"ไป๋รื่อ แม่นางคนนั้นเป็นใครกันแน่?" อวี๋อวี่เวยร้อนรนขึ้นมาไป๋รื่อไม่สนใจนาง เตรียมจะรีบออกไป และพอดีกับที่ไป๋หู่พาพวกสืออีเข้ามา"ไป๋รื่อ นายท่านล่ะ?""อยู่ในสวนจิ้งชิว พวกเจ้าเข้าไปเถอะ" ไป๋รื่อพยักหน้าให้กับสืออีและสือซานเป็นการทักทายนี่เป็นองครักษ์ที่คุณหนูจาวหนิงพามาจากแคว้นเจา ก็เท่ากับว่าเป็นพวกเดียวกันไป๋หู่พาสืออีกับสือซานเข้าไปทันทีพวกเขาเมื่อครู่ตามมาไม่ทัน จึงช้าไปหน่อย หลังจากมาถึงจวนเสิ่นไป๋หู่ก็จัดคนเอาของของฟู่จาวหนิงส่งไปที่สวนสี่ซินเพราะพอเขากลับมาก็มีการพูดคุยกับองครักษ์ บอกว่านายท่านจัดไว้เสร็จสรรพแล้ว ให้ฟู่จาวหนิงเข้าไปพักที่สวนสี่ซินและคนเหล่านี้ทั้งหมดก็หวางอยู่ที่สวนจิ้งชิวพอดี จึงไม่เห็ฯพวกเขาย้ายของเข้าไปพอย้ายของเสร้๗จึงพาสืออีสือซานมาหาฟู่จาวหนิงอวี๋อวี่เวยพวกนางเองก็เคยเห็นไป๋หู่มาแล้ว รู้ว่าเป็นคนของเสิ่นเสวียน แต่สืออีกับสือซานพวกนางรู้สึกไม่คุ้นอย่างมาก แต่พวกเขาจะเข้าไป ก็ไม่มีใครกล้าพูดอะไรไป๋รื่อให้พวกเขาเข้าไปแล้วตนเองก็รีบออกไปหาคนทำช้อน"อวี่เวย เจ้าเองก็พักอยู่ในจวนเสิ่นมาตลอดนี่? แล้วทำไมคนใช้พวกนี้แต่ละคนถึงไม่เห็นเจ้าในสา
อวี๋อวี่เวยพอเห็นพี่ใหญ่ ในใจก็ลนลานขึ้นมาพี่ใหญ่ครั้งที่แล้วให้นางออกจากเรือนตระกูลเสิ่น แต่นางก็ไม่ยอมกลับไปมาตลอดอวี๋เสิ่นจือมองลูกสาว รุ้สึกว่านางเปลี่ยนไปจนดูแปลกหน้า ปกติจะดูอ่อนหวานไร้เดียงสา แต่อาการโมโหเกรี้ยวกราดที่ตะคอกใส่เหล่าพี่น้องป้าๆ ตระกูลเสิ่นเมื่อครู่ นางที่เป็นแม่ก็ไม่เคยเห็นมาก่อนเลย"อาหว่าน เจ้ามาได้อย่างไรกัน" สะใต้รองเสิ่นมองอวี๋เสิ่นจือเสินหว่าน แลดูถูกอยู่หน่อยๆเสินหว่านคนนี้หลายปีก่อนทำตัวหงออยู่แต่ในบ้านสามีมาโดยตลอด ขนาดคลอดลูกชายลูกสาวออกมาคู่หนึ่งแท้ๆ แต่ก็ยังต้องมาชอกช้ำในบ้านสามี ลูกสาวตอนยังเด็กเพราะได้รับความชื่นชอบจากฮูหยินอาวุโส จึงส่งนางกลับมาเลี้ยงที่บ้านฝ่ายหญิง เป็นแบบนี้เสียที่ไหน?ถึงอย่างไรสะใภ้รองเสิ่นก็ยังรู้สึกดูถูกหลานสาวของบ้านสามีคนนี้และในช่วงนี้เอง ท่านแม่ก็ป่วยจนำแทบจะไม่ไหวอยู่แล้ว เสินหว่านยังไม่กล้าพูดเลยว่าจะกลับมาปรนนิบัติในช่วงเวลานี้ สู้พวกนางก็ไม่ได้เสินหว่านยิ้มขืน "สุขภาพท่านยายไม่ดีเท่าไร ยังไปไหนไม่ได้พักหนึ่ง""แม่ของเจ้าแทบจะไม่ไหวอยู่แล้ว ตอนนี้เจ้าก็ยังเอาแต่ปรนนิบัติท่านยายอยู่อีก" อาสะใภ้สามเสิ่นเอ่ยแข
