ฟู่จาวหนิงกับเซียวหลันยวนสบตากันผาดหนึ่ง ล้วนมองกันอย่างไม่เข้าใจดูท่าในกล่องใบนั้นเดิมทีจะใส่น้ำยาสีน้ำเงินเอาไว้ พอใส่เข้าไป กล่องก็จะถูกบีบจนแตก น้ำยาด้านในถึงไหลออกมาแต่การออกแบบเช่นนี้มีความหมายอะไร?ยิ่งไปกว่านั้น ด้านในหินยักษ์ก้อนนี้ยังทำกลไกเอาไว้เช่นนี้อีก นี่จะยอดเกินไปแล้วกระมัง"ดูหน่อย" เซียวหลันยวนเองก็เข้ามาแล้ว บนหินที่ถูกน้ำสีน้ำเงินไหลผ่านไป ค่อยๆ ปรากฎตัวอักษรหลายบรรทัดขึ้นมา"เอ๋?"ฟู่จาวหนิงเองก็เห็นแล้วน้ำยาพิเศษชนิดนี้มีไว้ทำให้อักษรบนกำแพงปรากฎออกมาหรือ? และถ้ามองไม่เห็นตัวหนังสือ ก็คงจะพบเบาะแสอื่นได้ลำบากแล้วจริงๆอักษรบรกำแพงหินดูอ่อนช้อยมาก ราวกับเป็นลายมือของหญิงสาวรอจนอักษรทั้งหมดปรากฎออกมา ฟู่จาวหนิงกับเซียวหลันยวนก็เข้าไปอ่านพร้อมกันแต่ตอนที่มองเห็นอักษรบนนั้น สีหน้าของพวกเขาก็เปลี่ยนไปทันที"อายวนหลานชายข้า"คำเรียกด้านหน้าสุด ทำให้ฟู่จาวหนิงมองเซียวหลันยวนอย่างประหลาดใจ "ต่อให้ไท่ซ่างหวงเป็นคนเขียน คำเรียกนี้ก็ไม่ถูกต้องไหม?"ไท่ซ่างหวงเป็นพ่อแท้ๆ ของเขานะ"นี่ไม่ใช่ลายมือเขา" เซียวหลันยวนเอ่ยขึ้นเสียงขรึม"ไม่ใช่หรือ?"พวกเขาอ่าน
"น่าเสียดาย ท้ายสุดแคว้นเจาก็ยังไม่ยอมให้เจ้าเป็นจักรพรรดิ กระทั่งว่ามีคนเปิดโปงตัวตนฐานะของแม่เจ้าออกไป ทำให้นางมีภัย และทำให้เจ้าตกอยู่ในอันตรายไปด้วย พวกเราหลบหนีจากต้าชื่อไปยังเขาอวี้เหิงอย่างยากลำบาก ร่างกายก็ติดพิษร้ายแรง เหลือเวลาอีกไม่มาก และไม่มีอะไรจะทิ้งไว้ให้เจ้าด้วย ตอนนี้เหลือเพียงสิ่งของจากตงฉิงทิ้งไว้ให้เจ้าเป็นที่ระลึกเพียงเท่านั้น"อักษรเขียนถึงจุดนี้ก็จบลงแล้วแต่ว่า ก็แทบจะเล่าเรื่องราวออกมาชัดเจนทั้งหมดฟู่จาวหนิงมองเซียวหลันยวน"ตอนนี้ข้าเข้าใจแล้ว ทำไมไท่ซ่างหวงที่รักท่านเอ็นดูท่านขนาดนั้น แต่กลับไม่ส่งตำแหน่งจักรพรรดิแคว้นเจาให้กับท่าน"ดูท่า ไท่ซ่างหวงเองก็กังวลว่าหลังจากที่เขาขึ้นเป็นจักรพรรดิแคว้นเจา จะกลับไปช่วยเหลือตงฉิงฟื้นฟูแคว้น!ยิ่งไปกว่านั้น แคว้นเจากับต้าชื่อถ้าหากแต่ก่อนเคยทำเรื่องไม่ดีกับตงฉิงไว้ ซ้ำยังยึดภูเขาสายแร่ของพวกเขามา ถ้าตงฉิงฟื้นฟูแคว้น นั่นไม่ใช่ว่าจะต้องกลับคืนสู่เจ้าของเดิมหรอกหรือ?แคว้นเจากับต้าชื่อที่กลายเป็นสองแคว้นใหญ่ที่แข็งแกร่ง เป็นเพราะยึดครองภูเขาสายแร่ของตงฉิงมาอย่างนั้นหรือ?แต่ไท่ซ่างหวงเองก็ยังมีความรักต่อเซียวหล
