นี่มันไร้สาระไปไหม!อวี๋อวี่เวยเหมือนตนเองโดนเล่นงาน นางตัวโยนจนแทบจะยืนไม่อยู่"ท่านลุง นาง นางคือ..."นางรู้ว่าว่าเพราะอะไรตนเองก่อนหน้านี้ถึงดูโหวงๆฟู่จาวหนิงได้ยินนางเรียกลุง เหลือบมองนางผาดหนึ่ง นี่คือหลานสาวของเสิ่นเสวียนหรือ?แต่นางเหลือบมองเช่นนี้ กลับทำให้อวี๋อวี่เวยรู้สึกได้รับการท้าทาย"จาวหนิง ไป!"เสิ่นเสวียนไม่ได้สนใจอวี๋อวี่เวยเลย และไม่สนใจคนอื่นๆ ด้วย มือกระทั่งยังไม่ทันปล่อย แต่ดึงฟู่จาวหนิงรีบเดินเข้าประตูไปไม่มีใครกล้าขวางเขาฟู่จาวหนิงแค่เหลือบมองกลุ่มคนที่หน้าประตูใหญ่ทันวูบหนึ่งเท่านั้น แต่เพราะนางต้องรีบเข้าไปกับเสิ่นเสวียน จึงไม่ทันได้มองชัดเจน ยังคิดว่าคนตระกูลเสิ่นเหล่านี้ล้วนออกมารับนางเสียอีกมารยาทเองก็ดีอยู่นะนางพยักหน้าให้พวกเขา จากนั้นก็ถูกเสิ่นเสวียนพาเข้าไปแล้วคนกลุ่มใหญ่ที่หน้าประตู ล้วนตะลึงอยู่จนยังตั้งตัวไม่ทันเสิ่นเสวียนในสายตาพวกเขาเป็นคนที่ใจเย็นหยิ่งทะนงไม่น่าเข้าใกล้มาโดยตลอด ไม่เช่นนั้นพวกเขาจะรู้สึกว่าอย่างอวี๋อวี่เวยนั่นถือว่าใกล้ชิดกับเสิ่นเสวียนมากแล้วได้อย่างไรกัน?ยิ่งไปกว่านั้นข้างกายเสิ่นเสวียนจึงไม่เคยเข้าใกล้หญิง
ฟู่จาวหนิงกระทั่งไม่สนใจท่านผู้เฒ่าที่อยู่ข้างเตียงพอนางเข้ามา สายตาก็ตกไปอยู่บนตัวไท่ไท่อาวุโสบนเตียงทันทีหมอหวางพอเห็นนาง ก็เข้าใจตัวตนฐานะนางทันที มองความสาวความสวยของนางอย่างตกตะลึง พลางรีบส่งพื้นที่ให้กับนาง"จาวหนิง เร็ว" เสิ่นเสวียนตอนนี้ก็เพิ่งจะปล่อยมือฟู่จาวหนิงฟู่จาวหนิงเองก็ไม่พูดอะไรไร้สาระ รีบเดินเข้าไปทันที ยื่นมือไปจับที่หัวใจของไท่ไท่อาวุโส มืออีกข้างเปิดหนังตาของนางออกเพื่อตรวจสอบ"หมอหวางใช่ไหม?" นางตรวจสอบไปถ้วยถามหมอหวางไปด้วย "คนป่วยเมื่อครู่มีอาการอะไรบ้าง? ท่านรักษานางอย่างไร ใช้ยาอะไร?"พอนางพูดออกมา น้ำเสียงก็ตั้งใจเคร่งขรึม ทำเอาหมอหวางใจสั่นวาบ เก็บอาการตกตะลึงต่อตัวฟู่จาวหนิงลงด้วยสัญชาตญาณ แล้วตอบคำถามนางออกไปอย่างละเอียด"...เดิมทีข้าจะฝังเข็มให้กับไท่ไท่อาวุโส ให้ชีพจรหัวใจของนางเคลื่อนไหวขึ้นมา แต่ตัวนางชักกระตุก ผิวเนื้อลั่นตึง จนฝังเข็มลงไปไม่ได้""เมื่อครู่จึงใช้ยาลดความตระหนก แต่กรอกลงไปไม่ทันไร ไท่ไท่อาวุโสก็กลืนลงไปด้วยตนเองไม่ได้แล้ว"หมอหวางอยากจะบอกว่า ตอนนี้ชีพจรของไท่ไท่อาวุโสอ่อนแอจนเขาจับไม่โดนแล้ว ยิ่งไปกว่านั้นใบหน้ายังซีดเผือ