ท่านผู้เฒ่าเสิ่นตอนที่เห็นฟู่จาวหนิงครั้งแรก เกือบจะด่าลูกชายในใจว่าหน้าไม่อายเสียแล้วดูแล้วหญิงสาวคนนี้ยังอายุน้อยกว่าเขาตั้งหลายปี เขาจะไปทำให้นางเสียเวลาได้อย่างไร?ก่อนหน้านี้เขากับยายแก่หวังอย่างมากที่จะให้เขารีบพาฟู่จาวหนิงกลับมา จะอย่างไรก็แต่งงานกันไปก่อนเลย แต่ว่าตอนนี้พอคนเข้ามา เขาก็พบว่าเป็นหญิงสาววัยรุ่นคนหนึ่งเสียอย่างนั้น!เสิ่นเสวียนคิดจะเป็นโคแก่กินหญ้าอ่อนหรือ?ต่อให้เสิ่นเสวียนดูแล้วยังแค่สามสิบต้นๆ ยังดูหนุ่มแน่นอยู่ แต่พอเทียบกับแม่นางที่อายุไม่ถึงยี่สิบดี ก็ดูแก่กว่ากันเป็นกองเลยแต่เมื่อครู่พอเห็นการแสดงออกของฟู่จาวหนิงทั้งหมด ท่านผู้เฒ่าเสิ่นก็รู้สึกว่าตนเองเข้าใจได้แล้ว ว่าลูกชายที่ไม่เคยชอบหญิงสาวคนไหนเลยของตนเอง ทำไมจึงชอบฟู่จาวหนิงขนาดนี้ยิ่งไปกว่านั้นเขายังไม่รู้สึกว่าอายุของทั้งสองคนต่างกันมากขนาดนั้นแล้ว ฟู่จาวหนิงเองก็ทำงานอย่างตั้งใจจริงจัง แล้วยังสุภาพเรียบร้อย นิ่งขรึมใจเย็น มากเกินกว่าอายุนี้ของนางดังนั้นนางกับเสิ่นเสวียนอยู่ด้วยกันก็ไม่แน่ว่าจะไม่ใช่ไม่คู่ควรแต่ว่าพอคิดถ ึงนางเมื่อครู่ที่เรียกเสิ่นเสวียนว่าลุง ใจของท่านผู้เฒ่าก็ตุ้มต่อมไ
เสินหว่านตกตะลึงไปอวี๋อวี่เวยเหมือนถูกเหยียบหาง"เจ้าเป็นใครกัน? นั่นเป็นย่าของข้า แม่ของแม่ข้า! มีเหตผลอะไรที่คนนอกที่ไม่รู้ว่ามาจากไหนอย่างเจ้าถึงมานั่งบนเตียงนาง แล้วกลับบอกให้พวกเราถอยออกไป?"ในบ้านตระกูลเสิ่น ตอนไหนกันที่ให้คนอื่นมาออกคำสั่งได้?เสินหว่านยังสั่นสะเทือนกับหน้าตาของฟู่จาวหนิงอยู่เสิ่นเสวียนตรงเข้ามา ยื่นมือออกมาขวางพวกนางไว้"จาวหนิงให้พวกเจ้าถอยออกไป พวกเจ้าก็รีบถอยออกไป" จะมายืนพูดไร้สาระทำไมกัน?"ท่านลุง?" อวี๋อวี่เวยมองเสิ่นเสวียนอย่างไม่อยากเชื่อจาวหนิง?เขาเรียกชื่อของนางตรงๆ แล้วยังเรียกอย่างสนิทสนมด้วย? ถ้าหากนางเป็นแค่หมอหญิงคนหนึ่ง แล้วเป็นไปได้อย่างไรกัน?หรือว่าพอหมอหญิงคนนี้ยืมเรื่องที่ตนเองรู้วิชาแพทย์นิดหน่อย ก็เข้ามายั่วยวนท่านลุงอย่างหน้าไม่อาย?นางรู้ว่าข้างกายหมอมีชื่อบางส่วนจะรับหมอหญิงบางส่วนไว้ ช่วยเหลือการตรวจรักษาภายในของสตรี บางครั้งก็มาเป็นลูกมือเสิ่นเสวียนก่อนหน้านี้ไปหาหมอมีชื่อมาแล้วมากมาย และไม่รู้ว่าจะมีพวกหมอหญิงลูกมือหมอใหญ่คนไหนที่ถือโอกาสนี้เข้ามา"ถอยไป"เสิ่นเสวียนไม่เกรงใจพวกนางแม้แต่น้อยเสินหว่านดึงอวี๋อวี่เ
