"ฮี้——"เสียงม้าร้อง มีสองตัวโดนเข็มพิษเข้าไป ยกเท้าคู่หนั้นขึ้นทันควัน สิ่งของที่แบกอยู่บนตัวก็ร่วงลงมา และส่งผลกระทบกับม้าอีกหลายตัวด้านหน้าฝูงม้าโกลาหลขึ้นมาทันที"ไม่ต้องสนใจสิ่งของ ทะยานออกไป!" องครักษ์จวนอ๋องร้องขึ้นเสียงดัง"ขวางพวกเขาไว้!"คนชุดดำขว้างมีดพิษออกไปอีกอีกครั้งกลุ่มด้านหลังนั้นเองก็ไล่กระชั้นขึ้นมาตอนนี้เองพวกเขาก็เข้ามาในวงซุ่มโจมตีได้ยินเพียงเสียงหวีดหวิว บนยอดเขาจู่ๆ ก็มีก้อนหินกลิ้งลงมาอย่างรวดเร็วราวสายฟ้าฟาดทางซ้ายขวามีหิมะผืนใหญ่ถูกกวาดลงมา ชั่วขณะหนึ่งก็เหมือนมีหิมะหนาแน่นตกลงมากะทันหัน เข้าขวางระยะสายตาของคนชุดดำไว้องครักษ์ชุดสีเขียวมรกตเข้มกระโจนลงมาจากเนินเขา พุ่งไปทางคนชุดดำเช่นเดียวกับหินที่ร่วงลงมาปากจมุกพวกเขาล้วนพันผ้าเปียกที่ชุบน้ำยาชิ้นหนึ่งเอาไว้ สามารถป้องกันพิษได้ ผงพิษในมือสาดไปทางคนชุดดำพวกนั้นนอกจากนี้ยังมีคนชูผ้าคลุม พัดกระพือลมไปทางผงพิษเหล่านั้น ทำให้ผงพิษเหล่านั้นกระจายออกไปได้เร็วขึ้นเพราะว่ามีหิมะลอยคลุ้ง คนชุดดำจึงไม่ได้สังเกตเลยว่าด้านในมีผงพิษอยู่ กลั้นหายใจไม่ทันกันเลยจนกระทั่งหัวหน้าพบสิ่งผิดปกติ ก็ร้องคำรา
ครั้งนี้ลงทุนไปมากจริงๆ ส่งคนมาตั้งมากขนาดนี้!"เอาหัวของอ๋องเจวี้ยนมา"คนที่เป็นหัวหน้าของอีกฝ่ายตะคอกเสียงต่ำ คนทั้งหมดก็โบกดาบฟาดฟันมาหาพวกเขายี่สิบสามสิบคนกลุ่มนี้ล้วนถือดาบทั้งสิ้น ดาบเหล่านั้นดูทั้งหนักและแหลมคม มือขวาที่ถือดาบของพวกเขาสวมเกราะแขนทั้งแขน ดูแล้วพลังน่าตกตะลึงมาก"ฉัวะ!"ดาบของอีกฝ่ายผามายังม้าตรงหน้า เลือดสดซ่านกระเซ็น ม้าตัวนั้นถูกตัดขาหน้าออกไป คุกเข่าลงกับพื้นอย่างแรง องครักษ์ที่อยู่บนม้าก็คะมำลงมาขณะเดียวกันคนชุดดำอีกสองคนก็ฟันดาบเข้าจากทางซ้ายขวาเข้าหาตัวเขาต่อถ้าถูกฟันเข้าไป องครักษ์คงได้ถูกฟันออกเป็นท่อนๆ แน่และด้วยความเร็วที่เหลือเชื่อ เซียวหลันยวนร่างกายประดุจสายฟ้า พุ่งออกมาจากในรถม้า สองฝ่ามือฟาดไปทางคนชุดดำสองคนนั้นกลางอากาศ"ท่านอ๋อง!"ชิงอีตกตะลึง โบกแสคิดจะพุ่งตัวออกไปบ้างแย่แล้วแย่แล้ว โดนพระชายาด่าเปิงแน่พระชายาบอกว่าท่านอ๋องทางที่ดีอย่าใช้วิชายุทธ์ แต่ตอนนี้ดูจากสถานการณ์ ท่านอ๋องไม่ใช่แค่จะใช้วิชายุทธ์ แต่ดูเหมือนจะต้องเจอกับการสู้ตายที่ยากลำบากอีกฉากหนึ่งเสียด้วย"คุ้มครองท่านอ๋อง!"องครักษ์ทั้งหมดล้วนโถมเข้าไปชั่วขณะหนึ่ง
