องครักษ์จวนอ๋องมองพวกนางอย่างเย็นชา "พวกเจาทำไมยังกล้ามาจวนอ๋องเจวี้ยนอีก? พวกเขาลืมไปแล้วหรือว่าเคยอะไรกับพระชายาไว้ แต่พวกเราไม่ลืมหรอกนะ ครึ่งนี้แค่ลงโทษเล็กน้อย ท่านอ๋องมีคำสั่ง ครั้งหน้าถ้าพวกเขายังกล้ามาเหยียบจวนอ๋องเจวี้ยนอีก ข้าจะหักขาทิ้งเสียเลย"พูดจบ พวกเขาก็หมุนตัวเข้าประตูไป ปิดประตูใส่หน้าเซียวเหยียนจิ่งกับหลี่จื่อเหยาดังปังเซียวเหยียนจิ่งหน้าเขียว รู้สึกว่าได้รับความอัปยศอย่างมากเขาพลาดไปแล้วจริงๆ เซียวหลันยวนเป็นคนใจแคบเจ้าคิดเจ้าแค้นมาก!หลี่จื่อเหยาหันหน้า เห็นพวกคนใช้และคนขับรถที่องค์หญิงหนานฉือพามากำลังมองพวกเขา เห็นขั้นตอนความขายหน้าทั้งหมดของพวกเขากับตา นางรู้สึกว่าหน้าตาป่นปี้ไม่มีชิ้นดี ร้องไห้ออกมาทันทีนางยกมือข่วนๆ ไปทางเซียวเหยียนจิ่ง ร้องว๊ากขึ้นมาว่า "เป็นเพราะท่าน! เป็นเพราะท่านมันไม่ได้เรื่อง! ท่านมันคนไม่เอาถ่าน จวนชินอ๋องเซียวของพวกท่านมันไม่ได้เรื่อง ถูกคนรังแกขนาดนี้แค่จะผายลมก็ยังไม่กล้าเลย!"เซียวเหยียนจิ่งถูกเขาข่วนมาที่หน้าอย่างไม่ทันคาดคิด ทั้งโกรธทั้งเกลียด ลุกขึ้นมา ยกเท้าถีบนางเข้าไปทีหนึ่ง"ที่ข้าเป็นรัฐทายาทต้องมาตกต่ำแบบนี้ ก็เพรา
"ผู้หญิงคนนั้นเข้าไปอยู่แล้วจริงหรือ?""ใช่ นางนั่นล่ะ ของใช้นางมีไม่เท่าไร ย้ายเข้าไปในนั้นหมดแล้ว ไม่รู้ว่าจะมาอยู่ถาวรไหม ถ้าหากว่าใช่ล่ะก็ ของที่นางเอามานั้นยังไม่พอ แล้วตระกูลเสิ่นต้องมาซื้อให้นางไหม?""ไม่ใช่บอกว่าเป็นแค่หมอหญิงคนหนึ่งหรือ?""จริงด้วย นางพอมาถึงก็เข้าไปสวนจิ้งชิวแล้วให้หมอหวางมาเป็นลูกมือเลยนะ ไม่ใช่เป็นแค่หมอหญิงหรือ? เหมือนได้ยินว่าไปนวดหัวให้ไท่ไท่อาวุโสด้วย ฝีมือน่าจะพอไปวัดไปวาอยู่""เพราะแค่ช่วยไท่ไท่อาวุโสนวดหัว ก็ยกเชิดชูนางแล้วหรือไรกัน?"คนบ้านตระกูลเสิ่นล้วนไม่อยากเชื่อกัน ขณะเดียวกันก็ทั้งอิจฉาทั้งขุ่นเคือง"ต่อให้เพื่อให้นางอยู่ต่อก็เถอะ ก็ไม่ควรให้เข้าไปพักในสวนจิ้งชิวไหม? นางที่เป็นหมอหญิงคนหนึ่ง ถ้าพักอยู่ในสวนจิ้งชิว ถึงจะคอยรับใช้ไท่ไท่อาวุโสได้ตลอดเวลาไม่ใช่หรือ?"คนทั้งหมดหลังจากเอะอะเอ็ดตะโรไปรอบหนึ่งจึงมองไปทางท่านลุงรองครอบครัวของท่านลุงรองต่างหากที่พักอยู่ในจวนตระกูลเสิ่นมาโดยตลอดก่อนหน้านี้เสิ่นเสวียนก็ดูเคาระเขาอยู่ตัดท่านผู้เฒ่าออก ตัดไท่ไท่อาวุโสออก พูดได้ว่าบ้านตระกูลเสิ่นหลายปีมานี้มีเขาเป็นเสาหลักไปแล้ว เพราะเสิ่นเสวียน