ระหว่างภูเขาสูงต่ำ ถนนที่ปูจากก้อนหินกลายเป็นภาพวาด บ้านเรือนสูงๆ ต่ำๆ ดูมีสัดส่วนที่ดี ในนี้มีตำหนักแห่งหนึ่งตั้งตระหง่านอย่างเตะตา ในตำหนักกำลังมีดอกไม้ผืนใหญ่เบ่งบาน สีม่วงบ้าง สีชมพู สีขาว สวยงามจับจิตนอกเมืองผืนนี้ ยังมีกำแพงสูงลิบทอดยาวราวกับมังกรถนนใหญ่นอกเมืองทั้งสี่ด้านทอดยาวออกไป อ้อมผ่านเนินเขาบางส่วน และยังเชื่อมกับหมู่บ้านเล็กๆ บางส่วนอีกด้วยเหล่านี้ราวกับเป็นไข่มุกประกายแสงบางส่วนที่กระจายอยู่รอบตัวเมืองหลักอย่างไรอย่างนั้นและด้านนอกที่อยู่อาศัยผืนใหญ่นี้ ยังมีภูเขาที่สูงต่ำไม่เหมือนกันอยู่อีกหลายลูก ในนี้เขาลูกที่สูงที่สุด ยังเห็นว่ามีหิมะปกคลุมอยู่ฟู่จาวหนิงรู้สึกละสายตาออกมาไม่ได้เลย"สวยงามจริงๆ นี่คือแคว้นตงฉิงหรือ?"ดูท่านจะเป็นแคว้นเล็กที่มีพื้นที่แคว้นเล็กมากแห่งหนึ่ง ราวกับเป็นไข่มุกที่สาบสูญไปแล้วอย่างไรอย่างนั้นเซียวหลันยวนมองมุมซ้ายบน ที่นั่นเขียนไว้ว่าทิวทัศน์แห่งตงฉิง"ใช่""พอเห็นเช่นนี้ ตงฉิงก็ทำให้คนรู้สึกคิดถึงอยู่ตลอดจริงๆ"บ้านเกิดเมืองนอนที่เล็กแต่สวยวิจิตร ดูแล้วเหมือนดินแดนในอุดมคติ คิดไม่ถึงว่าจะต้องหายสาบสูญไปกับหายนะครั้งมโหฬารนั
"พวกนางตอนนั้นไปยังต้าชื่อ ก็เอาของตั้งมากมายขนาดนี้ออกมาเลยหรือ?" ฟู่จาวหนิงกลับรู้สึกแปลกประหลาด"ชุดคลุมพญาหงส์ ตราประทับแคว้น ตราประทับส่วนตัว ของเหล่านี้ควรจะติดไป แต่ภาพทิวทัศน์ของตงฉิงนี้ น่าจะวาดออกมาภายหลัง"ครั้งนั้นไม่ว่าอย่างไรก็เป็นจักรพรรดินี สิ่งของที่นำไปด้วยจะต้องไม่น้อยแน่นอน"ตราประทับแคว้นกับตราประทับส่วนตัว เจ้าช่วยข้าเก็บไว้ก่อน" เซียวหลันยวนบอกกับฟู่จาวหนิงทำไมถึงให้นางเก็บไว้อีกแล้วล่ะ?ฟู่จาวหนิงบางทีก็สงสัยว่าเซียวหลันยวนรู้อะไรมาหรือเปล่า ไม่เช่นนั้นทำไมถึงชอบเอาสิ่งของที่เขาคิดว่าสำคัญที่สุดเหล่านั้นมาให้นางเก็บไว้กัน?เขารู้มาหรือเปล่าว่านางเก็บของได้ดีที่สุด?"ท่านเก็บไว้เองก็ได้นี่ จวนอ๋องเจวี้ยนใหญ่เสียขนาดนั้น ยังจะกลัวหาที่ซ่อนของพวกนี้ไม่ได้อีกหรือ?"ฟู่จาวหนิงเองก็ไม่เข้าใจหน่อยๆ เหมือนกัน ดังนั้นจึงลองถามหยั่งเชิงไปคำหนึ่งเซียวหลันยวนกลับรู้สึกว่านางก่อนหน้านี้ยินดีที่จะเก็บสิ่งยืนยันให้ แต่ตอนนี้กลับดูไม่ค่อยยินดีนักแล้ว คงไม่ใช่เพราะใบหน้าของเขากลายเป็นสภาพนี้ในตอนนี้หรอกนะ หลังจากนี้คงดีขึ้นไม่ได้จริงๆ ดังนั้นนางจึงคิดจะปลีกตัวจากไปหรื