เซียวหลันยวนพวกเขาตอนนี้น่าจะรอนางอยู่ที่ทางแยกจึงจะถูกต่อให้คนเหล่านั้นจะรับมือยาก เมื่อวานก็ควรจะมาถึงแล้วพอได้ยินคำถามนาง สีหน้าของไป๋หู่ก็ขรึมลง"คุณหนู ไม่เห็นใครเลย แต่ว่า บนถนนด้านหน้ามองเห็นรอยเท้ามากมาย บนกองหิมะยังมีรอยเท้าสับสนอีกด้วย ดูแล้วทิศทางคือตรงไปยังหุบเขา"ฟู่จาวหนิงหน้าเปลี่ยนสี"ความหมายของเจ้าคือ มีคนเข้าไปในภูเขาจากที่นี่หรือ?"นั่นไม่มีทางเป็นพวกเซียวหลันยวนแต่ยังมีคนอีกกลุ่ม ที่มาถึงที่นี่ก่อนพวกเขา ย้อนกลับเข้าไปในหุบเขาแล้ว"ถูกต้อง จำนวนคนดูแล้วก็ไม่น้อยเลย""ไม่มีรอยเท้าเดินออกมาบ้างหรือ?""ไม่พบเลย"ฟู่จาวหนิงพอได้ยินคำพูดนี้จะยังนั่งอยู่ไหวหรือ?"ข้าไปดูหน่อย"ไป๋หู่เห็นนางยืนหยัด จึงทำได้เพียงยกมือเรียกคนติดตามไปฟู่จาวหนิงมาถึงบนถนนด้านหน้า แล้วก็มองเห็นรอยเท้าเป็นทางจริงๆ อย่างที่ไป๋หู่บอกมามองรอยเท้าเหล่านี้ ไม่ใช่รอยเท้าเล็กๆ ดูแล้วน่าจะเป็นผู้ชาย ยิ่งไปกว่านั้นรอยเท้าก็ไม่ตื้นเลย ดูเหมือนเป็นรอยที่ทิ้งไว้จากการวิ่งตะบึง ไม่เหมือนเดินเท้าเนิบๆดังนั้นจึงสามารถตัดคนเดินถนนทิ้งไปได้เลยนางยืนอยู่ในสายลม มองไปยังทิศของหุบเขา ถนนทิว
"ข้าไม่มีทางรอที่นี่ได้ นี่ไม่ใช่นิสัยของข้า"ฟู่จาวหนิงพูดจบ ก็หันหัวม้า ร้องย่าห์เบาๆ ห้อทะยานตรงไปยังหุบเขา"ตามไป!"ไป๋หู่หน้าเปลี่ยนสี กระโจนขึ้นมาไล่ตามฟู่จาวหนิงออกไปทันทีเฉินซานมองพวกเขาห่างออกไป ร้อนรนจนดวงตาแดงเถือก แต่ยังคงกัดฟัน รีบพารถม้ากับม้าที่เหลือตรงไปในป่าที่ไม่ห่างออกไปนัก เข้าไปซ่อนในนั้นก่อนถ้าหากพวกของฟู่จาวหนิงกลับมา ของเหล่านี้หายไปหมดล่ะก็ คงจะเร่งเดินทางไปเขาอวี้เหิงต่อได้ลำบากมากฟู่จาวหนิงใจร้อนรนเหมือนถ่านเผา ควบม้าทะยานไปตลอดทางพวกของไป๋หู่เองก็รีบตามเข้ามา และคอยสังเกตซ้ายขวาอยู่ด้วย"คุณหนู ถึงอย่างไรก็ระมัดระวังตัวด้วย"แม้จะผ่านไปสองสามวันแล้ว แต่ใครจะรู้ว่ายังมีคนเหลืออยู่อีกหรือไม่? ถ้าเผื่อพวกเขาไม่พบตัวฟู่จาวหนิง แล้วคอยดักอยู่ที่นี่ล่ะ? หรืออาจจะกำลังไล่ตามออกมาล่ะ?"ทุกคนกินยาลูกกลอนแก้พิษที่ข้าให้พวกเจ้าไว้ก่อนหน้านี้ลงไปด้วย"ฟู่จาวหนิงเองก็รู้ว่าต้องระวังตัว พวกเขาทะยานมาตลอดทางเช่นนี้ยังไม่เจอร่องรอยคน สิ่งนี้ทำเอาจิตใจของนางตึงเครียดขึ้นเหมือนกันพวกของไป๋หู่พอได้ยินคำสั่งก็กินยาลูกกลอนทันทียานี้ทำให้พวกเขามีจะไม่ติดพิษได้ง