"เห็นแล้วสิ" ทุกคนพูดออกมา"ตอนที่เขาออกจากต้าชื่อครั้งที่แล้ว สุขภาพยังย่ำแย่อยู่ แต่ตอนนี้พวกเจ้ามองออกไหม? เ่ขาเดินได้วิ่งได้หิ้วของหนักได้ สุขภาพดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัด"เขาเองก็ให้คนไปตรวจสอบเรื่องเพื่อยืนยันจุดนี้แล้วอาการป่วยของเสิ่นเสวียน ดีขึ้นมาแล้วมากจริงๆลูกชายสองคนของเขาตกตะลึงขึ้นในใจ สบตากันผาดหนึ่ง"ท่านลุงรองพูดมาแบบนี้มันก็จริงอยู่นะ""ใช่แล้ว เรื่องนี้ก่อนหน้าก็คิดไม่ถึง จนมองข้ามไป ลุงเสวียนตอนนี้หายดีแล้วหรือ?"ทุกคนล้วนตกตะลึงกันขึ้นมา"เขาที่จู่ๆ ก็มีสัมพันธ์อันดีกับหมอหญิงคนนั้น อธิบายอะไรได้?" น้ารองเสิ่นเอ่ยเสียงขรึม "อธิบายได้ว่า ที่อาการป่วยของเขาดีขึ้น เป็นไปได้มากว่าเกี่ยวข้องกับหมอหญิงคนนี้ ถ้าหากเป็นเช่นนี้จริง นางก็คือผู้มีบุญคุณของบ้านตระกูลเสิ่น ถ้าจะให้นางเข้าไปพักในสวนสี่ซินมีอะไรไม่ถูกต้องกัน"หา?อาสะใภ้รองสงสัย "เป็นไปไม่ได้สิ? แม่นางคนนั้นดูอายุไม่เท่าไรเองนี่? แล้วอาการป่วยที่หมอใหญ่ตั้งหลายคนรักษาไม่ได้ นางจะมารักษาได้อย่างไรกัน?""เรื่องนี้ พวกเราต้องยืนยันอีกหน่อย ถ้าหากวิชาแพทย์ของแม่นางคนนั้นดีจริงๆ ล่ะ?"ลองรองเสิ่นเอ่ยต่อ "ถ้
ฟู่จาวหนิงหลับไปตื่นหนึ่งเพราะกังวลสุขภาพของไท่ไท่อาวุโส นางจึงไม่ได้นอนยาวถึงอีกวัน นอนไม่ถึงหนึ่งชั่วยามก็ลุกขึ้นมาแล้ว"คุณหนูจาวหนิง ท่านตื่นแล้วหรือ?"ที่ประตูมีเสียงสาวน้อยคนหนึ่งลอดเข้ามา"อืม ตื่นแล้ว""ข้าน้อยชื่อว่าเสี่ยวชิ่น หลังจากนี้จะมารับใช้คุณหนูจาวหนิง ข้าน้อยเข้าไปได้ไหม?"เพราะต้องเร่งเดินทาง ฟู่จาวหนิงจึงไม่ได้พาสาวใช้มา ไม่ว่าจะเสี่ยวเถาหรือว่าหงจั๋วเฝิ่นซิง พวกนางทนกับการเร่งเดินทางเช่นนั้นไม่ไหว ฟู่จาวหนิงไม่อยากให้พวกนางต้องมาลำบากด้วยวิชาขี่ม้าของพวกนางเองก็ยังไม่ผ่านระหว่างทางนางตามพวกสืออีไป๋หู่แบบชายชาตรีเลย นอนกลางดินกินกลางทรายก็ทำมาแล้ว บางครั้งพวกทางหักมุมหรือว่าต้องควบม้ากระโดดข้ามธารเล็กๆ ก็มี นางไม่ได้ขลาดกลัวเลย ติดตามพวกเขาไปอย่างไม่มีลังเลถ้าพาสาวใช้พวกนั้นมาด้วย ก็คงจะไม่ไหวจริงๆและเพราะเป็นเช่นนี้ พวกของไป๋หู่จึงนับถือนางอย่างมากแต่พอมาถึงที่นี่ เสิ่นเสวียนจะไม่จัดสาวใช้มาให้นางได้อย่างไรกัน"เข้ามาเถอะ"ฟู่จาวหนิงลุกขึ้นนั่ง ประตูเปิดออก สาวใช้อายุราวสิบห้าสิบหกหน้าตาสะสวยในชุดสีบ๊วยคนหนึ่งเดินเข้ามา ถือถาดน้ำอุ่นเข้ามาด้วย"
