจะไม่สบายเอาได้ ” เพ่ยอิงที่เดินมายืนข้างถังน้ำใบใหญ่พร้อมกับหยิบผ้าเช็ดกายมากางออกเพื่อรอให้องค์หญิงผู้เปลี่ยนโฉมจนกลายเป็นหญิงที่งดงามชวนตะลึงของนางขึ้นมาจากถังน้ำที่กำลังแช่เสียที หญิงงามรูปร่างอวบอิ่มขาวผ่องจนชวนตะลึงค่อยๆลุกขึ้นยืนในถังน้ำใบใหญ่นั้น บุรุษที่แอบดูฮูหยินของตนเองอยู่บนหลังคา เลือดแทบจะไหลออกมาจากจมูกโด่งคม เขาจ้องร่างอวบอิ่มของนางตาแทบไม่กระพริบหัวใจแกร่งกระตุกอย่างแรง แก้มสากของเขาแดงกำขึ้นมาทันที ตาก็จับจ้องมองหญิงงามด้านล่างที่มิได้รู้เรื่องอันใด นางก้าวออกจากถังอาบน้ำใบใหญ่แล้วยืนให้สองนางกำนัลเช็ดกายอวบจนแห้งแล้ว ทาเครื่องประทินผิวหอมกรุ่นให้นาง แล้วหยิบเสื้อคลุมบางเบาสีขาวเพียงตัวเดียวให้นาง เมื่อเสร็จขั้นตอนเรียบร้อย ร่างอวบอิ่มขาวผ่องจนชวนตะลึงยิ่งดูเย้ายวนเหลือเกิน จนคนที่แอบจ้องมองร่างอวบอิ่มของนางอยู่บนหลังคาแทบจะลืมหายใจ ร่างของนางสวมใส่อาภรณ์บางเบาสีขาวนั้น มันมองเห็นรายละเอียดของร่างอวบชัดเจน ตา
แม่ทัพหนุ่มที่เงี่ยหูฟังอยู่ด้านนอก เมื่อเสียงในห้องเงียบสงบลงแล้ว เขาเดินไปมาอยู่ข้างบานหน้าต่างในห้องนอนของฮูหยินในนามของเขา ใจหนึ่งอยากจะเปิดหน้าต่างแล้วกระโจนเข้าไปนอนกับนางเสียให้รู้แล้วรู้รอด แต่อีกใจก็ละอายใจตนเองที่ก่อนแต่งงานและหลังแต่งงานเขาเฉยชากับนางมากจนเกินไป ด้วยรังเกียจว่านางอ้วนใหญ่เกินไป ไม่ใช่ลักษณะของหญิงที่เขาชื่นชอบ แต่เมื่อตอนนี้นางลดความอ้วนลงได้จนร่างกายอวบอิ่มน่ารักน่าใคร่ และใบหน้าของนางก็งดงามปานจะล่มเมือง แถมผิวพรรณก็ขาวผ่องน่าลูบไล้เหลือเกิน ทำเอาอกใจของเขาสั่นไปหมดเมื่อเห็นร่างอวบของนางเมื่อครู่ แม่ทัพหนุ่มยืนลังเลอยู่ครู่หนึ่งแล้ว คิดว่าเขาควรจะหาเวลามาพบนางและเกี้ยวพานางใหม่ดังเช่นชายที่พึงใจหญิงที่ตนเองชอบพอ อาจจะทำให้เขากระดากใจน้อยลงกว่านี้ เมื่อคิดได้ดังนี้แม่ทัพหนุ่มจึงได้ล่าถอยกลับไปยังเรือนของตนเองหลังจากที่แม่ทัพไป๋ยอมล่าถอยออกมาจากเรือนตะวันตกและเขาก็มิได้ไปหานางอีกในสามวันหลังจากนั้น แม้ใจก็อยากจะไปเหลือเกิน แต่ก็อดใจเอาไว้ก่อน รอดูท่าทีนางที่มีต่อเขาสักเล็กน้อย ค่อยๆ รุกนางก็ยังไม่สาย บ่ายวันนั้นมีหนังสือจากในวังแจ้งให้องค์หญิงหลี่น่าแ