พวกองครักษ์ที่คุ้มกันอยู่ข้างๆ มีหลายคนที่ได้ยินเสียงฟู่จาวหนิง แต่ก็ยังพยายามลืมตาขึ้นอย่างอ่อนแรง มีคนกระทั่งแค่ลืมตาก็ยังทำไม่ได้เลย"พระชายา พระชายามาแล้ว" ชิงอีพังพาบอยู่บนพื้น ขยับนิ้วมือ พูดออกมาคำหนึ่ง แต่เสียงของประโยคนี้ก็เบาจนน่าสงสาร นอกจากตัวเอาเองก็ไม่มีใครได้ยินฟู่จาวหนิงวิ่งห้อขึ้นมาแล้วไม่มีใครลงมืออีกนางพุ่งเข้ามา พอมองก็เห็นคนชุดดำนอนระเนระนาดอยู่บนพื้นที่ห่างออกไปจำนวนไม่น้อย แค่มองผ่านๆ ก็น่าจะเป็นสิบคนและยังมีศพม้า รวมถึงม้าอีกหลายตัวที่ยืนนิ่งอยู่ไม่ห่างนักบนพื้นหิมะล้วนเป็นรอยเลือด สีแดงเข้มอยู่ทั่วทุกที่ ทำเอาพื้นหิมะเป็นรอยปื้นน่าสยดสยอง"เซียวหลันยวน!!"ฟู่จาวหนิงตะโกนเสียงดังขึ้นมา เสียงเองก็สั่นพร่าเพิ่งสิ้นเสียงตะโกน นางก็มองเห็นคนในชุดจอมยุทธ์เบาสีเขียวเข้มกลุ่มหนึ่งนั่งล้อมวงกันนั่นคือองครักษ์จากจวนอ๋อง!และในพวงที่พวกเขาล้อมกันอยู่ มีคนหนึ่งพังพาบอยู่บนพื้น อีกคนหนึ่งพิงอยู่ข้างหิน นั่นมันเซียวหลันยวนนี่?!"คุณหนูจาวหนิง อ๋องเจวี้ยนอยู่ทางนั้น" พวกของไป๋หู่เองก็มองเห็นทางนั้นแล้วรอบๆ คนเหล่านั้น ก็มีคนชุดดำตายอยู่ไม่น้อย ดูท่าคิดจ
ฟู่จาวหนิงหันหน้าเหลือบมองไปยังพวกของไปหู่พวกเขาล้วนกำลังรีบใช้วิธีช่วยชีวิตที่นางบอกกับคนอื่น ไม่ได้สนใจกับนางทางนี้เลยฟู่จาวหนิงไม่คิดมากแล้ว แอบพวกเขาดึงเอาถุงร้อนอกมาจากในห้องเภสัช ฉีกหีบห่อ แล้วแปะไปในเสื้อผ้าเซียวหลันยวนเขาตัวแข็งเหมือนมนุษย์หิมะไปแล้ว ต้องทำใไ้เขาอบอุ่นขึ้นโดยเร็วที่สุดหลังจากนางนั้นจึงโยนเข็มในมือเขาทิ้งไป ประคองเขานอนลง แต่ว่าทั้งตัวเขาก็เย็นจนแข็งทื่อผิดปกติ หลังจากนอนลงก็ยังอยู่ในท่าทางเดิมฟู่จาวหนิงดวงตาแดงรื้น น้ำตาไหลอาบออกมา บดบังสายตาของนางนางรีบยกมือใช้แขนเสื้อเช็ดลงไปตอนนี้ไม่มีเวลาจะมาเสียใจโมโหหรือลนลานแล้ว ยิ่งเป็นเช่นนี้ นางก็ยิ่งต้องใจเย็น เช่นนี้เท่านั้นจึงจะสามารถช่วยชีวิตเขากลับมาได้นางหยิบเข็มเงินออกมา ปลดเสื้อผ้าของเขาก่อน ปักลงไปที่หน้าอกหลายเข็ม ปกป้องชีพจรหัวใจเสียก่อน จากนั้นจึงหยิบเข็มฉีดยามาหลอดหนึ่ง เลิกแขนเสื้อเขาขึ้น เตรียมจะฉีดให้เขาเซียวหลันยวนตอนนี้แข็งทื่อไปทั้งตัวแล้ว เข้มของนางแทบจะแทงไม่เข้า ครั้งแรกปลายเข็มก็ลื่นออกมาแต่ว่าฟู่จาวหนิงก็กัดฟันแน่น ประคองมือให้มั่นคง ปักลงไปอีกครั้งครั้งนี้ในที่สุดก็ฉีดน้ำ
"พวกเราต้องก่อไฟไหม?" องครักษ์ถามที่นี่หนาวเกินไปแล้วฟู่จาวหนิงคิดจะจุดไฟ แต่เหลือบมองศพกงอนี้ ก็ยังกัดฟันขึ้น "ไม่ พวกเราต้องออกจากที่นี่""จัดการรถม้าที่ยังพอใช้งานได้ หาม้าที่ยังมีชีวิตอยู่กลับมา"ฟู่จาวหนิงเหลือบมององครักษ์เหล่านั้น "พวกเขา ยังมีชีวิตอยู่ไหม?"