"อ๋องเจวี้ยน พระสัสสุระช่วงนี้ที่บ้านเกิดเรื่องอยู่ จึงพูดจาโผงผางไปหน่อย ไม่ได้มีเจตนาร้ายหรอก และเขาเป็นห่วงเจ้าจริงๆ จะว่าไป หน้ากับขาของเจ้า ถ้าข้าไม่ได้ถามพระชายาเมื่อคืน ก็คงเป็นห่วงอย่างมากเช่นกัน"พอจักรพรรดิพูดออกไป ทุกคนก็อดมองไปที่ใบหน้าของอ๋องเจวี้ยนไม่ได้ที่พันไว้ยังคงเป็นผ้าพันแผลเมื่อวานนี้ ดูท่าเมื่อคืนนี้ในวังหลวงคงไม่ได้เปลี่ยนยา"โฮ้ เช่นนั้นข้าก็จะพูดที่นี่เสียหน่อย จะได้ไม่ต้องมาสนอกสนใจกัน" เซียวหลันยวนกอดของว่างบนขา ตอนระหว่างทางเขาไม่ได้กิน ตอนนี้เตรียมจะกิน "พระชายาของข้าบอกว่า เ็นเพราะร่างกายของข้าอ่อนแอมาหลายปี ใช้ยาที่รุนแรง ผลลัพธ์ก็ยังธรรมดา แต่นางหลังจากนี้จะออกไปหายา แล้วค่อยๆ รักษาข้า และเป็นไปได้ด้วยที่จะรักษาจนหาย"พอพูดออกมา ในใจเหล่าขุนนางก็เต้นตึกตักขึ้นความหมายก็คือสุขภาพของอ๋องเจวี้ยนป่วยหนักมาตลอดอย่างนั้นหรือตอนนี้รักษาแล้วยังมีผลที่ไม่ค่อยดีเช่นนี้ แต่ไม่รักษาก็จะไม่รอดเอาส่วนที่พระชายาอ๋องเจวี้ยนพูดว่าหลังจากนี้อาจจะรักษาจนหาย นี่ก็ไม่รู้ว่าจริงหรือเท็จ แต่อย่างน้อยก็อธิบายได้จุดหนึ่ง นั่นคือในช่วงเวลาสั้นๆ นี้ยังรักษาไม่ได้ยิ่งไ
ชิ้นนี้เป็นของเขา!เมื่อคืนนี้เขาถูกยั่วโมโห จึงอยากจะกินสิ่งนี้เพื่อดับไฟเสียหน่อย ดังนั้นจึงไปกำชับพ่อครัวหลวงไว้ตอนนี้ของวางมาอยู่ในมือเซียวหลันยวนเสียแล้ว"ไอ้เจ้าแจ๊บๆ สีเขียวในนี้คืออะไรกัน?" เซียวหลันยวนยังลองดมดู "มีกลิ่นของชาหอมเสียด้วย?""เหอะๆ" องค์จักรพรรดิสีหน้าใกล้จะตึงจนไม่ไหวแล้ว "อ๋องเจวี้ยน นี่เป็นขนมที่ทำจากชาหลงจิ่งคุณภาพสูงที่เก็บมาตอนเช้าแล้วชงด้วยน้ำค้าง บวกกับเนื้อลำไยและเครื่องปรุงดอกกุ้ยกับรากบัวบด มีชื่อว่ามรกตเสวย""องค์จักรพรรดิช่างรอบรู้เสียจริง เช่นนั้นข้าขอชิมหน่อย"เซียวหลันยวนกัดขนมชิ้นค่อนข้างใหญ่นั้นไปคำหนึ่ง ด้านในมีความใสสะอดอยู่จริงๆ หอมสดชื่นเตะจมูก"อร่อย" เขาเอ่ยขึ้นคำหนึ่ง "ข้าชอบมาก ขนมชิ้นนี้ปริมาณเยอะดี หวา มีสองชิ้นด้วย ข้าจะเหลืออีกชิ้นไว้ให้พระชายาลองชิมดู"สองชิ้นนี้มันเป็นของเขานะ! นี่ถูกเอาไปหมดเลยหรือ! หน้าองค์จักรพรรดิดำมะเมี่ยมไปแล้ว"องค์จักรพรรดิ" เซียวหลันยวนกินไปด้วยถามเขาไปด้วย "ข้าจะหิวไม่ได้ ดังนั้นจึงสั่งคนให้ไปที่ห้องเครื่องหยิบมาส่งๆ ไม่รู้ว่าหยิบอาหารเช้าของใครมา คงไม่ถูกด่ากระมัง? กลับไปรบกวนท่านไปบอกกับเจ้าขอ
