เซียวหลันยวนถูกพวกเขาเอะอะกันพักหนึ่งจึงเข้าใจขึ้นมา ว่าตนเองสลบไปหลายวันแล้วพอเห็นว่าฟู่จาวหนิงหลายวันนี้ผอมลงไปมาก อารมณ์เขาก็ซับซ้อนขึ้นมาจนไม่รู้จะพูดอะไรทันทีเดิมทีเขาก็ตัดสินใจว่าจะไม่ทำให้ฟู่จาวหนิงต้องเหนื่อยแล้ว คิดไม่ถึงว่าตอนนี้จะถูดกนางลากกลับมาจากประตูนรกอีกแล้ว แล้วยังทำให้นางต้องเหนื่อยจนแค่จะพูดก็ยังไม่มีแรงเลยและมองต่อไปยังคนอื่น ก็ล้วนเป็นคนที่เดินผ่านวังยมโลกมาแล้วกันทั้งนั้น"ประคองข้าไปดูคนเหล่านั้นหน่อย"เซียวหลันยวนพอมีกำลังวังชาขึ้นหน่อยก็ให้องครักษ์ประคองเขาไปยังจุดที่ฝังองครักษ์ทั้งสิบเอ็ดคนองครักษ์พอได้ยินเขาก็ยังไม่ขยับ แต่มองไปยังฟู่จาวหนิงด้วยสัญชาตญาณพวกเขาใช้สายตาสอบถามมองไปทางฟู่จาวหนิงเซียวหลันยวนมองออกแล้ว ถ้าฟู่จาวหนิงไม่พยักหน้า พวกเขาก็จะไม่ฟังคำพูดพวกเขาแล้ว แล้วคงจะไม่ประคองเขาออกไปด้วย"ข้าจะไปดูพวกเขา จะกล่าวขอบคุณกับพวกเขาเสียหน่อย" เซียวหลันยวนถอนหายใจเบา เอ่ยกับฟู่จาวหนิงฟู่จาวหนิงพยักหน้าด้วยสีหน้าเรียบเฉยองครักษ์จึงประคองตัวเซียวหลันยวนออกไปชิงอีเองก็เจ็บหนัก แต่ก็ตามออกไปภายใต้การประคองของเองครักษ์ตระกูลเสิ่นระหว่าง
เซียวหลันยวนก็ไม่ได้พูดอะไรต่อพอไปถึงหน้าหลุมศพเหล่าองครักษ์ เซียวหลันยวนก็นั่งลงหน้าหลุมศพ "ไปหากระดานไม้มาแผ่นหนึ่ง ข้าจะสลักป้ายหลุมศพให้พวกเขา"องครักษ์รีบออกไปเซียวหลันยวนถัดจากนี้จึงนั่งลงสลักป้ายหน้าหลุมศพสุสานขององครักษ์ผู้ซื่อสัตย์แห่งจวนอ๋องเจวี้ยนเซียวหลันยวนยืนขึ้นป้ายไม้ตั้งขึ้น เขายื่นมือประคอง เอ่ยขึ้นเสียงต่ำ "ข้าขอบคุณพวกเจ้ามาก และรู้สึกผิดต่อพวกเจ้าด้วย หลังจากนี้จะให้คนมาย้ายหลุมศพพวกเจ้ากลับไปยังเมืองหลวง จะไม่ให้พวกเจ้าต้องอยู่ที่นี่ไปตลอดแน่""ท่านอ๋อง ควรกลับได้แล้ว"ชิงอีเองก็อยู่ที่นี่ด้วยตลอด แต่เห็นว่าเวลาที่ออกมาก็นานมากแล้ว ยิ่งไปกว่านั้นยังมีลมแล้วด้วย เขาจึงรีบเตือนให้เซียวหลันยวนกลับไปถ้านานเกินแล้วยังไม่กลับไป เกรงว่าพระชายาจะโกรธเอาเซียวหลันยวนถูกประคองลุกขึ้นยืน "จำตำแหน่งนี้ไว้ หลังจากนี้จะให้คนมาย้ายหลุมศพพวกเขากลับเมืองหลวง""ขอรับ"กลับไปยังจุดที่พวกเขาตั้งค่าย เซียวหลันยวนก็เห็นฟู่จาวหนิงที่นั่งอยู่หน้ากระโจมที่ตั้งขึ้นชั่วคราวหลังหนึ่งฟู่จาวหนิงพอเห็นเขากลับมา ก็หมุนตัวเข้าไปในกระโจมทันที ไม่พูดอะไรสักคำเดียวเซียวหลันยวนค