"หมอหวางเติมผงเครือฝ้ายลงไปด้วยใช่ไหม?" ฟู่จาวหนิงถามต่อ"ใช่ ใช่""ยานี้มีประสิทธิภาพอยู่ รบกวนหมอหวางเตรียมผงเครือฝ้ายอีกสักสิบสลึงด้วย" ฟู่จาวหนิงเอ่ยขึ้น"ได้!"หมอหวางพอจู่ๆ ถูกชมมา ก็ยืดหลังตรงด้วยสัญชาตญาณ รีบไปพลิกค้นกล่องยาของตนเอง เขาเริ่มเข้าใจว่าต้องมาเป็นลุกมือให้ฟู่จาวหนิงแล้วหลักๆ คือ พลังของฟู่จาวหนิงทำเอาเขาต้องศิโรราบให้อย่างแทบไม่ต้องคิดฟู่จาวหนิงเปิดเสื้อผ้าของไท่ไท่อาวุโสออกนางนำเข็มของตนเองออกมา กางออกหมอหวางเพิ่งหยิบยาออกมา ก็เห็นฟู่จาวหนิงยกเข็มขึ้น"แทงไม่เข้า แล้วยังแทงชีพจรได้ไม่แม่นยำด้วย..."หมอหวางเดิมทีคิดจะเตือนฟู่จาวหนิง แต่คำพูดของเขายังไม่ทันจบ ก็เห็นฟู่จาวหนิงแทงลงไปอย่างรวดเร็วแล้วหนึ่งเข็ม บิดๆ ที่ปลายเข็ม จากนั้นก็หยิบเข็มที่สองดูเอาเถิด หลังจากนางแทงเข็มเล่มแรกเข้าไป ร่างกายที่กระตุกของไท่ไท่อาวุโสก็นิ่งลงทันทีตอนนี้เอง ฟู่จาวหนิงจึงรีบแทงเข็มที่สองพวกเขาทั้งหมดล้วนเห็นว่าร่างกายของไท่ไท่อาวุโสผ่อนคลายลงอย่างเห็นได้ชัด"ผงยาละลายน้ำ แค่น้ำอุ่นครึ่งชามก็พอ อีกเดี๋ยวข้าจะป้อนเอง"ฟู่จาวหนิงฝังเข็มไปด้วย พลางเอ่ยขึ้นโดยไม่เงยหน
หมอหวางไม่รู้เวลาจึงเข้าไปอยู่ข้างกายนางแล้วเห็นวิธีการนี้ของฟู่จาวหนิง เขารู้สึกว่าการกระพริบตามากครั้งจะเป็นการไม่เคารพต่อนาง และจะสิ้นเปลืองโอกาสการเรียนรู้ของตนเองไปตอนแรกที่เขาได้ยินเสิ่นเสวียนเอ่ยถึงหมอหญิงก็รู้สึกว่าไม่น่าจะเป็นจริงได้เลยต่อมาพอยิ่งฟังลหลักการการรักษาของนางมากเข้า ก็รู้สึกว่านี่เป็นหญิงสาวที่มีวิชาแพทย์เก่งกาจมาก และดูมีความอยากรู้อยากเห็นขึ้นมาด้วยแต่จินตนาการเหล่านี้ก็ยังสู้ตอนที่เขาเห็นกับตาไม่ได้!เดิมทีที่เขาเห็นฟู่จาวหนิงปักเข็มลงไปอย่างรวดเร็ว ยังกังวลว่านางอาจจะแทงผิดจุดชีพจร ถ้าเช่นนั้นก็จะไม่มีผลอะไร แต่ตอนนี้พอเข้ามาดู ทุกรูล้วนแทงลงไปบนจุดชีพจรอย่างแม่นยำถึงแม้เขาจะไม่รู้ว่าเพราะอะไรจึงต้องแทงที่จุดชีพจรเหล่านี้ แต่ก็ไม่ได้ทำให้เขามองไม่ออกหมอหวางยิ่งรู้สึกตกตะลึงมากขึ้น"เอ่อ แม่นางฟู่ เข็มเล่มนี้ทำไมจึงแทงลงไปลึกเป็นพิเศษกัน?" หมอหวางมองอยู่พักหนึ่งก็ถามขึ้นมาอย่างอดไม่อยู่ตรงนั้นมีเข็มหนึ่งแทงไว้ลึกมาก"เส้นประสาทของจุดชีพจรนี้ค่อนข้างลึก ถ้าแทงไว้ตื้นจะกระตุ้นไม่ได้ ดังนั้นจึงต้องแทงลงไปลึกหน่อย"ฟู่จาวหนิงไม่ได้มีความคิดแปลกประหล
