สองนางกำนัลหันมามองหน้ากันแล้วเอ่ยขึ้นอย่างแปลกใจว่า “ องค์หญิงอยากจะลดความอ้วนหรือเพคะ ทำไมเมื่อก่อนไม่เห็นจะสนใจเรื่องนี้เลย ” องค์หญิงหลีน่าหันมองสีหน้าของสองนางกำนัลที่มีท่าทางสงสัยในท่าทีของนางที่เปลี่ยนไปกระทันหันอย่างที่ไม่เคยมาก่อน “ ข้าอยากจะลดความอ้วนให้มีรูปร่างที่ผอมลงจะได้แต่งกายได้งดงามดังเช่นคุณหนูในห้องหออื่นๆที่ข้าเคยเห็น แต่มิได้ต้องการให้บุรุษใดพึงใจหรอกนะ ข้าทำเพื่อตัวข้าเอง
วันนี้ข้าเพิ่งจะนึกขึ้นได้ว่า ข้ามัวแต่พึงใจผู้อื่น อยากให้ผู้อื่นเป็นดังใจของข้า แต่ไม่เคยมองดูตนเองว่ามีสิ่งใดให้ผู้อื่นพึงใจได้้บ้าง แต่ข้ามิได้หมายถึงสามีในนามของข้าหรอกนะ เพราะข้าได้ตัดสินใจแล้ว ไม่ว่าข้าจะยังรูปร่างอ้วนใหญ่ทำให้ไม่มีใครต้องการข้า หรือ ข้าจะงดงามยิ่งกว่านี้ีอีกมากมาย แต่ข้าก็จะไม่มีวันรักบุรุษผู้นี้อีก ข้าจะตัดใจจากเขาให้ได้ เพียงแต่ตอนนี้ตัดสินใจแต่งงานเข้าจวนแม่ทัพมาแล้ว ยังไม่สามารถจะหย่าขาดจากเขาได้ง่ายๆ คงต้องใช้เวลาสักพักใหญ่ แต่ระหว่างรอเวลา ข้าจะปรับปรุงตนเองเสียใหม่ บำรุงตนเอง รักตนเองให้มากกว่านี้ ข้ารักตนเอง ข้าจึงต้องเป็นหญิงงามที่ดูแลตนเองได้ดีใช่หรือไม่ ” สองนางกำนัลพยักหน้าหงึกหงัก อย่างเห็นด้วยอย่างมาก
เพ่ยอิงเอ่ยขึ้นว่า “ หม่อมฉันรู้จักอดีตนางกำนัลตำหนักพระสนมหลี่เจ้าค่ะ นางลาออกมาแต่งงานอยู่ข้างนอก ตอนนี้รับดูแลเรื่องความงามให้กับฮูหยินหลาย ๆ จวนอยู่ จะลองไปสอบถามนางดูว่าจะช่วยมาดูแลองค์หญิงในช่วงนี้ได้หรือไม่ ” องค์หญิงหลีน่าพยักหน้า “ เจ้ารีบไปหานางนะ บอกว่าข้ายินดีจ่ายไม่อั้น ขอเพียงให้นางมาช่วยข้าดูแลรูปร่างและผิวพรรณของข้าให้งดงามดังเช่นหญิงอื่นๆ ” เพ่ยอิงจึงได้ขอตัวออกไปหาอดีตนางกำนัลผู้นั้นที่พำนักอยู่ในเมืองหลวงแห่งนี้ นางดึใจที่องค์หญิงคิดได้แล้ว มิเห็นต้องสนใจแม่ทัพผู้นั้นเลย หากองค์หญิงงดงามแล้ว จะอภิเษกกับองค์ชายหรือท่านอ๋องต่างแคว้นที่ศักดิ์ศรีเสมอกันยังได้เลย จะสนใจทำไมกับแค่แม่ทัพผู้นี้ นางครุ่นคิดพร้อมกับเร่งเดินทางไปตามหานางกำนัลผู้นั้นอย่างรีบด่วนเพราะนางเห็นใจองค์หญิงที่มีนิสัยใจคอน่ารักเหลือเกินผู้นี้