"อ๋องเจวี้ยน" ไป๋หู่เห็นเซียวหลันยวนเดินตามฟู่จาวหนิงไป ก็อดเรียกเขาขึ้นมาไม่ได้แค่คิดก็รู้ว่าคุณหนูของพวกเขาจะออกไปทำอะไร แล้วอ๋องเจวี้ยนตามไปมันเหมาะสมหรือ?เซียวหลันยวนชะงัก "ข้าไม่วางใจ จะคุ้มกันอยู่ห่างๆ"ตอนที่ฟู่จาวหนิงตื่นขึ้นมาเขาก็สังเกตเห็นแล้ว จึงลุกขึ้นตามออกมาทันที เขาเดิมทีก็คอยจับตาดูการเคลื่อนไหวของนางอยู่ตลอดที่นี่คือในป่าเขา กลางค่ำกลางคืน นางคนเดียวไปในกอหญ้า เขาเองก็ไม่ค่อยจะวางใจนักไป๋หู่คิดว่าถึงอย่างไรพวกเขาก็เป็นสามีภรรยา เขาเองก้เหมือนจะไม่มีคุณสมบัติไปห้าม ยิ่งไปกว่านั้นเขาเองก็กังวลฟู่จาวหนิงด้วย จึงไม่ได้พูดอะไรอีกแม้ว่าอ๋องเจวี้ยนสุขภาพตอนนี้จะย่ำแย่มากก็ตามเซียวหลันยวนรักษาระยะห่างไว้ฟู่จาวหนิงจัดการภารกิจภายในเรียบร้อย ก็มองเห็นเขา แต่ก็ไม่พูดอะไร เดินผ่านข้างตัวเขาไป"..." เซียวหลันยวนริมฝีปากขยับ แต่พอคิดถึงใบหน้าตนเอง ก็ไม่รู้ว่าควรจะพูดอะไรออกมาดี จึงทำได้เพียงเดินตามหลังนางอยู่เงียบๆไป๋หู่เห็นพวกเขาคนหนึ่งนำหน้าอีกคนหนึ่งเดินตามกลับเข้ามา ก็ไม่ได้ถามอะไร ยื่นกระบอกไม้ไผ่ใบหนึ่งให้ฟู่จาวหนิง"คุณหนูจาวหนิง น้ำเพิ่งต้ม ระวังลวกด้วย"
ด้วยความสามารถของนาง นางเดิมทีควรจะมีชีวิตที่ดีกว่านี้ มั่นคงกว่านี้นางเดิมทีควรจะถูกคนมากมายเคารพเชิดชูนอบน้อมด้วยตัวตนฐานะหมอเทวดา ไม่ใช่มาเป็นพระชายาอ๋องเจวี้ยน แล้วต้องเจอกับอันตรายจากการถูกลอบสังหารได้ตลอดเวลาเช่นนี้เซียวหลันยวนอยากจะเดินเข้าไป ไปบอกกับนาง แต่เขาก็กดความคิดนี้ลงไปก่อนต่อมาพวกเขาก็หยุดอีกสองวัน ในช่วงนี้ พวกองครักษ์ลับที่ติดตามพวกเขามาก่อนหน้านี้ยังไม่พบตัวพวกเขาฟู่จาวหนิงหลังจากพักผ่อนเรียบร้อยก็ฝังเข็มจัดยาให้พวกเขาทุกวัน เซียวหลันยวนก็ไม่ได้ตกหล่นแต่ว่าระหว่างพวกเขายังคงไม่พูดคุยกันเพราะท่านอ๋องกับพระชายาไม่พูดคุยกันเลย บรรยากาศจึงกดดันมาก ทำให้คนอื่นๆ แทบไม่กล้าจะหายใจกันแต่พวกเขาก็ยังต้องไปเขาอวี้เหิงผ่านไปสองวันพวกเขาก็เก็บของเพื่อเดินทางต่อตอนแรกที่เร่งระยะทางก็ยังดีอยู่ เพราะเซียวหลันยวนกับฟู่จาวหนิงอยู่รถม้าคนละคันวันนี้ตอนกลางวัน ขณะที่คนทั้งหมดพักผ่อน ชิงอีในที่สุดก็ทนไม่ไหวแล้ว"ท่านอ๋อง ท่านคิดจะเป็นเช่นนี้กับพระชายาต่อไปหรือ?" ชิงอีอึดอัดจะแย่อยู่แล้ว เขาคิดไม่ถึงจริงๆ ว่าออกมารอบเดียว ท่านอ๋องกับพระชายาจะเปลี่ยนไปเป็นเช่นนี้ก่อ
"เข้าใจผิด ก็เข้าใจผิดไปแล้วกัน" เซียวหลันยวนถอนหายใจ "ช่างเถอะ"ชิงอีแทบจะไปต่อไม่เป็นไม่ใช่สิ ท่านอ๋อง อะไรคือช่างเถอะกัน?เขาไม่เข้าใจท่านอ๋องขึ้นมาเสียแล้ว ท่านอ๋องก่อนหน้านี้ก็ไม่ใช่พวกมีนิสัยชักช้าอืดอาดนี่นาแต่พอเซียวหลันยวนไม่คิดจะพูดต่อ เขาก็ไม่กล้าจะเอาแต่ถามพวกเขาในที่สุดก็มาถึงเขาอวี้เหิงระหว่างนี้ยังอ้อมพวกที่แอบติดตามมาหลายต่อหลายครั้ง ในที่สุดก่อนที่จะเข้าเขาอวี้เหิงจึงสลัดพวกเขาหลุดออกมาได้"พวกเราต้องเร็วขึ้นหน่อยแล้ว เพราะพวกเขาเองก็อาจจะหาเขาอวี้เหิงเจอก็ได้"เซียวหลันยวนรู้ว่าสลัดคนเหล่านี้ออกไปได้แค่ชั่วคราว แต่ว่าพวกเขาที่มีคนตั้งมากมายรถม้าอีกหลายคัน อย่างไรก็ต้องทิ้งร่องรอยไว้บ้าง คนเหล่านั้นถ้ายังหาต่อ จะช้าเร็วก็ต้องตามขึ้นมาได้อยู่ดีสิ่งที่พวกเขาทำได้ ก็คือการเพิ่มความเร็วแล้วรีบหาสิ่งของให้เจอในความเป็นจริงเซียวหลันยวนเองก็ไม่รู้ว่าสิ่งยืนยันสามชิ้นนี้เกี่ยวข้องกับสิ่งของอะไร แล้วจะทำให้เขาหาอะไรพบกันแน่ไท่ซ่างหวงต้องเอาของมาซ่อนไว้ไกลถึงพันลี้นี้เพื่ออะไรพวกเขาไม่ได้หยุดพัก พุ่งเข้าไปในเขาอวี้เหิงทันทีตอนนี้ที่ตีนเขาอวี้เหิงกับช่วงกลาง
