อาสะใภ้ตระกูลเสิ่นกับเสิ่นฟางพี่สาวเสิ่นหยางพอเจอกับซือถูไป๋กับชิ่งอวิ๋นเซียวทั้งสองคน ก็ไม่กล้าส่งเสียงอะไรมาตลอดอาสะใภ้บ้านตระกูลเสิ่นยังพอไหว นางเคยเห็นเสิ่นเสวียนตอนยังเด็กกับวัยหนุ่มมาแล้ว ตอนนั้นเสิ่นเสวียนเองก็มีชื่อว่าเป็นหนุ่มหล่อในต้าชื่อเช่นกัน ต่อให้ตอนนี้เป็นวัยกลางคนแล้วแต่ก็ยังคงดูดีราวกับดวงจันทราดังนั้นตอนที่เห็นซือถูไป๋กับชิ่งอวิ๋นเซียว นางที่อายุมากแล้ว จึงไม่ถึงกับมือไม้เป็นพัลวันหูของเสิ่นฟางหูแดงมาตลอดนั่งร่วมโต๊ะอยู่กับชายหนุ่มสองคนที่หน้าตาดีสะกดหญิงสาวส่วนใหญ่แบบนี้ นางยังไม่กล้าเงยหน้าด้วยซ้ำนับถือฟู่จาวหนิงจริง ที่ยังสุขใจร่าเริงได้แต่ว่า นี่อาจจะเพราะความงามของฟู่จาวหนิงเองก็ไม่ได้ด้อยกว่าพวกเขากระมัง?หลังจากของว่างน้ำชายกเข้ามา อาสะใภ้เสิ่นกับเสิ่นฟางก็รีบเอาความสนใจไปอยู่ที่การค้นคว้าของว่างน้ำชา ถึงอย่างไรพวกนางครั้งนี้ก็ตามมาแล้ว และยังกอดความคิดจะเรียนฝีมือของโรงน้ำชาแห่งนี้ด้วย"ตระกูลชิ่งคิดจะชิงโอกาสสุราพิธีกรรมในการอวยพรขององค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นในอีกไม่กี่วันนี้ด้วยหรือ?"ซือถูไป๋ถามผู้นำน้อยตระกูลชิ่ง"ไม่หรอก ข้าตอนนี้อายุยังน้อย ไม่ต้
อาเพียนพอเห็นสายตานางก็ร้องเฮอะหันหน้าออกไป ไม่พูดอะไรอีกเขาก่อนหน้านี้เป็นพวกชอบด่าตามอำเภอใจ แต่ก็ถูกคุณชายลงโทษอยู่ไม่น้อย โดยเฉพาะหลังจากที่ไม่เคารพต่อพระชายาอ๋องเจวี้ยน คุณชายขนาดไม่อยากจะพาเขามาด้วยแล้ว ดังนั้นตอนนี้เขาจึงไม่กล้าฟู่จาวหนิงพอเห็นการกระทำของผู้นำน้อยตระกูลชิ่ง ก็อดยิ้มขึ้นมาไม่ได้นางต่อให้มองออก ผู้นำน้อยตระกูลชิ่งครั้งนี้ยืนอยู่ฝั่งนาง ยิ่งไปกว่านั้นยังดูจะเอาคืนหนี้แค้นก่อนหน้านี้ของนางให้อีกด้วยและไม่รู้ว่าผู้นำน้อยตระกูลชิ่งไปเห็นอาเพียนดุด่านางตอนไหนนางอันที่จริงก็แค่ขี้เกียจจะคิดเล็กคิดน้อยกับอาเพียน แค่ก็คำไม่กี่คำ สำหรับนางแล้วไม่เจ็บไม่คันเลยสักนิด แล้วก็ไม่แค้นไม่เคืองด้วย"อาจารย์ข้าตอนนั้นได้อะไรกลับมาบ้างไหม?" ฟู่จาวหนิงถามต่อ "ท่านรู้ไหมว่าเขาตอนนั้นเตรียมจะออกไปอยู่แล้ว หรือว่ามาเปลี่ยนความคิดตอนหลัง""บนตัวพวกผู้อาวุโสจี้แบกของอยู่เหมือนกัน ดูแล้วน่าจะได้อะไรมาพอควร แต่ว่าเพื่อจะเลี่ยงการรังเกียจ ข้าเลยไม่ได้ไปถามว่าได้อะไรมาบ้าง ตอนนั้นเห็นว่าพวกเขาตั้งค่ายกันที่ริมๆ เทือกเขาสระเมฆาด้วย น่าจะอยู่ที่นั่นอีกหลายวัน"ซือถูไป๋เองก็ไม่ได้ปิ
