ฟู่จาวหนิงคิดๆ ดูมันก็ใช่ตอนนี้ถ้าพูดถึงเสิ่นเชี่ยวขึ้นมา ไท่ไท่อาวุโสคงไม่ได้หลับได้นอนแน่ วันวันคงเอาแต่ชะเง้อว่าไปหาคนหรือยัง พากลับมาแล้วหรือยังแล้วคงจะเอาแต่คิดถึงว่าก่อนหน้านี้นางไปตกระกำลำบากนั่นโน่นนี่ตลอดเวลาแน่นอนไม่แน่พอคิดขึ้นมาคงได้ร้องไห้เป็นวักเป็นเวร"ท่านลุงพูดถูกต้อง อย่างน้อยรอหลังจากถอนพิษให้ไท่ไท่อาวุโสสักพักหนึ่งแล้วกัน""พิษของนาง เจ้ายืนยันว่าถอนได้สินะ?""ทำไมถึงไม่เชื่อข้าล่ะ?" ฟู่จาวหนิงยืดหลังตรง "ข้าครั้งที่แล้วออกไปกับเซียวหลันยวน ได้วัตถุดิบยามาไม่น้อยเลยนะ""เช่นนั้นก็ดี"ทั้งสองคนนั่งลงในโถงเล็ก เสิ่นเสวียนถามถึงเซียวหลันยวน"แล้วเจ้าห่างออกมาแบบนี้ อ๋องเจวี้ยนได้ขัดขวางบ้างไหม?""ไม่มี" ฟู่จาวหนิงเร่งเดินทางมาตลอด จึงไม่ได้สนใจคิดถึงเซียวหลันยวนเท่าไรนัก ยิ่งไปกว่านั้นนางเองยังรู้สึกว่าเซียวหลันยวนตอนนี้สถาพจิตใจไม่ค่อยถูกต้อง ทั้งสองคนแยกกันสักพักก็ดีแต่ว่า พอพูดถึงเรื่องที่ขัดขวางนางไม่ให้ออกมาไหม ฟู่จาวหนิงเองก็ว่าร้ายเขาไม่ได้เลยจริงๆ"ไม่ขวาง กระทั่งยังช่วยเป็นธุระให้ด้วย ช่วยข้าวาดแผนที่ ตลอดทางจุดไหนที่ไม่เหมาะจะหยุดพักก็ทำสัญลัก
เสิ่นเสวียนพอได้ยินก็เข้าใจความคิดเซียวหลันยวนขึ้นมาแล้ว"ก็น่าจะสนใจอยู่นั่นล่ะ" ฟู่จาวหนิงร้องอืมขึ้นเสียงหนึ่ง"นอกจากหน้าแล้วยังมีอีกไหม?""นั่นก็" ฟู่จาวหนิงนั่งตัวตรงขึ้นมา ดูจะกลืนไม่เข้าคายไม่ออกอยู่ "ก่อนหน้านี้ข้าทำขาเขาบาดเจ็บ เวลาเช่นนี้พอเขาล้มลงมาจึงเจ็บหนัก ดังนั้นจึงต้องใช้เวลาหลายวันห้ามลุกขึ้นยืน เดินไปไหนมาไหนไม่ได้ ไปที่ไหนก็ต้องแบกหาม"เสิ่นเสวียนมุมปากกระตุก "หรือก้คือตอนนี้อ๋องเจวี้ยนทั้งน่าเกลียดทั้งพิการเลยสินะ?""เอ๊ พิการนั่นไม่ใช่นะ ขาเดี๋ยวก็หายได้ พักฟื้นดีดีหน่อย ข้าเองก็ทิ้งยาไว้ด้วย"ฟู่จาวหนิงพูดถึงตรงนี้ ในใจจู่ๆ ก็มีความเป็นห่วงทะลักเข้ามา ไม่รู้ว่าเซียวหลันยวนได้อาบน้ำยาดีดีหรือเปล่านางอีกเดี๋ยวต้องเขียนจดหมายเสียหน่อยระหว่างทางจดหมายของเขาก็มีไม่น้อยเลย แต่นางก็ตอบเหมือนขอไปที"แล้วความพิการทางหน้าตานั่นล่ะ?" เสิ่นเสวียนถามต่อ"เรื่องนี้ ไม่อยู่ในขอบเขตความถนัดของข้า แต่ว่าอีกเดี๋ยวจะค้นคว้าเสียหน่อย จะฟื้นกลับมาสักครั้งหนึ่งก็พอมั่นใจอยู่ แต่จะฟื้นฟูได้สมบูรณ์ไหมก็ต้องดูผิวหนังของเขา"มีบางคนเป็นแผลเป็น บางคนไม่ทิ้งแผลเป็นไว้ด้วยซ้ำ เ
