"ต้าชื่อตอนนี้กำลังทะเยอทะยานมากเลยสินะ?"เซียวหลันยวนรู้สึกว่าเรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องของกลุ่มสำนักหรือตระกูลเดียวแล้ว เบื้องหลังเรื่องนี้น่าจะเป็นเรื่องระหว่างแคว้นด้วยกัน"ดังนั้น ต้องกลับต้าชื่อ"เสิ่นเสวียนจะกลับไป ไม่ว่าจะเรื่องในบ้านหรือว่าเรื่องของเสิ่นเชี่ยว หรือจะเป็นเรื่องระหว่างแคว้นทั้งสองในตอนนี้ ก็ล้วนต้องกลับไปที่ต้าชื่อเท่านั้นจึงจะตรวจสอบได้ชัดเจน"พวกเขาหลายปีก่อนก็จัดวางคนตั้งมากมายเข้ามาในเมืองหลวงแคว้นเจาแล้ว เป็นไปไม่ได้ที่จะไม่มีการเคลื่อนไหวอะไร"เสิ่นเสวียนมองเซียวหลันยวน "ท่านส่งคนไปลองตรวจสอบเถอะ""ข้ารู้แล้ว"เซียวหลันยวนรู้สึกว่าเบื้องหลังมีแผนร้ายอะไรบางอย่างอยู่"แล้วก็ลัทธิเทพทำลายล้างนั่น ก็เข้ามาผสมโรงอยู่ในนี้พอดี พวกเขาคิดจะทำอะไรกันแน่ ยังต้องตรวจสอบให้ละเอียด"ฟู่จาวหนิงหลับไปครั้งนี้ ก็หลับยาวต่อไปจนถึงวันถัดมาระหว่างนี้นางตื่นขึ้นมาสองครั้ง ดื่มยาลดไข้ของตนเองลงไปอย่างมึนๆ งงๆ จากนั้นก็เข้าห้องน้ำอีกครั้งหนึ่ง เวลาที่เหลือล้วนไม่รู้ว่าใครมาป้อนน้ำให้นาง แล้วก็หลับลึกไปยาวๆแต่ว่าร่างกายของนางก็ฟื้นฟูได้ดีมากจริงๆหลังจากตื่นมาในวันที่ส
ฟู่จาวหนิงยอมรับเช่นนี้ก็เป็นการยอมรับว่าวิชาแพทย์ที่นางเรียนมานั้นล้ำหน้ากว่าเหล่าหมอในใต้หล้าปัจจุบันนี้แล้วพูดขึ้นมาเหมือนนางมีอะไรที่มหัศจรรย์อยู่จริงๆบนโลกมักมีผู้วิเศษอยู่ ยิ่งไปกว่านั้นอารมณ์และนิสัยของพวกผู้วิเศษก็ล้วนจะแปลกประหลาดกันหมด ดังนั้นที่อาจารย์ของนางไม่มีชื่อเสียงเรียงนามก็ไม่ใช่เรื่องแปลกอะไร"ช่วงนี้เมืองหลวงมีคนคาดเดาว่าอาจารย์ของเจ้าเป็นใครกันแล้ว"เสิ่นเสวียนบอกเรื่องนี้กับฟู่จาวหนิงฟู่จาวหนิงก็เคยได้ยินมา นั่นเป็นสิ่งที่ผู้อาวุโสจี้อาจารย์นางจัดวางเอาไว้เช่นนั้นเรื่องที่มาของวิชาแพทย์นางก็พอกล้อมแกล้มไปได้ตอนนี้ได้ยินว่าทุกคนก็เหมือนไม่ได้สงสัยอะไร ล้วนเชื่อกันหมด"มีคนบอกว่า เรื่องที่เจ้าทำก่อนหน้านี้ล้วนเป็นการเสแสร้งแกล้งทำทั้งหมด และยังมีคนพูดอีกว่า ตอนนั้นที่เจ้าคิดจะออกเรือนกับเซียวเหยียนจิ่งก็เป็นเรื่องโกหก ไม่เช่นนั้นเจ้าจะปิดบังเรื่องที่รู้วิชาแพทย์กับเขาทำไมกัน?"มีคนไม่น้อยหลังจากได้ยินข่าวก็ล้วนคาดเดากันเช่นนี้ตอนนั้นฟู่จาวหนิงพูดเรื่องที่วิชาแพทย์ตนเองยอดเยี่ยมเสียขนาดนี้ออกมา จวนชินอ๋องเซียวคงจะประคองนางไว้ในฝ่ามือแน่ ทำไมถึงจะไม่แ