แต่ถ้านางมีเรื่องส่วนตัวอะไร ปกติจะเลี่ยงตัวนาง และพาสาวใช้อีกสองคนไปแทนเสี่ยวชิ่นเองก็ไม่ใช่คนโง่ รู้ว่าเพราะอะไรอวี๋อวี่เวยจึงไม่เชื่อใจนาง กลัวว่ามีเรื่องอะไรที่ให้นางรู้ แล้วจะเอาไปบอกเสิ่นเสวียน"แล้วเจ้ายินดีมาไหม? ถ้าเจ้าอยากจะไปอยู่ข้างกายแม่นางอวี๋ก็บอกตรงๆ ได้นะ ข้าทางนี้ไม่ต้องเป็นห่วงหรอก"ฟู่จาวหนิงตอนนี้ยังไม่รู้ว่าอวี๋อวี่เวยอยู่ในบ้านตระกูลเสิ่นด้วยตัวตนฐานะอะไร นางเองก็ไม่ได้จะพักที่บ้านตระกูลเสิ่นนานเสียด้วย เดี๋ยวตอนที่นางต้องจากไป เสี่ยวชิ่นถ้าหากต้องกลับไปอยู่ข้างกายอวี๋อวี่เวยอีก ฟู่จาวหนิงก็กังวลว่านางคงไม่อยากไปทำแล้วเสี่ยวชิ่นรีบพูดออกมา "ยินดีเจ้าค่ะ นายท่านบอกว่าคุณหนูจาวหนิงเป็นเจ้านายที่ดีมาก ให้ข้าไม่ต้องกลัว"ฟู่จาวหนิงหัวเราะขึ้นมา"อืม ไม่ต้องกลัว"หลังจากนางเก็บกวาดเสร็จ เสี่ยวชิ่นก็รีบเปิดลิ้นชักเครื่องประดับหนึ่งบนโต๊ะ ด้านในใส่เครื่องประดับเอาไว้เต็ม ดูแล้วล้วนเป็นชุดที่ดูเรียบง่ายและเหมาะกับวัยหนุ่มสาวอย่างพวกปิ่นทองดอกลิลลี่ที่สลักไข่มุกหยกขาวไว้อะไรแบบนี้ เรียบง่ายแล้วยังดูมีเอกลักษณ์และยังมีถุงหอมด้ายทอง ประณีตแต่ไม่ได้ดูซับซ้อนมาก
เสี่ยวชิ่นตะลึงไปครู่หนึ่ง"เป็นข้าน้อยที่ไม่ได้บอกกับแม่นางชัดเจน ที่ข้าน้อยบอกว่าจะไปทำงานที่สวนสี่ซิน ไม่ใช่การไปทำเพียงชั่วคราว หลังจากนี้ข้าน้อยจะมาปรนนิบัติรับใช้คุณหนูจาวหนิงแล้ว"อันที่นางบอกไปชัดเจนแล้วแต่ต่อหน้าเจ้านาย นางเองก็แก้ตัวอะไรไม่ได้ ทำได้แค่บอกไปอีกรอบ"เพราะคุณหนูฟู่มาอาศัยพักบ้านตระกูลเสิ่นเพียงลำพังใช่ไหม?" อวี๋อวี่เวยพยายามทำให้สีหน้ากับอารมณ์ของตนเองสงบลงมาหน่อย "เช่นนั้นก็สมควรอยู่ พวกเราต้องปฏิบัติต่อแขกให้ดีสิ"นางมองไปทางฟู่จาวหนิงอีก ฉีกยิ้มออกมา ถามขึ้นว่า "ไม่ทราบว่าคุณหนูฟู่จะพักกี่วันหรือ? เจ้าน่าจะไม่รู้ ว่าเสี่ยวชิ่นอยู่ข้างกายข้ามาตลอด นางทำงานเก่ง เรื่องใหญ่เรื่องเล็กรอบตัวข้าล้วนขาดนางไม่ได้ พอนางไม่อยู่แบบนี้ ข้าก็สติไม่อยู่กับเนื้อตัวเหมือนกัน"ฟู่จาวหนิงอยากจะถอนหายใจเสียแล้วนางรู้สึกจริงๆ ว่าพูดกันแบบนี้มันเหนื่อย นางมีเวลาที่จะมาปะทะคารมกับอวี๋อวี่เวยที่นิสัยประหลาดแบบนี้เสียที่ไหน?นางจึงเอ่ยขึ้นตรงๆ "เช่นนั้นก็ขอโทษด้วย ตอนนี้ข้าต้องการเสี่ยวชิ่น ถ้ารบกวนก็ขออภัยด้วย"ประโยคเดียวจะทำให้อวี๋อวี่เวยโมโหหรือเปล่านางไม่รู้ แต่นางไม่
ไป๋หู่ปรากฏตัว"คุณหนูจาวหนิงบอกไปแล้ว ว่าอย่ามาวอแวอีก"ไป๋หู่สีหน้าไร้อารมณ์เหลือบมองอวี๋อวี่เวยผาดหนึ่ง รีบเดินตามฟู่จาวหนิงไป"คุณหนูจาวหนิง ข้ามาช้าไปเสียแล้ว จากการกำชับของท่าน ให้สืออีกับสือซานพักผ่อนกันก่อน พวกเขาจึงยังไม่ลุกขึ้นมา""อืม ไม่เป็นไร เจ้าเองก็พักผ่อนอีกหน่อยเถอะ ข้าจะไปที่สวนจิ้งชิว""ข้าส่งคุณหนูไปเอง"เสินหว่านกับอวี๋อวี่เวยพอได้ยินบทสนทนาของพวกเขาแล้วจากไป