เมื่อรถม้าแล่นมาถึงหน้าวังหลวง คนที่ต่างหมางเมินกันก็เดินลงจากรถม้าแล้วก็เดินตามกันเข้าไปในประตูวังหลวง แม่ทัพหนุ่มเดินก้าวฉับ ๆตรงไปที่ในท้องพระโรงที่มีงานเลี้ยงต้อนรับองค์ชายจากแคว้นต้าเหนิงที่มาเยือน องค์หญิงหลีน่าก็เดินทอดน่องตามเขาไปทิ้งระยะห่างกันพอสมควร นางเดินเยื้องกรายอย่างเฉฺิดฉายสง่างามขึ้นกว่าเดิมผิดตาไปมาก จนนางกำนัลและขันทีที่เดินสวนมาต่างจ้องมองอย่างตกตะลึง องคหญิงหลีน่ารับการทำความเคารพอย่างอ่อนช้อยของทั้งนางกำนัลและขันทีเหล่านั้นแล้วก็ออกเดินตามบุรุษร่างสูงสง่าหลังตรงด้านหน้าไปเรื่อย ๆจนมาถึงท้องพระโรงที่มีการจัดการเลี้ยง เมื่อทั้งสองเดินเข้าไปที่ประตูชั้นในสุดขันทีก็ร้องขานชื่อของทั้งสองว่ามาถึงแล้ว “ องค์หญิงซีหลีน่าและราชบุตรเขยแม่ทัพไป๋เฟยหลงมาถึงแล้ว ” จากนั้นทั้งสองก็เดินเข้าไปในงานเลี้ยงโดยเดินตามกันเข้าไปและทิ้งระยะให้ห่างกันเล็กน้อยไม่ให้ผู้อื่นผิดสังเกตุจนเกินไป เมื่อองค์หญิงหลีน่าและแม่ทัพไปเดินไปทรุดนั่งลงตรงที่ประจำตำแหน่งที่มีการจัดเตรียมเอาไว้แล้ว เมื่อทรุดนั่งลงแล้วก็มีนางกำนัลนำป้านน้ำชามาวางลงตรงหน้าของทั้งสองและรินน้ำชาให้ทั้งคู่แล้วถอยออกไปด้านหล
แต่ใบหน้าคมคายของเขาก็ถอดสีลงไปเล็กน้อย นางมีสามีแล้วเช่นนั้นหรือ สายตาคมของเขามองเลยผ่านไปที่บุรุษที่นั่งเคียงข้างนางอยู่ไม่ห่าง เจ้าหมอนั่นจ้องมองเขาตาเขม็งอย่างไม่ใคร่จะพอใจนัก เขามองออก นั่นคือสวามีของนางที่เพิ่งแต่งงานกันได้เพียงไม่นาน คงจะสังเกตุเห็นสายตาของเขาที่จ้องมองหญิงงามที่นั่งเคียงข้างมาหลายครั้งแล้ว น่าเสียดายเหลือเกินที่เขาพบองค์หญิงหลีน่าผู้งดงามเหลือเกินช้าไป หากนางยังไม่มีพันธะเขาจะต้องทูลขอพระราชทานสมรสระหว่างงเขากับนางอย่างแน่นอน เขาจะมิปล่อยให้หญิงที่งดงามปานจะล่มเมืองผู้นี้รอดพ้นจากเขาไปเป็นอันขาด เพียงแค่พบสบตากันในอกใจของเขาก็หวั่นไหวอย่างมากมาย เขาบอกตนเองว่าเขาอยากจะได้นางกลับไปเป็นพระชายาของเขาเหลือเกิน แม้ขณะนี้จะรู้ว่านางแต่งงานไปกับบุรุษอื่นเสียแล้ว เขาก็ยังพึงใจนางเหลือเกิน เขาหันไปกระซิบกับขันทีที่ยืนอยู่ด้านหลังอีกครั้ง ขันทีผู้นั้นพยักหน้าแล้วเดินอ้อมไปทางด้านหลังแล้วไปปรากฏกายที่ด้านหลังองค์รัชทายาทและกระซิบกระซาบบางอย่่างกับเขา เมื่อองค์รัชทายาทรับรู้สิ่งที่ขันทีนำมารายงาน เขาก็ชะโงกตัวไปปรึกษากับองค์ชายรองที่นั่งข้าง ๆ เขาทันที สองพี่น้องหันมาสบต
