ไท่ไท่อาวุโสเสิ่นพอได้ยินเรื่องที่เสิ่นเสวียนพูดถึง ดวงตาก็เป็นประกายขึ้นมา"เอ๋? นั่นก็ไม่ใช่ว่าไม่ได้นะ จาวหนิงโดดเด่นเสียขนาดนี้ แม้ว่าข้าจะอยากให้นางกลายเป็นคนของตระกูลเสิ่นก็ตาม แต่ถ้ามีคนที่ดีกว่าตระกูลเสิ่นพวกเรา เหมาะกับฟู่จาวหนิงมากกว่า แล้วเป็นคนที่นางชอบมากกว่า พวกเราก็จะเห็นแก่ตัวไม่ได้"ไท่ไท่อาวุโสมองไปทางฟู่จาวหนิง "จาวหนิง ถ้าอย่างนั้นเจ้าลองบอกมาหน่อยว่าเจ้าชอบแบบไหน?"ไม่รอให้ฟู่จาวหนิงตอบ นางก็รีบเอ่ยขึ้น "อย่าบอกว่าเป็นแบบอาเสวียนนะ เขาอายุมากแล้วไหม?"พรวดฟู่จาวหนิงทนไม่ไหว หัวเราะพรวดออกมา"ฮ่าๆๆ!" นางมองไปทางเสิ่นเสวียน หัวเราะไปด้วยพูดไปด้วย "ท่านลุง ทุกครั้งที่ข้าบอกว่าชอบท่านไม่ใช่ชอบแบบนั้น ไม่มีใครเชื่อเลยรึ!"คนตระกูลเสิ่นเหล่านี้ก็ไม่รู้ว่าเป็นอะไรกัน แต่ละคนคิดว่านางกับเสิ่นเสวียนมีความสัมพันธ์ไม่ธรรมดากันยิ่งไปกว่านั้นยังรู้สึกว่าเสิ่นเสวียนก็รู้สึกพิเศษกับนางด้วยฟู่จาวหนิงเองก็ไม่รู้ ว่าก่อนหน้านี้เสิ่นเสวียนไม่ให้ใครเข้ามาพักในสวนสี่ซินเลย ยิ่งไปกว่านั้นเขามีชื่อเสียงตั้งแต่อายุยังน้อย อันที่จริงก็มีความเย่อหยิ่งอยู่หลายปีมานี้ต่อให้ถูกอง
เสิ่นเสวียนไม่ใช่คนที่มีปัญหาเรื่องนิสัย บอกว่ามองเป็นลูกสาว เช่นนั้นก็คือไม่คิดอะไรเกิดเลยกับฟู่จาวหนิงแน่นอนถ้าหากบอกว่าเป็นลูกสาว เช่นนั้นก็ยังพอเข้าใจได้ถึงอย่างไรเสิ่นเสวียนก็อายุมากขนาดนี้แล้ว แล้วยังไม่ได้แต่งงาน การอยากจะยอมรับลูกสาวสักคนก็ไม่ได้ผิดอะไรไท่ไท่อาวุโสตอนนี้ก็กลืนไม่เข้าคายไม่ออกขึ้นมาเสียแล้ว"อาเสวียน เจ้าบอกมาหน่อยว่าเกิดอะไรขึ้น นี่มันก็เรื่องดีนี่นา ทำไมไม่รีบพุดออกมากัน?""แล้วยังมีอีกเรื่องหนึ่ง เกี่ยวกับตัวตนฐานะของฟู่จาวหนิง" เสิ่นเสวียนรู้สึกว่าในเมื่อพูดแล้ว เช่นนั้นก็พูดให้เข้าใจขึ้นมาดีกว่า"ฟู่จาวหนิงแต่งงานแล้วจริงๆ สามีของนางคือเซียวหลันยวนอ๋องเจวี้ยนแห่งแคว้นเจา""อะไรนะ?"ท่านผู้เฒ่าเสิ่นร้องเสียงหลงออกมา"อ๋องเจวี้ยน ท่านพ่อ ท่านไม่ได้ฟังผิด นางเป็นพระชายาอ๋องเจวี้ยนที่แคว้นเจา" เสิ่นเสวียนเอ่ยต่อ"เซียวหลันยวนข้ารู้จัก!" ท่านผู้เฒ่าเสิ่นหน้าเปลี่ยนสี "แต่เขาไม่ได้ว่าสุขภาพย่ำแย่จนต้องพักฟื้นอยู่แต่ที่ยอดเขาโยวชิงหรอกหรือ?"ฟู่จาวหนิงรู้สึกเกินคาดขึ้นมาเหมือนกัน"ท่านผู้เฒ่ารู้สถานการณ์ของเขาด้วยหรือ?""รู้สิ ตอนเขายังเล็กข้ายังเค