ก็ล้วนไม่อยากจะเชื่อ"ท่านแม่ ท่านดูสิ ยังพูดอีกว่าท่านลุงไม่ได้จะแต่งงานกับหญิงสาวคนนี้ ตอนนี้นางยังกำเริบเสิบสานเสียขนาดนี้แล้ว! เมื่อครู่นางเพิ่งจะผลักข้า! แล้วก็ ไป๋หู่คนนั้นเดิมทีก็ฟังแต่ท่านลุง ตอนนี้กลับมาตามหน้าตามหลังนางอยู่ได้ นี่ไม่ใช่เห็นนางเป็นนายหญิงไปแล้วหรือ?"อวี๋อวี่เวยพูดไปพูดมาก็สะอื้นไห้เสียแล้วเสินหว่านเพิ่งจะถูกฟู่จาวหนิงพูดไปแบบนั้น ในใจก็ไม่ค่อยสบายเท่าไรนางเป็นผู้อาวุโสกว่าไหม? ฟู่จาวหนิงดูแล้วน่าจะเด็กกว่านางยี่สิบกว่าปีได้ นี่กลับมาสั่งสอนว่านางสั่งสอนลูกสาวไม่ดีนางเองก็กำลังคิดในใจ ฟู่จาวหนิงคงไม่ได้คิดว่าเป็นสะใภ้รองของนางจริงๆ แล้วหรอกนะ ดังนั้นต่อหน้านางถึงได้มีท่
ไท่ไท่อาวุโสตื่นแล้ว แต่ยังไม่ได้ตื่นดีนัก แค่หนังตาขยับๆ เท่านั้น มือเองก็ยกขึ้นทำท่าเหมือนจะคว้าจับอะไร ปากอ้าพะงาบแต่ก็ยังพูดอะไรออกมาไม่ได้ท่านผู้เฒ่าเสิ่นถูกเสิ่นเสวียนดันให้ไปพักผ่อนบนเตียง ส่วนเสิ่นเสวียนมาคอยดูแลอยู่ทางนี้มือของไท่ไท่อาวุโสพอยื่นออกมาเขาก็คว้าจับมือของไท่ไท่อาวุโสทันที ขณะกำลังจะให้หลิวหั่วไปเชิญฟู่จาวหนิงมา ก้ได้ยินเสียงหลิวหั่วตะโกนเรียกฟู่จาวหนิงพอดี"จาวหนิงรีบมาเร็ว" เสิ่นเสวียนรีบเขยิบที่ให้ฟู่จาวหนิงรีบเดินเข้ามา รีบตรวจสอบอาการของไท่ไท่อาวุโสอย่างรวดเร็ว"เรียกนางให้ตื่นได้ พอตื่นแล้วให้นางกินอะไรเสียหน่อย จะดีกับนางมาก" ต่อให้เป็นแค่อาหารเหลวก็ยังดียิ่งไปกว่านั้น นางเห็นท่าทีของไท่ไท่อาวุโส ยังมีปฏิธานยอยากมีชีวิตอยู่ หนังตาเองก็ขยับอยู่เป็นระยะ เหมือนพยายามจะลืมตาขึ้นเช่นนี้นางก็สามารถช่วยได้แล้วฟู่จาวหนิงหยิบเข็มออกมา แทงเข้าไปยังจุดชีพจรกระตุ้นหลายจุดบนตัวไท่ไท่อาวุโสเพียงครู่เดียว ไท่ไท่อาวุโสก็ค่อยๆ ลืมตาขึ้น"ท่านแม่?" เสิ่นเสวียนร้องเรียกนางทันทีมุมปากไท่ไท่อาวุโส เหมือนพูดอะไรออกมา งึมงำๆ เสิ่นเสวียนได้ยินไม่ชัดฟู่จาวหนิงแน
"อ๋องเจวี้ยนมาถึงแล้ว"ข้าราชการชั้นผู้น้อยคนหนึ่งรีบวิ่งเข้ามา รู้ว่าใต้เท้าร้อนรนมาก จึงรีบ เข้ามารายงาน"เร็ว"เขาทางนี้แทบจะทนไม่ไหวอยู่แล้ว คุกใหญ่ทางนั้นถ้าถามออกมาได้ว่าจดหมายอยู่ที่ไหน ก็คงจะให้เขาเอาฟู่จาวเฟยส่งเข้าคุกใหญ่แน่แต่อ๋องเจวี้ยนก่อนหน้านี้กำชับว่า ก่อนหน้าที่เขาจะกลับมา ฟู่จาวเฟยต้องอยู่ที่นี่ก่อน ห้ามส่งไปคุกใหญ่เขาเองก็ทานไม่ไหวแล้ว เดิมทีฟู่จาวเฟยไม่ได้จะส่งมาที่เขาทางนี้ แต่เป็นจดหมายด่วนของอ๋องเจวี้ยนที่ให้เข้าเข้ามารับช่วงไว้ก่อนแต่เขาเองก็ร้อนรนด้วย