ท้ายสุดก็ยังเป็นฟู่จาวหนิงที่เปิดกล่องเหล็กเหล่านั้นออกทีละใบทั้งหมดล้วนเป็นของที่ตงฉิงเหลือทิ้งเอาไว้ยิ่งไปกว่านั้นน่าจะเป็นของที่พวกนางติดตัวไปต้าชื่อในครั้งนั้น ตอนนั้นก็ไปเพราะจะสร้างสัมพันธ์ทางการทูต ดังนั้นตงฉิงครั้งนั้นอันที่จริงจึงนำของไปไม่น้อย ยิ่งไปกว่านั้นยังนำสิ่งล้ำค่าของตงฉิงไปอีกไม่น้อยหลังจากนั้นทุกครั้งที่เปิดกล่องเหล็ก ก็ล้วนทำให้ฟู่จาวหนิงเปิดโลกทัศน์ขึ้นมามีบางส่วนเป็นตำหนักที่สลักออกมาาจากหินแร่ทอง แล้วยังมีเนื้อผ้าบางส่วนที่ไม่เคยเห็นมาก่อน สัมผัสอ่อนนุ่มมาก วางไว้บนมือยังสัมผัสได้ถึงความอบอุ่น ใต้แสงตะวันยังส่องระยิบยับราวกับแสงจันทรา ละเอียดมาก ไม่รู้ว่าใช้ใยอะไรถักทอขึ้นมาจากสิ่งเหล่านี้สามารถมองออกว่า ตงฉิงในอดีตงานฝีมือหรือสิ่งทอต่างๆ ล้วนเลื่องชื่อ น่าจะเพราะประชาชนที่นั่นล้วนเป็นคนขยันและฉลาดเฉลียวมากฝีมือนอกเหนือจากนี้ กระทั่งยังมีบันทึกอีกลังหนึ่ง พวกเขาพลิกเปิดอ่าน แนะนำบุคคลที่มีชื่อของตงฉิง และมีบางส่วนที่ช่างฝีมือบันทึกไว้ กระทั่งยังมีบันทึกการแพทย์อีกเล่มหนึ่ง!"วิชาแพทย์และตำรับยาบนบันทึกการแพทย์เล่มนี้ดีเอามากๆ" ฟู่จาวหนิงพลิกดูอีกพัก
ของเหล่านี้ทำไมจึงไม่ส่งออกไปกัน?"เป็นไปได้ไหม ว่าพวกเขาเอาออกไปก่อนบางส่วน พอเพิ่งส่งออกไป ปรากฎต่อใต้หล้า ก็ทำให้เกิดอาการน้ำลายสอและการช่วงชิงขึ้น?" ฟู่จาวหนิงตั้งคำถามขึ้นมา"ก็เป็นไปได้ พวกเขาคงให้รอบเดียวหมดไม่ได้หรอก"บางที คนของตงฉิงอันที่จริงคงจ่ายออกไปไม่น้อยแล้ว สิ่งเหล่านี้คือช่วงหลังที่พบว่ามีบางอย่างไม่ถูกต้องจึงเก็บรักษาเอาไว้ หรือบางที ต่อมาพวกเขาพบว่าอันตราย จึงจงใจซ่อนของเหล่านี้ไว้ ทำทีเป็นปล่อยวางคนอื่น คิดจะรักษาชีวิตเอาไว้ก่อนถึงอย่างไรถ้ายังหาของเหล่านี้ไม่เจอ คนพวกนั้นก็คงจะไม่สังหารพวกเขาจนตาย"เช่นนี้ ดูท่าว่าตงฉิงจะร่ำรวยจริงๆ" ฟู่จาวหนิงถอนหายใจ "เมื่อเป็นเช่นนี้ ไท่ซ่างหวงยังใช้ได้อยู่หรือ? เขาเอาของเหล่านี้ทิ้งไว้ให้ท่าน แต่กลับไม่ส่งไปให้องค์จักรพรรดิ""เป็นไปได้ไหม ว่าเขาจะไม่รู้อะไรเลย?" เซียวหลันยวนกลับไม่เชื่อในนิสัยคนนี่ก็เป็นไปได้เช่นกัน บางทีไท่ซ่างหวงอาจจะแค่คิดว่าซ่อนของเก่าแก่บางส่วนของตงฉิงเอาไว้ พวกตราประทับแคว้นอะไรพวกนี้ ถึงอย่างไรการฟื้นฟูแคว้นของตงฉิงก็ไม่มีหวังอยู่แล้ว ของเหล่านี้นำไปก็คงไม่มีประโยชน์ จึงทิ้งไว้ให้เซียวหลันยวนเป
เสิ่นเสวียนมองหญิงสาวตรงหน้านี่คือลูกสาวของพี่สาวเขา ตอนอายุราวสิบขวบก็เข้ามาที่บ้านตระกูลเสิ่น เรียกได้ว่าหลังจากสิบขวบก็ถือว่าเขาเห็นนางเติบโตขึ้นที่นี่เพราะน้องสาวเขาหายสาบสูญไป เสิ่นเสวียนดีต่อเหล่าพี่สาวมาก กระทั่งดีกับเหล่าหลานสาวมากอีกด้วยแต่ว่าหลานสาวที่ชื่ออวี๋อวี่เวยคนนี้ เป็นคนที่เขาเคยเอ็นดูมากที่สุด เพราะตอนนางยังเล็กหน้าตาคล้ายกับเสิ่นเชี่ยวมาก