ไท่ไท่อาวุโสนึกออกแล้ว"ข้ารู้แล้ว ตอนนั้นหลังจากเจ้ากลับมาก็บอกกับข้าอยู่ บอกว่าเจ้าอารามบอกเจ้ามาคำหนึ่ง ตอนนั้นพวกเรายังนึกไม่ออกว่าว่าโอกาสรอดนี้จะเพิ่มขึ้นมาได้อย่างไร""ใช่ ข้าตอนนั้นเองก็ไม่เข้าใจ จึงถามเขา ว่าเพราะอะไรโอกาสรอดจึงยังต่ำ? เข้าจะทำให้โอกาสรอดสูงขึ้นได้อย่างไร? เจ้าอารามก็ยิ้มๆ ตอบมาคำหนึ่ง บอกว่าให้รอ รอให้โอกาสรอดมันเติบโตขึ้นมาเสียก่อน"หืม?เสิ่นเสวียนตอนนี้เองก็เหมือนฟังอะไรออกแล้ว เขามองไปทางฟู่จาวหนิง"ดังนั้นตอนนี้ท่านจึงคิดว่า โอกาสรอดที่ว่านี้หมายถึงคนหรือ?""ใช่" ท่านผู้เฒ่าพยักหน้า "ยิ่งไปกว่านั้นฟู่จาวหนิงถ้าคำนวณเรื่องอายุแล้ว ตอนนั้นนางก็น่าจะยังเล็กมากใช่ไหม?"ฟู่จาวหนิงกล้าพูดเสียที่ไหนว่าตนเองจะเป็นโอกาสรอดของบ้านตระกูลเสิ่น?"ข้าก็แค่คนธรรมดาคนหนึ่ง""ไม่ธรรมดาเลย พิเศษและยอดเยี่ยมเอามากๆ เจ้าลองดูสิ เจ้าช่วยชีวิตอาเสวียนไว้ นี่เท่ากับช่วยตระกูลเสิ่นไว้แล้วนะ อาเสวียนเองถ้าไม่อยู่แล้ว เขาจะหาโอกาสไหนมาเชิญเจ้ามาตรวจภรรยาของข้า? แล้วถ้าพวกเราตายกันหมด ตระกูลเสิ่นก็แตกกระเจิงกันไปหมดแล้วไม่ใช่หรือ?"ท่านผู้เฒ่าเสิ่นยิ่งพูดก็ยิ่งรู้สึกว่าก
"เจ้าพูดเองเลยแล้วกัน เซียวหลันยวนดีกับเจ้าไหม" เสิ่นเสวียนเอ่ยกับฟู่จาวหนิง"เขา..."ฟู่จาวหนิงอึกอักขึ้นมาดีไหมนะ?"เจ้าดูสิ ถ้าเขาดีกับเจ้าจริง ยังต้องมาคิดอีกหรือ? มันต้องตอบออกมาได้อย่างไม่ลังเลไม่ใช่หรือ?"ไท่ไท่อาวุโสดึงมือฟู่จาวหนิง ปวดใจจะแย่"จาวหนิงเอ๋ย ไม่ว่าเจ้าจะมีตัวตนฐานะอะไร ต่อให้เป็นท่านอ๋องจากแคว้นเจา ถ้าหากไม่ดีกับเจ้า พวกเราก็ไม่แปลกใจหรอก เจ้าจะแยกกับเขาตอนไหน พวกเราก็จะสนับสนุนเจ้า ตระกูลเสิ่นแม้ว่าตอนนี้จะดูแล้วไม่เท่าไร แต่การกินการอยู่สำหรับเจ้าไม่ต้องกังวล""ไท่ไท่อาวุโส ข้า...""ใช้ พวกเราสามารถเป็นที่พึ่งของเจ้าได้" ท่านผู้เฒ่าเองก็พูดขึ้นมา "ถ้าอย่างนั้นเจ้าก็ยอมรับอาเสวียนเป็นพ่อเลี้ยงเลยสิ พวกเราจะเปิดผังตระกูลให้เอง เขียนชื่อเจ้าไปบนผังตระกูลเสิ่น พวกเราก็สามารถเป็นปู่กับย่าเจ้าได้แล้ว เจ้าก็จะไม่ใช่คนโดดเดี่ยวอีก"เขาตอนนี้ในใจเชื่อว่า "โอกาสรอด" ที่เจ้าอารามพูดถึงคือฟู่จาวหนิงแต่ต่อให้นางไม่ใช่โอกาสรอด พวกเขาเองก็ชอบนาง อยากจะให้นางอยู่ในตระกูลเสิ่นอย่างจริงใจก่อนหน้านี้ยังบอกว่าจะแนะนำนางให้กับเด็กในบ้านอยู่เลย ตอนนี้พอคิดๆ มีอะไรจะดีไ
