องค์หญิงหลี่น่านั่งรอสามีตั้งแต่แม่สื่อพานางมา จนนางกินขนมและผลไม้รองท้องจนเสร็จและนั่งฟังเสียงแขกเหรื่อสนทนากันอย่างสนุกสนาน เสียงหัวเราะและเสียงบรรเลงพิณในงานเลี้ยง เสียงการดื่มอวยพรที่ดูครึกครื้นไม่น้อย เสียงหัวเราะอย่างครื้นเครงในงานเลี้ยง สองนางกำนัลที่แอบออกไปดูบรรยากาศด้านนอกกลับมาบอกว่าข้างนอกครึกครื้นเหลือเกิน นางขยับร่างกายไปมาด้วยความปวดเมื่อยเนื้อตัว แม้เปลี่ยนท่าทางการนั่งมาทุกท่าก็ยังไม่มีวี่แววของเจ้าบ่าวที่จะเข้ามาในห้องหอ นางนั่งรอบนเตียงวิวาห์โดยยังอยู่ในชุดที่เต็มยศของเจ้าสาว จนกระทั่งเสียงทุกอย่างด้านนอกค่อยๆเงียบลงไปเรื่อย ๆ จนกระทั่งทุกอย่างเงียบสนิทลง ไม่มีแม้แต่เสียงบ่าวไพร่ที่กำลังช่วยกันเก็บข้าวของหลังจากงานเลี้ยงเสร็จสิ้นแล้ว ทุกอย่างในจวนแม่ทัพเงียบสนิทโดยสิ้นเชิง
องค์หญิงหลีน่าหันไปมองสองนางกำนัลที่ง่วงนอนจนทนไม่ไหว นั่งหลับบนเก้าอี้กลมที่อยู่กลางห้องนั้น คนหนึ่งฟุบลงกับโต๊ะกลมนั้น อีกคนหนึ่งนั่งสัปหงกหัวโยกไปมาดูน่าเวทนา องค์หญิงหลี่น่าที่ทนต่อไปไม่ไหวจึงได้เรียกทั้งสองเบาๆ “ เหม่ยอี้เพ่ยอี้ มาช่วยข้าเปลี่ยนอาภรณ์ก่อน ข้าอยากจะอาบน้ำและเข้านอนแล้ว ปวดเมื่อยเนื้อตัวจนทนไม่ไหวแล้ว ” สองนางกำนัลสะดุ้งตื่นทันที “ เพคะองค์หญิง ” แล้วพากันรีบกระวีกระวาดตรงไปช่วยองค์หญิงร่างใหญ่เปลี่ยนอาภรณ์ทันที พวกนางพากันพยุงร่างอ้วนใหญ่ในชุดเจ้าสาวที่ถอดมงกุฎหงส์และเครื่องประดับบนศีรษะและตามร่างกายออกจนหมด พาเดินไปหลังฉากกั้นที่มีอ่างอาบน้ำใบใหญ่ที่ตอนนี้มีน้ำอุ่นที่เริ่มจะเย็นแล้ว
“ องค์หญิงรอสักครู่จะดีหรือไม่เพคะ หม่อมฉันจะไปต้มน้ำร้อนมาเพิ่มสักหน่อยจะได้แช่น้ำอุ่นกว่านี้เพคะ ” หลีน่าส่ายหน้าน้อย ๆ “ ไม่ต้องมากความไปหรอก ตอนนี้มันดึกแล้ว ข้าอยากจะเพียงแค่รีบอาบน้ำแล้วเข้านอน ส่วนน้ำมันจะไม่ค่อยอุ่นก็ช่างเถอะ เจ้าเองก็เหนื่อยกันมามากแล้ว มาช่วยข้าอาบน้ำเปลี่ยนอาภรณ์แล้วเข้านอน ส่วนพวกเจ้าจะได้ไปพักผ่อนบ้าง วันนี้เหนื่อยกันแทบทุกคน ” สองนางกำนัลจึงรีบทำตามคำสั่ง ร่างอวบอ้วนขององค์หญิงหลีน่าแม้ร่างกายจะอ้วนใหญ่มาก แต่นางก็มีผิวพรรณที่ดี ใบหน้าก็มีเค้าว่าจะงดงามมาก ผิวหน้านั้นเนียนใส หากลดความอ้วนได้และมีรูปร่างดังเช่นคุณหนูในห้องหออื่นๆ นางจะกลายเป็นหญิงที่งามปานจะล่มเมืองอย่างแน่นอน