"จริงหรือ?"เฮ่อเหลียนเฟย ไม่สิ หลังจากนี้ต้องเรียกว่าฟู่จาวเฟยแล้ว เขาตื่นเต้นจนกระโดดขึ้นมาทันที โหร้องดีใจไปทั่วทั้งจวนอ๋องผู้เฒ่าฟู่เองพอได้ยินข่าวนี้ น้ำตาคนแก่ก็อาบแก้ม"จาวหนิง เสี่ยวเฟนเป็นหลานชายข้าจริงๆ! เมื่อเป็นเช่นนี้ พ่อแม่ของเจ้าก็อาจจะยังมีชีวิตอยู่ พวกเขายังมีชีวิตอยู่!"ผู้เฒ่าฟู่ครั้งนี้ร้องจนหยุดไม่อยู่แล้วหลายปีมานี้เขาผ่านมาไม่ง่ายเลย กว่าจะชุบเลี้ยงลูกชายจนเติบโต แล้วลูกชายก็ยังเก่งกาจเสียขนาดนั้น เพิ่งจะมีชีวิตรุ่งโรจน์ในเมืองหลวง แล้วยังรับภรรยาที่ดีมา ตั้งครรภ์อย่างรวดเร็ว แล้วยังมีคุณความดีที่ช่วยชีวิตคนไว้อีกตอนนั้นพวกเขาเดิมทีรู้สึกว่าตระกูลฟู่กำลังจะโจนทะยานแล้วผู้เฒ่าฟู่ตอนนั้นก็มีความสุขที่สุด ขนาดคนในบ้านอื่นตอนนั้นก็ยังมีสีหน้าเช่นตอนนี้ เวลานั้นพวกเขาก็ยังคอยง้อเขาง้อฟู่จิ้นเชินอยู่เลยบ้านตระกูลฟู่คึกคัก แล้วยังดูมีอนาคตสดใสแต่แค่คืนเดียวก็เปลี่ยนไปทั้งหมดทั้งหมดกลายเป็นฟองสบูไปลูกชายและภรรยาเกือบถูกจับเข้าคุกราชวงศ์ แล้วต่อมาก็ยังหายสาบสูญ เหลือไว้แค่หลานสาวตัวน้อยที่อ่อนแอคนหนึ่ง วันวันเอาแต่ร้องไห้ ผู้เฒ่าฟู่รู้สึกเหมือนฟ้าถล่มลง
เสียงของเซียวหลันยวนดังลอดเข้ามาจากด้านนอก"ฝึกทหารมาปกป้องพี่สาวเจ้าหรือ? ปณิธานกว้างไกลเสียจริง"เซียวหลันยวนที่ไอเย็นวาบทั้งตัว คลุมด้วยผ้าคลุมขนจิ้งจอกขาว ยืนอยู่หน้าประตูเขามองมายังปู่หลานทั้งสามคนในห้อง ไม่เดินเข้ามาในใจเขาจะมากน้อยยังรู้สึกสับสนอยู่เห็นๆ อยู่ว่าเขากับฟู่จาวหนิงแต่งงานกันแล้ว เขาเป็นสามีของนาง ถึงอย่างไรเขาก็เป็นอ๋องของแคว้นเจานะ ในมือยังมีองครักษ์เงามังกรอยู่ด้วย แต่ปู่หลานตระกูลฟู่นี่กลับไม่นับเขาเข้าไป ยังคงรู้สึกว่าฟู่จาวหนิงเป็นหญิงสาวโดดเดี่ยวไร้ที่พึ่งพาอีกหรือ?ความรู้สึกนี้ทำให้เขารู้สึกพ่ายแพ้หน่อยๆฟู่จาวหนิงมีเขาคอยคุ้มครองไม่ได้หรือไรกัน?ผู้เฒ่าฟู่พอได้ยินเสียงของเขาก็รีบใช้ชายเสื้อเช็ดน้ำตาทันที ยืดหลังตรง น้ำเสียงสงบลงอย่างชัดเจน"เรื่องนี้ต้องขอบคุณอ๋องเจวี้ยน ตระกูลฟู่ซาบซึ้งอย่างเหลือคณา"ผู้เฒ่าคนนี้ คิดจะขีดเส้นชัดเจนกับเขาหรือ? มาพักถึงในจวนอ๋องเจวี้ยนแล้วแท้ๆ แต่ยังจะมาเกรงอกเกรงใจแบบนี้อีก?นิสัยนี้ไม่น่ารักเอาเสียเลยน้ำเสียงเซียวหลันยวนเองก็เรียบนิ่ง "ท่านผู้เฒ่าเกรงใจไปแล้ว หนิงหนิงเป็นภรรยาของข้า พวกท่านเองก็เป็นครอบครัว