องค์จักรพรรดิรู้สึกว่าตนเองเจอเซียวหลันยวนอยู่บ่อยครั้ง แล้วเวลาพูดคุยกับเขา ก็เหมือนอายุตัวเองสั้นลงไปหลายปีเลยรอจนได้รับของมา เขาแทบไม่อยากจะเห็นคนผู้นี้เลย! จริงด้วย ยังมีฟู่จาวหนิงอีก!"สิ่งยืนยันสามชิ้นมันเปิดอะไรขึ้นมาได้หรือ? แล้วพบกับอะไรบ้าง? จะเอาแต่พูดถึงของสามชิ้นนั้นไม่ได้สิ?"พอเห็นว่าองค์จักรพรรดิถามลำบาก พระสัสสุระจึงนำเอาน้ำใจนี้ส่งต่อไปจนสุดทางวันนี้ไม่ว่าจะอย่างไร ก็ต้องให้อ๋องเจวี้ยนเอาสิ่งของเหล่านี้พูดออกมาให้ได้"พระสัสสุระจะเป็นห่วงไปทำไม? ไม่ว่าสิ่งของจะเป็นอะไร นี่ก็เป็นของสกุลเซียว ไม่ใช่ของตระกูลเจียงของท่าน"พระสัสสุระเองก็สำลักจนเจ็บหัวใจไปหมดแค่หมู่บ้านกุยเซี่ยวถูกทำลาย ตอนนี้เจียงเจี๋ยก็เหลือแค่ลมหายใจแล้ว เองก็บอกเรื่องนี้ออกมาไม่ได้ คิดบัญชีกับอ๋องเจวี้ยนก็ไม่ได้ แล้วยังต้องคอยปิดเรื่องนี้อีก จะได้ไม่เปิดโปงตัวฮองเฮา"อ๋องเจวี้ยนพูดถูกต้อง องค์จักรพรรดิเองก็เป็นคนตระกูลเซียวนี่นา องค์จักรพรรดิถึงอย่างไรก็ต้องรู้กระมัง?"องค์จักรพรรดิทำท่าทำทางโบกไม้มือ "เฮ้อ เสด็จพ่อรักอ๋องเจวี้ยนเป็นพิเศษ คิดจะส่งแคว้นเจาอีกครึ่งหนึ่งให้เขา ข้าไม่กล้าพูดอะ
ครั้งนี้ที่สูดลมหายใจลึกก็ไม่ทำให้เขาสงบลงเท่าไรนัก ทำได้เพียงทำมันหลายๆ รอบ นี่อดกลั้นจนหน้าผากมีเส้นลือดปูดขึ้นมาเลยทีเดียว"อ๋องเจวี้ยน ข้าไม่เคยมีความหมายเช่นนั้น เจ้าทำไมจึงคาดเดาไปเรื่อยเปื่อยเช่นนี้ ข้าเสียใจมากจริงๆ"ใครก็ฟังออกว่าประโยคนี้องค์จักรพรรดิกัดฟันพูดออกมาแต่เขาก็ยังพูดออกมาได้แต่เกรงว่าคงจะทำแค่ผิวเผินกระมัง?"เมืองหลวงนี้ จวนอ๋องเจวี้ยน เป็นบ้านของเจ้าเซียวหลันยวนไปตลอดกาล เจ้าจะไปที่ยอดเขาโยวชิงหรืออยู่ในเมืองหลวง ก็ล้วนตามแต่อิสระของเจ้า ข้าไม่เคยกักบริเวณเจ้ามาก่อน"ตอนที่องค์จักรพรรดิพูดประโยคนี้ เหล่าขุนนางก็ล้วนถอนใจโล่งออกมาแล้ว"เช่นนั้นก็ขอบคุณองค์จักรพรรดิแล้ว" อ๋องเจวี้ยนเอ่ยขึ้นมาคำหนึ่งองค์จักรพรรดิครั้งนี้สูดลมหายใจลึก "ในเมื่ออ๋องเจวี้ยนไม่ยอมพูดออกมา เช่นนั้นก็ว่าเรื่องทางการกันต่อ สถานการณ์ภัยพิบัติในพื้นที่ใหญ่ของหอไป่กุยจะทำอย่างไร เสบียงค่ายทหารทางเหนือที่หกจะทำอย่างไร?"เหล่าขุนนางก็เลยกลับมาที่หัวข้อนั้นหารือกันไปมา ก็ยังรู้สึกว่าต้องบริจาคมาบางส่วน ไม่ว่าพวกเขาจะยินยอมหรือไม่ องค์จักรพรรดิเองก็สั่งการลงมา เริ่มจากในเมืองหลวง ให้