แม่ลูกเสินหว่านคิดไม่ถึงเลยว่าจะให้พวกนางปลดถุงหอมลงมาอย่างแปลกประหลาดเช่นนี้"อย่าให้ข้าต้องพูดอีกรอบ"น้ำเสียงเสิ่นเสวียนเย็นชามาก แต่ว่าพวกนางกลับไม่กล้าปฏิเสธ รีบปลดถุงหอมลงมาแต่อวี๋อวี่เวยกลับดูน้อยเนื้อต่ำใจมากท่านลุงตอนนี้พูดกับนางเย็นชามากเลย ท่าทีเช่นนี้นางเจ็บปวดมาก"วางไว้ด้านหนึ่งของโต๊ะ ยังไม่ต้องแตะต้อง" ฟู่จาวหนิงเอ่ยขึ้น"ได้ยินแล้วใช่ไหม? วางทางนั้น" เสิ่นเสวียนส่งสัญญาณให้พวกนางทำตามที่ฟู่จาวหนิงบอกตอนนี้อวี๋อวี่เวยก็ยิ่งน้อยใจลงไปอีกท่านลุงทำไมถึงฟังหมอหญิงคนนั้นล่ะ?เสิ่นเสวียนไม่สนใจพวกนาง แต่ในใจกลับนิ่งขรึมลงมาฟู่จาวหนิงไม่มีทางให้พวกนางปลดถุงหอมลงมาโดยไม่มีเหตุผลหรอก ถุงหอมสองใบนี้ต้องมีปัญหาแน่นอน"ถุงหอมนี้ได้มาจากไหน?" เขาถาม"พี่รอง ถุงหอมสองใบนี้พวกชั้นสูงในวังมอบให้มา" เสินหว่านเอ่ยขึ้นพอได้ยินว่าเป็นพวกชั้นสูงในวัง สีหน้าของท่านผู้เฒ่าเสิ่นกับเสิ่นเสวียนก็เปลี่ยนไปแล้ว"ฮองเฮา?" ท่านผู้เฒ่าถาม"ใช่ ท่านพ่อ องค์จักรพรรดิแม้จะไม่ค่อยชอบตระกูลเสิ่นของเรา แต่ฮองเฮาก็เอาใจใส่พวกเราอย่างมาก ยิ่งไปกว่านั้นก็ยังมีเมตตากับพวกเรามากด้วย ข้าเดิม
ฟู่จาวหนิงถอนหายใจโล่งตอนนี้ขอแค่ให้ไท่ไท่อาวุโสผ่านด่านอันตรายนี้ไปก่อน ให้พ้นจากอันตรายก่อนชั่วคราว แต่ก็ต้องให้สุขภาพของนางฟื้นฟูขึ้นเสียหน่ยอ ต้องบำรุงเข้าไป แล้วหลังจากนี้จึงจะถอนพิษได้นางเตรียมตอนที่ไม่มีใครแล้ว ตนเองจะไปแขวนน้ำตาลกลูโคสให้นางเสียหน่อย ไม่เช่นนั้นไท่ไท่อาวุโสคงทนไม่ไหวแน่พอได้ยินคำพูดของนาง ท่านผู้เฒ่าก็ผ่อนคลายลง"ดี ดี ดีจริงๆ" เขางึมงำขึ้นมาใจของเสิ่นเสวียนเองก็กลับไปอยู่ที่เดิมเรียบร้อยเขารู้ว่าฟู่จาวหนิงรีบมาถึงที่นี่ก็เร่งเดินทางจนเหนื่อยล้าไปหมดแล้วเดิมทีแคว้นเจานางนั้นนางจะออกมาก็ไม่ใช่เรื่องง่ายเลยสุขภาพของอ๋องเจวี้ยนเองก็ยังไม่ดี เขาสามารถปล่อยให้ฟู่จาวหนิงออกมาในในเวลาเช่นนี้ ก็อธิบายได้ว่าเขาเองก็ไม่เลวเช่นกันไม่เช่นนั้น ถ้าเป็นคนอื่น จะมาสนใจความเป็นตายของคนอื่นได้อย่างไร? เวลาเช่นนี้จะต้องผูกฟู่จาวหนิงไว้ข้างกายแน่นอน ถึงจะรับประกันชีวิตเอาไว้ได้"เจ้าคงจะเหนื่อยแย่แล้ว รีบนั่งลงพักผ่อนเถอะ"ท่านผู้เฒ่ารีบสั่งคนยกน้ำเข้ามา ล้างมือให้ฟู่จาวหนิง เช็ดจนสะอาด หลังจากนั้นก็ให้คนปอกผลไม้ รินน้ำชาเข้ามา"พวกเราไปที่โถงกันเถอะ" ท่านผู้เฒ
"ไม่ต้องแล้ว ข้าอีกเดี๋ยวข้าไปแช่น้ำหยอดน้ำมันยาก็พอแล้ว"อวี๋อวี่เวยประหลาดใจ "หญิงสาวที่ไหนเขาบอกผู้ชายบ้างว่าจะไปอาบน้ำ?" หน้าไม่อายหรือเปล่า?อวี๋อวี่เวยรู้สึกว่าฟู่จาวหนิงพูดเรื่องอาบน้ำต่อหน้าเสิ่นเสวียน เป็นเรื่องหน้าไม่อายเอามากๆ!เรื่องลับๆ แบบนี้ ทำไมถึงพูดออกมาลอยๆ ได้กัน? ไม่อยู่กับร่องกับรอยเอาเสียเลย ยิ่งไปกว่านั้น ท่านลุงเองก็อ่อนโยนกับนางเกินไปไหม? ยังจะเรียกสาวใช้เข้ามาบีบนวดให้นางอีก?