เซียวหลันยวนพูดกับเขาว่า "แต่ว่าจดหมายที่เจ้าเขียน จะต้องส่งเข้าวังผ่านตาองค์จักรพรรดิเสียก่อน ดังนั้นจะเขียนอะไรเจ้าต้องคิดให้ดี"ราชาเฮ่อเหลียนจะฟังคำของเขาไหม นี่ก็ยังพูดลำบาก"ขอรับ"ฟู่จาวเฟยอารมณ์ก็เหมือนจะหมดอาลัยตายอยากขึ้นมา ผู้เฒ่าฟู่ตบลงบนบ่าเขา "ไป ปู่จะไปเขียนจดหมายกับเจ้า""ขอรับ"พวกเขาตอนที่ผ่านข้างตัวเซียวหลันยวน ผู้เฒ่าฟู่ก็ยืนนิ่ง เอ่ยกับเซียวหลันยวนว่า "ขอโทษด้วยจริงๆ พวกเราปู่หลานสองคนอาจจะต้องอยู่ในจวนอ๋องเจวี้ยนอีกสักวันสองวัน"เรื่องราวยังไม่ได้จัดการเสร็จสิ้น เขาเองก็ไม่อยากให้ฟู่จาวหนิงต้องวิ่งไปวิ่งมาสองด้าน เเขาเองก็ปวดใจ ดังนั้นทางที่ดีคือให้พวกเขาพักอยู่ในจวนอ๋องเจวี้ยนไปก่อน จาวหนิงเองก็จะได้พักฟื้นอย่างวางใจด้วย"ไม่เป็นไร พักเถิด" เซียวหลันยวนเองก็ตอบกลับเสียงเรียบ"อืม เช่นนั้นก็ขอบใจมาก"รอจนผู้เฒ่าฟู่กับฟู่จาวเฟยออกไป เซียวหลันยวนจึงปลดหน้ากากลง มองฟู่จาวหนิง สีหน้าดูน้อยเนื้อต่ำใจอย่างชัดเจน"วันนี้ในวังเกือบจะลงไม้ลงมือกับจักรพรรดิเสียแล้ว เขาคิดจะส่งข้าเข้าคุกด้วย"พรวด"เกิดอะไรขึ้น?" ฟู่จาวหนิงเกือบจะสำลักดังนั้นเขาถึงหายไปครึ่งค่อ
เซียวหลันยวนมองฟู่จาวหนิงครั้งนี้นางเป็นห่วงเขาอย่างจริงจัง"เป็นห่วงขนาดนี้เลยหรือ?""ท่านพูดอะไรน่ะ?" ฟู่จาวหนิงไม่ชินกับท่าทีอุบไว้แบบนี้ของเขาเอาเสียเลย"อันที่จริงก็ง่ายมาก ข้าก็พูดออกไปตรงๆ ว่าข้าจะพาเจ้าออกไปยังที่ห่างไกลรอบหนึ่ง ถึงตอนนั้นผู้เฒ่าฟู่กับฟู่จาวเฟยจะอยู่ในเมืองหลวง ถ้ามีการเคลื่อนไหวอะไรองค์จักรพรรดิก็จะรู้ได้""ง่ายๆ แค่นี้หรือ? แล้วเขาก็ปล่อยท่านออกมาน่ะนะ?"ฟู่จาวหนิงรู้สึกเกินคาด"อืม เจ้าไม่ค่อยรู้จักองค์จักรพรรดิดีน่ะสิ" เซียวหลันยวนเอ่ยขึ้น "เขาตอนนี้มีความทุกข์ใจอยู่เรื่องหนึ่ง ก็คือไท่ซ่างหวงทิ้งอะไรไว้ให้ข้ากันแน่ ในมือข้ามีองครักษ์เงามังกร เขาจะบีบให้ข้าเอาสิ่งยืนยันทั้งสามชิ้นออกมาก็ไม่ได้ แล้วครั้นจะแย่งชิงตรงๆ เขาก็ยังต้องรักษาหน้าตาไว้อีก""ดังนั้นพอบอกว่าจะออกเดินทางไกล เขาก็รู้ว่าท่านจะไปหาสิ่งที่ไท่ซ่างหวงทิ้งไว้ให้กับท่าน""ถูกต้อง เขาไม่มีทางขวางข้าแน่ ข้าบอกว่าข้าจะไปกับเจ้า แน่นอนว่าเขาไม่มีทางกักบริเวณเจ้าไว้ เพราะเขาเองก็รู้สึกว่า ถึงอย่างไรเขาก็ต้องส่งคนให้ลอบตามไปอยู่แล้ว นั่นก็ไม่แตกต่างอะไรกับคอยจับตาดูเจ้า"ฟู่จาวหนิงเข้าใจขึ
