“ อ้อ !! ลืมบอกไป ข้าคือหูหลินซวงหลานสาวแม่นมหู ที่เป็นแม่นมของท่านแม่ทัพมาตั้งแต่ยังเล็กๆ ที่จริงข้าเองก็ควรจะได้แต่งงานกับเขาเพราะข้าปรนนิบัติดูแลท่านพี่มาหลายปีแล้ว แต่ในเมื่อมีหญิงที่เขามิได้พึงใจบังคับให้เขาจำต้องแต่งงานรับนางเป็นฮูหยินเอกเสียแล้ว
ข้าคงต้องเสียสละเป็นฮูหยินรองกระมัง แต่น่าเสียดายที่นายของเจ้าคงจะเป็นฮูหยินเพียงแค่ตำแหน่งเท่านั้น หญิงที่สามีไม่ปรารถนา ไม่อยากจะร่วมหอ รูปร่างก็อ้วนใหญ่เช่นนั้นยังจะหลงไหลบุรุษจนบีบบังคับให้เขาจำต้องแต่งงานด้วยอีก ช่างหน้าไม่อายจริงๆ ท่านพี่ก็ออกจะหล่อเหลาปานนั้นท่าทางก็องอาจผึ่งผาย แต่จำต้องมีเมียอัปลักษณ์เช่นนี้ บุรุษใดจะทนได้กัน นายของเจ้ารู้หรือไม่ ท่านพี่ดื่มเหล้าเมามายมาหลายวันแล้ว เขาต้องทนทุกข์ที่จำต้องแต่งงานกับหญิงที่เขาไม่ได้รักไม่ได้ชอบ แถมยังรังเกียจเสียด้วยซ้ำ ” หูหลินซวงเอ่ยขึ้นด้วยใบหน้าที่บึ้งตึงอย่างไม่ค่อยจะพอใจ
“ วาจาสามหาวยิ่งนัก หญิงที่เจ้ากล้าด่าทอเป็นถึงองค์หญิงของแคว้นชิงแห่งนี้ หากข้านำคำพูดของเจ้าไปทูลฮองเฮาหัวของพวกเจ้ามีเท่าไหร่ก็คงจะไม่พอให้ตัดเป็นแน่ เป็นแค่หลานสาวแม่นมในจวนแม่ทัพ มาอาศัยเขาอยู่มิได้มีจวนเป็นของตนเอง แต่ก็ยังปากกล้ามิได้เกรงกลัวฟ้าสูงแผ่นดินต่ำ อย่าให้ข้าต้องทนไม่ไหวนะ ข้าเพียงแค่เห็นแก่องค์หญิงหลีน่านายของข้าที่ิมิอยากจะเอาเรื่องเอาราวกับพวกเจ้า ” เพ่ยอิงที่ทนฟังหญิงงามตรงหน้าเอ่ยวาจาล่วงเดินองค์หญิงของตนมานานจนทนไม่ไหว “ จึงเอ่ยตอบโต้นางอย่างเผ็ดร้อน ” หูหลินซวงใบหน้าถอดสีไปเล็กน้อยเมื่อคิดใคร่ครวญถึงคำพูดของอีกฝ่าย แต่นางก็ยังไม่วายทำท่าทางฮึดฮัด “ เฮอะ ในเมื่อนายเจ้าแต่งเข้ามาในจวนแม่ทัพแล้ว เป็นฮูหยินของท่านพี่ก็คงต้องทำตามคำสั่งท่านพี่ที่ได้ชื่อว่าเป็นสามีของนาง " เมื่อเอ่ยจบหลินซวงก็สะบัดหน้าแล้วเดินจากไปทันที พร้อมกับสาวใช้ที่ยื่นถาดอาหารให้กับเพ่ยอิงอย่างลุกลนแล้วรีบเดินตามหลินซวงไปทันที