เขาเองก็กลัวนี่ ถึงตอนนั้นถ้าค้นเจอจดหมายอะไรเข้า แล้วเกี่ยวข้องกับฟู่จาวเฟยจริง เขาก็จัดการลำบากแล้วถึงอย่างไรฟู่จาวเฟยก็อยู่กับเขาทางนี้ ไม่ได้ลงตรวน ไม่ได้ตี ไม่ได้ขังอีกต่างหาก ยังคงนั่งรออยู่ที่โถงข้างๆแล้วยังมีฮูหยินฟู่ด้วย นั่งอยู่กับลูกชายด้วยกันเขาทำเช่นนี้ ถ้าหากถูกองค์จักรพรรดิรู้เข้า องค์จักรพรรดิคงไม่ละเว้นเขาแน่พอเขาออกไป เสิ่นเชี่ยวกับฟู่จาวเฟยก็ลุกขึ้นยืนทันที ขณะเดียวกันก็มองมาทางเขา"ใต้เท้า?""คุณชายฟู่ไปที่ไหนแล้วกันแน่?"ใต้เท้าหยินจิงเจ้ามองพวกเขา และคิดถึงเรื่องที่เมื่อคร
"องค์จักรพรรดิทนแ่รงกดดันของกลุ่มขุนนางไม่ไหว วันนี้ในที่สุดก็กลับมาประชุมเช้าแล้ว ยิ่งไปกว่านั้น ยังส่งคนไปที่จวนอ๋องเจวี้ยน ต้องการจะเห็นข้าให้ได้ ข้าก็เลยโผล่หน้าออกมาเสียหน่อย" เซียวหลันยวนเอ่ยอย่างใจเย็น"สวมหน้ากากไว้หรือ?"เซียวหลันยวนยิ้มๆ ตัวเองเหมือนจะสนุกขึ้นมาหน่อยแล้วเขาส่ายหัว "ไม่ใช่ จำใบหน้าที่เจ้าทำขึ้นก่อนหน้านั้นได้ไหม?""ท่านหมายถึง ที่หนังหน้าแผลเป็นที่เอามาใช้ค้นคว้าการกำจัดแผลเป็นนั่นน่ะนะ?" ฟู่จาวหนิงประหลาดใจ"ใช่ ข้าแปะเจ้านั่นออกไปพบคน""พรวด"ฟู่จาวหนิงยอมเขาจริงๆ เพราะหน้ากากหนังหน้านั้น คือสิ่งที่นางทำขึ้นมาตอนค้นคว้าการรักษา เป็นหลุมเป็นบ่อขรุขระ มีแผลเป็นปลอมบางส่วนที่นางใช้วัสดุทำปลอมขึ้นมา แปะไปบนหน้าหน้าจะดูไม่ค่อยสนิทนัก แล้วยังดูบวมออกมาอีกชั้นหนึ่งด้วยแล้วก็หนังหน้านั้นพอแปะบนหน้า ก็เหมือนว่าทั้งใบหน้านั่นน่าเวทนาจนทนดูไม่ได้เลยทีเดียว ดูจะคล้ายๆ กับตอนที่เซียวหลันยวนยังรักษาไม่หายก่อนหน้านี้ ถึงอย่างไรก็น่าตกใจและน่ากลัวอยู่"คนในวังคงมองไม่ออกว่าเป็นของปลอมหรอกนะ?" ฟู่จาวหนิงประหลาดใจหน่อยๆ หน้ากากนั่นทำมาไม่สมจริงนัก มองหลายๆ ครั้งหน่
เซียวหลันยวนปลดหน้ากากลง"มีคนส่งจดหมายด่วนเข้ามา บอกว่าจับตัวโป๋จีแม่ทัพบู๊ที่ราชาเฮ่อเหลียนไว้วางใจที่สุดได้ บนตัวโป๋จีมีจดหมายลับที่จะส่งให้เสี่ยวเฟยอยู่ คนในที่ว่าการส่งคนไปยังจวนตระกูลฟู่ พาตัวเสี่ยวเฟยไปแล้ว"เซียวหลันยวนเดิมทียังคิดจะรีบบอกนางเรื่องนี้ เพียงแต่ไม่อยากให้นางที่เหนื่อยล้าต้องตกใจเกินไปให้นางสบายขึ้นมาหน่อย แล้วค่อยเล่าเรื่องนี้ออกมาดีกว่าฟู่จาวหนิงลุกขึ้นนั่งตัวตรง"แล้วเสี่ยวเฟยตอนนี้เป็นอย่างไรบ้าง?"