องค์จักรพรรดิถ้าต้องไปดูจริงๆ ล่ะก็ ก็รู้สึกขายหน้าอยู่หน่อยๆ แล้วจะดูเหมือนเขาร้อนรนเกินไป แล้วยังรู้สึกสนใจกับมรดกของอดีตพระชายาองค์จักรพรรดิอีกด้วยแต่ถ้าไม่ไปให้เห็นกับตาเสียหน่อยเขาก็ทั้งรู้สึกไม่ยินยอม และไม่เชื่อคำพูดของเซียวหลันยวนด้วยเมื่อครั้งไท่ซ่างหวงสละบัลลังก์ในอดีต เซียวหลันยวนตั้งแต่เด็กจนโต ในวังก็ไม่มีร่องรอยของหญิงสาวคนนั้นอยู่เลยจริงๆ และไม่รู้ว่านางทิ้งอะไรเอาไว้ให้กับเขาถ้าหากเซียวหลันยวนคิดจะเอาของบางส่วนออกมาบอกว่าเป็นมรดกของหญิงสาวคนนั้น ก็ก็ดูจะมีน้ำหนักเพียงพออยู่"สิ่งที่ทิ้งไว้ให้กับเจ้า ถูกวางไว้ที่ไหนหรือ? ตอนไปรับถึงกับต้องใช้เวลาตั้งเป็นเดือนๆ?"เซียวหลันยวนเอ่ยขึ้นอย่างจำใจ "จำให้ทำอย่างไรได้? ร่างกายของข้าก็เร่งระยะทางเร็วมากไม่ไหว ดังนั้นจึงค่อยๆ คืบคลานกันไป บวกกับพระชายาของข้าก็ไม่เคยออกจากเมืองหลวงมาก่อน ดังนั้นข้าก้เลยพานางไปชมเขาชมแม่น้ำของแคว้นเจาเสียเลย"เชื่อก็บ้าแล้ว!เซียวหลันยวนพูดต่อ "ยิ่งไปกว่านั้นตลอดทางพวกเรายังเจอกับเจ้าพวกสายตาไม่กว้างไกลบางส่วน จัดการขึ้นมาก็ตำมือ ดังนั้นไปไปมามาก็เลยเสียเวลาไปกว่าครึ่งปี"มุมปากองค์จักรพร
องค์จักรพรรดิ "!!"เขาโมโหจนแทบบ้าแล้ว!ฟู่จาวหนิงไม่รู้เลยว่าเซียวหลันยวนเป็นคนที่ไร้เหตุผลในราชสำนักขนาดไหน แค่อาศัยปากก็แทบจะทำให้องค์จักรพรรดิโมโหจนคลั่ง หลังจากที่เขาไปประชุมเช้า ฮองเฮาก็สั่งคนมาเชิญนางฟู่จาวหนิงปฏิเสธไม่ได้ไปพักหนึ่ง แต่ตอนนี้ให้นางเห็นหน้าของฮองเฮา นางก็รู้สึกแย่เสียแล้วพอมาถึงวังเฟิ่งอี๋ สาวใช้วังก็เข้รามาคารวะนางอย่างนอบน้อม"พระชายาอ๋องเจวี้ยน ฮองเฮาวันนี้บอกว่าปวดหัว ท้องก็ไม่ค่อยดีนัก จึงเชิญท่านมาดูอาการเสียหน่อย"พูดขึ้นอย่างจริงใจฮองเฮาสุขภาพไม่ดี ฟู่จาวหนิงเชื่ออยู่เมื่อคืนนี้มองหน้าของนางก็มองออกแล้ว คาดว่าน่าจะถูกเรื่องที่ถอนรากถอนโคนหมู่บ้านกุยเซี่ยวส่งผลกระทบเข้าฟู่จาวหนิงเองก็รู้ว่าน้องชายของฮองเฮาเจียงเจี๋ยบาดเจ็บหนัก หมอเทวดาหลี่เองก็ไปยังจวนพระสัสสุระตั้งหลายรอบนางให้ไป๋หู่ไปสืบข่าวพวกเขา รู้ว่าคนของจวนพระสัสสุระออกมาซื้อยาอะไรบ้าง ดูจากวัตถุดิบยาพวกนั้น ฟู่จาวหนิงก็ยืนยันได้แล้ว ว่าเจียงเจี๋ยเจ็บหนักมากแต่ในวัตถุดิบยาเหล่านี้มีฤทธิ์ยาที่รุนแรง ผลลัพธ์การหยุดเลือดรั้งชีวิตดีมาก แต่จะยิ่งทำร้ายร่างกายเข้าไปอีก บางทีเดิมทียังพอช่
สีหน้าหมัวมัวเกือบจะเปลี่ยนไปส้มที่ปอกเสร็จแล้ว ฮองเฮากินไปสองสามกลีบเพื่อเปิดกระเพาะ จากนั้นจะเอาไปแขวนไว้ในบ่อ รอช่วงกลางวันค่อยนำมากินทั้งหมดมีอยู่ไม่มาก นี่กินได้ทั้งวันเลยนะผลลัพธ์คือพระชายาอ๋องเจวี้ยนเอาไปหมดเลย?"