เมื่อทำรอยไว้จนพอใจแล้ว ก็ไล้เลียเนินอกอวบใหญ่ของนาง มือหนาปัดสาปเสื้อสีขาวเนื้อผ้าโปร่งบางเบาจนมองทะลุเห็นเนื้อแท้ของร่างอวบอิ่มขาวผ่องของนาง ที่มีอิทธิพลต่อเจ้าลูกชายด้านล่างของเขาเหลือเกิน ตอนนี้มันคับจนตึงแน่นอยากจะออกมาผงาดเต็มทีแล้ว ต่อไปเขาจะไม่ยอมให้นางใส่ชุดนอนตัวนี้ให้ผู้ใดเห็นอย่างเด็ดขาด เขาจะเก็บเอาไว้ดูเพียงผู้เดียวเท่านั้น แล้วยิ่งนึกถึงชุดโชว์ร่องอกของนางในวันนี้ใบหน้าของเขาบึ้งตึงขึ้นมาทันที นางอยากจะเปิดเผยเนื้อตัวให้ผู้ใดเห็นกัน หรือเจ้าองค์ชายนั่นที่มันมองนางตาหวานเยิ้มแทบจะตลอดเวลานั่น แม่ทัพหนุ่มครุ่นคิด ขณะที่ก้มลงไล้เลียผลอิงเถาของนางที่มันสั่นระริกเหมือนรอคอยเขาอยู่ ทันทีที่ลิ้นสากร้อนที่ชุ่มชื่นของเขาสัมผัสเข้ากับผลอิงเถาของนาง ร่างอวบก็ร้องครวญครางออกมาอย่างเสียวซ่านยิ่งนัก “ อ๊าย อ๊าา อ๊าา อ๊ายย ไม่นะ อย่าทำข้า ไม่นะ อ๊าย อ๊าาา ” องค์หญิิงน้อยพยายามดิ้นรนหนีออกจากใต้ร่างแข็งแกร่งของแม่ทัพหนุ่ม แต่มีหรือที่เสือหิวที่กำลังจะตะครุบเหยื่อเนื้อหวานเช่นนางจะปล่อยนางให้รอดเงื้อมมือของเขาไป เขาอ้าปากครอบลงบนอกอวบใหญ่ของนางแล้วดูดดื่มผลอิงเถาของนางอย่างดูดดื่มย
เมื่อร่างหนากระแทกร่องอวบของนางจนกระทั่งสะโพกอวบกระตุกเกร็งหลายครั้งแล้วร่างอวบก็เสร็จสมไปทันที เมื่อเห็นดังนั้นแม่ทัพหนุ่มจึงได้เร่งจังหวะกระแทกร่องอวบของนางอย่างรุนแรงจนกระทั่งสะโพกหนาของเขาก็กระตุกเกร็งแล้วปลดปล่อยสายธารรักเข้าไปในร่องอวบของนางจนหมดทุกหยาดหยดทั้งสองอ่อนแรงล้มตัวลงนอนบนฟูกหนานุ่ม แม่ทัพหนุ่มดึงร่างอวบที่อ่อนระทวยแทบจะหมดแรงขององค์หญิงหลีน่าเข้ามาซุกในอกแกร่งของเขา องค์หญิงแม้อยากจะดีดดิ้นเพื่อเป็นการเล่นตัวแต่พองามออกมาจากอ้อมกอดนั้น แต่นางแทบจะไม่มีแรงเหลืออยู่เพราะเขาเคี่ยวกรำนางแทบจะครึ่งค่อนคืนแล้ว จึงได้ยอมนอนซุกอกแกร่งของเขาแต่โดยดีแล้วผล็อยหลับไป แม่ทัพหนุ่มที่กอดร่างอวบขององค์หญิงหลีน่าที่เมื่อก่อนเขาไม่พึงใจนาง และรู้สึกฝืนใจเหลือเกินที่ต้องจำยอมแต่งงานกับนางแต่เวลานี้เขากลับดิ้นรนจะเข้าหานาง ขนาดเข้าประตูหน้าเรือนไม่ได้ก็ถึงกับยอมปีนเข้าทางหน้าต่าง ใบหน้าหล่อเหลายิ้มนิด ๆ อย่างพึงใจ วันนี้เขามีความสุขเหลือเกินอย่างที่ไม่เคยมีหญิงใดทำให้เขาสุขเท่านี้มาก่อน ร่างอวบอิ่มที่อยู่ในอ้อมกอดของเขาทั้งเนียนและนุ่มมือยิ่งนักมือหนาของแม่ทัพหนุ่มที่ยังไม่ได้หลับไหลล