"หมอหวาง ไปดูด้วยกัน"เสิ่นเสวียนเรียกหมอหวางทันทีหมอถังเขาไม่ได้เจอมาระยะหนึ่งแล้ว ใครก็ไม่รู้ว่าตอนนี้หมอถังยังยืนอยู่ด้านความยุติธรรมไหมถึงอย่างไรลูกไม้ขององค์จักรพรรดิก็มีไม่น้อยมาตลอด"ท่านลุง ข้าเองก็จะไปด้วย" ฟู่จาวหนิงในห้องพอได้ยิน ก็รีบวิ่งออกมา"ก็ดี เอาผ้าคลุมให้คุณหนูด้วย" เสิ่นเสวียนรีบบอกกับเสี่ยวชิ่นเสี่ยวชิ่นรีบพุ่งไปหยิบผ้าคลุมมา และสะพายกล่องยาของฟู่จาวหนิงมาด้วยเสิ่นหยางมองฟู่จาวหนิงอย่างอยากรู้อยากเห็นเขาช่วงนี้ได้ยินชื่อฟู่จาวหนิงบ่อยมาก ได้ยินคนอื่นในตระกูลเสิ่นพูดเรื่องของนาง แต่นี่ก็เป็นครั้งแรกที่ได้พบดูดีกว่าที่พวกเขาพูดเสียอีกเสิ่นหย้าหน้าร้อนผ่าวเล็กน้อย เขารีบย้ายสายตาออกไปด้านนอก ไม่กล้าเข้าไปนั่งในรถม้าพร้อมพวกเขา"เจ้าชื่อเสิ่นหยางใช่ไหม?"ใครจะรู้ว่าฟู่จาวหนิงกลับเลิกม่านมาพูดกับเขาก่อน"เขาอายุพอพอกับเจ้า เรียกชื่อเลยก็ได้" เสิ่นเสวียนเอ่ยขึ้น"เช่นนั้นก็เรียกชื่อเลยนะ เสิ่นหยาง บอกข้าถึงแขกคนนั้นหน่อย อายุ รูปร่าง ตอนที่เข้าไปมีอะไรผิดปกติไหม ขั้นตอนระหว่างที่พูดทำอะไรอยู่ถึงได้เป็นลม ตอนเป็นลมลงไปกระแทกที่ไหนบ้างหรือเปล่า สิ้นสต
"ที่นี่ ห้องโถงทางนี้มีแคร่ตัวหนึ่ง พวกเราประคองเขาอย่างระวังไปบนแคร่แล้ว หลังจากนั้นก็ไม่กล้าแตะต้องเขาอีกเลย"ลุงตงพาคนเข้าไปฟู่จาวหนิงพาเสี่ยวชิ่นตามอยู่ด้านหลังหมอหวางสืออีสือซานก็ตามนางมา ดังนั้นจึงบังเขาได้บ้าง ไม่ใช่คนทั้งหมดจะมองเห็นนางตอนนี้ความสนใจของทุกคนล้วนอยู่บนตัวเสิ่นเสวียนแล้วก็แขกที่สลบไปแล้วคนนั้น"นี่คือท่านโม่ ท่านโม่ก่อนหน้านี้มาซื้อของในโถงป๋ออวี้สองครั้ง ถือว่าเป็นลูกค้าเก่าแล้ว สองครั้งก่อนหน้านี้ก็ไม่ได้มีเรื่องไม่น่ายินดีอะไร"ลุงตงพาคนมาถึงข้างแคร่ตัวนั้น หมอหวางเข้าไปตรวจสอบร่างกายท่านโม่ก่อนฟู่จาวหนิงยืนอยู่ข้างๆ เขา สังเกตไปด้วยฟังลุงตงพูดไปด้วยเสิ่นเสวียนถาม "คนในครอบครัวเขาหรือผู้ติดตามล่ะ?"คนใช้รูปร่างกำยำสองคนลุกขึ้นยืน"พวกเราคือคนรับใช้ของท่านโม่ มีคนไปแจ้งกับฮูหยินของพวกเราแล้ว พวกเราไม่ว่าสนว่าโถงป๋ออวี้จะมีอำนาจแค่ไหน ถึงอย่างไรวันนี้นายท่านของพวกเรากลายเป็นแบบนี้พวกท่านก็อย่าคิดหนีเชียว""ใช่! พวกเราจะเรียกร้องความยุติธรรม!"เสิ่นเสวียนเหลือบมองพวกเขาผาดหนึ่งคนใช้สองคนนี้ถูกเสิ่นเสวียนเหลือบมองก็ตกใจจนหดคอลง แต่พวกเขาก็เหมื
"ให้ตายเถอะ นายท่าน ท่านตายไม่ได้นะ ท่านตายแล้วพวกเราแม่ม่ายลูกกำพร้าจะทำอย่างไรกัน!"หญิงสาวคนนั้นพูดแล้วก็โถมไปทางท่านโม่ ตอนนี้เอง ฟู่จาวหนิงก็ขึ้นหน้ามา ยื่นมมือคว้าแขนของนางไว้ จากนั้นก็ประคองนางถอยออกมาสองก้าวหมอหวางถูกทำให้ตกใจสะดุ้งโหยง รีบเอ่ยขึ้นว่า "ฮูหยิน ท่านโม่กำลังสลบอยู่ จะบุ่มบ่ามไม่ได้!"