"ไม่รู้ว่าท่านลุงครั้งนี้จะเจออุปสรรคมากไหม"ฟู่จาวหนิงส่งเสิ่นเสวียน กลับไปบนรถม้าพร้อมเซียวหลันยวน แต่ก็ยังกังวลอยู่บ้าง"เขารับมือได้ ไม่ต้องกังวลจนเกินไปหรอก""หลักๆ คือสุขภาพเขายังไม่ได้ดีขึ้นอย่างสมบูรณ์""เจ้าไม่ใช่ว่าให้ยาไปตั้งมากมายแล้วหรือ? ยิ่งไปกว่านั้น เขายังทิ้งองครักษ์อีกหกคนให้ติดตามมา ถึงตอนนั้นเจ้าสกัดยาแล้วให้พวกเขาส่งไปก็ยังได้"เสิ่นเสวียนเองก็ทิ้งองครักษ์วิชายุทธ์ยอดเยี่ยมไว้ให้ฟู่จาวหนิงถึงหกคน พอบวกกับคนคุ้มครองเรือนที่ตนเองพามาอีกสองคน และยังมีเฉินซานอีก นางก็มีคนแล้วถึงเก้าคนเสิ่นเสวียนคิดอะไรอยู่เขาเองก็เข้าใจแค่ให้ข้างกายฟู่จาวหนิงมีคนอยู่ ไม่ใช่เอาแต่พึ่งพาเขา เช่นนี้นางก็จะยิ่งมีการรับประกัน และรู้สึกปลอดภัยมากยิ่งขึ้นหรือก็คือ เขายังไม่ถูกเชื่อมั่นอย่างสนิทใจนั่นเองแต่ว่าเซียวหลันยวนเองก็ไม่สนใจที่เขาโดนวางยาพิษตอนเด็กในครั้งนั้น ก็มีการยืนยันจากปากผู้บัญชาการกองธงมู่แล้วว่าเกี่ยวข้องกับลัทธิเทพทำลายล้างช่วงนี้พวกเขาเองก็ตรวจสอบฮูหยินอาวุโสโหวจวิ้นอันกับคนข้างกายนางแล้ว ที่บังเอิญก็คือ สาวใช้ที่ติดตามฮูหยินอาวุโสเข้าวังในตอนนั้น หรือก็คื
ดังนั้นเขาจึงคิดจะให้คนเหล่านี้ตามไปจนถึงที่นี่ก่อนค่อยว่ากัน"หุบเขาซานชิง?"ฟู่จาวหนิงขมวดคิ้ว "นั่นไม่ใช่ว่าอันตรายมากหรอกหรือ? ท่านคิดจะใช้ตนเองเป็นเหยื่อล่อพวกเขา?"เขาอยากจะบีบคนที่คิดจะลงมือพวกนั้นให้ลงมือหรือ? จัดการทิ้งไปด้านหนึ่งก่อนแบบนี้?แต่จะยืนยันได้อย่างไรว่ามีแค่ฝ่ายเดียวที่ลงมือ? ถ้าเผื่อพวกกลุ่มสำนักอื่นพวกนั้นลงมือขึ้นมาพร้อมกันด้วยล่ะ? พวกเขาเองก็อันตรายมากด้วยเช่นกัน"ข้าไม่สามารถลงมือจัดการพวกเขาทิ้งได้ทันที ยิ่งไปกว่านั้นยังเปลืองแรงมากด้วย" เซียวหลันยวนอธิบายกับนาง "ดังนั้นจึงจะให้โอกาาสลงมือที่เหมาะสมกับพวกเขาสักครั้ง จากนั้นค่อยควานหาตัวปลาในน้ำขุ่น ให้พวกเขามาอยู่ด้วยกันแล้วตีกันเอง"ฟู่จาวหนิงตาเป็นประกาย ตอนนี้เข้าใจความหมายของเขาแล้ว"ท่านจะให้พวกเขามากัดกันเองหรือ?""กัดกันเอง?" เซียวหลันยวนยิ้มขึ้นมา "คำพูดนี้ใช้ได้เหมาะสมจริงๆ ใช่ ให้กัดกันเอง แล้วถ้าดวงดีหน่อย ไม่แน่อาจจะจัดการพวกเขาทิ้งได้ในคราวเดียวเลย"ฟู่จาวหนิงสนใจขึ้นมา "จะจัดการพวกเขาในครั้งเดียวก็ไม่ใช่จะทำไม่ได้ ใช้ยาเป็นอย่างไร!""อื๋อ? เจ้ามีพอใช้กับคนมากขนาดนี้เลยหรือ?"ทำไมจะไม