ยามบ่ายคล้อยลง เพ่ยอิงก็เดินเข้าจวนแม่ทัพมาพร้อมกับอดีตนางกำนัลผู้นั้นที่ขนข้าวของมามากมายโดยมีสาวใช้ที่ติดตามนางมาช่วยขนเข้ามา ระหว่างที่เดินผ่านเรือนหลักก็มองเห็นแม่นมหูและหลานสาวยืนมองทั้งคู่อยู่คงจะสงสัยว่าเพ่ยอิงพาผู้ใดมาที่่จวนกันแน่ แต่เพ่ยอิงก็มิได้สนใจคนทั้งสอง นางเดินนำหน้าอดีตนางกำนัลและสาวใช้ช่วยกันขนของเดินไปยังเรือนตะวันตก
หลังจากอดีตนางกำนัลผู้ที่มีความเชี่ยวชาญเรื่องดูแลความงามของพระสนมในวังหลังหลายๆคนและเมื่อลาออกมาแต่งงาน นางก็เปิดร้านเสริมความงาม และรับดูแลความงามให้กับฮูหยินจวนใหญ่ๆและคุณหนูในห้องหอที่ร่ำรวยหลายๆคน วันนี้นางยอมหยุดงานทุกอย่างเพื่อมาทุ่มเทฟื้นฟูความงามให้แก่องค์หญิงหลีน่าเพราะนางเคยได้เห็นองค์หญิงหลีน่าเมื่อครั้งยังเยาว์ก็รู้สึกเอ็นดูความน่ารักอวบอ้วนขององค์หญิงน้อย แต่เมื่อเติบโตเป็นสาวแล้วจะปล่อยให้อวบอ้วนเช่นเดิมมิได้แล้ว เมื่อได้รับรู้เรื่องราวจากเพ่ยอิงนางกำนัลขององค์หญิง เซียงเหยาจึงคิดว่านางจะทุ่มเททุกความสามารถที่มีเพื่อช่วยองค์หญิงหลีน่าให้กลายเป็นหญิงงดงามปานจะล่มเมืองให้ได้
หลังจากวันนั้นอาหารการกินขององค์หญิงถูกสั่งให้เปลี่ยนเป็นอาหารประเภทนึ่ง ต้ม ย่าง และมีผักต้มหลาย ๆ อย่างสลับกันไปเพียงเท่านั้น และต้องทนทานข้าวสวยเพียงถ้วยเดียว และผลไม้ที่ไม่มีรสหวานมากเช่นผิงก้วย ปาเล่อ เหลียน วู่ ( แอปเปิ้ล ฝรั่ง ชมพู ) เท่าที่จะหาได้
รุ่งเช้าเมื่อล้างหน้าแล้วก็เดินออกกำลังกายรอบๆเรือนหลาย ๆ รอบโดยการเพิ่มรอบการเดินในทุกสองวัน จนกล้ามเนื้อแข็งแรงขึ้นเรื่อย ๆ จนกลายเป็นวิ่งเหยาะโดยมีสองนางกำนัลวิ่งเป็นเพื่อนในทุกๆวัน แล้วจึงกลับมารับอาหารเช้า จากนั้นเมื่อนั่งพักให้อาหารย่อยสักครู่ก็เริ่มดูแลผิวพรรณที่ใบหน้าโดยการพอกผิวและบำรุงผิวหน้าให้นวลเนียนยิ่งขึ้น ช่วงบ่ายหลังอาหารก็อบสมุนไพรในกระโจมที่สร้างขึ้นจากผ้าทำเป็นรูปทรงสามเหลี่ยมเพื่อให้องค์หญิงหลีน่าเข้าไปนั่งได้สะดวก โดยกระโจมนี้จะทิ้งไว้เช่นนี้เพราะองค์หญิงยังต้องใช้งานอาทิตย์ละสี่วัน เมื่ออบสมุนไพรด้วยความร้อนจากเตาไฟที่อยู่ด้านล่างแคร่ไม้ไผ่ที่องค์หญิงขึ้นไปนั่งจนร่างกายขับพิษและเหงื่อออกมาอย่างมากมาย แล้วต่อด้วยการนอนให้เซียงเหยานวดตัวจนทั่ว ทั้งสอนสองนางกำนัลให้ลงมือทำ เพื่อวันข้างหน้าจะได้ดูแลผิวพรรณขององค์หญิงหลีน่าได้ นางพอกผิวทั้งตัวขององค์หญิงด้วยสมุนไพรสูตรที่คิดค้นขึ้นเพื่อบำรุงผิวพรรณให้สดใสนวลเนียนไปทั้งตัว
