เสิ่นเสวียนพอได้ยินก็เข้าใจความคิดเซียวหลันยวนขึ้นมาแล้ว"ก็น่าจะสนใจอยู่นั่นล่ะ" ฟู่จาวหนิงร้องอืมขึ้นเสียงหนึ่ง"นอกจากหน้าแล้วยังมีอีกไหม?""นั่นก็" ฟู่จาวหนิงนั่งตัวตรงขึ้นมา ดูจะกลืนไม่เข้าคายไม่ออกอยู่ "ก่อนหน้านี้ข้าทำขาเขาบาดเจ็บ เวลาเช่นนี้พอเขาล้มลงมาจึงเจ็บหนัก ดังนั้นจึงต้องใช้เวลาหลายวันห้ามลุกขึ้นยืน เดินไปไหนมาไหนไม่ได้ ไปที่ไหนก็ต้องแบกหาม"เสิ่นเสวียนมุมปากกระตุก "หรือก้คือตอนนี้อ๋องเจวี้ยนทั้งน่าเกลียดทั้งพิการเลยสินะ?""เอ๊ พิการนั่นไม่ใช่นะ ขาเดี๋ยวก็หายได้ พักฟื้นดีดีหน่อย ข้าเองก็ทิ้งยาไว้ด้วย"ฟู่จาวหนิงพูดถึงตรงนี้ ในใจจู่ๆ ก็มีความเป็นห่วงทะลักเข้ามา ไม่รู้ว่าเซียวหลันยวนได้อาบน้ำยาดีดีหรือเปล่านางอีกเดี๋ยวต้องเขียนจดหมายเสียหน่อยระหว่างทางจดหมายของเขาก็มีไม่น้อยเลย แต่นางก็ตอบเหมือนขอไปที"แล้วความพิการทางหน้าตานั่นล่ะ?" เสิ่นเสวียนถามต่อ"เรื่องนี้ ไม่อยู่ในขอบเขตความถนัดของข้า แต่ว่าอีกเดี๋ยวจะค้นคว้าเสียหน่อย จะฟื้นกลับมาสักครั้งหนึ่งก็พอมั่นใจอยู่ แต่จะฟื้นฟูได้สมบูรณ์ไหมก็ต้องดูผิวหนังของเขา"มีบางคนเป็นแผลเป็น บางคนไม่ทิ้งแผลเป็นไว้ด้วยซ้ำ เ
"อ๋องเจวี้ยนที่"ลำบาก"อยู่ตอนนี้ก็ดูลำบากหน่อยๆ จริงๆ"องค์หญิงหนานฉือนับตั้งแต่ออกจากวังก็จะมาเป็นแขกในจวนอ๋องเจวี้ยนเสียให้ได้องค์จักรพรรดิสั่งการลงมา ให้จวนอ๋องเจวี้ยนต้อนรับให้ดีหลายวันนี้ องค์หญิงหนานฉือทำให้ในเมืองหลวงทั้งหมดได้เห็นถึงพลังความร่ำรวยของแคว้นหนานฉือกู่นางเข้าร่วมงานเลี้ยงมากมายหลากหลายแบบ เห็นเหล่าคุณชายชั้นสูงในเมืองไปหมดแล้วรอบหนึ่งในเมืองหลวงตอนนี้ก็จัดกิจกรรมเรียนภาษาหนานฉือกันครึกโครมขณะเดียวกัน ชื่อเสียงของหมอเทวดาเก๋อคนนั้นก็กระจายไปอย่า่งรวดเร็วองค์จักรพรรดิให้ตัวตนฐานะหมอเทวดาเก๋อขึ้นมา จัดตั้งโรงแพทย์ขึ้นแห่งหนึ่ง ให้หมอเทวดาเก๋อรวบรวมเหล่หมอใหญ่ทั้งเมืองหลวงคอยกำหนดวันเข้ามาหารือเรื่องแพทย์เรื่องยา แลกเปลี่ยนกันบ้างหลังจากนั้นก็เตรียมจะสร้างชั้นเรียนการแพทย์ไปในสำนักศึกษา ให้หมอเทวดาเก๋อเป็นผู้ดูแลนี่เป็นครั้งแรกในแคว้นเจาเลยคนที่อยากส่งลูกๆ ในครอบครัวไปเรียนแพทย์พอได้ยินเข้า ก็ทยอยกันเข้ามาทักทายกับหมอเทวดาเก๋อ คนเข้ามาส่งของขวัญกันไม่ขาดสายเรือนเก๋อที่ได้พระราชทานมาอยู่ไม่ห่างจากจวนตระกูลหลี่นัก หมอเทวดาหลี่นั่งนิ่งได้เสียที่ไหน?
