หมอหญิง?ฟู่จาวหนิงคิดๆ พยักหน้า ก็จริงนั่นล่ะ ไม่เช่นนั้นฮูหยินหลิ่วฮูหยินฟางพวกนางมีโรคทางนรีเวชแล้วทำไมจึงหาหมอมาดูไม่ได้"ต้าชื่อทางนี้มีหมอหญิงอยู่ไม่น้อยเลย" อวี๋อวี่เวยบอก"อย่างนั้นหรือ?" ฟู่จาวหนิงรู้สึกแปลกใจ "นั่นก็ดีมากเลย"นางรู้สึกว่าดีมากจริงๆ สามารถละทิ้งอคติทางเพศได้ ให้หญิงสาวเป็นหมอได้ ความคิดทางต้าชื่อพัฒนาขนาดนี้แล้วหรือ?แต่คำพูดต่อมาของอวี๋อวี่เวยก็ทำให้นางรู้สึกว่าไม่ใช่อย่างนั้น"ดังนั้น ที่เจ้าจะบอกว่าเป็นหมอหญิงน่ะก็ได้อยู่หรอก ไม่จำเป็นต้องมาสวมรอยเป็นหมอใหญ่" ตอนที่อวี๋อวี่เวยพูดประโยคนี้ สายตาก็ยังมีความดูถูกเหยียดหยามอยู่ฟู่จาวหนิงมองออกแล้วยิ่งไปกว่านั้นฟังจากความหมายของนาง หมอหญิงยังเทียบกับหมอใหญ่ไม่ได้สินะ?ทำไม เป็นหมอใหญ่หญิงไม่ได้หรือ?เสิ่นเสวียนเอ่ยขึ้นเรียบๆ คำหนึ่ง "จาวหนิงเป็นหมอใหญ่ เจ้ามีความเห็นอะไรหรือ?""ท่านลุง ข้ายังไม่ได้พูดอะไรเลยนะ!" อวี๋อวี่เวยกระทืบเท้า"ฮองเฮาหลังจากให้ถุงหอมพวกเจ้ามาแล้วพูดอะไรบ้าง? แล้วยังให้อะไรพวกเจ้ามาอีก?" เสิ่นเสวียนไม่สนใจนาง ถามไปทางเสินหว่านเสินหว่านยื่นมือออกมาลูบกำไลหยกมรกตที่ดูสะดุดตาบ
"ท่านลุงเรื่องเลห่านี้ทำไมต้องให้นางรู้ด้วย? นี่เป็นเรื่องในบ้านตระกูลเสิ่นของพวกเรานะ" อวี๋อวี่เวยเดินเข้าไปหาเสิ่นเสวียน กดเสียงลงต่ำ "จะว่าไป พวกเราพูดถึงฮองเฮาด้วย ถ้านางพูดออกไปจะไม่ดีกับพวกเราไหม?""ข้าบอกเจ้าแล้วหรือยัง?" เสิ่นเสวียนย้อนถาม"อะไรหรือ?""่จาวหนิงเป็นคนของบ้านเรา" เสิ่นเสวียนพูดขึ้นมาตรงๆอวี๋อวี่เวยร่างไหววูบ รู้สึกเหมือนตนเองถูกทำร้ายจิตใจจนกระทบกระเทือนนางก่อนหน้านี้ได้ยินญาติๆ พวกนั้นคาดเดาไว้แล้ว บอกว่าเสิ่นเสวียนอาจจะพาคนในดวงใจกลับมาแล้วเตรียมแต่งงาน หนึ่งก็เพื่อให้ไท่ไท่อาวุโสวางใจ สองก็อาจจะเติมความสุขเพื่อขับไล่โชคร้ายตอนนี้เสิ่นเสวียนบอกว่าฟู่จาวหนิงเป็นคนของตนเอง นั่นไม่ใช่บอกว่าความเป็นไปได้นี้มีมากหรอกหรือ?"ท่านลุง...""พวกเจ้าออกไปได้แล้ว" เสิ่นเสวียนพอเห็นฟู่จาวหนิงหยิบถุงหอมสองใบออกมาตรวจสอบ ก็ให้พวกเสินหว่านออกไปทันที"พี่รอง พวกเราต้องรู้ก่อนว่าถุงหอมมีปัญหาหรือไม่" เสินหว่านไม่ค่อยชอบที่ของที่ฮองเฮาให้มาไปอยู่ในมือของฟู่จาวหนิงนางไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเกิดอะไรขึ้นกันแน่ถึงตอนนั้นถ้าหากฮองเฮาเรียกพบนาง พบว่าบนตัวนางไม่มีถุงหอมพวกนั้นแล
