แชร์

บทที่ 697

ผู้เขียน: จุ้ยหลิงซู
เซียวหลันยวนถูกพวกเขาเอะอะกันพักหนึ่งจึงเข้าใจขึ้นมา ว่าตนเองสลบไปหลายวันแล้ว

พอเห็นว่าฟู่จาวหนิงหลายวันนี้ผอมลงไปมาก อารมณ์เขาก็ซับซ้อนขึ้นมาจนไม่รู้จะพูดอะไรทันที

เดิมทีเขาก็ตัดสินใจว่าจะไม่ทำให้ฟู่จาวหนิงต้องเหนื่อยแล้ว คิดไม่ถึงว่าตอนนี้จะถูดกนางลากกลับมาจากประตูนรกอีกแล้ว แล้วยังทำให้นางต้องเหนื่อยจนแค่จะพูดก็ยังไม่มีแรงเลย

และมองต่อไปยังคนอื่น ก็ล้วนเป็นคนที่เดินผ่านวังยมโลกมาแล้วกันทั้งนั้น

"ประคองข้าไปดูคนเหล่านั้นหน่อย"

เซียวหลันยวนพอมีกำลังวังชาขึ้นหน่อยก็ให้องครักษ์ประคองเขาไปยังจุดที่ฝังองครักษ์ทั้งสิบเอ็ดคน

องครักษ์พอได้ยินเขาก็ยังไม่ขยับ แต่มองไปยังฟู่จาวหนิงด้วยสัญชาตญาณ

พวกเขาใช้สายตาสอบถามมองไปทางฟู่จาวหนิง

เซียวหลันยวนมองออกแล้ว ถ้าฟู่จาวหนิงไม่พยักหน้า พวกเขาก็จะไม่ฟังคำพูดพวกเขาแล้ว แล้วคงจะไม่ประคองเขาออกไปด้วย

"ข้าจะไปดูพวกเขา จะกล่าวขอบคุณกับพวกเขาเสียหน่อย" เซียวหลันยวนถอนหายใจเบา เอ่ยกับฟู่จาวหนิง

ฟู่จาวหนิงพยักหน้าด้วยสีหน้าเรียบเฉย

องครักษ์จึงประคองตัวเซียวหลันยวนออกไป

ชิงอีเองก็เจ็บหนัก แต่ก็ตามออกไปภายใต้การประคองของเองครักษ์ตระกูลเสิ่น

ระหว่าง
บทที่ถูกล็อก
อ่านต่อที่ GoodNovel
สแกนรหัสเพื่อดาวน์โหลดแอป

บทที่เกี่ยวข้อง

  • อ๋องพิการผู้โปรดปรานชายาแพทย์หยิ่งยโส   บทที่ 698

    เซียวหลันยวนก็ไม่ได้พูดอะไรต่อพอไปถึงหน้าหลุมศพเหล่าองครักษ์ เซียวหลันยวนก็นั่งลงหน้าหลุมศพ "ไปหากระดานไม้มาแผ่นหนึ่ง ข้าจะสลักป้ายหลุมศพให้พวกเขา"องครักษ์รีบออกไปเซียวหลันยวนถัดจากนี้จึงนั่งลงสลักป้ายหน้าหลุมศพสุสานขององครักษ์ผู้ซื่อสัตย์แห่งจวนอ๋องเจวี้ยนเซียวหลันยวนยืนขึ้นป้ายไม้ตั้งขึ้น เขายื่นมือประคอง เอ่ยขึ้นเสียงต่ำ "ข้าขอบคุณพวกเจ้ามาก และรู้สึกผิดต่อพวกเจ้าด้วย หลังจากนี้จะให้คนมาย้ายหลุมศพพวกเจ้ากลับไปยังเมืองหลวง จะไม่ให้พวกเจ้าต้องอยู่ที่นี่ไปตลอดแน่""ท่านอ๋อง ควรกลับได้แล้ว"ชิงอีเองก็อยู่ที่นี่ด้วยตลอด แต่เห็นว่าเวลาที่ออกมาก็นานมากแล้ว ยิ่งไปกว่านั้นยังมีลมแล้วด้วย เขาจึงรีบเตือนให้เซียวหลันยวนกลับไปถ้านานเกินแล้วยังไม่กลับไป เกรงว่าพระชายาจะโกรธเอาเซียวหลันยวนถูกประคองลุกขึ้นยืน "จำตำแหน่งนี้ไว้ หลังจากนี้จะให้คนมาย้ายหลุมศพพวกเขากลับเมืองหลวง""ขอรับ"กลับไปยังจุดที่พวกเขาตั้งค่าย เซียวหลันยวนก็เห็นฟู่จาวหนิงที่นั่งอยู่หน้ากระโจมที่ตั้งขึ้นชั่วคราวหลังหนึ่งฟู่จาวหนิงพอเห็นเขากลับมา ก็หมุนตัวเข้าไปในกระโจมทันที ไม่พูดอะไรสักคำเดียวเซียวหลันยวนค