นางเป็นใครกันแน่!"ข้าให้เจ้าไปอาบน้ำต่อหน้าผู้ชายหรือ?" ฟู่จาวหนิงมองไปทางอวี๋อวี่เวย เลิกคิ้วขึ้นนางมองออกแล้ว หญิงสาวคนนี้ไม่ชอบขี้หน้านางตั้งแต่แรกจะมากน้อยก็มีความเจาะจงมาทางตัวนางเหมือนกันยิ่งไปกว่นั้น สายตาที่นางมองเสิ่นเสวียนก็ดูจะมีความหมายลึกซึ้งอยู่นะ"เจ้า เจ้า เจ้าทำไมถึงหน้าไม่อายเช่นนี้" อวี๋อวี่เวยหน้าแดงก่ำ"อวี๋อวี่เวย!" ท่านผู้เฒ่าเรียกชื่อนางเสียงขรึม"ระวังท่าทีการพูดของเจ้าด้วย!" เสิ่นเสวียนเองก็ดุนางขึ้นมาด้วยอวี๋อวี่เวยตะลึงงันไปพวกเขา พวกเขาทำไมถึงยืนอยู่ข้างฟู่จาวหนิงกัน?เสินหว่านเห็นว่าเริ่มตึงเครียดเลยเข้าไกล่เกลี่ย"ท่านพ่อ พี่รอง เสี่ยวเ
หมอหญิง?ฟู่จาวหนิงคิดๆ พยักหน้า ก็จริงนั่นล่ะ ไม่เช่นนั้นฮูหยินหลิ่วฮูหยินฟางพวกนางมีโรคทางนรีเวชแล้วทำไมจึงหาหมอมาดูไม่ได้"ต้าชื่อทางนี้มีหมอหญิงอยู่ไม่น้อยเลย" อวี๋อวี่เวยบอก"อย่างนั้นหรือ?" ฟู่จาวหนิงรู้สึกแปลกใจ "นั่นก็ดีมากเลย"นางรู้สึกว่าดีมากจริงๆ สามารถละทิ้งอคติทางเพศได้ ให้หญิงสาวเป็นหมอได้ ความคิดทางต้าชื่อพัฒนาขนาดนี้แล้วหรือ?แต่คำพูดต่อมาของอวี๋อวี่เวยก็ทำให้นางรู้สึกว่าไม่ใช่อย่างนั้น"ดังนั้น ที่เจ้าจะบอกว่าเป็นหมอหญิงน่ะก็ได้อยู่หรอก ไม่จำเป็นต้องมาสวมรอยเป็นหมอใหญ่" ตอนที่อวี๋อวี่เวยพูดประโยคนี้ สายตาก็ยังมีความดูถูกเหยียดหยามอยู่ฟู่จาวหนิงมองออกแล้วยิ่งไปกว่านั้นฟังจากความหมายของนาง หมอหญิงยังเทียบกับหมอใหญ่ไม่ได้สินะ?ทำไม เป็นหมอใหญ่หญิงไม่ได้หรือ?เสิ่นเสวียนเอ่ยขึ้นเรียบๆ คำหนึ่ง "จาวหนิงเป็นหมอใหญ่ เจ้ามีความเห็นอะไรหรือ?""ท่านลุง ข้ายังไม่ได้พูดอะไรเลยนะ!" อวี๋อวี่เวยกระทืบเท้า"ฮองเฮาหลังจากให้ถุงหอมพวกเจ้ามาแล้วพูดอะไรบ้าง? แล้วยังให้อะไรพวกเจ้ามาอีก?" เสิ่นเสวียนไม่สนใจนาง ถามไปทางเสินหว่านเสินหว่านยื่นมือออกมาลูบกำไลหยกมรกตที่ดูสะดุดตาบ
แม้จะผ่านไปเกือบสิบแปดปีแล้ว แต่สามีภรรยาฟู่จิ้นเชินกับเสิ่นเชี่ยวก็ยังเป็นคนที่กาลเวลารักใคร่อยู่พวกเขาแม้จะอายุมากแล้ว หน้าตาก็ดูเป็นผู้ใหญ่ขึ้นบ้าง แต่พอเทียบกับสมัยก่อนแล้ว ก็เปลี่ยนแปลงไปไม่เยอะมากมองหลายๆ ครั้งก็มองออกได้คนที่เซียวเหยียนจิ่งเตรียมไว้ยังมองออก ไม่ต้องพูดถึงเซี่ยซื่อเลยเซี่ยซื่อเคยเป็นครอบครัวของพวกเขาด้วยนะหลังจากนางจำได้แล้วยังสงสัยว่าตาตนเองฝาดไปหรือไม่ ยังสงสัยว่าตนเองคงตาลาย ดังนั้นเลยนวดตาทันที จากนั้นจึงมองพวกเขาอย่างละเอียดอีกครั้งไม่เปลี่ยน ยังคงเป็นสองคนนั้นเสิ่นเชี่ยวเองก็จำเซี่ยซื่อได้ แม้ว่านางจะรู้ตัวตนฐานะของตนเองแล้ว แต่ยังคงโพล่งออกมาว่า "พี่สะใภ้รอง!"