ซือถูไป๋หน้าเปลี่ยนสีเล็กน้อย แขนเสื้อกว้างสะบัดออกมาทันที คิดจะใวช้กำลังภายในเข้าขวางน้ำชาเหล่านั้นแต่เพราะผู้นำน้อยตระกูลชิ่งลงมือกะทันหัน ใครก็คิดไม่ถึงว่าเขาจะทำแบบนี้ ดังนั้นจึงช้าไปก้าวหนึ่ง น้ำชาถ้วยนั้นทั้งหมดสาดเข้าไปบนหน้าอาเพียนอาเพียนถูกสาดไปเต็มหน้า แข็งทื่อไปทั้งตัวเขาติดตามซือถูไป๋มาตลอด ซือถูไป๋เองก็มีชื่อเสียงมากในยุทธจักรพ ชื่อเสียงโรงยาทงฝูเอาก็ดีมาก ปกติไม่ค่อยมีใครที่สายตาไม่กว้างใกล้มารังแกพวกเขาสักเท่าไรต่อให้ตัวตนฐานะจะสูงกว่าพวกเขา ก็ยังไม่ไม่มาคิดเล็กคิดน้อย ไม่พูดอะไรมาก อย่างมากก็แค่ทำเป็นไม่สนใจเขาเพิ่งเคยถูกสาน้ำชาใส่เป็นครั้งแรก!โชคดีที่อากาศตอนนี้เย็น พอลมหนาวพัดมาน้ำชาก็ไม่ร้อนจนลวก และชาถ้วยนั้นก็วางไว้พักหนึ่งแล้ว มันจึงแค่อุ่นๆแต่ต่อให้เป็นเช่นนี้ อาเพียนก็ยังถูกสาดจนมึนไปแล้ว ในสมองขาวโพลนไปหมด"คนใช้ข้างกายคุณชายซือถูคนนี้น่ารังเกียจเสียจริง ข้าได้ยินว่าเขาพูดว่าร้ายแม่นางหญิงก่อนหน้านี้ไปไม่น้อยเลย ใช่ไหม?"ผู้นำน้อยตระกูลชิ่งยังยิ้มเจิดจ้าอย่างสง่างาม แต่ในดวงตากลับเผยประกายคมกริบออกมาพอสมควร"เขาน่าจะถูกคุณชายซือถูตามใจจนนิสัยเส
ผู้นำน้อยตระกูลชิ่งออกมาเดินได้ไม่กี่ก้าว ก็เห็นพวกฟู่จาวหนิงยืนอยู่ไม่ไกล เขาก็งงงัน พอเห็นฟู่จาวหนิงกำลังกวักมือมาทางเขา ก็เลยวิ่งออกไปทันที"แม่นางฟู่ วางใจได้ ข้าสั่นสอนอาเพียนคนนั้นแทนท่านไปแล้ว จากที่ข้าเห็น ท่านนี่เป็นคนดีใจดีเกินไปแล้ว"ทำไมถึงให้อาเพียนคนนั้นมาคอยขี่หัวอยู่ได้"ขอบคุณท่านมาก"ถึงแม้ฟู่จาวหนิงจะรู้สึกว่าตนเองไม่จำเป็นต้องไปคิดเล็กคิดน้อยกับเด็กวัยต่อต้านคนนั้น แต่คนอื่นก็ช่วยเรียกร้องความเป็นธรรมให้กับนางแล้ว นางจะทำตัวเป็นคนไม่รู้จักผิดชอบชั่วดีแล้วพูดว่าไม่จำเป็นต้องทำแบบนี้ไม่ได้"ฮ่าๆ ไม่ต้องขอบคุณหรอก"เป็นไปตามคาด พอได้ยินคำขอบคุณของฟู่จาวหนิง ผู้นำน้อยตระกูลชิ่งก็หัวเราะร่าขึ้นมาอย่างเบิกบานเป็นพิเศษ"แม่นางฟู่พักอยู่ในบ้านพวกเขาหรือ มีอะไรไม่สะดวกไหม ต้องการให้ช่วยอะไรก็บอกได้เลย"ผู้นำน้อยตระกูลชิ่งมองมองอาสะใภ้เสิ่นกับเสิ่นฟางเสิ่นฟางเมื่อครู่เห็นเขาสาดน้ำใส่คนติดตามคุณชายซือถูอย่างกล้าหาญ จึงรู้สึกอยากรู้อยากเห็นต่อตัวเขาแต่ก็ไม่กล้าสบตามองตรงๆ"ใช่ ข้าพักอยู่ในบ้านตระกูลเสิ่น ไม่มีอะไรไม่สะดวกสบายหรอก ว่าแต่ผู้นำน้อยตระกูลชิ่ง" ฟู่จาวหนิง