นี่ก็เป็นสิ่งที่นางเตรียมการไว้แล้ว"ทำได้แค่ช้าๆ ช้าให้มากที่สุด"นางพูดไปด้วยพลางตกยาใส่ช้อนเล็ก ยื่นชามไปให้กับหมอหวาง "รบกวนท่านถือให้ข้าหน่อย"หมอหวางรีบรับไป ดวงตาจ้องมองการกระทำของฟู่จาวหนิงไม่วางตาฟู่จาวหนิงบีบไปที่แก้มของไท่ไท่อาวุโส นำช้อนใส่เข้าไปในปากนาง แล้วยื่นส่งเข้าไปลึกยิ่งกว่าการป้อนยาแบบทั่วไป ใช้ก้นช้อนกดลง กรอกยาเข้าไปมืออีกข้างก็ช่วยกดนวดลงไปและเห็นไท่ไท่อาวุโสมีท่าทางกลืนยาเล็กๆ ลงไปแล้วถึงอย่างไรขอแค่จะเป็นยาแค่เล็กน้อย ตอนที่กลืนแม้จะอ่อนแอ แต่ก็ถือว่ากลืนลงไปแล้วหมอหวางยินดีขึ้นมาทันที "กลืนลงไปแล้ว!""อืม ตอนนี้ขอแค่อดทนเพียงพอ ค่อยป้อนลงไป" ฟู่จาวหนิงอธิบาย ป้อนคำที่สองช้อนเล็กคันนั้นสามารถตักยาได้นิดหน่อย ป้อนลงไปเหมือนป้อนทารก ยาหนึ่งชามถ้าหากจะป้อนลงไปให้หมดก็ใช้เวลาไม่น้อยเลยแต่นางก็ไม่ได้รู้สึกรำคาญ และป้อนยาทีละช้อนๆ อย่างไม่เร่งไม่ร้อนท่านผู้เฒ่ามองฟู่จาวหนิง และไม่รู้ว่าน้ำตาไหลอาบออกมาตั้งแต่เมื่อไรหญิงสาวคนนี้เข้ามาอยู่ในปลายดวงใจของเขาทันทีทำไมจึงทำให้คนชื่นชอบมากขนาดนี้?รอจนฟู่จาวหนิงป้อนยาเสร็จ พวกเขาก็ล้วนรู้สึกว่าเวลา
"ไป๋รื่อ แม่นางคนนั้นเป็นใครกันแน่?" อวี๋อวี่เวยร้อนรนขึ้นมาไป๋รื่อไม่สนใจนาง เตรียมจะรีบออกไป และพอดีกับที่ไป๋หู่พาพวกสืออีเข้ามา"ไป๋รื่อ นายท่านล่ะ?""อยู่ในสวนจิ้งชิว พวกเจ้าเข้าไปเถอะ" ไป๋รื่อพยักหน้าให้กับสืออีและสือซานเป็นการทักทายนี่เป็นองครักษ์ที่คุณหนูจาวหนิงพามาจากแคว้นเจา ก็เท่ากับว่าเป็นพวกเดียวกันไป๋หู่พาสืออีกับสือซานเข้าไปทันทีพวกเขาเมื่อครู่ตามมาไม่ทัน จึงช้าไปหน่อย หลังจากมาถึงจวนเสิ่นไป๋หู่ก็จัดคนเอาของของฟู่จาวหนิงส่งไปที่สวนสี่ซินเพราะพอเขากลับมาก็มีการพูดคุยกับองครักษ์ บอกว่านายท่านจัดไว้เสร็จสรรพแล้ว ให้ฟู่จาวหนิงเข้าไปพักที่สวนสี่ซินและคนเหล่านี้ทั้งหมดก็หวางอยู่ที่สวนจิ้งชิวพอดี จึงไม่เห็ฯพวกเขาย้ายของเข้าไปพอย้ายของเสร้๗จึงพาสืออีสือซานมาหาฟู่จาวหนิงอวี๋อวี่เวยพวกนางเองก็เคยเห็นไป๋หู่มาแล้ว รู้ว่าเป็นคนของเสิ่นเสวียน แต่สืออีกับสือซานพวกนางรู้สึกไม่คุ้นอย่างมาก แต่พวกเขาจะเข้าไป ก็ไม่มีใครกล้าพูดอะไรไป๋รื่อให้พวกเขาเข้าไปแล้วตนเองก็รีบออกไปหาคนทำช้อน"อวี่เวย เจ้าเองก็พักอยู่ในจวนเสิ่นมาตลอดนี่? แล้วทำไมคนใช้พวกนี้แต่ละคนถึงไม่เห็นเจ้าในสา
อวี๋อวี่เวยพอเห็นพี่ใหญ่ ในใจก็ลนลานขึ้นมาพี่ใหญ่ครั้งที่แล้วให้นางออกจากเรือนตระกูลเสิ่น แต่นางก็ไม่ยอมกลับไปมาตลอดอวี๋เสิ่นจือมองลูกสาว รุ้สึกว่านางเปลี่ยนไปจนดูแปลกหน้า ปกติจะดูอ่อนหวานไร้เดียงสา แต่อาการโมโหเกรี้ยวกราดที่ตะคอกใส่เหล่าพี่น้องป้าๆ ตระกูลเสิ่นเมื่อครู่ นางที่เป็นแม่ก็ไม่เคยเห็นมาก่อนเลย"อาหว่าน เจ้ามาได้อย่างไรกัน" สะใต้รองเสิ่นมองอวี๋เสิ่นจือเสินหว่าน แลดูถูกอยู่หน่อยๆเสินหว่านคนนี้หลายปีก่อนทำตัวหงออยู่แต่ในบ้านสามีมาโดยตลอด ขนาดคลอดลูกชายลูกสาวออกมาคู่หนึ่งแท้ๆ แต่ก็ยังต้องมาชอกช้ำในบ้านสามี ลูกสาวตอนยังเด็กเพราะได้รับความชื่นชอบจากฮูหยินอาวุโส จึงส่งนางกลับมาเลี้ยงที่บ้านฝ่ายหญิง เป็นแบบนี้เสียที่ไหน?