เซี่ยซื่อคือภรรยาของผู้เฒ่ารองตระกูลหลินและเป็นคนเดียวในตระกูลหลินที่อ่อนโยนเป็นห่วงเสิ่นเชี่ยว ดังนั้นเสิ่นเชี่ยวพอเห็นนาง ดวงตาจึงแดงรื้นขึ้นมาคำว่าพี่สะใภ้รอง ก็ทำเอาเซี่ยซื่อใจสั่นระริกเช่นกันรีบวางตะกร้าที่หิ้วไว้ลงมา เดินตรงไปหานาง"ให้ตายเถอะ อา อาเล็กหรือ?"ไม่ ไม่ใช่อาเล็กชองนางแล้วสิ เซี่ยซื่อยืนอยู่หน้าเสิ่นเชี่ยว ถลึงตาโตอ้าปากค้าง"พี่สะใภ้รอง ข้าข้าเจอครอบครัวของข้าแ
ฟู่จาวหนิงสีหน้าขรึมลงเล็กน้อย "ดูท่า น่าจะมีคนไม่น้อยที่ยังไม่ลืมพวกเขา คอยจับตาดูจนถึงทุกวันนี้""ข้าเตรียมการเสร็จแล้ว รอบบ้านตระกูลฟู่วางองครักษ์ลับเอาไว้แล้ว วางใจเถอะ" เซียวหลันยวนพานางเข้ามา สองมือโอบข้างเอวนาง จ้องมองนาง "องค์จักรพรรดิน่าจะลงมือกับพวกเขา ยิ่งไปกว่านั้นพ่อลูกชินอ๋องเซียวยังคอยจับตาดูพวกเขาขนาดนี้ มันดูแปลกไปหน่อย""ตรวจสอบดูก็รู้ พวกเขาถ้าหากมีความคิดอะไร มีแผนอะไร มีเป้าหมายอะไร เดี๋ยวก็ได้รู้เอง"ฟู่จาวหนิงไม่ได้ใส่ใจนักเซียวหลันยวนพยักหน้าสายตาเขามองออกไปไกลๆ ถัดจากนี้ต้องดูว่าสามีภรรยาฟู่จิ้นเชินจะรับมืออย่างไร เมืองหลวงยังมีคนที่มีเป้าหมายต่างๆ อยู่ และยังมีขั้วอำนาจที่ใช้วิธีการต่างๆ อยู่อีกด้วยเขาถึงแม้จะเชื่อว่าครั้งนั้นไม่ใช่เสิ่นเชี่ยวที่วางยาพิษ แต่ว่าพวกเขาตอนนั้นถูกใครบางคนหรือเรื่องบางอย่างหนีบเอาไว้ตรงกลาง ไม่มีทางดึงตัวออกมาอย่างหมดจดได้ พวกเขาเองก็เป็นคนในเหตุการณ์ตอนนี้พอมีความสัมพันธ์เช่นนี้กับเขา เซียวหลันยวนก็ยังพิจารณานาว่าพวกเขาจะแบกรับไหวไหม หลังจากนี้จะไม่ถ่วงแข้งขาฟู่จาวหนิงได้จริงไหม จะไม่ทำร้ายนางจริงไหมเซียวหลันยวนไม่ได้
"หนิงหนิง มีเรื่องอะไรถึงคุยกันนานสองนาน?"ในห้องขังมีเสียงเซียวหลันยวนดังออกมา"มาแล้ว"ฟู่จาวหนิงขานรับคำหนึ่ง เตรียมจะกลับห้องขังเซียวเหยียนจิ่งไม่อยากเชื่อ "เจ้าไม่ไปกับข้าจริงหรือ? เจ้าไม่สนใจพ่อแม่เจ้าหรือไรกัน?"ปฏิกิริยาของฟู่จาวหนิงเกินจากที่เขาคาดไว้เขาเดิมทีคิดว่าพอได้ยินว่าพ่อแม่ไม่เป็นไร แล้วยังกลับมาแล้ว ฟู่จาวหนิงอย่างน้อยต้องตาแดงรื้นบ้าง ไม่ก็ร้องไห้ออกมา รีบร้อนตามเขาออกไปอย่างตื่นเต้น เพื่อรีบไปพบพ่อแม่ของนาง"อ๋องเจวี้ยนถึงอย่างไรก็ยังต้องอยู่ในห้องขัง ไม่มีอะไรหรอก เจ้าจัดที่นี่จนดูอยู่สบายไปแล้ว แล้วเขาทำไมยังต้องให้เจ้ามาอยู่ด้วยกันอีก?""ข้ามาอยู่เอง เขาเป็นสามีข้า ข้าไม่อยู่กับเขาแล้วใครจะอยู่กัน?"