  • อ๋องพิการผู้โปรดปรานชายาแพทย์หยิ่งยโส   บทที่ 699

    "อ๋องเจวี้ยน" ไป๋หู่เห็นเซียวหลันยวนเดินตามฟู่จาวหนิงไป ก็อดเรียกเขาขึ้นมาไม่ได้แค่คิดก็รู้ว่าคุณหนูของพวกเขาจะออกไปทำอะไร แล้วอ๋องเจวี้ยนตามไปมันเหมาะสมหรือ?เซียวหลันยวนชะงัก "ข้าไม่วางใจ จะคุ้มกันอยู่ห่างๆ"ตอนที่ฟู่จาวหนิงตื่นขึ้นมาเขาก็สังเกตเห็นแล้ว จึงลุกขึ้นตามออกมาทันที เขาเดิมทีก็คอยจับตาดูการเคลื่อนไหวของนางอยู่ตลอดที่นี่คือในป่าเขา กลางค่ำกลางคืน นางคนเดียวไปในกอหญ้า เขาเองก็ไม่ค่อยจะวางใจนักไป๋หู่คิดว่าถึงอย่างไรพวกเขาก็เป็นสามีภรรยา เขาเองก้เหมือนจะไม่มีคุณสมบัติไปห้าม ยิ่งไปกว่านั้นเขาเองก็กังวลฟู่จาวหนิงด้วย จึงไม่ได้พูดอะไรอีกแม้ว่าอ๋องเจวี้ยนสุขภาพตอนนี้จะย่ำแย่มากก็ตามเซียวหลันยวนรักษาระยะห่างไว้ฟู่จาวหนิงจัดการภารกิจภายในเรียบร้อย ก็มองเห็นเขา แต่ก็ไม่พูดอะไร เดินผ่านข้างตัวเขาไป"..." เซียวหลันยวนริมฝีปากขยับ แต่พอคิดถึงใบหน้าตนเอง ก็ไม่รู้ว่าควรจะพูดอะไรออกมาดี จึงทำได้เพียงเดินตามหลังนางอยู่เงียบๆไป๋หู่เห็นพวกเขาคนหนึ่งนำหน้าอีกคนหนึ่งเดินตามกลับเข้ามา ก็ไม่ได้ถามอะไร ยื่นกระบอกไม้ไผ่ใบหนึ่งให้ฟู่จาวหนิง"คุณหนูจาวหนิง น้ำเพิ่งต้ม ระวังลวกด้วย"

  • อ๋องพิการผู้โปรดปรานชายาแพทย์หยิ่งยโส   บทที่ 700

    ด้วยความสามารถของนาง นางเดิมทีควรจะมีชีวิตที่ดีกว่านี้ มั่นคงกว่านี้นางเดิมทีควรจะถูกคนมากมายเคารพเชิดชูนอบน้อมด้วยตัวตนฐานะหมอเทวดา ไม่ใช่มาเป็นพระชายาอ๋องเจวี้ยน แล้วต้องเจอกับอันตรายจากการถูกลอบสังหารได้ตลอดเวลาเช่นนี้เซียวหลันยวนอยากจะเดินเข้าไป ไปบอกกับนาง แต่เขาก็กดความคิดนี้ลงไปก่อนต่อมาพวกเขาก็หยุดอีกสองวัน ในช่วงนี้ พวกองครักษ์ลับที่ติดตามพวกเขามาก่อนหน้านี้ยังไม่พบตัวพวกเขาฟู่จาวหนิงหลังจากพักผ่อนเรียบร้อยก็ฝังเข็มจัดยาให้พวกเขาทุกวัน เซียวหลันยวนก็ไม่ได้ตกหล่นแต่ว่าระหว่างพวกเขายังคงไม่พูดคุยกันเพราะท่านอ๋องกับพระชายาไม่พูดคุยกันเลย บรรยากาศจึงกดดันมาก ทำให้คนอื่นๆ แทบไม่กล้าจะหายใจกันแต่พวกเขาก็ยังต้องไปเขาอวี้เหิงผ่านไปสองวันพวกเขาก็เก็บของเพื่อเดินทางต่อตอนแรกที่เร่งระยะทางก็ยังดีอยู่ เพราะเซียวหลันยวนกับฟู่จาวหนิงอยู่รถม้าคนละคันวันนี้ตอนกลางวัน ขณะที่คนทั้งหมดพักผ่อน ชิงอีในที่สุดก็ทนไม่ไหวแล้ว"ท่านอ๋อง ท่านคิดจะเป็นเช่นนี้กับพระชายาต่อไปหรือ?" ชิงอีอึดอัดจะแย่อยู่แล้ว เขาคิดไม่ถึงจริงๆ ว่าออกมารอบเดียว ท่านอ๋องกับพระชายาจะเปลี่ยนไปเป็นเช่นนี้ก่อ

