เก๋อชีซิงมองไปทางอันเหนียนเขาได้ยินอะไรเข้าเนี่ยผู้ตรวจการชิงหรือว่าจะมีความคิดผิดศีลธรรมกับพระชายาอ๋องเจวี้ยนหรือ?ถ้าหากว่ามีจริง เช่นนั้นนี่ก็เป็นเรื่องใหญ่ที่ทำให้เหล่าลูกสาวประชาชนกับขุนนางได้ถกกันสนุกปากหลังมื้ออาหารได้เลยนะเรื่องนี้เอามาทำอะไรได้บ้างไหม?ตอนที่เก๋อชีซิงยังคิดเรื่องนี้อยู่ เสียงของอันเหนียนก็ดังขึ้นมาอย่างไม่รีบไม่ร้อน"มองอย่างไร? ก็ใช้ตามองน่ะสิ"เอ่อ?เก๋อชีซิงแทบจะงงเป็นไก่ตาแตกองค์หญิงหนานฉือหัวเราะพรวดขึ้นมา"นายท่านอันนี่ตลกจริงๆ"นางพิงไปด้านหลังอย่างเอ้อระเหย หยิบของว่างขึ้นมากินบ้าง "ข้าชอบหาเรื่องมาหยอกท่านจริงๆ"เก๋อชีซิงมองอันเหนียน พอเห็นว่าเขาไม่ได้ลนลานอะไรเลย กระทั่งยังถอนหายใจใส่องค์หญิงหนานฉืออีก จึงรู้สึกขึ้นมาทันทีว่าเรื่องนั้นเป็นไปไม่ได้ไม่เช่นนั้นอันเหนียนทำไมถึงไม่รู้สึกประหม่าออกมาเลย?หันมามองอันเหนียนกับองค์หญิงหนานฉือ เหมือนว่าองค์หญิงเองก็อะไรกับเขาบ้างเหมือนกันอ๋องเจวี้ยนเองก็ไม่ให้พวกเขารอนานเพียงแต่ตอนที่เขามายังคงถูกหามไว้บนเกี้ยวเบาเซียวเหยียนจิ่งเห็นเขานั่งลง ก็ส่งสายตาให้เก๋อชีซิงผาดหนึ่งวันนี้พวกเขา
กระทั่งเซียวหลันยวนเองก็ยังตกตะลึง"ตั้งแต่โบราณมา ยังไม่เคยได้ยินมาก่อนว่าป้ายทองเลี่ยงความตายเอามาซื้อขายกันได้ด้วย""คนอื่นไม่ได้ แต่ข้ารู้ว่าอ๋องเจวี้ยนอย่างท่านมีวิธีการแน่ สิ่งที่ข้านำออกมาได้ ท่านน่าจะต้องการมัน ในมือข้ามีราชาไข่มุกแห่งทะเลลึกอยู่เม็ดหนึ่ง เป็นไข่มุกล้ำค่าที่หายากมาก เม็ดใหญ่มาก ประกายแสงเองก็งดงามมาก ราชาไข่มุกเม็ดหนึ่ง มูลค่าเทียบเท่ากับเมืองทั้งเมืองเลยทีเดียว"องค์หญิงหนานฉือมองเซียวหลันยวน "ไข่มุกล้ำค่านี้ยังมีคุณค่าทางยาด้วย ขูดมันออกเป็นผง สามารถบำรุงผิวหนังลบรอยแผลเป็นได้ ผลลัพธ์น่าตกตะลึง ดังนั้น สิ่งนี้น่าจะมีประโยชน์กับอ๋องเจวี้ยนอยู่กระมัง?"เซียวหลันยวนหวั่นไหวขึ้นในใจเป็นชายชาตรีคนหนึ่ง จะมาหวั่นไหวกับคำว่า "บำรุงผิวหนังลบรอยแผลเป็น" สี่ห้าคำนี้หรือ! คิดแล้วมันก็น่าละอายอยู่หน่อยๆแต่จาวหนิงเองก็ไม่ได้บอกว่าหลังจากนี้ที่รักษาหน้าให้เขาต้องการสิ่งนี้หรือเปล่านี่สิถ้าหากต้องการ เช่นนั้นราชาไข่มุกเม็ดนี้ก็น่าจะดีที่สุดแล้วกระมัง?ต่อให้ไม่ใช้ ราชาไข่มุกเม็ดนั้นก็ยังมอบให้ฟู่จาวหนิงได้เขาเองก็ยังไม่เคยมอบพวกไข่มุกเครื่องประดับอะไรให้นางอย่า