เป็นเด็กน่าสงสารที่ไม่มีพ่อมีแม่หรือ?มิน่าอายุเช่นนี้จึงไปเรียนแพทย์แล้ว ไม่เหมือนแม่นางอื่นๆ ที่เอาแต่ไปเรียนศิลปจิตรกรรมท่านผู้เฒ่ารู้สึกสงสารฟู่จาวหนิงขึ้นมาทันที"เจ้าคงจะเหนื่อยมากแน่ๆ รีบเดินทางมาแคว้นเจานับพันลี้ ลำบากเจ้าเสียแล้ว เจ้าก็ไปพักผ่อนเสียก่อนเถอะ"ท่านผู้เฒ่ารู้สึกว่าเรื่องอื่นรอวันพรุ่งนี้ค่อยถามก็ได้ ฟู่จาวหนิงเพิ่งเข้าประตูมาก็วุ่นจนถึงตอนนี้ ทำเอานางเหนื่อยไปเสียแล้ว"อาเสวียน สวนสี่ซินเก็บออกมาให้จาวหนิงแล้วใช่ไหม? รีบพานางไปสิ" ท่านผู้เฒ่ารู้สึกว่าตนเองวันนี้ตลอดวันมีทั้งยินดีทั้งเสียใจ ตอนนี้ก็เหนื่อยจะแย่แล้วเสิ่นเสวียนพาฟู่จาวหนิงออกมาคนข้างนอกพวกนั้นล้วนถูกพวกของหลิวหั่วเชิญออกไปแล้วเสินหว่านกับอวี๋อวี่เวยออกมา พวกเขาก็รู้สึกว่าไปถามแม่ลูกพวกนั้นก่อนก็ได้ ดังนั้นจึงไม่ได้อาละวาดอีกสืออีสือซานรออยู่ด้านนอก พอเห็นฟู่จาวหนิงออกมาก็ผ่อนใจโล่ง ทั้งสองคนเดินตามอยู่ข้างหลัง ไปยังสวนสี่ซินด้วยกันพอเข้าไปในสวนสี่ซิน ฟู่จาวหนิงก็มองเสิ่นเสวียนอย่างประหลาด"สวนนี้สวยมากเลย"ในสวนมีต้นไม้เล็กๆ อยู่เป็นผืน ตอนนี้มีทั้งสีแดง และใบไม้ที่เริ่มสีเหลืองทอง
ฟู่จาวหนิงคิดๆ ดูมันก็ใช่ตอนนี้ถ้าพูดถึงเสิ่นเชี่ยวขึ้นมา ไท่ไท่อาวุโสคงไม่ได้หลับได้นอนแน่ วันวันคงเอาแต่ชะเง้อว่าไปหาคนหรือยัง พากลับมาแล้วหรือยังแล้วคงจะเอาแต่คิดถึงว่าก่อนหน้านี้นางไปตกระกำลำบากนั่นโน่นนี่ตลอดเวลาแน่นอนไม่แน่พอคิดขึ้นมาคงได้ร้องไห้เป็นวักเป็นเวร"ท่านลุงพูดถูกต้อง อย่างน้อยรอหลังจากถอนพิษให้ไท่ไท่อาวุโสสักพักหนึ่งแล้วกัน""พิษของนาง เจ้ายืนยันว่าถอนได้สินะ?""ทำไมถึงไม่เชื่อข้าล่ะ?" ฟู่จาวหนิงยืดหลังตรง "ข้าครั้งที่แล้วออกไปกับเซียวหลันยวน ได้วัตถุดิบยามาไม่น้อยเลยนะ""เช่นนั้นก็ดี"ทั้งสองคนนั่งลงในโถงเล็ก เสิ่นเสวียนถามถึงเซียวหลันยวน"แล้วเจ้าห่างออกมาแบบนี้ อ๋องเจวี้ยนได้ขัดขวางบ้างไหม?""ไม่มี" ฟู่จาวหนิงเร่งเดินทางมาตลอด จึงไม่ได้สนใจคิดถึงเซียวหลันยวนเท่าไรนัก ยิ่งไปกว่านั้นนางเองยังรู้สึกว่าเซียวหลันยวนตอนนี้สถาพจิตใจไม่ค่อยถูกต้อง ทั้งสองคนแยกกันสักพักก็ดีแต่ว่า พอพูดถึงเรื่องที่ขัดขวางนางไม่ให้ออกมาไหม ฟู่จาวหนิงเองก็ว่าร้ายเขาไม่ได้เลยจริงๆ"ไม่ขวาง กระทั่งยังช่วยเป็นธุระให้ด้วย ช่วยข้าวาดแผนที่ ตลอดทางจุดไหนที่ไม่เหมาะจะหยุดพักก็ทำสัญลัก