เซียวหลันยวนรู้มาตลอดว่าพิษที่ตนเองติดมานี้มีภัยถึงชีวิตเพียงแต่หลายปีมานี้เขาก็คอยให้คนออกไปค้นหาวัตถุดิบยา หาหมอไปทั่วมาโดยตลอด ท้ายสุดพอมาเจอกับฟู่จาวหนิง และได้รับเลือดกวางกับไหมใจโลหิตมา นางก็จัดการสะกดพิษตัวนี้เอาไว้ให้กับเขาถ้าไม่มีนาง เขาตอนนี้คงจะทนไม่ไหวไปแล้ว คงได้นอนแผ่อยู่บนเตียงลุกไม่ขึ้น ไม่สามารถออกไปไหนมาไหนได้อย่างแน่นอนแต่ว่าพิษนี้ก็ยังไม่มีทางแก้ ตอนนี้ทำได้เพียงยืดเวลาออกไปเท่านั้นเขาไม่คิดว่าตนเองจะไม่เป็นไรจริงๆ ถึงอย่างไรแผลเป็นพิษใบหน้าแผลนั้นก็ยังอยู่มาโดยตลอด ยิ่งไปกว่านั้นช่วงนี้ก็เหมือนจะหนักข้อขึ้นด้วยแผนเป็นพิษนั้นลามกว้างแล้ว ตอนนี้มาถึงกลางใบหน้าเรียบร้อยยิ่งไปกว่านั้นก่อนหน้านี้เขาสวมหน้ากากไว้ตลอดยังพอได้ แต่ตอนนี้ช่วงเวลาสวมหน้ากากก็สั้นลงเรื่อยๆ พอสวมไว้นานหน่อยแผลเป็นพิษก็จะคันขึ้นมา คันเอามากๆยังดีที่ช่วงนี้พวกเขาออกมาจากเมืองหลวง กำลังเร่งระยะทาง ตอนอยู่บนรถม้าเขาก็เจอแค่ฟู่จาวหนิงเท่านั้นจึงสามารถปลดหน้ากากลงได้แต่พอเข้าเมือง ผ่านพวกหมู่บ้าน เขาก็ยังต้องสวมมันขึ้นมาถ้าผ่านไปอีกช่วงหนึ่ง แผลเป็นพิษนี้คงจะขยายไวขึ้นไปอีก สีกับลวด
"ถ้าหากจะปกป้องชีวิตข้าเช่นนี้จริงๆ ก็ใช้ใบหน้าเถอะ"เซียวหลันยวนแม้ว่าในใจจะเจ็บปวด แต่เขาไม่ใช่คนอ่อนแอแบบนั้น ตัดสินใจออกมาทันที"ยอมให้ใบหน้านี้ยับเยินไป ก็ยังดีกว่าทำให้ข้าเดินไม่ได้ไปตลอดชีวิต" เซียวหลันยวนอธิบาย "ขอแค่ข้ายังขยับตัวได้อย่างอิสระ เผื่อถ้าเจ้าต้องการให้ข้าช่วยอะไร ข้าก็ยังช่วยเหลือได้ทันท่วงที"ถึงอย่างไร เขาก็ยังสวมหน้ากากไปหานางได้ฟู่จาวหนิงฟังคำพูดเขาแล้วรู้สึกแปลกๆด้วยระยะห่างระหว่างพวกเขา เขาต้องมาหาอย่างทันท่วงที?ความหมายของคำพูดเขา ก็คือหลังจากนี้พวกเขาจะไม่อยู่ด้วยกันแล้วหรือ?"เซียวหลันยวน ท่านหมายความว่าอย่างไร?""ข้าก่อนหน้านี้อันที่จริงก็เจอกับหมอเทวดาหลายคนในงานประชุมหมอใหญ่" เซียวหลันยวนเอ่ยขึ้น "พวกเขาเคยหารือกันแล้ว ถ้าหากติดไปแล้วพักหนึ่งก็จะแก้ไม่ได้ สามารถใช้ยาผสานเข้ากับกำลังภายใน บีบให้มาอยู่ที่ขาทั้งสอง เช่นนี้ขาทั้งสองจะใช้การไม่ได้ เดินเหินก็ไม่ได้ แต่รักษาชีวิตไว้ได้"ฟู่จาวหนิงขมวดคิ้ว"ดังนั้น ถ้าหากมีวันหนึ่งเจ้าต้องการจะรักษาชีวิตข้าไว้เช่นนี้ ก็อย่าเลือกข้อนี้เลย""เขาไม่อยากกลายเป็นขยะที่ต้องนั่งอยู่แต่ในรถเข็นยืนไม่ขึ้น