องค์หญิงหนานฉือถลึงตามองอันเหนียนผาดหนึ่ง"ท่านอย่าทำมาทำลายเรื่องดีดีของข้าสิ"นางซื้อขายออกจะไปได้สวย แล้วอันเหนียนจะมาสอดปากทำไมกัน? เดี๋ยวอ๋องเจวี้ยนไม่ยอมขายป้ายทองเลี่ยงความตายให้นางจะทำอย่างไรกัน?"ข้ากลัวถึงตอนนั้นอ๋องเจวี้ยนจะมาเสียใจภายหลัง"อันเหนียนไม่ได้ถอยหนี แต่ยังคงมองเซียวหลันยวนฟู่จาวหนิงอยู่ต่อหน้าองค์จักรพรรดิฮองเฮาล้วนมีท่าทีกำเริบเสิบสาน นางดูเหมือนจะไม่เกรงกลัวอำนาจราชวงศ์ แต่เช่นนี้เองก็ไปหาเรื่องคนอื่นเขาได้ง่ายการมอบป้ายทองเลี่ยงความตายให้นาง ก็ถือว่าเป็นยันต์คุ้มกายให้นางใบหนึ่ง"อันเหนียน เจ้าไม่เข้าใจ" เซียวหลันยวนเอ่ยขึ้นเรียบๆ "มีข้าอยู่ ใครจะกล้าทำอะไรนาง"ดังนั้น ฟู่จาวหนิงไม่จำเป็นต้องมีป้ายทองเลี่ยงความตาย ข้าก็คือยันต์คุ้มกายของนางคำพูดเหล่านี้ พวกเขาใช้ภาษาแคว้นเจา ดังนั้นคนที่นี่จึงฟังเข้าใจเซียวเหยียนจิ่งไม่รู้ว่าในใจมันความรู้สึกอะไรไปชั่วขณะ เอาแต่รู้สึกแย่ๆแต่หลี่จื่อเหยากลับอิจฉาจนคุ้มคลั่งขึ้นมานางก่อนหน้านี้คิดมาตลอดว่าฟู่จาวหนิงต่อให้แต่งงานกับอ๋องเจวี้ยน ก็คงจะใช้ชีวิตได้ไม่ดีเท่าไรนัก อ๋องเจวี้ยนเป็นไปไม่ได้ที่จะชอบนาง แ
"ท่านทำไมถึงอ่อนแอแบบนี้? ข้าไม่ได้ออกแรงเท่าไรเลยนะ!"องค์หญิงหนานฉือหลังจากตั้งตัวมาได้ก็โมโหขึ้นมา ยื่นมือมาคว้าหลังคอเสื้ออันเหนียน จากนั้นก็ดึงเขาขึ้นมา"พรวด" เซียวหลันยวนหัวเราะก๊ากออกมาอีกครั้ง"เอาล่ะ ลุกขึ้นมาได้แล้ว"อันเหนียนลุกขึ้นยืน เอ่ยขึ้นอย่างจำใจ "องค์หญิงปล่อยมือได้แล้วกระมัง?" พอพูดประโยคนี้จบ ก็ไอออกมาสองทีเมื่อครู่ที่ถูกตบไปยังไม่ทันได้หายใจหายคอ ตอนนี้จึงเพิ่งไอออกมาเซียวหลันยวนเห็นเขาเป็นแบบนี้ก็หัวเราะขึ้นมาอีก"องค์หญิงกับผู้ตรวจการชิงของพวกเราปกติอยู่ด้วยกันแบบนี้หรือ? อย่างนั้นบนตัวผู้ตรวจการอันคงมีผลไม่น้อยแล้วกระมัง?"องค์หญิงหนานฉือร้องเชอะ "เขาติดตามข้ามา กินของดีไปไม่น้อย น้ำแกงบำรุงอะไรก็ดื่มไปตั้งเยอะ แล้วทำไมถึงยังอ่อนแอแบบนี้ อ๋องเจวี้ยนท่านเองก็อ่อนแอ ส่วนรัฐทายาทเซียวคนนั้นยิ่งอ่อนแอหนักไปอีก ผู้ชายของแคว้นเจานี้ คงไม่ใช่ว่าแค่แรงจะจับไก่ก็คงไม่มีหรอกกระมัง?"ให้ตายเถอะ ไม่มีแข็งแรงๆ กันบ้างเลยชายหนุ่มของหนานฉือทางนั้นยังดูสูงใหญ่กำยำกว่ามากเลย"พวกเขาอ่อนแอไปหน่อยแค่นั้น แต่ข้าไม่ใช่นะ ข้าเป็นเพราะป่วยมานาน แตกต่างจากพวกเขา" เซียวห