ฟู่จาวหนิงหลังจากที่รู้เจตนาการมาของเขาก็ขี้เกียจจะคุยกับเขาแล้ว ผลักเขาออก แล้วเดินไปทางห้องขังเซียวเหยียนจิ่งนี่ก็จุ้นจ้านเสียจริง"เจ้าทำไมถึงต้องทำร้ายตัวเองแบบนี้" เซียวเหยียนจิ่งตะโกนใส่หลังนาง "เจ้าเข้าร่วมกับสมาคมหมอใหญ่แล้ว ถ้าเจ้ายินยอม มีคนตั้งมากมายที่ยินดีจะรักและเอ็นดูเจ้า ทำไมต้องมาอยู่ในคุกกับเขาแบบนี้ด้วย"เดิมทีหญิงสาวคนนี้ควรจะควรจะม
"ใช่ พ่อแม่ของเจ้ายังมีชีวิตอยู่ ยิ่งไปกว่านั้นยังกลับมาถึงเมืองหลวงแล้ว" เซียวเหยียนจิ่งจ้องมองฟู่จาวหนิง "เป็นอย่างไร เจ้าอยากรีบกลับบ้านไหม? ได้ยินว่าปู่ของเจ้ากับเด็กที่ชื่อเสี่ยวเฟยก็อยู่กันที่จวนอ๋องเจวี้ยนนี่? ถ้าเจ้าไม่กลับไป พ่อแม่ของเจ้าคงจะหาคนไม่เจอแน่"ฟู่จาวหนิงทำท่าทางตกตะลึงอย่างมาก"เจ้าไม่ได้โกหกข้าใช่ไหม? พวกเขากลับมาแล้วจริงหรือ?""ข้าจะโกหกเจ้าทำไมกัน? ไม่เชื่อข้าตอนนี้เจ้าก็ไปกับข้าสิ ข้าจะพาเจ้าไปหาพวกเขา"เซียวเหยียนจิ่งพูด มือเองก็คันยุบยิบ เขาอยากจะยื่นมือไปจูงนางเหลือเกิน จูงนางออกจากคุกใหญ่ถ้าเขาสามารถจูงมือนางออกไปได้ เซียวหลันยวนคงได้กระอักเลือดตายกระมัง?แต่เขาเพิ่งจะขยับ ฟู่จาวหนิงก็ถอยออกไปแล้วสองก้าว"พวกเขาถ้ากลับมาแล้วจริง เช่นนั้นก็ต้องกลับไปที่บ้านตระกูลฟู่ ที่บ้านตระกูลฟู่มีคนอยู่ พวกเขาจะหาคนไม่เจอได้อย่างไรกัน?""เจ้าไม่เชื่อข้าหรือ?""เรื่องนี้ไม่จำเป็นต้องให้เจ้าวิ่งแจ้นเข้ามาบอกข้าหรอกกระมัง? พวกเขาถ้ากลับมาแล้วจริง คนใช้บ้านตระกูลฟู่อีกเดี๋ยวก็คงเข้ามาบอกข้าเอง""เจ้าลืมอ๋องเจวี้ยนไปแล้วหรือ?""เขาก็อยู่ที่นี่ ลืมอะไรกัน?""ความ
ฟู่จาวหนิงอยู่ในคุกเองก็เบื่อหน่อยๆ แล้วนางเหลือบมองเซียวเหยียนจิ่งผาดหนึ่ง จากนั้นจึงตรงไปด้าหน้าเซียวหลันยวน "ข้าออกไปฟังหน่อยได้ไหม?""ไปเถอะ" เซียวหลันยวนพยักหน้า"เอ๋ ไม่หึงแล้วหรือ?" ฟู่จาวหนิงร้องชิชะเซียวหลันยวนหัวเราะเสียงทุ้ม "อย่าไปไกลนักล่ะ ข้าได้ยินอยู่"ถึงอย่างไรนางก็เบื่อๆ ถ้าเซียวเหยียนจิ่งพูดเรื่องอะไรที่ทำให้นางฆ่าเวลาได้ เช่นนั้นเขาก็ควรจะใจกว้างหน่อยแต่ว่า พวกเขาเดินไปไกลมากไม่ได้ ต้องอยู่ในระยะที่เขาสามารถได้ยิน"รู้อยู่แล้วว่าท่านจะใจกว้างหลอกๆ"ฟู่จาวหนิงวางพู่กัน ปรบๆ มือ จากนั้นจึงเดินออกจากห้องขัง"คิดจะพูดอะไร?"เซียวเหยียนจิ่งเดิมทีคิดจะให้เซียวหลันยวนหึงหวง ดังนั้นจึงไม่คิดจะเดินไปไกลนัก"มานี่หน่อย" เซียวเหยียนจิ่งเดินออกมาข้างๆ ไม่กี่ก้าว รู้สึกว่าระยะนี้เซียวหลันยวนน่าจะได้ยินเหมือนคนคุยกันแต่ไม่ได้ยินเนื้อหาด้านในเช่นนี้ก็พอดีฟู่จาวหนิงร้องเชอะในใจ น่าจะเข้าใจความคิดของเขาเพียงแต่เซียวเหยียนจิ่งก็ยังโง่อยู่ เขาคิดว่าระยะนี้เซียวหลันยวนไม่ได้ยินหรือไรกัน?นางเดินออกไปเซียวเหยียนจิ่งบอกกับผู้คุมข้างๆ คำหนึ่ง ให้เขาออกไปก่อนผู้คุม