ถึงอย่างไรสะใภ้รองเสิ่นก็ยังรู้สึกดูถูกหลานสาวของบ้านสามีคนนี้และในช่วงนี้เอง ท่านแม่ก็ป่วยจนำแทบจะไม่ไหวอยู่แล้ว เสินหว่านยังไม่กล้าพูดเลยว่าจะกลับมาปรนนิบัติในช่วงเวลานี้ สู้พวกนางก็ไม่ได้เสินหว่านยิ้มขืน "สุขภาพท่านยายไม่ดีเท่าไร ยังไปไหนไม่ได้พักหนึ่ง""แม่ของเจ้าแทบจะไม่ไหวอยู่แล้ว ตอนนี้เจ้าก็ยังเอาแต่ปรนนิบัติท่านยายอยู่อีก" อาสะใภ้สามเสิ่นเอ่ยแข
ท่านผู้เฒ่าเสิ่นตอนที่เห็นฟู่จาวหนิงครั้งแรก เกือบจะด่าลูกชายในใจว่าหน้าไม่อายเสียแล้วดูแล้วหญิงสาวคนนี้ยังอายุน้อยกว่าเขาตั้งหลายปี เขาจะไปทำให้นางเสียเวลาได้อย่างไร?ก่อนหน้านี้เขากับยายแก่หวังอย่างมากที่จะให้เขารีบพาฟู่จาวหนิงกลับมา จะอย่างไรก็แต่งงานกันไปก่อนเลย แต่ว่าตอนนี้พอคนเข้ามา เขาก็พบว่าเป็นหญิงสาววัยรุ่นคนหนึ่งเสียอย่างนั้น!เสิ่นเสวียนคิดจะเป็นโคแก่กินหญ้าอ่อนหรือ?ต่อให้เสิ่นเสวียนดูแล้วยังแค่สามสิบต้นๆ ยังดูหนุ่มแน่นอยู่ แต่พอเทียบกับแม่นางที่อายุไม่ถึงยี่สิบดี ก็ดูแก่กว่ากันเป็นกองเลยแต่เมื่อครู่พอเห็นการแสดงออกของฟู่จาวหนิงทั้งหมด ท่านผู้เฒ่าเสิ่นก็รู้สึกว่าตนเองเข้าใจได้แล้ว ว่าลูกชายที่ไม่เคยชอบหญิงสาวคนไหนเลยของตนเอง ทำไมจึงชอบฟู่จาวหนิงขนาดนี้ยิ่งไปกว่านั้นเขายังไม่รู้สึกว่าอายุของทั้งสองคนต่างกันมากขนาดนั้นแล้ว ฟู่จาวหนิงเองก็ทำงานอย่างตั้งใจจริงจัง แล้วยังสุภาพเรียบร้อย นิ่งขรึมใจเย็น มากเกินกว่าอายุนี้ของนางดังนั้นนางกับเสิ่นเสวียนอยู่ด้วยกันก็ไม่แน่ว่าจะไม่ใช่ไม่คู่ควรแต่ว่าพอคิดถ ึงนางเมื่อครู่ที่เรียกเสิ่นเสวียนว่าลุง ใจของท่านผู้เฒ่าก็ตุ้มต่อมไ
แม้จะผ่านไปเกือบสิบแปดปีแล้ว แต่สามีภรรยาฟู่จิ้นเชินกับเสิ่นเชี่ยวก็ยังเป็นคนที่กาลเวลารักใคร่อยู่พวกเขาแม้จะอายุมากแล้ว หน้าตาก็ดูเป็นผู้ใหญ่ขึ้นบ้าง แต่พอเทียบกับสมัยก่อนแล้ว ก็เปลี่ยนแปลงไปไม่เยอะมากมองหลายๆ ครั้งก็มองออกได้คนที่เซียวเหยียนจิ่งเตรียมไว้ยังมองออก ไม่ต้องพูดถึงเซี่ยซื่อเลยเซี่ยซื่อเคยเป็นครอบครัวของพวกเขาด้วยนะหลังจากนางจำได้แล้วยังสงสัยว่าตาตนเองฝาดไปหรือไม่ ยังสงสัยว่าตนเองคงตาลาย ดังนั้นเลยนวดตาทันที จากนั้นจึงมองพวกเขาอย่างละเอียดอีกครั้งไม่เปลี่ยน ยังคงเป็นสองคนนั้นเสิ่นเชี่ยวเองก็จำเซี่ยซื่อได้ แม้ว่านางจะรู้ตัวตนฐานะของตนเองแล้ว แต่ยังคงโพล่งออกมาว่า "พี่สะใภ้รอง!"