เหม่ยอี้ครุ่นคิดถึงเรื่องนายหญิงของตน พวกนางก็รู้อยู่แก่ใจว่าเจ้าบ่าวคงจะไม่อยากจะมาเข้าหอ แม่ทัพไป๋ผู้นั้นหล่อเหลายิ่งนัก รูปร่างก็สูงสง่าองอาจ หญิงงามหลายๆคนในเมืองนี้ต่างก็ใฝ่ฝันอยากจะเป็นฮูหยินของเขา แต่ผู้ที่ได้แต่งงานกับเขาสมใจกลับเป็นองค์หญิงอ้วนที่ใครๆก็แอบซุบซิบกันว่าช่างไม่สมกันเลยแม้แต่น้อย แต่ด้วยนางเป็นองค์หญิงจะมีใครกล้าปากมากกัน เพียงแค่แอบซุบซิบกันเบาๆ ตามร้านเสริมความงาม ภัตตาคาร หรือไม่ก็ร้านค้าต่างๆและสถานที่ ๆ มีฮูหยินและคุณหนูจวนต่างๆที่มักจะได้พบปะกัน จึงอดไม่ได้ที่จะแอบซุบซิบนินทาและแอบเสียดายแม่ทัพหนุ่มผู้ถูกมัดมือชกผู้นี้
เมื่ออาบน้ำเปลี่ยนอาภรณ์แล้ว องค์หญิงหลีน่าก็เดินกลับมายังเตียงนอนหลังใหญ่แล้วทรุดตัวลงนั่งบนฟูกหนานุ่มนั้น “ เจ้าทั้งสองไปพักผ่อนเถิด หรี่แสงตะเกียงให้ข้าก็พอ หากข้าง่วงมากกว่านี้จะเข้านอนเอง ตอนนี้ขอนั่งคิดอะไรเงียบๆก่อน เจ้าไม่ต้องเป็นห่่วงข้า พรุ่งนี้เช้าค่อยมาดูแลข้าก็ได้ ” ทั้งสองนางกำนัลรับคำเบาๆ แม้จะเป็นห่วงนายของตนแต่ทั้งสองก็เหน็ดเหนื่อยและง่วงนอนมากจริงๆ จึงได้ยอมกลับออกไปจากห้องหอนั้น แล้วปิดประตูตามหลัง แล้วเดินไปทางหลังเรือนเพื่อพักผ่อนในห้องนอนของตนเอง เรือนตะวันตกนี้เป็นเรือนเล็กที่มีเพียงสองห้องนอน มีห้องโถงด้านหน้าที่เอาไว้กินอาหารและพักผ่อน และมีระเบียงด้านข้างและด้านหน้าที่เชื่อมระหว่างกัน สามารถเดินทะลุไปหากันได้ เรือนนี้ตกแต่งแล้วก็น่าอยู่ มีขนาดกระทัดรัด องค์หญิงหลี่น่าก็ชื่นชอบเรือนเล็กแห่งนี้ และมันยังดูร่มรื่นดีอีกด้วย
เสียงกระดิ่งลมที่แขวนไว้ที่ชายคาด้านข้างที่มีระเบียงยื่นออกไปตอนนี้ส่งเสียงดังกรุ๊งกริ๊งเบาๆเป็นบางครั้งด้านนอกคงจะมีลมพัดเบาๆ องค์หญิงหลี่น่านั่งอยู่บนเตียงวิวาห์สีแดงที่มีม่านบางๆสีแดงผูกไว้ทั้งสี่ด้าน ทั้งผ้าปูเตียงและหมอนก็เป็นสีแดง ปลอกหมอนปักรูปนกยวนยางสองตัวอยู่บนหมอนทั้งสองใบนั้น กลางฟูกนอนมีกลีบดอกเหม่ยกุ้ยโรยไว้บนฟูกนอนส่งกลิ่นหอมอ่อนๆ หลี่น่าหันมองไปรอบๆห้อง ก็พบเข้ากับกาสุรามงคลและจอกที่วางอยู่บนถาดเล็กๆข้างๆกานั้น บนโต๊ะมีผลไม้และขนมมงคลวางอยู่สี่ห้าจาน หลี่น่าจึงลุกขึ้นจากเตียงแล้วเดินไปทรุดนั่งลงบนเก้าอี้ข้างโต๊ะกลมนั่น