ถ้าไม่ใช่ห้องขังรอบๆ ยังมีสภาพเดิมอยู่ เขาก็คงจะสงสัย ว่าฟู่จาวหนิงกับเซียวหลันยวนพักอยู่ในโรงเตี๊ยมอะไรกันคุกที่ไหนเขาจัดกันอบอุ่นแบบนี้บ้าง!"พระชายาอ๋องเจวี้ยน รบกวนออกมาหน่อย มีคนมาพบท่าน" ผู้คุมเปิดประตูยังต้องปรบมือเรียกคนม่านนั้นเลิกออก เซียวเหยียนจิ่งมองเข้าไปด้านใน และเห็นเซียวหลันยวนกำลังนั่งอยู่บนเก้าอี้ที่ปูด้วยเบาะรองตัวหนึ่งพลิกเปิดอ่านหนังสือ บนโต๊ะข้างๆ ยังมีชาที่ร้อนกรุ่นอยู่อีกกาหนึ่งด้วยฟู่จาวหนิงยืนอยู่ข้างๆ เขา กำลังจรดพู่กันเขียนอักษรดูแล้วเหมือนกำลังใช้ชีวิตประจำวันอยู่เลย!เซียวหลันยวนมองออกมา สบเข้ากับสายตาของเซียวเหยียนจิ่งพอดีเซียวเหยียนจิ่งเดิมทีใจก็กระตุกวูบ เขาเกือบจะถอยหนีออกมาแล้ว แต่ตอนที่เห็นฟู่จาวหนิง ไฟริษยาก็ทำให้เขาลืมความกลัวไปไม่ได้เจอกันตั้งครึ่งค่อนปี ฟู่จาวหนิงกลับสวยขึ้นกว่าเดิมเสียอีกเธอเป็นสาวเต็มตัวแล้ว ความเขินอายแบบเด็กสาวก็หายไปใบหน้าเปล่งปลั่ง รูปร่างก็ได้สัดส่วน ไม่เหมือนแต่ก่อนที่ผมบาง แต่มีส่วนโค้งเว้าที่สวยเด่นแค่ชดกระโปรงสีเหลืองเรียบง่าย เห็นแล้วก็ยังรู้สึกเย้ายวนเป็นพิเศษหลี่จื่อเหยาเทียบกับนางได้เสียที่ไหน!
หมากก้าวแรกของพวกชินอ๋องเซียวในตอนนั้นก็เสี่ยงเหมือนกัน ไปบอกเรื่องที่พวกเขารู้กับองค์จักรพรรดิ แม้จะช่วยจัดการพยานสองคนนั้นไปแล้ว แต่องค์จักรพรรดิก็อาจจะยังไม่ละเว้นพวกเขาอยู่ถึงอย่างไรปากของคนตายนี่ล่ะที่ปิดสนิทที่สุด"ท่านพ่อ ความสัมพันธ์ของพวกเรากับองค์จักรพรรดิ จะไปเทียบกับตระกูลฟู่ได้อย่างไร?"เซียวเหยียนจิ่งไม่เห็นด้วยท่านพ่อกับองค์จักรพรรดิเป็นลูกพี่ลูกน้องกัน พวกเขาล้วนสกุลเซียว ยิ่งไปกว่านั้นชินอ๋องเซียวก็ยังคุกคามองค์จักรพรรดิไม่ได้ จวนชินอ๋องเซียวเองก็ไม่ได้มีอำนาจสักเท่าไร ก็แค่อาศัยแต่พระมหากรุณาธิคุณของฝ่าบาทไปเท่านั้นดังนั้นองค์จักรพรรดิจึงเชื่อในความจริงใจที่พวกเขาส่งไปให้ เชื่อว่าพวกเขาต้องการแค่จะได้รับการให้ความสำคัญและการปกป้องจากฝ่าบาทเท่านั้น"ตระกูลฟู่จะไปมีอะไร? ฝ่าบาทไม่จำเป็นต้องเห็นพวกตระกูลฟู่อยู่ในสายตาเลย ส่วนเซียวหลันยวนก็เป็นหนามในสายตาองค์จักรพรรดิอีก องค์จักรพรรดิคิดจะรับมือกับเซียวหลันยวน ตอนนี้เซียวหลันยวนเองก็มีจุดอ่อนที่ใหญ่ที่สุดอยู่ นั่นก็คือฟู่จาวหนิง"พอพูดคำนี้ เซียวเหยียนจิ่งก็ดูไม่ค่อยสบายใจขึ้นมาที่ต้องให้เขายอมรับว่าเซียวหลันย