เสิ่นเสวียนพอได้ยินก็เข้าใจความคิดเซียวหลันยวนขึ้นมาแล้ว"ก็น่าจะสนใจอยู่นั่นล่ะ" ฟู่จาวหนิงร้องอืมขึ้นเสียงหนึ่ง"นอกจากหน้าแล้วยังมีอีกไหม?""นั่นก็" ฟู่จาวหนิงนั่งตัวตรงขึ้นมา ดูจะกลืนไม่เข้าคายไม่ออกอยู่ "ก่อนหน้านี้ข้าทำขาเขาบาดเจ็บ เวลาเช่นนี้พอเขาล้มลงมาจึงเจ็บหนัก ดังนั้นจึงต้องใช้เวลาหลายวันห้ามลุกขึ้นยืน เดินไปไหนมาไหนไม่ได้ ไปที่ไหนก็ต้องแบกหาม"เสิ่นเสวียนมุมปากกระตุก "หรือก้คือตอนนี้อ๋องเจวี้ยนทั้งน่าเกลียดทั้งพิการเลยสินะ?""เอ๊ พิการนั่นไม่ใช่นะ ขาเดี๋ยวก็หายได้ พักฟื้นดีดีหน่อย ข้าเองก็ทิ้งยาไว้ด้วย"ฟู่จาวหนิงพูดถึงตรงนี้ ในใจจู่ๆ ก็มีความเป็นห่วงทะลักเข้ามา ไม่รู้ว่าเซียวหลันยวนได้อาบน้ำยาดีดีหรือเปล่านางอีกเดี๋ยวต้องเขียนจดหมายเสียหน่อยระหว่างทางจดหมายของเขาก็มีไม่น้อยเลย แต่นางก็ตอบเหมือนขอไปที"แล้วความพิการทางหน้าตานั่นล่ะ?" เสิ่นเสวียนถามต่อ"เรื่องนี้ ไม่อยู่ในขอบเขตความถนัดของข้า แต่ว่าอีกเดี๋ยวจะค้นคว้าเสียหน่อย จะฟื้นกลับมาสักครั้งหนึ่งก็พอมั่นใจอยู่ แต่จะฟื้นฟูได้สมบูรณ์ไหมก็ต้องดูผิวหนังของเขา"มีบางคนเป็นแผลเป็น บางคนไม่ทิ้งแผลเป็นไว้ด้วยซ้ำ เ
"อ๋องเจวี้ยนที่"ลำบาก"อยู่ตอนนี้ก็ดูลำบากหน่อยๆ จริงๆ"องค์หญิงหนานฉือนับตั้งแต่ออกจากวังก็จะมาเป็นแขกในจวนอ๋องเจวี้ยนเสียให้ได้องค์จักรพรรดิสั่งการลงมา ให้จวนอ๋องเจวี้ยนต้อนรับให้ดีหลายวันนี้ องค์หญิงหนานฉือทำให้ในเมืองหลวงทั้งหมดได้เห็นถึงพลังความร่ำรวยของแคว้นหนานฉือกู่นางเข้าร่วมงานเลี้ยงมากมายหลากหลายแบบ เห็นเหล่าคุณชายชั้นสูงในเมืองไปหมดแล้วรอบหนึ่งในเมืองหลวงตอนนี้ก็จัดกิจกรรมเรียนภาษาหนานฉือกันครึกโครมขณะเดียวกัน ชื่อเสียงของหมอเทวดาเก๋อคนนั้นก็กระจายไปอย่า่งรวดเร็วองค์จักรพรรดิให้ตัวตนฐานะหมอเทวดาเก๋อขึ้นมา จัดตั้งโรงแพทย์ขึ้นแห่งหนึ่ง ให้หมอเทวดาเก๋อรวบรวมเหล่หมอใหญ่ทั้งเมืองหลวงคอยกำหนดวันเข้ามาหารือเรื่องแพทย์เรื่องยา แลกเปลี่ยนกันบ้างหลังจากนั้นก็เตรียมจะสร้างชั้นเรียนการแพทย์ไปในสำนักศึกษา ให้หมอเทวดาเก๋อเป็นผู้ดูแลนี่เป็นครั้งแรกในแคว้นเจาเลยคนที่อยากส่งลูกๆ ในครอบครัวไปเรียนแพทย์พอได้ยินเข้า ก็ทยอยกันเข้ามาทักทายกับหมอเทวดาเก๋อ คนเข้ามาส่งของขวัญกันไม่ขาดสายเรือนเก๋อที่ได้พระราชทานมาอยู่ไม่ห่างจากจวนตระกูลหลี่นัก หมอเทวดาหลี่นั่งนิ่งได้เสียที่ไหน?