หลี่จื่อเหยาไม่รู้ว่าคำพูดนี้ควรจะตอบรับอย่างไรนางนั่นล่ะแต่ว่าอะไรคือ "ใครคนนั้น" ?นางไม่มีชื่อแซ่หรือไร? นางตอนนี้ไม่มีตัวตนฐานะหรือ?ถ้าตอบกลับไป แล้วหน้าของนางจะไปเหลืออะไร?ผลคือเซียวหลันยวนไม่ได้ต้องการคำตอบจากนาง เขายืนยันตัวตนฐานะของนางแล้ว หน้าขรึมลงทันที "ใครก็ได้""ท่านอ๋อง?"องครักษ์รีบเข้ามา"โยนสองคนนี้ออกไปหน่อย"เซียวหลันยวนชี้ไปที่เซียวเหยียนจิ่งกับหลี่จื่อเหยา"อ๋องเจวี้ยน! พวกเราเป็นแขกนะ" หลี่จื่อเหยาตกตะลึง"ใช่!"องครักษ์เดินไปทางพวกเขาเซียวเหยียนจิ่งคิดไม่ถึงว่าผ่านมาตั้งนานขนาดนี้ อ๋องเจวี้ยนเหมือนยังไม่ลืมเรื่องสมัยก่อน ตอนนี้แค่หน้าก็ยังไม่อยากจะมองเขาด้วยซ้ำ!เขาเองก็หน้าเปลี่ยนสี กลับรีบลุกขึ้นมา พูดขึ้นว่า "ข้าไปเองได้!"พรวดอันเหนียนเกือบหัวเราะออกมา นี่คืออาการดื้อรั้นสุดท้ายของรัฐทายาทเซียวหรือ?เขายังคิดว่าเซียวหลันยวนไม่สนใจสองคนนั้นแล้ว แต่ตอนนี้ดูแล้วเหมือนเขาก่อนหน้านี้ไม่ได้สนใจจะมองพวกเขาตรงๆ เลยด้วยซ้ำถึงอย่างไรตาข้างหนึ่งก็ยังพันเอาไว้นี่นะ"โยนออกไป" เซียวหลันยวนเอ่ยเสียงเย็นชาองครักษ์สองคนหิ้วตัวเซียวเหยียนจิ่งขึ้นมา
องครักษ์จวนอ๋องมองพวกนางอย่างเย็นชา "พวกเจาทำไมยังกล้ามาจวนอ๋องเจวี้ยนอีก? พวกเขาลืมไปแล้วหรือว่าเคยอะไรกับพระชายาไว้ แต่พวกเราไม่ลืมหรอกนะ ครึ่งนี้แค่ลงโทษเล็กน้อย ท่านอ๋องมีคำสั่ง ครั้งหน้าถ้าพวกเขายังกล้ามาเหยียบจวนอ๋องเจวี้ยนอีก ข้าจะหักขาทิ้งเสียเลย"พูดจบ พวกเขาก็หมุนตัวเข้าประตูไป ปิดประตูใส่หน้าเซียวเหยียนจิ่งกับหลี่จื่อเหยาดังปังเซียวเหยียนจิ่งหน้าเขียว รู้สึกว่าได้รับความอัปยศอย่างมากเขาพลาดไปแล้วจริงๆ เซียวหลันยวนเป็นคนใจแคบเจ้าคิดเจ้าแค้นมาก!หลี่จื่อเหยาหันหน้า เห็นพวกคนใช้และคนขับรถที่องค์หญิงหนานฉือพามากำลังมองพวกเขา เห็นขั้นตอนความขายหน้าทั้งหมดของพวกเขากับตา นางรู้สึกว่าหน้าตาป่นปี้ไม่มีชิ้นดี ร้องไห้ออกมาทันทีนางยกมือข่วนๆ ไปทางเซียวเหยียนจิ่ง ร้องว๊ากขึ้นมาว่า "เป็นเพราะท่าน! เป็นเพราะท่านมันไม่ได้เรื่อง! ท่านมันคนไม่เอาถ่าน จวนชินอ๋องเซียวของพวกท่านมันไม่ได้เรื่อง ถูกคนรังแกขนาดนี้แค่จะผายลมก็ยังไม่กล้าเลย!"เซียวเหยียนจิ่งถูกเขาข่วนมาที่หน้าอย่างไม่ทันคาดคิด ทั้งโกรธทั้งเกลียด ลุกขึ้นมา ยกเท้าถีบนางเข้าไปทีหนึ่ง"ที่ข้าเป็นรัฐทายาทต้องมาตกต่ำแบบนี้ ก็เพรา
"ผู้หญิงคนนั้นเข้าไปอยู่แล้วจริงหรือ?""ใช่ นางนั่นล่ะ ของใช้นางมีไม่เท่าไร ย้ายเข้าไปในนั้นหมดแล้ว ไม่รู้ว่าจะมาอยู่ถาวรไหม ถ้าหากว่าใช่ล่ะก็ ของที่นางเอามานั้นยังไม่พอ แล้วตระกูลเสิ่นต้องมาซื้อให้นางไหม?""ไม่ใช่บอกว่าเป็นแค่หมอหญิงคนหนึ่งหรือ?""จริงด้วย นางพอมาถึงก็เข้าไปสวนจิ้งชิวแล้วให้หมอหวางมาเป็นลูกมือเลยนะ ไม่ใช่เป็นแค่หมอหญิงหรือ? เหมือนได้ยินว่าไปนวดหัวให้ไท่ไท่อาวุโสด้วย ฝีมือน่าจะพอไปวัดไปวาอยู่""เพราะแค่ช่วยไท่ไท่อาวุโสนวดหัว ก็ยกเชิดชูนางแล้วหรือไรกัน?"