"ถุงยานี้ข้าห่อไว้นานแล้ว สายรัดนี้ข้าให้เสี่ยวชิ่นเย็บมาให้ หลังจากนี้สามารถเอาห่อยาที่อุ่นแล้ววางไว้บนสายรัดแล้วมัดไว้บนเข่าของท่านผู้เฒ่าได้ ไท่ไท่อาวุโสถ้าหน้าหนาวรู้สึกปวดขา อันที่จริงก็ใช้ได้เช่นกัน""นี่นี่นี่ นี่มันดีมากเลย นี่มันดีมากจริงๆ ขอบคุณมากจาวหนิง!" ตาไท่ไท่อาวุโสแดงก่ำขึ้นมา รีบกุมมือฟู่จาวหนิงไว้ รู้สึกดีใจยิ่งกว่าที่รักษาตนเองเสียอีกขาของท่านผู้เฒ่าพอไม่สะดวกนัก ตนเองก็จมดิ่งไปไม่น้อย รู้สึกว่าตนเองกลายเป็นภาระยิ่งไปกว่นั้นยังไปเดินเล่นกับนางด้วยไม่ได้ ทั้งสองคนจึงทำได้แค่ทำกิจกรรมอยู่แต่ในเรือนจิ้งชิวถ้าหากเขาสามารถดีขึ้นมา เขาหลังจากนี้ก็ยังสามารถช่วยเหลือเสิ่นเสวียนได้ด้วย"วิชาแพทย์ของจาวหนิงนี่ยอดเยี่ยมเหลือจะกล่าวจริงๆ"ท่านผู้เฒ่าเสิ่นเองก็แอบหันมาปาดน้ำตา"เดิมทีข้าคิดว่าพวกเราสองเฒ่าเหยียบอยู่บนเส้นทางยมโลก ชีวิตนี้เหลืออยู่แค่ไม่กี่วันแล้วเสียอีก..."คำพูดของไท่ไท่อาวุโสทำให้ฟู่จาวหนิงต้องตัดบท"ท่านผู้เฒ่ากับไท่ไท่อาวุโสเพิ่งจะหกสิบต้นๆ เอง ขอแค่สุขภาพดีเข้าไว้ บำรุงร่างกายดีดี จิตใจปล่อยวาง ใช้ชีวิตให้มีความสุขหน่อย กินให้ดีพักผ่อนให้เพียงพอ
"ท่านลุงคนโตไม่รู้ตัวตนฐานะของเขาหรือ?""ไม่รู้ เพราะคนคนนั้นอันที่จริงก็ทำการค้าในเมืองหลวงมานานแล้ว ก่อนนี้หน้าก็ไปมาเป็นประจำ ถือว่าคุ้นเคยเลยทีเดียว หลังจากเกิดเรื่องนี้ คนผู้นั้นก็หายตัวไป เหลือไว้แค่อักษรบนกำแพง ตัวหนังสือเขียนไว้ให้ลุงคนโตของเจ้า แล้วยังมีคำเตือนมาคำหนึ่ง และเพราะประโยคนั้นบอกตัวตนฐานะออกมาว่าลุงคนโตของเจ้าเป็นเจ้าแท่นบูชา ทำให้เขาดิ้นไม่หลุด""เมื่อเป็นเช่นนี้ ลุงคนโตจึงถูกคนอื่นใส่ร้ายไปแล้ว""อืม แต่ไม่มีใครหาคนผู้นั้นพบเลย""ท่านลุงหลายปีนี้ก็หามาโดยตลอดใช่ไหม?""หามาตลอดเลย แต่อีกฝ่ายก็เหมือนสลายหายไปจากโลกนี้แล้วอย่างไรอย่างนั้น ไม่มีร่องเลยเลยแม้แต่น้อย" เสิ่นเสวียนถอนหายใจ "ต่อมาข้าก็ป่วย จึงไม่ได้สนใจเรื่องนี้อีก อื๋อ?"เสิ่นเสวียนจู่ๆ ก็เหมือนคิดอะไรออก เขานั่งตัวตรง มองฟู่จาวหนิงฟู่จาวหนิงพอเห็นเขาเป็นเช่นนี้ก็เดาว่าเขาน่าจะคิดอะไรออก จึงไม่ได้ส่งเสียงทำให้ความคิดเขาสับสน รอให้เขาจัดระเบียบเสร็จแล้วพูดออกมาอีกครั้ง"ตอนนั้นเหมือนตรวจเจออะไรแล้ว ต่อมาข้ารู้สึกไม่สบาย การตรวจสอบจึงขาดช่วงไป ตอนนี้พอมาคิดดู มันจะเป็นเพราะข้าตรวจสอบมาถูกทางแล้วหร