พูดจบก็สั่งการสาวใช้ "ยกของหวานน้ำชามาให้แขกหน่อยฃ""อืม"องค์หญิงหนานฉือเพิ่งจะพยักหน้าเห็นด้วย หลี่จื่อเหยาทางเอ่ยขึ้นมาอย่างกลัดกลุ้ม"ข้าพูดกับเจ้าอยู่นะ หนวกหรือไร? นี่มันตั้งกี่โมงแล้ว อ๋องเจวี้ยนยังจะหลับอยู่อีกหรือ?"องค์หญิงหนานฉือเหลือบมองหลี่จื่อเหยาอย่างประหลาดใจผาดหนึ่งได้ยินว่าหลี่จื่อเหยาเป็นลูกสาวของหมอเทวดาหลี่ และยังเป็นภรรยาของรัฐทายาทเซียว ช่วงนี้รัฐทายาทเซียวก็ดูจะดีกับนางอยู่ ยิ่งไปกว่นั้นยังส่งน้ำใจจากเมืองหลวงแคว้นเจามาไม่น้อยอีกด้วย ทำเอานางดีใจเหมือนกันส่วนเก๋อชีซิงเองก็ทั้งเพราะพูดภาษาหนานฉือได้ และยังถูกองค์จักรพรรดิแนะนำกับนาง บอกว่านางพาคนมาแคว้นเจากลุ่มหนึ่ง คนที่เป็นลูกน้องอาจจะมีอาการปวดหัวตัวร้อนได้ มีหมอใหญ่ที่รู้ภาษาหนานฉืออยู่ก็น่าจะเป็นเรื่องดีดังนั้นองค์หญิงหนานฉือพอได้ยินเก๋อชีซิงพูดว่าจะมา แน่นอนว่าพาเขามาด้วยเก๋อชีซิงเป็นคนที่ชินอ๋องเซียวมาจากด้านนอกด้วย ตอนนี้มีความสัมพันธ์อันดีสุดกับจวนชินอ๋องเซียว และรัฐทายาทเซียวก็ตามเก๋อชีซิงมาด้วย องค์หญิงหนานฉือเองก็ขี้เกียจจะพูดอะไรแต่ไม่รู้ว่ารัฐทายาทเซียวพาหลี่จื่อเหยามาด้วยนี่คือไม่รู้ฟ
เก๋อชีซิงมองไปทางอันเหนียนเขาได้ยินอะไรเข้าเนี่ยผู้ตรวจการชิงหรือว่าจะมีความคิดผิดศีลธรรมกับพระชายาอ๋องเจวี้ยนหรือ?ถ้าหากว่ามีจริง เช่นนั้นนี่ก็เป็นเรื่องใหญ่ที่ทำให้เหล่าลูกสาวประชาชนกับขุนนางได้ถกกันสนุกปากหลังมื้ออาหารได้เลยนะเรื่องนี้เอามาทำอะไรได้บ้างไหม?ตอนที่เก๋อชีซิงยังคิดเรื่องนี้อยู่ เสียงของอันเหนียนก็ดังขึ้นมาอย่างไม่รีบไม่ร้อน"มองอย่างไร? ก็ใช้ตามองน่ะสิ"เอ่อ?เก๋อชีซิงแทบจะงงเป็นไก่ตาแตกองค์หญิงหนานฉือหัวเราะพรวดขึ้นมา"นายท่านอันนี่ตลกจริงๆ"นางพิงไปด้านหลังอย่างเอ้อระเหย หยิบของว่างขึ้นมากินบ้าง "ข้าชอบหาเรื่องมาหยอกท่านจริงๆ"เก๋อชีซิงมองอันเหนียน พอเห็นว่าเขาไม่ได้ลนลานอะไรเลย กระทั่งยังถอนหายใจใส่องค์หญิงหนานฉืออีก จึงรู้สึกขึ้นมาทันทีว่าเรื่องนั้นเป็นไปไม่ได้ไม่เช่นนั้นอันเหนียนทำไมถึงไม่รู้สึกประหม่าออกมาเลย?หันมามองอันเหนียนกับองค์หญิงหนานฉือ เหมือนว่าองค์หญิงเองก็อะไรกับเขาบ้างเหมือนกันอ๋องเจวี้ยนเองก็ไม่ให้พวกเขารอนานเพียงแต่ตอนที่เขามายังคงถูกหามไว้บนเกี้ยวเบาเซียวเหยียนจิ่งเห็นเขานั่งลง ก็ส่งสายตาให้เก๋อชีซิงผาดหนึ่งวันนี้พวกเขา