เซียวหลันยวนเห็นฟู่จาวหนิงวิ่งไปไวขนาดนั้น จนแทบจะตะโกนเรียกนางให้วิ่งช้าหน่อย เดี๋ยวจะหกล้ม!แต่คำพูดติดอยู่ที่มุมปาก เขากลับกลืนกลับลงไปฟู่จาวหนิงยังวิ่งไม่ถึงข้างหน้าก็เริ่มนับจำนวนของต้นผลไม้เหล่านี้แล้ว"หนึ่งสองสามสี่ห้าหกเจ็ดแปด"ยังขาดอีกต้นหรือ?นางขมวดคิ้วเซียวหลันยวนค่อยเดินมาจนถึงอีกด้านหนึ่ง มองนางผาดหนึ่ง เหมือนเดาได้ว่านางกำลังคิดอะไรอยู่ พูดออกมาคำหนึ่ง"ด้านหลังหินใหญ่นั่นยังมีอีกต้น"ฟู่จาวหนิงมองออกไป แล้วก็เห็นเข้าจริงๆ"เช่นนั้นก็เก้าต้น!"นางร้องขึ้นอย่างยินดีเซียวหลันยวนคิดไม่ถึงว่าเรื่องจะบังเอิญขนาดนี้ เขาตอนนี้เองก็เชื่อสิ่งที่ชิงอีพูดไว้ก่อนหน้านี้ ที่บอกว่าฟู่จาวหนิงเป็นคนที่มีโชคคนหนึ่งเดิมทีคิดว่าเขาอวี้เหิงที่ใหญ่โตขนาดนี้ ค้นหาทั่วทั้งเขาก็ยังไม่รู้เลยว่าต้องใช้เวลานานสักเท่าไร เขากระทั่งคิดว่าอาจจะต้องใช้เวลาสักสิบวันครึ่งเดือนก็คงยังเดินแกร่วอยู่นั่นล่ะอันที่จริงก็คิดไม่ถึงเลยว่าพอมาถึงก็หาพบแล้วแค่นกตัวเดียวชี้นำให้นางหรือ?เซียวหลันยวนมองท้องฟ้าผาดหนึ่ง และไม่รู้ว่าไท่ซ่างหวงรู้หรือไม่ว่าเขาจะรับพระชายาที่โชคดีขนาดนี้มาคนหนึ่ง แต
เซียวหลันยวนยังคิดว่านางจู่ๆ ที่เห็นหน้าเขา แล้วจะถูกแผลเป็นพิษทำให้ตกใจเสียอีก ใจกระตุกขึ้นมาฉับพลันเมื่อครู่เขาเห็นนางหยิบกล่องใบนี้ขึ้นมาแนบข้างหู รู้สึกว่านางจะพบอะไรเข้า ดังนั้นจึงเดินเข้ามา คิดไม่ถึงว่านางจะตกใจสะดุ้งโหยงอย่างนี้แล้วแบบนี้ยังคิดจะนอนคู่เคียงหมอนกับนางอีกหรือ?ประเดี๋ยวประด๋าวคงทำเอานางสะดุ้งโหยงตลอดเวลาเลยกระมัง?ฟู่จาวหนิงยืนมั่นคงแล้ว นางกลับไม่ได้คิดอะไรเยอะตอนนี้หาสิ่งของสำคัญที่สุด ก่อนหน้านี้เขาเองก็พูดไว้แล้วนี่ ว่านี่คืองาน"กล่องใบนี้ส่งเสียงลอดออกมาได้ ดังนั้นข้าจึงรู้สึกว่า ด้านในไม่แน่ว่าจะมีของอยู่ ก็แค่นั้น" ฟู่จาวหนิงส่งกล่องใบนั้นให้เขาเซียวหลันยวนรับไป สูดปากขึ้นมาด้วยสัญชาตญาณ นิ้วมืองอเล็กน้อย"เย็นมากหรือ?""อืม"แม้จะเย็นมาก เขาก็ยังทำเหมือนนางก่อนหน้านี้ ยกมันขึ้นแนบหู ตั้งใจฟังแต่เขาก็ยังใช้หน้าอีกครึ่งที่ยังดีอยู่หันหาฟู่จาวหนิงด้วยสัญชาตญาณ"เสียงอื้ออึง""ใช่ไหม? ท่านเองก็ได้ยิน" ฟู่จาวหนิงยื่นมือมารับกล่องใบนี้กลับไป ถึงอย่างไรเขาก็เย็นจนนิ้วแทบจะขาวซีดไปหมดแล้ว"ของสิ่งนี้คงไม่ได้นำมาเพื่อยืนยันจุดตำแหน่งหรอกกระมัง?"