  • อ๋องพิการผู้โปรดปรานชายาแพทย์หยิ่งยโส   บทที่ 701

    "เข้าใจผิด ก็เข้าใจผิดไปแล้วกัน" เซียวหลันยวนถอนหายใจ "ช่างเถอะ"ชิงอีแทบจะไปต่อไม่เป็นไม่ใช่สิ ท่านอ๋อง อะไรคือช่างเถอะกัน?เขาไม่เข้าใจท่านอ๋องขึ้นมาเสียแล้ว ท่านอ๋องก่อนหน้านี้ก็ไม่ใช่พวกมีนิสัยชักช้าอืดอาดนี่นาแต่พอเซียวหลันยวนไม่คิดจะพูดต่อ เขาก็ไม่กล้าจะเอาแต่ถามพวกเขาในที่สุดก็มาถึงเขาอวี้เหิงระหว่างนี้ยังอ้อมพวกที่แอบติดตามมาหลายต่อหลายครั้ง ในที่สุดก่อนที่จะเข้าเขาอวี้เหิงจึงสลัดพวกเขาหลุดออกมาได้"พวกเราต้องเร็วขึ้นหน่อยแล้ว เพราะพวกเขาเองก็อาจจะหาเขาอวี้เหิงเจอก็ได้"เซียวหลันยวนรู้ว่าสลัดคนเหล่านี้ออกไปได้แค่ชั่วคราว แต่ว่าพวกเขาที่มีคนตั้งมากมายรถม้าอีกหลายคัน อย่างไรก็ต้องทิ้งร่องรอยไว้บ้าง คนเหล่านั้นถ้ายังหาต่อ จะช้าเร็วก็ต้องตามขึ้นมาได้อยู่ดีสิ่งที่พวกเขาทำได้ ก็คือการเพิ่มความเร็วแล้วรีบหาสิ่งของให้เจอในความเป็นจริงเซียวหลันยวนเองก็ไม่รู้ว่าสิ่งยืนยันสามชิ้นนี้เกี่ยวข้องกับสิ่งของอะไร แล้วจะทำให้เขาหาอะไรพบกันแน่ไท่ซ่างหวงต้องเอาของมาซ่อนไว้ไกลถึงพันลี้นี้เพื่ออะไรพวกเขาไม่ได้หยุดพัก พุ่งเข้าไปในเขาอวี้เหิงทันทีตอนนี้ที่ตีนเขาอวี้เหิงกับช่วงกลาง

  • อ๋องพิการผู้โปรดปรานชายาแพทย์หยิ่งยโส   บทที่ 702

    เซียวหลันยวนเห็นฟู่จาวหนิงวิ่งไปไวขนาดนั้น จนแทบจะตะโกนเรียกนางให้วิ่งช้าหน่อย เดี๋ยวจะหกล้ม!แต่คำพูดติดอยู่ที่มุมปาก เขากลับกลืนกลับลงไปฟู่จาวหนิงยังวิ่งไม่ถึงข้างหน้าก็เริ่มนับจำนวนของต้นผลไม้เหล่านี้แล้ว"หนึ่งสองสามสี่ห้าหกเจ็ดแปด"ยังขาดอีกต้นหรือ?นางขมวดคิ้วเซียวหลันยวนค่อยเดินมาจนถึงอีกด้านหนึ่ง มองนางผาดหนึ่ง เหมือนเดาได้ว่านางกำลังคิดอะไรอยู่ พูดออกมาคำหนึ่ง"ด้านหลังหินใหญ่นั่นยังมีอีกต้น"ฟู่จาวหนิงมองออกไป แล้วก็เห็นเข้าจริงๆ"เช่นนั้นก็เก้าต้น!"นางร้องขึ้นอย่างยินดีเซียวหลันยวนคิดไม่ถึงว่าเรื่องจะบังเอิญขนาดนี้ เขาตอนนี้เองก็เชื่อสิ่งที่ชิงอีพูดไว้ก่อนหน้านี้ ที่บอกว่าฟู่จาวหนิงเป็นคนที่มีโชคคนหนึ่งเดิมทีคิดว่าเขาอวี้เหิงที่ใหญ่โตขนาดนี้ ค้นหาทั่วทั้งเขาก็ยังไม่รู้เลยว่าต้องใช้เวลานานสักเท่าไร เขากระทั่งคิดว่าอาจจะต้องใช้เวลาสักสิบวันครึ่งเดือนก็คงยังเดินแกร่วอยู่นั่นล่ะอันที่จริงก็คิดไม่ถึงเลยว่าพอมาถึงก็หาพบแล้วแค่นกตัวเดียวชี้นำให้นางหรือ?เซียวหลันยวนมองท้องฟ้าผาดหนึ่ง และไม่รู้ว่าไท่ซ่างหวงรู้หรือไม่ว่าเขาจะรับพระชายาที่โชคดีขนาดนี้มาคนหนึ่ง แต