องค์หญิงหลีน่าลงมือเทสุราในกาลงในจอกใบเล็กที่มันวางกันอยู่สองจอกแต่ตอนนี้คงมีนางเพียงผู้เดียวที่ต้องใช้มัน เจ้าของมันอีกผู้หนึ่งเขาคงมิอยากจะใช้มันเพื่อดื่มสุรามงคลร่วมกับนางหรอก หลี่น่ายกสุรามงคลขึ้นจิบช้าๆ เมื่อหมดแล้วนางก็เทสุรามงคลเติมอีก เมื่อยกสุราขึ้นจิบไปเรื่อย ๆ จนหมดไปหลายจอกแล้ว หลี่น่าก็เริ่มจะมึนเมา นางหันไปมองรอบๆห้องหอที่เงียบเหงานั้น น้ำตาเม็ดโตก็ไหลรินลงมาตามแก้มอวบทั้งสองข้าง แต่นางมิได้เช็ดมัน ปล่อยให้มันไหลรินลงมาช้าๆ นางมิได้โทษแม่ทัพไป๋ที่รังเกียจจนไม่อยากจะร่วมหอกับนาง แต่นางโทษตนเองที่หลงรักบุรุษอย่างหน้ามืดตามัว
ด้วยความเป็นองค์หญิงผู้เดียวในราชวงศ์นี้ พี่ๆที่เป็นชายทั้งสิ้นตามใจนางเหลือเกิน ดูแลนางดังเช่นเด็กเล็กจนถึงบัดนี้ ทำให้นางมองโลกสดใส มองว่าใครก็ต่างรักใคร่นาง แม้ต้องการสิ่งใดก็มักจะได้มาโดยง่ายไม่เคยต้องใช้ความพยายามเลยแม้แต่น้อย เมื่อหลงรักบุรุษก็ไปบอกพี่ชายให้ไปทูลขอกับเสด็จพ่อจนได้มาอย่างง่ายดายเช่นเดียวกับสิ่งของอื่นๆที่นางเคยอยากจะได้ แต่นางลืมคิดไปว่าสามีที่นางร่ำร้องอยากจะได้นั้นเป็นคน เป็นมนุษย์ที่มีหัวใจ มีรัก มีเกลียด มีพึงใจ ไม่พึงใจ ไม่สามารถจะบังคับจิตใจของใครให้มารักเราทั้ง ๆที่เขาไม่เต็มใจมันทำมิได้ อย่างเช่นที่แม่ทัพผู้นี้กำลังแสดงให้นางได้เห็นอยู่อย่างชัดเจนในตอนนี้
นางรู้ตัวตั้งแต่เริ่มก้าวเท้าเข้ามาในจวนแม่ทัพแห่งนี้แล้ว แม่ทัพไป๋มิได้ปิดบังท่าทางซังกะตายของเขาเลย เขาทำทุกอย่างดังเช่นมิได้เต็มใจ และเหมือนดั่งถูกบังคับใจจิตใจอย่างยิ่ง เขาทำพิธีไหว้ทั้งสี่กับนางอย่างไร้ความสุข นางมองเห็นมันได้ชัดเจนทั้งใบหน้าและดวงตาของเขามันว่างเปล่าและเฉยชาเป็นอย่างมาก เขาไม่แต่จะหันมาสบตากับนาง หรือหันมามองนางอย่างรักใคร่หรือแม้แต่มองนางด้วยความเมตตา
นางมองไม่เห็นสิ่งเหล่านี้ในใบหน้าและดวงตาเฉี่ยวคมของเขาเลยแม้แต่น้อย มันบ่งบอกว่าครั้งนี้นางได้ทำผิดพลาดไปเสียแล้ว เขามิใช่สิ่งของ ของเล่น หรือเครื่องประดับสวยงามที่นางเคยอยากจะได้ แล้วไปรบเร้าบรรดาพี่ชาย หรือเสด็จพ่อและเสด็จแม่ของนาง หลังจากนั้นนางก็จะได้มันมาอย่างง่ายดาย