ไป๋หู่นิ่งงันไป "ตายไปสิบเอ็ดคน คนที่เหลือยังมีชีวิตอยู่ แต่ลมหายใจอ่อนแรงอย่างมาก"ฟู่จาวหนิงสูดลมหายใจลึก"พาคนทั้งหมดไป" ที่ตายไปก็จะทิ้งรวมกับพวกนักรบเดนตายและมือสังหารเหล่านี้ไม่ได้"ขอรับ"พวกของไป๋หู่รีบจัดการทันทีม้าหนึ่งตัวแบกคนสองคน แล้วยังมีรถม้าบางส่วนที่ใช้การได้ บรรทุกคนขึ้นไป ที่เหลือไม่กี่คน ก็ต้องให้พวกเขาแบกขึ้นหลังไป"อ๋องเจวี้ยนเขา"ไป๋หู่มองไปทางอ๋องเจวี้ยน รู้สึกลำบากใจรถม้ายัดคนไว้จำนวนมาก ถ้าจะยัดอ๋องเจวี้ยนเข้าไปด้วย ร่างกายของเขาก็ไม่รู้จะทนไหวหรือไม่ ถึงอย่างไรอ๋องเจวี้ยนเดิมทีก็พิษกำเริบไปแล้ว"ข้าจะแบกเขาเอง" ฟู่จาวหนิงพูด แล้วแบกเซียวหลันยวนขึ้นไปไป๋หู่เองก็แบกองครักษ์คนหนึ่งอยู่ พอเห็นนางเช่นนี้ก็ร้อนรนขึ้นมา "คุณหนู ทางยังอีกตั้งไกล ท่านจะแบกได้อย่างไรกัน""ไป"ฟู่จาวหนิงก
ฟู่จาวหนิงพอวุ่นวายขึ้นมา ก็ผ่านไปถึงสองวันสองคืนนอกจากเซียวหลันยวน พวกของชิงอีก็ชีวิตแขวนอยู่บนเส้นด้าย ยิ่งไปกว่านั้นบนตัวหลายคนก็ยังเต็มไปด้วยบาดแผลเฉินซานกับพวกไป๋หู่ก็วุ่นกันจนหายใจหายคอแทบไม่ทันต้องหาฟืนมาจุดไฟ ต้องต้มหิมะให้ละลาย ต้องหาวัตถุดิบยาบางส่วน ต้องต้มยา ต้องช่วยคนเจ็บพันแผล ต้องคอยดูพวกเขาตลอดทั้งคืนว่าเป็นไข้ไหม แล้วยังต้องคอยป้อนน้ำให้พวกเขาตลอดอีกยังดีที่สิ่งของส่วนใหญ่อยู่กับพวกเขาทางนี้ ตอนนี้เสื้อผ้ากับอาหารยังไม่ขาดแคลนฟู่จาวหนิงรักษา ฝังเข็ม จ่ายยา จับคู่ยาให้กับคนทั้งหมด วุ่นจนเวลากินข้าวก็ยังต้องรีบร้อนกินลงไปได้ไม่กี่คำนางยังต้องคอยดูแลเซียวหลันยวน คอยระงับพิษในร่างกายให้เขาเซียวหลันยวนตอนนี้อ่อนแอจนตอนจับชีพจรยังต้องใช้เวลานานกว่าปกติ เพราะชีพจรของเขาอ่อนแรงไปมากที่หนักสุดคือเขาพิษกำเริบขึ้นมาแล้ว ตอนนี้ใบหน้าครึ่งซีกถูกแผลเป็นพิษคลุมไปแล้ว แผลเป็นพิษสีเองก็คล้ำขึ้นมาก ด้านในยังมีริ้วรอยที่เหมือนกับชีพจรสีม่วงเข้มอยู่เต็มไปหมดอีก ดูแล้วน่ากลัวมากตอนนี้ดูจากสภาพเขา คิดแล้วคงไม่มีใครรู้สึกว่านี่เป็นชายรูปงามคนหนึ่งแน่ แต่กลับรู้สึกว่าเหมือนเ
แม้จะผ่านไปเกือบสิบแปดปีแล้ว แต่สามีภรรยาฟู่จิ้นเชินกับเสิ่นเชี่ยวก็ยังเป็นคนที่กาลเวลารักใคร่อยู่พวกเขาแม้จะอายุมากแล้ว หน้าตาก็ดูเป็นผู้ใหญ่ขึ้นบ้าง แต่พอเทียบกับสมัยก่อนแล้ว ก็เปลี่ยนแปลงไปไม่เยอะมากมองหลายๆ ครั้งก็มองออกได้คนที่เซียวเหยียนจิ่งเตรียมไว้ยังมองออก ไม่ต้องพูดถึงเซี่ยซื่อเลยเซี่ยซื่อเคยเป็นครอบครัวของพวกเขาด้วยนะหลังจากนางจำได้แล้วยังสงสัยว่าตาตนเองฝาดไปหรือไม่ ยังสงสัยว่าตนเองคงตาลาย ดังนั้นเลยนวดตาทันที จากนั้นจึงมองพวกเขาอย่างละเอียดอีกครั้งไม่เปลี่ยน ยังคงเป็นสองคนนั้นเสิ่นเชี่ยวเองก็จำเซี่ยซื่อได้ แม้ว่านางจะรู้ตัวตนฐานะของตนเองแล้ว แต่ยังคงโพล่งออกมาว่า "พี่สะใภ้รอง!"