หญิงสาวคนนี้ก็รุนแรงเหลือเกิน ถ้าโถมขึ้นไปบนตัวท่านโม่ ใครจะรู้ว่าจะกลายเป็นทำร้ายเขาอีกรอบหรือเปล่า"นายท่านของพวกเราไม่ใช่ว่าไม่อยู่แล้วหรือ?" ฮูหยินโม่ถลึงตาที่น้ำตาคลอเบ้า มองพวกเขาอย่างตกตะลึง"ยังมีลมหายใจยังมีลมหายใจอยู่ ตอนนี้ต้องรีบดูอาการ" หมอหวางมองไปทางฟู่จาวหนิงอีกครั้งเมื่อครู่โชคดีที่ปฏิกิริยาของฟู่จาวหนิงรวดเร็ว สามารถขวางฮูหยินโม่ไว้ทัน"พ่อของข้าถ้าเกิดอะไรขึ้น พวกท่านต้องรับผิดชอบ! ตระกูลโม่ของพวกเราจะไม่ปล่อยพวกท่านแน่!" ชายหนุ่มคนหนึ่งวิ่งเข้ามา เอะอะมะเทิ่งขึ้นมาเหมือนกันเขาถูกสืออีขวางไว้"ตอนนี้พวกเจ้าถ้ายังอาละวาดต่อไปเท่าไร ก็ยิ่งทำให้รักษาช้าขึ้นเท่านั้น" เสิ่นเสวียนพูดมาคำหนึ่ง "ทุกคนต้องเป็นพยานด้วย พวกเรารีบจะรักษาท่านโม่ แต่พวกเขาเอาแต่อาละวา
หมอหวางยืนขึ้นดึงเขาไว้ทันทีตลกเถอะ เขาตาเปล่งประกายมาขนาดนี้แล้ว อยากจะเรียนรู้สิ่งนี้จากฟู่จาวหนิง ตาเฒ่าถังคิดจะขวางหรือ?"ตาเฒ่าถัง เจ้าอย่ามาเกะกะ แม่นางฟู่เป็นหมอเทวดา! นางทำเช่นนี้คือการช่วยชีวิต มีหนักเบาอยู่แล้ว!""คนผู้นี้คือหมอเทวดาฟู่คนนั้นของตระกูลเสิ่นหรือ?"ดูท่าเรื่องที่ตระกูลเสิ่นหาหมอหญิงคนหนึ่งมารักษาอาการไท่ไท่อาวุโสเสิ่นจะลือกันออกไปแล้ว"ถูกต้อง""ท่านโม่หายใจแล้ว!"ลุงซูเห็นปฏิกิริยาของท่านโม่ก่อน เขาผ่อนใจโล่งออกมาทันที"จริงหรือ? ตื่นขึ้นมา ตื่นขึ้นมาแล้ว!"คนข้างๆ เองก็ร้องลั่นขึ้นมาฟู่จาวหนิงผ่อนมือลง "สืออีพักก่อนเถอะ"สืออีถอยไปอยู่ข้างๆฟู่จาวหนิงจับชีพจรท่านโม่อีกครั้งชีพจรชัดขึ้นมาแล้ว แต่ยังสับสนอยู่"หมอหวาง ถัดจากนี้ท่านมาเถอะ" ฟู่จาวหนิงถอยออกมาทันที ให้หมอหวางรับช่วงต่อ"ได้"หมอหวางไม่มีความเห็นอะไรทั้งนั้น เข้าไปรับช่วงต่อทันทีฟู่จาวหนิงเดินไปข้างๆ เสี่ยวชิ่นรีบช่วยเปิดกล่องยา หยิบกระดาษพู่กันจากด้านในออกมา"คุณหนู จะเปิดรายการยาหรือ?""ยังไม่ต้องเปิดรายการยาชั่วคราว" ฟู่จาวหนิงคิดๆ หยิงกระเป๋าเข็มออกมา "ต้องฝังเข็มเสียหน่อย
ถ้าประตูวังปิดแล้ว คืนนี้น่าจะยังไม่ได้พบองค์จักรพรรดิเช่นนั้นพรุ่งนี้ช่วงประชุมเช้าก็น่าจะได้พบ ห่างจากตอนนี้ไม่ถึงสามชั่วยามเซียวหลันยวนไม่พูดอะไรอีกหลังจากเขาได้ข่าวไม่ว่าอย่างไร ก็ต้องส่งคนไปคุ้มครองนอกวังแน่ เก๋อมู่กวงคืนนี้เข้าวังไม่ได้ ไม่ได้พบองค์จักรพรรดิ ดังนั้นจะต้องรอจนถึงประชุมเช้าแน่นอนช่วงหลายชั่วยามนี้เพียงพอแล้วพวกเขาได้ยินเสียงของฟู่จิ้นเชินแล้วฟู่จิ้นเชินกำลังพูดภาษาเฮ่อเหลียนอยู่"พี่เขย ท่านพ่อกำลังพูดว่า..." ฟู่จาวเฟยคิดจะแปลให้เซียวหลันยวนก่อนอย่างฉลาดเฉลียวรู้ความ แต่คิดไม่ถึงว่าเซียวหลันยวนจะโบกไม้โบกมือ"ข้าฟังออกน่ะ""อ๋า?"