... ในเมืองหลวงไม่มี" ฮองเฮากัดฟันฟู่จาวหนิงไม่กลัวเปรี้ยว ยิ่งไปกว่านั้นกระเพาะนางยังดีมากอีกด้วย ของอย่างส้ม นางกินตอนท้องว่างไม่มีปัญหาอะไรเลยส้มนี้หวานมาก น้ำทะลัก ในเมืองหลวงไม่มีจริงๆ ดูท่าขนส่งมาก็น่าจะหนักอยู่ ระยะทางก็ห่างไกล แล้วยังต้องเสียไประหว่างทางอีกมาก ดังนั้นจึงล้ำค่าสุดๆด้านนอกไม่มีทางได้เห็น มีแต่ฮองเฮาที่ได้กิน นางทำไมจะต้องเกรงใจกัน?นางก็เลยกินไปทีละกลีบสองกลีบ กินอย่างเบิกบาน"ฮองเฮาเรียกข้าเข้ามา มีเรื่องอะไรหรือ?"ทำไมถึงจ้องนางแบบนี้ล่ะ?ฮองเฮาปวดใจกับส้มเหล่านั้น ใจหดหู่ขึ้นมาเลย "ข้าหลายวันนี้นอนหลับไม่ค่อยดี หลังจากตื่นมาก็หัวก็ปวดท้องก็ปวด ไม่ค่อยอยากอาหารด้วย""หมอหลวงว่าอย่างไรบ้าง?" ฟู่จาวหนิงถาม"หมอหลวงบอกว่าอาจจะเป็นโรคไม่เจริญอาหาร"สภาพอากาศร้อนมากก็เป็นโรคลมแดดได้แต่ฮองเฮาก็รู้อยู่เต็มอก ว่าใจของนางซึมเศร้าจนไ
หมัวมัวคนนั้นรีบเดินเข้ามา สายตาตกไปอยู่บนตัวฟู่จาวหนิง ทั้งตกตะลึงทั้งดีใจ "พระชายาอ๋องเจวี้ยน ท่านอยู่ที่นี่พอดีเลย รบกวนท่านไปดูไทเฮาหน่อย"ฟู่จาวหนิงดีดตัวลุกขึ้น "ไทเฮาเป็นอะไรไป?""จู่ๆ ก็ลุกไม่ขึ้น อ่อนยวบไปทั้งตัวเลย ข้าน้อยเองก็ไม่รู้จะพูดอย่างไร""ไปไปไป ข้าไปดูหน่อย"ฟู่จาวหนิงรีบเอ่ยกับฮองเฮาว่า "ฮองเฮา ท่านทางนี้ล้วนมีหมอหลวงกับหมอเทวดาหลี่คอยดุแล้ว เช่นนั้นข้าไม่เอามะพร้าวห้าวมาขายสวนจะดีกว่า ข้าจะไปดูไทเฮาทางนั้น!"พูดจบนางก็พุ่งออกไปอย่างรวดเร็วราวสายลม"ฮองเฮา ข้าน้อยขอตัวก่อน" หมัวมัวคนนั้นก็คารวะให้ด้วย รีบออกจากตำหนักไปฮองเฮายื่นมือออกมา เดิมทีคิดจะขวางฟู่จาวหนิงไว้ แต่นางก็เร็วเสียเหลือเกิน ห้ามไม่ทันนางเห็นฟู่จาวหนิงพุ่งออกไปคาตาที่น่าโมโหที่สุดก็คือ ฟู่จาวหนิงกลับลืมวางถามส้มนั้นลง! แต่นางกอดออกไปด้วย!ฟู่จาวหนิงเดินออกมาพักหนึ่งจึงผ่อนฝีเท้าลง รอให้หมัวมัวเดินตามมา"พระชายาอ๋องเจวี้ยน นี่ท่าน.." หมัวมัวจินมองส้มครึ่งถาดที่นางกอดอยู่ ไม่ค่อยเข้าใจนัก"ฮองเฮาให้คนปกมาให้ข้า แล้วยังเชิญให้ข้ากินอย่างเป็นมิตรด้วย ข้าไม่กินก็ไม่ได้ นี่เพื่อไม่ให้เสียน้
อ๋องฉยงพอเห็นเซียวหลันยวนเข้ามา ใจก็ขรึมลงมาแล้ว ขณะเดียวกันก็ยังแอบเคืองกับองค์จักรพรรดิไม่ใช่บอกว่าจะขวางเซียวหลันยวนไว้หรือไรกัน? ไม่ใช่ว่ามีเรื่องที่จะขังเซียวหลันยวนไว้ได้สามวันหรือ?ทำไมยังไม่ทันถึงชั่วยาม เขาก็รีบกลับมาแล้วกัน?ไม่ได้เรื่องเอาเสียเลย!เซียวหลันยวนหันตัวกลับมาอ๋องฉยงรู้สึกใจสั่นวาบกับหน้ากากของเขาเจ้าเด็กที่เหมือนจะตายแหล่มิตายแหล่ตอนนั้น ดันโตขึ้นมาได้อย่างยากลำบาก แล้วยังดีมีท่วงท่าทรงพลังเสียด้วย"หลันยวน เมื่อครู่เจ้าหมายความว่าอย่างไร?" อ๋องฉยงเสียงขรึม ตัดสินใจลงมือก่อน "นี่เจ้ายิงธนูใส่ข้ารึ!""