พูดจบก็สั่งการสาวใช้ "ยกของหวานน้ำชามาให้แขกหน่อยฃ""อืม"องค์หญิงหนานฉือเพิ่งจะพยักหน้าเห็นด้วย หลี่จื่อเหยาทางเอ่ยขึ้นมาอย่างกลัดกลุ้ม"ข้าพูดกับเจ้าอยู่นะ หนวกหรือไร? นี่มันตั้งกี่โมงแล้ว อ๋องเจวี้ยนยังจะหลับอยู่อีกหรือ?"องค์หญิงหนานฉือเหลือบมองหลี่จื่อเหยาอย่างประหลาดใจผาดหนึ่งได้ยินว่าหลี่จื่อเหยาเป็นลูกสาวของหมอเทวดาหลี่ และยังเป็นภรรยาของรัฐทายาทเซียว ช่วงนี้รัฐทายาทเซียวก็ดูจะดีกับนางอยู่ ยิ่งไปกว่นั้นยังส่งน้ำใจจากเมืองหลวงแคว้นเจามาไม่น้อยอีกด้วย ทำเอานางดีใจเหมือนกันส่วนเก๋อชีซิงเองก็ทั้งเพราะพูดภาษาหนานฉือได้ และยังถูกองค์จักรพรรดิแนะนำกับนาง บอกว่านางพาคนมาแคว้นเจากลุ่มหนึ่ง คนที่เป็นลูกน้องอาจจะมีอาการปวดหัวตัวร้อนได้ มีหมอใหญ่ที่รู้ภาษาหนานฉืออยู่ก็น่าจะเป็นเรื่องดีดังนั้นองค์หญิงหนานฉือพอได้ยินเก๋อชีซิงพูดว่าจะมา แน่นอนว่าพาเขามาด้วยเก๋อชีซิงเป็นคนที่ชินอ๋องเซียวมาจากด้านนอกด้วย ตอนนี้มีความสัมพันธ์อันดีสุดกับจวนชินอ๋องเซียว และรัฐทายาทเซียวก็ตามเก๋อชีซิงมาด้วย องค์หญิงหนานฉือเองก็ขี้เกียจจะพูดอะไรแต่ไม่รู้ว่ารัฐทายาทเซียวพาหลี่จื่อเหยามาด้วยนี่คือไม่รู้ฟ
เก๋อชีซิงมองไปทางอันเหนียนเขาได้ยินอะไรเข้าเนี่ยผู้ตรวจการชิงหรือว่าจะมีความคิดผิดศีลธรรมกับพระชายาอ๋องเจวี้ยนหรือ?ถ้าหากว่ามีจริง เช่นนั้นนี่ก็เป็นเรื่องใหญ่ที่ทำให้เหล่าลูกสาวประชาชนกับขุนนางได้ถกกันสนุกปากหลังมื้ออาหารได้เลยนะเรื่องนี้เอามาทำอะไรได้บ้างไหม?ตอนที่เก๋อชีซิงยังคิดเรื่องนี้อยู่ เสียงของอันเหนียนก็ดังขึ้นมาอย่างไม่รีบไม่ร้อน"มองอย่างไร? ก็ใช้ตามองน่ะสิ"เอ่อ?เก๋อชีซิงแทบจะงงเป็นไก่ตาแตกองค์หญิงหนานฉือหัวเราะพรวดขึ้นมา"นายท่านอันนี่ตลกจริงๆ"นางพิงไปด้านหลังอย่างเอ้อระเหย หยิบของว่างขึ้นมากินบ้าง "ข้าชอบหาเรื่องมาหยอกท่านจริงๆ"เก๋อชีซิงมองอันเหนียน พอเห็นว่าเขาไม่ได้ลนลานอะไรเลย กระทั่งยังถอนหายใจใส่องค์หญิงหนานฉืออีก จึงรู้สึกขึ้นมาทันทีว่าเรื่องนั้นเป็นไปไม่ได้ไม่เช่นนั้นอันเหนียนทำไมถึงไม่รู้สึกประหม่าออกมาเลย?หันมามองอันเหนียนกับองค์หญิงหนานฉือ เหมือนว่าองค์หญิงเองก็อะไรกับเขาบ้างเหมือนกันอ๋องเจวี้ยนเองก็ไม่ให้พวกเขารอนานเพียงแต่ตอนที่เขามายังคงถูกหามไว้บนเกี้ยวเบาเซียวเหยียนจิ่งเห็นเขานั่งลง ก็ส่งสายตาให้เก๋อชีซิงผาดหนึ่งวันนี้พวกเขา