องค์หญิงหลีน่าแม้จะนั่งอยู่ด้านในเรือนแต่วาจาของหลานสาวแม่นมของสามีในนามของนางนั้น หลีน่าได้ยินทุกคำ นางมิได้โกรธหญิงผู้นั้น แต่นางคิดถึงคำพูดที่หญิงผู้นั้นบอกว่าแม่ทัพไป๋ถึงกับดื่มเหล้าเมามายอยู่หลายวันเพราะเสียใจที่ต้องแต่งงานกับหญิงอัปลักษณ์ที่เขามิได้พึงใจเช่นหลีน่า นางได้แต่ถอดทอนใจออกมา เเต่เมื่อเรื่องมันล่วงเลยมาจนถึงบัดนี้การแก้ไขมิใช่เรื่องง่าย การหย่าแล้วย้ายกลับเข้าวังหลวงนั้นนางทำได้ไม่ยาก แต่นางมิอยากให้ราชวงศ์ต้องอับอายเพราะนาง เรื่องนี้คงต้องใช้เวลาในการแก้ไข หลีน่ามิได้อยากบังคับใจใคร นางแค่เพียงคิดน้อยไปหน่อยจึงได้เกิดเรื่องราวเช่นนี้ขึ้นมา
สองวันต่อไป หลีน่าออกไปเดินเล่นในสวนหน้าจวนแม่ทัพ สวนแห่งนี้แม้จะสวยงามและได้รับการดูแลดีไม่น้อย ดอกไม้ก็ปลูกไว้เป็นหมวดหมู่มีสีสันตัดกันหลากหลายสีงดงามตาไม่น้อย ไม้ใบที่นี่ก็มีหลากหลายชนิด มีทั้งไม้ใบชนิดเป็นพุ่มและไม้มงคลต่างๆ ต้นไม้ใหญ่น้อยก็ถูกตัดแต่งอย่างดี มีศาลากลางบึงบัวหากไปนั่งเล่นตอนแดดร่มแล้วคงจะเย็นสบายดี นางเดินเล่นช้าๆ หันมองบรรยากาศรอบกายด้วยความพึงใจ พลันสายตาก็หันไปพบเข้ากับแม่ทัพไป๋เฟยหลงที่กำลังเดินกลับเข้าจวนมา นางจึงคิดจะเดินไปทักทายเขา แม้เขามิไม่ได้รักนางไม่พึงใจอยากจะได้นางเป็นภรรยา แต่นางคิดแค่เพียงว่าอยากจะผูกมิตรกับเขาระหว่างที่นางยังอยู่ที่จวนแม่ทัพแห่งนี้ จึงได้เดินตรงไปหาเขาโดยมีสองนางกำนัลเดินตามนางไปด้วย นางหยุดรอเขาที่ทางเดินที่เขากำลังมุ่งตรงมาเพื่อจะเดินกลับไปยังเรือนหลักของเขา
เมื่อแม่ทัพหนุ่มเห็นฮูหยินที่เขาไม่ต้องการนั้นหยุดยืนรอเขาที่ริมทางเดินที่จะไปเรือนหลัก เขาชะงักไปครู่หนึ่งแต่เมื่อไม่มีทางอื่นให้เดินหลีกหนีนาง เขาจึงจำใจเดินตรงมายังทางที่นางกำลังยืนรออยู่ เมื่อเดินมาถึงตัวของนาง องค์หญิงหลีน่ากำลังจะอ้าปากทักทายเขา แต่แม่ทัพหนุ่มกลับทำเป็นมองไม่เห็นนางแล้วเดินผ่านนางไปเลยโดยที่ไม่หยุดแวะทักทายนางเลยด้วยซ้ำ ดังเช่นเขามองไม่เห็นร่างหญิงอ้วนที่ตอนนี้แต่งงานกับเขาแล้วและได้ชื่อว่าเป็นฮูหยินของเขาเลยแม้แต่น้อย ทิ้งให้องค์หญิงหลีน่ามองตามหลังร่างสูงสง่าของเขาไปจนลับตา น้ำตาของนางคลอหน่วยตาที่เล็กยิบหยีลงด้วยใบหน้าอ้วนกลมที่เต็มไปด้วยไขมันนั้นบดบังทำให้ดวงตาที่ควรจะดูกลมโตกว่านี้เล็กลงอย่างมาก