เซียวหลันยวนกับฟู่จาวหนิงถอยออกไป มองดูพวกเขาขึ้นหน้าไปพร้อมกัน เตรียมจะผลักหินยักษ์เปิดออก"ระวังหน่อย เหมือนหินก้อนนี้จะไม่ค่อยมั่นคง อย่าให้ถูกทับเข้า"ฟู่จาวหนิงดูกังวลหน่อยๆ เพราะหินก้อนนี้ใหญ่จริงๆ ปีนขึ้นไปนั่งได้หลายคนเลยก้อนที่พวกเขาจะไปผลักแม้จะดูเล็กลงหน่อย แต่ก็ยังใหญ๋โตอยู่"จะผลักให้เคลื่อนที่ได้ไหม?"ฟู่จาวหนิงมองแล้วยังสงสัยหน่อยๆหินก้อนใหญ่ขนาดนี้ ลำพังพวกเขาจะผลักได้หรือ?ชิงอีได้ยินคำพูดนาง ก็ถูฝ่ามือ เอ่ยเตือนขึ้นว่า "พระชายา เป็นเพราะตอนนี้ท่านอ๋องใช้วรยุทธ์ไม่ได้ ไม่เช่นนั้นด้วยกำลังภายในของท่านอ๋อง สามารถผลักหินก้อนนี้ออกได้แน่นอน"หรือก็คือ กำลังภายในของเซียวหลันยวนนั้นลึกล้ำมากเมื่อครู่เขาก็ไม่ได้คิดจะลองดูอยู่หรือไรกัน?"แล้วถ้าตอนนั้นเจ็บหน้าอก หรือเลือดลมไหลย้อน จนพิษระงับไม่อยู่ ข้าก็ไม่มียาจะให้เขาหรอกนะ" ฟู่จาวหนิงไม่มองเซียวหลันยวน แต่คำพูดคือพูดกับเขาอยู่"ข้าจะไม่ขยับ ฟังคำกำชับของหมอ" เซียวหลันยวนสีหน้าจริงจังฟังคำกำชับของหมอเป็นคำที่ฟู่จาวหนิงพูดอยู่ตลอด ตอนนี้พวกเขาเองก็จดจำไว้ในใจแล้ว"พระชายา ข้าแค่จะบอกว่ากำลังภายในของท่านอ๋องร้า
พระชายาเยว่รู้สึกว่า แม่นมเยว่อดทนอยู่ในวังมายี่สิบปี คงวางแผนงานใหญ่อะไรอยู่นางถึงแม้จะเคยเห็นฝีมือแม่นมเยว่มาบ้างแล้ว แต่ก็ยังรู้สึกว่าแม่นมเยว่เองก็ไม่ได้มีฝีมือมากขนาดนั้น ถ้าหากนางร้ายกาจจริง จำเป็นต้องมาซุ่มอยู่ในวังหลวงยี่สิบปี แต่ก็ยังทำเรื่องไม่เสร็จแบบนี้หรือ?แม่นมเยว่น่าจะเป็นยอดฝืมือในการใช้ยา ยิ่งไปกว่านั้นยังยอดเยี่ยมในด้านการสกัดยาชนิดนั้น ยาที่ไม่ใช่เรื่องที่น่าภูมิใจเท่าไร ถึงอย่างไรก็ทำให้แค่ผู้ชายมีความสุขล่องลอยได้มากเท่านั้น ทำเรื่องใหญ่โตอะไรให้สำเร็จไม่ได้ตอนนี้ นางได้รับความโปรดปรานจากองค์จักรพรรดิแล้ว ยังต้องคอยฟังแม่นมเยว่อยู่อีกหรือ?แต่ถ้าแม่นมเยว่ก็มีวิธีการที่จะให้องค์จักรพรรดิรับมือกับอ๋องเจวี้ยนจริงล่ะ?จะว่าไป ยาชนิดนั้นของแม่นมเยว่ ถ้าหากใช้กับอ๋องเจวี้ยน ไม่รู้ว่าจะมีประสิทธิผลไหมชั่วขณะหนึ่ง พระชายาเยว่คิดไปร้อยแปดจากนั้นนางก็ไปที่ครัวเล็ก ลงมือทำของว่างขึ้นมาถาดหนึ่ง เปลี่ยนเสื้อผ้า แต่งเนื้อแต่งตัวอย่างประณีต ยกของว่างเข้าไปในห้องหนังสือหลวงองค์จักรพรรดิเพิ่งฟังรายงานลับจบเขาให้คนจับตาดูคอยจับตาดูการเคลื่อนไหวของคนหลายคนในเมืองหลวง