และดูสอดคล้องกับภาพเสิ่นเชิี่ยวตอนโตที่เขาวาดออกมาภายหลังมากที่สุดเห็นใบหน้านางแล้ว เสิ่นเสวียนก็อดใจอ่อนกับนางไม่ได้แต่ไม่รู้เพราะอะไร ครั้งนี้ที่ไปยังแคว้นเจา พอพบกับฟู่จาวหนิง หลังจากกลับมาพอมองอวี๋อวี่เวย เสิ่นเสวียนก็รู้สึกว่านางไม่ค่อยคล้ายกับเสิ่นเชี่ยวเลยฟู่จาวหนิงทางนั้นถึงจะคล้ายยิ่งไปกว่านั้น พออยู่กับฟู่จาวหนิงที่นิสัยคล่องแคล่วตรงไปตรงมาจนชิน เขาก็พบว่า ตนเองอันที่จริงไม่ค่อยชอบกับนิสัยออดอ้อนไม่รู้กาลเทศะของอวี๋อวี่เวยสักเท่าไร"อวี่เวย เจ้าอายุสิบเจ็ดแล้ว ถ้าไม่ใช่เพราะที่บ้านคู่หมั้นเกิดเรื่องจนต้องไว้ทุกข์สามปี ตอนนี้เจ้าคงแต่งเป็นภรรยาคนอื่นไปแล้ว ทำไมถึงยังทำตัวไม่งามแบบนี้กัน?"อวี๋อวี่เวยมองเสิ่
เสิ่นเสวียนก่อนจะออกจากต้าชื่อทิ้งคนเอาไว้ไม่น้อยเลยทั้งคนในที่แจ้ง คนในที่ลับ ทิ้งเอาไว้ทั้งนั้นหลังจากฟู่จาวหนิงตรวจสอบปัญหาของหินนภาออกมา เขาก็ส่งจดหมายกลับมาทันที ให้คนทั้งหมดมาคุ้มกันบ้านตระกูลเสิ่น คอยจับตาดูพวกเขาไว้โดยเฉพาะบ้านสองแต่ครั้งนี้ที่เข้ามาในต้าชื่อ พวกเขาติดต่อกับองครักษ์ลับของจวนตระกูลเสิ่นไม่ได้ องครักษ์ลับไม่ได้ออกมารับที่นอกเมือง เสิ่นเสวียนก็รู้สึกแปลกประหลาดแล้ว ดังนั้นจึงอ้อมถนนหลายสายถึงกลับมาถึงบ้านตระกูลเสิ่นตอนนี้ก็พบกับความไม่ถูกต้องจริงๆฮูหยินอาวุโสเสิ่นพักอยู่ที่สวนจิ้งชิวช่วงเวลาครึ่งปีกว่าที่เสิ่นเสวียนออกไป ตอนที่เดินเข้ายังสวนจิ้งชิวจู่ๆ ก็รู้สึกว่าสวนรกร้างไปไม่น้อยแม้ว่าตอนนี้พวกเขาที่นี่จะใกล้เข้าหน้าร้อนแล้ว ดูแล้วทั้งสวนก็ยังเขียวขจี แต่ไม่รู้เพราะอะไร ขนาดต้นไม้ใบหญ้าบางส่วน เขารู้สึกว่าแม้จะสีเขียว แต่ใบไม้เหล่านั้นก็ล้วนดูจะห่อเหี่ยวหมดอาลัยตายอยากกันหมดในสวนเดิมทีมีสระน้ำเล็กอยู่ ก่อนหน้านี้เขาเองก็มานั่งเป็นเพื่อนท่านพ่อท่านแม่อยู่บ่อยๆ มาดูปลาแหวกว่ายอยู่ในสระน้ำ พูดคุยกันตามประสาครอบครัวแต่ว่าตอนนี้ เสิ่นเสวียนรีบกวาด
แม้จะผ่านไปเกือบสิบแปดปีแล้ว แต่สามีภรรยาฟู่จิ้นเชินกับเสิ่นเชี่ยวก็ยังเป็นคนที่กาลเวลารักใคร่อยู่พวกเขาแม้จะอายุมากแล้ว หน้าตาก็ดูเป็นผู้ใหญ่ขึ้นบ้าง แต่พอเทียบกับสมัยก่อนแล้ว ก็เปลี่ยนแปลงไปไม่เยอะมากมองหลายๆ ครั้งก็มองออกได้คนที่เซียวเหยียนจิ่งเตรียมไว้ยังมองออก ไม่ต้องพูดถึงเซี่ยซื่อเลยเซี่ยซื่อเคยเป็นครอบครัวของพวกเขาด้วยนะหลังจากนางจำได้แล้วยังสงสัยว่าตาตนเองฝาดไปหรือไม่ ยังสงสัยว่าตนเองคงตาลาย ดังนั้นเลยนวดตาทันที จากนั้นจึงมองพวกเขาอย่างละเอียดอีกครั้งไม่เปลี่ยน ยังคงเป็นสองคนนั้นเสิ่นเชี่ยวเองก็จำเซี่ยซื่อได้ แม้ว่านางจะรู้ตัวตนฐานะของตนเองแล้ว แต่ยังคงโพล่งออกมาว่า "พี่สะใภ้รอง!"