"อ๋องเจวี้ยนที่"ลำบาก"อยู่ตอนนี้ก็ดูลำบากหน่อยๆ จริงๆ"องค์หญิงหนานฉือนับตั้งแต่ออกจากวังก็จะมาเป็นแขกในจวนอ๋องเจวี้ยนเสียให้ได้องค์จักรพรรดิสั่งการลงมา ให้จวนอ๋องเจวี้ยนต้อนรับให้ดีหลายวันนี้ องค์หญิงหนานฉือทำให้ในเมืองหลวงทั้งหมดได้เห็นถึงพลังความร่ำรวยของแคว้นหนานฉือกู่นางเข้าร่วมงานเลี้ยงมากมายหลากหลายแบบ เห็นเหล่าคุณชายชั้นสูงในเมืองไปหมดแล้วรอบหนึ่งในเมืองหลวงตอนนี้ก็จัดกิจกรรมเรียนภาษาหนานฉือกันครึกโครมขณะเดียวกัน ชื่อเสียงของหมอเทวดาเก๋อคนนั้นก็กระจายไปอย่า่งรวดเร็วองค์จักรพรรดิให้ตัวตนฐานะหมอเทวดาเก๋อขึ้นมา จัดตั้งโรงแพทย์ขึ้นแห่งหนึ่ง ให้หมอเทวดาเก๋อรวบรวมเหล่หมอใหญ่ทั้งเมืองหลวงคอยกำหนดวันเข้ามาหารือเรื่องแพทย์เรื่องยา แลกเปลี่ยนกันบ้างหลังจากนั้นก็เตรียมจะสร้างชั้นเรียนการแพทย์ไปในสำนักศึกษา ให้หมอเทวดาเก๋อเป็นผู้ดูแลนี่เป็นครั้งแรกในแคว้นเจาเลยคนที่อยากส่งลูกๆ ในครอบครัวไปเรียนแพทย์พอได้ยินเข้า ก็ทยอยกันเข้ามาทักทายกับหมอเทวดาเก๋อ คนเข้ามาส่งของขวัญกันไม่ขาดสายเรือนเก๋อที่ได้พระราชทานมาอยู่ไม่ห่างจากจวนตระกูลหลี่นัก หมอเทวดาหลี่นั่งนิ่งได้เสียที่ไหน?
พูดจบก็สั่งการสาวใช้ "ยกของหวานน้ำชามาให้แขกหน่อยฃ""อืม"องค์หญิงหนานฉือเพิ่งจะพยักหน้าเห็นด้วย หลี่จื่อเหยาทางเอ่ยขึ้นมาอย่างกลัดกลุ้ม"ข้าพูดกับเจ้าอยู่นะ หนวกหรือไร? นี่มันตั้งกี่โมงแล้ว อ๋องเจวี้ยนยังจะหลับอยู่อีกหรือ?"องค์หญิงหนานฉือเหลือบมองหลี่จื่อเหยาอย่างประหลาดใจผาดหนึ่งได้ยินว่าหลี่จื่อเหยาเป็นลูกสาวของหมอเทวดาหลี่ และยังเป็นภรรยาของรัฐทายาทเซียว ช่วงนี้รัฐทายาทเซียวก็ดูจะดีกับนางอยู่ ยิ่งไปกว่นั้นยังส่งน้ำใจจากเมืองหลวงแคว้นเจามาไม่น้อยอีกด้วย ทำเอานางดีใจเหมือนกันส่วนเก๋อชีซิงเองก็ทั้งเพราะพูดภาษาหนานฉือได้ และยังถูกองค์จักรพรรดิแนะนำกับนาง บอกว่านางพาคนมาแคว้นเจากลุ่มหนึ่ง คนที่เป็นลูกน้องอาจจะมีอาการปวดหัวตัวร้อนได้ มีหมอใหญ่ที่รู้ภาษาหนานฉืออยู่ก็น่าจะเป็นเรื่องดีดังนั้นองค์หญิงหนานฉือพอได้ยินเก๋อชีซิงพูดว่าจะมา แน่นอนว่าพาเขามาด้วยเก๋อชีซิงเป็นคนที่ชินอ๋องเซียวมาจากด้านนอกด้วย ตอนนี้มีความสัมพันธ์อันดีสุดกับจวนชินอ๋องเซียว และรัฐทายาทเซียวก็ตามเก๋อชีซิงมาด้วย องค์หญิงหนานฉือเองก็ขี้เกียจจะพูดอะไรแต่ไม่รู้ว่ารัฐทายาทเซียวพาหลี่จื่อเหยามาด้วยนี่คือไม่รู้ฟ