"จะว่าไป เสี่ยวเฟยอยู่ที่เมืองหลวง ข้าเองก็ไม่ค่อยว่างใจนะ เจ้าก็ออกไปข้าก็ออกไปด้วย เหลือเด็กไว้แค่คนเดียวเจ้าว่ามันได้หรือ?"ฟู่จาวเฟยลังเลขึ้นมา เอ่ยกับเขาต่อว่า "ท่านปู่ ข้าแค่คนเดียวก็ไม่เป็นไรหรอก ไม่ใช่ว่ายังมีพวกน้าเซี่ยอยู่ด้วยหรือ?""ข้าเองก็ไม่วางใจ ถึงตอนนั้นคนอยู่ภายนอก หัวใจบินกลับมาทุกวัน เอาแต่กังวลอยู่ตลอดแบบนี้ก้ไม่มีดีกับสุขภาพอีก จาวหนิงเจ้าว่าใช่ไหมล่ะ?"ฟู่จาวหนิงถูกผู้เฒ่าฟู่กล่อมคัดค้านกลับมาแล้วก็เป็นเช่นนั้นจริงๆเขาออกเมืองหลวงไปด้วยไม่ใช่ตัวเลือกที่ดี"วางใจเถอะ รอให้เจ้ากับอ๋องเจวี้ยนออกจากเมืองหลวงก่อน ข้ากับเสี่ยวเฟยจะอยู่แต่ในบ้านทุกวัน ไม่ออกไปไหน ไม่พบหน้าใคร ไม่ก่อเรื่อง และไม่ให้โอกาสใครมาก่อเรื่องด้วย จะรอพวกเจ้ากลับมาเงียบๆ เชื่อว่าองค์จักรพรรดิเองก็คงไม่เอาข้าไปทำอะไรก่อนที่พวกเจ้าจะกลับมาหรอก"ผู้เฒ่าฟู่ตบลงไปบนบ่าฟู่จาวหนิงเบาๆ"เจ้าก็อย่ากังวลพวกข้านักเลย เจ้าลองคิดดู ตั้งหลายปีมานี้ พวกเราพวกเราก็เดินดินอยู่ใต้แผ่นฟ้า ใช้ชีวิตอยู่ใต้หนังตาองค์จักรพรรดิ แล้วเขาทำอะไรไหม? วางใจได้แล้ว"ฟู่จาวหนิงถอนหายใจ"เช่นนั้นก็ฟังท่านปู่แล้วกัน"
"ไม่รู้ว่าท่านลุงครั้งนี้จะเจออุปสรรคมากไหม"ฟู่จาวหนิงส่งเสิ่นเสวียน กลับไปบนรถม้าพร้อมเซียวหลันยวน แต่ก็ยังกังวลอยู่บ้าง"เขารับมือได้ ไม่ต้องกังวลจนเกินไปหรอก""หลักๆ คือสุขภาพเขายังไม่ได้ดีขึ้นอย่างสมบูรณ์""เจ้าไม่ใช่ว่าให้ยาไปตั้งมากมายแล้วหรือ? ยิ่งไปกว่านั้น เขายังทิ้งองครักษ์อีกหกคนให้ติดตามมา ถึงตอนนั้นเจ้าสกัดยาแล้วให้พวกเขาส่งไปก็ยังได้"เสิ่นเสวียนเองก็ทิ้งองครักษ์วิชายุทธ์ยอดเยี่ยมไว้ให้ฟู่จาวหนิงถึงหกคน พอบวกกับคนคุ้มครองเรือนที่ตนเองพามาอีกสองคน และยังมีเฉินซานอีก นางก็มีคนแล้วถึงเก้าคนเสิ่นเสวียนคิดอะไรอยู่เขาเองก็เข้าใจแค่ให้ข้างกายฟู่จาวหนิงมีคนอยู่ ไม่ใช่เอาแต่พึ่งพาเขา เช่นนี้นางก็จะยิ่งมีการรับประกัน และรู้สึกปลอดภัยมากยิ่งขึ้นหรือก็คือ เขายังไม่ถูกเชื่อมั่นอย่างสนิทใจนั่นเองแต่ว่าเซียวหลันยวนเองก็ไม่สนใจที่เขาโดนวางยาพิษตอนเด็กในครั้งนั้น ก็มีการยืนยันจากปากผู้บัญชาการกองธงมู่แล้วว่าเกี่ยวข้องกับลัทธิเทพทำลายล้างช่วงนี้พวกเขาเองก็ตรวจสอบฮูหยินอาวุโสโหวจวิ้นอันกับคนข้างกายนางแล้ว ที่บังเอิญก็คือ สาวใช้ที่ติดตามฮูหยินอาวุโสเข้าวังในตอนนั้น หรือก็คื