  • อ๋องพิการผู้โปรดปรานชายาแพทย์หยิ่งยโส   บทที่ 703

    เซียวหลันยวนยังคิดว่านางจู่ๆ ที่เห็นหน้าเขา แล้วจะถูกแผลเป็นพิษทำให้ตกใจเสียอีก ใจกระตุกขึ้นมาฉับพลันเมื่อครู่เขาเห็นนางหยิบกล่องใบนี้ขึ้นมาแนบข้างหู รู้สึกว่านางจะพบอะไรเข้า ดังนั้นจึงเดินเข้ามา คิดไม่ถึงว่านางจะตกใจสะดุ้งโหยงอย่างนี้แล้วแบบนี้ยังคิดจะนอนคู่เคียงหมอนกับนางอีกหรือ?ประเดี๋ยวประด๋าวคงทำเอานางสะดุ้งโหยงตลอดเวลาเลยกระมัง?ฟู่จาวหนิงยืนมั่นคงแล้ว นางกลับไม่ได้คิดอะไรเยอะตอนนี้หาสิ่งของสำคัญที่สุด ก่อนหน้านี้เขาเองก็พูดไว้แล้วนี่ ว่านี่คืองาน"กล่องใบนี้ส่งเสียงลอดออกมาได้ ดังนั้นข้าจึงรู้สึกว่า ด้านในไม่แน่ว่าจะมีของอยู่ ก็แค่นั้น" ฟู่จาวหนิงส่งกล่องใบนั้นให้เขาเซียวหลันยวนรับไป สูดปากขึ้นมาด้วยสัญชาตญาณ นิ้วมืองอเล็กน้อย"เย็นมากหรือ?""อืม"แม้จะเย็นมาก เขาก็ยังทำเหมือนนางก่อนหน้านี้ ยกมันขึ้นแนบหู ตั้งใจฟังแต่เขาก็ยังใช้หน้าอีกครึ่งที่ยังดีอยู่หันหาฟู่จาวหนิงด้วยสัญชาตญาณ"เสียงอื้ออึง""ใช่ไหม? ท่านเองก็ได้ยิน" ฟู่จาวหนิงยื่นมือมารับกล่องใบนี้กลับไป ถึงอย่างไรเขาก็เย็นจนนิ้วแทบจะขาวซีดไปหมดแล้ว"ของสิ่งนี้คงไม่ได้นำมาเพื่อยืนยันจุดตำแหน่งหรอกกระมัง?"

  • อ๋องพิการผู้โปรดปรานชายาแพทย์หยิ่งยโส   บทที่ 704

    เซียวหลันยวนกับฟู่จาวหนิงถอยออกไป มองดูพวกเขาขึ้นหน้าไปพร้อมกัน เตรียมจะผลักหินยักษ์เปิดออก"ระวังหน่อย เหมือนหินก้อนนี้จะไม่ค่อยมั่นคง อย่าให้ถูกทับเข้า"ฟู่จาวหนิงดูกังวลหน่อยๆ เพราะหินก้อนนี้ใหญ่จริงๆ ปีนขึ้นไปนั่งได้หลายคนเลยก้อนที่พวกเขาจะไปผลักแม้จะดูเล็กลงหน่อย แต่ก็ยังใหญ๋โตอยู่"จะผลักให้เคลื่อนที่ได้ไหม?"ฟู่จาวหนิงมองแล้วยังสงสัยหน่อยๆหินก้อนใหญ่ขนาดนี้ ลำพังพวกเขาจะผลักได้หรือ?ชิงอีได้ยินคำพูดนาง ก็ถูฝ่ามือ เอ่ยเตือนขึ้นว่า "พระชายา เป็นเพราะตอนนี้ท่านอ๋องใช้วรยุทธ์ไม่ได้ ไม่เช่นนั้นด้วยกำลังภายในของท่านอ๋อง สามารถผลักหินก้อนนี้ออกได้แน่นอน"หรือก็คือ กำลังภายในของเซียวหลันยวนนั้นลึกล้ำมากเมื่อครู่เขาก็ไม่ได้คิดจะลองดูอยู่หรือไรกัน?"แล้วถ้าตอนนั้นเจ็บหน้าอก หรือเลือดลมไหลย้อน จนพิษระงับไม่อยู่ ข้าก็ไม่มียาจะให้เขาหรอกนะ" ฟู่จาวหนิงไม่มองเซียวหลันยวน แต่คำพูดคือพูดกับเขาอยู่"ข้าจะไม่ขยับ ฟังคำกำชับของหมอ" เซียวหลันยวนสีหน้าจริงจังฟังคำกำชับของหมอเป็นคำที่ฟู่จาวหนิงพูดอยู่ตลอด ตอนนี้พวกเขาเองก็จดจำไว้ในใจแล้ว"พระชายา ข้าแค่จะบอกว่ากำลังภายในของท่านอ๋องร้า

  • อ๋องพิการผู้โปรดปรานชายาแพทย์หยิ่งยโส   บทที่ 705

    ฟู่จาวหนิงกับเซียวหลันยวนสบตากันผาดหนึ่ง ล้วนมองกันอย่างไม่เข้าใจดูท่าในกล่องใบนั้นเดิมทีจะใส่น้ำยาสีน้ำเงินเอาไว้ พอใส่เข้าไป กล่องก็จะถูกบีบจนแตก น้ำยาด้านในถึงไหลออกมาแต่การออกแบบเช่นนี้มีความหมายอะไร?ยิ่งไปกว่านั้น ด้านในหินยักษ์ก้อนนี้ยังทำกลไกเอาไว้เช่นนี้อีก นี่จะยอดเกินไปแล้วกระมัง"ดูหน่อย" เซียวหลันยวนเองก็เข้ามาแล้ว บนหินที่ถูกน้ำสีน้ำเงินไหลผ่านไป ค่อยๆ ปรากฎตัวอักษรหลายบรรทัดขึ้นมา"เอ๋?"ฟู่จาวหนิงเองก็เห็นแล้วน้ำยาพิเศษชนิดนี้มีไว้ทำให้อักษรบนกำแพงปรากฎออกมาหรือ? และถ้ามองไม่เห็นตัวหนังสือ ก็คงจะพบเบาะแสอื่นได้ลำบากแล้วจริงๆอักษรบรกำแพงหินดูอ่อนช้อยมาก ราวกับเป็นลายมือของหญิงสาวรอจนอักษรทั้งหมดปรากฎออกมา ฟู่จาวหนิงกับเซียวหลันยวนก็เข้าไปอ่านพร้อมกันแต่ตอนที่มองเห็นอักษรบนนั้น สีหน้าของพวกเขาก็เปลี่ยนไปทันที"อายวนหลานชายข้า"คำเรียกด้านหน้าสุด ทำให้ฟู่จาวหนิงมองเซียวหลันยวนอย่างประหลาดใจ "ต่อให้ไท่ซ่างหวงเป็นคนเขียน คำเรียกนี้ก็ไม่ถูกต้องไหม?"ไท่ซ่างหวงเป็นพ่อแท้ๆ ของเขานะ"นี่ไม่ใช่ลายมือเขา" เซียวหลันยวนเอ่ยขึ้นเสียงขรึม"ไม่ใช่หรือ?"พวกเขาอ่าน