"จุ๊ๆ เรื่องนี้..." พระชายาเยว่คิดๆ ยังไม่รู้จะจัดการอย่างไรก่อนดีชั่วคราว"เจ้ากลับไปอยู่ข้างๆ เฉินฮ่าวปิงก่อนแล้วกัน คอยจับตาดูนางไว้ มีเรื่องอะไรก็มาบอกกับข้า" พระชายาเยว่รู้สึกว่าตอนนี้ใช้งานชิวอวิ๋นไปก่อนแล้วกัน ถึงอย่างไรนางก็ไม่มีตัวเลือกอื่นแล้ว"่เจ้าค่ะ"รอจนชิวอวิ๋นออกไป พระชายาเยว่ก็เรียกคนเข้ามาคนคนนี้ดูแล้วปกติดี แต่ว่าการเดินเหินในวังนั้นไม่ถูกใครสังเกตหรือสนใจเลยเป็นแม่นมที่หน้าตาธรรมดาคนหนึ่ง"แม่นมเยว่ เมื่อครู่เจ้าได้ยินแล้วใช่ไหม?"แม่นมเยว่คนนี้ก้มหน้าต่ำเล็กน้อย เอ่ยขึ้นน้ำเสียงราบเรียบ"ได้ยินแล้วพะย่ะค่ะ""เรื่องนี้ ควรจะเผยกับองค์จักรพรรดิไหม?""ได้พะย่ะค่ะ""แต่ถ้าองค์จักรพรรดิรู้ อาจจะกริ้วอย่างรุนแรงได้ อ๋องฉยงที่มีความคิดไม่ดีกับพระชายาอ๋องเจวี้ยน เรื่องนี้ถ้าลือออกไปจะไม่ดีกับราชวงศ์""เรื่องนี้มีประโยชน์กับการที่พวกเราจะสืบค้นระดับความอดทนของจักรพรรดิต่ออ๋องฉยงได้ว่าอยู่ที่ไหน เพราะอะไรอ๋องฉยงจึงยังอยู่ในเมืองหลวง เรื่องนี้ยังต้องตรวจสอบให้ชัดเจน""เนื้อหาการคุยกันของอ๋องฉยงกับองค์จักรพรรดิทำไมจึงเปิดเผยไม่ได้" พระชายาเยว่ถอนหายใจ"ดังนั้น
"อะไรนะ?!"พระชายาเยว่พอได้ยินประโยคนั้นของชิวอวิ๋น ทิ้งมารยาทอะไรไปเกือบหมดจนแทบกระโจนขึ้นมา"เจ้าอย่ามาพูดมั่วซั่วนะ! ถ้าให้คนอื่นได้ยินข้าเองก็ช่วยเจ้าไม่ได้!"อันที่จริงนางเองก็ไม่อยากได้ชิวอวิ๋นแล้ว ดูแล้วเหมือนทำเรื่องอะไรก็ไม่สำเร็จ ไร้ประโยชน์สิ้นดีแต่ว่าตอนนี้พอได้ยินชิวอวิ๋นพูดประโยคนี้ออกมา ก็ทำเอานางลืมเรื่องที่จะโยนชิวอวิ๋นทิ้งไปทันที"เป็นเรื่องจริง พระชายา เรื่องนี้ถ้าไม่ได้ยินเองกับหู ข้าน้อยจะกล้าแต่งขึ้นมาได้อย่างไรกัน?" ชิวอวิ๋นรีบพูด"อ๋องฉยงชอบพระชายาอ๋องเจวี้ยนรึ?""พะย่ะค่ะ ตอนที่ออกมาจากวังราชนิเวศน์ ข้าไปเจอที่หน้าประตูใหญ่"พระชายาเยว่คิดถึงใบหน้า รูปร่างของฟู่จาวหนิง ก็ไม่ใช่ว่าจะไม่เชื่อ"ได้ยินว่าอ๋องฉยงเป็นพวกชื่นชอบสาวงาม ไม่เช่นนั้นพระชายาอ๋องฉยงคงไม่คุมเขาไว้อย่างเข้มงวด ราวกับอยู่ในคุกแน่นอน"เพราะพอหย่อนยาน ไม่ทันระวังหน่อย อ๋องฉยงก็อาจจะไปหลับนอนกับสาวสวยคนไหนแล้วก็คอยเลี้ยงไว้ด้านนอกแต่พระชายาอ๋องฉยงเข้มงวดเสียขนาดนั้นแล้ว อ๋องฉยงก็ยังมีอวิ๋นจูกับเฉินฮ่าวปิงลูกนอกสมรสสองคนนี้ได้ที่โตแล้วมีอยู่สองคน แล้วที่ยังไม่โตล่ะ? อธิบายได้ว่าอ๋อง