เซี่ยซื่อคือภรรยาของผู้เฒ่ารองตระกูลหลินและเป็นคนเดียวในตระกูลหลินที่อ่อนโยนเป็นห่วงเสิ่นเชี่ยว ดังนั้นเสิ่นเชี่ยวพอเห็นนาง ดวงตาจึงแดงรื้นขึ้นมาคำว่าพี่สะใภ้รอง ก็ทำเอาเซี่ยซื่อใจสั่นระริกเช่นกันรีบวางตะกร้าที่หิ้วไว้ลงมา เดินตรงไปหานาง"ให้ตายเถอะ อา อาเล็กหรือ?"ไม่ ไม่ใช่อาเล็กชองนางแล้วสิ เซี่ยซื่อยืนอยู่หน้าเสิ่นเชี่ยว ถลึงตาโตอ้าปากค้าง"พี่สะใภ้รอง ข้าข้าเจอครอบครัวของข้าแ
ฟู่จาวหนิงสีหน้าขรึมลงเล็กน้อย "ดูท่า น่าจะมีคนไม่น้อยที่ยังไม่ลืมพวกเขา คอยจับตาดูจนถึงทุกวันนี้""ข้าเตรียมการเสร็จแล้ว รอบบ้านตระกูลฟู่วางองครักษ์ลับเอาไว้แล้ว วางใจเถอะ" เซียวหลันยวนพานางเข้ามา สองมือโอบข้างเอวนาง จ้องมองนาง "องค์จักรพรรดิน่าจะลงมือกับพวกเขา ยิ่งไปกว่านั้นพ่อลูกชินอ๋องเซียวยังคอยจับตาดูพวกเขาขนาดนี้ มันดูแปลกไปหน่อย""ตรวจสอบดูก็รู้ พวกเขาถ้าหากมีความคิดอะไร มีแผนอะไร มีเป้าหมายอะไร เดี๋ยวก็ได้รู้เอง"ฟู่จาวหนิงไม่ได้ใส่ใจนักเซียวหลันยวนพยักหน้าสายตาเขามองออกไปไกลๆ ถัดจากนี้ต้องดูว่าสามีภรรยาฟู่จิ้นเชินจะรับมืออย่างไร เมืองหลวงยังมีคนที่มีเป้าหมายต่างๆ อยู่ และยังมีขั้วอำนาจที่ใช้วิธีการต่างๆ อยู่อีกด้วยเขาถึงแม้จะเชื่อว่าครั้งนั้นไม่ใช่เสิ่นเชี่ยวที่วางยาพิษ แต่ว่าพวกเขาตอนนั้นถูกใครบางคนหรือเรื่องบางอย่างหนีบเอาไว้ตรงกลาง ไม่มีทางดึงตัวออกมาอย่างหมดจดได้ พวกเขาเองก็เป็นคนในเหตุการณ์ตอนนี้พอมีความสัมพันธ์เช่นนี้กับเขา เซียวหลันยวนก็ยังพิจารณานาว่าพวกเขาจะแบกรับไหวไหม หลังจากนี้จะไม่ถ่วงแข้งขาฟู่จาวหนิงได้จริงไหม จะไม่ทำร้ายนางจริงไหมเซียวหลันยวนไม่ได้
"หนิงหนิง มีเรื่องอะไรถึงคุยกันนานสองนาน?"ในห้องขังมีเสียงเซียวหลันยวนดังออกมา"มาแล้ว"ฟู่จาวหนิงขานรับคำหนึ่ง เตรียมจะกลับห้องขังเซียวเหยียนจิ่งไม่อยากเชื่อ "เจ้าไม่ไปกับข้าจริงหรือ? เจ้าไม่สนใจพ่อแม่เจ้าหรือไรกัน?"ปฏิกิริยาของฟู่จาวหนิงเกินจากที่เขาคาดไว้เขาเดิมทีคิดว่าพอได้ยินว่าพ่อแม่ไม่เป็นไร แล้วยังกลับมาแล้ว ฟู่จาวหนิงอย่างน้อยต้องตาแดงรื้นบ้าง ไม่ก็ร้องไห้ออกมา รีบร้อนตามเขาออกไปอย่างตื่นเต้น เพื่อรีบไปพบพ่อแม่ของนาง"อ๋องเจวี้ยนถึงอย่างไรก็ยังต้องอยู่ในห้องขัง ไม่มีอะไรหรอก เจ้าจัดที่นี่จนดูอยู่สบายไปแล้ว แล้วเขาทำไมยังต้องให้เจ้ามาอยู่ด้วยกันอีก?""ข้ามาอยู่เอง เขาเป็นสามีข้า ข้าไม่อยู่กับเขาแล้วใครจะอยู่กัน?"