ตกเย็นเมื่อพักร่างกายแล้ว ก็ฝึกหัดรำชี่กง 18 ท่าเพื่อออกกำลังกายและสร้างกล้ามเนื้อให้แข็งแรงเพื่อร่างกายจะได้ลดความอ้วนได้ดีขึ้น กิจวัตรขององค์หญิงเป็นเช่นนี้มาเกือบสามเดือนที่พำนักอยู่ที่จวนแม่ทัพไป๋ นางมิเคยย่างกรายไปที่เรือนหลักที่สามีในนามของนางพำนักอยู่เลย ด้านแม่ทัพไป๋เฟยหลงเมื่อวันเวลาผ่านไปย่างเกือบเข้าสามเดือน เขาเริ่มเกิดความแปลกใจในตัวองค์หญิงผู้นี้ยิ่งนัก ว่านางหลงรักเขามากจนถึงกับขอสมรสพระราชทานเพื่อต้องการเป็นฮูหยินของเขา แต่ทำไมนางดูไม่เห็นจะสนใจใยดีเขาเลยแม้แต่น้อย ทั้ง ๆที่นางควรจะมาวอแวเขา เพราะนางเองก็มีสิทธิ์ในฐานะฮูหยินของเขาอย่างถูกต้อง แต่นางก็ไม่เคยย่างกรายมาให้เขาเห็นเลยตลอดเกือบสามเดือนที่ผ่านมา มีเพียงหลินซวงที่พยายามจะทำตัวเช่นฮูหยินของเขา แต่เขาก็พยายามบ่ายเบี่ยงนางมาตลอด แม้แม่นมหูจะพยายามหว่านล้อมให้เขารับนางเป็นฮูหยินรองหรืออนุก็ยังดี แต่เขามิได้รักใคร่ชอบพอนาง เขาคิดกับนางเพียงน้องสาวเท่านั้น
เมื่อแม่ทัพไป๋อดรนทนไม่ไหว คืนหนึ่งเขาจึงได้สวมชุดดำปิดผ้าคลุมหน้าเหลือเพียงดวงตาคมแล้วเหาะเหินขึ้นไปบนหลังคาเรือนตะวันตกเพื่อแอบสอดส่องฮูหยินในนามของเขาว่านางกำลังทำอะไรอยู่ ถึงได้เอาแต่เก็บตัวเงียบอยู่ในเรือนของนาง แต่เมื่อเขาเปิดกระเบื้องมุงหลังคาออกแล้วลอบมองลงไปเบื้องล่าง ที่ตรงนั้นมันบังเอิญตรงกับถังอาบน้ำใบใหญ่มีไอน้ำที่เกิดจากน้ำอุ่นจัดลอยกรุ่นขึ้นรอบๆถังน้ำนั้น และตอนนี้กำลังมีหญิงสาวที่งดงามปานจะล่มเมืองผู้หนึ่งกำลังอาบน้ำ นางขัดสีฉวีวรรณอย่างพิถีพิถััน รูปร่างของนางอวบอิ่มขาวผ่องยิ่งนัก ผิวขาวกระจ่างนวลเนียนตา รูปร่างกำลังดีอวบอิ่มเต็มไม้เต็มมือ ใบหน้าก็หวานงดงามยิ่งนัก ตาคมของแม่ทัพไป๋ตะลึงมองนางนิ่ง เขาเผลอมองนางด้วยความหลงไหล ในอกใจแปลบปลาบไม่น้อย