แม่ทัพหนุ่มสอดเจ้าลูกชายที่มันพร้อมจะรบเต็มทีแล้ว เข้าไปในร่องอวบของนางทีเดียวเกือบจะมิดลำกายเพราะคราวนี้มันมีน้ำรักทั้งของเขาและของนางหล่อเลี้ยงเอาไว้แล้วจำนวนมาก แถมนางยังปล่อยน้ำรักออกมาอีกเพราะเสียวซ่านเหลือเกินที่ถูกเขาดูดดื่มผลอิงเถา “ อ๊า อ๊าา อ๊าาา อ๊ายย ท่านพี่ข้าเสียวเหลือเกิน เสียว อ๊าา อ๊าางง อ๊าางง ” องค์หญิงหลีน่าผู้มีแผนเผด็จศึกสวามีที่อดีตเคยเฉยชาไม่ต้องการนางจนบัดนี้เขาร้องครวญครางปานจะขาดใจเมื่อขย่มนางอย่างเร่าร้อน นางยกยิ้มสมใจ บัดนี้สวามีผู้เฉยชาและไม่ได้รักใคร่ใยดีนางตกอยู่ในการควบคุมของนางอย่างราบคาบ “ อ๊าาก อ๊าากก อ๊าาก เม่ียจ๋า พี่เสียวเหลือเกิน เมียจ๋า อ๊าากก อ๊าาากกก ” แม่ทัพหนุ่มร้องครวญครางในลำคอหนาอย่างสุขสมเหลือเกิน เขาโยกขย่มนางจนแทบจะจมไปกับฟูกหนานุ่มนั้น และนางก็ร่อนสะโพกอวบรับเขาเป็นจังหวะเดียวกัน แขนเรียวยกโอบรอบต้นคอหนา ขาเรียวขาวสองข้างก็ยกขึ้นเกี่ยวบั้นเอวหนาของเขาเอาไว้ ปากก็ร้องครวญครางเสียงกระเส่า “ อ๊าา อ๊าา อ๊าา ท่านพี่เจ้าขา น้องเสียวเหลือเกิน ท่านพี่ อ๊าา อ๊าา อ๊าาา อ๊าาางง ” องค์หญิงหลีน่าร้องครวญครางเสียงกระเส่าเพื่อปลุกเร้าสวามี นางโยกส
แม่ทัพไป๋เฟยหลงเมื่อได้รับจดหมายจากท่านอ๋องแปดก็พาเมียรักเดินทางกลับเข้าแคว้นชิงทันที มิต้องพานางไปซ่อนตัวอีกแล้ว เพราะองค์ชายผู้นั้นมิได้คิดจะติดตามหลีน่ามา เขาจึงได้ขี่ม้าพานางกลับอย่างไม่ต้องเร่งร้อนมากนัก สองสามีภรรยาพากันขี่ม้าชมป่าเขาและทุ่งหญ้ากว้างกลับมาอย่างมีความสุขหลีน่าเพิ่งรู้ว่ามีความสุขมากเพียงใดที่ขี่ม้ามากับคนรักและพากันชมทิวทัศน์สองข้างทาง และบางครั้งก็ผ่านทุ่งหญ้ากว้างที่มีสัตว์เลี้ยงกินหญ้าอยู่ บางครั้งก็ผ่านป่าโปรงที่มีดอกไม้ป่าหลากสีสันเต็มทุ่งกว้างที่มองไปแล้วสบายตายิ่งนัก “ ท่านพี่เจ้าคะ ข้าชอบมาขี่ม้าเที่ยวกับท่านมากเลยเจ้าค่ะ ไว้คราวหน้าท่านพาข้ามาอีกนะเจ้าคะ ” แม่ทัพหนุ่มยกยิ้มน้อยๆ มือหนาของเขาโอบเอวบางของนางเอาไว้หลวมๆ ร่างอวบอิ่มเอนกายพิงอกอุ่นของสวามีแล้วชี้ชวนกันดูสิ่งต่างๆที่ม้าวิ่งเหยาะย่างผ่านไปช้า ๆ นั้น “ พี่พาเจ้ามาได้อยู่แล้ว แต่ตอนนี้คงจะต้องเว้นว่างไปก่อนเพราะพี่คิดว่าเจ้ากำลังตั้งครรภ์อย่างแน่นอน ” หลีน่าเงยหน้าขึ้นมองใบหน้าหล่อเหลาของสวามี “ ท่านพี่รู้ได้อย่างไรเจ้าคะ ” มือหนาของเขาลูบไล้หน้าท้องของนางไปมา “ พี่คิดว่าเจ้าอวบอิ่มขึ้นมากนะ ด