แม้ครั้งนี้นางจะได้แต่งงานกับเขาอย่างง่ายดายเช่นกัน แต่มันคล้ายกับได้เพียงร่างกายของเขาแต่มิได้จิตใจของเขาเลยแม้แต่น้อย นับสิ่งที่องค์หญิงหลีน่าผู้ไม่เคยเผชิญความผิดหวังและความไม่ได้ดั่งใจเลยมาตั้งแต่เล็กเพิ่งจะได้เผชิญกับมันอย่างชัดเจนในวัันนี้นี่เอง นางยกจอกสุราดื่มไปเรื่อย ๆ ดื่มไปก็พร่ำเพ้อกับตนเอง และน้ำตาเม็ดโตก็หลั่งไหลไม่ขาดสาย
นางผิดเองที่หลงรักเขาอย่างมากมายตั้งแต่เมื่อแรกเห็น นางไม่เคยคิดเลยว่าการบีบบังคับผู้อื่นให้รักตนเองนั้นมันจะนำความทุกข์มาให้ทั้งตัวของนางเองและบุรุษผู้นั้นด้วย แม้ตอนนี้นางจะเริ่มคิดได้แล้ว ว่าครั้งนี้นางอาจจะตัดสินใจผิดไป แต่เรื่องแต่งงานนี้เป็นเรื่องใหญ่ของราชวงศ์ นางรู้แล้วว่าเขารังเกียจนางมาก เมื่อตอนที่นางกำลังจะเดินมายังเรือนตะวันตก นางก็ยังแอบได้ยินสาวใช้ซุบซิบกันเบา ๆเรื่องที่แม่ทัพไป๋ที่เป็นคุณชายของจวนนี้มิได้ต้องการฮูหยินที่อัปลักษณ์และมีรูปร่างอ้วนใหญ่เช่นนี้ แต่จำใจเพราะเป็นสมรสพระราชทานและเมื่อตอนที่เขาได้รับราชโองการเขาแทบจะเป็นลมล้มลงด้วยซ้ำ ตอนที่สาวใช้ซุบซิบกันนั้น พวกเขาไม่เห็นว่านางหยุดยืนฟังพวกเขา และนางก็ไม่อยากให้ผู้ติดตามทั้งหลายมาได้ยินเข้าด้วย แต่ก็ดีแล้วที่นางได้ยินความในใจของพวกเขา นางจะได้รู้ว่าพวกเขาคิดกับนางเช่นไร และนางต้องขอบคุณสาวใช้ทั้งสองคนที่ซุบซิบกันให้นางได้ยิน เพราะเมื่อเจ้าบ่าวไม่มาเข้าหอนางจึงไม่ได้แปลกใจอันใดเพราะนางคิดไว้อยู่แล้ว ว่าถ้าเขารังเกียจนางมากถึงขนาดนั้น ก็คงจะไม่ยอมมาเข้าหออย่างแน่นอน องค์หญิงหลีน่าเทสุราลงจอกยกขึ้นดื่มช้าๆ
“ อ้อ !! ลืมบอกไป ข้าคือหูหลินซวงหลานสาวแม่นมหู ที่เป็นแม่นมของท่านแม่ทัพมาตั้งแต่ยังเล็กๆ ที่จริงข้าเองก็ควรจะได้แต่งงานกับเขาเพราะข้าปรนนิบัติดูแลท่านพี่มาหลายปีแล้ว แต่ในเมื่อมีหญิงที่เขามิได้พึงใจบังคับให้เขาจำต้องแต่งงานรับนางเป็นฮูหยินเอกเสียแล้วข้าคงต้องเสียสละเป็นฮูหยินรองกระมัง แต่น่าเสียดายที่นายของเจ้าคงจะเป็นฮูหยินเพียงแค่ตำแหน่งเท่านั้น หญิงที่สามีไม่ปรารถนา ไม่อยากจะร่วมหอ รูปร่างก็อ้วนใหญ่เช่นนั้นยังจะหลงไหลบุรุษจนบีบบังคับให้เขาจำต้องแต่งงานด้วยอีก ช่างหน้าไม่อายจริงๆ ท่านพี่ก็ออกจะหล่อเหลาปานนั้นท่าทางก็องอาจผึ่งผาย