ฟู่จาวเฟยตกตะลึง"ลืมบอกไป ว่าข้าเป็นภาษาเฮ่อเหลียน" เซียวหลันยวนน้ำเสียงราบเรียบ ราวกับกำลังพูดเรื่องเล็กจ้อยที่ธรรมดามากๆ เรื่องหนึ่งหัวหน้าคุกเองก็เหลือบมองเขาอย่างตกตะลึง"ถ้าข้าน้อยจำไม่ผิดล่ะก็ ท่านอ๋องยังพูดภาษาหนานฉือได้ด้วย?""ใช่"หัวหน้าคุกกับฟู่จาวเฟยสบตากันผาดหนึ่ง ทั้งสองคนล้วนเห็นความตกตลึงในดวงตาของอีกฝ่ายอ๋องเจวี้ยนทำไมถึงพูดได้หลายภาษานัก?เขาไม่ใช่ว่าพักฟื้นอยู่ในยอดเขาโยวชิงตลอดหรือไรกัน? คนทั้ง
เซียวหลันยวนรู้สึกนับถือฟู่จิ้นเชินจริงๆเขาเองก็ไม่ได้มีตัวตนฐานะพิเศษอะไร แต่กลับใช้ความสามารถตนเองเข้าไปในคุกใหญ่ได้ เข้าคุกใหญ่ไปยังพอทำเนา แต่นี่ยังได้พบกับโป๋จีด้วยนี่ร้ายกาจมากจริงๆ"พวกเจ้าให้เขาเข้าไปแบบนี้เลยหรือ?" เซียวหลันยวนรู้สึกแปลกใจจริงๆ"เรื่องนี้ เพราะโป๋จีพูดภาษาเราได้แค่นิดหน่อย คุณชายฟู่เขาพูดภาษาเฮ่อเหลียนได้"หัวหน้าคุกกังวลนิดหน่อย เขาเองก็ไม่รู้ว่าอ๋องเจวี้ยนยกโทษให้กับสามีภรรยาตระกูลฟู่แล้วหรือยังคนไม่น้อยในเมืองหลวงก็ยังมองความสัมพันธ์ระหว่างพวกเขาไม่ออกถ้าหากอ๋องเจวี้ยนโกรธ แล้วหันมาระบายบนตัวเขาจะทำอย่างไรกัน"ท่านอ๋อง ท่านเองก็จะเข้าไปพบโป๋จีคนนั้นหรือ?" เขาถามขึ้นอย่างระมัดระวังอ๋องเจวี้ยนออกมาได้อีกครั้ง แสดงว่าไม่ได้ติดโรคระบาดนั้นมาพวกผู้คุมในคุกใหญ่หลายวันนี้ยังไม่ได้ดื่มยาน้ำของพระชายาอ๋องเจวี้ยน ทุกคนกินอาหารกันวันละสามมื้อ แต่ก็ยังไม่มีใครติดโรคชนิดนั้นเลยดังนั้นพวกเขาเชื่อมั่นในยาขอพระชายาอ๋องเจวี้ยน แน่นอนว่าเชื่อมั่นว่าอ๋องเจวี้ยนไม่ได้เป็นโรคระบาดด้วย"ข้าเข้าไปไม่ได้หรือ?""ไม่ใช่เช่นนั้น ไม่ใช่แน่นอน ท่านอ๋องเข้าไปได้" หัว
เซียวหลันยวนมองเสิ่นเชี่ยวผาดหนึ่ง"ก็แค่ไม่ต้องวิ่งไปวิ่งมาเท่านั้น"มีแผนอะไรเสียที่ไหน?เรื่องเช่นนี้ ต่อให้พวกเขาลงมือตรวจสอบชัดเจน ก็ไม่ใช่อะไรที่จำทำเสร็จในชั่วครู่องค์จักรพรรดิจะต้องหยิบยืมเรื่องนี้แน่นอนใต้เท้าหยิ่นจิงเจ้าทางนี้คงทานได้อีกไม่นานแล้ว อีกเดี๋ยวก็จะมีคนมาพาฟู่จาวเฟยไปคุกใหญ่ฟู่จาวหนิงกลับเข้าใจความหมายของเซียวหลันยวนขึ้นมา"พวกเราตอนนี้ส่งไปเอง ยังพอจะเลือกห้องขังได้อยู่""ข้าฟังพวกเจ้านั่นล่ะ" เสิ่นเชี่ยวเอ่ยขึ้นทันทีนางต้องเรียนรู้ที่จะเชื่อลูกสาว ไม่ต้องถามให้ชัดเจนนัก ลูกสาวจะต้องไม่ทำร้ายน้องชายแน่ๆ แค่ฟังนางไว้ก็พอเรื่องในเมืองหลวง พวกเขาจะต้องเข้าใจชัดเจนกว่านางแน่นอน"เรื่องนั้นไม่ควรชักช้าไปกันตอนนี้เลย" เซียวหลันยวนเอ่ยขึ้นหมุนตัวออกไปก่อนฟู่จาวหนิงกวักมือให้เสี่ยวเฟย "ไปกัน"ฟู่จาวเฟยเองก็เดิมตามนางไปอย่างเชื่อมั่นทันทีเสิ่นเชี่ยวเดินมาถึงด้านหลัง คารวะให้กับใต้เท้าหยิ่นจิงเจ้า "ขอบคุณใต้เท้าที่ดูแล""เกรงใจเกินไปแล้ว..."