คนบ้านตระกูลเสิ่นล้วนไม่อยากเชื่อกัน ขณะเดียวกันก็ทั้งอิจฉาทั้งขุ่นเคือง"ต่อให้เพื่อให้นางอยู่ต่อก็เถอะ ก็ไม่ควรให้เข้าไปพักในสวนจิ้งชิวไหม? นางที่เป็นหมอหญิงคนหนึ่ง ถ้าพักอยู่ในสวนจิ้งชิว ถึงจะคอยรับใช้ไท่ไท่อาวุโสได้ตลอดเวลาไม่ใช่หรือ?"คนทั้งหมดหลังจากเอะอะเอ็ดตะโรไปรอบหนึ่งจึงมองไปทางท่านลุงรองครอบครัวของท่านลุงรองต่างหากที่พักอยู่ในจวนตระกูลเสิ่นมาโดยตลอดก่อนหน้านี้เสิ่นเสวียนก็ดูเคาระเขาอยู่ตัดท่านผู้เฒ่าออก ตัดไท่ไท่อาวุโสออก พูดได้ว่าบ้านตระกูลเสิ่นหลายปีมานี้มีเขาเป็นเสาหลักไปแล้ว เพราะเสิ่นเสวียน
"เห็นแล้วสิ" ทุกคนพูดออกมา"ตอนที่เขาออกจากต้าชื่อครั้งที่แล้ว สุขภาพยังย่ำแย่อยู่ แต่ตอนนี้พวกเจ้ามองออกไหม? เ่ขาเดินได้วิ่งได้หิ้วของหนักได้ สุขภาพดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัด"เขาเองก็ให้คนไปตรวจสอบเรื่องเพื่อยืนยันจุดนี้แล้วอาการป่วยของเสิ่นเสวียน ดีขึ้นมาแล้วมากจริงๆลูกชายสองคนของเขาตกตะลึงขึ้นในใจ สบตากันผาดหนึ่ง"ท่านลุงรองพูดมาแบบนี้มันก็จริงอยู่นะ""ใช่แล้ว เรื่องนี้ก่อนหน้าก็คิดไม่ถึง จนมองข้ามไป ลุงเสวียนตอนนี้หายดีแล้วหรือ?"ทุกคนล้วนตกตะลึงกันขึ้นมา"เขาที่จู่ๆ ก็มีสัมพันธ์อันดีกับหมอหญิงคนนั้น อธิบายอะไรได้?" น้ารองเสิ่นเอ่ยเสียงขรึม "อธิบายได้ว่า ที่อาการป่วยของเขาดีขึ้น เป็นไปได้มากว่าเกี่ยวข้องกับหมอหญิงคนนี้ ถ้าหากเป็นเช่นนี้จริง นางก็คือผู้มีบุญคุณของบ้านตระกูลเสิ่น ถ้าจะให้นางเข้าไปพักในสวนสี่ซินมีอะไรไม่ถูกต้องกัน"หา?อาสะใภ้รองสงสัย "เป็นไปไม่ได้สิ? แม่นางคนนั้นดูอายุไม่เท่าไรเองนี่? แล้วอาการป่วยที่หมอใหญ่ตั้งหลายคนรักษาไม่ได้ นางจะมารักษาได้อย่างไรกัน?""เรื่องนี้ พวกเราต้องยืนยันอีกหน่อย ถ้าหากวิชาแพทย์ของแม่นางคนนั้นดีจริงๆ ล่ะ?"ลองรองเสิ่นเอ่ยต่อ "ถ้
"อ๋องเจวี้ยนมาถึงแล้ว"ข้าราชการชั้นผู้น้อยคนหนึ่งรีบวิ่งเข้ามา รู้ว่าใต้เท้าร้อนรนมาก จึงรีบ เข้ามารายงาน"เร็ว"เขาทางนี้แทบจะทนไม่ไหวอยู่แล้ว คุกใหญ่ทางนั้นถ้าถามออกมาได้ว่าจดหมายอยู่ที่ไหน ก็คงจะให้เขาเอาฟู่จาวเฟยส่งเข้าคุกใหญ่แน่แต่อ๋องเจวี้ยนก่อนหน้านี้กำชับว่า ก่อนหน้าที่เขาจะกลับมา ฟู่จาวเฟยต้องอยู่ที่นี่ก่อน ห้ามส่งไปคุกใหญ่เขาเองก็ทานไม่ไหวแล้ว เดิมทีฟู่จาวเฟยไม่ได้จะส่งมาที่เขาทางนี้ แต่เป็นจดหมายด่วนของอ๋องเจวี้ยนที่ให้เข้าเข้ามารับช่วงไว้ก่อนแต่เขาเองก็ร้อนรนด้วย