จากคำพูดของเซียวหลันยวน คือเขาจะอยู่เงียบๆ เพื่อวางแผนเรื่องหุบเขาซานชิงแล้วก็ ตอนกลางคืนหน้าของเขาจะคันจนทำให้เขานอนไม่หลับ ถ้าตนเองนอนอยู่ด้วย จะส่งผลกระทบกับฟู่จาวหนิงได้ตอนที่ควรพูด ตอนที่ควรล้อเล่น เขาก็ยังไม่เปลี่ยนไปแต่ว่า เขาไม่ได้ทำท่าทางใกล้ชิดอะไรกับนางอีกเลย"ข้าตอนนี้สวมหน้ากากแล้วแผลเป็นพิษจะคัน แต่ตอนที่ไม่สวม พอเข้าใกล้เจ้า เห็นใบหน้าขาวนวลไร้ริ้วรอยของเจ้า ข้าก็รู้สึกว่าความน่าเกลียดของข้าส่งไปถึงเจ้าแล้ว"เซียวหลันยวนบอกเช่นนี้กับนาง"ยิ่งไปกว่านั้น ถ้าอยู่ใกล้ชิดกันเกินไป ข้ากลัวว่าแผลเป็นพิษของข้าไปสัมผัสกับใบหน้าเจ้า ถึงเจ้าไม่บอกข้า แต่ข้าก็รู้ ว่าแผลเป็นพิษมันจะถลอก บางครั้งยังมีหนองไหลออกมาอีกด้วย"เซียวหลันยวนเอ่ยอย่างจำใจกับนาง"กลิ่นตัวข้าเองก็ไม่ได้น่าดมนัก บวกกับกลิ่นยาที่โดนพิษอีก ภายใต้สถานการณ์เช่นนี้ ถ้าข้ายังไปหอมเจ้าจูบเจ้า ไม่ใช่ว่ากลายเป็นข้าบีบให้เจ้าต้องมาทนกับกลิ่นแย่ๆ หรอกหรือ? หนิงหนิง ไว้หน้าข้าสักหน่อยเถิด"ฟู่จาวหนิงเดิมทีคิดจะคุยกับเขาดีดี พอได้ยินเขาเอ่ยอย่างตรงไปตรงมาเช่นนี้ นางเองก็ไม่มีคำจะพูดสิ่งเหล่านี้ที่เขาพูดก็พอเข้าใ
ถ้าไม่ใช่เซียวหลันยวนสุขภาพตอนนี้ไม่เหมาะจะไปเสี่ยง ฟู่จาวหนิงก็คงไม่ให้องครักษ์ลับปลอมตัวเป็นเขาหรอกแต่ว่าร่างกายขององครักษ์ลับ ตอนนี้ก็ปลีกตัวได้ง่ายกว่าเขาจริงๆขอแค่พบว่าในรถม้าไม่ใช่เซียวหลันยวน อีกฝ่ายก็ไม่แน่ว่าจะลงมือสังหารอย่างเด็ดขาด ดังนั้นจึงค่อนข้างปลอดภัยกว่าแต่สุขภาพของเซียวหลันยวนตอนนี้ ถ้าไปเองคือไม่ไหวจริงๆ"ข้าจะพยายามไม่ใช้วิชายุทธ์ให้มากที่สุด เพียงแค่โผล่หน้าออกไป ถึงตอนนั้นชิงอีกพวกเขาก็จะคุ้มกันข้าออกไปเอง ทางนั้นมีคนไปสำรวจเส้นทางไว้แล้ว"เซียวหลันยวนพอเห็นว่านางโมโหขึ้นมาแล้วจริงๆ จึงทำได้แค่อธิบายดีดี"พวกเราได้เปรียบพวกเขาตั้งขนาดนี้ พวกเขารู้ทิศทาง รู้ว่าจะต้องเดินเส้นทางไหน ดังนั้นจึงส่งคนไปดูก่อน แต่ว่าพวกเขาไม่รู้ ทำได้แค่คอยตามพวกเรา ตามเข้ามาถึงสถานที่นี้จึงเพิ่งรู้ว่าจะเข้าหุบเขาซานชิง""ถ้าอย่างนั้นช่วงที่พวกเราพักกันนี่ล่ะ? ท่านรู้ได้อย่างไรว่าพวกเขาจะไม่ส่งคนออกไปตรวจสอบ?""ข้าส่งคนไปซุ่มที่นั่นแล้ว พวกเขาถ้าส่งคนเข้าไปก่อน ก็คงเข้าไปแต่กลับออกมาไม่ได้" เซียวหลันยวนยิ้มๆ "แต่ว่าพวกเขาที่ไม่ได้รับข้อมูล ก็คิดได้แค่ว่าในหุบเขานั้นอันตรายมาก
ต่อให้นางไม่มีกำลังภายใน ก็ยังได้ยินการเคลื่อนไหวด้านหลังขึ้นในพริบตาคนที่ตามมาตลอดทางเหล่านั้นกลัวว่าจะถูกสะบัดทิ้งในเส้นทางที่ซับซ้อนนี้ จึงเพิ่มความเร็วทันที และไม่สนว่าจะถูกเปิดโปงหรือไม่ รีบร้อนตามไปเมื่อเป็นเช่นนี้ พวกเขาก็ล้วนมองข้ามฟู่จาวหนิงทางนี้ไปฟู่จาวหนิงเม้มปากจะบอกว่าไม่กังวลก็คือโกหก แต่ในเมื่อพุดกันดีแล้ว นางเองก็จะไม่ทำอะไรเพื่อทำลายจังหวะของเขาอีก"คุณหนูจาวหนิง