สองนางกำนัลที่เห็นเหตุการณ์มาโดยตลอดต่างพากันตกตะลึงแล้วมองตามหลังแม่ทัพไป๋เฟยหลงที่ได้ชื่อว่าเป็นสามีขององค์หญิงหลีน่าไปอย่างไม่เชื่อสายตา แม่ทัพหนุ่มผู้นี้ช่างบังอาจยิ่งนัก ถึงกับกล้าเมินองค์หญิงหลีน่าของพวกเรา จึงได้เอ่ยขึ้นว่า “ องค์หญิงเพคะ เป็นอะไรหรือไม่ ” เพ่ยอิงที่กำลังจะเอ่ยวาจาต่อว่าแม่ทัพไป๋แต่กลับมองเห็นน้ำตาที่คลอหน่วยตาและมันเริ่มรินไหลรินลงมาขององค์หญิงหลีน่าเข้าเสียก่อน จึงกล้ำกลืนคำพูดของนางลงไปทันที
“ ไม่เป็นอะไร ข้าเพียงอยากจะทักทายเขาฉันท์มิตรเท่านั้น แต่เมื่อเขารังเกียจจนไม่ยอมรับไมตรีของข้าถึงขนาดนี้ก็คงต้องปล่อยให้เป็นตามใจที่เขาต้องการ เรากลับเรือนตะวันตกกันเถอะ ข้าเหนื่อยแล้ว ” เมื่อเอ่ยจบประโยค องค์หญิงหลีน่าก็พาร่างที่อวบอ้วนของตนเองค่อย ๆ เดินช้าๆ กลับไปยังทางเดินที่จะมุ่งสู่เรือนตะวันตกของตนเอง ในอกใจของนางเจ็บแปลบ นางเพิ่งจะรู้ว่่ารักคนที่เขาไม่เห็นค่าของเรามันเจ็บเช่นนี้เอง แม้นางจะทำใจได้มากแล้ว แต่เมื่อเผชิญกับความเฉยชาของชายที่นางหลงรักเขาจนหมดใจก็ทำให้ใจดวงน้อยของนางเจ็บปวดเหลือเกิน องค์หญิงร่างใหญ่ที่มีใบหน้านวลละออไม่น้อย เดินน้ำตาไหลรินกลับไปยังเรือนพำนักของตนเอง นางปล่อยให้น้ำตารินไหลลงมาโดยมิได้เช็ดมัน เพราะต้องการให้ตนเองเจ็บปวดอย่างถึงที่สุด หัวใจบ้าๆนี่มันจะได้จำเสียที วันหลังอย่าไปรักคนที่เขาไม่เห็นค่าของตนเองอีก เพราะลงท้ายแล้วมันจะเจ็บปวดแทบขาดใจนี้
สองนางกำนัลได้แต่เดินตามองค์หญิงหลีน่ามาเงียบๆ มิกล้าเอ่ยวาจาใดๆ องค์หญิงผู้นี้หากมีเรื่องใดทุกข์ใจนางจะเงียบเฉยเช่นนี้ แล้วทำใจเงียบๆเพียงผู้เดียวไม่ชอบให้ผู้ใดเซ้าซี้นาง เมื่อเดินตามกันมาจนถึงเรือนตะวันตก องค์หญิงหลีน่าก็เดินเข้าไปในเรือนอย่างเงียบสงบ แล้วเดินไปนั่งทรุดลงที่ตั่งตัวยาวที่ระเบียงเรือนด้านซ้ายที่ตอนนี้แดดร่มลงแล้ว มีลมพัดมาเย็นสบายอย่างยิ่ง นางยกมือปาดน้ำตาที่ไหลรินลงสองข้างแก้มให้แห้ง แล้วเอ่ยขึ้นว่า “ เหม่งอี้ เพ่ยอี้ เจ้ารู้จักผู้ใดที่จะมาช่วยข้าลดน้ำหนักได้บ้างหรือไม่ ข้าต้องการผอมลงและมีรูปร่างดังเช่นคุณหนูจวนขุนนางอื่นๆที่ข้าเคยเห็น ทำให้ข้างดงามยิ่งกว่าหญิงอื่นในเมืองหลวงนี้ได้ยิ่งดี ”