เขาเองก็กลัวนี่ ถึงตอนนั้นถ้าค้นเจอจดหมายอะไรเข้า แล้วเกี่ยวข้องกับฟู่จาวเฟยจริง เขาก็จัดการลำบากแล้วถึงอย่างไรฟู่จาวเฟยก็อยู่กับเขาทางนี้ ไม่ได้ลงตรวน ไม่ได้ตี ไม่ได้ขังอีกต่างหาก ยังคงนั่งรออยู่ที่โถงข้างๆแล้วยังมีฮูหยินฟู่ด้วย นั่งอยู่กับลูกชายด้วยกันเขาทำเช่นนี้ ถ้าหากถูกองค์จักรพรรดิรู้เข้า องค์จักรพรรดิคงไม่ละเว้นเขาแน่พอเขาออกไป เสิ่นเชี่ยวกับฟู่จาวเฟยก็ลุกขึ้นยืนทันที ขณะเดียวกันก็มองมาทางเขา"ใต้เท้า?""คุณชายฟู่ไปที่ไหนแล้วกันแน่?"ใต้เท้าหยินจิงเจ้ามองพวกเขา และคิดถึงเรื่องที่เมื่อคร
"องค์จักรพรรดิทนแ่รงกดดันของกลุ่มขุนนางไม่ไหว วันนี้ในที่สุดก็กลับมาประชุมเช้าแล้ว ยิ่งไปกว่านั้น ยังส่งคนไปที่จวนอ๋องเจวี้ยน ต้องการจะเห็นข้าให้ได้ ข้าก็เลยโผล่หน้าออกมาเสียหน่อย" เซียวหลันยวนเอ่ยอย่างใจเย็น"สวมหน้ากากไว้หรือ?"เซียวหลันยวนยิ้มๆ ตัวเองเหมือนจะสนุกขึ้นมาหน่อยแล้วเขาส่ายหัว "ไม่ใช่ จำใบหน้าที่เจ้าทำขึ้นก่อนหน้านั้นได้ไหม?""ท่านหมายถึง ที่หนังหน้าแผลเป็นที่เอามาใช้ค้นคว้าการกำจัดแผลเป็นนั่นน่ะนะ?" ฟู่จาวหนิงประหลาดใจ"ใช่ ข้าแปะเจ้านั่นออกไปพบคน""พรวด"ฟู่จาวหนิงยอมเขาจริงๆ เพราะหน้ากากหนังหน้านั้น คือสิ่งที่นางทำขึ้นมาตอนค้นคว้าการรักษา เป็นหลุมเป็นบ่อขรุขระ มีแผลเป็นปลอมบางส่วนที่นางใช้วัสดุทำปลอมขึ้นมา แปะไปบนหน้าหน้าจะดูไม่ค่อยสนิทนัก แล้วยังดูบวมออกมาอีกชั้นหนึ่งด้วยแล้วก็หนังหน้านั้นพอแปะบนหน้า ก็เหมือนว่าทั้งใบหน้านั่นน่าเวทนาจนทนดูไม่ได้เลยทีเดียว ดูจะคล้ายๆ กับตอนที่เซียวหลันยวนยังรักษาไม่หายก่อนหน้านี้ ถึงอย่างไรก็น่าตกใจและน่ากลัวอยู่"คนในวังคงมองไม่ออกว่าเป็นของปลอมหรอกนะ?" ฟู่จาวหนิงประหลาดใจหน่อยๆ หน้ากากนั่นทำมาไม่สมจริงนัก มองหลายๆ ครั้งหน่
เซียวหลันยวนปลดหน้ากากลง"มีคนส่งจดหมายด่วนเข้ามา บอกว่าจับตัวโป๋จีแม่ทัพบู๊ที่ราชาเฮ่อเหลียนไว้วางใจที่สุดได้ บนตัวโป๋จีมีจดหมายลับที่จะส่งให้เสี่ยวเฟยอยู่ คนในที่ว่าการส่งคนไปยังจวนตระกูลฟู่ พาตัวเสี่ยวเฟยไปแล้ว"เซียวหลันยวนเดิมทียังคิดจะรีบบอกนางเรื่องนี้ เพียงแต่ไม่อยากให้นางที่เหนื่อยล้าต้องตกใจเกินไปให้นางสบายขึ้นมาหน่อย แล้วค่อยเล่าเรื่องนี้ออกมาดีกว่าฟู่จาวหนิงลุกขึ้นนั่งตัวตรง"แล้วเสี่ยวเฟยตอนนี้เป็นอย่างไรบ้าง?"