แต่จำต้องมีเมียอัปลักษณ์เช่นนี้ บุรุษใดจะทนได้กัน นายของเจ้ารู้หรือไม่ ท่านพี่ดื่มเหล้าเมามายมาหลายวันแล้ว เขาต้องทนทุกข์ที่จำต้องแต่งงานกับหญิงที่เขาไม่ได้รักไม่ได้ชอบ แถมยังรังเกียจเสียด้วยซ้ำ ” หูหลินซวงเอ่ยขึ้นด้วยใบหน้าที่บึ้งตึงอย่างไม่ค่อยจะพอใจ “ วาจาสามหาวยิ่งนัก หญิงที่เจ้ากล้าด่าทอเป็นถึงองค์หญิงของแคว้นชิงแห่งนี้ หากข้านำคำพูดของเจ้าไปทูลฮองเฮาหัวของพวกเจ้ามีเท่าไหร่ก็คงจะไม่พอให้ตัดเป็นแน่ เป็นแค่หลานสาวแม่นมในจวนแม่ทัพ มาอาศัยเขาอยู่มิไ
สองนางกำนัลหันมามองหน้ากันแล้วเอ่ยขึ้นอย่างแปลกใจว่า “ องค์หญิงอยากจะลดความอ้วนหรือเพคะ ทำไมเมื่อก่อนไม่เห็นจะสนใจเรื่องนี้เลย ” องค์หญิงหลีน่าหันมองสีหน้าของสองนางกำนัลที่มีท่าทางสงสัยในท่าทีของนางที่เปลี่ยนไปกระทันหันอย่างที่ไม่เคยมาก่อน “ ข้าอยากจะลดความอ้วนให้มีรูปร่างที่ผอมลงจะได้แต่งกายได้งดงามดังเช่นคุณหนูในห้องหออื่นๆที่ข้าเคยเห็น แต่มิได้ต้องการให้บุรุษใดพึงใจหรอกนะ ข้าทำเพื่อตัวข้าเองวันนี้ข้าเพิ่งจะนึกขึ้นได้ว่า ข้ามัวแต่พึงใจผู้อื่น อยากให้ผู้อื่นเป็นดังใจของข้า แต่ไม่เคยมองดูตนเองว่ามีสิ่งใดให้ผู้อื่นพึงใจได้้บ้าง แต่ข้ามิได้หมายถึงสามีในนามของข้าหรอกนะ เพราะข้าได้ตัดสินใจแล้ว ไม่ว่าข้าจะยังรูปร่างอ้วนใหญ่ทำให้ไม่มีใครต้องการข้า หรือ ข้าจะงดงามยิ่งกว่านี้ีอีกมากมาย แต่ข้าก็จะไม่มีวันรักบุรุษผู้นี้อีก ข้าจะตัดใจจากเขาให้ได้ เพียงแต่ตอนนี้ตัดสินใจแต่งงานเข้าจวนแม่ทัพมาแล้ว ยังไม่สามารถจะหย่าขาดจากเขาได้ง่ายๆ คงต้องใช้เวลาสักพักใหญ่ แต่ระหว่างรอเวลา ข้าจะปรับปรุงตนเองเสียใหม่ บำรุงตนเอง รักตนเองให้มากกว่านี้ ข้ารักตนเอง ข้าจึงต้องเป็นหญิงงามที่ดูแลตนเองได้ดีใช่หรือไม่ ”
วันแต่งงานของแม่ทัพไป๋เฟยหลง เขาที่ยังมึนๆจากการดื่มเหล้าอย่างหนักมาเมื่อคืนนี้ เพราะในอกใจของเขามันแสนจะอึดอัดเหลือเกิน เขาคิดว่าเขาเป็นบุรุษที่โชคร้ายยิ่งนัก เพิ่งพลาดรักจากคุณหนูเจียเหลียนฮวาน้องสาวของสหายสนิทที่เขาแอบมีใจให้นางมาหลายปี จนนางถอนหมั้นเขาก็มีความหวังขึ้นมาอีกครั้งแต่เมื่อนางหวนกลับไปแต่งงานกับอดีตคู่หมั้นของนางเขาจึงช้ำรักจากนางเป็นครั้งที่สอง