องค์ชายซ่งที่ก้มลงไล้เลียผลอิงเถาไปมาเขาทั้งดูดทั้งไล้เลียมันอย่างมัวเมา สลับกับฟอนเฟ้นอกอวบใหญ่นั้นไปมา ผลอิงเถาของหญิงชาวบ้านผู้นี้ทำเอาเขาติดใจไม่น้อย นางแอ่นอกอวบใหญ่เพื่อปรนเปรอเขาอย่างเต็มอกเต็มใจ องค์ชายซ่งจึงได้คลายผ้าคาดเอวของตนเอง แล้วดึงกางเกงลงจนเจ้าลูกชายอวบใหญ่ที่พองขยายเกือบจะเต็มที่นั้นออกมาแล้วสอดมันเข้าไปในร่องอวบที่เริ่มมีน้ำรักไหลซึมออกมานั้น เมื่อสอดมันเข้าไป เขาพบว่ามันยังคงคับแน่น แต่นางมิใช่สาวบริสุทธิ์อีกแล้ว แต่ร่องอวบนี้มันก็ตอดรัดเขาหนุบหนับเหลือเกินจนเขาเสียวซ่านไปหมด แทบจะเสร็จสม แม้นางมิใช่สาวบริสุทธิ์แต่เขาถูกใจความอวบอั๋นเต็มไม้เต็มมือ เขาฟอนเฟ้นร่างอวบของนางจนทั่วรู้สึกติดใจไม่น้อย ขณะนี้เจ้าลูกชายที่สอดเข้าไปจนมิดก็ค่อย ๆ ขยับเข้าออกช้าๆด้วยจังหวะที่เนิบนาบจนกระทั่งเร่งความเร็วขึ้นเรื่อย ๆ ฟางเซียงที่เริ่มจับจังหวะรักของเขาได้ก็ยกสะโพกอวบของตนขึ้นลงกระแทกลำกายที่ใหญ่เหลือเกินของเขาอย่างรุนแรง ปากอวบอิ่มของนางก็ร้องครวญครางอย่างเสียวซ่านเหลือเกิน นางต้องการปลุกเร้้าเขาจึงเสแสร้งครวญครางด้วยเสียงกระเส่า “ อ๊ะ อ๊ะ อ๊าา อ๊ะ อ๊าา อ๊า ผัวของฟางเซียง อ๊าา
ด้านองค์ชายซ่ง ค่ำคืนที่แม่ทัพไป๋ได้ลักพาตัวขององค์หญิงหลีน่าหนีออกไป เขาก็ไม่ได้รู้เรื่องราวถึงแผนการณ์ของเหล่าองค์ชาย จึงได้เข้าไปนั่งดื่มสุราเพียงผู้เดียวที่ห้องพักแรมของเขา ขณะนี้เขาเริ่มไม่แน่ใจว่าควรจะแต่งงานกับองค์หญิงหลีน่าหรือไม่ แม้เขาจะยังรักและหลงไหลนางแต่ความรู้สึกของเขาในขณะนี้รู้สึกแปลกๆ เหมือนกำลังมีบางสิ่งที่เขาไม่รู้เกิดขึ้นอยู่ใต้จมูกของเขา ขณะที่กำลังสับสนกับตนเองอยู่นั้น ก็มีเสียงเคาะประตูดังขึ้น“ เอาอาหารมาส่งเจ้าค่ะ ” มีเสียงสตรีที่หวานไม่น้อยดังขึ้นที่หน้าห้องพักของเขา เมื่อเขาเอ่ยปากอนุญาติก็มีเสียงประตูเปิดเข้ามาแล้วปิดลงตามหลัง จากนั้นเมื่อเขาเงยหน้าขึ้นมองผู้ที่เอาอาหารมาส่งนั้น ปรากฏว่าเป็นสตรีใบหน้าหวานล้ำ ขาวผ่องผู้หนีึ่ง แม้นางจะอยู่ในชุดสาวรับใช้ที่เขาคิดว่านางน่าจะเป็นสาวใช้ที่นี่ แต่หน้าตาและผิวพรรณก็งดงามเกินสาวใช้ทั่วไป เขาจ้องมองนางเดินยกถาดไม้ตรงมาที่โต๊ะกลมที่เขานั่งอยู่ เมื่อเดินมาถึงโต๊ะกลมนางก็ยกจานอาหารสามสีี่จานวางลงบนโต๊ะกลมนั้น อาหารมีกลิ่นหอมน่ากิน บางจานยังม่ีควันลอยกรุ่นขึ้นมาแสดงว่าอาหารเหล่านี้เพิ่งปรุงสุก “ อาหารที่นายท่านสั่งทั้ง