ต้องเป็นเรื่องที่เร่งด่วนมากแน่ ก่อนหน้านี้เซียวหลันยวนถึงได้กลับไปจัดการเอง"อยูในจวนทางการ พ่อของเจ้าเองก็ตามไปแล้ว พาจงเจี้ยนไปด้วย ยังไม่ต้องร้อนใจ ข้าให้คนคอยเฝ้าจวนทางการไว้แล้ว ก่อนที่พวกเราจะกลับถึงจะไม่มีใครพาพวกเขาไปไหน"เขาลงมือจัดการเอง ไม่อย่างนั้นเสี่ยวเฟยคงเกิดเรื่องเข้า ฟู่จาวหนิงคงร้อนใจไม่ไหวแน่นอนพอได้ยินคำนี้ ใจของฟู่จาวหนิงจึงค่อยๆ นิ่งลงมา "โป๋จีเป็นคนสำคัญข้างกายราชาเฮ่อเหลียนหรือ? เป็นแม่ทัพบู๊? แล้ววรยุทธ์ดีไหม?"นางไม่เคยได้ยินเสี่ยวเฟยเอ่ยถึงเรื่องนี้แต่ว่าก็จริง เสี่ยวเฟยเองก็รู้สึกไม่ค่อยดีกับคนของราชาเฮ่อเหลียนอยู่หลายคน
อ๋องฉยงแอบกัดฟัน"ข้าอยู่ที่นี่รอฟ้าสางแล้วค่อยเข้าภูเขาก้ได้..." อ๋องฉยงยังคิดจะดิ้นรนเซียวหลันยวนจะยอมให้เขาดิ้นรนได้อย่างไร?"เช่นนั้นได้อย่างไร? ใครก็ได้ เก็บกระโจมเสีย"พอเขาสั่งคำสั่ง ก็มีองครักษ์ออกไปทันที เคลื่อนไหวจัดการเก็บกระโจมเหล่านั้นอย่างคล่องแคล่วว่องไว"เอาคบไฟให้อ๋องฉยงไปส่องทางด้วย""ขอรับ"กองไฟที่กำลังลุกไหม้อยู่ ถูกคนนำกิ่งไปจุดเพื่อทำเป็นคบไฟหลายๆ อัน ส่วนไฟที่เหลือก็ดับทิ้ง สาดโคลนลงไป เพื่อป้องกันอันตรายที่อาจจะเกิดขึ้น"กระโจมนี้ข้าให้คนกางมันขึ้น กองไฟเองข้าก็เป็นคนสั่งให้จุดขึ้นมา ตอนนี้ข้าจัดการเก็บกวาดไป คงไม่มีปัญหาใช่ไหม?"เซียวหลันยวนมองอ๋องฉยง น้ำเสียงสงบนิ่งมากจะไปมีปัญหาอะไรได้?เดิมทีหลังจากที่อ๋องฉยงมาเห็นกระโจมชั่วคราวก็อยากจะครองเป็นของตัวเอง แล้วมารอฟู่จาวหนิงที่นี่ใครจะคิดว่าเซียวหลันยวนจะวกกลับมากัน?ตอนนี้ถ้าเขาบอกว่าจะค้างคืนที่นี่พรุ่งนี้ค่อยขึ้นเขาก็คงไม่ได้แล้ว ถ้าไม่มีกระโจมแต่ยังคิดจะอยู่ค้างคืนที่นี่ ต่อให้ก่อไฟก็ยังหนาวตายได้เขาเองก็ไม่ได้มีกำลังภายในลึกล้ำคอยป้องกันตัวด้วย"อ๋องฉยงเมื่อครู่ไม่ใช่บอกว่าจะขึ้นเขาหรือ
อ๋องฉยงพอเห็นเซียวหลันยวนเข้ามา ใจก็ขรึมลงมาแล้ว ขณะเดียวกันก็ยังแอบเคืองกับองค์จักรพรรดิไม่ใช่บอกว่าจะขวางเซียวหลันยวนไว้หรือไรกัน? ไม่ใช่ว่ามีเรื่องที่จะขังเซียวหลันยวนไว้ได้สามวันหรือ?ทำไมยังไม่ทันถึงชั่วยาม เขาก็รีบกลับมาแล้วกัน?ไม่ได้เรื่องเอาเสียเลย!เซียวหลันยวนหันตัวกลับมาอ๋องฉยงรู้สึกใจสั่นวาบกับหน้ากากของเขาเจ้าเด็กที่เหมือนจะตายแหล่มิตายแหล่ตอนนั้น ดันโตขึ้นมาได้อย่างยากลำบาก แล้วยังดีมีท่วงท่าทรงพลังเสียด้วย"หลันยวน เมื่อครู่เจ้าหมายความว่าอย่างไร?" อ๋องฉยงเสียงขรึม ตัดสินใจลงมือก่อน "นี่เจ้ายิงธนูใส่ข้ารึ!""เจ้าไม่รู้หรือว่าหมายความว่าอะไร?"เซียวหลันยวนเสียงเย็นเยียบ "แน่นอนว่าสั่งสอนเจ้าน่ะสิ""เจ้า! เจ้าบังอาจ! ถ้าข้าเป็นอะไรไป บาดเจ็บหรือว่าตายไป เจ้าก็ไม่ต้องมีชีวิตอยู่แล้ว!""จะลองดูไหมล่ะ?" น้ำเสียงเซียวหลันยวนขรึมเย็นชา"ลองอะไร?""ลองว่าถ้าข้าสังหารเจ้าแล้ว จะยังมีชีวิตต่อไปได้ไหม"พอพูดจบ จิตสังหารบนตัวเขาก็พุ่งเข้ามาอย่างแรงกล้า แม้จะไม่มีลม ไม่มีการขยับ แต่อ๋องฉยงกับองครักษ์ข้างกายเขาก็ยังถอยออกไปก้าวหนึ่งพร้อมกันพวกเขาล้วนสัมผัสได้ถึงแรง