พวกเราต้องเพิ่มเวลาอีกสองวันจึงจะอ้อมออกจากหุบเขาซานชิงได้" ไป๋หู่ที่ขี่ม้าอยู่ข้างรถม้าเอ่ยขึ้นกับนาง"เอาให้เร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้" ฟู่จาวหนิงตอบ"ขอรับ"พวกเขาสามารถอ้อมออกไปก่อน แล้วไปรอเซียวหลันยวนที่ทางออก ถ้าหากมีเรื่องอะไรก็ยังสามารถรีบกลับไปได้ แต่ถ้าหากไปอย่างเชื่องช้าก็คงจะหันไปทางนั้นไม่ทันการพอดีม่านรถเซียวหลันยวนเลิกออก เขานั่งอยู่ในรถม้า แล้วยังยื่นตัวออกมาพูดอีกสองสามคำ เป้าหมายก็เพื่อให้คนที่ตามมามองเห็นเขา"เพิ่มความเร็ว" เขาพูดกับชิงอีชิงอีรับคำ ร้องย่าห์ขึ้นมา ทะยานความเร็วม้ารถม้าวิ่งทะยาน คนที่ตามมาด้านหลังก็ไม่มีเวลาไปสนด้านซ้ายขวา คิดแต่ว่าจะถูกทิ้งไม่ได้ ตามติดแน่
"ฮี้——"เสียงม้าร้อง มีสองตัวโดนเข็มพิษเข้าไป ยกเท้าคู่หนั้นขึ้นทันควัน สิ่งของที่แบกอยู่บนตัวก็ร่วงลงมา และส่งผลกระทบกับม้าอีกหลายตัวด้านหน้าฝูงม้าโกลาหลขึ้นมาทันที"ไม่ต้องสนใจสิ่งของ ทะยานออกไป!" องครักษ์จวนอ๋องร้องขึ้นเสียงดัง"ขวางพวกเขาไว้!"คนชุดดำขว้างมีดพิษออกไปอีกอีกครั้งกลุ่มด้านหลังนั้นเองก็ไล่กระชั้นขึ้นมาตอนนี้เองพวกเขาก็เข้ามาในวงซุ่มโจมตีได้ยินเพียงเสียงหวีดหวิว บนยอดเขาจู่ๆ ก็มีก้อนหินกลิ้งลงมาอย่างรวดเร็วราวสายฟ้าฟาดทางซ้ายขวามีหิมะผืนใหญ่ถูกกวาดลงมา ชั่วขณะหนึ่งก็เหมือนมีหิมะหนาแน่นตกลงมากะทันหัน เข้าขวางระยะสายตาของคนชุดดำไว้องครักษ์ชุดสีเขียวมรกตเข้มกระโจนลงมาจากเนินเขา พุ่งไปทางคนชุดดำเช่นเดียวกับหินที่ร่วงลงมาปากจมุกพวกเขาล้วนพันผ้าเปียกที่ชุบน้ำยาชิ้นหนึ่งเอาไว้ สามารถป้องกันพิษได้ ผงพิษในมือสาดไปทางคนชุดดำพวกนั้นนอกจากนี้ยังมีคนชูผ้าคลุม พัดกระพือลมไปทางผงพิษเหล่านั้น ทำให้ผงพิษเหล่านั้นกระจายออกไปได้เร็วขึ้นเพราะว่ามีหิมะลอยคลุ้ง คนชุดดำจึงไม่ได้สังเกตเลยว่าด้านในมีผงพิษอยู่ กลั้นหายใจไม่ทันกันเลยจนกระทั่งหัวหน้าพบสิ่งผิดปกติ ก็ร้องคำรา
แม้จะผ่านไปเกือบสิบแปดปีแล้ว แต่สามีภรรยาฟู่จิ้นเชินกับเสิ่นเชี่ยวก็ยังเป็นคนที่กาลเวลารักใคร่อยู่พวกเขาแม้จะอายุมากแล้ว หน้าตาก็ดูเป็นผู้ใหญ่ขึ้นบ้าง แต่พอเทียบกับสมัยก่อนแล้ว ก็เปลี่ยนแปลงไปไม่เยอะมากมองหลายๆ ครั้งก็มองออกได้คนที่เซียวเหยียนจิ่งเตรียมไว้ยังมองออก ไม่ต้องพูดถึงเซี่ยซื่อเลยเซี่ยซื่อเคยเป็นครอบครัวของพวกเขาด้วยนะหลังจากนางจำได้แล้วยังสงสัยว่าตาตนเองฝาดไปหรือไม่ ยังสงสัยว่าตนเองคงตาลาย ดังนั้นเลยนวดตาทันที จากนั้นจึงมองพวกเขาอย่างละเอียดอีกครั้งไม่เปลี่ยน ยังคงเป็นสองคนนั้นเสิ่นเชี่ยวเองก็จำเซี่ยซื่อได้ แม้ว่านางจะรู้ตัวตนฐานะของตนเองแล้ว แต่ยังคงโพล่งออกมาว่า "พี่สะใภ้รอง!"เซี่ยซื่อคือภรรยาของผู้เฒ่ารองตระกูลหลินและเป็นคนเดียวในตระกูลหลินที่อ่อนโยนเป็นห่วงเสิ่นเชี่ยว ดังนั้นเสิ่นเชี่ยวพอเห็นนาง ดวงตาจึงแดงรื้นขึ้นมาคำว่าพี่สะใภ้รอง ก็ทำเอาเซี่ยซื่อใจสั่นระริกเช่นกันรีบวางตะกร้าที่หิ้วไว้ลงมา เดินตรงไปหานาง"ให้ตายเถอะ อา อาเล็กหรือ?"ไม่ ไม่ใช่อาเล็กชองนางแล้วสิ เซี่ยซื่อยืนอยู่หน้าเสิ่นเชี่ยว ถลึงตาโตอ้าปากค้าง"พี่สะใภ้รอง ข้าข้าเจอครอบครัวของข้าแ
ฟู่จาวหนิงสีหน้าขรึมลงเล็กน้อย "ดูท่า น่าจะมีคนไม่น้อยที่ยังไม่ลืมพวกเขา คอยจับตาดูจนถึงทุกวันนี้""ข้าเตรียมการเสร็จแล้ว รอบบ้านตระกูลฟู่วางองครักษ์ลับเอาไว้แล้ว วางใจเถอะ" เซียวหลันยวนพานางเข้ามา สองมือโอบข้างเอวนาง จ้องมองนาง "องค์จักรพรรดิน่าจะลงมือกับพวกเขา ยิ่งไปกว่านั้นพ่อลูกชินอ๋องเซียวยังคอยจับตาดูพวกเขาขนาดนี้ มันดูแปลกไปหน่อย""ตรวจสอบดูก็รู้ พวกเขาถ้าหากมีความคิดอะไร มีแผนอะไร มีเป้าหมายอะไร เดี๋ยวก็ได้รู้เอง"ฟู่จาวหนิงไม่ได้ใส่ใจนักเซียวหลันยวนพยักหน้าสายตาเขามองออกไปไกลๆ ถัดจากนี้ต้องดูว่าสามีภรรยาฟู่จิ้นเชินจะรับมืออย่างไร เมืองหลวงยังมีคนที่มีเป้าหมายต่างๆ อยู่ และยังมีขั้วอำนาจที่ใช้วิธีการต่างๆ อยู่อีกด้วยเขาถึงแม้จะเชื่อว่าครั้งนั้นไม่ใช่เสิ่นเชี่ยวที่วางยาพิษ แต่ว่าพวกเขาตอนนั้นถูกใครบางคนหรือเรื่องบางอย่างหนีบเอาไว้ตรงกลาง ไม่มีทางดึงตัวออกมาอย่างหมดจดได้ พวกเขาเองก็เป็นคนในเหตุการณ์ตอนนี้พอมีความสัมพันธ์เช่นนี้กับเขา เซียวหลันยวนก็ยังพิจารณานาว่าพวกเขาจะแบกรับไหวไหม หลังจากนี้จะไม่ถ่วงแข้งขาฟู่จาวหนิงได้จริงไหม จะไม่ทำร้ายนางจริงไหมเซียวหลันยวนไม่ได้
"หนิงหนิง มีเรื่องอะไรถึงคุยกันนานสองนาน?"ในห้องขังมีเสียงเซียวหลันยวนดังออกมา"มาแล้ว"ฟู่จาวหนิงขานรับคำหนึ่ง เตรียมจะกลับห้องขังเซียวเหยียนจิ่งไม่อยากเชื่อ "เจ้าไม่ไปกับข้าจริงหรือ? เจ้าไม่สนใจพ่อแม่เจ้าหรือไรกัน?"ปฏิกิริยาของฟู่จาวหนิงเกินจากที่เขาคาดไว้เขาเดิมทีคิดว่าพอได้ยินว่าพ่อแม่ไม่เป็นไร แล้วยังกลับมาแล้ว ฟู่จาวหนิงอย่างน้อยต้องตาแดงรื้นบ้าง ไม่ก็ร้องไห้ออกมา รีบร้อนตามเขาออกไปอย่างตื่นเต้น เพื่อรีบไปพบพ่อแม่ของนาง"อ๋องเจวี้ยนถึงอย่างไรก็ยังต้องอยู่ในห้องขัง ไม่มีอะไรหรอก เจ้าจัดที่นี่จนดูอยู่สบายไปแล้ว แล้วเขาทำไมยังต้องให้เจ้ามาอยู่ด้วยกันอีก?""ข้ามาอยู่เอง เขาเป็นสามีข้า ข้าไม่อยู่กับเขาแล้วใครจะอยู่กัน?"