สองนางกำนัลหันมามองหน้ากันแล้วเอ่ยขึ้นอย่างแปลกใจว่า “ องค์หญิงอยากจะลดความอ้วนหรือเพคะ ทำไมเมื่อก่อนไม่เห็นจะสนใจเรื่องนี้เลย ” องค์หญิงหลีน่าหันมองสีหน้าของสองนางกำนัลที่มีท่าทางสงสัยในท่าทีของนางที่เปลี่ยนไปกระทันหันอย่างที่ไม่เคยมาก่อน “ ข้าอยากจะลดความอ้วนให้มีรูปร่างที่ผอมลงจะได้แต่งกายได้งดงามดังเช่นคุณหนูในห้องหออื่นๆที่ข้าเคยเห็น แต่มิได้ต้องการให้บุรุษใดพึงใจหรอกนะ ข้าทำเพื่อตัวข้าเองวันนี้ข้าเพิ่งจะนึกขึ้นได้ว่า ข้ามัวแต่พึงใจผู้อื่น อยากให้ผู้อื่นเป็นดังใจของข้า แต่ไม่เคยมองดูตนเองว่ามีสิ่งใดให้ผู้อื่นพึงใจได้้บ้าง แต่ข้ามิได้หมายถึงสามีในนามของข้าหรอกนะ เพราะข้าได้ตัดสินใจแล้ว ไม่ว่าข้าจะยังรูปร่างอ้วนใหญ่ทำให้ไม่มีใครต้องการข้า หรือ ข้าจะงดงามยิ่งกว่านี้ีอีกมากมาย แต่ข้าก็จะไม่มีวันรักบุรุษผู้นี้อีก ข้าจะตัดใจจากเขาให้ได้ เพียงแต่ตอนนี้ตัดสินใจแต่งงานเข้าจวนแม่ทัพมาแล้ว ยังไม่สามารถจะหย่าขาดจากเขาได้ง่ายๆ คงต้องใช้เวลาสักพักใหญ่ แต่ระหว่างรอเวลา ข้าจะปรับปรุงตนเองเสียใหม่ บำรุงตนเอง รักตนเองให้มากกว่านี้ ข้ารักตนเอง ข้าจึงต้องเป็นหญิงงามที่ดูแลตนเองได้ดีใช่หรือไม่ ”
วันแต่งงานของแม่ทัพไป๋เฟยหลง เขาที่ยังมึนๆจากการดื่มเหล้าอย่างหนักมาเมื่อคืนนี้ เพราะในอกใจของเขามันแสนจะอึดอัดเหลือเกิน เขาคิดว่าเขาเป็นบุรุษที่โชคร้ายยิ่งนัก เพิ่งพลาดรักจากคุณหนูเจียเหลียนฮวาน้องสาวของสหายสนิทที่เขาแอบมีใจให้นางมาหลายปี จนนางถอนหมั้นเขาก็มีความหวังขึ้นมาอีกครั้งแต่เมื่อนางหวนกลับไปแต่งงานกับอดีตคู่หมั้นของนางเขาจึงช้ำรักจากนางเป็นครั้งที่สอง ยังไม่ทันได้ตั้งตัวก็ได้รับสมรสพระราชทานกับองค์หญิงที่ตัวอ้วนใหญ่เหลือเกินตัวของนางใหญ่กว่าเขาเกือบสามเท่า แม่ทัพหนุ่มที่หล่อเหลาและรูปร่างสูงสง่าองอาจเช่นเขา กลับจะต้องมามีเมียที่ตัวอ้วนใหญ่เช่นนาง แม้จะมีศักดิ์สูงเป็นถึงองค์หญิงหนึ่งเดียวของราชวงศ์ แต่เขาก็มิได้สนใจในอำนาจ เพราะเขาก็แสวงหามันได้ด้วยตนเองอยู่แล้ว แต่เรื่องความรัก เขากลับไม่มีวาสนาเรื่องนี้เลย วันแต่งงานเขาไปรับเจ้าสาวที่ขึ้นเกี้ยวขนาดใหญ่กว่าเจ้าสาวทั่วไปเข้้าจวนมาด้วยใบหน้าเฉยชา ดวงตาก็ว่างเปล่าแทบจะไม่รู้สึกยินดียินร้าย เหล่าสหายก็จ้องมองเขาอย่างปลอบใจ แต่ก็ไม่มีใครช่วยอะไรได้ เมื่อเกี้ยวเจ้าสาวแปดคนหามมาถึงหน้าจวนแม่ทัพ นางกำนัลที่ติดตามเจ้าหญิงร่างใหญ่ผู