"บังอาจ! ทำไมจึงมาพูดกับอ๋องอย่างข้าเช่นนี้?!" องครักษ์ข้างกายอ๋องฉยงชักกระบี่ออกมาส่วนทางนี้ สืออีกับไป๋หู่ก็ชักกระบี่ทันที เดินขึ้นหน้ามาก้าวหนึ่งชั่วพริบตา ก็ชักกระบี่ง้างธนูกันแล้ว บรรยากาศตึงเครียดขึ้นมาอ๋องฉยงชะงักไป ยื่นมือไปกดกดด้ามกระบี่องครักษ์ลง หัวเราะเหอะๆ ขึ้น "เสียมารยาทกับผู้อาวุโสจี้ไม่ได้""ขอรับ!" องครักษ์ของเขาถอยลงไปทันทีผู้อาวุโสจี้ไม่ได้ผ่อนคลายลงแม้แต่น้อย กลับยิ่งดำกว่าเดิม"ข้าเองก็เป็นคนของราชวงศ์ เป็นครอบครัวเดียวกับอายวน จึงเป็นครอบครัวเดียวกันกับจาวหนิงด้วยเช่นกัน ผู้อาวุโสจี้ ความสัมพันธ์นี้ยังใกล้ชิดกว่าท่านเสียอีกนะ จริงไหม จาวหนิง?"อ๋องฉยงถาม ยังเขย่งเท้ายื่นหน้า อยากจะมองไปทางฟู่จาวหนิงที่ถูกคนบังเอาไว้อีกคนเหล่านี้ขวางหูขวางตาจริงๆ แต่ละจะมาขวางหน้าเขาไว้ทำไมกัน?เขามาเมืองหลวงได้ครึ่งปี เพราะสถานที่ไม่ถูกต้อง แล้วยังกลัวคนอื่นจะจับผิดอีก ก่อนหน้าที่นางจะได้เจรจาเงื่อนไขกับองค์จักรพรรดิ เขายังก่อเรื่องอะไรจนถูกไล่ออกจากเมืองหลวงไม่ได้ ดังนั้นครึ่งปีนี้เขาจึงชุบตัวใสสะอาด ไม่ได้ข้องเกี่ยวกับหญิงสาวคนไหนเลยแต่เดิมทีเขาก็อยู่ห่างจนคนสวย
ฟู่จาวหนิงไม่รู้เลยว่าองค์จักรพรรดิมีแผนร้ายอะไรขึ้นมาอีกแล้วนางกับผู้อาวุโสจี้อยู่ในเขาจันทร์ลับขุดสมุนไพรมาได้ไม่น้อยเลยตอนนี้กองหิมะยังไม่ละลาย แต่ยังดีที่พวกเขาสองปีก่อนเคยขุดมาแล้วครั้งหนึ่ง วัตถุดิบยาส่วนใหญ่จำได้แล้วว่าขึ้นอยู่ตรงไหน ผ่านการเติบโตมาสองปี จุดที่เคยถูกพวกเขาขุดไปก็งอกขึ้นมาใหม่กันแล้วสถานที่เหล่านั้นหลายจุดไม่มีหิมะทับถม นางพาพวกไป๋หูมาก็ล้วนได้ใช้งานทั้งสิ้นสิ่งที่ขุดขึ้นมาตอนนี้คือวัตถุดิบยาที่ทนอากาศหนาวได้ และยังมีบางส่วนที่ดูเหมือนพวกเปลือกไม้ด้วยในช่วงสองวันนี้ ผู้อาวุโสจี้เองก็ทำเวลารีบสอนให้กับนาง ให้นางได้รู้จักกับวัตถุดิบยาที่มากขึ้นไปอีกสองวันต่อมาพวกเขาก็กวาดเก็บจนเต็มที่แล้วลงจากเขา แต่ก็ได้เห็นอ๋องฉยงที่กำลังก่อกองไฟตั้งกระโจมอยู่อ๋องฉยงน่าจะได้ยินการเคลื่อนไหว จึงออกจากกระโจมมารอแล้วพอเห็นขบวนคนล้วนแบกตะกร้ายากันเต็ม ดวงตาเขาก็เปล่งประกายแล้วก็เห็นฟู่จาวหนิงที่อยู่ในกลุ่มนี้ต่อให้เข้าไปขุดยาในเขาถึงสองวัน นางก็ไม่ได้ดูซมซานแต่อย่างใด แค่เหลือบมองในกลุ่มคนนั้นก็เห็นนางได้ทันทีพระชายาอ๋องเจวี้ยนคนนี้ งดงามจนโดดเด่นจริงๆแล้วยังท