กระทั่งเซียวหลันยวนเองก็ยังตกตะลึง"ตั้งแต่โบราณมา ยังไม่เคยได้ยินมาก่อนว่าป้ายทองเลี่ยงความตายเอามาซื้อขายกันได้ด้วย""คนอื่นไม่ได้ แต่ข้ารู้ว่าอ๋องเจวี้ยนอย่างท่านมีวิธีการแน่ สิ่งที่ข้านำออกมาได้ ท่านน่าจะต้องการมัน ในมือข้ามีราชาไข่มุกแห่งทะเลลึกอยู่เม็ดหนึ่ง เป็นไข่มุกล้ำค่าที่หายากมาก เม็ดใหญ่มาก ประกายแสงเองก็งดงามมาก ราชาไข่มุกเม็ดหนึ่ง มูลค่าเทียบเท่ากับเมืองทั้งเมืองเลยทีเดียว"องค์หญิงหนานฉือมองเซียวหลันยวน "ไข่มุกล้ำค่านี้ยังมีคุณค่าทางยาด้วย ขูดมันออกเป็นผง สามารถบำรุงผิวหนังลบรอยแผลเป็นได้ ผลลัพธ์น่าตกตะลึง ดังนั้น สิ่งนี้น่าจะมีประโยชน์กับอ๋องเจวี้ยนอยู่กระมัง?"เซียวหลันยวนหวั่นไหวขึ้นในใจเป็นชายชาตรีคนหนึ่ง จะมาหวั่นไหวกับคำว่า "บำรุงผิวหนังลบรอยแผลเป็น" สี่ห้าคำนี้หรือ! คิดแล้วมันก็น่าละอายอยู่หน่อยๆแต่จาวหนิงเองก็ไม่ได้บอกว่าหลังจากนี้ที่รักษาหน้าให้เขาต้องการสิ่งนี้หรือเปล่านี่สิถ้าหากต้องการ เช่นนั้นราชาไข่มุกเม็ดนี้ก็น่าจะดีที่สุดแล้วกระมัง?ต่อให้ไม่ใช้ ราชาไข่มุกเม็ดนั้นก็ยังมอบให้ฟู่จาวหนิงได้เขาเองก็ยังไม่เคยมอบพวกไข่มุกเครื่องประดับอะไรให้นางอย่า
องค์หญิงหนานฉือถลึงตามองอันเหนียนผาดหนึ่ง"ท่านอย่าทำมาทำลายเรื่องดีดีของข้าสิ"นางซื้อขายออกจะไปได้สวย แล้วอันเหนียนจะมาสอดปากทำไมกัน? เดี๋ยวอ๋องเจวี้ยนไม่ยอมขายป้ายทองเลี่ยงความตายให้นางจะทำอย่างไรกัน?"ข้ากลัวถึงตอนนั้นอ๋องเจวี้ยนจะมาเสียใจภายหลัง"อันเหนียนไม่ได้ถอยหนี แต่ยังคงมองเซียวหลันยวนฟู่จาวหนิงอยู่ต่อหน้าองค์จักรพรรดิฮองเฮาล้วนมีท่าทีกำเริบเสิบสาน นางดูเหมือนจะไม่เกรงกลัวอำนาจราชวงศ์ แต่เช่นนี้เองก็ไปหาเรื่องคนอื่นเขาได้ง่ายการมอบป้ายทองเลี่ยงความตายให้นาง ก็ถือว่าเป็นยันต์คุ้มกายให้นางใบหนึ่ง"อันเหนียน เจ้าไม่เข้าใจ" เซียวหลันยวนเอ่ยขึ้นเรียบๆ "มีข้าอยู่ ใครจะกล้าทำอะไรนาง"ดังนั้น ฟู่จาวหนิงไม่จำเป็นต้องมีป้ายทองเลี่ยงความตาย ข้าก็คือยันต์คุ้มกายของนางคำพูดเหล่านี้ พวกเขาใช้ภาษาแคว้นเจา ดังนั้นคนที่นี่จึงฟังเข้าใจเซียวเหยียนจิ่งไม่รู้ว่าในใจมันความรู้สึกอะไรไปชั่วขณะ เอาแต่รู้สึกแย่ๆแต่หลี่จื่อเหยากลับอิจฉาจนคุ้มคลั่งขึ้นมานางก่อนหน้านี้คิดมาตลอดว่าฟู่จาวหนิงต่อให้แต่งงานกับอ๋องเจวี้ยน ก็คงจะใช้ชีวิตได้ไม่ดีเท่าไรนัก อ๋องเจวี้ยนเป็นไปไม่ได้ที่จะชอบนาง แ
"ท่านทำไมถึงอ่อนแอแบบนี้? ข้าไม่ได้ออกแรงเท่าไรเลยนะ!"องค์หญิงหนานฉือหลังจากตั้งตัวมาได้ก็โมโหขึ้นมา ยื่นมือมาคว้าหลังคอเสื้ออันเหนียน จากนั้นก็ดึงเขาขึ้นมา"พรวด" เซียวหลันยวนหัวเราะก๊ากออกมาอีกครั้ง"เอาล่ะ ลุกขึ้นมาได้แล้ว"อันเหนียนลุกขึ้นยืน เอ่ยขึ้นอย่างจำใจ "องค์หญิงปล่อยมือได้แล้วกระมัง?" พอพูดประโยคนี้จบ ก็ไอออกมาสองทีเมื่อครู่ที่ถูกตบไปยังไม่ทันได้หายใจหายคอ ตอนนี้จึงเพิ่งไอออกมาเซียวหลันยวนเห็นเขาเป็นแบบนี้ก็หัวเราะขึ้นมาอีก"องค์หญิงกับผู้ตรวจการชิงของพวกเราปกติอยู่ด้วยกันแบบนี้หรือ? อย่างนั้นบนตัวผู้ตรวจการอันคงมีผลไม่น้อยแล้วกระมัง?"