ฟู่จาวหนิงหลังจากที่รู้เจตนาการมาของเขาก็ขี้เกียจจะคุยกับเขาแล้ว ผลักเขาออก แล้วเดินไปทางห้องขังเซียวเหยียนจิ่งนี่ก็จุ้นจ้านเสียจริง"เจ้าทำไมถึงต้องทำร้ายตัวเองแบบนี้" เซียวเหยียนจิ่งตะโกนใส่หลังนาง "เจ้าเข้าร่วมกับสมาคมหมอใหญ่แล้ว ถ้าเจ้ายินยอม มีคนตั้งมากมายที่ยินดีจะรักและเอ็นดูเจ้า ทำไมต้องมาอยู่ในคุกกับเขาแบบนี้ด้วย"เดิมทีหญิงสาวคนนี้ควรจะควรจะม
"ใช่ พ่อแม่ของเจ้ายังมีชีวิตอยู่ ยิ่งไปกว่านั้นยังกลับมาถึงเมืองหลวงแล้ว" เซียวเหยียนจิ่งจ้องมองฟู่จาวหนิง "เป็นอย่างไร เจ้าอยากรีบกลับบ้านไหม? ได้ยินว่าปู่ของเจ้ากับเด็กที่ชื่อเสี่ยวเฟยก็อยู่กันที่จวนอ๋องเจวี้ยนนี่? ถ้าเจ้าไม่กลับไป พ่อแม่ของเจ้าคงจะหาคนไม่เจอแน่"ฟู่จาวหนิงทำท่าทางตกตะลึงอย่างมาก"เจ้าไม่ได้โกหกข้าใช่ไหม? พวกเขากลับมาแล้วจริงหรือ?""ข้าจะโกหกเจ้าทำไมกัน? ไม่เชื่อข้าตอนนี้เจ้าก็ไปกับข้าสิ ข้าจะพาเจ้าไปหาพวกเขา"เซียวเหยียนจิ่งพูด มือเองก็คันยุบยิบ เขาอยากจะยื่นมือไปจูงนางเหลือเกิน จูงนางออกจากคุกใหญ่ถ้าเขาสามารถจูงมือนางออกไปได้ เซียวหลันยวนคงได้กระอักเลือดตายกระมัง?แต่เขาเพิ่งจะขยับ ฟู่จาวหนิงก็ถอยออกไปแล้วสองก้าว"พวกเขาถ้ากลับมาแล้วจริง เช่นนั้นก็ต้องกลับไปที่บ้านตระกูลฟู่ ที่บ้านตระกูลฟู่มีคนอยู่ พวกเขาจะหาคนไม่เจอได้อย่างไรกัน?""เจ้าไม่เชื่อข้าหรือ?""เรื่องนี้ไม่จำเป็นต้องให้เจ้าวิ่งแจ้นเข้ามาบอกข้าหรอกกระมัง? พวกเขาถ้ากลับมาแล้วจริง คนใช้บ้านตระกูลฟู่อีกเดี๋ยวก็คงเข้ามาบอกข้าเอง""เจ้าลืมอ๋องเจวี้ยนไปแล้วหรือ?""เขาก็อยู่ที่นี่ ลืมอะไรกัน?""ความ
ฟู่จาวหนิงอยู่ในคุกเองก็เบื่อหน่อยๆ แล้วนางเหลือบมองเซียวเหยียนจิ่งผาดหนึ่ง จากนั้นจึงตรงไปด้าหน้าเซียวหลันยวน "ข้าออกไปฟังหน่อยได้ไหม?""ไปเถอะ" เซียวหลันยวนพยักหน้า"เอ๋ ไม่หึงแล้วหรือ?" ฟู่จาวหนิงร้องชิชะเซียวหลันยวนหัวเราะเสียงทุ้ม "อย่าไปไกลนักล่ะ ข้าได้ยินอยู่"ถึงอย่างไรนางก็เบื่อๆ ถ้าเซียวเหยียนจิ่งพูดเรื่องอะไรที่ทำให้นางฆ่าเวลาได้ เช่นนั้นเขาก็ควรจะใจกว้างหน่อยแต่ว่า พวกเขาเดินไปไกลมากไม่ได้ ต้องอยู่ในระยะที่เขาสามารถได้ยิน"รู้อยู่แล้วว่าท่านจะใจกว้างหลอกๆ"ฟู่จาวหนิงวางพู่กัน ปรบๆ มือ จากนั้นจึงเดินออกจากห้องขัง"คิดจะพูดอะไร?"เซียวเหยียนจิ่งเดิมทีคิดจะให้เซียวหลันยวนหึงหวง ดังนั้นจึงไม่คิดจะเดินไปไกลนัก"มานี่หน่อย" เซียวเหยียนจิ่งเดินออกมาข้างๆ ไม่กี่ก้าว รู้สึกว่าระยะนี้เซียวหลันยวนน่าจะได้ยินเหมือนคนคุยกันแต่ไม่ได้ยินเนื้อหาด้านในเช่นนี้ก็พอดีฟู่จาวหนิงร้องเชอะในใจ น่าจะเข้าใจความคิดของเขาเพียงแต่เซียวเหยียนจิ่งก็ยังโง่อยู่ เขาคิดว่าระยะนี้เซียวหลันยวนไม่ได้ยินหรือไรกัน?นางเดินออกไปเซียวเหยียนจิ่งบอกกับผู้คุมข้างๆ คำหนึ่ง ให้เขาออกไปก่อนผู้คุม