ต้องเป็นเรื่องที่เร่งด่วนมากแน่ ก่อนหน้านี้เซียวหลันยวนถึงได้กลับไปจัดการเอง"อยูในจวนทางการ พ่อของเจ้าเองก็ตามไปแล้ว พาจงเจี้ยนไปด้วย ยังไม่ต้องร้อนใจ ข้าให้คนคอยเฝ้าจวนทางการไว้แล้ว ก่อนที่พวกเราจะกลับถึงจะไม่มีใครพาพวกเขาไปไหน"เขาลงมือจัดการเอง ไม่อย่างนั้นเสี่ยวเฟยคงเกิดเรื่องเข้า ฟู่จาวหนิงคงร้อนใจไม่ไหวแน่นอนพอได้ยินคำนี้ ใจของฟู่จาวหนิงจึงค่อยๆ นิ่งลงมา "โป๋จีเป็นคนสำคัญข้างกายราชาเฮ่อเหลียนหรือ? เป็นแม่ทัพบู๊? แล้ววรยุทธ์ดีไหม?"นางไม่เคยได้ยินเสี่ยวเฟยเอ่ยถึงเรื่องนี้แต่ว่าก็จริง เสี่ยวเฟยเองก็รู้สึกไม่ค่อยดีกับคนของราชาเฮ่อเหลียนอยู่หลายคน
อ๋องฉยงแอบกัดฟัน"ข้าอยู่ที่นี่รอฟ้าสางแล้วค่อยเข้าภูเขาก้ได้..." อ๋องฉยงยังคิดจะดิ้นรนเซียวหลันยวนจะยอมให้เขาดิ้นรนได้อย่างไร?"เช่นนั้นได้อย่างไร? ใครก็ได้ เก็บกระโจมเสีย"พอเขาสั่งคำสั่ง ก็มีองครักษ์ออกไปทันที เคลื่อนไหวจัดการเก็บกระโจมเหล่านั้นอย่างคล่องแคล่วว่องไว"เอาคบไฟให้อ๋องฉยงไปส่องทางด้วย""ขอรับ"กองไฟที่กำลังลุกไหม้อยู่ ถูกคนนำกิ่งไปจุดเพื่อทำเป็นคบไฟหลายๆ อัน ส่วนไฟที่เหลือก็ดับทิ้ง สาดโคลนลงไป เพื่อป้องกันอันตรายที่อาจจะเกิดขึ้น"กระโจมนี้ข้าให้คนกางมันขึ้น กองไฟเองข้าก็เป็นคนสั่งให้จุดขึ้นมา ตอนนี้ข้าจัดการเก็บกวาดไป คงไม่มีปัญหาใช่ไหม?"เซียวหลันยวนมองอ๋องฉยง น้ำเสียงสงบนิ่งมากจะไปมีปัญหาอะไรได้?เดิมทีหลังจากที่อ๋องฉยงมาเห็นกระโจมชั่วคราวก็อยากจะครองเป็นของตัวเอง แล้วมารอฟู่จาวหนิงที่นี่ใครจะคิดว่าเซียวหลันยวนจะวกกลับมากัน?ตอนนี้ถ้าเขาบอกว่าจะค้างคืนที่นี่พรุ่งนี้ค่อยขึ้นเขาก็คงไม่ได้แล้ว ถ้าไม่มีกระโจมแต่ยังคิดจะอยู่ค้างคืนที่นี่ ต่อให้ก่อไฟก็ยังหนาวตายได้เขาเองก็ไม่ได้มีกำลังภายในลึกล้ำคอยป้องกันตัวด้วย"อ๋องฉยงเมื่อครู่ไม่ใช่บอกว่าจะขึ้นเขาหรือ
อ๋องฉยงพอเห็นเซียวหลันยวนเข้ามา ใจก็ขรึมลงมาแล้ว ขณะเดียวกันก็ยังแอบเคืองกับองค์จักรพรรดิไม่ใช่บอกว่าจะขวางเซียวหลันยวนไว้หรือไรกัน? ไม่ใช่ว่ามีเรื่องที่จะขังเซียวหลันยวนไว้ได้สามวันหรือ?ทำไมยังไม่ทันถึงชั่วยาม เขาก็รีบกลับมาแล้วกัน?ไม่ได้เรื่องเอาเสียเลย!เซียวหลันยวนหันตัวกลับมาอ๋องฉยงรู้สึกใจสั่นวาบกับหน้ากากของเขาเจ้าเด็กที่เหมือนจะตายแหล่มิตายแหล่ตอนนั้น ดันโตขึ้นมาได้อย่างยากลำบาก แล้วยังดีมีท่วงท่าทรงพลังเสียด้วย"หลันยวน เมื่อครู่เจ้าหมายความว่าอย่างไร?" อ๋องฉยงเสียงขรึม ตัดสินใจลงมือก่อน "นี่เจ้ายิงธนูใส่ข้ารึ!""เจ้าไม่รู้หรือว่าหมายความว่าอะไร?"เซียวหลันยวนเสียงเย็นเยียบ "แน่นอนว่าสั่งสอนเจ้าน่ะสิ""เจ้า! เจ้าบังอาจ! ถ้าข้าเป็นอะไรไป บาดเจ็บหรือว่าตายไป เจ้าก็ไม่ต้องมีชีวิตอยู่แล้ว!""จะลองดูไหมล่ะ?" น้ำเสียงเซียวหลันยวนขรึมเย็นชา"ลองอะไร?""ลองว่าถ้าข้าสังหารเจ้าแล้ว จะยังมีชีวิตต่อไปได้ไหม"พอพูดจบ จิตสังหารบนตัวเขาก็พุ่งเข้ามาอย่างแรงกล้า แม้จะไม่มีลม ไม่มีการขยับ แต่อ๋องฉยงกับองครักษ์ข้างกายเขาก็ยังถอยออกไปก้าวหนึ่งพร้อมกันพวกเขาล้วนสัมผัสได้ถึงแรง