พระชายาเยว่ดูเหมือนอยากจะอาเจียน ถึงอย่างไรนางก็ยังเป็นสาวสะพรั่งสวยสด อายุขององค์จักรพรรดิมากกว่าพ่อนางเสียอีก แล้วตอนนี้ยังมีสภาพนี้อีกพริบตานี้เอง นางก็รู้สึกอยากจะรับปากแม่นมเยว่ขึ้นมา"พระชายาเยว่ ทำของว่างอะไรมาหรือ?" องค์จักรพรรดิยิ้มให้กับพระชายาเยว่ จนมีรอยย่นเพิ่มขึ้นมา "ข้าเองก็หิวแล้วเหมือนกัน"พระชายาเยว่กดอารมณ์นั่นลงไปก่อน ยกของว่างเข้ามา "องค์จักรพรรดิ ข้าทำขนมเป๋าฮื้อหัวไชเท้ามา เสวยตอนที่ร้อนๆ เถิด""ดีเลย ไม่ใช่ของหวาน กินแล้วกระเพาะไม่รู้สึกแย่"องค์จักรพรรดิพอใจมาก ช่วงนี้ท้องเขาก็ใหญ่ขึ้น เข็มขัดแทบจะคาดไม่ได้แล้ว กินแต่ของหวานคงไม่ดีนัก"องค์จักรพรรดิชอบก็เสวยให้เยอะหน่อย หม่อมฉันรินชาให้"พระชายาเยว่อยู่ดื่มกินเป็นเพื่อนกับฝ่าบาท สนทนาด้วยครู่หนึ่ง จึงเปลี่ยนหัวข้อสนทนาไปบนตัวอ๋องฉยงอย่างตั้งใจและไม่ตั้งใจ"อ๋องฉยงจะอยู่ในเมืองหลวงตลอดเลยหรือไม่? ฝ่าบาท หม่อมฉันค่อนข้างกังวล ว่าพระชายาอ๋องฉยงจะไล่ตามมาหรือไม่?""ไม่หรอก" องค์จักรพรรดิเอ่ยยืนยันขึ้นมา"หม่อมฉันได้ยินว่าพระชายาอ๋องฉยงกวดขันอ๋องฉยงเข้มงวดมาก นี่เพราะรักอ๋องฉยงหรือเปล่า?""รักอะไรกัน เป็
พระชายาเยว่รู้สึกว่า แม่นมเยว่อดทนอยู่ในวังมายี่สิบปี คงวางแผนงานใหญ่อะไรอยู่นางถึงแม้จะเคยเห็นฝีมือแม่นมเยว่มาบ้างแล้ว แต่ก็ยังรู้สึกว่าแม่นมเยว่เองก็ไม่ได้มีฝีมือมากขนาดนั้น ถ้าหากนางร้ายกาจจริง จำเป็นต้องมาซุ่มอยู่ในวังหลวงยี่สิบปี แต่ก็ยังทำเรื่องไม่เสร็จแบบนี้หรือ?แม่นมเยว่น่าจะเป็นยอดฝืมือในการใช้ยา ยิ่งไปกว่านั้นยังยอดเยี่ยมในด้านการสกัดยาชนิดนั้น ยาที่ไม่ใช่เรื่องที่น่าภูมิใจเท่าไร ถึงอย่างไรก็ทำให้แค่ผู้ชายมีความสุขล่องลอยได้มากเท่านั้น ทำเรื่องใหญ่โตอะไรให้สำเร็จไม่ได้ตอนนี้ นางได้รับความโปรดปรานจากองค์จักรพรรดิแล้ว ยังต้องคอยฟังแม่นมเยว่อยู่อีกหรือ?แต่ถ้าแม่นมเยว่ก็มีวิธีการที่จะให้องค์จักรพรรดิรับมือกับอ๋องเจวี้ยนจริงล่ะ?จะว่าไป ยาชนิดนั้นของแม่นมเยว่ ถ้าหากใช้กับอ๋องเจวี้ยน ไม่รู้ว่าจะมีประสิทธิผลไหมชั่วขณะหนึ่ง พระชายาเยว่คิดไปร้อยแปดจากนั้นนางก็ไปที่ครัวเล็ก ลงมือทำของว่างขึ้นมาถาดหนึ่ง เปลี่ยนเสื้อผ้า แต่งเนื้อแต่งตัวอย่างประณีต ยกของว่างเข้าไปในห้องหนังสือหลวงองค์จักรพรรดิเพิ่งฟังรายงานลับจบเขาให้คนจับตาดูคอยจับตาดูการเคลื่อนไหวของคนหลายคนในเมืองหลวง