องค์หญิงหลี่น่านั่งรอสามีตั้งแต่แม่สื่อพานางมา จนนางกินขนมและผลไม้รองท้องจนเสร็จและนั่งฟังเสียงแขกเหรื่อสนทนากันอย่างสนุกสนาน เสียงหัวเราะและเสียงบรรเลงพิณในงานเลี้ยง เสียงการดื่มอวยพรที่ดูครึกครื้นไม่น้อย เสียงหัวเราะอย่างครื้นเครงในงานเลี้ยง สองนางกำนัลที่แอบออกไปดูบรรยากาศด้านนอกกลับมาบอกว่าข้างนอกครึกครื้นเหลือเกิน นางขยับร่างกายไปมาด้วยความปวดเมื่อยเนื้อตัว แม้เปลี่ยนท่าทางการนั่งมาทุกท่าก็ยังไม่มีวี่แววของเจ้าบ่าวที่จะเข้ามาในห้องหอ นางนั่งรอบนเตียงวิวาห์โดยยังอยู่ในชุดที่เต็มยศของเจ้าสาว จนกระทั่งเสียงทุกอย่างด้านนอกค่อยๆเงียบลงไปเรื่อย ๆ จนกระทั่งทุกอย่างเงียบสนิทลง ไม่มีแม้แต่เสียงบ่าวไพร่ที่กำลังช่วยกันเก็บข้าวของหลังจากงานเลี้ยงเสร็จสิ้นแล้ว ทุกอย่างในจวนแม่ทัพเงียบสนิทโดยสิ้นเชิง องค์หญิงหลีน่าหันไปมองสองนางกำนัลที่ง่วงนอนจนทนไม่ไหว นั่งหลับบนเก้าอี้กลมที่อยู่กลางห้องนั้น คนหนึ่งฟุบลงกับโต๊ะกลมนั้น อีกคนหนึ่งนั่งสัปหงกหัวโยกไปมาดูน่าเวทนา องค์หญิงหลี่น่าที่ทนต่อไปไม่ไหวจึงได้เรียกทั้งสองเบาๆ “ เหม่ยอี้เพ่ยอี้ มาช่วยข้าเปลี่ยนอาภรณ์ก่อน ข้าอยากจะอาบน้ำและเข้านอนแล้ว ปวดเม
นางผิดเองที่หลงรักเขาอย่างมากมายตั้งแต่เมื่อแรกเห็น นางไม่เคยคิดเลยว่าการบีบบังคับผู้อื่นให้รักตนเองนั้นมันจะนำความทุกข์มาให้ทั้งตัวของนางเองและบุรุษผู้นั้นด้วย แม้ตอนนี้นางจะเริ่มคิดได้แล้ว ว่าครั้งนี้นางอาจจะตัดสินใจผิดไป แต่เรื่องแต่งงานนี้เป็นเรื่องใหญ่ของราชวงศ์ นางรู้แล้วว่าเขารังเกียจนางมาก เมื่อตอนที่นางกำลังจะเดินมายังเรือนตะวันตก นางก็ยังแอบได้ยินสาวใช้ซุบซิบกันเบา ๆเรื่องที่แม่ทัพไป๋ที่เป็นคุณชายของจวนนี้มิได้ต้องการฮูหยินที่อัปลักษณ์และมีรูปร่างอ้วนใหญ่เช่นนี้ แต่จำใจเพราะเป็นสมรสพระราชทานและเมื่อตอนที่เขาได้รับราชโองการเขาแทบจะเป็นลมล้มลงด้วยซ้ำ ตอนที่สาวใช้ซุบซิบกันนั้น