ถ้าไม่ใช่ห้องขังรอบๆ ยังมีสภาพเดิมอยู่ เขาก็คงจะสงสัย ว่าฟู่จาวหนิงกับเซียวหลันยวนพักอยู่ในโรงเตี๊ยมอะไรกันคุกที่ไหนเขาจัดกันอบอุ่นแบบนี้บ้าง!"พระชายาอ๋องเจวี้ยน รบกวนออกมาหน่อย มีคนมาพบท่าน" ผู้คุมเปิดประตูยังต้องปรบมือเรียกคนม่านนั้นเลิกออก เซียวเหยียนจิ่งมองเข้าไปด้านใน และเห็นเซียวหลันยวนกำลังนั่งอยู่บนเก้าอี้ที่ปูด้วยเบาะรองตัวหนึ่งพลิกเปิดอ่านหนังสือ บนโต๊ะข้างๆ ยังมีชาที่ร้อนกรุ่นอยู่อีกกาหนึ่งด้วยฟู่จาวหนิงยืนอยู่ข้างๆ เขา กำลังจรดพู่กันเขียนอักษรดูแล้วเหมือนกำลังใช้ชีวิตประจำวันอยู่เลย!เซียวหลันยวนมองออกมา สบเข้ากับสายตาของเซียวเหยียนจิ่งพอดีเซียวเหยียนจิ่งเดิมทีใจก็กระตุกวูบ เขาเกือบจะถอยหนีออกมาแล้ว แต่ตอนที่เห็นฟู่จาวหนิง ไฟริษยาก็ทำให้เขาลืมความกลัวไปไม่ได้เจอกันตั้งครึ่งค่อนปี ฟู่จาวหนิงกลับสวยขึ้นกว่าเดิมเสียอีกเธอเป็นสาวเต็มตัวแล้ว ความเขินอายแบบเด็กสาวก็หายไปใบหน้าเปล่งปลั่ง รูปร่างก็ได้สัดส่วน ไม่เหมือนแต่ก่อนที่ผมบาง แต่มีส่วนโค้งเว้าที่สวยเด่นแค่ชดกระโปรงสีเหลืองเรียบง่าย เห็นแล้วก็ยังรู้สึกเย้ายวนเป็นพิเศษหลี่จื่อเหยาเทียบกับนางได้เสียที่ไหน!
หมากก้าวแรกของพวกชินอ๋องเซียวในตอนนั้นก็เสี่ยงเหมือนกัน ไปบอกเรื่องที่พวกเขารู้กับองค์จักรพรรดิ แม้จะช่วยจัดการพยานสองคนนั้นไปแล้ว แต่องค์จักรพรรดิก็อาจจะยังไม่ละเว้นพวกเขาอยู่ถึงอย่างไรปากของคนตายนี่ล่ะที่ปิดสนิทที่สุด"ท่านพ่อ ความสัมพันธ์ของพวกเรากับองค์จักรพรรดิ จะไปเทียบกับตระกูลฟู่ได้อย่างไร?"เซียวเหยียนจิ่งไม่เห็นด้วยท่านพ่อกับองค์จักรพรรดิเป็นลูกพี่ลูกน้องกัน พวกเขาล้วนสกุลเซียว ยิ่งไปกว่านั้นชินอ๋องเซียวก็ยังคุกคามองค์จักรพรรดิไม่ได้ จวนชินอ๋องเซียวเองก็ไม่ได้มีอำนาจสักเท่าไร ก็แค่อาศัยแต่พระมหากรุณาธิคุณของฝ่าบาทไปเท่านั้นดังนั้นองค์จักรพรรดิจึงเชื่อในความจริงใจที่พวกเขาส่งไปให้ เชื่อว่าพวกเขาต้องการแค่จะได้รับการให้ความสำคัญและการปกป้องจากฝ่าบาทเท่านั้น"ตระกูลฟู่จะไปมีอะไร? ฝ่าบาทไม่จำเป็นต้องเห็นพวกตระกูลฟู่อยู่ในสายตาเลย ส่วนเซียวหลันยวนก็เป็นหนามในสายตาองค์จักรพรรดิอีก องค์จักรพรรดิคิดจะรับมือกับเซียวหลันยวน ตอนนี้เซียวหลันยวนเองก็มีจุดอ่อนที่ใหญ่ที่สุดอยู่ นั่นก็คือฟู่จาวหนิง"พอพูดคำนี้ เซียวเหยียนจิ่งก็ดูไม่ค่อยสบายใจขึ้นมาที่ต้องให้เขายอมรับว่าเซียวหลันย