องค์หญิงหนานฉือร้องเชอะ "เขาติดตามข้ามา กินของดีไปไม่น้อย น้ำแกงบำรุงอะไรก็ดื่มไปตั้งเยอะ แล้วทำไมถึงยังอ่อนแอแบบนี้ อ๋องเจวี้ยนท่านเองก็อ่อนแอ ส่วนรัฐทายาทเซียวคนนั้นยิ่งอ่อนแอหนักไปอีก ผู้ชายของแคว้นเจานี้ คงไม่ใช่ว่าแค่แรงจะจับไก่ก็คงไม่มีหรอกกระมัง?"ให้ตายเถอะ ไม่มีแข็งแรงๆ กันบ้างเลยชายหนุ่มของหนานฉือทางนั้นยังดูสูงใหญ่กำยำกว่ามากเลย"พวกเขาอ่อนแอไปหน่อยแค่นั้น แต่ข้าไม่ใช่นะ ข้าเป็นเพราะป่วยมานาน แตกต่างจากพวกเขา" เซียวห
หลี่จื่อเหยาไม่รู้ว่าคำพูดนี้ควรจะตอบรับอย่างไรนางนั่นล่ะแต่ว่าอะไรคือ "ใครคนนั้น" ?นางไม่มีชื่อแซ่หรือไร? นางตอนนี้ไม่มีตัวตนฐานะหรือ?ถ้าตอบกลับไป แล้วหน้าของนางจะไปเหลืออะไร?ผลคือเซียวหลันยวนไม่ได้ต้องการคำตอบจากนาง เขายืนยันตัวตนฐานะของนางแล้ว หน้าขรึมลงทันที "ใครก็ได้""ท่านอ๋อง?"องครักษ์รีบเข้ามา"โยนสองคนนี้ออกไปหน่อย"เซียวหลันยวนชี้ไปที่เซียวเหยียนจิ่งกับหลี่จื่อเหยา"อ๋องเจวี้ยน! พวกเราเป็นแขกนะ" หลี่จื่อเหยาตกตะลึง"ใช่!"องครักษ์เดินไปทางพวกเขาเซียวเหยียนจิ่งคิดไม่ถึงว่าผ่านมาตั้งนานขนาดนี้ อ๋องเจวี้ยนเหมือนยังไม่ลืมเรื่องสมัยก่อน ตอนนี้แค่หน้าก็ยังไม่อยากจะมองเขาด้วยซ้ำ!เขาเองก็หน้าเปลี่ยนสี กลับรีบลุกขึ้นมา พูดขึ้นว่า "ข้าไปเองได้!"พรวดอันเหนียนเกือบหัวเราะออกมา นี่คืออาการดื้อรั้นสุดท้ายของรัฐทายาทเซียวหรือ?เขายังคิดว่าเซียวหลันยวนไม่สนใจสองคนนั้นแล้ว แต่ตอนนี้ดูแล้วเหมือนเขาก่อนหน้านี้ไม่ได้สนใจจะมองพวกเขาตรงๆ เลยด้วยซ้ำถึงอย่างไรตาข้างหนึ่งก็ยังพันเอาไว้นี่นะ"โยนออกไป" เซียวหลันยวนเอ่ยเสียงเย็นชาองครักษ์สองคนหิ้วตัวเซียวเหยียนจิ่งขึ้นมา
ส่วนฟู่จาวหนิงเองก็มองมาทางเขา เพราะเซียวหลันยวนไม่ได้ยื่นมือมาประคองนางในตอนแรก แต่กลับมองนางอย่างงงงันหน่อยๆฟู่จาวหนิงยังไม่รู้ว่าตอนนี้เขากำลังคิดอะไร ใจก็ดำดิ่งหน่อยๆยังดีที่ตอนนางมองไปอีกครั้ง เซียวหลันยวนก็ยื่นมือมาดึงนางลุกขึ้นแล้ว จากนั้นไข่มุกหมึกในมือนางก็ส่งคืนไปยังเจ้าอาราม"คืนให้ท่าน"พริบตาที่เจ้าอารามยื่นมารับ เสียงเปรี๊ยะก็ดังขึ้น ไข่มุกหมึกลูกนั้นแตกละเอียดกะทันหันคนทั้งหมดล้วนตกตะลึง มองไปทางเศษหินที่รวงลงมานั่นพวกเขาล้วนถือไข่มุกหมึกกันมาแล้ว เดิมทีก็ยังดีดีอยู่ ไม่มีรอยร้าวอะไรเลย ยิ่งไปกว่านั้นตัวลูกปัดหยกก็ตันและแข็งแกร่ง หล่นลงพื้นก็ไม่แน่ว่าจะแตกด้วยซ้ำแต่ตอนนี้จู่ๆ มันก็เป็นแบบนี้ไปแล้วเจ้าอารามโค้งตัวลงเก็บชิ้นส่วนหยกขึ้นมา หยิบขึ้นมามองๆ"ไข่มุกหมึกทำนายดารา ข้าเองก็เหลืออยู่แค่เม็ดเดียวด้วย"อยู่กับเขามาหลายสิบปี ใช้มาก็ตั้งหลายครั้ง ตอนนี้จู่ๆ ก็แตกเสียแล้วเซียวหลันยวนยื่นมือตัวเองออกมา "ข้าไม่ได้ออกแรงนะ""แล้วก็ไม่เหมือนบีบจนแตกด้วย"เจ้าอารามพูดพลางมองไปทางฟู่จาวหนิงฟู่จาวหนิงหรุบตาลง เศษหินบนพื้นเหล่านั้น "หรือพวกท่านสงสัยว่าข้าทำ