เซี่ยซื่อคือภรรยาของผู้เฒ่ารองตระกูลหลินและเป็นคนเดียวในตระกูลหลินที่อ่อนโยนเป็นห่วงเสิ่นเชี่ยว ดังนั้นเสิ่นเชี่ยวพอเห็นนาง ดวงตาจึงแดงรื้นขึ้นมาคำว่าพี่สะใภ้รอง ก็ทำเอาเซี่ยซื่อใจสั่นระริกเช่นกันรีบวางตะกร้าที่หิ้วไว้ลงมา เดินตรงไปหานาง"ให้ตายเถอะ อา อาเล็กหรือ?"ไม่ ไม่ใช่อาเล็กชองนางแล้วสิ เซี่ยซื่อยืนอยู่หน้าเสิ่นเชี่ยว ถลึงตาโตอ้าปากค้าง"พี่สะใภ้รอง ข้าข้าเจอครอบครัวของข้าแ
ฟู่จาวหนิงสีหน้าขรึมลงเล็กน้อย "ดูท่า น่าจะมีคนไม่น้อยที่ยังไม่ลืมพวกเขา คอยจับตาดูจนถึงทุกวันนี้""ข้าเตรียมการเสร็จแล้ว รอบบ้านตระกูลฟู่วางองครักษ์ลับเอาไว้แล้ว วางใจเถอะ" เซียวหลันยวนพานางเข้ามา สองมือโอบข้างเอวนาง จ้องมองนาง "องค์จักรพรรดิน่าจะลงมือกับพวกเขา ยิ่งไปกว่านั้นพ่อลูกชินอ๋องเซียวยังคอยจับตาดูพวกเขาขนาดนี้ มันดูแปลกไปหน่อย""ตรวจสอบดูก็รู้ พวกเขาถ้าหากมีความคิดอะไร มีแผนอะไร มีเป้าหมายอะไร เดี๋ยวก็ได้รู้เอง"ฟู่จาวหนิงไม่ได้ใส่ใจนักเซียวหลันยวนพยักหน้าสายตาเขามองออกไปไกลๆ ถัดจากนี้ต้องดูว่าสามีภรรยาฟู่จิ้นเชินจะรับมืออย่างไร เมืองหลวงยังมีคนที่มีเป้าหมายต่างๆ อยู่ และยังมีขั้วอำนาจที่ใช้วิธีการต่างๆ อยู่อีกด้วยเขาถึงแม้จะเชื่อว่าครั้งนั้นไม่ใช่เสิ่นเชี่ยวที่วางยาพิษ แต่ว่าพวกเขาตอนนั้นถูกใครบางคนหรือเรื่องบางอย่างหนีบเอาไว้ตรงกลาง ไม่มีทางดึงตัวออกมาอย่างหมดจดได้ พวกเขาเองก็เป็นคนในเหตุการณ์ตอนนี้พอมีความสัมพันธ์เช่นนี้กับเขา เซียวหลันยวนก็ยังพิจารณานาว่าพวกเขาจะแบกรับไหวไหม หลังจากนี้จะไม่ถ่วงแข้งขาฟู่จาวหนิงได้จริงไหม จะไม่ทำร้ายนางจริงไหมเซียวหลันยวนไม่ได้
"หนิงหนิง มีเรื่องอะไรถึงคุยกันนานสองนาน?"ในห้องขังมีเสียงเซียวหลันยวนดังออกมา"มาแล้ว"ฟู่จาวหนิงขานรับคำหนึ่ง เตรียมจะกลับห้องขังเซียวเหยียนจิ่งไม่อยากเชื่อ "เจ้าไม่ไปกับข้าจริงหรือ? เจ้าไม่สนใจพ่อแม่เจ้าหรือไรกัน?"ปฏิกิริยาของฟู่จาวหนิงเกินจากที่เขาคาดไว้เขาเดิมทีคิดว่าพอได้ยินว่าพ่อแม่ไม่เป็นไร แล้วยังกลับมาแล้ว ฟู่จาวหนิงอย่างน้อยต้องตาแดงรื้นบ้าง ไม่ก็ร้องไห้ออกมา รีบร้อนตามเขาออกไปอย่างตื่นเต้น เพื่อรีบไปพบพ่อแม่ของนาง"อ๋องเจวี้ยนถึงอย่างไรก็ยังต้องอยู่ในห้องขัง ไม่มีอะไรหรอก เจ้าจัดที่นี่จนดูอยู่สบายไปแล้ว แล้วเขาทำไมยังต้องให้เจ้ามาอยู่ด้วยกันอีก?""ข้ามาอยู่เอง เขาเป็นสามีข้า ข้าไม่อยู่กับเขาแล้วใครจะอยู่กัน?"