วันแต่งงานของแม่ทัพไป๋เฟยหลง เขาที่ยังมึนๆจากการดื่มเหล้าอย่างหนักมาเมื่อคืนนี้ เพราะในอกใจของเขามันแสนจะอึดอัดเหลือเกิน เขาคิดว่าเขาเป็นบุรุษที่โชคร้ายยิ่งนัก เพิ่งพลาดรักจากคุณหนูเจียเหลียนฮวาน้องสาวของสหายสนิทที่เขาแอบมีใจให้นางมาหลายปี จนนางถอนหมั้นเขาก็มีความหวังขึ้นมาอีกครั้งแต่เมื่อนางหวนกลับไปแต่งงานกับอดีตคู่หมั้นของนางเขาจึงช้ำรักจากนางเป็นครั้งที่สอง ยังไม่ทันได้ตั้งตัวก็ได้รับสมรสพระราชทานกับองค์หญิงที่ตัวอ้วนใหญ่เหลือเกินตัวของนางใหญ่กว่าเขาเกือบสามเท่า แม่ทัพหนุ่มที่หล่อเหลาและรูปร่างสูงสง่าองอาจเช่นเขา กลับจะต้องมามีเมียที่ตัวอ้วนใหญ่เช่นนาง แม้จะมีศักดิ์สูงเป็นถึงองค์หญิงหนึ่งเดียวของราชวงศ์ แต่เขาก็มิได้สนใจในอำนาจ เพราะเขาก็แสวงหามันได้ด้วยตนเองอยู่แล้ว แต่เรื่องความรัก เขากลับไม่มีวาสนาเรื่องนี้เลย วันแต่งงานเขาไปรับเจ้าสาวที่ขึ้นเกี้ยวขนาดใหญ่กว่าเจ้าสาวทั่วไปเข้้าจวนมาด้วยใบหน้าเฉยชา ดวงตาก็ว่างเปล่าแทบจะไม่รู้สึกยินดียินร้าย เหล่าสหายก็จ้องมองเขาอย่างปลอบใจ แต่ก็ไม่มีใครช่วยอะไรได้ เมื่อเกี้ยวเจ้าสาวแปดคนหามมาถึงหน้าจวนแม่ทัพ นางกำนัลที่ติดตามเจ้าหญิงร่างใหญ่ผู
องค์หญิงหลี่น่านั่งรอสามีตั้งแต่แม่สื่อพานางมา จนนางกินขนมและผลไม้รองท้องจนเสร็จและนั่งฟังเสียงแขกเหรื่อสนทนากันอย่างสนุกสนาน เสียงหัวเราะและเสียงบรรเลงพิณในงานเลี้ยง เสียงการดื่มอวยพรที่ดูครึกครื้นไม่น้อย เสียงหัวเราะอย่างครื้นเครงในงานเลี้ยง สองนางกำนัลที่แอบออกไปดูบรรยากาศด้านนอกกลับมาบอกว่าข้างนอกครึกครื้นเหลือเกิน นางขยับร่างกายไปมาด้วยความปวดเมื่อยเนื้อตัว แม้เปลี่ยนท่าทางการนั่งมาทุกท่าก็ยังไม่มีวี่แววของเจ้าบ่าวที่จะเข้ามาในห้องหอ นางนั่งรอบนเตียงวิวาห์โดยยังอยู่ในชุดที่เต็มยศของเจ้าสาว จนกระทั่งเสียงทุกอย่างด้านนอกค่อยๆเงียบลงไปเรื่อย ๆ จนกระทั่งทุกอย่างเงียบสนิทลง ไม่มีแม้แต่เสียงบ่าวไพร่ที่กำลังช่วยกันเก็บข้าวของหลังจากงานเลี้ยงเสร็จสิ้นแล้ว ทุกอย่างในจวนแม่ทัพเงียบสนิทโดยสิ้นเชิง องค์หญิงหลีน่าหันไปมองสองนางกำนัลที่ง่วงนอนจนทนไม่ไหว นั่งหลับบนเก้าอี้กลมที่อยู่กลางห้องนั้น คนหนึ่งฟุบลงกับโต๊ะกลมนั้น อีกคนหนึ่งนั่งสัปหงกหัวโยกไปมาดูน่าเวทนา องค์หญิงหลี่น่าที่ทนต่อไปไม่ไหวจึงได้เรียกทั้งสองเบาๆ “ เหม่ยอี้เพ่ยอี้ มาช่วยข้าเปลี่ยนอาภรณ์ก่อน ข้าอยากจะอาบน้ำและเข้านอนแล้ว ปวดเม