ยังไม่ทันได้ตั้งตัวก็ได้รับสมรสพระราชทานกับองค์หญิงที่ตัวอ้วนใหญ่เหลือเกินตัวของนางใหญ่กว่าเขาเกือบสามเท่า แม่ทัพหนุ่มที่หล่อเหลาและรูปร่างสูงสง่าองอาจเช่นเขา กลับจะต้องมามีเมียที่ตัวอ้วนใหญ่เช่นนาง แม้จะมีศักดิ์สูงเป็นถึงองค์หญิงหนึ่งเดียวของราชวงศ์ แต่เขาก็มิได้สนใจในอำนาจ เพราะเขาก็แสวงหามันได้ด้วยตนเองอยู่แล้ว แต่เรื่องความรัก เขากลับไม่มีวาสนาเรื่องนี้เลย วันแต่งงานเขาไปรับเจ้าสาวที่ขึ้นเกี้ยวขนาดใหญ่กว่าเจ้าสาวทั่วไปเข้้าจวนมาด้วยใบหน้าเฉยชา ดวงตาก็ว่างเปล่าแทบจะไม่รู้สึกยินดียินร้าย เหล่าสหายก็จ้องมองเขาอย่างปลอบใจ แต่ก็ไม่มีใครช่วยอะไรได้ เมื่อเกี้ยวเจ้าสาวแปดคนหามมาถึงหน้าจวนแม่ทัพ นางกำนัลที่ติดตามเจ้าหญิงร่างใหญ่ผู
สองนางกำนัลหันมามองหน้ากันแล้วเอ่ยขึ้นอย่างแปลกใจว่า “ องค์หญิงอยากจะลดความอ้วนหรือเพคะ ทำไมเมื่อก่อนไม่เห็นจะสนใจเรื่องนี้เลย ” องค์หญิงหลีน่าหันมองสีหน้าของสองนางกำนัลที่มีท่าทางสงสัยในท่าทีของนางที่เปลี่ยนไปกระทันหันอย่างที่ไม่เคยมาก่อน “ ข้าอยากจะลดความอ้วนให้มีรูปร่างที่ผอมลงจะได้แต่งกายได้งดงามดังเช่นคุณหนูในห้องหออื่นๆที่ข้าเคยเห็น แต่มิได้ต้องการให้บุรุษใดพึงใจหรอกนะ ข้าทำเพื่อตัวข้าเองวันนี้ข้าเพิ่งจะนึกขึ้นได้ว่า ข้ามัวแต่พึงใจผู้อื่น อยากให้ผู้อื่นเป็นดังใจของข้า แต่ไม่เคยมองดูตนเองว่ามีสิ่งใดให้ผู้อื่นพึงใจได้้บ้าง แต่ข้ามิได้หมายถึงสามีในนามของข้าหรอกนะ เพราะข้าได้ตัดสินใจแล้ว ไม่ว่าข้าจะยังรูปร่างอ้วนใหญ่ทำให้ไม่มีใครต้องการข้า หรือ ข้าจะงดงามยิ่งกว่านี้ีอีกมากมาย แต่ข้าก็จะไม่มีวันรักบุรุษผู้นี้อีก ข้าจะตัดใจจากเขาให้ได้ เพียงแต่ตอนนี้ตัดสินใจแต่งงานเข้าจวนแม่ทัพมาแล้ว ยังไม่สามารถจะหย่าขาดจากเขาได้ง่ายๆ คงต้องใช้เวลาสักพักใหญ่ แต่ระหว่างรอเวลา ข้าจะปรับปรุงตนเองเสียใหม่ บำรุงตนเอง รักตนเองให้มากกว่านี้ ข้ารักตนเอง ข้าจึงต้องเป็นหญิงงามที่ดูแลตนเองได้ดีใช่หรือไม่ ”