ฟู่จาวหนิงอยู่ในคุกเองก็เบื่อหน่อยๆ แล้วนางเหลือบมองเซียวเหยียนจิ่งผาดหนึ่ง จากนั้นจึงตรงไปด้าหน้าเซียวหลันยวน "ข้าออกไปฟังหน่อยได้ไหม?""ไปเถอะ" เซียวหลันยวนพยักหน้า"เอ๋ ไม่หึงแล้วหรือ?" ฟู่จาวหนิงร้องชิชะเซียวหลันยวนหัวเราะเสียงทุ้ม "อย่าไปไกลนักล่ะ ข้าได้ยินอยู่"ถึงอย่างไรนางก็เบื่อๆ ถ้าเซียวเหยียนจิ่งพูดเรื่องอะไรที่ทำให้นางฆ่าเวลาได้ เช่นนั้นเขาก็ควรจะใจกว้างหน่อยแต่ว่า พวกเขาเดินไปไกลมากไม่ได้ ต้องอยู่ในระยะที่เขาสามารถได้ยิน"รู้อยู่แล้วว่าท่านจะใจกว้างหลอกๆ"ฟู่จาวหนิงวางพู่กัน ปรบๆ มือ จากนั้นจึงเดินออกจากห้องขัง"คิดจะพูดอะไร?"เซียวเหยียนจิ่งเดิมทีคิดจะให้เซียวหลันยวนหึงหวง ดังนั้นจึงไม่คิดจะเดินไปไกลนัก"มานี่หน่อย" เซียวเหยียนจิ่งเดินออกมาข้างๆ ไม่กี่ก้าว รู้สึกว่าระยะนี้เซียวหลันยวนน่าจะได้ยินเหมือนคนคุยกันแต่ไม่ได้ยินเนื้อหาด้านในเช่นนี้ก็พอดีฟู่จาวหนิงร้องเชอะในใจ น่าจะเข้าใจความคิดของเขาเพียงแต่เซียวเหยียนจิ่งก็ยังโง่อยู่ เขาคิดว่าระยะนี้เซียวหลันยวนไม่ได้ยินหรือไรกัน?นางเดินออกไปเซียวเหยียนจิ่งบอกกับผู้คุมข้างๆ คำหนึ่ง ให้เขาออกไปก่อนผู้คุม
ถ้าไม่ใช่ห้องขังรอบๆ ยังมีสภาพเดิมอยู่ เขาก็คงจะสงสัย ว่าฟู่จาวหนิงกับเซียวหลันยวนพักอยู่ในโรงเตี๊ยมอะไรกันคุกที่ไหนเขาจัดกันอบอุ่นแบบนี้บ้าง!"พระชายาอ๋องเจวี้ยน รบกวนออกมาหน่อย มีคนมาพบท่าน" ผู้คุมเปิดประตูยังต้องปรบมือเรียกคนม่านนั้นเลิกออก เซียวเหยียนจิ่งมองเข้าไปด้านใน และเห็นเซียวหลันยวนกำลังนั่งอยู่บนเก้าอี้ที่ปูด้วยเบาะรองตัวหนึ่งพลิกเปิดอ่านหนังสือ บนโต๊ะข้างๆ ยังมีชาที่ร้อนกรุ่นอยู่อีกกาหนึ่งด้วยฟู่จาวหนิงยืนอยู่ข้างๆ เขา กำลังจรดพู่กันเขียนอักษรดูแล้วเหมือนกำลังใช้ชีวิตประจำวันอยู่เลย!เซียวหลันยวนมองออกมา สบเข้ากับสายตาของเซียวเหยียนจิ่งพอดีเซียวเหยียนจิ่งเดิมทีใจก็กระตุกวูบ เขาเกือบจะถอยหนีออกมาแล้ว แต่ตอนที่เห็นฟู่จาวหนิง ไฟริษยาก็ทำให้เขาลืมความกลัวไปไม่ได้เจอกันตั้งครึ่งค่อนปี ฟู่จาวหนิงกลับสวยขึ้นกว่าเดิมเสียอีกเธอเป็นสาวเต็มตัวแล้ว ความเขินอายแบบเด็กสาวก็หายไปใบหน้าเปล่งปลั่ง รูปร่างก็ได้สัดส่วน ไม่เหมือนแต่ก่อนที่ผมบาง แต่มีส่วนโค้งเว้าที่สวยเด่นแค่ชดกระโปรงสีเหลืองเรียบง่าย เห็นแล้วก็ยังรู้สึกเย้ายวนเป็นพิเศษหลี่จื่อเหยาเทียบกับนางได้เสียที่ไหน!