ใต้เท้าหยิ่นจิงเจ้าตอบกลับด้วยสัญชาตญาณ จากนั้นก็รู้สึกว่าตนเองในตอนนี้ก็เหมือนจะเกรงใจมากเกินไปเขายังกลายเป
ท่านพี่ในที่สุดก็กลับมาแล้ว ใจของเขาสงบลงมาได้ไม่น้อยเลย"จาวหนิง นี่มาจากในภูเขาหรือ? เหนื่อยแย่เลยสิ?" เสิ่นเชี่ยวยกถ้วยชาบนโต๊ะขึ้นทันที "เจ้าดื่มชาร้อนนี่ก่อนเถอะ เพิ่งต้มใหม่เลย ยังไม่ได้ดื่ม"นางเห็นฟู่จาวหนิงมีรอยคล้ำใต้ตาจางๆ ในภูเขาคงต้องเหนื่อยมากแน่ๆ และคงไม่ได้พักผ่อนดีนักแต่พอยกถ้วยชาขึ้นมา เสิ่นเชี่ยวก็ยังรู้สึกกระวนกระวายอยู่บ้าง ไม่รู้ว่าฟู่จาวหนิงจะรับน้ำใจของนางไหมฟู่จาวหนิงรับมา ดื่มไปอึกหนึ่ง ผ่อนคลายลงมาได้"เรื่องจดหมายนี่อย่างไรกัน? ก่อนหน้านี้มีอะไรผิดปกติบ้างไหม หรือมีคนมาหาเจ้าบ้างหรือเปล่า?"เสิ่นเชี่ยวถอนใจโล่ง ในใจก็ลิงโลดขึ้นมาแม้ว่าฟู่จาวหนิงตอนนี้อยู่กับพวกเขาจะไม่ค่อยคล้ายกับพ่อแม่ลูกเท่าไรนัก แต่นางเชื่อว่าในด้านความรู้สึกก็ยังพอเห็นได้บ้าง เดิมทีก็ยังมีความสัมพันธ์ทางสายเลือดกันอยู่ฟู่จาวเฟยส่ายหัว รีบร้อนรับประกันอย่างขันแข็งขึ้นมา "ท่านพี่ ไม่มีอะไรผิดปกติเลย ไม่มีคนมาหาข้าด้วย แล้วก็ไม่ได้รับจดหมายอะไรอีก ข้าเองก็ไม่ได้เขียนจดหมายไปด้านนอก""ช่วยนี้มีใครมาที่บ้านไหม?""ไม่มี มีแต่ท่านพ่อที่ออกไปบ่อยๆ ข้าอยู่ในแต่บ้านฝึกยุทธ์" ฟู่จาวเฟ
"อ๋องเจวี้ยนมาถึงแล้ว"ข้าราชการชั้นผู้น้อยคนหนึ่งรีบวิ่งเข้ามา รู้ว่าใต้เท้าร้อนรนมาก จึงรีบ เข้ามารายงาน"เร็ว"เขาทางนี้แทบจะทนไม่ไหวอยู่แล้ว คุกใหญ่ทางนั้นถ้าถามออกมาได้ว่าจดหมายอยู่ที่ไหน ก็คงจะให้เขาเอาฟู่จาวเฟยส่งเข้าคุกใหญ่แน่แต่อ๋องเจวี้ยนก่อนหน้านี้กำชับว่า ก่อนหน้าที่เขาจะกลับมา ฟู่จาวเฟยต้องอยู่ที่นี่ก่อน ห้ามส่งไปคุกใหญ่เขาเองก็ทานไม่ไหวแล้ว เดิมทีฟู่จาวเฟยไม่ได้จะส่งมาที่เขาทางนี้ แต่เป็นจดหมายด่วนของอ๋องเจวี้ยนที่ให้เข้าเข้ามารับช่วงไว้ก่อนแต่เขาเองก็ร้อนรนด้วย เขาเองก็กลัวนี่ ถึงตอนนั้นถ้าค้นเจอจดหมายอะไรเข้า แล้วเกี่ยวข้องกับฟู่จาวเฟยจริง เขาก็จัดการลำบากแล้วถึงอย่างไรฟู่จาวเฟยก็อยู่กับเขาทางนี้ ไม่ได้ลงตรวน ไม่ได้ตี ไม่ได้ขังอีกต่างหาก ยังคงนั่งรออยู่ที่โถงข้างๆแล้วยังมีฮูหยินฟู่ด้วย นั่งอยู่กับลูกชายด้วยกันเขาทำเช่นนี้ ถ้าหากถูกองค์จักรพรรดิรู้เข้า องค์จักรพรรดิคงไม่ละเว้นเขาแน่พอเขาออกไป เสิ่นเชี่ยวกับฟู่จาวเฟยก็ลุกขึ้นยืนทันที ขณะเดียวกันก็มองมาทางเขา"ใต้เท้า?""คุณชายฟู่ไปที่ไหนแล้วกันแน่?"ใต้เท้าหยินจิงเจ้ามองพวกเขา และคิดถึงเรื่องที่เมื่อคร