ฟู่จาวหนิงหลังจากที่รู้เจตนาการมาของเขาก็ขี้เกียจจะคุยกับเขาแล้ว ผลักเขาออก แล้วเดินไปทางห้องขังเซียวเหยียนจิ่งนี่ก็จุ้นจ้านเสียจริง"เจ้าทำไมถึงต้องทำร้ายตัวเองแบบนี้" เซียวเหยียนจิ่งตะโกนใส่หลังนาง "เจ้าเข้าร่วมกับสมาคมหมอใหญ่แล้ว ถ้าเจ้ายินยอม มีคนตั้งมากมายที่ยินดีจะรักและเอ็นดูเจ้า ทำไมต้องมาอยู่ในคุกกับเขาแบบนี้ด้วย"เดิมทีหญิงสาวคนนี้ควรจะควรจะม
"ใช่ พ่อแม่ของเจ้ายังมีชีวิตอยู่ ยิ่งไปกว่านั้นยังกลับมาถึงเมืองหลวงแล้ว" เซียวเหยียนจิ่งจ้องมองฟู่จาวหนิง "เป็นอย่างไร เจ้าอยากรีบกลับบ้านไหม? ได้ยินว่าปู่ของเจ้ากับเด็กที่ชื่อเสี่ยวเฟยก็อยู่กันที่จวนอ๋องเจวี้ยนนี่? ถ้าเจ้าไม่กลับไป พ่อแม่ของเจ้าคงจะหาคนไม่เจอแน่"ฟู่จาวหนิงทำท่าทางตกตะลึงอย่างมาก"เจ้าไม่ได้โกหกข้าใช่ไหม? พวกเขากลับมาแล้วจริงหรือ?""ข้าจะโกหกเจ้าทำไมกัน? ไม่เชื่อข้าตอนนี้เจ้าก็ไปกับข้าสิ ข้าจะพาเจ้าไปหาพวกเขา"เซียวเหยียนจิ่งพูด มือเองก็คันยุบยิบ เขาอยากจะยื่นมือไปจูงนางเหลือเกิน จูงนางออกจากคุกใหญ่ถ้าเขาสามารถจูงมือนางออกไปได้ เซียวหลันยวนคงได้กระอักเลือดตายกระมัง?แต่เขาเพิ่งจะขยับ ฟู่จาวหนิงก็ถอยออกไปแล้วสองก้าว"พวกเขาถ้ากลับมาแล้วจริง เช่นนั้นก็ต้องกลับไปที่บ้านตระกูลฟู่ ที่บ้านตระกูลฟู่มีคนอยู่ พวกเขาจะหาคนไม่เจอได้อย่างไรกัน?""เจ้าไม่เชื่อข้าหรือ?""เรื่องนี้ไม่จำเป็นต้องให้เจ้าวิ่งแจ้นเข้ามาบอกข้าหรอกกระมัง? พวกเขาถ้ากลับมาแล้วจริง คนใช้บ้านตระกูลฟู่อีกเดี๋ยวก็คงเข้ามาบอกข้าเอง""เจ้าลืมอ๋องเจวี้ยนไปแล้วหรือ?""เขาก็อยู่ที่นี่ ลืมอะไรกัน?""ความ
ฟู่จาวหนิงอยู่ในคุกเองก็เบื่อหน่อยๆ แล้วนางเหลือบมองเซียวเหยียนจิ่งผาดหนึ่ง จากนั้นจึงตรงไปด้าหน้าเซียวหลันยวน "ข้าออกไปฟังหน่อยได้ไหม?""ไปเถอะ" เซียวหลันยวนพยักหน้า"เอ๋ ไม่หึงแล้วหรือ?" ฟู่จาวหนิงร้องชิชะเซียวหลันยวนหัวเราะเสียงทุ้ม "อย่าไปไกลนักล่ะ ข้าได้ยินอยู่"ถึงอย่างไรนางก็เบื่อๆ ถ้าเซียวเหยียนจิ่งพูดเรื่องอะไรที่ทำให้นางฆ่าเวลาได้ เช่นนั้นเขาก็ควรจะใจกว้างหน่อยแต่ว่า พวกเขาเดินไปไกลมากไม่ได้ ต้องอยู่ในระยะที่เขาสามารถได้ยิน"รู้อยู่แล้วว่าท่านจะใจกว้างหลอกๆ"ฟู่จาวหนิงวางพู่กัน ปรบๆ มือ จากนั้นจึงเดินออกจากห้องขัง"คิดจะพูดอะไร?"เซียวเหยียนจิ่งเดิมทีคิดจะให้เซียวหลันยวนหึงหวง ดังนั้นจึงไม่คิดจะเดินไปไกลนัก"มานี่หน่อย" เซียวเหยียนจิ่งเดินออกมาข้างๆ ไม่กี่ก้าว รู้สึกว่าระยะนี้เซียวหลันยวนน่าจะได้ยินเหมือนคนคุยกันแต่ไม่ได้ยินเนื้อหาด้านในเช่นนี้ก็พอดีฟู่จาวหนิงร้องเชอะในใจ น่าจะเข้าใจความคิดของเขาเพียงแต่เซียวเหยียนจิ่งก็ยังโง่อยู่ เขาคิดว่าระยะนี้เซียวหลันยวนไม่ได้ยินหรือไรกัน?นางเดินออกไปเซียวเหยียนจิ่งบอกกับผู้คุมข้างๆ คำหนึ่ง ให้เขาออกไปก่อนผู้คุม