บทล่าสุด

  • อ๋องพิการผู้โปรดปรานชายาแพทย์หยิ่งยโส   บทที่ 1688

    "หมอเทวดาฟู่"ทุกคนราวกับเพิ่งตื่นจากฝัน ทำความเคารพฟู่จาวหนิงกันอย่างระมัดระวังพวกเขาอันที่จริงอยากจะคุกเข่าลงโขกศีรษะด้วยซ้ำ แต่พวกสืออีกประคองตัวไว้ เป็นสัญญาณว่าพวกเขายืนไว้ก็พอ"เรียท่านหมอฟู่ก็พอแล้ว"ฟู่จาวหนิงเองก็จนใจหน่อยๆ พวกเขาเหล่านี้ก็ไม่รู้เหมือนกันว่ากฏพวกนี้ตั้งขึ้นตั้งแต่เมื่อไร ที่ว่าพอเข้าร่วมสมาคมหมอใหญ่ จะถูกเรียกว่าหมอเทวดาอันที่จริง เทวดาก็ไม่ได้เป็นเทวดาอะไร นางเองก็มีโรคที่รักษาไม่ได้เหมือนกัน"ทุกคนรู้จักกันไว้ก่อนก็พอ อีกเดี๋ยวข้าจะจับชีพจรให้พวกเจ้าทั้งสิบคน ถ้ามีตรงไหนไม่สบาย มีโรคระบาดอะไรให้บอกข้าไว้ก่อน"ในเมื่อต้องใช้พวกเขา ฟู่จาวหนิงก็ต้องตรวจอาการพวกเขาก่อน"ข้าไม่มีโรคอะไร ข้าชื่ออาเหอ ใต้เท้าอันให้ขาพาพวกเขามา แล้วต้องฟังการกำชับจากหมอ ท่านหมอฟู่"อาเหอมองฟู่จาวหนิง รู้สึกประหม่าหน่อยๆหมอเทวดาหญิงที่สูงส่งเช่นนี้ ไม่รู้ว่าจะรังเกียจพวกเขาไหม"ได้ ไม่ต้องเครียดนัก บอกชื่อของตัวเองมาหน่อย"อาเหออันที่จริงก็ไม่ค่อยเชื่อนักว่าพูดเพียงรอบเดียว ฟู่จาวหนิงก็จะจำชื่อพวกเขาได้ แต่ว่า ได้พูดชื่อของตนเองออกมารอบหนึ่งต่อหน้านาง พวกเขากลับรู้สึกว่า

  • อ๋องพิการผู้โปรดปรานชายาแพทย์หยิ่งยโส   บทที่ 1687

    อันเหนียนเองก็เป็นคนมีความสามารถ ฟู่จิ้นเชินเองก็ด้วย สองวันต่อมาพวกเขาก็ไม่อยู่บนรถม้าแล้ว แต่ออกไปเดินกับพวกผู้ประสบภัยเวลาสองวัน พวกเขาสองคนก็เลือกผู้ประสบภัยมาสิบคน ถึงเวลาสามารถนำมาใช้งานได้เป็นพวกที่ซื่อๆ คล่องแคล่วไม่พูดมาก เนื่องจากในบ้านประสบภัยจนไปต่อไม่ไหวแล้วจึงตรงมาที่เมืองเจ้อ แต่พวกเขาก็ไม่อยากจะเอาแต่ขอความช่วยเหลือจากจวนทางการ แต่ยังคิดว่าหลังจากถึงเมืองเจ้อแล้วจะทำอะไรได้บ้าง เอามาแลกข้าวไปกินฤดูใบไม้ผลเมืองเจ้อหนาวเย็น พวกเขาอย่างน้อยยังต้องผ่านมันไปอีกสองเดือนภายใต้สิ่งแวดล้อมเช่นนี้ อากาศเย็นๆ เอาชีวิตพวกเขาไปได้ ถึงอย่างไรก็กลัวจะไม่มีที่คุ้มกะลาหัว กลัวไม่มีข้าวต้มร้อนๆ กิน และยิ่งไม่มีเงินที่จะหาหมอซื้อยาด้วยอันเหนียนกับฟู่จิ้นเชินเลือกผู้ประสบภัยมาสิบคน ว่าจ้างพวกเขาชั่วคราว ถึงเวลาถ้าช่วยเหลือได้ ก็รับประกันว่าได้กินอิ่ม เจ็บป่วยมียาให้สิ่งนี้ถือว่าดีมากๆ สำหรับพวกเขา ยิ่งไปกว่านั้นในใจก็เกิดความปลอดภัยขึ้นมาทันทีพวกเขาอย่างน้อยยังมีประโยชน์บ้าง ยังมีความรู้สึกพึ่งพาได้ ตอนมาถึงเมืองเจ้อก็ไม่ต้องชะเง้อซ้ายขวา ไม่รู้ว่าควรไปที่ไหน จะถูกจัดแจงที่พั