"ข้าต้องการวัตถุดิบยาเหล่านี้เดิมทีก็จะให้นางส่งไปที่เมืองเจ้อ แล้วนางปฏิเสธเอง เดิมทีนี่เป็นความคิดของข้า! ท่านบอกว่าข้ารับมือไม่ไหว นางเองก็ไม่ใช่ว่าพึ่งพาคนอื่นหรือ ก็แค่เพราะนางแต่งงานกับอ๋องเจวี้ยนที่มีอำนาจ! ท่านให้นางเอาอ๋องเจวี้ยนให้ข้าสิ! ถ้าหากข้าเป็นพระชายาอ๋องเจวี้ยน ข้าเองยังทำได้ดีกว่านางเสียอีก!"ต่งฮ่วนจือถูกเสียงแหลมของนางแผดใส่จนปวดหูไปหมดแล้วเขามองอย่างตกตะลึงไปทางเฉินฮ่าวปิง ก่อนหน้านี้ไม่เคยรู้มาก่อนว่านางเป็นคนแบบนี้"เจ้าคิดว่าที่ศิษย์น้องหญิงมีความสามารถขนาดนี้ เป็นเพราะแต่งงานกับอ๋องเจวี้ยนหรือไรกัน?""แล้วไม่ใช่หรือ? นางก็แค่พึ่งพาอ๋องเจวี้ยนเหมือนกัน ด้านหลังมีต้นไม้ใหญ่ให้พักพิงร่มเย็น! ถ้าหากไม่ใช่อ๋องเจวี้ยน ตอนนั้นที่นางถอนหมั้นกับรัฐทายาทเซียวไปก็คงจะเอาตัวไม่รอดแล้ว ต่อมานางจะได้ไปฝากตัวเป็นศิษย์เรียนหมอจนเข้าพันธมิตรโอสถได้อย่างไรกัน?!"ต่งฮ่วนจือมองนางลึกๆ ส่ายหัวถอนหายใจ"บนโลกนี้ไม่มีรัฐทายาทเซียวอีกแล้ว"ขนาดรัฐทายาทเซียวไม่อยู่แล้ว ก็ยังไม่รู้หรือ?"ช่างเถอะ วันนี้เจ้าเป็นท่านหญิงไปแล้ว ข้าก็แค่ประชาชนธรรมดา ช่วยอะไรไม่ได้หรอก ขอตัวแค่นี้
พอเห็นสีหน้าเฉินฮ่าวปิง ใจของต่งฮ่วนจือก็เย็นลงมาทันทีทั้งที่รู้ความสัมพันธ์ระหว่างเขากับฟู่จาวหนิงแล้วแท้ๆ แต่ว่าตอนนี้ เฉินฮ่าวปิงก็ยังใช้ประโยชน์จากเขา คิดจะให้เขาขัดขวางศิษย์น้องหญิงต่อให้เป็นเรื่องที่เหลวไหลแบบนี้ นางก็ยังพูดออกมาโดยไม่หนักใจ แล้วขอให้เขาทำตามสิ่งที่นางต้องการต่งฮ่วนจือมองไปทางฮูหยินเฉิน เขายังดูคาดหวังอยู่ถึงอย่างไรฮูหยินเฉินก็เป็นผู้ใหญ่แล้ว น่าจะรู้จักขอบเขตบ้างกระมัง?"เจ้าเองก็คิดแบบนี้หรือ? จะให้ข้าเก็บวัตถุดิบยาไว้จนกว่าฮ่าวปิงจะรวมเงินได้?"ฟังเอาเถอะ เขาพูดซ้ำออกมาอีกรอบหนึ่งก็ยังรู้สึว่าเป็นเรื่องไร้สาระเลยฮูหยินเฉินขมวดคิ้ว มองนางด้วยสายตาเศร้าๆแต่ก่อนพอเห็นสีหน้าเช่นนี้ของนาง ต่งฮ่วนจือก็จะรู้สึกปวดใจ อยากจะปกป้องนางขึ้นมา เขารู้ ว่านางเป็นผู้หญิงอ่อนแอคนหนึ่ง มีลูกสาวติดหนึ่งคน คอยหนีคนตามล่าอยู่ตลอด มันลำบากแค่ไหนถ้าหากเป็นไปได้ เขาเองก็อยากจะยืนบังลมบังฝนให้นาง เพราะแรกสุดเขารู้สึกชื่นชมนาง ชื่นชมความแข็งแกร่งและความรักของแม่จากตัวนางแต่สีหน้าต่อตัวเขาของฮูหยินเฉินตอนนี้ ต่งฮ่วนจือจู่ๆ ก็คิดขึ้นมาว่า อ๋องฉยงถึงอย่างไรก็หาพวกนางเจอแ