เจ้าไม่รู้หรือว่าหมายความว่าอะไร?"เซียวหลันยวนเสียงเย็นเยียบ "แน่นอนว่าสั่งสอนเจ้าน่ะสิ""เจ้า! เจ้าบังอาจ! ถ้าข้าเป็นอะไรไป บาดเจ็บหรือว่าตายไป เจ้าก็ไม่ต้องมีชีวิตอยู่แล้ว!""จะลองดูไหมล่ะ?" น้ำเสียงเซียวหลันยวนขรึมเย็นชา"ลองอะไร?""ลองว่าถ้าข้าสังหารเจ้าแล้ว จะยังมีชีวิตต่อไปได้ไหม"พอพูดจบ จิตสังหารบนตัวเขาก็พุ่งเข้ามาอย่างแรงกล้า แม้จะไม่มีลม ไม่มีการขยับ แต่อ๋องฉยงกับองครักษ์ข้างกายเขาก็ยังถอยออกไปก้าวหนึ่งพร้อมกันพวกเขาล้วนสัมผัสได้ถึงแรง
"บังอาจ! ทำไมจึงมาพูดกับอ๋องอย่างข้าเช่นนี้?!" องครักษ์ข้างกายอ๋องฉยงชักกระบี่ออกมาส่วนทางนี้ สืออีกับไป๋หู่ก็ชักกระบี่ทันที เดินขึ้นหน้ามาก้าวหนึ่งชั่วพริบตา ก็ชักกระบี่ง้างธนูกันแล้ว บรรยากาศตึงเครียดขึ้นมาอ๋องฉยงชะงักไป ยื่นมือไปกดกดด้ามกระบี่องครักษ์ลง หัวเราะเหอะๆ ขึ้น "เสียมารยาทกับผู้อาวุโสจี้ไม่ได้""ขอรับ!" องครักษ์ของเขาถอยลงไปทันทีผู้อาวุโสจี้ไม่ได้ผ่อนคลายลงแม้แต่น้อย กลับยิ่งดำกว่าเดิม"ข้าเองก็เป็นคนของราชวงศ์ เป็นครอบครัวเดียวกับอายวน จึงเป็นครอบครัวเดียวกันกับจาวหนิงด้วยเช่นกัน ผู้อาวุโสจี้ ความสัมพันธ์นี้ยังใกล้ชิดกว่าท่านเสียอีกนะ จริงไหม จาวหนิง?"อ๋องฉยงถาม ยังเขย่งเท้ายื่นหน้า อยากจะมองไปทางฟู่จาวหนิงที่ถูกคนบังเอาไว้อีกคนเหล่านี้ขวางหูขวางตาจริงๆ แต่ละจะมาขวางหน้าเขาไว้ทำไมกัน?เขามาเมืองหลวงได้ครึ่งปี เพราะสถานที่ไม่ถูกต้อง แล้วยังกลัวคนอื่นจะจับผิดอีก ก่อนหน้าที่นางจะได้เจรจาเงื่อนไขกับองค์จักรพรรดิ เขายังก่อเรื่องอะไรจนถูกไล่ออกจากเมืองหลวงไม่ได้ ดังนั้นครึ่งปีนี้เขาจึงชุบตัวใสสะอาด ไม่ได้ข้องเกี่ยวกับหญิงสาวคนไหนเลยแต่เดิมทีเขาก็อยู่ห่างจนคนสวย
ฟู่จาวหนิงไม่รู้เลยว่าองค์จักรพรรดิมีแผนร้ายอะไรขึ้นมาอีกแล้วนางกับผู้อาวุโสจี้อยู่ในเขาจันทร์ลับขุดสมุนไพรมาได้ไม่น้อยเลยตอนนี้กองหิมะยังไม่ละลาย แต่ยังดีที่พวกเขาสองปีก่อนเคยขุดมาแล้วครั้งหนึ่ง วัตถุดิบยาส่วนใหญ่จำได้แล้วว่าขึ้นอยู่ตรงไหน ผ่านการเติบโตมาสองปี จุดที่เคยถูกพวกเขาขุดไปก็งอกขึ้นมาใหม่กันแล้วสถานที่เหล่านั้นหลายจุดไม่มีหิมะทับถม นางพาพวกไป๋หูมาก็ล้วนได้ใช้งานทั้งสิ้นสิ่งที่ขุดขึ้นมาตอนนี้คือวัตถุดิบยาที่ทนอากาศหนาวได้ และยังมีบางส่วนที่ดูเหมือนพวกเปลือกไม้ด้วยในช่วงสองวันนี้ ผู้อาวุโสจี้เองก็ทำเวลารีบสอนให้กับนาง ให้นางได้รู้จักกับวัตถุดิบยาที่มากขึ้นไปอีกสองวันต่อมาพวกเขาก็กวาดเก็บจนเต็มที่แล้วลงจากเขา