ฟู่จาวหนิงหลังจากที่รู้เจตนาการมาของเขาก็ขี้เกียจจะคุยกับเขาแล้ว ผลักเขาออก แล้วเดินไปทางห้องขังเซียวเหยียนจิ่งนี่ก็จุ้นจ้านเสียจริง"เจ้าทำไมถึงต้องทำร้ายตัวเองแบบนี้" เซียวเหยียนจิ่งตะโกนใส่หลังนาง "เจ้าเข้าร่วมกับสมาคมหมอใหญ่แล้ว ถ้าเจ้ายินยอม มีคนตั้งมากมายที่ยินดีจะรักและเอ็นดูเจ้า ทำไมต้องมาอยู่ในคุกกับเขาแบบนี้ด้วย"เดิมทีหญิงสาวคนนี้ควรจะควรจะม
"ใช่ พ่อแม่ของเจ้ายังมีชีวิตอยู่ ยิ่งไปกว่านั้นยังกลับมาถึงเมืองหลวงแล้ว" เซียวเหยียนจิ่งจ้องมองฟู่จาวหนิง "เป็นอย่างไร เจ้าอยากรีบกลับบ้านไหม? ได้ยินว่าปู่ของเจ้ากับเด็กที่ชื่อเสี่ยวเฟยก็อยู่กันที่จวนอ๋องเจวี้ยนนี่? ถ้าเจ้าไม่กลับไป พ่อแม่ของเจ้าคงจะหาคนไม่เจอแน่"ฟู่จาวหนิงทำท่าทางตกตะลึงอย่างมาก"เจ้าไม่ได้โกหกข้าใช่ไหม? พวกเขากลับมาแล้วจริงหรือ?""ข้าจะโกหกเจ้าทำไมกัน? ไม่เชื่อข้าตอนนี้เจ้าก็ไปกับข้าสิ ข้าจะพาเจ้าไปหาพวกเขา"เซียวเหยียนจิ่งพูด มือเองก็คันยุบยิบ เขาอยากจะยื่นมือไปจูงนางเหลือเกิน จูงนางออกจากคุกใหญ่ถ้าเขาสามารถจูงมือนางออกไปได้ เซียวหลันยวนคงได้กระอักเลือดตายกระมัง?แต่เขาเพิ่งจะขยับ ฟู่จาวหนิงก็ถอยออกไปแล้วสองก้าว"พวกเขาถ้ากลับมาแล้วจริง เช่นนั้นก็ต้องกลับไปที่บ้านตระกูลฟู่ ที่บ้านตระกูลฟู่มีคนอยู่ พวกเขาจะหาคนไม่เจอได้อย่างไรกัน?""เจ้าไม่เชื่อข้าหรือ?""เรื่องนี้ไม่จำเป็นต้องให้เจ้าวิ่งแจ้นเข้ามาบอกข้าหรอกกระมัง? พวกเขาถ้ากลับมาแล้วจริง คนใช้บ้านตระกูลฟู่อีกเดี๋ยวก็คงเข้ามาบอกข้าเอง""เจ้าลืมอ๋องเจวี้ยนไปแล้วหรือ?""เขาก็อยู่ที่นี่ ลืมอะไรกัน?""ความ
ฟู่จาวหนิงอยู่ในคุกเองก็เบื่อหน่อยๆ แล้วนางเหลือบมองเซียวเหยียนจิ่งผาดหนึ่ง จากนั้นจึงตรงไปด้าหน้าเซียวหลันยวน "ข้าออกไปฟังหน่อยได้ไหม?""ไปเถอะ" เซียวหลันยวนพยักหน้า"เอ๋ ไม่หึงแล้วหรือ?" ฟู่จาวหนิงร้องชิชะเซียวหลันยวนหัวเราะเสียงทุ้ม "อย่าไปไกลนักล่ะ ข้าได้ยินอยู่"ถึงอย่างไรนางก็เบื่อๆ ถ้าเซียวเหยียนจิ่งพูดเรื่องอะไรที่ทำให้นางฆ่าเวลาได้ เช่นนั้นเขาก็ควรจะใจกว้างหน่อยแต่ว่า พวกเขาเดินไปไกลมากไม่ได้ ต้องอยู่ในระยะที่เขาสามารถได้ยิน"รู้อยู่แล้วว่าท่านจะใจกว้างหลอกๆ"ฟู่จาวหนิงวางพู่กัน ปรบๆ มือ จากนั้นจึงเดินออกจากห้องขัง"คิดจะพูดอะไร?"เซียวเหยียนจิ่งเดิมทีคิดจะให้เซียวหลันยวนหึงหวง ดังนั้นจึงไม่คิดจะเดินไปไกลนัก"มานี่หน่อย" เซียวเหยียนจิ่งเดินออกมาข้างๆ ไม่กี่ก้าว รู้สึกว่าระยะนี้เซียวหลันยวนน่าจะได้ยินเหมือนคนคุยกันแต่ไม่ได้ยินเนื้อหาด้านในเช่นนี้ก็พอดีฟู่จาวหนิงร้องเชอะในใจ น่าจะเข้าใจความคิดของเขาเพียงแต่เซียวเหยียนจิ่งก็ยังโง่อยู่ เขาคิดว่าระยะนี้เซียวหลันยวนไม่ได้ยินหรือไรกัน?นางเดินออกไปเซียวเหยียนจิ่งบอกกับผู้คุมข้างๆ คำหนึ่ง ให้เขาออกไปก่อนผู้คุม