"องค์จักรพรรดิทนแ่รงกดดันของกลุ่มขุนนางไม่ไหว วันนี้ในที่สุดก็กลับมาประชุมเช้าแล้ว ยิ่งไปกว่านั้น ยังส่งคนไปที่จวนอ๋องเจวี้ยน ต้องการจะเห็นข้าให้ได้ ข้าก็เลยโผล่หน้าออกมาเสียหน่อย" เซียวหลันยวนเอ่ยอย่างใจเย็น"สวมหน้ากากไว้หรือ?"เซียวหลันยวนยิ้มๆ ตัวเองเหมือนจะสนุกขึ้นมาหน่อยแล้วเขาส่ายหัว "ไม่ใช่ จำใบหน้าที่เจ้าทำขึ้นก่อนหน้านั้นได้ไหม?""ท่านหมายถึง ที่หนังหน้าแผลเป็นที่เอามาใช้ค้นคว้าการกำจัดแผลเป็นนั่นน่ะนะ?" ฟู่จาวหนิงประหลาดใจ"ใช่ ข้าแปะเจ้านั่นออกไปพบคน""พรวด"ฟู่จาวหนิงยอมเขาจริงๆ เพราะหน้ากากหนังหน้านั้น คือสิ่งที่นางทำขึ้นมาตอนค้นคว้าการรักษา เป็นหลุมเป็นบ่อขรุขระ มีแผลเป็นปลอมบางส่วนที่นางใช้วัสดุทำปลอมขึ้นมา แปะไปบนหน้าหน้าจะดูไม่ค่อยสนิทนัก แล้วยังดูบวมออกมาอีกชั้นหนึ่งด้วยแล้วก็หนังหน้านั้นพอแปะบนหน้า ก็เหมือนว่าทั้งใบหน้านั่นน่าเวทนาจนทนดูไม่ได้เลยทีเดียว ดูจะคล้ายๆ กับตอนที่เซียวหลันยวนยังรักษาไม่หายก่อนหน้านี้ ถึงอย่างไรก็น่าตกใจและน่ากลัวอยู่"คนในวังคงมองไม่ออกว่าเป็นของปลอมหรอกนะ?" ฟู่จาวหนิงประหลาดใจหน่อยๆ หน้ากากนั่นทำมาไม่สมจริงนัก มองหลายๆ ครั้งหน่
เซียวหลันยวนปลดหน้ากากลง"มีคนส่งจดหมายด่วนเข้ามา บอกว่าจับตัวโป๋จีแม่ทัพบู๊ที่ราชาเฮ่อเหลียนไว้วางใจที่สุดได้ บนตัวโป๋จีมีจดหมายลับที่จะส่งให้เสี่ยวเฟยอยู่ คนในที่ว่าการส่งคนไปยังจวนตระกูลฟู่ พาตัวเสี่ยวเฟยไปแล้ว"เซียวหลันยวนเดิมทียังคิดจะรีบบอกนางเรื่องนี้ เพียงแต่ไม่อยากให้นางที่เหนื่อยล้าต้องตกใจเกินไปให้นางสบายขึ้นมาหน่อย แล้วค่อยเล่าเรื่องนี้ออกมาดีกว่าฟู่จาวหนิงลุกขึ้นนั่งตัวตรง"แล้วเสี่ยวเฟยตอนนี้เป็นอย่างไรบ้าง?"ต้องเป็นเรื่องที่เร่งด่วนมากแน่ ก่อนหน้านี้เซียวหลันยวนถึงได้กลับไปจัดการเอง"อยูในจวนทางการ พ่อของเจ้าเองก็ตามไปแล้ว พาจงเจี้ยนไปด้วย ยังไม่ต้องร้อนใจ ข้าให้คนคอยเฝ้าจวนทางการไว้แล้ว ก่อนที่พวกเราจะกลับถึงจะไม่มีใครพาพวกเขาไปไหน"เขาลงมือจัดการเอง ไม่อย่างนั้นเสี่ยวเฟยคงเกิดเรื่องเข้า ฟู่จาวหนิงคงร้อนใจไม่ไหวแน่นอนพอได้ยินคำนี้ ใจของฟู่จาวหนิงจึงค่อยๆ นิ่งลงมา "โป๋จีเป็นคนสำคัญข้างกายราชาเฮ่อเหลียนหรือ? เป็นแม่ทัพบู๊? แล้ววรยุทธ์ดีไหม?"นางไม่เคยได้ยินเสี่ยวเฟยเอ่ยถึงเรื่องนี้แต่ว่าก็จริง เสี่ยวเฟยเองก็รู้สึกไม่ค่อยดีกับคนของราชาเฮ่อเหลียนอยู่หลายคน