เฉินฮ่าวปิงมองต่งฮ่วนจือนางสามารถใช้วัตถุดิบยาของพันธมิตรโอสถทำการกุศลต่อได้ และยังพังแผนการของฟู่จาวหนิงได้อีก ทำให้นางไม่ได้รับวัตถุดิบยาหลังจากเฉินฮ่าวปิงกลับมาพูดเรื่องวันนี้กับฮูหยินเฉิน ฮูหยินเฉินโกรธมากดังนั้นนางจึงคิดวิธีนี้ออกมา รู้สึกว่าพวกนางตอนนี้รับมือฟู่จาวหนิงไม่ไหว แต่ถ้าลงแรงกับต่งฮ่วนจือทางนี้สักหน่อย สร้างความลำบากให้กับฟู่จาวหนิงได้บ้างก็ยังดีมีสิทธิ์อะไรที่จะยอมให้ฟู่จาวหนิงทำทุกอย่างได้ราบรื่นขนาดนั้น?ต่งฮ่วนจือถ้าหากขัดฟู่จาวหนิงได้ ไม่ใช่แค่ฟู่จาวหนิงจะไม่ชอบใจ แต่ผู้อาวุโสจี้ก็จะโกรธด้วย ถ้าผู้อาวุโสจี้โกรธ ฟู่จาวหนิงก็จะอารมณ์ไม่ดีดังนั้น ขอแค่กล่อมต่งฮ่วนจือ ก็จะทำได้ฟู่จาวหนิงอึดอัดได้ ดีจะตาย?ดังนั้น จึงได้เห็นเฉินฮ่าวปิงที่มาแสดงความอ่อนแอออดอ้อนต่งฮ่วนจือในตอนนี้นางรู้สึกว่า ความรักทีต่งฮ่วนจือมีให้นาง เรื่องนี้ไม่ใช่จะทำไม่สำเร็จแต่ตอนได้ยินคำพูดของนาง ต่งฮ่วนจือก็งงงันไปครู่หนึ่ง"ลุงต่ง..." เฉินฮ่าวปิงดึงแขนเสื้อของเขา "ได้ไหม?"ต่งฮ่วนจือดึงแขนเสื้อในมือนางกลับมา"เรื่องนี้ไม่ได้""ทำไมล่ะ?""อันดับแรก วัตถุดิบยาที่เจ้าคิดจะเอาไ
หลายปีก่อนที่เขาช่วยพวกนางแม่ลูกไว้ เฉินฮ่าวปิงยังเป็นเด็กสาวร่างผ่อนอ่อนแอ หลายปีนี้ยังถือว่าเขาเลี้ยงดูมาจนโต เขาแทบจะมองเฉินฮ่าวปิงเป็นลูกสาวตนเองไปแล้วแม้ตอนนี้นางเจอกับพ่อแท้ๆ แล้ว แต่พ่อแท้ๆ คนนั้นก็ไม่ใช่จะได้เรื่องกระมัง ต่งฮ่วนจือยังรู้สึกเป็นห่วงอยู่เขาคิดคิด ยังคิดจะไปบ้านเล็กในซอยนั่นเพื่อหาเฉินฮ่าวปิงหลายวันนี้เฉินฮ่าวปิงก็ไม่ยอมพบเขา ทุกครั้งที่เขามา คนใช้ก็จะบอกว่าท่านหญิงไม่อยู่วันนี้เขามา แต่เฉินฮ่าวปิงกลับอยู่ และยังยอมพบเขาด้วยพอเข้ามาในบ้าน มาถึงเรือนหน้า ฮูหยินเฉินก็อยู่ด้วยแม่ลูกหันมามองนางพร้อมกัน สายตาของคนทั้งคู่ล้วนแดงก่ำ ดูแล้วน่าสงสารมาก เฉินฮ่าวปิงพอเห็นเขาก็ร้องไห้โฮออกมา"ลุงต่ง!"นางพุ่งเข้ามาหาต่งฮ่วนจือ สองมือดึงแขนเสื้อเขา ร้องไห้ตัวโยน "ท่านมาได้เสียที!"ก่อนหน้านี้เขาเข้ามาตั้งหลายครั้ง ก็ไม่ยอมออกมาเจอ ไม่ได้ว่าเขาไม่เคยมาเสียหน่อยแต่ต่งฮ่วนจือก็ไม่ได้พูดออกมา มองสภาพเฉินฮ่าวปิงแล้วเขาก็ยังคงปวดใจอยู่"ทำไมหรือ? เกิดอะไรขึ้น? อ๋อง อ๋องฉยงไม่ได้ช่วยเจ้าหรือ?"พอพูดถึงอ๋องฉยง เฉินฮ่าวปิงก็รู้สึกน้อยเนื้อต่ำใจขึ้นมาเพราะวันนี้อ๋อง