เซี่ยซื่อคือภรรยาของผู้เฒ่ารองตระกูลหลินและเป็นคนเดียวในตระกูลหลินที่อ่อนโยนเป็นห่วงเสิ่นเชี่ยว ดังนั้นเสิ่นเชี่ยวพอเห็นนาง ดวงตาจึงแดงรื้นขึ้นมาคำว่าพี่สะใภ้รอง ก็ทำเอาเซี่ยซื่อใจสั่นระริกเช่นกันรีบวางตะกร้าที่หิ้วไว้ลงมา เดินตรงไปหานาง"ให้ตายเถอะ อา อาเล็กหรือ?"ไม่ ไม่ใช่อาเล็กชองนางแล้วสิ เซี่ยซื่อยืนอยู่หน้าเสิ่นเชี่ยว ถลึงตาโตอ้าปากค้าง"พี่สะใภ้รอง ข้าข้าเจอครอบครัวของข้าแ
ฟู่จาวหนิงสีหน้าขรึมลงเล็กน้อย "ดูท่า น่าจะมีคนไม่น้อยที่ยังไม่ลืมพวกเขา คอยจับตาดูจนถึงทุกวันนี้""ข้าเตรียมการเสร็จแล้ว รอบบ้านตระกูลฟู่วางองครักษ์ลับเอาไว้แล้ว วางใจเถอะ" เซียวหลันยวนพานางเข้ามา สองมือโอบข้างเอวนาง จ้องมองนาง "องค์จักรพรรดิน่าจะลงมือกับพวกเขา ยิ่งไปกว่านั้นพ่อลูกชินอ๋องเซียวยังคอยจับตาดูพวกเขาขนาดนี้ มันดูแปลกไปหน่อย""ตรวจสอบดูก็รู้ พวกเขาถ้าหากมีความคิดอะไร มีแผนอะไร มีเป้าหมายอะไร เดี๋ยวก็ได้รู้เอง"ฟู่จาวหนิงไม่ได้ใส่ใจนักเซียวหลันยวนพยักหน้าสายตาเขามองออกไปไกลๆ ถัดจากนี้ต้องดูว่าสามีภรรยาฟู่จิ้นเชินจะรับมืออย่างไร เมืองหลวงยังมีคนที่มีเป้าหมายต่างๆ อยู่ และยังมีขั้วอำนาจที่ใช้วิธีการต่างๆ อยู่อีกด้วยเขาถึงแม้จะเชื่อว่าครั้งนั้นไม่ใช่เสิ่นเชี่ยวที่วางยาพิษ แต่ว่าพวกเขาตอนนั้นถูกใครบางคนหรือเรื่องบางอย่างหนีบเอาไว้ตรงกลาง ไม่มีทางดึงตัวออกมาอย่างหมดจดได้ พวกเขาเองก็เป็นคนในเหตุการณ์ตอนนี้พอมีความสัมพันธ์เช่นนี้กับเขา เซียวหลันยวนก็ยังพิจารณานาว่าพวกเขาจะแบกรับไหวไหม หลังจากนี้จะไม่ถ่วงแข้งขาฟู่จาวหนิงได้จริงไหม จะไม่ทำร้ายนางจริงไหมเซียวหลันยวนไม่ได้
"หนิงหนิง มีเรื่องอะไรถึงคุยกันนานสองนาน?"ในห้องขังมีเสียงเซียวหลันยวนดังออกมา"มาแล้ว"ฟู่จาวหนิงขานรับคำหนึ่ง เตรียมจะกลับห้องขังเซียวเหยียนจิ่งไม่อยากเชื่อ "เจ้าไม่ไปกับข้าจริงหรือ? เจ้าไม่สนใจพ่อแม่เจ้าหรือไรกัน?"ปฏิกิริยาของฟู่จาวหนิงเกินจากที่เขาคาดไว้เขาเดิมทีคิดว่าพอได้ยินว่าพ่อแม่ไม่เป็นไร แล้วยังกลับมาแล้ว ฟู่จาวหนิงอย่างน้อยต้องตาแดงรื้นบ้าง ไม่ก็ร้องไห้ออกมา รีบร้อนตามเขาออกไปอย่างตื่นเต้น เพื่อรีบไปพบพ่อแม่ของนาง"อ๋องเจวี้ยนถึงอย่างไรก็ยังต้องอยู่ในห้องขัง ไม่มีอะไรหรอก เจ้าจัดที่นี่จนดูอยู่สบายไปแล้ว แล้วเขาทำไมยังต้องให้เจ้ามาอยู่ด้วยกันอีก?""ข้ามาอยู่เอง เขาเป็นสามีข้า ข้าไม่อยู่กับเขาแล้วใครจะอยู่กัน?"