"บังอาจ! ทำไมจึงมาพูดกับอ๋องอย่างข้าเช่นนี้?!" องครักษ์ข้างกายอ๋องฉยงชักกระบี่ออกมาส่วนทางนี้ สืออีกับไป๋หู่ก็ชักกระบี่ทันที เดินขึ้นหน้ามาก้าวหนึ่งชั่วพริบตา ก็ชักกระบี่ง้างธนูกันแล้ว บรรยากาศตึงเครียดขึ้นมาอ๋องฉยงชะงักไป ยื่นมือไปกดกดด้ามกระบี่องครักษ์ลง หัวเราะเหอะๆ ขึ้น "เสียมารยาทกับผู้อาวุโสจี้ไม่ได้""ขอรับ!" องครักษ์ของเขาถอยลงไปทันทีผู้อาวุโสจี้ไม่ได้ผ่อนคลายลงแม้แต่น้อย กลับยิ่งดำกว่าเดิม"ข้าเองก็เป็นคนของราชวงศ์ เป็นครอบครัวเดียวกับอายวน จึงเป็นครอบครัวเดียวกันกับจาวหนิงด้วยเช่นกัน ผู้อาวุโสจี้ ความสัมพันธ์นี้ยังใกล้ชิดกว่าท่านเสียอีกนะ จริงไหม จาวหนิง?"อ๋องฉยงถาม ยังเขย่งเท้ายื่นหน้า อยากจะมองไปทางฟู่จาวหนิงที่ถูกคนบังเอาไว้อีกคนเหล่านี้ขวางหูขวางตาจริงๆ แต่ละจะมาขวางหน้าเขาไว้ทำไมกัน?เขามาเมืองหลวงได้ครึ่งปี เพราะสถานที่ไม่ถูกต้อง แล้วยังกลัวคนอื่นจะจับผิดอีก ก่อนหน้าที่นางจะได้เจรจาเงื่อนไขกับองค์จักรพรรดิ เขายังก่อเรื่องอะไรจนถูกไล่ออกจากเมืองหลวงไม่ได้ ดังนั้นครึ่งปีนี้เขาจึงชุบตัวใสสะอาด ไม่ได้ข้องเกี่ยวกับหญิงสาวคนไหนเลยแต่เดิมทีเขาก็อยู่ห่างจนคนสวย
ฟู่จาวหนิงไม่รู้เลยว่าองค์จักรพรรดิมีแผนร้ายอะไรขึ้นมาอีกแล้วนางกับผู้อาวุโสจี้อยู่ในเขาจันทร์ลับขุดสมุนไพรมาได้ไม่น้อยเลยตอนนี้กองหิมะยังไม่ละลาย แต่ยังดีที่พวกเขาสองปีก่อนเคยขุดมาแล้วครั้งหนึ่ง วัตถุดิบยาส่วนใหญ่จำได้แล้วว่าขึ้นอยู่ตรงไหน ผ่านการเติบโตมาสองปี จุดที่เคยถูกพวกเขาขุดไปก็งอกขึ้นมาใหม่กันแล้วสถานที่เหล่านั้นหลายจุดไม่มีหิมะทับถม นางพาพวกไป๋หูมาก็ล้วนได้ใช้งานทั้งสิ้นสิ่งที่ขุดขึ้นมาตอนนี้คือวัตถุดิบยาที่ทนอากาศหนาวได้ และยังมีบางส่วนที่ดูเหมือนพวกเปลือกไม้ด้วยในช่วงสองวันนี้ ผู้อาวุโสจี้เองก็ทำเวลารีบสอนให้กับนาง ให้นางได้รู้จักกับวัตถุดิบยาที่มากขึ้นไปอีกสองวันต่อมาพวกเขาก็กวาดเก็บจนเต็มที่แล้วลงจากเขา แต่ก็ได้เห็นอ๋องฉยงที่กำลังก่อกองไฟตั้งกระโจมอยู่อ๋องฉยงน่าจะได้ยินการเคลื่อนไหว จึงออกจากกระโจมมารอแล้วพอเห็นขบวนคนล้วนแบกตะกร้ายากันเต็ม ดวงตาเขาก็เปล่งประกายแล้วก็เห็นฟู่จาวหนิงที่อยู่ในกลุ่มนี้ต่อให้เข้าไปขุดยาในเขาถึงสองวัน นางก็ไม่ได้ดูซมซานแต่อย่างใด แค่เหลือบมองในกลุ่มคนนั้นก็เห็นนางได้ทันทีพระชายาอ๋องเจวี้ยนคนนี้ งดงามจนโดดเด่นจริงๆแล้วยังท