หมากก้าวแรกของพวกชินอ๋องเซียวในตอนนั้นก็เสี่ยงเหมือนกัน ไปบอกเรื่องที่พวกเขารู้กับองค์จักรพรรดิ แม้จะช่วยจัดการพยานสองคนนั้นไปแล้ว แต่องค์จักรพรรดิก็อาจจะยังไม่ละเว้นพวกเขาอยู่ถึงอย่างไรปากของคนตายนี่ล่ะที่ปิดสนิทที่สุด"ท่านพ่อ ความสัมพันธ์ของพวกเรากับองค์จักรพรรดิ จะไปเทียบกับตระกูลฟู่ได้อย่างไร?"เซียวเหยียนจิ่งไม่เห็นด้วยท่านพ่อกับองค์จักรพรรดิเป็นลูกพี่ลูกน้องกัน พวกเขาล้วนสกุลเซียว ยิ่งไปกว่านั้นชินอ๋องเซียวก็ยังคุกคามองค์จักรพรรดิไม่ได้ จวนชินอ๋องเซียวเองก็ไม่ได้มีอำนาจสักเท่าไร ก็แค่อาศัยแต่พระมหากรุณาธิคุณของฝ่าบาทไปเท่านั้นดังนั้นองค์จักรพรรดิจึงเชื่อในความจริงใจที่พวกเขาส่งไปให้ เชื่อว่าพวกเขาต้องการแค่จะได้รับการให้ความสำคัญและการปกป้องจากฝ่าบาทเท่านั้น"ตระกูลฟู่จะไปมีอะไร? ฝ่าบาทไม่จำเป็นต้องเห็นพวกตระกูลฟู่อยู่ในสายตาเลย ส่วนเซียวหลันยวนก็เป็นหนามในสายตาองค์จักรพรรดิอีก องค์จักรพรรดิคิดจะรับมือกับเซียวหลันยวน ตอนนี้เซียวหลันยวนเองก็มีจุดอ่อนที่ใหญ่ที่สุดอยู่ นั่นก็คือฟู่จาวหนิง"พอพูดคำนี้ เซียวเหยียนจิ่งก็ดูไม่ค่อยสบายใจขึ้นมาที่ต้องให้เขายอมรับว่าเซียวหลันย
ก่อนหน้านี้ฟู่จิ้นเชินชื่อเสียงระบือเมืองหลวง และเคยขี่ม้าไปตามถนนสายยาว เคยเข้าไปในโรงสุราประชันโคลงกลอนกับผุ้อื่น เป็นช่วงเวลาที่รุ่งโรจน์เหลือประมาณเพราะเขามีหน้าตาที่ไร้เทียมทาน คนที่ไปดูเขาโดยเฉพาะก็มีไม่น้อย ผ่านไปหลายปีเช่นนี้ คนที่ยังจดจำหน้าตาเขาได้ก็มีอยู่ไม่น้อยด้วยเช่นกันโดยเฉพาะแม้จะผ่านไปสิบกว่าปีแล้ว เขาก็แทบไม่ได้ดูแก่ลงเลย มีแค่ความสุขุมที่มากขึ้น คนที่เคยเจอเขาในครั้งนั้น พอคิดว่าแค่เหลือบมองแล้วจำเขาได้ก็คงไม่ใช่เรื่องที่ยากเย็นอะไรกลับกันตัวฟู่หลินซื่อ คนที่พบเจอมีไม่มากนัก"ตอนนั้นคนที่ส่งข่าวให้พวกเราบอกว่า รอให้ฟู่หลินซื่อกลับเมืองหลวง จึงสามารถคิดหาวิธีให้เรื่องเมื่อสิบแปดปีก่อนเกิดขึ้นอีกครั้ง"ชินอ๋องเซียวกดเสียงต่ำ "สิบแปดปีก่อน เรื่องที่ฟู่หลินซื่อถูกใส่ร้ายว่าวางยาพิษเซียวหลันยวนสินะ ตอนนี้นางกลับมาแล้ว จะมีคนยืมมือของนางลงมือวางยาพิษกับเซียวหลันยวนอีกครั้งหรือ?"เซียวเหยียนจิ่งในใจมีความตื่นเต้นที่ยากจะพรรณนาออกมาเขาช่วงนี้เฝ้าคอยเรื่องนี้อยู่ตลอดก่อนหน้านี้เขาถอยห่างฟู่จาวหนิง อยากจะหนีนางไปให้ไกลๆ แต่ตอนนี้เขาเสียใจขึ้นมาเสียแล้วนับตั้งแต่