ถ้าไม่ใช่ห้องขังรอบๆ ยังมีสภาพเดิมอยู่ เขาก็คงจะสงสัย ว่าฟู่จาวหนิงกับเซียวหลันยวนพักอยู่ในโรงเตี๊ยมอะไรกันคุกที่ไหนเขาจัดกันอบอุ่นแบบนี้บ้าง!"พระชายาอ๋องเจวี้ยน รบกวนออกมาหน่อย มีคนมาพบท่าน" ผู้คุมเปิดประตูยังต้องปรบมือเรียกคนม่านนั้นเลิกออก เซียวเหยียนจิ่งมองเข้าไปด้านใน และเห็นเซียวหลันยวนกำลังนั่งอยู่บนเก้าอี้ที่ปูด้วยเบาะรองตัวหนึ่งพลิกเปิดอ่านหนังสือ บนโต๊ะข้างๆ ยังมีชาที่ร้อนกรุ่นอยู่อีกกาหนึ่งด้วยฟู่จาวหนิงยืนอยู่ข้างๆ เขา กำลังจรดพู่กันเขียนอักษรดูแล้วเหมือนกำลังใช้ชีวิตประจำวันอยู่เลย!เซียวหลันยวนมองออกมา สบเข้ากับสายตาของเซียวเหยียนจิ่งพอดีเซียวเหยียนจิ่งเดิมทีใจก็กระตุกวูบ เขาเกือบจะถอยหนีออกมาแล้ว แต่ตอนที่เห็นฟู่จาวหนิง ไฟริษยาก็ทำให้เขาลืมความกลัวไปไม่ได้เจอกันตั้งครึ่งค่อนปี ฟู่จาวหนิงกลับสวยขึ้นกว่าเดิมเสียอีกเธอเป็นสาวเต็มตัวแล้ว ความเขินอายแบบเด็กสาวก็หายไปใบหน้าเปล่งปลั่ง รูปร่างก็ได้สัดส่วน ไม่เหมือนแต่ก่อนที่ผมบาง แต่มีส่วนโค้งเว้าที่สวยเด่นแค่ชดกระโปรงสีเหลืองเรียบง่าย เห็นแล้วก็ยังรู้สึกเย้ายวนเป็นพิเศษหลี่จื่อเหยาเทียบกับนางได้เสียที่ไหน!
หมากก้าวแรกของพวกชินอ๋องเซียวในตอนนั้นก็เสี่ยงเหมือนกัน ไปบอกเรื่องที่พวกเขารู้กับองค์จักรพรรดิ แม้จะช่วยจัดการพยานสองคนนั้นไปแล้ว แต่องค์จักรพรรดิก็อาจจะยังไม่ละเว้นพวกเขาอยู่ถึงอย่างไรปากของคนตายนี่ล่ะที่ปิดสนิทที่สุด"ท่านพ่อ ความสัมพันธ์ของพวกเรากับองค์จักรพรรดิ จะไปเทียบกับตระกูลฟู่ได้อย่างไร?"เซียวเหยียนจิ่งไม่เห็นด้วยท่านพ่อกับองค์จักรพรรดิเป็นลูกพี่ลูกน้องกัน พวกเขาล้วนสกุลเซียว ยิ่งไปกว่านั้นชินอ๋องเซียวก็ยังคุกคามองค์จักรพรรดิไม่ได้ จวนชินอ๋องเซียวเองก็ไม่ได้มีอำนาจสักเท่าไร ก็แค่อาศัยแต่พระมหากรุณาธิคุณของฝ่าบาทไปเท่านั้นดังนั้นองค์จักรพรรดิจึงเชื่อในความจริงใจที่พวกเขาส่งไปให้ เชื่อว่าพวกเขาต้องการแค่จะได้รับการให้ความสำคัญและการปกป้องจากฝ่าบาทเท่านั้น"ตระกูลฟู่จะไปมีอะไร? ฝ่าบาทไม่จำเป็นต้องเห็นพวกตระกูลฟู่อยู่ในสายตาเลย ส่วนเซียวหลันยวนก็เป็นหนามในสายตาองค์จักรพรรดิอีก องค์จักรพรรดิคิดจะรับมือกับเซียวหลันยวน ตอนนี้เซียวหลันยวนเองก็มีจุดอ่อนที่ใหญ่ที่สุดอยู่ นั่นก็คือฟู่จาวหนิง"พอพูดคำนี้ เซียวเหยียนจิ่งก็ดูไม่ค่อยสบายใจขึ้นมาที่ต้องให้เขายอมรับว่าเซียวหลันย