พวกเขาไม่เห็นว่านางหยุดยืนฟังพวกเขา และนางก็ไม่อยากให้ผู้ติดตามทั้งหลายมาได้ยินเข้าด้วย แต่ก็ดีแล้วที่นางได้ยินความในใจของพวกเขา นางจะได้รู้ว่าพวกเขาคิดกับนางเช่นไร และนางต้องขอบคุณสาวใช้ทั้งสองคนที่ซุบซิบกันให้นางได้ยิน เพราะเมื่อเจ้าบ่าวไม่มาเข้าหอนางจึงไม่ได้แปลกใจอันใดเพราะนางคิดไว้อยู่แล้ว ว่าถ้าเขารังเกียจนางมากถึงขนาดนั้น ก็คงจะไม่ยอมมาเข้าหออย่างแน่นอน องค์หญิงหลีน่าเทสุราลงจอกยกขึ้นดื่มช้าๆ
สองนางกำนัลหันมามองหน้ากันแล้วเอ่ยขึ้นอย่างแปลกใจว่า “ องค์หญิงอยากจะลดความอ้วนหรือเพคะ ทำไมเมื่อก่อนไม่เห็นจะสนใจเรื่องนี้เลย ” องค์หญิงหลีน่าหันมองสีหน้าของสองนางกำนัลที่มีท่าทางสงสัยในท่าทีของนางที่เปลี่ยนไปกระทันหันอย่างที่ไม่เคยมาก่อน “ ข้าอยากจะลดความอ้วนให้มีรูปร่างที่ผอมลงจะได้แต่งกายได้งดงามดังเช่นคุณหนูในห้องหออื่นๆที่ข้าเคยเห็น แต่มิได้ต้องการให้บุรุษใดพึงใจหรอกนะ ข้าทำเพื่อตัวข้าเองวันนี้ข้าเพิ่งจะนึกขึ้นได้ว่า ข้ามัวแต่พึงใจผู้อื่น อยากให้ผู้อื่นเป็นดังใจของข้า แต่ไม่เคยมองดูตนเองว่ามีสิ่งใดให้ผู้อื่นพึงใจได้้บ้าง แต่ข้ามิได้หมายถึงสามีในนามของข้าหรอกนะ เพราะข้าได้ตัดสินใจแล้ว ไม่ว่าข้าจะยังรูปร่างอ้วนใหญ่ทำให้ไม่มีใครต้องการข้า หรือ ข้าจะงดงามยิ่งกว่านี้ีอีกมากมาย แต่ข้าก็จะไม่มีวันรักบุรุษผู้นี้อีก ข้าจะตัดใจจากเขาให้ได้ เพียงแต่ตอนนี้ตัดสินใจแต่งงานเข้าจวนแม่ทัพมาแล้ว ยังไม่สามารถจะหย่าขาดจากเขาได้ง่ายๆ คงต้องใช้เวลาสักพักใหญ่ แต่ระหว่างรอเวลา ข้าจะปรับปรุงตนเองเสียใหม่ บำรุงตนเอง รักตนเองให้มากกว่านี้ ข้ารักตนเอง ข้าจึงต้องเป็นหญิงงามที่ดูแลตนเองได้ดีใช่หรือไม่ ”
“ อ้อ !! ลืมบอกไป ข้าคือหูหลินซวงหลานสาวแม่นมหู ที่เป็นแม่นมของท่านแม่ทัพมาตั้งแต่ยังเล็กๆ ที่จริงข้าเองก็ควรจะได้แต่งงานกับเขาเพราะข้าปรนนิบัติดูแลท่านพี่มาหลายปีแล้ว แต่ในเมื่อมีหญิงที่เขามิได้พึงใจบังคับให้เขาจำต้องแต่งงานรับนางเป็นฮูหยินเอกเสียแล้วข้าคงต้องเสียสละเป็นฮูหยินรองกระมัง แต่น่าเสียดายที่นายของเจ้าคงจะเป็นฮูหยินเพียงแค่ตำแหน่งเท่านั้น หญิงที่สามีไม่ปรารถนา ไม่อยากจะร่วมหอ รูปร่างก็อ้วนใหญ่เช่นนั้นยังจะหลงไหลบุรุษจนบีบบังคับให้เขาจำต้องแต่งงานด้วยอีก ช่างหน้าไม่อายจริงๆ ท่านพี่ก็ออกจะหล่อเหลาปานนั้นท่าทางก็องอาจผึ่งผาย แต่จำต้องมีเมียอัปลักษณ์เช่นนี้ บุรุษใดจะทนได้กัน นายของเจ้ารู้หรือไม่ ท่านพี่ดื่มเหล้าเมามายมาหลายวันแล้ว เขาต้องทนทุกข์ที่จำต้องแต่งงานกับหญิงที่เขาไม่ได้รักไม่ได้ชอบ แถมยังรังเกียจเสียด้วยซ้ำ ” หูหลินซวงเอ่ยขึ้นด้วยใบหน้าที่บึ้งตึงอย่างไม่ค่อยจะพอใจ “ วาจาสามหาวยิ่งนัก หญิงที่เจ้ากล้าด่าทอเป็นถึงองค์หญิงของแคว้นชิงแห่งนี้ หากข้านำคำพูดของเจ้าไปทูลฮองเฮาหัวของพวกเจ้ามีเท่าไหร่ก็คงจะไม่พอให้ตัดเป็นแน่ เป็นแค่หลานสาวแม่นมในจวนแม่ทัพ มาอาศัยเขาอยู่มิไ
นางผิดเองที่หลงรักเขาอย่างมากมายตั้งแต่เมื่อแรกเห็น นางไม่เคยคิดเลยว่าการบีบบังคับผู้อื่นให้รักตนเองนั้นมันจะนำความทุกข์มาให้ทั้งตัวของนางเองและบุรุษผู้นั้นด้วย แม้ตอนนี้นางจะเริ่มคิดได้แล้ว ว่าครั้งนี้นางอาจจะตัดสินใจผิดไป แต่เรื่องแต่งงานนี้เป็นเรื่องใหญ่ของราชวงศ์ นางรู้แล้วว่าเขารังเกียจนางมาก เมื่อตอนที่นางกำลังจะเดินมายังเรือนตะวันตก นางก็ยังแอบได้ยินสาวใช้ซุบซิบกันเบา ๆเรื่องที่แม่ทัพไป๋ที่เป็นคุณชายของจวนนี้มิได้ต้องการฮูหยินที่อัปลักษณ์และมีรูปร่างอ้วนใหญ่เช่นนี้ แต่จำใจเพราะเป็นสมรสพระราชทานและเมื่อตอนที่เขาได้รับราชโองการเขาแทบจะเป็นลมล้มลงด้วยซ้ำ ตอนที่สาวใช้ซุบซิบกันนั้น พวกเขาไม่เห็นว่านางหยุดยืนฟังพวกเขา และนางก็ไม่อยากให้ผู้ติดตามทั้งหลายมาได้ยินเข้าด้วย แต่ก็ดีแล้วที่นางได้ยินความในใจของพวกเขา นางจะได้รู้ว่าพวกเขาคิดกับนางเช่นไร และนางต้องขอบคุณสาวใช้ทั้งสองคนที่ซุบซิบกันให้นางได้ยิน เพราะเมื่อเจ้าบ่าวไม่มาเข้าหอนางจึงไม่ได้แปลกใจอันใดเพราะนางคิดไว้อยู่แล้ว ว่าถ้าเขารังเกียจนางมากถึงขนาดนั้น ก็คงจะไม่ยอมมาเข้าหออย่างแน่นอน องค์หญิงหลีน่าเทสุราลงจอกยกขึ้นดื่มช้าๆ