อ๋องฉยงแอบกัดฟัน"ข้าอยู่ที่นี่รอฟ้าสางแล้วค่อยเข้าภูเขาก้ได้..." อ๋องฉยงยังคิดจะดิ้นรนเซียวหลันยวนจะยอมให้เขาดิ้นรนได้อย่างไร?"เช่นนั้นได้อย่างไร? ใครก็ได้ เก็บกระโจมเสีย"พอเขาสั่งคำสั่ง ก็มีองครักษ์ออกไปทันที เคลื่อนไหวจัดการเก็บกระโจมเหล่านั้นอย่างคล่องแคล่วว่องไว"เอาคบไฟให้อ๋องฉยงไปส่องทางด้วย""ขอรับ"กองไฟที่กำลังลุกไหม้อยู่ ถูกคนนำกิ่งไปจุดเพื่อทำเป็นคบไฟหลายๆ อัน ส่วนไฟที่เหลือก็ดับทิ้ง สาดโคลนลงไป เพื่อป้องกันอันตรายที่อาจจะเกิดขึ้น"กระโจมนี้ข้าให้คนกางมันขึ้น กองไฟเองข้าก็เป็นคนสั่งให้จุดขึ้นมา ตอนนี้ข้าจัดการเก็บกวาดไป คงไม่มีปัญหาใช่ไหม?"เซียวหลันยวนมองอ๋องฉยง น้ำเสียงสงบนิ่งมากจะไปมีปัญหาอะไรได้?เดิมทีหลังจากที่อ๋องฉยงมาเห็นกระโจมชั่วคราวก็อยากจะครองเป็นของตัวเอง แล้วมารอฟู่จาวหนิงที่นี่ใครจะคิดว่าเซียวหลันยวนจะวกกลับมากัน?ตอนนี้ถ้าเขาบอกว่าจะค้างคืนที่นี่พรุ่งนี้ค่อยขึ้นเขาก็คงไม่ได้แล้ว ถ้าไม่มีกระโจมแต่ยังคิดจะอยู่ค้างคืนที่นี่ ต่อให้ก่อไฟก็ยังหนาวตายได้เขาเองก็ไม่ได้มีกำลังภายในลึกล้ำคอยป้องกันตัวด้วย"อ๋องฉยงเมื่อครู่ไม่ใช่บอกว่าจะขึ้นเขาหรือ
อ๋องฉยงพอเห็นเซียวหลันยวนเข้ามา ใจก็ขรึมลงมาแล้ว ขณะเดียวกันก็ยังแอบเคืองกับองค์จักรพรรดิไม่ใช่บอกว่าจะขวางเซียวหลันยวนไว้หรือไรกัน? ไม่ใช่ว่ามีเรื่องที่จะขังเซียวหลันยวนไว้ได้สามวันหรือ?ทำไมยังไม่ทันถึงชั่วยาม เขาก็รีบกลับมาแล้วกัน?ไม่ได้เรื่องเอาเสียเลย!เซียวหลันยวนหันตัวกลับมาอ๋องฉยงรู้สึกใจสั่นวาบกับหน้ากากของเขาเจ้าเด็กที่เหมือนจะตายแหล่มิตายแหล่ตอนนั้น ดันโตขึ้นมาได้อย่างยากลำบาก แล้วยังดีมีท่วงท่าทรงพลังเสียด้วย"หลันยวน เมื่อครู่เจ้าหมายความว่าอย่างไร?" อ๋องฉยงเสียงขรึม ตัดสินใจลงมือก่อน "นี่เจ้ายิงธนูใส่ข้ารึ!""เจ้าไม่รู้หรือว่าหมายความว่าอะไร?"เซียวหลันยวนเสียงเย็นเยียบ "แน่นอนว่าสั่งสอนเจ้าน่ะสิ""เจ้า! เจ้าบังอาจ! ถ้าข้าเป็นอะไรไป บาดเจ็บหรือว่าตายไป เจ้าก็ไม่ต้องมีชีวิตอยู่แล้ว!""จะลองดูไหมล่ะ?" น้ำเสียงเซียวหลันยวนขรึมเย็นชา"ลองอะไร?""ลองว่าถ้าข้าสังหารเจ้าแล้ว จะยังมีชีวิตต่อไปได้ไหม"พอพูดจบ จิตสังหารบนตัวเขาก็พุ่งเข้ามาอย่างแรงกล้า แม้จะไม่มีลม ไม่มีการขยับ แต่อ๋องฉยงกับองครักษ์ข้างกายเขาก็ยังถอยออกไปก้าวหนึ่งพร้อมกันพวกเขาล้วนสัมผัสได้ถึงแรง