ฟู่จาวหนิงหลังจากที่รู้เจตนาการมาของเขาก็ขี้เกียจจะคุยกับเขาแล้ว ผลักเขาออก แล้วเดินไปทางห้องขังเซียวเหยียนจิ่งนี่ก็จุ้นจ้านเสียจริง"เจ้าทำไมถึงต้องทำร้ายตัวเองแบบนี้" เซียวเหยียนจิ่งตะโกนใส่หลังนาง "เจ้าเข้าร่วมกับสมาคมหมอใหญ่แล้ว ถ้าเจ้ายินยอม มีคนตั้งมากมายที่ยินดีจะรักและเอ็นดูเจ้า ทำไมต้องมาอยู่ในคุกกับเขาแบบนี้ด้วย"เดิมทีหญิงสาวคนนี้ควรจะควรจะม
"ใช่ พ่อแม่ของเจ้ายังมีชีวิตอยู่ ยิ่งไปกว่านั้นยังกลับมาถึงเมืองหลวงแล้ว" เซียวเหยียนจิ่งจ้องมองฟู่จาวหนิง "เป็นอย่างไร เจ้าอยากรีบกลับบ้านไหม? ได้ยินว่าปู่ของเจ้ากับเด็กที่ชื่อเสี่ยวเฟยก็อยู่กันที่จวนอ๋องเจวี้ยนนี่? ถ้าเจ้าไม่กลับไป พ่อแม่ของเจ้าคงจะหาคนไม่เจอแน่"ฟู่จาวหนิงทำท่าทางตกตะลึงอย่างมาก"เจ้าไม่ได้โกหกข้าใช่ไหม? พวกเขากลับมาแล้วจริงหรือ?""ข้าจะโกหกเจ้าทำไมกัน? ไม่เชื่อข้าตอนนี้เจ้าก็ไปกับข้าสิ ข้าจะพาเจ้าไปหาพวกเขา"เซียวเหยียนจิ่งพูด มือเองก็คันยุบยิบ เขาอยากจะยื่นมือไปจูงนางเหลือเกิน จูงนางออกจากคุกใหญ่ถ้าเขาสามารถจูงมือนางออกไปได้ เซียวหลันยวนคงได้กระอักเลือดตายกระมัง?แต่เขาเพิ่งจะขยับ ฟู่จาวหนิงก็ถอยออกไปแล้วสองก้าว"พวกเขาถ้ากลับมาแล้วจริง เช่นนั้นก็ต้องกลับไปที่บ้านตระกูลฟู่ ที่บ้านตระกูลฟู่มีคนอยู่ พวกเขาจะหาคนไม่เจอได้อย่างไรกัน?""เจ้าไม่เชื่อข้าหรือ?""เรื่องนี้ไม่จำเป็นต้องให้เจ้าวิ่งแจ้นเข้ามาบอกข้าหรอกกระมัง? พวกเขาถ้ากลับมาแล้วจริง คนใช้บ้านตระกูลฟู่อีกเดี๋ยวก็คงเข้ามาบอกข้าเอง""เจ้าลืมอ๋องเจวี้ยนไปแล้วหรือ?""เขาก็อยู่ที่นี่ ลืมอะไรกัน?""ความ
ฟู่จาวหนิงอยู่ในคุกเองก็เบื่อหน่อยๆ แล้วนางเหลือบมองเซียวเหยียนจิ่งผาดหนึ่ง จากนั้นจึงตรงไปด้าหน้าเซียวหลันยวน "ข้าออกไปฟังหน่อยได้ไหม?""ไปเถอะ" เซียวหลันยวนพยักหน้า"เอ๋ ไม่หึงแล้วหรือ?" ฟู่จาวหนิงร้องชิชะเซียวหลันยวนหัวเราะเสียงทุ้ม "อย่าไปไกลนักล่ะ ข้าได้ยินอยู่"ถึงอย่างไรนางก็เบื่อๆ ถ้าเซียวเหยียนจิ่งพูดเรื่องอะไรที่ทำให้นางฆ่าเวลาได้ เช่นนั้นเขาก็ควรจะใจกว้างหน่อยแต่ว่า พวกเขาเดินไปไกลมากไม่ได้ ต้องอยู่ในระยะที่เขาสามารถได้ยิน"รู้อยู่แล้วว่าท่านจะใจกว้างหลอกๆ"ฟู่จาวหนิงวางพู่กัน ปรบๆ มือ จากนั้นจึงเดินออกจากห้องขัง"คิดจะพูดอะไร?"เซียวเหยียนจิ่งเดิมทีคิดจะให้เซียวหลันยวนหึงหวง ดังนั้นจึงไม่คิดจะเดินไปไกลนัก"มานี่หน่อย" เซียวเหยียนจิ่งเดินออกมาข้างๆ ไม่กี่ก้าว รู้สึกว่าระยะนี้เซียวหลันยวนน่าจะได้ยินเหมือนคนคุยกันแต่ไม่ได้ยินเนื้อหาด้านในเช่นนี้ก็พอดีฟู่จาวหนิงร้องเชอะในใจ น่าจะเข้าใจความคิดของเขาเพียงแต่เซียวเหยียนจิ่งก็ยังโง่อยู่ เขาคิดว่าระยะนี้เซียวหลันยวนไม่ได้ยินหรือไรกัน?นางเดินออกไปเซียวเหยียนจิ่งบอกกับผู้คุมข้างๆ คำหนึ่ง ให้เขาออกไปก่อนผู้คุม