ถ้าไม่ใช่ห้องขังรอบๆ ยังมีสภาพเดิมอยู่ เขาก็คงจะสงสัย ว่าฟู่จาวหนิงกับเซียวหลันยวนพักอยู่ในโรงเตี๊ยมอะไรกันคุกที่ไหนเขาจัดกันอบอุ่นแบบนี้บ้าง!"พระชายาอ๋องเจวี้ยน รบกวนออกมาหน่อย มีคนมาพบท่าน" ผู้คุมเปิดประตูยังต้องปรบมือเรียกคนม่านนั้นเลิกออก เซียวเหยียนจิ่งมองเข้าไปด้านใน และเห็นเซียวหลันยวนกำลังนั่งอยู่บนเก้าอี้ที่ปูด้วยเบาะรองตัวหนึ่งพลิกเปิดอ่านหนังสือ บนโต๊ะข้างๆ ยังมีชาที่ร้อนกรุ่นอยู่อีกกาหนึ่งด้วยฟู่จาวหนิงยืนอยู่ข้างๆ เขา กำลังจรดพู่กันเขียนอักษรดูแล้วเหมือนกำลังใช้ชีวิตประจำวันอยู่เลย!เซียวหลันยวนมองออกมา สบเข้ากับสายตาของเซียวเหยียนจิ่งพอดีเซียวเหยียนจิ่งเดิมทีใจก็กระตุกวูบ เขาเกือบจะถอยหนีออกมาแล้ว แต่ตอนที่เห็นฟู่จาวหนิง ไฟริษยาก็ทำให้เขาลืมความกลัวไปไม่ได้เจอกันตั้งครึ่งค่อนปี ฟู่จาวหนิงกลับสวยขึ้นกว่าเดิมเสียอีกเธอเป็นสาวเต็มตัวแล้ว ความเขินอายแบบเด็กสาวก็หายไปใบหน้าเปล่งปลั่ง รูปร่างก็ได้สัดส่วน ไม่เหมือนแต่ก่อนที่ผมบาง แต่มีส่วนโค้งเว้าที่สวยเด่นแค่ชดกระโปรงสีเหลืองเรียบง่าย เห็นแล้วก็ยังรู้สึกเย้ายวนเป็นพิเศษหลี่จื่อเหยาเทียบกับนางได้เสียที่ไหน!
หมากก้าวแรกของพวกชินอ๋องเซียวในตอนนั้นก็เสี่ยงเหมือนกัน ไปบอกเรื่องที่พวกเขารู้กับองค์จักรพรรดิ แม้จะช่วยจัดการพยานสองคนนั้นไปแล้ว แต่องค์จักรพรรดิก็อาจจะยังไม่ละเว้นพวกเขาอยู่ถึงอย่างไรปากของคนตายนี่ล่ะที่ปิดสนิทที่สุด"ท่านพ่อ ความสัมพันธ์ของพวกเรากับองค์จักรพรรดิ จะไปเทียบกับตระกูลฟู่ได้อย่างไร?"เซียวเหยียนจิ่งไม่เห็นด้วยท่านพ่อกับองค์จักรพรรดิเป็นลูกพี่ลูกน้องกัน พวกเขาล้วนสกุลเซียว ยิ่งไปกว่านั้นชินอ๋องเซียวก็ยังคุกคามองค์จักรพรรดิไม่ได้ จวนชินอ๋องเซียวเองก็ไม่ได้มีอำนาจสักเท่าไร ก็แค่อาศัยแต่พระมหากรุณาธิคุณของฝ่าบาทไปเท่านั้นดังนั้นองค์จักรพรรดิจึงเชื่อในความจริงใจที่พวกเขาส่งไปให้ เชื่อว่าพวกเขาต้องการแค่จะได้รับการให้ความสำคัญและการปกป้องจากฝ่าบาทเท่านั้น"ตระกูลฟู่จะไปมีอะไร? ฝ่าบาทไม่จำเป็นต้องเห็นพวกตระกูลฟู่อยู่ในสายตาเลย ส่วนเซียวหลันยวนก็เป็นหนามในสายตาองค์จักรพรรดิอีก องค์จักรพรรดิคิดจะรับมือกับเซียวหลันยวน ตอนนี้เซียวหลันยวนเองก็มีจุดอ่อนที่ใหญ่ที่สุดอยู่ นั่นก็คือฟู่จาวหนิง"พอพูดคำนี้ เซียวเหยียนจิ่งก็ดูไม่ค่อยสบายใจขึ้นมาที่ต้องให้เขายอมรับว่าเซียวหลันย