พระชายาเยว่ดูเหมือนอยากจะอาเจียน ถึงอย่างไรนางก็ยังเป็นสาวสะพรั่งสวยสด อายุขององค์จักรพรรดิมากกว่าพ่อนางเสียอีก แล้วตอนนี้ยังมีสภาพนี้อีกพริบตานี้เอง นางก็รู้สึกอยากจะรับปากแม่นมเยว่ขึ้นมา"พระชายาเยว่ ทำของว่างอะไรมาหรือ?" องค์จักรพรรดิยิ้มให้กับพระชายาเยว่ จนมีรอยย่นเพิ่มขึ้นมา "ข้าเองก็หิวแล้วเหมือนกัน"พระชายาเยว่กดอารมณ์นั่นลงไปก่อน ยกของว่างเข้ามา "องค์จักรพรรดิ ข้าทำขนมเป๋าฮื้อหัวไชเท้ามา เสวยตอนที่ร้อนๆ เถิด""ดีเลย ไม่ใช่ของหวาน กินแล้วกระเพาะไม่รู้สึกแย่"องค์จักรพรรดิพอใจมาก ช่วงนี้ท้องเขาก็ใหญ่ขึ้น เข็มขัดแทบจะคาดไม่ได้แล้ว กินแต่ของหวานคงไม่ดีนัก"องค์จักรพรรดิชอบก็เสวยให้เยอะหน่อย หม่อมฉันรินชาให้"พระชายาเยว่อยู่ดื่มกินเป็นเพื่อนกับฝ่าบาท สนทนาด้วยครู่หนึ่ง จึงเปลี่ยนหัวข้อสนทนาไปบนตัวอ๋องฉยงอย่างตั้งใจและไม่ตั้งใจ"อ๋องฉยงจะอยู่ในเมืองหลวงตลอดเลยหรือไม่? ฝ่าบาท หม่อมฉันค่อนข้างกังวล ว่าพระชายาอ๋องฉยงจะไล่ตามมาหรือไม่?""ไม่หรอก" องค์จักรพรรดิเอ่ยยืนยันขึ้นมา"หม่อมฉันได้ยินว่าพระชายาอ๋องฉยงกวดขันอ๋องฉยงเข้มงวดมาก นี่เพราะรักอ๋องฉยงหรือเปล่า?""รักอะไรกัน เป็
พระชายาเยว่รู้สึกว่า แม่นมเยว่อดทนอยู่ในวังมายี่สิบปี คงวางแผนงานใหญ่อะไรอยู่นางถึงแม้จะเคยเห็นฝีมือแม่นมเยว่มาบ้างแล้ว แต่ก็ยังรู้สึกว่าแม่นมเยว่เองก็ไม่ได้มีฝีมือมากขนาดนั้น ถ้าหากนางร้ายกาจจริง จำเป็นต้องมาซุ่มอยู่ในวังหลวงยี่สิบปี แต่ก็ยังทำเรื่องไม่เสร็จแบบนี้หรือ?แม่นมเยว่น่าจะเป็นยอดฝืมือในการใช้ยา ยิ่งไปกว่านั้นยังยอดเยี่ยมในด้านการสกัดยาชนิดนั้น ยาที่ไม่ใช่เรื่องที่น่าภูมิใจเท่าไร ถึงอย่างไรก็ทำให้แค่ผู้ชายมีความสุขล่องลอยได้มากเท่านั้น ทำเรื่องใหญ่โตอะไรให้สำเร็จไม่ได้ตอนนี้ นางได้รับความโปรดปรานจากองค์จักรพรรดิแล้ว ยังต้องคอยฟังแม่นมเยว่อยู่อีกหรือ?แต่ถ้าแม่นมเยว่ก็มีวิธีการที่จะให้องค์จักรพรรดิรับมือกับอ๋องเจวี้ยนจริงล่ะ?จะว่าไป ยาชนิดนั้นของแม่นมเยว่ ถ้าหากใช้กับอ๋องเจวี้ยน ไม่รู้ว่าจะมีประสิทธิผลไหมชั่วขณะหนึ่ง พระชายาเยว่คิดไปร้อยแปดจากนั้นนางก็ไปที่ครัวเล็ก ลงมือทำของว่างขึ้นมาถาดหนึ่ง เปลี่ยนเสื้อผ้า แต่งเนื้อแต่งตัวอย่างประณีต ยกของว่างเข้าไปในห้องหนังสือหลวงองค์จักรพรรดิเพิ่งฟังรายงานลับจบเขาให้คนจับตาดูคอยจับตาดูการเคลื่อนไหวของคนหลายคนในเมืองหลวง