แต่ก็ได้เห็นอ๋องฉยงที่กำลังก่อกองไฟตั้งกระโจมอยู่อ๋องฉยงน่าจะได้ยินการเคลื่อนไหว จึงออกจากกระโจมมารอแล้วพอเห็นขบวนคนล้วนแบกตะกร้ายากันเต็ม ดวงตาเขาก็เปล่งประกายแล้วก็เห็นฟู่จาวหนิงที่อยู่ในกลุ่มนี้ต่อให้เข้าไปขุดยาในเขาถึงสองวัน นางก็ไม่ได้ดูซมซานแต่อย่างใด แค่เหลือบมองในกลุ่มคนนั้นก็เห็นนางได้ทันทีพระชายาอ๋องเจวี้ยนคนนี้ งดงามจนโดดเด่นจริงๆแล้วยังท
พระชายาเยว่ดูเหมือนอยากจะอาเจียน ถึงอย่างไรนางก็ยังเป็นสาวสะพรั่งสวยสด อายุขององค์จักรพรรดิมากกว่าพ่อนางเสียอีก แล้วตอนนี้ยังมีสภาพนี้อีกพริบตานี้เอง นางก็รู้สึกอยากจะรับปากแม่นมเยว่ขึ้นมา"พระชายาเยว่ ทำของว่างอะไรมาหรือ?" องค์จักรพรรดิยิ้มให้กับพระชายาเยว่ จนมีรอยย่นเพิ่มขึ้นมา "ข้าเองก็หิวแล้วเหมือนกัน"พระชายาเยว่กดอารมณ์นั่นลงไปก่อน ยกของว่างเข้ามา "องค์จักรพรรดิ ข้าทำขนมเป๋าฮื้อหัวไชเท้ามา เสวยตอนที่ร้อนๆ เถิด""ดีเลย ไม่ใช่ของหวาน กินแล้วกระเพาะไม่รู้สึกแย่"องค์จักรพรรดิพอใจมาก ช่วงนี้ท้องเขาก็ใหญ่ขึ้น เข็มขัดแทบจะคาดไม่ได้แล้ว กินแต่ของหวานคงไม่ดีนัก"องค์จักรพรรดิชอบก็เสวยให้เยอะหน่อย หม่อมฉันรินชาให้"พระชายาเยว่อยู่ดื่มกินเป็นเพื่อนกับฝ่าบาท สนทนาด้วยครู่หนึ่ง จึงเปลี่ยนหัวข้อสนทนาไปบนตัวอ๋องฉยงอย่างตั้งใจและไม่ตั้งใจ"อ๋องฉยงจะอยู่ในเมืองหลวงตลอดเลยหรือไม่? ฝ่าบาท หม่อมฉันค่อนข้างกังวล ว่าพระชายาอ๋องฉยงจะไล่ตามมาหรือไม่?""ไม่หรอก" องค์จักรพรรดิเอ่ยยืนยันขึ้นมา"หม่อมฉันได้ยินว่าพระชายาอ๋องฉยงกวดขันอ๋องฉยงเข้มงวดมาก นี่เพราะรักอ๋องฉยงหรือเปล่า?""รักอะไรกัน เป็
พระชายาเยว่รู้สึกว่า แม่นมเยว่อดทนอยู่ในวังมายี่สิบปี คงวางแผนงานใหญ่อะไรอยู่นางถึงแม้จะเคยเห็นฝีมือแม่นมเยว่มาบ้างแล้ว แต่ก็ยังรู้สึกว่าแม่นมเยว่เองก็ไม่ได้มีฝีมือมากขนาดนั้น ถ้าหากนางร้ายกาจจริง จำเป็นต้องมาซุ่มอยู่ในวังหลวงยี่สิบปี แต่ก็ยังทำเรื่องไม่เสร็จแบบนี้หรือ?แม่นมเยว่น่าจะเป็นยอดฝืมือในการใช้ยา ยิ่งไปกว่านั้นยังยอดเยี่ยมในด้านการสกัดยาชนิดนั้น ยาที่ไม่ใช่เรื่องที่น่าภูมิใจเท่าไร ถึงอย่างไรก็ทำให้แค่ผู้ชายมีความสุขล่องลอยได้มากเท่านั้น ทำเรื่องใหญ่โตอะไรให้สำเร็จไม่ได้ตอนนี้ นางได้รับความโปรดปรานจากองค์จักรพรรดิแล้ว ยังต้องคอยฟังแม่นมเยว่อยู่อีกหรือ?แต่ถ้าแม่นมเยว่ก็มีวิธีการที่จะให้องค์จักรพรรดิรับมือกับอ๋องเจวี้ยนจริงล่ะ?จะว่าไป ยาชนิดนั้นของแม่นมเยว่ ถ้าหากใช้กับอ๋องเจวี้ยน ไม่รู้ว่าจะมีประสิทธิผลไหมชั่วขณะหนึ่ง พระชายาเยว่คิดไปร้อยแปดจากนั้นนางก็ไปที่ครัวเล็ก ลงมือทำของว่างขึ้นมาถาดหนึ่ง เปลี่ยนเสื้อผ้า แต่งเนื้อแต่งตัวอย่างประณีต ยกของว่างเข้าไปในห้องหนังสือหลวงองค์จักรพรรดิเพิ่งฟังรายงานลับจบเขาให้คนจับตาดูคอยจับตาดูการเคลื่อนไหวของคนหลายคนในเมืองหลวง