ก่อนหน้านี้ฟู่จิ้นเชินชื่อเสียงระบือเมืองหลวง และเคยขี่ม้าไปตามถนนสายยาว เคยเข้าไปในโรงสุราประชันโคลงกลอนกับผุ้อื่น เป็นช่วงเวลาที่รุ่งโรจน์เหลือประมาณเพราะเขามีหน้าตาที่ไร้เทียมทาน คนที่ไปดูเขาโดยเฉพาะก็มีไม่น้อย ผ่านไปหลายปีเช่นนี้ คนที่ยังจดจำหน้าตาเขาได้ก็มีอยู่ไม่น้อยด้วยเช่นกันโดยเฉพาะแม้จะผ่านไปสิบกว่าปีแล้ว เขาก็แทบไม่ได้ดูแก่ลงเลย มีแค่ความสุขุมที่มากขึ้น คนที่เคยเจอเขาในครั้งนั้น พอคิดว่าแค่เหลือบมองแล้วจำเขาได้ก็คงไม่ใช่เรื่องที่ยากเย็นอะไรกลับกันตัวฟู่หลินซื่อ คนที่พบเจอมีไม่มากนัก"ตอนนั้นคนที่ส่งข่าวให้พวกเราบอกว่า รอให้ฟู่หลินซื่อกลับเมืองหลวง จึงสามารถคิดหาวิธีให้เรื่องเมื่อสิบแปดปีก่อนเกิดขึ้นอีกครั้ง"ชินอ๋องเซียวกดเสียงต่ำ "สิบแปดปีก่อน เรื่องที่ฟู่หลินซื่อถูกใส่ร้ายว่าวางยาพิษเซียวหลันยวนสินะ ตอนนี้นางกลับมาแล้ว จะมีคนยืมมือของนางลงมือวางยาพิษกับเซียวหลันยวนอีกครั้งหรือ?"เซียวเหยียนจิ่งในใจมีความตื่นเต้นที่ยากจะพรรณนาออกมาเขาช่วงนี้เฝ้าคอยเรื่องนี้อยู่ตลอดก่อนหน้านี้เขาถอยห่างฟู่จาวหนิง อยากจะหนีนางไปให้ไกลๆ แต่ตอนนี้เขาเสียใจขึ้นมาเสียแล้วนับตั้งแต่
ผู้อาวุโสจี้อยู่ในรถม้าด้านหลัง เขาเองก็เลิกม่านขึ้นมองด้านนอก พอเห็นร้านรวงสองฟากฝั่งถนนแขวนไว้ด้วยโคมแดงก็ถอนหายใจ"จะปีใหม่อีกแล้ว"ชายหนุ่มอายุราวสามสิบปีอีกหนึ่งคนที่นั่งอยู่ในรถม้าก็มองออกไปด้านนอก พอได้ยินเขาพูดเช่นนี้ก็มองไปทางผู้อาวุโสจี้ ถอนหายใจเอ่ยขึ้นว่า "ผู้อาวุโสจี้ นี่จะปีใหม่อยู่แล้ว เจ้าพันธมิตรเรียกท่านกลับไปรวมตัวที่สาขาหลัก ท่านทำไมจึงปฏิเสธล่ะ?"ผู้อาวุโสจี้ไม่ได้กลับสาขาหลักไปช่วงปีใหม่หลายปีแล้ว"ไม่อยากไป วุ่นวายเกิน" ผู้อาวุโสจี้ส่ายหัว ไม่สนใจอย่างเห็นได้ชัด"ผู้อาวุโสคนอื่นก็ล้วนอยู่ที่พันธมิตร แม้ว่าเวลาปกติจะไปที่นั่นที่นี่ แต่พอถึงช่วงไว้พระจันทร์กับปีใหม่ล้วนกลับไป ตอนที่พวกเขาอยู่ด้วยกันยังสามารถหารือเรื่องใหญ่ต่างๆ ในพันธมิตรได้ นอกจากนี้ทุกสิ้นปีฝ่ายบัญชีพันธมิตรโอสถก็จะตรวจสอบแบ่งปันเงิน ท่านไม่กลับไป เรื่องพวกนี้ก็ไม่รู้ว่าจัดการกันชัดเจนหรือไม่ชายคนนี้เพิ่งจะถูกย้ายมาเป็นผู้ดูแลพันธมิตรคนใหม่ของเมืองหลวง ซูเหอซูเหอเองก็ถือเป็นคนที่ได้รับการสนับสนุนจากผู้อาวุโสจี้ เดิมทีด้วยอายุและประสบการณ์ของเขา ควรจะถูกจัดไปอยู่ประจำที่สาขาของพันธมิตรโอ