เมืองหลวงจักรพรรดิขอต้าชื่อ หอเมืองมองไกลๆ แล้วดูยิ่งใหญ่เป็นพิเศษแตกต่างกับความโบราณของแคว้นเจา สิ่งปลูกสร้างของต้าชื่อดูสง่างามอหังการกว่าอย่างเห็นได้ชัด กำแพงเมืองก็สูงมาก ด้านบนมีทหารคุ้มครองเมืองลาดตระเวณไปมาประตูเมืองเปิดอยู่ คนที่เข้าเมืองเข้าแถวเป็นขบวนยาวพอใกล้ถึงเทศกาลอวยพรสารทฤดู คนที่เข้าเมืองหลวงจึงมากขึ้นจริงๆยิ่งไปกว่านั้น ยังมีอยู่ทุกรูปแบบ รถม้าเองก็แตกต่างกันออกไปด้วย"ระวังหน่อย! อย่าเบียดกัน!"ทหารชั้นสูงที่ประตูเมืองทางนั้นตะโกนขึ้นเสียงดัง เพื่อรักษาความเป็นระเบียบเรียบร้อยไป๋หู่ขับรถม้า พูดกับฟู่จาวหนิงที่กำลังเลิกม่านรถขึ้นว่า "คุณหนูจาวหนิง ดูท่าจะต้องเข้าแถวอีกนานเลย ไปซื้อขนมมาให้ท่านกินก่อนดีไหม?"ไม่ไกลจากประตูเมือง มีพ่อพวกค้ามากางแผงอยู่ คอยค้าขายให้กับคนที่เข้าแถวเข้าเมืองที่นี่เพราะคนเข้าเมืองมีเยอะมาก ขบวนจึงเคลื่อนตัวได้ช้า มีแขกทางไกลบางส่วนที่เร่งเดินทางมานาน ตอนนี้ก็ทั้งหิวทั้งกระหาย ดังนั้นจึงมีคนไม่น้อยส่งคนออกไปหาของกินที่แผงพ่อค้าข้างๆนอกประตูเมืองก็ยังคึกคักกันขนาดนี้แล้ว"ไม่ต้อง ข้ายังไม่ค่อยหิว เดี๋ยวเข้าเมืองแล้วค่อยไปกิน
"หลานหรงน่าจะส่งคนไปคุ้มครองพระชายาที่ประตูเมืองแล้วกระมัง? คิดว่าพระชายาเองก็น่าจะมาถึงเมืองหลวงจักรพรรดิแล้ว ไม่แน่อีกเดี๋ยวคงได้เจอกับพระชา"ชิงอีรู้สึกว่าท่านอ๋องจะต้องคิดถึงพระชายามากแน่ ถึงอย่างไรก็แยกกันไปตั้งนานนี่นา"อืม"แต่เสียงของเซียวหลันยวนดูไม่มีเรี่ยวแรงเอาเลย ตอบกลับอย่างกลัดกลุ้มพวกเขามาถึงเรือนเล็กเรือนนั้นแล้ว พอเข้าประตู เซียวหลันยวนก็ลงจากรถม้า เงยหน้ามองไปข้างหน้าทันทีหลานหรงขึ้นหน้ามา "ท่านอ๋องเหน็ดเหนื่อยเสียแล้ว"เซียวหลันยวนไม่ตอบ สายตาหมุนไปหมุนมา กวาดมองเรือนหลังนี้ ยังไม่มีใครอยู่ฟู่จาวหนิงล่ะ?หลานหรงมาถึงต้าชื่อก่อน หรือว่ายังไม่ได้ไปรับฟู่จาวหนิงเข้ามา?"ท่านอ๋อง?"หลานหรงไม่ค่อยเข้าใจว่าเขากำลังหาอะไร"พระชายาล่ะ?" ชิงอีถามขึ้นทันที ท่านอ๋องจะต้องหาพระชายาอยู่แน่"พระชายาน่าจะเข้าเมืองหลวงจักรพรรดิวันนี้ ข้าน้อยส่งคนไปรอที่ประตูเมืองแล้วขอรับ"พอสิ้นเสียงของหลานหรง ก็มีคนรีบเดินเข้ามา"ท่านอ๋อง ไม่พบตัวพระชายา แต่พอหาข่าวดูจึงรู้ว่า พระชายาตอนที่เข้าเมืองก่อนหน้า ถูกคนของคุณชายซือถูรับตัวไปแล้ว"กร๊อบเซียวหลันยวนบีบมือ โครงประตูที่เ