"จุ๊ๆ เรื่องนี้..." พระชายาเยว่คิดๆ ยังไม่รู้จะจัดการอย่างไรก่อนดีชั่วคราว"เจ้ากลับไปอยู่ข้างๆ เฉินฮ่าวปิงก่อนแล้วกัน คอยจับตาดูนางไว้ มีเรื่องอะไรก็มาบอกกับข้า" พระชายาเยว่รู้สึกว่าตอนนี้ใช้งานชิวอวิ๋นไปก่อนแล้วกัน ถึงอย่างไรนางก็ไม่มีตัวเลือกอื่นแล้ว"่เจ้าค่ะ"รอจนชิวอวิ๋นออกไป พระชายาเยว่ก็เรียกคนเข้ามาคนคนนี้ดูแล้วปกติดี แต่ว่าการเดินเหินในวังนั้นไม่ถูกใครสังเกตหรือสนใจเลยเป็นแม่นมที่หน้าตาธรรมดาคนหนึ่ง"แม่นมเยว่ เมื่อครู่เจ้าได้ยินแล้วใช่ไหม?"แม่นมเยว่คนนี้ก้มหน้าต่ำเล็กน้อย เอ่ยขึ้นน้ำเสียงราบเรียบ"ได้ยินแล้วพะย่ะค่ะ""เรื่องนี้ ควรจะเผยกับองค์จักรพรรดิไหม?""ได้พะย่ะค่ะ""แต่ถ้าองค์จักรพรรดิรู้ อาจจะกริ้วอย่างรุนแรงได้ อ๋องฉยงที่มีความคิดไม่ดีกับพระชายาอ๋องเจวี้ยน เรื่องนี้ถ้าลือออกไปจะไม่ดีกับราชวงศ์""เรื่องนี้มีประโยชน์กับการที่พวกเราจะสืบค้นระดับความอดทนของจักรพรรดิต่ออ๋องฉยงได้ว่าอยู่ที่ไหน เพราะอะไรอ๋องฉยงจึงยังอยู่ในเมืองหลวง เรื่องนี้ยังต้องตรวจสอบให้ชัดเจน""เนื้อหาการคุยกันของอ๋องฉยงกับองค์จักรพรรดิทำไมจึงเปิดเผยไม่ได้" พระชายาเยว่ถอนหายใจ"ดังนั้น
"อะไรนะ?!"พระชายาเยว่พอได้ยินประโยคนั้นของชิวอวิ๋น ทิ้งมารยาทอะไรไปเกือบหมดจนแทบกระโจนขึ้นมา"เจ้าอย่ามาพูดมั่วซั่วนะ! ถ้าให้คนอื่นได้ยินข้าเองก็ช่วยเจ้าไม่ได้!"อันที่จริงนางเองก็ไม่อยากได้ชิวอวิ๋นแล้ว ดูแล้วเหมือนทำเรื่องอะไรก็ไม่สำเร็จ ไร้ประโยชน์สิ้นดีแต่ว่าตอนนี้พอได้ยินชิวอวิ๋นพูดประโยคนี้ออกมา ก็ทำเอานางลืมเรื่องที่จะโยนชิวอวิ๋นทิ้งไปทันที"เป็นเรื่องจริง พระชายา เรื่องนี้ถ้าไม่ได้ยินเองกับหู ข้าน้อยจะกล้าแต่งขึ้นมาได้อย่างไรกัน?" ชิวอวิ๋นรีบพูด"อ๋องฉยงชอบพระชายาอ๋องเจวี้ยนรึ?""พะย่ะค่ะ ตอนที่ออกมาจากวังราชนิเวศน์ ข้าไปเจอที่หน้าประตูใหญ่"พระชายาเยว่คิดถึงใบหน้า รูปร่างของฟู่จาวหนิง ก็ไม่ใช่ว่าจะไม่เชื่อ"ได้ยินว่าอ๋องฉยงเป็นพวกชื่นชอบสาวงาม ไม่เช่นนั้นพระชายาอ๋องฉยงคงไม่คุมเขาไว้อย่างเข้มงวด ราวกับอยู่ในคุกแน่นอน"เพราะพอหย่อนยาน ไม่ทันระวังหน่อย อ๋องฉยงก็อาจจะไปหลับนอนกับสาวสวยคนไหนแล้วก็คอยเลี้ยงไว้ด้านนอกแต่พระชายาอ๋องฉยงเข้มงวดเสียขนาดนั้นแล้ว อ๋องฉยงก็ยังมีอวิ๋นจูกับเฉินฮ่าวปิงลูกนอกสมรสสองคนนี้ได้ที่โตแล้วมีอยู่สองคน แล้วที่ยังไม่โตล่ะ? อธิบายได้ว่าอ๋อง