ถ้าไม่ใช่ห้องขังรอบๆ ยังมีสภาพเดิมอยู่ เขาก็คงจะสงสัย ว่าฟู่จาวหนิงกับเซียวหลันยวนพักอยู่ในโรงเตี๊ยมอะไรกันคุกที่ไหนเขาจัดกันอบอุ่นแบบนี้บ้าง!"พระชายาอ๋องเจวี้ยน รบกวนออกมาหน่อย มีคนมาพบท่าน" ผู้คุมเปิดประตูยังต้องปรบมือเรียกคนม่านนั้นเลิกออก เซียวเหยียนจิ่งมองเข้าไปด้านใน และเห็นเซียวหลันยวนกำลังนั่งอยู่บนเก้าอี้ที่ปูด้วยเบาะรองตัวหนึ่งพลิกเปิดอ่านหนังสือ บนโต๊ะข้างๆ ยังมีชาที่ร้อนกรุ่นอยู่อีกกาหนึ่งด้วยฟู่จาวหนิงยืนอยู่ข้างๆ เขา กำลังจรดพู่กันเขียนอักษรดูแล้วเหมือนกำลังใช้ชีวิตประจำวันอยู่เลย!เซียวหลันยวนมองออกมา สบเข้ากับสายตาของเซียวเหยียนจิ่งพอดีเซียวเหยียนจิ่งเดิมทีใจก็กระตุกวูบ เขาเกือบจะถอยหนีออกมาแล้ว แต่ตอนที่เห็นฟู่จาวหนิง ไฟริษยาก็ทำให้เขาลืมความกลัวไปไม่ได้เจอกันตั้งครึ่งค่อนปี ฟู่จาวหนิงกลับสวยขึ้นกว่าเดิมเสียอีกเธอเป็นสาวเต็มตัวแล้ว ความเขินอายแบบเด็กสาวก็หายไปใบหน้าเปล่งปลั่ง รูปร่างก็ได้สัดส่วน ไม่เหมือนแต่ก่อนที่ผมบาง แต่มีส่วนโค้งเว้าที่สวยเด่นแค่ชดกระโปรงสีเหลืองเรียบง่าย เห็นแล้วก็ยังรู้สึกเย้ายวนเป็นพิเศษหลี่จื่อเหยาเทียบกับนางได้เสียที่ไหน!
หมากก้าวแรกของพวกชินอ๋องเซียวในตอนนั้นก็เสี่ยงเหมือนกัน ไปบอกเรื่องที่พวกเขารู้กับองค์จักรพรรดิ แม้จะช่วยจัดการพยานสองคนนั้นไปแล้ว แต่องค์จักรพรรดิก็อาจจะยังไม่ละเว้นพวกเขาอยู่ถึงอย่างไรปากของคนตายนี่ล่ะที่ปิดสนิทที่สุด"ท่านพ่อ ความสัมพันธ์ของพวกเรากับองค์จักรพรรดิ จะไปเทียบกับตระกูลฟู่ได้อย่างไร?"เซียวเหยียนจิ่งไม่เห็นด้วยท่านพ่อกับองค์จักรพรรดิเป็นลูกพี่ลูกน้องกัน พวกเขาล้วนสกุลเซียว ยิ่งไปกว่านั้นชินอ๋องเซียวก็ยังคุกคามองค์จักรพรรดิไม่ได้ จวนชินอ๋องเซียวเองก็ไม่ได้มีอำนาจสักเท่าไร ก็แค่อาศัยแต่พระมหากรุณาธิคุณของฝ่าบาทไปเท่านั้นดังนั้นองค์จักรพรรดิจึงเชื่อในความจริงใจที่พวกเขาส่งไปให้ เชื่อว่าพวกเขาต้องการแค่จะได้รับการให้ความสำคัญและการปกป้องจากฝ่าบาทเท่านั้น"ตระกูลฟู่จะไปมีอะไร? ฝ่าบาทไม่จำเป็นต้องเห็นพวกตระกูลฟู่อยู่ในสายตาเลย ส่วนเซียวหลันยวนก็เป็นหนามในสายตาองค์จักรพรรดิอีก องค์จักรพรรดิคิดจะรับมือกับเซียวหลันยวน ตอนนี้เซียวหลันยวนเองก็มีจุดอ่อนที่ใหญ่ที่สุดอยู่ นั่นก็คือฟู่จาวหนิง"พอพูดคำนี้ เซียวเหยียนจิ่งก็ดูไม่ค่อยสบายใจขึ้นมาที่ต้องให้เขายอมรับว่าเซียวหลันย