เก๋อชีซิงมองไปทางอันเหนียนเขาได้ยินอะไรเข้าเนี่ยผู้ตรวจการชิงหรือว่าจะมีความคิดผิดศีลธรรมกับพระชายาอ๋องเจวี้ยนหรือ?ถ้าหากว่ามีจริง เช่นนั้นนี่ก็เป็นเรื่องใหญ่ที่ทำให้เหล่าลูกสาวประชาชนกับขุนนางได้ถกกันสนุกปากหลังมื้ออาหารได้เลยนะเรื่องนี้เอามาทำอะไรได้บ้างไหม?ตอนที่เก๋อชีซิงยังคิดเรื่องนี้อยู่ เสียงของอันเหนียนก็ดังขึ้นมาอย่างไม่รีบไม่ร้อน"มองอย่างไร? ก็ใช้ตามองน่ะสิ"เอ่อ?เก๋อชีซิงแทบจะงงเป็นไก่ตาแตกองค์หญิงหนานฉือหัวเราะพรวดขึ้นมา"นายท่านอันนี่ตลกจริงๆ"นางพิงไปด้านหลังอย่างเอ้อระเหย หยิบของว่างขึ้นมากินบ้าง "ข้าชอบหาเรื่องมาหยอกท่านจริงๆ"เก๋อชีซิงมองอันเหนียน พอเห็นว่าเขาไม่ได้ลนลานอะไรเลย กระทั่งยังถอนหายใจใส่องค์หญิงหนานฉืออีก จึงรู้สึกขึ้นมาทันทีว่าเรื่องนั้นเป็นไปไม่ได้ไม่เช่นนั้นอันเหนียนทำไมถึงไม่รู้สึกประหม่าออกมาเลย?หันมามองอันเหนียนกับองค์หญิงหนานฉือ เหมือนว่าองค์หญิงเองก็อะไรกับเขาบ้างเหมือนกันอ๋องเจวี้ยนเองก็ไม่ให้พวกเขารอนานเพียงแต่ตอนที่เขามายังคงถูกหามไว้บนเกี้ยวเบาเซียวเหยียนจิ่งเห็นเขานั่งลง ก็ส่งสายตาให้เก๋อชีซิงผาดหนึ่งวันนี้พวกเขา
กระทั่งเซียวหลันยวนเองก็ยังตกตะลึง"ตั้งแต่โบราณมา ยังไม่เคยได้ยินมาก่อนว่าป้ายทองเลี่ยงความตายเอามาซื้อขายกันได้ด้วย""คนอื่นไม่ได้ แต่ข้ารู้ว่าอ๋องเจวี้ยนอย่างท่านมีวิธีการแน่ สิ่งที่ข้านำออกมาได้ ท่านน่าจะต้องการมัน ในมือข้ามีราชาไข่มุกแห่งทะเลลึกอยู่เม็ดหนึ่ง เป็นไข่มุกล้ำค่าที่หายากมาก เม็ดใหญ่มาก ประกายแสงเองก็งดงามมาก ราชาไข่มุกเม็ดหนึ่ง มูลค่าเทียบเท่ากับเมืองทั้งเมืองเลยทีเดียว"องค์หญิงหนานฉือมองเซียวหลันยวน "ไข่มุกล้ำค่านี้ยังมีคุณค่าทางยาด้วย ขูดมันออกเป็นผง สามารถบำรุงผิวหนังลบรอยแผลเป็นได้ ผลลัพธ์น่าตกตะลึง ดังนั้น สิ่งนี้น่าจะมีประโยชน์กับอ๋องเจวี้ยนอยู่กระมัง?"เซียวหลันยวนหวั่นไหวขึ้นในใจเป็นชายชาตรีคนหนึ่ง จะมาหวั่นไหวกับคำว่า "บำรุงผิวหนังลบรอยแผลเป็น" สี่ห้าคำนี้หรือ! คิดแล้วมันก็น่าละอายอยู่หน่อยๆแต่จาวหนิงเองก็ไม่ได้บอกว่าหลังจากนี้ที่รักษาหน้าให้เขาต้องการสิ่งนี้หรือเปล่านี่สิถ้าหากต้องการ เช่นนั้นราชาไข่มุกเม็ดนี้ก็น่าจะดีที่สุดแล้วกระมัง?ต่อให้ไม่ใช้ ราชาไข่มุกเม็ดนั้นก็ยังมอบให้ฟู่จาวหนิงได้เขาเองก็ยังไม่เคยมอบพวกไข่มุกเครื่องประดับอะไรให้นางอย่า