ก่อนค่ำวันเดียวกันฟู่จาวหนิงให้สืออีไปเก็บตั๋วเงินพวกนี้มาแล้วกระทั่งองค์หญิงเจ็ดก็ยังไม่กล้าที่จะไม่ให้หลังจากให้สามพันตำลึงมาแล้ว คนเหล่านี้ก็ล้วนรู้สึกเหมือนเสียปราณชี่ขนานใหญ่ไป ไม่มีทั้งหน้าไม่มีทั้งเงิน แล้วยังหวาดผวา ไม่รู้หลังจากนี้จะมีเรื่องอะไรอีกถ้าเผื่อพระชายาอ๋องเจวี้ยนเอาเรื่องนี้ไปฟ้องอ๋องเจวี้ยน อ๋องเจวี้ยนมาหาเรื่องบ้านพวกเขาอีกจะทำอย่างไร?โดยเฉพาะคุณหนูสี่หลิน หลังจากกลับมาก็ได้ยินพี่สาวคนโตกับคนรองพูดถึงเฉินฮ่าวปิง จึงได้รู้ว่าพวกนางเดิมทีก็ดูถูกท่านหญิงปิงอวี้อยู่แล้วพ่อของนางกับพี่สาวนางเองก็กำลังเดาว่าอ๋องฉยงทำไมจึงยังอยู่ในเมืองหลวง ยังพูดอีกว่า ไม่ว่าจะเพราะเรื่องอะไร การที่องค์จักรพรรดิให้อ๋องฉยงอยู่ในเมืองต่อโดยไม่สนกฏ ต้องไม่ใช่เรื่องดี พวกเขากำลังพูดว่า หลังจากนี้จะต้องเกิดความวุ่นวายขึ้นแน่อ๋องฉยงอาจจะก่อความวุ่นวายอะไรขึ้น ไม่ต้องพูดถึงลูกสาวบ้านน้อยของเขาคนนั้นเลย?ในคำพูด คืออ๋องฉยงทำเรื่องไม่ถูกต้อง ลูกสาวบ้านน้อย ยังไม่ได้ทำเรื่องอะไรดีดีเลย แต่ดันไปขอยศท่านหญิงมาองค์จักรพรรดิก็ยังรับปากอีก ดูจะเลอะเลือนหน่อยๆแน่นอน พวกเขาแอบคุยเรื่องน
เซียวหลันยวนพูดพลางหัวเราะเสียงต่ำฟู่จาวหนิงเองก็ตกตะลึงไป "ผู้ตรวจการอันไปคุกคามองค์จักรพรรดิหรือ?"ถ้าหากผู้ประสบภัยทะลักเข้าเมืองหลวง เมืองหลวงก็จะวุ่นวาย องค์จักรพรรดิไม่อยากจะสนใจก็คงต้องสนใจแล้วแค่โรคระบาด องค์จักรพรรดิก็ยังกลัวจนไม่ประชุมเช้า ไม่ต้องพูดเรื่องผู้ประสบภัยนับหมื่นเลย? เขาได้ตกใจจนตายกันพอดี"ก็จริงนั่นล่ะ แต่นี่ก็เป็นเรื่องจริง แต่รายละเอียดด้านในที่นำไปปฏิบัติได้ก็มีเยอะมาก""แล้วองค์จักรพรรดิให้เงินบรรเทาภัยมาเท่าไร?""หนึ่งหมื่นตำลึง""ขี้เหนียว" ฟู่จาวหนิงเบ้ปากนางเองก็ยอมแล้ว ผู้ประสบภัยนับหมื่น แต่ให้เงินบรรเทาภัยมาหมื่นตำลึง? นางเค้นจากตัวพวกองค์หญิงเจ็ดยังได้มาตั้งสามหมื่นตำลึง"คลังหลวงว่างเปล่าแล้วจริงๆ""เอาเถะ พวกเราเองก็ลองไปเตรียมตัวดูก่อน ถ้าเงินไม่พอจริง ค่อยให้ผู้ตรวจการชิงกลับไปปล้นองค์จักรพรรดิอีก" ฟู่จาวหนิงเอ่ยขึ้นถ้ายังไม่เห็นสถานการณ์เมืองเจ้อกับตา ใต้เท้าอันหากคิดจะปล้นก็ปล้นลำบาก"อันเหนียนบอกว่าสามวันนั้นรีบไปหน่อย ขอเลื่อนไปวันหนึ่ง ข้าส่งคนไปดูลาดเลาก่อน ตอนพวกเจ้าไปถึงจะมีคนรอรับอยู่"เอาของไปด้วยตั้งมากมาย ตอนไปถึงต้อง