  • อ๋องพิการผู้โปรดปรานชายาแพทย์หยิ่งยโส   บทที่ 1686

    "จาวหนิง พวกเราต้องเร่งเดินทางแล้วกระมัง?"ฟู่จิ้นเชินให้พวกสืออีไปตรวจสอบรถม้าแต่ละคันอีกหน่อย ดูว่าสัมภาระมัดแน่นดีหรือไม่เขาเองก็ไม่คิดจะเปลืองน้ำลายอธิบายเรื่องนี้ความจริงมันเกิดขึ้นแล้ว เมื่อครู่จูเฉียนเฉี่ยนก็พูดเรื่องที่พวกเขาเคยเจอกันออกมาชัดเจนแล้ว ไม่มีอะไรให้อธิบายอีกยิ่งไปกว่านั้น ปฏิกิริยากับการจัดการของฟู่จาวหนิงก็เด็ดขาดไม่จำเป็นต้องอธิบายอะไรอีก"รีบเดินทางเถอะ" ฟู่จาวหนิงเองก็ไม่ติดใจกับเรื่องนี้อันที่จริง เรื่องราวก็แค่นี้เอง ทุกคนเข้าใจแล้ว พูดมากไปก็ไร้ประโยชน์ ต่อให้เป็นเซียวหลันยวนเองถ้าเจอกับเรื่องนี้ หลังจากนางชัดเจนแล้วก็จะปล่อยมันไปเหมือนกัน แล้วนี่ก็เป็นพ่อของนางด้วยนะเพียงไม่นาน ทุกหลังจากที่พวกเขาจัดขบวนเรียบร้อยก็เดินทางต่อ ทิ้งจูเฉียนเฉี่ยนทั้งขบวนไว้ด้านหลังจูเฉียนเฉี่ยนมองเงาของพวกเขาที่จากไป ยืนนิ่งอยู่ที่นั่น"แม่นาง ช่างมันดีกว่าไหม?" ไฉ่เอ๋อร์อดเตือนนางขึ้นมาไม่ได้ "คุณชายฟู่คนนั้น ดูแล้วก็ไม่ได้ต้องการให้แม่นางตอบแทนนี่นา แล้วก็แม่นางข้างๆ เขาคนนั้น ข้ากลัวอยู่หน่อยๆ ด้วย"ฟู่จาวหนิงหน้าตาสะสวย ดูแล้วยังอายุน้อย ไม่ได้ลงไม้ลงมืออะ

  • อ๋องพิการผู้โปรดปรานชายาแพทย์หยิ่งยโส   บทที่ 1685

    "ที่แท้ก็เป็นเช่นนี้ เช่นนั้นแม่นางจูก็มาตอบแทนบุญคุณด้วยการทำร้ายสินะ"อะไรนะ?จูเฉียนเฉี่ยนมองนางอย่างงงงัน"ข้า ข้าจะมาตอบแทนด้วยการทำร้ายได้อย่างไร?" นางยังไม่ได้เริ่มเลยนะ"เมื่อครู่ถ้าไม่ใช่คนของข้าลงมือ เจ้ารู้ไหมว่าจะมีผลลัพธ์อย่างไร?" ฟู่จาวหนิงเดิมทีก็ใช้ท่าทีคนแปลกหน้ากับนางอยู่แล้ว พอตอนนี้มารู้อดีตเข้า ท่าทีของนางก็ยิ่งเย็นชากว่าเดิมเสียอีก"ข้าเองก็ไม่ได้เจตนานี่นา ข้าไม่รู้จริงๆ ว่ายาที่คนคนนั้นขายให้ข้าจะรุนแรงขนาดนี้""เจ้าจะเจตนาหรือไม่มันเป็นเรื่องของเจ้า แต่พวกเรามองแค่ผลลัพธ์ เพราะไม่ว่าเจ้าจะมีหรือไม่มีเจตนา เรื่องราวสุดท้ายก็เป็นเจ้าที่ทำมันขึ้น ก่อนหน้าที่เจ้าจะทำเรื่องนี้ก็ได้พิจารณาที่จะไล่ตามมาไว้แล้ว ถ้าไม่พิจารณาเลยว่าจะส่งผลกระทบอะไรกับพวกเราบ้าง"ฟู่จาวหนิงเอ่ยขึ้นอย่างไม่เกรงใจ "พวกเราตอนนี้เท่ากับช่วยชีวิตพวกเจ้าไว้แล้วครั้งหนึ่ง ครั้งที่แล้วเขาช่วยเจ้า สิ่งที่แลกมาคืออันตรายครั้งหนึ่ง ครั้งนี้พวกเราช่วยเจ้า ใครจะรู้ว่าครั้งต่อไปเจ้าจก่อเรื่องอะไรออกมาอีก? การเดินทางพวกเราตอนนี้ถูกเจ้าทำให้ล่าช้า ถ้าหากพวกเรามีเรื่องที่เร่งด่วนเกี่ยวกับชีวิตคน เช