“ อ้อ !! ลืมบอกไป ข้าคือหูหลินซวงหลานสาวแม่นมหู ที่เป็นแม่นมของท่านแม่ทัพมาตั้งแต่ยังเล็กๆ ที่จริงข้าเองก็ควรจะได้แต่งงานกับเขาเพราะข้าปรนนิบัติดูแลท่านพี่มาหลายปีแล้ว แต่ในเมื่อมีหญิงที่เขามิได้พึงใจบังคับให้เขาจำต้องแต่งงานรับนางเป็นฮูหยินเอกเสียแล้วข้าคงต้องเสียสละเป็นฮูหยินรองกระมัง แต่น่าเสียดายที่นายของเจ้าคงจะเป็นฮูหยินเพียงแค่ตำแหน่งเท่านั้น หญิงที่สามีไม่ปรารถนา ไม่อยากจะร่วมหอ รูปร่างก็อ้วนใหญ่เช่นนั้นยังจะหลงไหลบุรุษจนบีบบังคับให้เขาจำต้องแต่งงานด้วยอีก ช่างหน้าไม่อายจริงๆ ท่านพี่ก็ออกจะหล่อเหลาปานนั้นท่าทางก็องอาจผึ่งผาย แต่จำต้องมีเมียอัปลักษณ์เช่นนี้ บุรุษใดจะทนได้กัน นายของเจ้ารู้หรือไม่ ท่านพี่ดื่มเหล้าเมามายมาหลายวันแล้ว เขาต้องทนทุกข์ที่จำต้องแต่งงานกับหญิงที่เขาไม่ได้รักไม่ได้ชอบ แถมยังรังเกียจเสียด้วยซ้ำ ” หูหลินซวงเอ่ยขึ้นด้วยใบหน้าที่บึ้งตึงอย่างไม่ค่อยจะพอใจ “ วาจาสามหาวยิ่งนัก หญิงที่เจ้ากล้าด่าทอเป็นถึงองค์หญิงของแคว้นชิงแห่งนี้ หากข้านำคำพูดของเจ้าไปทูลฮองเฮาหัวของพวกเจ้ามีเท่าไหร่ก็คงจะไม่พอให้ตัดเป็นแน่ เป็นแค่หลานสาวแม่นมในจวนแม่ทัพ มาอาศัยเขาอยู่มิไ
นางผิดเองที่หลงรักเขาอย่างมากมายตั้งแต่เมื่อแรกเห็น นางไม่เคยคิดเลยว่าการบีบบังคับผู้อื่นให้รักตนเองนั้นมันจะนำความทุกข์มาให้ทั้งตัวของนางเองและบุรุษผู้นั้นด้วย แม้ตอนนี้นางจะเริ่มคิดได้แล้ว ว่าครั้งนี้นางอาจจะตัดสินใจผิดไป แต่เรื่องแต่งงานนี้เป็นเรื่องใหญ่ของราชวงศ์ นางรู้แล้วว่าเขารังเกียจนางมาก เมื่อตอนที่นางกำลังจะเดินมายังเรือนตะวันตก นางก็ยังแอบได้ยินสาวใช้ซุบซิบกันเบา ๆเรื่องที่แม่ทัพไป๋ที่เป็นคุณชายของจวนนี้มิได้ต้องการฮูหยินที่อัปลักษณ์และมีรูปร่างอ้วนใหญ่เช่นนี้ แต่จำใจเพราะเป็นสมรสพระราชทานและเมื่อตอนที่เขาได้รับราชโองการเขาแทบจะเป็นลมล้มลงด้วยซ้ำ ตอนที่สาวใช้ซุบซิบกันนั้น พวกเขาไม่เห็นว่านางหยุดยืนฟังพวกเขา และนางก็ไม่อยากให้ผู้ติดตามทั้งหลายมาได้ยินเข้าด้วย แต่ก็ดีแล้วที่นางได้ยินความในใจของพวกเขา นางจะได้รู้ว่าพวกเขาคิดกับนางเช่นไร และนางต้องขอบคุณสาวใช้ทั้งสองคนที่ซุบซิบกันให้นางได้ยิน เพราะเมื่อเจ้าบ่าวไม่มาเข้าหอนางจึงไม่ได้แปลกใจอันใดเพราะนางคิดไว้อยู่แล้ว ว่าถ้าเขารังเกียจนางมากถึงขนาดนั้น ก็คงจะไม่ยอมมาเข้าหออย่างแน่นอน องค์หญิงหลีน่าเทสุราลงจอกยกขึ้นดื่มช้าๆ