ก่อนหน้านี้ฟู่จิ้นเชินชื่อเสียงระบือเมืองหลวง และเคยขี่ม้าไปตามถนนสายยาว เคยเข้าไปในโรงสุราประชันโคลงกลอนกับผุ้อื่น เป็นช่วงเวลาที่รุ่งโรจน์เหลือประมาณเพราะเขามีหน้าตาที่ไร้เทียมทาน คนที่ไปดูเขาโดยเฉพาะก็มีไม่น้อย ผ่านไปหลายปีเช่นนี้ คนที่ยังจดจำหน้าตาเขาได้ก็มีอยู่ไม่น้อยด้วยเช่นกันโดยเฉพาะแม้จะผ่านไปสิบกว่าปีแล้ว เขาก็แทบไม่ได้ดูแก่ลงเลย มีแค่ความสุขุมที่มากขึ้น คนที่เคยเจอเขาในครั้งนั้น พอคิดว่าแค่เหลือบมองแล้วจำเขาได้ก็คงไม่ใช่เรื่องที่ยากเย็นอะไรกลับกันตัวฟู่หลินซื่อ คนที่พบเจอมีไม่มากนัก"ตอนนั้นคนที่ส่งข่าวให้พวกเราบอกว่า รอให้ฟู่หลินซื่อกลับเมืองหลวง จึงสามารถคิดหาวิธีให้เรื่องเมื่อสิบแปดปีก่อนเกิดขึ้นอีกครั้ง"ชินอ๋องเซียวกดเสียงต่ำ "สิบแปดปีก่อน เรื่องที่ฟู่หลินซื่อถูกใส่ร้ายว่าวางยาพิษเซียวหลันยวนสินะ ตอนนี้นางกลับมาแล้ว จะมีคนยืมมือของนางลงมือวางยาพิษกับเซียวหลันยวนอีกครั้งหรือ?"เซียวเหยียนจิ่งในใจมีความตื่นเต้นที่ยากจะพรรณนาออกมาเขาช่วงนี้เฝ้าคอยเรื่องนี้อยู่ตลอดก่อนหน้านี้เขาถอยห่างฟู่จาวหนิง อยากจะหนีนางไปให้ไกลๆ แต่ตอนนี้เขาเสียใจขึ้นมาเสียแล้วนับตั้งแต่
ผู้อาวุโสจี้อยู่ในรถม้าด้านหลัง เขาเองก็เลิกม่านขึ้นมองด้านนอก พอเห็นร้านรวงสองฟากฝั่งถนนแขวนไว้ด้วยโคมแดงก็ถอนหายใจ"จะปีใหม่อีกแล้ว"ชายหนุ่มอายุราวสามสิบปีอีกหนึ่งคนที่นั่งอยู่ในรถม้าก็มองออกไปด้านนอก พอได้ยินเขาพูดเช่นนี้ก็มองไปทางผู้อาวุโสจี้ ถอนหายใจเอ่ยขึ้นว่า "ผู้อาวุโสจี้ นี่จะปีใหม่อยู่แล้ว เจ้าพันธมิตรเรียกท่านกลับไปรวมตัวที่สาขาหลัก ท่านทำไมจึงปฏิเสธล่ะ?"ผู้อาวุโสจี้ไม่ได้กลับสาขาหลักไปช่วงปีใหม่หลายปีแล้ว"ไม่อยากไป วุ่นวายเกิน" ผู้อาวุโสจี้ส่ายหัว ไม่สนใจอย่างเห็นได้ชัด"ผู้อาวุโสคนอื่นก็ล้วนอยู่ที่พันธมิตร แม้ว่าเวลาปกติจะไปที่นั่นที่นี่ แต่พอถึงช่วงไว้พระจันทร์กับปีใหม่ล้วนกลับไป ตอนที่พวกเขาอยู่ด้วยกันยังสามารถหารือเรื่องใหญ่ต่างๆ ในพันธมิตรได้ นอกจากนี้ทุกสิ้นปีฝ่ายบัญชีพันธมิตรโอสถก็จะตรวจสอบแบ่งปันเงิน ท่านไม่กลับไป เรื่องพวกนี้ก็ไม่รู้ว่าจัดการกันชัดเจนหรือไม่ชายคนนี้เพิ่งจะถูกย้ายมาเป็นผู้ดูแลพันธมิตรคนใหม่ของเมืองหลวง ซูเหอซูเหอเองก็ถือเป็นคนที่ได้รับการสนับสนุนจากผู้อาวุโสจี้ เดิมทีด้วยอายุและประสบการณ์ของเขา ควรจะถูกจัดไปอยู่ประจำที่สาขาของพันธมิตรโอ