  • อ๋องพิการผู้โปรดปรานชายาแพทย์หยิ่งยโส   บทที่ 1684

    ข้ารู้ว่าท่านไม่น่าจะลืมข้าคำพูดนี้มันคลุมเครือเสียเหลือเกินฟู่จาวหนิงมองพ่อนาง สีหน้าเองก็กลืนไม่เข้าคายไม่ออกหน่อยๆฟู่จิ้นเชินรักหวานชื่นกับเสิ่นเชี่ยวมาตลอด แล้วยังมีภาพลักษณ์ที่ซ์่อสัตย์มั่นคงด้วย พวกเขาปกติตอนที่อยู่ด้วยกัน ก็มองออกได้ง่ายมากกว่ามีความรู้สึกให้กันดีมากๆอย่าให้จู่ๆ ก็มีเรื่องรักๆ ใคร่ๆ ขึ้นมาเชียว ความสงบสุขที่ตระกูลฟู่ได้มาอย่างยากลำบากอาจจะพังทลายลงได้ฟู่จาวหนิงรู้สึกว่าเสิ่นเชี่ยวน่าจะไม่ใช่คนที่จะยอมรับหญิงสาวคนอื่นมาแบ่งสามีตัวเองไปได้ด้วยฟู่จิ้นเชินหลังจากได้ยินประโยคนั้นของจู่เฉียนเฉี่ยน ก็มองไปทางฟู่จาวหนิงทันทีพอสบกับสีหน้านาง เขาก็อธิบายออกมา แน่นอนว่าเป็นการอธิบายถึงเหตุการณ์ตอนนั้น"ตอนนั้นแม่ของเจ้าป่วย ไข้ขึ้นจนมึนไปหมด ข้าให้นางพักอยู่ในโรงเตี๊ยม ส่วนข้าเองก็ออกไปซื้อยา แล้วที่ด้านนอกร้านยานั้นก็เจอกับแม่นางคนนี้ โอ้ ตอนนั้นนางแต่งตัวเป็นชาย นางกำลังนำยาห่อหนึ่งให้กับหมอพเนจรคนหนึ่งดู""ตอนนั้นข้าก็ไม่รู้ว่าเขาเป็นหมอพเนจรอะไร เขาบอกว่าเขาเป็นหมอเทวดาจากสมาคมหมอใหญ่" จูเฉียนเฉี่ยนอธิบายมาคำหนึ่ง"วัตถุดิบยาห่อนั้นของนางมองแล้วดูดีมีค

  • อ๋องพิการผู้โปรดปรานชายาแพทย์หยิ่งยโส   บทที่ 1683

    จูเฉียนเฉี่ยนเห็นพวกเขาเข้ามา ก็ทำท่าทางน่าสงสารขึ้นหลักๆ คือมองไปทางฟู่จิ้นเชินอันเหนียนเพิ่งจะถามไปไม่กี่คำ พอเห็นท่าทางนางเช่นนี้จึงถอยออกไปสองก้าว ให้ฟู่จาวหนิงขึ้นหน้ามา"แม่นางจูสินะ?" ฟู่จาวหนิงยืนอยู่ด้านหน้าจูเฉียนเฉี่ยน สายตาเย็นเยียบ"ใช่แล้ว จูเฉียนเฉี่ยน" จูเฉียนเฉี่ยนรีบตอบ"พูดมา เจ้าคิดจะทำอะไรกันแน่?"ฟู่จาวหนิงถามออกมาตรงๆ สายตามีอาการบีบคั้นเล็กน้อย ไม่ยอมให้นางได้มีโอกาสเลี่ยง"ข้า ข้า...""เจ้าคิดให้ดีแล้วค่อยตอบ ข้าไม่ยอมรับคำโกหก เพราะพวกเจ้าเมื่อครู่เกือบทำพวกเราแย่ไปด้วย" ฟู่จาวหนิงเห็นตาของนางหลุกไปหลิกมา จึงตัดบทคำพูดนางทันทีสายตานางเฉียบคมขนาดนี้เลยหรือ?จูเฉียนเฉี่ยนมองฟู่จาวหนิง รู้สึกแค่ว่าตนเองตอนอยู่ต่อหน้านางไม่เหลือความลับอะไรอยู่อีกแล้วอย่างไรอย่างนั้น สายตาฟู่จาวหนิงมองมาอย่างคมกริบ แล้วยังดูน่าเกรงขามอีกด้วยแม่นางคนนี้ดูแล้วเหมือนไม่ได้โตกว่านางเลย ทำไมถึงดูน่าเกรงขามขนาดนี้กัน?"ม้าของเจ้ากินยาแล้วคลั่งขึ้นมา เจ้าอย่าบอกข้า ว่าพวกเจ้าไม่รู้" ฟู่จาวหนิงเอ่ยขึ้นมาให้ชัดเจนหน่อยไฉ่เอ๋อร์ถลึงตาโตอย่างตกใจ มองไปทางแม่นางของนางโดยสัญชา