องค์หญิงหลี่น่านั่งรอสามีตั้งแต่แม่สื่อพานางมา จนนางกินขนมและผลไม้รองท้องจนเสร็จและนั่งฟังเสียงแขกเหรื่อสนทนากันอย่างสนุกสนาน เสียงหัวเราะและเสียงบรรเลงพิณในงานเลี้ยง เสียงการดื่มอวยพรที่ดูครึกครื้นไม่น้อย เสียงหัวเราะอย่างครื้นเครงในงานเลี้ยง สองนางกำนัลที่แอบออกไปดูบรรยากาศด้านนอกกลับมาบอกว่าข้างนอกครึกครื้นเหลือเกิน นางขยับร่างกายไปมาด้วยความปวดเมื่อยเนื้อตัว แม้เปลี่ยนท่าทางการนั่งมาทุกท่าก็ยังไม่มีวี่แววของเจ้าบ่าวที่จะเข้ามาในห้องหอ นางนั่งรอบนเตียงวิวาห์โดยยังอยู่ในชุดที่เต็มยศของเจ้าสาว จนกระทั่งเสียงทุกอย่างด้านนอกค่อยๆเงียบลงไปเรื่อย ๆ จนกระทั่งทุกอย่างเงียบสนิทลง ไม่มีแม้แต่เสียงบ่าวไพร่ที่กำลังช่วยกันเก็บข้าวของหลังจากงานเลี้ยงเสร็จสิ้นแล้ว ทุกอย่างในจวนแม่ทัพเงียบสนิทโดยสิ้นเชิง องค์หญิงหลีน่าหันไปมองสองนางกำนัลที่ง่วงนอนจนทนไม่ไหว นั่งหลับบนเก้าอี้กลมที่อยู่กลางห้องนั้น คนหนึ่งฟุบลงกับโต๊ะกลมนั้น อีกคนหนึ่งนั่งสัปหงกหัวโยกไปมาดูน่าเวทนา องค์หญิงหลี่น่าที่ทนต่อไปไม่ไหวจึงได้เรียกทั้งสองเบาๆ “ เหม่ยอี้เพ่ยอี้ มาช่วยข้าเปลี่ยนอาภรณ์ก่อน ข้าอยากจะอาบน้ำและเข้านอนแล้ว ปวดเม
วันแต่งงานของแม่ทัพไป๋เฟยหลง เขาที่ยังมึนๆจากการดื่มเหล้าอย่างหนักมาเมื่อคืนนี้ เพราะในอกใจของเขามันแสนจะอึดอัดเหลือเกิน เขาคิดว่าเขาเป็นบุรุษที่โชคร้ายยิ่งนัก เพิ่งพลาดรักจากคุณหนูเจียเหลียนฮวาน้องสาวของสหายสนิทที่เขาแอบมีใจให้นางมาหลายปี จนนางถอนหมั้นเขาก็มีความหวังขึ้นมาอีกครั้งแต่เมื่อนางหวนกลับไปแต่งงานกับอดีตคู่หมั้นของนางเขาจึงช้ำรักจากนางเป็นครั้งที่สอง ยังไม่ทันได้ตั้งตัวก็ได้รับสมรสพระราชทานกับองค์หญิงที่ตัวอ้วนใหญ่เหลือเกินตัวของนางใหญ่กว่าเขาเกือบสามเท่า แม่ทัพหนุ่มที่หล่อเหลาและรูปร่างสูงสง่าองอาจเช่นเขา กลับจะต้องมามีเมียที่ตัวอ้วนใหญ่เช่นนาง แม้จะมีศักดิ์สูงเป็นถึงองค์หญิงหนึ่งเดียวของราชวงศ์ แต่เขาก็มิได้สนใจในอำนาจ เพราะเขาก็แสวงหามันได้ด้วยตนเองอยู่แล้ว แต่เรื่องความรัก เขากลับไม่มีวาสนาเรื่องนี้เลย วันแต่งงานเขาไปรับเจ้าสาวที่ขึ้นเกี้ยวขนาดใหญ่กว่าเจ้าสาวทั่วไปเข้้าจวนมาด้วยใบหน้าเฉยชา ดวงตาก็ว่างเปล่าแทบจะไม่รู้สึกยินดียินร้าย เหล่าสหายก็จ้องมองเขาอย่างปลอบใจ แต่ก็ไม่มีใครช่วยอะไรได้ เมื่อเกี้ยวเจ้าสาวแปดคนหามมาถึงหน้าจวนแม่ทัพ นางกำนัลที่ติดตามเจ้าหญิงร่างใหญ่ผู