องค์หญิงหลี่น่านั่งรอสามีตั้งแต่แม่สื่อพานางมา จนนางกินขนมและผลไม้รองท้องจนเสร็จและนั่งฟังเสียงแขกเหรื่อสนทนากันอย่างสนุกสนาน เสียงหัวเราะและเสียงบรรเลงพิณในงานเลี้ยง เสียงการดื่มอวยพรที่ดูครึกครื้นไม่น้อย เสียงหัวเราะอย่างครื้นเครงในงานเลี้ยง สองนางกำนัลที่แอบออกไปดูบรรยากาศด้านนอกกลับมาบอกว่าข้างนอกครึกครื้นเหลือเกิน นางขยับร่างกายไปมาด้วยความปวดเมื่อยเนื้อตัว แม้เปลี่ยนท่าทางการนั่งมาทุกท่าก็ยังไม่มีวี่แววของเจ้าบ่าวที่จะเข้ามาในห้องหอ นางนั่งรอบนเตียงวิวาห์โดยยังอยู่ในชุดที่เต็มยศของเจ้าสาว จนกระทั่งเสียงทุกอย่างด้านนอกค่อยๆเงียบลงไปเรื่อย ๆ จนกระทั่งทุกอย่างเงียบสนิทลง ไม่มีแม้แต่เสียงบ่าวไพร่ที่กำลังช่วยกันเก็บข้าวของหลังจากงานเลี้ยงเสร็จสิ้นแล้ว ทุกอย่างในจวนแม่ทัพเงียบสนิทโดยสิ้นเชิง องค์หญิงหลีน่าหันไปมองสองนางกำนัลที่ง่วงนอนจนทนไม่ไหว นั่งหลับบนเก้าอี้กลมที่อยู่กลางห้องนั้น คนหนึ่งฟุบลงกับโต๊ะกลมนั้น อีกคนหนึ่งนั่งสัปหงกหัวโยกไปมาดูน่าเวทนา องค์หญิงหลี่น่าที่ทนต่อไปไม่ไหวจึงได้เรียกทั้งสองเบาๆ “ เหม่ยอี้เพ่ยอี้ มาช่วยข้าเปลี่ยนอาภรณ์ก่อน ข้าอยากจะอาบน้ำและเข้านอนแล้ว ปวดเม
วันแต่งงานของแม่ทัพไป๋เฟยหลง เขาที่ยังมึนๆจากการดื่มเหล้าอย่างหนักมาเมื่อคืนนี้ เพราะในอกใจของเขามันแสนจะอึดอัดเหลือเกิน เขาคิดว่าเขาเป็นบุรุษที่โชคร้ายยิ่งนัก เพิ่งพลาดรักจากคุณหนูเจียเหลียนฮวาน้องสาวของสหายสนิทที่เขาแอบมีใจให้นางมาหลายปี จนนางถอนหมั้นเขาก็มีความหวังขึ้นมาอีกครั้งแต่เมื่อนางหวนกลับไปแต่งงานกับอดีตคู่หมั้นของนางเขาจึงช้ำรักจากนางเป็นครั้งที่สอง ยังไม่ทันได้ตั้งตัวก็ได้รับสมรสพระราชทานกับองค์หญิงที่ตัวอ้วนใหญ่เหลือเกินตัวของนางใหญ่กว่าเขาเกือบสามเท่า แม่ทัพหนุ่มที่หล่อเหลาและรูปร่างสูงสง่าองอาจเช่นเขา กลับจะต้องมามีเมียที่ตัวอ้วนใหญ่เช่นนาง แม้จะมีศักดิ์สูงเป็นถึงองค์หญิงหนึ่งเดียวของราชวงศ์ แต่เขาก็มิได้สนใจในอำนาจ เพราะเขาก็แสวงหามันได้ด้วยตนเองอยู่แล้ว แต่เรื่องความรัก เขากลับไม่มีวาสนาเรื่องนี้เลย วันแต่งงานเขาไปรับเจ้าสาวที่ขึ้นเกี้ยวขนาดใหญ่กว่าเจ้าสาวทั่วไปเข้้าจวนมาด้วยใบหน้าเฉยชา ดวงตาก็ว่างเปล่าแทบจะไม่รู้สึกยินดียินร้าย เหล่าสหายก็จ้องมองเขาอย่างปลอบใจ แต่ก็ไม่มีใครช่วยอะไรได้ เมื่อเกี้ยวเจ้าสาวแปดคนหามมาถึงหน้าจวนแม่ทัพ นางกำนัลที่ติดตามเจ้าหญิงร่างใหญ่ผู