เจ้าอารามสูดลมหายใจลึก"ผลลัพธ์นี้ไม่ค่อยดีนัก สิ่งที่มันชี้นำไป ทำให้อายวนเดินไปยังทางเลือกที่จะพาสู่ความพินาศ"พอได้ยินคำพูดเขา ฟู่จาวหนิงก็หน้าเปลี่ยนสีแต่นางกลับโมโหขึ้นมา"เฮอะ"ก่อนหน้านี้นางยังรู้สึกว่าจะอย่างไรก็ได้แต่ว่าตัวนางจะเป็นอย่างไร นางก็ยังไม่สนใจได้ เพราะนางไม่ใส่ใจ และไม่เชื่อว่าสิ่งเหล่านี้จะส่งผลกระทบกับตัวนางแต่เรื่องดันไปอยู่บนตัวเซียวหลันยวน นางก็ไม่ชอบใจขึ้นมาแล้วยิ่งไปกว่านั้น นางไม่รู้ว่าเซียวหลันยวนจะได้รัรบผลกระทบไหม ตัวนางเป็นคนที่ผ่านการข้ามภพมา แต่เขาไม่ใช่"อายวน" นางยื่นมือไปประคองเซียวหลันยวนเขาจับมือนางลุกขึ้นยืน มองดุนาง ยื่นมือลูบใบหน้านาง สีหน้าดูซับซ้อน"เจ้าลองดู"ฟู่จาวหนิงใจดำดิ่งหน่อยๆเพราะเขารู้สึกแปลกไปอย่างเห็นได้ชัด ปฏิกิริยานี้คือถูกส่งผลกระทบเข้าแล้วเมื่อครู่เขายังบอกนางอยู่เลยว่าถ้าไม่อยากคะเนทำนายก็ไม่ต้องทำ ตอนนี้เขากลับบอกว่าให้ลองดูเสียแล้วจิตใจต่อต้านกับความอยากเอาชนะของฟุ่จาวหนิงถูกกระตุ้นขึ้นมาแล้ว"ได้"นางขานรับ และไม่ลังเลอีก นั่งลงตรงหน้ามิติดาราทั้งสามผืนนั้น"ไข่มุกหมึก"เซียวหลันยวนส่งไข่มุกหมึก
เขาไม่อยากให้นางต้องฝืนตัวทำอะไรเพื่อตัวเขา"ข้ายินยอมทดสอบดู ไม่เป็นไร" ฟู่จาวหนิงบอกเขาเซียวหลันยวนชะงักไป "เช่นนั้นข้าก่อนแล้วกัน เจ้าลองดูผลลัพธ์ของข้าก่อนว่าเป็นอย่างไร แล้วค่อยตัดสินใจ"ตอนนี้เขาเองก็ยอมที่จะคะเนทำนายด้วย เพราะคำพูดประโยคนั้นที่เจ้าอารามพูดเมื่อครู่สามปีก่อนตอนที่เขาจะกลับเมืองหลวง ก็มีการวัดคะเนดาราไว้จริงๆ ทำให้เขารู้สึกได้อย่างชัดเจน ว่าเขาควรจะออกจากยอดเขาโยวชิงเวลานั้น และไปถึงเมืองหลวงในวันนั้นเขาเจอกับจาวหนิงถอนหมั้นกลางถนนในวันนั้น แต่งงานกับนางในวันนั้น ตอนนี้พอมาคิดก็ดูจะเป็นคู่รักวาสนาที่ฟ้าประทานมาจริงๆเพื่อความแม่นยำครั้งนี้ เขาเองก็ไม่กังขากับการวัดคะเนดาราเซียวหลันยวนนั่งขัดสมาธิลงตรงหน้ามิติดาราทั้งสามชิ้น ยื่นมือไปทางเจ้าอาราม "ไข่มุกหมึก""เจ้าจำไว้ด้วยว่าต้องขจัดสิ่งรบกวนออก อย่าต่อต้านการชี้นำ" เจ้าอารามส่งไข่มุกหมึกให้เขา จากนั้นจึงจุดธูปขึ้นเซียวหลันยวนหลับตา สองมือกุมไข่มุกหมึกตอนที่เขาเข้าสู่สภาวะลืมตนอย่างสมบูรณ์ ฟู่จาวหนิงก็แหงนหน้ามองท้องฟ้าด้วยสัญชาตญาณ เหมือนจะพบว่าแสงดาวเต็มท้องฟ้าจะสว่างเจิดจ้ากว่าเดิมเซียวหลันยวน
เจ้าอารามถอนใจอย่างจนใจอีกครั้ง ร้องเรียกพวกเขาไว้"กลับมาก่อน ทำไมพูดไม่ถูกหูหน่อยเดียวก็จะไปแล้วล่ะ? เดี๋ยวนี้อารมณ์ขึ้นง่ายขนาดนี้เชียว? ข้าก็แค่พูดเฉยๆ ไม่ใช่ว่ามองเสี่ยวฟู่แบบนี้เสียหน่อย"ฟู่จาวหนิงเองก็ยืนนิ่ง นางดึงเซียวหลันยวนไว้ตอนนี้นางเองก็น่าจะมองการวัดคะเนดาราของเจ้าอารามเป็นเหมือนเกมลึกลับเกมนึง เมื่อครู่ที่เห็นการเปลี่ยนแปลงขององค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้น นางรู้สึกอยากรู้อยากเห็นมากยิ่งไปกว่านั้น ฟู่จาวหนิงรู้สึกว่าเจ้าอารามทำให้นางจับทางไม่ถูกเหมือนกัน คนผู้นี้ต้องมีตัวตนที่ไม่ธรรมดาสำหรับเซียวหลันยวนแน่นอนสำหรับฮูหยินเฉิง เซียวหลันยวนบทจะไม่ยอมรับก็ไม่ยอมรับได้ จะหมดความผูกพันนั่นก็หมดไป แต่สำหรับเจ้าอารามนั้นไม่ได้เด็ดขาดไม่เช่นนั้นคงไม่พานางเดินทางนับพันลี้มายอดเขาโยวชิงแค่เพราะคำๆ เดียวของเจ้าอารามหรอกนางเองก็อยากรู้มาก สาเหตุอะไรที่ต้องให้พวกเขามาทำนายชะตาอะไรนี่ เจ้าอารามคิดจะทำอะไรกันแน่นอกเหนือจากนี้ ตัวนางเองก็ยังอยากรู้ ว่าการที่นางมายังแคว้นเจานี่ เป็นเพราะมีพลังลึกลับอะไรหรือเปล่าถ้าไม่ทำให้ชัดเจน หลังจากนี้นางคงจะตั้งรับไม่ไหวองค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นถึ
เขามองไปทางเจ้าอารามอีกครั้ง น้ำเสียงเข้มงวดขึ้นมา"ท่านน้าเฉิงถ้าพูดแบบนี้จริง เช่นนั้นสายตานางก็ตื้นเขินไม่รู้จักกาลเทศะ นางเองก็ไม่เข้าใจจาวหนิง และยิ่งไม่เข้าใจว่าจาวหนิงผ่านอะไรมาบ้าง แล้วมีสิทธิ์อะไรถึงใช้ความคิดของตัวเองมาสรุป ดูท่าหลายปีนี้คงถูกเอาอกเอาใจในเมืองจื่อซวีจนเสียคนแล้วจริงๆ"เดิมทีเขาได้ยินว่าฮูหยินเฉิงตาแดงก่ำลงจากเขาไป ยังเคยคิดว่าว่าเพราะช่วยนี้เย็นชากับนางมากเกินไปหรือเปล่า เอาไว้ตอนที่จะกลับ พอผ่านอุทยานเขาเฉิงอวิ๋น ยังคิดจะเข้าไปบอกลานางเสียหน่อยแต่ตอนนี้เขารู้สึกแล้วจริงๆ ว่าใจคนมันพังไปแล้ว เช่นนั้นก็ยากที่จะได้รับการเคารพจากคนอื่นจริงๆ"ข้าจดจำได้ว่าตอนที่ข้ายังเล็กท่านน้าเฉิงเคยมาดูแลอยู่หลายครั้ง แต่อันที่จริงพวกเราก็ไม่ได้สนิทกันขนาดนั้น หลังจากข้าโตมา พวกเราก็เจอกันน้อยครั้งมาก เจอกันก็เพียงแค่ทักทาย ข้าเรียกนางว่าท่านน้า ก็เพราะเคยชินมาจากตอนเด็กเท่านั้น"เซียวหลันยวนตอนพูดถึงจุดนี้น้ำเสียงก็เย็นลงมา"ตอนยังเล็กนางดูแลข้ามาหลายครั้ง ส่วนหนึ่งเป็นเพราะอาเจ้าอุทยานกำชับไว้ ข้าจึงเคารพนาง แต่นางก็ควรวางตัวให้ถูก ไม่ใช่จะขึ้นมาเป็นผู้อาวุโสของข้าจริ