ผู้อาวุโสจี้อยู่ในรถม้าด้านหลัง เขาเองก็เลิกม่านขึ้นมองด้านนอก พอเห็นร้านรวงสองฟากฝั่งถนนแขวนไว้ด้วยโคมแดงก็ถอนหายใจ"จะปีใหม่อีกแล้ว"ชายหนุ่มอายุราวสามสิบปีอีกหนึ่งคนที่นั่งอยู่ในรถม้าก็มองออกไปด้านนอก พอได้ยินเขาพูดเช่นนี้ก็มองไปทางผู้อาวุโสจี้ ถอนหายใจเอ่ยขึ้นว่า "ผู้อาวุโสจี้ นี่จะปีใหม่อยู่แล้ว เจ้าพันธมิตรเรียกท่านกลับไปรวมตัวที่สาขาหลัก ท่านทำไมจึงปฏิเสธล่ะ?"ผู้อาวุโสจี้ไม่ได้กลับสาขาหลักไปช่วงปีใหม่หลายปีแล้ว"ไม่อยากไป วุ่นวายเกิน" ผู้อาวุโสจี้ส่ายหัว ไม่สนใจอย่างเห็นได้ชัด"ผู้อาวุโสคนอื่นก็ล้วนอยู่ที่พันธมิตร แม้ว่าเวลาปกติจะไปที่นั่นที่นี่ แต่พอถึงช่วงไว้พระจันทร์กับปีใหม่ล้วนกลับไป ตอนที่พวกเขาอยู่ด้วยกันยังสามารถหารือเรื่องใหญ่ต่างๆ ในพันธมิตรได้ นอกจากนี้ทุกสิ้นปีฝ่ายบัญชีพันธมิตรโอสถก็จะตรวจสอบแบ่งปันเงิน ท่านไม่กลับไป เรื่องพวกนี้ก็ไม่รู้ว่าจัดการกันชัดเจนหรือไม่ชายคนนี้เพิ่งจะถูกย้ายมาเป็นผู้ดูแลพันธมิตรคนใหม่ของเมืองหลวง ซูเหอซูเหอเองก็ถือเป็นคนที่ได้รับการสนับสนุนจากผู้อาวุโสจี้ เดิมทีด้วยอายุและประสบการณ์ของเขา ควรจะถูกจัดไปอยู่ประจำที่สาขาของพันธมิตรโอ
"หวานจัง"องค์หญิงนานฉือกินไปคำหนึ่ง ตาก็เป็นประกายขึ้นมา"ลูกชิ้นนี่เหนียวหนึบหนับดี เด้งและอ่อนนุ่ม น้ำแกงก็หวาดดี อร่อยจัง""ลูกชิ้นนี้ต้องใช้น้ำอุ่นที่อุณหภูมิพอดีมานวด ส่วนเวลาและแรงตอนที่นวดก็ต้องพิถีพิถันด้วย ท่านพี่เองก็ชอบกิน พีสะใภ้กินเยอะหน่อยๆ"องค์หญิงหนานฉือชอบกิน อันชิงจึงดีใจมากนางนั่งอยู่ตรงข้ามมององค์หญิงหนานฉือ รู้สึกว่านางดุมีเสน่ห์กว่าก่อนที่แต่งงานเสียอีก สวยจับใจจริงๆ"พี่ชายของเจ้า..."องค์หญิงหนานฉือหน้าร้อนขึ้นมาเดิมทีนางก็เป็นคนที่ค่อนข้างเปิดเผย แต่พอเจอกับเรื่องนี้ก็อดเขินอายขึ้นมาไม่ได้เหมือนักนพูดพูดถึงผู้ตรวจการอันเหนียน องค์หญิงหนานฉือก็รู้สึกปากร้อนขึ้นมาหน่อยๆ นางไม่เคยคิดเลยว่าผู้ตรวจการอันที่มีหน้าตางดงามอ่อนโยนมีการศึกษา จะเป็นชายหนุ่มที่มีอารมณ์หนักหน่วงคนหนึ่งแบบนี้!หลายวันนี้ ทุกวันตอนกลางคืนเขาก็จะมาทรมานนางสองครั้ง หลังจากเสร็จประชุมเช้า เขาก็ยังกลับมาทรมานนางอีกครั้งยิ่งไปกว่านั้นทุกครั้งก็ยังใช้เวลานาน นี่ทำเอานางหลายวันนี้มึนๆ งงๆ ร่างกายเมื่อยขบนอนไม่พอ ไม่ค่อยได้ออกจากห้องเลยทุกมื้อล้วนมีคนส่งอาหารเข้ามาในห้อง นางเองก็ขี
ฟู่จาวหนิงเองก็ไม่สนใจว่าองค์จักรพรรดิจะถามพวกอวิ๋นจูอย่างไรนางกลับมาที่จวนอ๋องเจวี้ยนอีกครั้ง ครั้งนี้ย้ายของไปมากกว่าเดิม ถึงกับตกแต่งห้องขังนั้นขึ้นมาแล้วประตูห้องขังยังแขวนม่านเอาไว้ด้วย บนพื้นปูพรม บนเตียงยังมีฉากกั้นลมสูงครึ่งตัวคนอีก แล้วยังกั้นเป็นห้องเล็กๆ สามารถวางถังปลดทุกข์ใบหนึ่งได้ด้วยที่มุมยังมีแจกันดอกไม้ บนกำแพงติดเชิงเทียนเอาไว้ แล้วยังแขวนเครื่องหอมไว้อีกย้ายโต๊ะมาหนึ่งตัว เก้าอี้สองตัว แล้วยังมีเบาะรองนั่งอีกพู่กันหมึกกระดาษแท่นฝนหมึกก็ยังติดมา แล้วยังมีเตาเล็กสำหรับอุ่นชาอุ่นสุราอีกชุดหนึ่ง วางเครื่องลายครามที่ประณีตสวยงามเอาไว้องครักษ์จวนอ๋องเจวี้ยนหลังจากย้ายของพวกนี้เข้ามาจัดวางแล้ว ห้องขังนี้ก็เปลี่ยนไปอย่างมากหัวหน้าคุกกับผู้คุมมองจนตาตั้งพวกเขาไม่ใช่ว่าไม่ได้ห้ามปราม แต่ฟู่จาวหนิงพูดมาคำเดียวว่า "ข้าบอกกับองค์จักรพรรดิแล้วว่ามาอยู่เป็นเพื่อนท่านอ๋อง" พวกเขาก็ต้องก้มหน้ากลับไปหัวหน้าคุกรู้สึกว่าผิดปกติไปจริงๆ วิ่งไปรายงานกับหัวหน้า ตอนกลับมายังคิดจะรื้อของเหล่านี้ของฟู่จาวหนิงออก"พระชายาอ๋องเจวี้ยน องค์จักรพรรดิให้อ๋องเจวี้ยนมาทบทวนตนเองให้