นางผิดเองที่หลงรักเขาอย่างมากมายตั้งแต่เมื่อแรกเห็น นางไม่เคยคิดเลยว่าการบีบบังคับผู้อื่นให้รักตนเองนั้นมันจะนำความทุกข์มาให้ทั้งตัวของนางเองและบุรุษผู้นั้นด้วย แม้ตอนนี้นางจะเริ่มคิดได้แล้ว ว่าครั้งนี้นางอาจจะตัดสินใจผิดไป แต่เรื่องแต่งงานนี้เป็นเรื่องใหญ่ของราชวงศ์ นางรู้แล้วว่าเขารังเกียจนางมาก เมื่อตอนที่นางกำลังจะเดินมายังเรือนตะวันตก นางก็ยังแอบได้ยินสาวใช้ซุบซิบกันเบา ๆเรื่องที่แม่ทัพไป๋ที่เป็นคุณชายของจวนนี้มิได้ต้องการฮูหยินที่อัปลักษณ์และมีรูปร่างอ้วนใหญ่เช่นนี้ แต่จำใจเพราะเป็นสมรสพระราชทานและเมื่อตอนที่เขาได้รับราชโองการเขาแทบจะเป็นลมล้มลงด้วยซ้ำ ตอนที่สาวใช้ซุบซิบกันนั้น พวกเขาไม่เห็นว่านางหยุดยืนฟังพวกเขา และนางก็ไม่อยากให้ผู้ติดตามทั้งหลายมาได้ยินเข้าด้วย แต่ก็ดีแล้วที่นางได้ยินความในใจของพวกเขา นางจะได้รู้ว่าพวกเขาคิดกับนางเช่นไร และนางต้องขอบคุณสาวใช้ทั้งสองคนที่ซุบซิบกันให้นางได้ยิน เพราะเมื่อเจ้าบ่าวไม่มาเข้าหอนางจึงไม่ได้แปลกใจอันใดเพราะนางคิดไว้อยู่แล้ว ว่าถ้าเขารังเกียจนางมากถึงขนาดนั้น ก็คงจะไม่ยอมมาเข้าหออย่างแน่นอน องค์หญิงหลีน่าเทสุราลงจอกยกขึ้นดื่มช้าๆ
“ อ้อ !! ลืมบอกไป ข้าคือหูหลินซวงหลานสาวแม่นมหู ที่เป็นแม่นมของท่านแม่ทัพมาตั้งแต่ยังเล็กๆ ที่จริงข้าเองก็ควรจะได้แต่งงานกับเขาเพราะข้าปรนนิบัติดูแลท่านพี่มาหลายปีแล้ว แต่ในเมื่อมีหญิงที่เขามิได้พึงใจบังคับให้เขาจำต้องแต่งงานรับนางเป็นฮูหยินเอกเสียแล้วข้าคงต้องเสียสละเป็นฮูหยินรองกระมัง แต่น่าเสียดายที่นายของเจ้าคงจะเป็นฮูหยินเพียงแค่ตำแหน่งเท่านั้น หญิงที่สามีไม่ปรารถนา ไม่อยากจะร่วมหอ รูปร่างก็อ้วนใหญ่เช่นนั้นยังจะหลงไหลบุรุษจนบีบบังคับให้เขาจำต้องแต่งงานด้วยอีก ช่างหน้าไม่อายจริงๆ ท่านพี่ก็ออกจะหล่อเหลาปานนั้นท่าทางก็องอาจผึ่งผาย แต่จำต้องมีเมียอัปลักษณ์เช่นนี้ บุรุษใดจะทนได้กัน นายของเจ้ารู้หรือไม่ ท่านพี่ดื่มเหล้าเมามายมาหลายวันแล้ว เขาต้องทนทุกข์ที่จำต้องแต่งงานกับหญิงที่เขาไม่ได้รักไม่ได้ชอบ แถมยังรังเกียจเสียด้วยซ้ำ ” หูหลินซวงเอ่ยขึ้นด้วยใบหน้าที่บึ้งตึงอย่างไม่ค่อยจะพอใจ “ วาจาสามหาวยิ่งนัก หญิงที่เจ้ากล้าด่าทอเป็นถึงองค์หญิงของแคว้นชิงแห่งนี้ หากข้านำคำพูดของเจ้าไปทูลฮองเฮาหัวของพวกเจ้ามีเท่าไหร่ก็คงจะไม่พอให้ตัดเป็นแน่ เป็นแค่หลานสาวแม่นมในจวนแม่ทัพ มาอาศัยเขาอยู่มิไ
สองนางกำนัลหันมามองหน้ากันแล้วเอ่ยขึ้นอย่างแปลกใจว่า “ องค์หญิงอยากจะลดความอ้วนหรือเพคะ ทำไมเมื่อก่อนไม่เห็นจะสนใจเรื่องนี้เลย ” องค์หญิงหลีน่าหันมองสีหน้าของสองนางกำนัลที่มีท่าทางสงสัยในท่าทีของนางที่เปลี่ยนไปกระทันหันอย่างที่ไม่เคยมาก่อน “ ข้าอยากจะลดความอ้วนให้มีรูปร่างที่ผอมลงจะได้แต่งกายได้งดงามดังเช่นคุณหนูในห้องหออื่นๆที่ข้าเคยเห็น แต่มิได้ต้องการให้บุรุษใดพึงใจหรอกนะ ข้าทำเพื่อตัวข้าเองวันนี้ข้าเพิ่งจะนึกขึ้นได้ว่า ข้ามัวแต่พึงใจผู้อื่น อยากให้ผู้อื่นเป็นดังใจของข้า แต่ไม่เคยมองดูตนเองว่ามีสิ่งใดให้ผู้อื่นพึงใจได้้บ้าง แต่ข้ามิได้หมายถึงสามีในนามของข้าหรอกนะ เพราะข้าได้ตัดสินใจแล้ว ไม่ว่าข้าจะยังรูปร่างอ้วนใหญ่ทำให้ไม่มีใครต้องการข้า หรือ ข้าจะงดงามยิ่งกว่านี้ีอีกมากมาย แต่ข้าก็จะไม่มีวันรักบุรุษผู้นี้อีก ข้าจะตัดใจจากเขาให้ได้ เพียงแต่ตอนนี้ตัดสินใจแต่งงานเข้าจวนแม่ทัพมาแล้ว ยังไม่สามารถจะหย่าขาดจากเขาได้ง่ายๆ คงต้องใช้เวลาสักพักใหญ่ แต่ระหว่างรอเวลา ข้าจะปรับปรุงตนเองเสียใหม่ บำรุงตนเอง รักตนเองให้มากกว่านี้ ข้ารักตนเอง ข้าจึงต้องเป็นหญิงงามที่ดูแลตนเองได้ดีใช่หรือไม่ ”
“ อ้อ !! ลืมบอกไป ข้าคือหูหลินซวงหลานสาวแม่นมหู ที่เป็นแม่นมของท่านแม่ทัพมาตั้งแต่ยังเล็กๆ ที่จริงข้าเองก็ควรจะได้แต่งงานกับเขาเพราะข้าปรนนิบัติดูแลท่านพี่มาหลายปีแล้ว แต่ในเมื่อมีหญิงที่เขามิได้พึงใจบังคับให้เขาจำต้องแต่งงานรับนางเป็นฮูหยินเอกเสียแล้วข้าคงต้องเสียสละเป็นฮูหยินรองกระมัง แต่น่าเสียดายที่นายของเจ้าคงจะเป็นฮูหยินเพียงแค่ตำแหน่งเท่านั้น หญิงที่สามีไม่ปรารถนา ไม่อยากจะร่วมหอ รูปร่างก็อ้วนใหญ่เช่นนั้นยังจะหลงไหลบุรุษจนบีบบังคับให้เขาจำต้องแต่งงานด้วยอีก ช่างหน้าไม่อายจริงๆ ท่านพี่ก็ออกจะหล่อเหลาปานนั้นท่าทางก็องอาจผึ่งผาย แต่จำต้องมีเมียอัปลักษณ์เช่นนี้ บุรุษใดจะทนได้กัน นายของเจ้ารู้หรือไม่ ท่านพี่ดื่มเหล้าเมามายมาหลายวันแล้ว เขาต้องทนทุกข์ที่จำต้องแต่งงานกับหญิงที่เขาไม่ได้รักไม่ได้ชอบ แถมยังรังเกียจเสียด้วยซ้ำ ” หูหลินซวงเอ่ยขึ้นด้วยใบหน้าที่บึ้งตึงอย่างไม่ค่อยจะพอใจ “ วาจาสามหาวยิ่งนัก หญิงที่เจ้ากล้าด่าทอเป็นถึงองค์หญิงของแคว้นชิงแห่งนี้ หากข้านำคำพูดของเจ้าไปทูลฮองเฮาหัวของพวกเจ้ามีเท่าไหร่ก็คงจะไม่พอให้ตัดเป็นแน่ เป็นแค่หลานสาวแม่นมในจวนแม่ทัพ มาอาศัยเขาอยู่มิไ
นางผิดเองที่หลงรักเขาอย่างมากมายตั้งแต่เมื่อแรกเห็น นางไม่เคยคิดเลยว่าการบีบบังคับผู้อื่นให้รักตนเองนั้นมันจะนำความทุกข์มาให้ทั้งตัวของนางเองและบุรุษผู้นั้นด้วย แม้ตอนนี้นางจะเริ่มคิดได้แล้ว ว่าครั้งนี้นางอาจจะตัดสินใจผิดไป แต่เรื่องแต่งงานนี้เป็นเรื่องใหญ่ของราชวงศ์ นางรู้แล้วว่าเขารังเกียจนางมาก เมื่อตอนที่นางกำลังจะเดินมายังเรือนตะวันตก นางก็ยังแอบได้ยินสาวใช้ซุบซิบกันเบา ๆเรื่องที่แม่ทัพไป๋ที่เป็นคุณชายของจวนนี้มิได้ต้องการฮูหยินที่อัปลักษณ์และมีรูปร่างอ้วนใหญ่เช่นนี้ แต่จำใจเพราะเป็นสมรสพระราชทานและเมื่อตอนที่เขาได้รับราชโองการเขาแทบจะเป็นลมล้มลงด้วยซ้ำ ตอนที่สาวใช้ซุบซิบกันนั้น พวกเขาไม่เห็นว่านางหยุดยืนฟังพวกเขา และนางก็ไม่อยากให้ผู้ติดตามทั้งหลายมาได้ยินเข้าด้วย แต่ก็ดีแล้วที่นางได้ยินความในใจของพวกเขา นางจะได้รู้ว่าพวกเขาคิดกับนางเช่นไร และนางต้องขอบคุณสาวใช้ทั้งสองคนที่ซุบซิบกันให้นางได้ยิน เพราะเมื่อเจ้าบ่าวไม่มาเข้าหอนางจึงไม่ได้แปลกใจอันใดเพราะนางคิดไว้อยู่แล้ว ว่าถ้าเขารังเกียจนางมากถึงขนาดนั้น ก็คงจะไม่ยอมมาเข้าหออย่างแน่นอน องค์หญิงหลีน่าเทสุราลงจอกยกขึ้นดื่มช้าๆ