สายตาที่องค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นมองเซียวหลันยวนดูซับซ้อนมาก ดูลังเล กำลังตัดสินใจและดูเจ็บปวดทรมานมากแต่หลังจากนี้นางกลับละทิ้งเรื่องที่จะกลับเมืองหลวงหาคนอื่นหรือกระทั่งเรื่องไปแคว้นหมิ่น แล้วิคดจะอยู่ข้างกายเจ้าอารามแทนหรือ?นี่มัน...ฟู่จาวหนิงพูดไม่ออกไปชั่วขณะ ไม่รู้ว่าการเปลี่ยนความคิดกะทันหันของนางมันเกิดขึ้นมาได้อย่างไรตอนนี้นางกลับรู้สึกอยากรู้อยากเห็นต่อวัดคะเนดารานี้เสียแล้ว องค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นสัมผัสได้ถึงอะไรกันนะ?"องค์หญิงใหญ่พักอยู่ที่นี่สองสามวันก่อนก็ได้ เอาไว้ค่อยว่ากัน"เจ้าอารามเหลือบมองกระจกทรงมุมที่แสงดับไปแล้วผาดหนึ่ง จากนั้นก็มองใบหน้าองค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้น แอบถอนหายใจในใจเขาเองก็ทำไม่สำเร็จ บิดชะตาฝูอวิ้นกลับมาไม่ได้ชั่วคราวผิดพลาดตรงไหนกันแน่นะ?เจ้าอารามมองต่อไปทางฟู่จาวหนิง จากการทำนายส่วนตัวของเขา ทำนายไปทำนายมา ต้นกำเนิดตัวแปรทั้งหมดก็คือฟู่จาวหนิงดังนั้น เรื่องที่เกี่ยวกับฟู่จาวหนิง เขาต้องมาขบคิดให้ดีจริงจัง""เจ้าอารามรับข้าไว้เถอะ แม้ข้าจะทำอะไรไม่เป็นเลย แต่ก็ยังเรียนรู้ได้ ข้าเรียนรู้ทำกับข้าว จริงด้วย ข้าเป็นแแม่สื่อได้ด้วยนะ หลังจากนี้ชายเส
บนพื้นมีสามจุดเปล่งแสงขึ้นรางๆ ปรากฏรูปร่างสามแบบคือ แปดเหลี่ยม ทรงกลม ทรงมุมฟู่จาวหนิงเดินเข้าไปสองก้าว จึงพบว่านั่นเป็นกระจกหลากสีเรียบลื่นสามชิ้นสลักฝังอยู่บนพื้น ใต้กระจกน่าจะเป็นหินหยกผิวเรียบ และระหว่างหยกกับกระจกมีของเหลวสีแดงเจือสีเงินไหลเอื่อยๆ อยู่ยิ่งไปกว่านั้น เพียงไม่นาน ด้านบนยังมีแสงระยิบเหมือนดวงดาว ราวกับจำลองท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยแสงดาวออกมาเจ้าอารามเดินเข้าไปใกล้ กวักมือให้กับองค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้น"มานี่"องค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นก็ค่อนข้างว่าง่าย เดินเข้าไปทันทีเจ้าอารามส่งลูกปัดหยกสีดำเม็ดหนึ่งให้นาง"นั่งขัดสมาธิ กำลูกปัดเม็ดนี้ไว้ สัมผัสดูว่ามันนำเจ้าไปยังมิติดาราไหน แล้วจงชี้ออกมา"องค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นไม่ค่อยเข้าใจ แต่ก็ทำตามที่เขาบอกนั่งลงขัดสมาธิบนพื้น สองมือกุมลูกปัดนั้น ตั้งสมาธิสัมผัสผ่านไปครู่หนึ่ง นางจึงหันหลังอย่างลังเลไปทางทรงมุมนั้น"ทางนี้"ฟู่จาวหนิงยืนมองอยู่ข้างๆจากที่นางเห็น เจ้าอารามเหมือนคนที่กำลังเล่นละครหลอกคนอย่างไรอย่างนั้น เรื่องแบบนี้จะทำนายดวงชะตาออกมาได้อย่างไร?กำลูกปัดลูกหนึ่งไว้ ก็สามารถชักนำให้ตนเองเลือกกระจกหลากสีแผ่นไหนแบ