ก่อนหน้านี้ฟู่จิ้นเชินชื่อเสียงระบือเมืองหลวง และเคยขี่ม้าไปตามถนนสายยาว เคยเข้าไปในโรงสุราประชันโคลงกลอนกับผุ้อื่น เป็นช่วงเวลาที่รุ่งโรจน์เหลือประมาณเพราะเขามีหน้าตาที่ไร้เทียมทาน คนที่ไปดูเขาโดยเฉพาะก็มีไม่น้อย ผ่านไปหลายปีเช่นนี้ คนที่ยังจดจำหน้าตาเขาได้ก็มีอยู่ไม่น้อยด้วยเช่นกันโดยเฉพาะแม้จะผ่านไปสิบกว่าปีแล้ว เขาก็แทบไม่ได้ดูแก่ลงเลย มีแค่ความสุขุมที่มากขึ้น คนที่เคยเจอเขาในครั้งนั้น พอคิดว่าแค่เหลือบมองแล้วจำเขาได้ก็คงไม่ใช่เรื่องที่ยากเย็นอะไรกลับกันตัวฟู่หลินซื่อ คนที่พบเจอมีไม่มากนัก"ตอนนั้นคนที่ส่งข่าวให้พวกเราบอกว่า รอให้ฟู่หลินซื่อกลับเมืองหลวง จึงสามารถคิดหาวิธีให้เรื่องเมื่อสิบแปดปีก่อนเกิดขึ้นอีกครั้ง"ชินอ๋องเซียวกดเสียงต่ำ "สิบแปดปีก่อน เรื่องที่ฟู่หลินซื่อถูกใส่ร้ายว่าวางยาพิษเซียวหลันยวนสินะ ตอนนี้นางกลับมาแล้ว จะมีคนยืมมือของนางลงมือวางยาพิษกับเซียวหลันยวนอีกครั้งหรือ?"เซียวเหยียนจิ่งในใจมีความตื่นเต้นที่ยากจะพรรณนาออกมาเขาช่วงนี้เฝ้าคอยเรื่องนี้อยู่ตลอดก่อนหน้านี้เขาถอยห่างฟู่จาวหนิง อยากจะหนีนางไปให้ไกลๆ แต่ตอนนี้เขาเสียใจขึ้นมาเสียแล้วนับตั้งแต่
ผู้อาวุโสจี้อยู่ในรถม้าด้านหลัง เขาเองก็เลิกม่านขึ้นมองด้านนอก พอเห็นร้านรวงสองฟากฝั่งถนนแขวนไว้ด้วยโคมแดงก็ถอนหายใจ"จะปีใหม่อีกแล้ว"ชายหนุ่มอายุราวสามสิบปีอีกหนึ่งคนที่นั่งอยู่ในรถม้าก็มองออกไปด้านนอก พอได้ยินเขาพูดเช่นนี้ก็มองไปทางผู้อาวุโสจี้ ถอนหายใจเอ่ยขึ้นว่า "ผู้อาวุโสจี้ นี่จะปีใหม่อยู่แล้ว เจ้าพันธมิตรเรียกท่านกลับไปรวมตัวที่สาขาหลัก ท่านทำไมจึงปฏิเสธล่ะ?"ผู้อาวุโสจี้ไม่ได้กลับสาขาหลักไปช่วงปีใหม่หลายปีแล้ว"ไม่อยากไป วุ่นวายเกิน" ผู้อาวุโสจี้ส่ายหัว ไม่สนใจอย่างเห็นได้ชัด"ผู้อาวุโสคนอื่นก็ล้วนอยู่ที่พันธมิตร แม้ว่าเวลาปกติจะไปที่นั่นที่นี่ แต่พอถึงช่วงไว้พระจันทร์กับปีใหม่ล้วนกลับไป ตอนที่พวกเขาอยู่ด้วยกันยังสามารถหารือเรื่องใหญ่ต่างๆ ในพันธมิตรได้ นอกจากนี้ทุกสิ้นปีฝ่ายบัญชีพันธมิตรโอสถก็จะตรวจสอบแบ่งปันเงิน ท่านไม่กลับไป เรื่องพวกนี้ก็ไม่รู้ว่าจัดการกันชัดเจนหรือไม่ชายคนนี้เพิ่งจะถูกย้ายมาเป็นผู้ดูแลพันธมิตรคนใหม่ของเมืองหลวง ซูเหอซูเหอเองก็ถือเป็นคนที่ได้รับการสนับสนุนจากผู้อาวุโสจี้ เดิมทีด้วยอายุและประสบการณ์ของเขา ควรจะถูกจัดไปอยู่ประจำที่สาขาของพันธมิตรโอ