"ที่แท้การขังเอาไว้ในคุกใหญ่ก็ไม่เรียกว่าการลงโทษสินะ?""ฟู่จาวหนิง วันนี้เจ้าคิดจะมาทำอะไรกันแน่? ข้ามีงานการอีกตั้งมาก ไม่มีเวลามาเสวนาไร้สาระกับเจ้านะ!" องค์จักรพรรดิรู้สึกว่าแค่เห็นฟู่จาวหนิงเขาก็ปวดหัวเสียแล้วเขาเองก็ไม่กล้าทำอะไรนางจริงๆวิชาแพทย์ของฟู่จาวหนิงสูงส่งมาก! ในใจเขายังรู้สึกว่าโชคดีมาก ถึงอย่างไรนางก็เป็นคนของแคว้นเจา ถึงอย่างไรนางก็ยังมีญาติอยู่ที่เมืองหลวง ถึงอย่างไรตระกูลฟู่ก็ไม่ได้มีรากฐานอะไร ดังนั้นตอนที่เขาต้องการนางจริงๆ เขายังมั่นใจว่าตนเองจะบีบจุดอ่อนของนาง แล้วนำนางมาใช้ประโยชน์เพื่อตนเองได้ใครให้วิชาแพทย์ต้องมาเจอกับหายนะเข้าในใต้หล้านี้กัน ปัจจุบันพวกหมอเก่งๆ ล้ำค่าจะตายไปก่อนหน้านี้แคว้นเจามีหมอเทวดาหลี่ พวกเขาก็รู้สึกมีความมั่นใจอยู่ แต่พอเทียบกับฟู่จาวหนิง วิชาแพทย์ของหมอเทวดาหลี่กลับห่างชั้นอยู่ไกลโขเลยทีเดียวเพื่อวิชาแพทย์ของนาง ขอแค่นางไม่มาเหยียบเส้นต่ำสุดที่ไม่ควรล้ำ องค์จักรพรรดิก็ยังมีความอ่อนข้อให้สูงลิบอยู่เพียงแต่ว่า นางนี่มันน่าโมโหเสียจริงองค์จักรพรรดิรู้สึกว่ายิ่งพูดกับฟู่จาวหนิงมากแค่ไหนชีวิตเขาก็สั้นลงไปอีกหลายปี"แค่อยากจ
องค์จักรพรรดิพอได้ยินคำของฟู่จาวหนิง หน้าผากก็มีเส้นเลือดปูดตึงขึ้นมา"อายวนเขามีอะไรต้องทุกข์ใจกัน? ไม่พอใจข้าที่ให้เขาไปนั่งทบทวนตนเองในคุกหรือ?"ถ้านางกล้าบอกว่าไม่พอใจล่ะก็...ในใจองค์จักรพรรดิยังกำลังคิด ว่าตอนที่นางพูดว่าไม่พอใจแล้วจะตอกนางกลับไปอย่างไร ก็ได้ยินฟู่จาวหนิงใช้น้ำเสียงแปลกประหลาดออกมาคำหนึ่ง"องค์จักรพรรดิ ใครบ้างที่ยินดีจะอยู่ในคุก?"องค์จักรพรรดิ: นี่ยังจะย้อนถามมาอีกหรือ?"แต่ต่อให้ไม่ยินดีก็มิอาจขัดราชโองการได้" ฟู่จาวหนิงผายสองมือออก ดูจำใจอย่างมาก "เขาเป็นทุกข์ก็คือพวกสาวงามที่องค์จักรพรรดิยัดเข้ไาปข้างกายนั่นมันน่าโมโหมาก องค์จักรพรรรดิให้พวกนางไปดูแลเขา ผลลัพธ์คือพวกนางทั้งหมดก็หนีไปกันเกลี้ยง!""หนีหรือ?"องค์จักรพรรดิเองก็เดินตามแนวคิดของนางโดยไม่รู้ตัว กระทั่งน้ำเสียงก็ยังเลียนเสียงนางขึ้นอย่างไม่รู้ตัวจากนั้นเขาจึงได้สติกลับมา อยากจะตบปากตัวเองเสียจริงๆ"ใช่ไหมล่ะ เกินไปจริงๆ องค์จักรพรรดิ อายวนอยู่ในคุำำใหญ่ออกมาไม่ได้ ดังนั้นเขาจึงให้ข้าเข้าวังมาบอกกับองค์จักรพรรดิ จวนอ๋องเจวี้ยนไม่ต้อนรับสาวงามพวกนี้ แต่เจอเรื่องครั้งนี้เข้าไปก็ส่งผลกระทบกั