องค์หญิงหลี่น่านั่งรอสามีตั้งแต่แม่สื่อพานางมา จนนางกินขนมและผลไม้รองท้องจนเสร็จและนั่งฟังเสียงแขกเหรื่อสนทนากันอย่างสนุกสนาน เสียงหัวเราะและเสียงบรรเลงพิณในงานเลี้ยง เสียงการดื่มอวยพรที่ดูครึกครื้นไม่น้อย เสียงหัวเราะอย่างครื้นเครงในงานเลี้ยง สองนางกำนัลที่แอบออกไปดูบรรยากาศด้านนอกกลับมาบอกว่าข้างนอกครึกครื้นเหลือเกิน นางขยับร่างกายไปมาด้วยความปวดเมื่อยเนื้อตัว แม้เปลี่ยนท่าทางการนั่งมาทุกท่าก็ยังไม่มีวี่แววของเจ้าบ่าวที่จะเข้ามาในห้องหอ นางนั่งรอบนเตียงวิวาห์โดยยังอยู่ในชุดที่เต็มยศของเจ้าสาว จนกระทั่งเสียงทุกอย่างด้านนอกค่อยๆเงียบลงไปเรื่อย ๆ จนกระทั่งทุกอย่างเงียบสนิทลง ไม่มีแม้แต่เสียงบ่าวไพร่ที่กำลังช่วยกันเก็บข้าวของหลังจากงานเลี้ยงเสร็จสิ้นแล้ว ทุกอย่างในจวนแม่ทัพเงียบสนิทโดยสิ้นเชิง องค์หญิงหลีน่าหันไปมองสองนางกำนัลที่ง่วงนอนจนทนไม่ไหว นั่งหลับบนเก้าอี้กลมที่อยู่กลางห้องนั้น คนหนึ่งฟุบลงกับโต๊ะกลมนั้น อีกคนหนึ่งนั่งสัปหงกหัวโยกไปมาดูน่าเวทนา องค์หญิงหลี่น่าที่ทนต่อไปไม่ไหวจึงได้เรียกทั้งสองเบาๆ “ เหม่ยอี้เพ่ยอี้ มาช่วยข้าเปลี่ยนอาภรณ์ก่อน ข้าอยากจะอาบน้ำและเข้านอนแล้ว ปวดเม
วันแต่งงานของแม่ทัพไป๋เฟยหลง เขาที่ยังมึนๆจากการดื่มเหล้าอย่างหนักมาเมื่อคืนนี้ เพราะในอกใจของเขามันแสนจะอึดอัดเหลือเกิน เขาคิดว่าเขาเป็นบุรุษที่โชคร้ายยิ่งนัก เพิ่งพลาดรักจากคุณหนูเจียเหลียนฮวาน้องสาวของสหายสนิทที่เขาแอบมีใจให้นางมาหลายปี จนนางถอนหมั้นเขาก็มีความหวังขึ้นมาอีกครั้งแต่เมื่อนางหวนกลับไปแต่งงานกับอดีตคู่หมั้นของนางเขาจึงช้ำรักจากนางเป็นครั้งที่สอง ยังไม่ทันได้ตั้งตัวก็ได้รับสมรสพระราชทานกับองค์หญิงที่ตัวอ้วนใหญ่เหลือเกินตัวของนางใหญ่กว่าเขาเกือบสามเท่า แม่ทัพหนุ่มที่หล่อเหลาและรูปร่างสูงสง่าองอาจเช่นเขา กลับจะต้องมามีเมียที่ตัวอ้วนใหญ่เช่นนาง แม้จะมีศักดิ์สูงเป็นถึงองค์หญิงหนึ่งเดียวของราชวงศ์ แต่เขาก็มิได้สนใจในอำนาจ เพราะเขาก็แสวงหามันได้ด้วยตนเองอยู่แล้ว แต่เรื่องความรัก เขากลับไม่มีวาสนาเรื่องนี้เลย วันแต่งงานเขาไปรับเจ้าสาวที่ขึ้นเกี้ยวขนาดใหญ่กว่าเจ้าสาวทั่วไปเข้้าจวนมาด้วยใบหน้าเฉยชา ดวงตาก็ว่างเปล่าแทบจะไม่รู้สึกยินดียินร้าย เหล่าสหายก็จ้องมองเขาอย่างปลอบใจ แต่ก็ไม่มีใครช่วยอะไรได้ เมื่อเกี้ยวเจ้าสาวแปดคนหามมาถึงหน้าจวนแม่ทัพ นางกำนัลที่ติดตามเจ้าหญิงร่างใหญ่ผู