ก่อนหน้านี้ฟู่จิ้นเชินชื่อเสียงระบือเมืองหลวง และเคยขี่ม้าไปตามถนนสายยาว เคยเข้าไปในโรงสุราประชันโคลงกลอนกับผุ้อื่น เป็นช่วงเวลาที่รุ่งโรจน์เหลือประมาณเพราะเขามีหน้าตาที่ไร้เทียมทาน คนที่ไปดูเขาโดยเฉพาะก็มีไม่น้อย ผ่านไปหลายปีเช่นนี้ คนที่ยังจดจำหน้าตาเขาได้ก็มีอยู่ไม่น้อยด้วยเช่นกันโดยเฉพาะแม้จะผ่านไปสิบกว่าปีแล้ว เขาก็แทบไม่ได้ดูแก่ลงเลย มีแค่ความสุขุมที่มากขึ้น คนที่เคยเจอเขาในครั้งนั้น พอคิดว่าแค่เหลือบมองแล้วจำเขาได้ก็คงไม่ใช่เรื่องที่ยากเย็นอะไรกลับกันตัวฟู่หลินซื่อ คนที่พบเจอมีไม่มากนัก"ตอนนั้นคนที่ส่งข่าวให้พวกเราบอกว่า รอให้ฟู่หลินซื่อกลับเมืองหลวง จึงสามารถคิดหาวิธีให้เรื่องเมื่อสิบแปดปีก่อนเกิดขึ้นอีกครั้ง"ชินอ๋องเซียวกดเสียงต่ำ "สิบแปดปีก่อน เรื่องที่ฟู่หลินซื่อถูกใส่ร้ายว่าวางยาพิษเซียวหลันยวนสินะ ตอนนี้นางกลับมาแล้ว จะมีคนยืมมือของนางลงมือวางยาพิษกับเซียวหลันยวนอีกครั้งหรือ?"เซียวเหยียนจิ่งในใจมีความตื่นเต้นที่ยากจะพรรณนาออกมาเขาช่วงนี้เฝ้าคอยเรื่องนี้อยู่ตลอดก่อนหน้านี้เขาถอยห่างฟู่จาวหนิง อยากจะหนีนางไปให้ไกลๆ แต่ตอนนี้เขาเสียใจขึ้นมาเสียแล้วนับตั้งแต่
ผู้อาวุโสจี้อยู่ในรถม้าด้านหลัง เขาเองก็เลิกม่านขึ้นมองด้านนอก พอเห็นร้านรวงสองฟากฝั่งถนนแขวนไว้ด้วยโคมแดงก็ถอนหายใจ"จะปีใหม่อีกแล้ว"ชายหนุ่มอายุราวสามสิบปีอีกหนึ่งคนที่นั่งอยู่ในรถม้าก็มองออกไปด้านนอก พอได้ยินเขาพูดเช่นนี้ก็มองไปทางผู้อาวุโสจี้ ถอนหายใจเอ่ยขึ้นว่า "ผู้อาวุโสจี้ นี่จะปีใหม่อยู่แล้ว เจ้าพันธมิตรเรียกท่านกลับไปรวมตัวที่สาขาหลัก ท่านทำไมจึงปฏิเสธล่ะ?"ผู้อาวุโสจี้ไม่ได้กลับสาขาหลักไปช่วงปีใหม่หลายปีแล้ว"ไม่อยากไป วุ่นวายเกิน" ผู้อาวุโสจี้ส่ายหัว ไม่สนใจอย่างเห็นได้ชัด"ผู้อาวุโสคนอื่นก็ล้วนอยู่ที่พันธมิตร แม้ว่าเวลาปกติจะไปที่นั่นที่นี่ แต่พอถึงช่วงไว้พระจันทร์กับปีใหม่ล้วนกลับไป ตอนที่พวกเขาอยู่ด้วยกันยังสามารถหารือเรื่องใหญ่ต่างๆ ในพันธมิตรได้ นอกจากนี้ทุกสิ้นปีฝ่ายบัญชีพันธมิตรโอสถก็จะตรวจสอบแบ่งปันเงิน ท่านไม่กลับไป เรื่องพวกนี้ก็ไม่รู้ว่าจัดการกันชัดเจนหรือไม่ชายคนนี้เพิ่งจะถูกย้ายมาเป็นผู้ดูแลพันธมิตรคนใหม่ของเมืองหลวง ซูเหอซูเหอเองก็ถือเป็นคนที่ได้รับการสนับสนุนจากผู้อาวุโสจี้ เดิมทีด้วยอายุและประสบการณ์ของเขา ควรจะถูกจัดไปอยู่ประจำที่สาขาของพันธมิตรโอ