เมื่อพากันตื่นขึ้นมาในเวลาใกล้จะถึงยามซื่อของอีกวัน แม่ทัพหนุ่มพาเมียรักไปอาบน้ำกันในลำธารที่ใสที่ไหลรินนั้น น้ำในช่วงเช้าเย็นสดชื่นยิ่งนัก องค์หญิงหลีน่าหันมองไปรอบๆกายแล้วจึงค่อยถอดอาภรณ์ของตนเองออกแล้วก้าวลงไปในลำธารใสนั่นทันที นางเดินไปอีกเล็กน้อยจนถึงโขดหินใหญ่แล้วก็ค่อยๆขัดเนื้อตัวของตนเองอย่างสบายใจ จู่ ๆก็มีมือหนาคู่หนึ่งอ้อมมานวดเฟ้นอกอวบใหญ่ของนางเบาๆ หลีน่าจึงได้หันไปมองพบใบหน้าที่หล่อเหลาเหลือร้ายของสามีตนเอง สบตาคมที่เปี่ยมไปด้วยความรักใคร่หลงไหลอยู่เต็มเปี่ยม นางจึงได้เอนกายพิงอกแกร่งที่เต็มไปด้วยมัดกล้ามของสวามีแล้วหลับตาพริ้ม มือหนานวดเฟ้นอกอวบใหญ่นั้นจากนวดเบาๆจนกระทั่งเพิ่มแรงบีบเค้นเพิ่มขึ้นสลับกับสะกิดผลอิงเถาของนางไปมา“ อ๊าา อ๊าา ท่านพี่ อ๊าา อ๊ะ อ๊ะ ” หลีน่าส่งเสียงครางเบาๆออกมาอย่างเสียวซ่าน เมื่อได้ยินเสียงครางของเมียรักมือหนาจะได้บีบบี้ผลอิงเถาของนางยิ่งขึ้น หลีน่าที่เอนกายพิงอกแกร่งนั้นแอ่นอกอวบไปมาเพราะความเสียวซ่านที่มากขึ้นเรื่อย ๆ เมื่อฟอนเฟ้นอกอวบของเมียรักจนพอใจ เขาจึงได้จับร่างอวบของนางหันหน้าเข้าหาตนเองแล้วประกบจูบนางอย่างดูดดื่ม ลิ้นทั้งสองเกี่ยวพ
แม่ทัพหนุ่มครางเบาๆในลำคอหนา เขาเสียวเหลือเกิน สุขสมสุดๆ อย่างที่ไม่เคยกับหญิงใด เพราะเขารักนาง รักนางเหลือเกิน เมียรักของเขา สะโพกหนายกเสยลำกายอวบใหญ่เข้าไปในร่องอวบของนางที่กระแทกกระทั้นลงหาเขาอย่างรุนแรงทั้งจากแรงส่งของม้าและตัวของนางเองที่ขย่มลงมาหาลำกายอวบใหญ่ของเขาอย่างร่านร้อน” อ๊าา อ๊าา อ๊าาา ท่านพี่เจ้าขา ท่านพี่ข้ารักท่าน ข้ารักท่าน อ๊าาา อ๊าาย อ๊าายย “ องค์หญิงหลีน่าที่ปากก็ร้องครวญครางเพราะเสียวซานเกินจะทนและตัดสินใจสารภาพรักกับสวามีของนางทันทีที่นางรู้ว่าตัวของนางจะยอมให้เขาเพียงผู้เดียวที่จะมาขย่มนางเช่นนี้และนางเองก็จะขย่มเขาได้เพียงผู้เดียวเช่นกัน ทั้งสองร้องครวญครางผสานกันอย่างสุขสมเหลือเกิน และเสร็จสมไปครั้งที่เท่าไหร่ก็จำไม่ได้ ทั้งกระแทกเข้าหากันอย่างเร่าร้อน ทั้งเสร็จสม ทั้งลูบไล้กันไปมาอย่างโหยหากันเหลือเกิน ” อ๊ากก อ๊าา เมียจ๋า เมียรัก พี่รักเพียงเจ้าผู้เดียวเท่านั้น เชื่อพี่นะ พี่รักเจ้า อ๊าากก อ๊าาาก “ แม่ทัพหนุ่มร้องครวญครางและสารภาพความในใจกับเม่ียรักของเขาจนหมด เขารักนางเหลือเกิน ทนเสียนางไปไม่ได้ เขายอมทุกอย่างเพื่อที่จะได้นางกลับมา ทั้งสองโยกขย่มกันอย่า