ก่อนหน้านี้ฟู่จิ้นเชินชื่อเสียงระบือเมืองหลวง และเคยขี่ม้าไปตามถนนสายยาว เคยเข้าไปในโรงสุราประชันโคลงกลอนกับผุ้อื่น เป็นช่วงเวลาที่รุ่งโรจน์เหลือประมาณเพราะเขามีหน้าตาที่ไร้เทียมทาน คนที่ไปดูเขาโดยเฉพาะก็มีไม่น้อย ผ่านไปหลายปีเช่นนี้ คนที่ยังจดจำหน้าตาเขาได้ก็มีอยู่ไม่น้อยด้วยเช่นกันโดยเฉพาะแม้จะผ่านไปสิบกว่าปีแล้ว เขาก็แทบไม่ได้ดูแก่ลงเลย มีแค่ความสุขุมที่มากขึ้น คนที่เคยเจอเขาในครั้งนั้น พอคิดว่าแค่เหลือบมองแล้วจำเขาได้ก็คงไม่ใช่เรื่องที่ยากเย็นอะไรกลับกันตัวฟู่หลินซื่อ คนที่พบเจอมีไม่มากนัก"ตอนนั้นคนที่ส่งข่าวให้พวกเราบอกว่า รอให้ฟู่หลินซื่อกลับเมืองหลวง จึงสามารถคิดหาวิธีให้เรื่องเมื่อสิบแปดปีก่อนเกิดขึ้นอีกครั้ง"ชินอ๋องเซียวกดเสียงต่ำ "สิบแปดปีก่อน เรื่องที่ฟู่หลินซื่อถูกใส่ร้ายว่าวางยาพิษเซียวหลันยวนสินะ ตอนนี้นางกลับมาแล้ว จะมีคนยืมมือของนางลงมือวางยาพิษกับเซียวหลันยวนอีกครั้งหรือ?"เซียวเหยียนจิ่งในใจมีความตื่นเต้นที่ยากจะพรรณนาออกมาเขาช่วงนี้เฝ้าคอยเรื่องนี้อยู่ตลอดก่อนหน้านี้เขาถอยห่างฟู่จาวหนิง อยากจะหนีนางไปให้ไกลๆ แต่ตอนนี้เขาเสียใจขึ้นมาเสียแล้วนับตั้งแต่
ผู้อาวุโสจี้อยู่ในรถม้าด้านหลัง เขาเองก็เลิกม่านขึ้นมองด้านนอก พอเห็นร้านรวงสองฟากฝั่งถนนแขวนไว้ด้วยโคมแดงก็ถอนหายใจ"จะปีใหม่อีกแล้ว"ชายหนุ่มอายุราวสามสิบปีอีกหนึ่งคนที่นั่งอยู่ในรถม้าก็มองออกไปด้านนอก พอได้ยินเขาพูดเช่นนี้ก็มองไปทางผู้อาวุโสจี้ ถอนหายใจเอ่ยขึ้นว่า "ผู้อาวุโสจี้ นี่จะปีใหม่อยู่แล้ว เจ้าพันธมิตรเรียกท่านกลับไปรวมตัวที่สาขาหลัก ท่านทำไมจึงปฏิเสธล่ะ?"ผู้อาวุโสจี้ไม่ได้กลับสาขาหลักไปช่วงปีใหม่หลายปีแล้ว"ไม่อยากไป วุ่นวายเกิน" ผู้อาวุโสจี้ส่ายหัว ไม่สนใจอย่างเห็นได้ชัด"ผู้อาวุโสคนอื่นก็ล้วนอยู่ที่พันธมิตร แม้ว่าเวลาปกติจะไปที่นั่นที่นี่ แต่พอถึงช่วงไว้พระจันทร์กับปีใหม่ล้วนกลับไป ตอนที่พวกเขาอยู่ด้วยกันยังสามารถหารือเรื่องใหญ่ต่างๆ ในพันธมิตรได้ นอกจากนี้ทุกสิ้นปีฝ่ายบัญชีพันธมิตรโอสถก็จะตรวจสอบแบ่งปันเงิน ท่านไม่กลับไป เรื่องพวกนี้ก็ไม่รู้ว่าจัดการกันชัดเจนหรือไม่ชายคนนี้เพิ่งจะถูกย้ายมาเป็นผู้ดูแลพันธมิตรคนใหม่ของเมืองหลวง ซูเหอซูเหอเองก็ถือเป็นคนที่ได้รับการสนับสนุนจากผู้อาวุโสจี้ เดิมทีด้วยอายุและประสบการณ์ของเขา ควรจะถูกจัดไปอยู่ประจำที่สาขาของพันธมิตรโอ