องค์หญิงหนานฉือถลึงตามองอันเหนียนผาดหนึ่ง"ท่านอย่าทำมาทำลายเรื่องดีดีของข้าสิ"นางซื้อขายออกจะไปได้สวย แล้วอันเหนียนจะมาสอดปากทำไมกัน? เดี๋ยวอ๋องเจวี้ยนไม่ยอมขายป้ายทองเลี่ยงความตายให้นางจะทำอย่างไรกัน?"ข้ากลัวถึงตอนนั้นอ๋องเจวี้ยนจะมาเสียใจภายหลัง"อันเหนียนไม่ได้ถอยหนี แต่ยังคงมองเซียวหลันยวนฟู่จาวหนิงอยู่ต่อหน้าองค์จักรพรรดิฮองเฮาล้วนมีท่าทีกำเริบเสิบสาน นางดูเหมือนจะไม่เกรงกลัวอำนาจราชวงศ์ แต่เช่นนี้เองก็ไปหาเรื่องคนอื่นเขาได้ง่ายการมอบป้ายทองเลี่ยงความตายให้นาง ก็ถือว่าเป็นยันต์คุ้มกายให้นางใบหนึ่ง"อันเหนียน เจ้าไม่เข้าใจ" เซียวหลันยวนเอ่ยขึ้นเรียบๆ "มีข้าอยู่ ใครจะกล้าทำอะไรนาง"ดังนั้น ฟู่จาวหนิงไม่จำเป็นต้องมีป้ายทองเลี่ยงความตาย ข้าก็คือยันต์คุ้มกายของนางคำพูดเหล่านี้ พวกเขาใช้ภาษาแคว้นเจา ดังนั้นคนที่นี่จึงฟังเข้าใจเซียวเหยียนจิ่งไม่รู้ว่าในใจมันความรู้สึกอะไรไปชั่วขณะ เอาแต่รู้สึกแย่ๆแต่หลี่จื่อเหยากลับอิจฉาจนคุ้มคลั่งขึ้นมานางก่อนหน้านี้คิดมาตลอดว่าฟู่จาวหนิงต่อให้แต่งงานกับอ๋องเจวี้ยน ก็คงจะใช้ชีวิตได้ไม่ดีเท่าไรนัก อ๋องเจวี้ยนเป็นไปไม่ได้ที่จะชอบนาง แ
"ท่านทำไมถึงอ่อนแอแบบนี้? ข้าไม่ได้ออกแรงเท่าไรเลยนะ!"องค์หญิงหนานฉือหลังจากตั้งตัวมาได้ก็โมโหขึ้นมา ยื่นมือมาคว้าหลังคอเสื้ออันเหนียน จากนั้นก็ดึงเขาขึ้นมา"พรวด" เซียวหลันยวนหัวเราะก๊ากออกมาอีกครั้ง"เอาล่ะ ลุกขึ้นมาได้แล้ว"อันเหนียนลุกขึ้นยืน เอ่ยขึ้นอย่างจำใจ "องค์หญิงปล่อยมือได้แล้วกระมัง?" พอพูดประโยคนี้จบ ก็ไอออกมาสองทีเมื่อครู่ที่ถูกตบไปยังไม่ทันได้หายใจหายคอ ตอนนี้จึงเพิ่งไอออกมาเซียวหลันยวนเห็นเขาเป็นแบบนี้ก็หัวเราะขึ้นมาอีก"องค์หญิงกับผู้ตรวจการชิงของพวกเราปกติอยู่ด้วยกันแบบนี้หรือ? อย่างนั้นบนตัวผู้ตรวจการอันคงมีผลไม่น้อยแล้วกระมัง?"องค์หญิงหนานฉือร้องเชอะ "เขาติดตามข้ามา กินของดีไปไม่น้อย น้ำแกงบำรุงอะไรก็ดื่มไปตั้งเยอะ แล้วทำไมถึงยังอ่อนแอแบบนี้ อ๋องเจวี้ยนท่านเองก็อ่อนแอ ส่วนรัฐทายาทเซียวคนนั้นยิ่งอ่อนแอหนักไปอีก ผู้ชายของแคว้นเจานี้ คงไม่ใช่ว่าแค่แรงจะจับไก่ก็คงไม่มีหรอกกระมัง?"ให้ตายเถอะ ไม่มีแข็งแรงๆ กันบ้างเลยชายหนุ่มของหนานฉือทางนั้นยังดูสูงใหญ่กำยำกว่ามากเลย"พวกเขาอ่อนแอไปหน่อยแค่นั้น แต่ข้าไม่ใช่นะ ข้าเป็นเพราะป่วยมานาน แตกต่างจากพวกเขา" เซียวห