ด้านองค์หญิงหลีน่าที่หลับไหลไปด้วยฤทธิ์ยานอนหลับที่สวามีใช้ในการพานางหนีเพื่อไม่ให้นางตื่นมาโวยวายจนแผนการณ์ครั้งนี้ล้มเหลว ตอนนี้นางนอนหลับพิงอกแกร่งของสวามีที่กำลังควบขี่ม้าสีน้ำตาลเข้มตัวสูงใหญ่ดูแข็งแรงที่เป็นมันพันธ์ดีและเป็นม้าคู่กายของเขาที่ใช้ในการออกรบเสมอ มันแข็งแรงยิ่งนัก และมีฝีเท้าที่รวดเร็ว เขาควบขี่พานางลัดเลาะมาตามเส้นทางเพื่อจะกลับไปยังแคว้นชิงแต่่ระหว่างทางคงจะแวะพานางไปนอนที่จวนเล็กๆริมเชิงเขาที่เขาสร้างเอาไว้เพื่อฝึกยุทธ์และพักผ่อนอย่างสงบเวลาที่ไม่ต้องการพบปะผู้ใด เขาจะต้องง้องอนนางและสั่งสอนนางเรื่องที่จะหนีเขาไปหาสามีใหม่ทั้ง ๆที่ยังไม่ได้หย่าขาดกันอย่างเป็นทางการ แม้นางยังไม่ได้แต่งงานกับเจ้าองค์ชายนั่น แต่ถึงกับไปท่องเที่ยวแคว้นต้าเหนิงตามคำเชิญของเจ้านั่นมันก็ไม่ต่างอะไรกับที่ตกลงจะแต่งงานกับมันหญิงอ่อนแอเช่นนางหากเข้าไปอยู่ในแคว้นนั่นแล้วจะรอดพ้นเงื้อมมือของคนที่จ้องจะจับนางทำเมียหรือ เขาไม่คิดว่านางจะรอดพ้นบุรษเจ้าเล่ห์ผู้นั้นไปได้ และในที่สุดเขาจะต้องเสียเมียของเขาให้ชายอื่น ซึ่งเป็นเรื่องที่เขายอมไม่ได้เป็นอันขาด คราวนี้ได้ตัวนางกลับมาแล้ว เขาจะขังนางเอ
เมื่อพากันเดินทางมาทั้งวันม้าฝีเท้าดีที่ใช้วิ่งลากรถม้านั้นวิ่งกันไม่ได้หยุดพักเลยจนมาถึงโรงเตี้ยมนอกเมืองแห่งหนึ่งที่เป็นจุดหมายของวันนี้ที่จะพักแรมกันคืนนี้ก่อน รถม้าทั้งหมดจอดลงที่หน้าโรงเตี้ยมองค์หญิงหลีน่าเปิดผ้าม่านออก นางนั่งอยู่ในรถม้ากับเหล่านางกำนัลทั้งสี่คน รถม้าของนางคันใหญ่ที่สุดเพราะพวกเขาเกรงนางจะลำบาก จึงจัดเตรียมรถม้าคันใหญ่และมีเสบียงอาหารและน้ำดื่มอยู่ในนั้นบริบูรณ์ นางจ้องมองออกไปนอกรถม้า พบว่ารถม้ามาถึงโรงเตี้ยมที่องค์ชายซ่งบอกเอาไว้แล้ว “ เราลงไปจากรถม้ากันเถิด ข้าปวดเมื่อยไปหมดแล้ว ออกไปเดินยืดเส้นยืดสายกันสักหน่อย ” องค์หญิงหลีน่าชักชวนเหล่านางกำนัล จากนั้นก็พากันลงจากรถม้า“องค์หญิงข้าน้อยจองห้องพักไว้เรียบร้อยแล้วอยู่บนชั้นสามพะยะคะ เป็นห้องใหญ่สุดตรงสุดไปเป็นห้องสุดท้ายส่วนของนางกำนัลทั้งสี่อยู่ถัดมาให้พักห้องละสองคนพะยะคะ ”คนสนิทร่างใหญ่ขององค์ชายซ่งเดินมาบอกนาง องค์ชายซ่งที่เดินลงจากรถม้าตรงมาหานางด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม “ น้องหญิงเจ้าคงจะเหนื่อยมากแล้ว ขึ้นไปพักผ่อนอาบน้ำให้เรียบร้อย แล้วพี่จะให้คนยกอาหารขึ้นไปให้เจ้าที่บนห้อง ” องค์หญิงคนงามหันมายิ้มให้ร่าง