"ข้าต้องการวัตถุดิบยาเหล่านี้เดิมทีก็จะให้นางส่งไปที่เมืองเจ้อ แล้วนางปฏิเสธเอง เดิมทีนี่เป็นความคิดของข้า! ท่านบอกว่าข้ารับมือไม่ไหว นางเองก็ไม่ใช่ว่าพึ่งพาคนอื่นหรือ ก็แค่เพราะนางแต่งงานกับอ๋องเจวี้ยนที่มีอำนาจ! ท่านให้นางเอาอ๋องเจวี้ยนให้ข้าสิ! ถ้าหากข้าเป็นพระชายาอ๋องเจวี้ยน ข้าเองยังทำได้ดีกว่านางเสียอีก!"ต่งฮ่วนจือถูกเสียงแหลมของนางแผดใส่จนปวดหูไปหมดแล้วเขามองอย่างตกตะลึงไปทางเฉินฮ่าวปิง ก่อนหน้านี้ไม่เคยรู้มาก่อนว่านางเป็นคนแบบนี้"เจ้าคิดว่าที่ศิษย์น้องหญิงมีความสามารถขนาดนี้ เป็นเพราะแต่งงานกับอ๋องเจวี้ยนหรือไรกัน?""แล้วไม่ใช่หรือ? นางก็แค่พึ่งพาอ๋องเจวี้ยนเหมือนกัน ด้านหลังมีต้นไม้ใหญ่ให้พักพิงร่มเย็น! ถ้าหากไม่ใช่อ๋องเจวี้ยน ตอนนั้นที่นางถอนหมั้นกับรัฐทายาทเซียวไปก็คงจะเอาตัวไม่รอดแล้ว ต่อมานางจะได้ไปฝากตัวเป็นศิษย์เรียนหมอจนเข้าพันธมิตรโอสถได้อย่างไรกัน?!"ต่งฮ่วนจือมองนางลึกๆ ส่ายหัวถอนหายใจ"บนโลกนี้ไม่มีรัฐทายาทเซียวอีกแล้ว"ขนาดรัฐทายาทเซียวไม่อยู่แล้ว ก็ยังไม่รู้หรือ?"ช่างเถอะ วันนี้เจ้าเป็นท่านหญิงไปแล้ว ข้าก็แค่ประชาชนธรรมดา ช่วยอะไรไม่ได้หรอก ขอตัวแค่นี้
พอเห็นสีหน้าเฉินฮ่าวปิง ใจของต่งฮ่วนจือก็เย็นลงมาทันทีทั้งที่รู้ความสัมพันธ์ระหว่างเขากับฟู่จาวหนิงแล้วแท้ๆ แต่ว่าตอนนี้ เฉินฮ่าวปิงก็ยังใช้ประโยชน์จากเขา คิดจะให้เขาขัดขวางศิษย์น้องหญิงต่อให้เป็นเรื่องที่เหลวไหลแบบนี้ นางก็ยังพูดออกมาโดยไม่หนักใจ แล้วขอให้เขาทำตามสิ่งที่นางต้องการต่งฮ่วนจือมองไปทางฮูหยินเฉิน เขายังดูคาดหวังอยู่ถึงอย่างไรฮูหยินเฉินก็เป็นผู้ใหญ่แล้ว น่าจะรู้จักขอบเขตบ้างกระมัง?"เจ้าเองก็คิดแบบนี้หรือ? จะให้ข้าเก็บวัตถุดิบยาไว้จนกว่าฮ่าวปิงจะรวมเงินได้?"ฟังเอาเถอะ เขาพูดซ้ำออกมาอีกรอบหนึ่งก็ยังรู้สึว่าเป็นเรื่องไร้สาระเลยฮูหยินเฉินขมวดคิ้ว มองนางด้วยสายตาเศร้าๆแต่ก่อนพอเห็นสีหน้าเช่นนี้ของนาง ต่งฮ่วนจือก็จะรู้สึกปวดใจ อยากจะปกป้องนางขึ้นมา เขารู้ ว่านางเป็นผู้หญิงอ่อนแอคนหนึ่ง มีลูกสาวติดหนึ่งคน คอยหนีคนตามล่าอยู่ตลอด มันลำบากแค่ไหนถ้าหากเป็นไปได้ เขาเองก็อยากจะยืนบังลมบังฝนให้นาง เพราะแรกสุดเขารู้สึกชื่นชมนาง ชื่นชมความแข็งแกร่งและความรักของแม่จากตัวนางแต่สีหน้าต่อตัวเขาของฮูหยินเฉินตอนนี้ ต่งฮ่วนจือจู่ๆ ก็คิดขึ้นมาว่า อ๋องฉยงถึงอย่างไรก็หาพวกนางเจอแ