ดาวสองดวงนั้นประกายจ้ามาก แล้วยังอยู่ใกล้มากด้วย ส่องประกายให้กันและกัน เหมือนขานรับกันและกันไม่รู้เพราะอะไร พอเห็นดาวสองดวงนี้ ฟู่จาวหนิงรู้สึกมีความสุขขึ้นมานางมองไปทางเซียวหลันยวน ถามขึ้นเสียงแผ่วเบา "ท่านเห็นดาวดวงไหนหรือ?"เซียวหลันยวนไม่ตอบ แต่กุมมือนางมัน จับนิ้วนางชี้ออกไป"เอ๋?"ที่เซียวหลันยวนชี้ก็คือดาวสองดวงนั้น!หรือพวกเขาจะมองเห็นแบบเดียวกัน?แน่นอนว่าอาจจะเพราะดาวสองดวงนั้นสว่างไสวมากที่สุด คนอื่นเองก็อาจจะมองเห็นพวกมันด้วยฟู่จาวหนิงคิดเช่นนี้ เลยมองไปทางองค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้น แต่กลับเห็นนางมองไปทางอื่นนางมองไล่ตามสายตาองค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นไป ตรงนั้นมีดาวดวงหนึ่ง สว่างอยู่เหมือนกัน แต่ดาวที่อยู่รอบๆ เล็กเอามากๆ จึงส่องระยับอยู่เพียงดวงเดียวที่องค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นมองอยู่น่าจะเป็นดวงนั้นกระมัง?ตอนที่นางจะเก็บสายตาก็กวาดไปเห็นซางจื่อพอดี และเห็นซางจื่อก็กำลังมองท้องฟ้า แต่สายตาของเขาดูสับสน สีหน้าเองก็ตกตะลึงไปฟู่จาวหนิงคิดๆ ถอยหลังสองก้าวไปอยู่ข้างๆ ซางจื่อซางจื่อเก็บสายตากลับ มองไปทางนาง ไม่เข้าใจว่าทำไมจู่ๆ นางก็มาอยู่ข้างๆ"ซางจื่อ เจ้าชอบดาวดวงไหน?"ซา
"แต่ก่อนท่านเคยเห็นเขาระบำมาก่อนไหม?""ไม่มีเคยเลย"ตอนที่พวกเขาหยุดเท้ายืนมอง องค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นก็มาถึงข้างกายพวกเขานางเองก็มองการร่ายรำบนแท่นชมดาว สายตาดูเคลิบเคลิ้มหน่อยๆ"ข้าได้ยินว่า แต่ก่อนตงฉิงก็มีระบำทำนายดวงดาวอยู่ประเภทหนึ่ง คิดค้นขึ้นมาโดยตระกูลราชครูตงฉิง นี่เป็นระบำที่ลึกลับมาก จังหวะก้าวเท้าทุกก้าวล้วนพิถีพิถัน นำมาซึ่งพลังแห่งดวงดาว ทำให้ผู้ทำนายดวงดาวมีพลังที่ลึกลับมากขึ้น ผลลัพธ์การทำนายเองก็แม่นยำขึ้น"องค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นเองก็ลืมสิ่งที่เซียวหลันยวนพูดไว้เมื่อครู่ เรื่องที่ไม่ให้นางเข้ามาใกล้นัก แต่มายืนอยู่ข้างกายพวกเขา พูดเรื่องที่ตนเองรู้มาก่อนหน้านี้ออกมาอย่างอดไม่อยู่"ตระกูลราชครูของตงฉิง?" ฟู่จาวหนิงเหลือบมองนางผาดหนึ่ง"ใช่ นี่เป็นสิ่งที่ข้าได้ยินองค์จักรพรรดิของข้าบอกมา" องค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นพอเห็นว่านางยอมพูดกับตนเอง ก็รู้สึกเหมือนได้รับเกียรติจนประหลาดใจขึ้นมา "ยิ่งไปกว่านั้นข้าก็ได้ยินว่าองค์จักรพรรดิข้าค้นหาตระกูลราชครูตงฉิงอยู่ตลอด ว่ากันว่า ตระกูลราชครูนั้นรู้ความลับมากมายของตงฉิง สามารถช่วยให้อาณาจักรมั่นคงได้ด้วย"เซียวหลันยวนร้องเฮอะขึ้นมาต้