เมื่อโยกสะโพกอวบเข้าหาใบหน้าของคนสนิทขององค์ชายซ่งจนกระทั่งนางกระตุกเกร็งหลาย ๆ ครั้งเสร็จสมไปแล้ว ร่างอวบก็อ่อนแรงลงนอนแผ่ราบบนพื้น โดยมีองครักษ์วัยกลางคนกำลังดูดดื่มผลอิงเถาของนางอย่างเมามัน คนสนิทร่างใหญ่จับลำกายอวบใหญ่ของเขาสอดเข้าไปในร่องอวบของนางแล้วค่อยๆดันเข้าไปจนมิดลำกาย ร่องอวบยังคงตอดรัดเขาหนุบหนับจนเขารู้สึกเสียวซ่านยิ่งนัก จึงได้ค่อยๆขยับลำกายขย่มนางอย่างรุนแรง“ อ๊าายย อ๊าา อ๊าา อ๊าา แรงขึ้นอีก แรงๆอีก อ๊ายย อ๊าาา ” หลินซวงร้องครวญครางปานจะขาดใจ นางโยกสะโพกอวบรับลำกายแกร่งนั่นอย่างร่านร้อนด้วยเพราะฤทธิ์ของยาปลุกกำหนัดที่ยังคงออกฤทธิ์อยู่ คนสนิทร่างใหญ่เร่งกระแทกลำกายของเขาจนเสร็จสมไปกันทั้งคู่แล้ว องครักษ์หนุ่มใหญ่ที่ทนต่อไปไม่ไหวแล้ว จึงได้ขยับมาสอดใส่ลำกายอวบใหญ่ของเขาต่อจากคนสนิทร่างใหญ่ที่ชื่อเหวินโกทันที เขาสอดลำกายเข้าไปอย่างง่ายดายเพราะร่องอวบของนางนั้นมันถูกเริงรักมาแล้วหลายครั้งและตอนนี้มันยังมีน้ำรักของทั้งเหวินโกและของนางอยู่เต็มไปหมดจึงเข้าไปได้ง่ายดายเมื่อมิดลำกายใหญ่นั้นแล้ว เขาก็เร่งกระแทกขย่มนางทันทีอย่างเร่าร้อน ปากก็ร้องครวญครางเสียงกระเส่าผสานกันทั้ง
ขณะที่จวนแม่ทัพวุ่นวายเพราะนายท่านดื่มเหล้าเมามายและแทบไม่กินไม่นอนเพราะฮูหยินหนีกลับไปอยู่วังหลวงและได้ยินว่านางพยายามจะหย่าขาดกับแม่ทัพไป๋ให้ได้ แต่ท่านแม่ทัพไม่ยินยอม จนเรื่องราวชักจะบานปลาย แม่นมหูรู้สึกผิดเหลือเกินที่ส่งเสริมหลานสาวในทางที่ผิด“ แม่นมรู้สึกผิดต่อท่านแม่ทัพและฮูหยินเหลือเกิน ไม่คิดเลยว่าหลินซวงจะทำเรื่องชั่วช้าถึงขนาดนี้ แม่นมแค่หวังว่าท่านแม่ทัพจะยอมรับนางอย่างเต็มใจมิใช่การใช้เล่ห์กลทำลายชีวิตท่านเช่นนี้ แม่นมผิดเองที่สั่งสอนนางไม่ดีทำให้นางเนรคุณถึงเพียงนี้ ” นางร้องไห้รำพันถึงโทษตนเองและตีอกชกหัวต่อหน้าแม่ทัพหนุ่ม แต่เขาก็ไม่มีกระจิตกระใจจะปลอบใจใครทั้งนั้น จึงได้เอ่ยแค่เพียงว่า“ ท่านไม่ต้องโทษตนเองหรอก เพราะเรื่องมันเกิดขึ้นไปแล้ว แต่ข้าคงจะให้นางอยู่ที่นี่ต่อไปไม่ได้ ท่านจัดการให้นางย้ายกลับไปเฉินตูเสีย และอย่ากลับมาให้ข้าเห็นหน้าอีกก็เพียงพอแล้ว ส่วนเรืื่องฮูหยินข้าจะจัดการเอง ” แม่ทัพหนุ่มเอ่ยขึ้น แล้วเดินหนีออกมาจากเรือนหลัก เพราะลำพังจิตใจของตนเองก็แทบจะประคองเอาไว้ไม่ได้ เขาอยู่ได้ด้วยความหวังว่าแผนการณ์ที่องค์รัชทายาทบอกกับเขาจะสำเร็จเขาจะชิงเมียรัก