  • อ๋องพิการผู้โปรดปรานชายาแพทย์หยิ่งยโส   บทที่ 1682

    จูเฉียนเฉี่ยนใจเย็นลงมา ก็รู้ว่าคงเลี่ยงไม่พ้นแล้ว เลิกม่านรถขึ้น สบตากับอันเหนียนคุณชายคนนี้เมื่อคืนก็ดูสุภาพเรียบร้อยดี แต่ตอนนี้กลับดูมีอำนาจน่าเกรงขาม ทำเอาเธอกลัวตัวสั่นจนไม่กล้าลงจากรถม้าเลย"แม่นางจูไม่เป็นไรใช่ไหม?"ใครจะคิด ว่าพออันเหนียนเอ่ยปากก็ถามไถ่อย่างเป็นห่วงจูเฉียนเฉี่ยนถอนใจโล่งออกมา "ยัง ยังไหว""ลงจากรถม้าก่อนดีไหม?"ถึงอย่างไรรถม้าาคันนี้ ม้าที่ลากรถก็ล้มไปแล้ว ตอนนี้คงเดินไม่ได้ ลงมาก่อนน่าจะดีกว่าคนใช้อีกสามคนของนางยังอยู่บนรถม้า อันเหนียนรู้สึกว่าคุยอะไรมากไม่ได้"พวกเราจะลงไปเดี๋ยวนี้"จูเฉียนเฉี่ยนนิ่งขึ้นมาอย่างรวดเร็วภายใต้ปฏิกิริยาที่สงบอ่อนโยนของอันเหนียนอดพูดไม่ได้เลย ท่าทีของอันเหนียนสามารถปลอบอารมณ์ให้เย็นได้ดีจริงๆพอนางลงจากรถม้า ยังยื่นมือมาประคองสาวใช้ไฉ่เอ๋อร์อีก แล้วยังประคองหญิงรับใช้กับไฉ่เอ๋อร์ลงมาด้วยกัน"ไปพักทางนั้นก่อนเถอะ"อันเหนียนตอนที่ลงจากรถพวกนางก็มองไปรอบๆ เห็นว่าไม่ไกลนักที่พื้นหญ้าที่ค่อนข้างสะอาดอยู่ ที่นั่งยังมีหินอีกหลายก้อน บางทีก่อนหน้านี้อาจจะมีคนผ่านทางมาพักตรงนั้น หินจึงค่อนข้างเรียบ"เสี่ยวเจียง ไปเอาพรมม

  • อ๋องพิการผู้โปรดปรานชายาแพทย์หยิ่งยโส   บทที่ 1681

    ฟู่จาวหนิงเองก็ได้ยินการเคลื่อนไหวด้านอกแล้ว ขบวนรถของพวกเขาหยุดลงมา องครักษ์ควบม้าเข้ามา เอ่ยขึ้นเสียงร้อนรน "พระชายา ม้าของพวกเขาเสียการควคุม ดูผิดปกติมาก"ฟู่จาวหนิงขมวดคิ้ว กระโจนลงจากรถ เดินออกมาไม่กี่ก้าวมองไปด้านหลัง แล้วก็เห็นรถม้าหลายคันทะยานย่ำโคลนพุ่งเข้ามาจริงๆ"พวกเจ้ามั่นใจว่าช่วยได้ไหม?" นางถาม"ลองดูได้""เดี๋ยวก่อน" ฟู่จาวหนิงขึ้นไปบนรถม้าแล้วหยิบเข็มกำหนึ่งลงมาทันที "เข็มยาชา แทงใส่ม้า ระวังด้วย"พวกเขามีกำลังภายใน ใช้สิ่งนี้จะดูเก่งกาจกว่านางหน่อยองครักษ์รับเข็มไปทันที หลายคนหันม้าเข้าไปหาพวกของจูเฉียนเฉี่ยนคนใช้ของอีกฝ่ายลนลานไปแล้ว "หลีก หลีกไป! พวกเราหยุดไม่ได้!"ถ้าทั้งสองฝ่ายควบม้ามาชนกัน ต้องมีคนตายแน่การปะทะเช่นนี้ ถ้าล้มจากม้า จะต้องถูกเหยียบตายแหง"จับให้แน่น!" องครักษ์สองมือยกขึ้น เข็มก็พุ่งสาดออกไปราวห่าฝน แทงไปบนตัวม้าองครักษ์สองคนด้านหลังก็ไม่ลดความเร็ว พุ่งเข้าไปหาต่อ ควบม้าเอียงตัวหลบ จากนั้นยื่นมือไปคว้าอีกฝ่ายดึงขึ้นมาบนหลังม้าของตนเอง ยกเท้าเตะหัวม้า ให้ม้าเบนออกไปข้างทางส่วนม้าที่ลากรถม้าด้านหลังก็ถูกแทงไปหลายเข็ม ชั่วเวลาครู่เดียว

  • อ๋องพิการผู้โปรดปรานชายาแพทย์หยิ่งยโส   บทที่ 1680

    เพราะเมื่อคืนนี้ฝนตกทั้งคืน ตอนเช้าในช่วงเส้นทางนี้ ความเร็วขบวนรถจึงเน้นไปที่ความเสถียรเป็นหลักฟู่จาวหนิงเดิมทีคิดว่าจากเมืองหลวงไปเมืองเจ้อน่าจะสามสี่วันก็ไปถึง แต่ต่อมาพอถามฟู่จิ้นเชินกับอันเหนียน จึงรู้ว่าที่เซียวหลันยวนบอกว่าสามสี่วันไปถึง นั่นคือความเร็วของการขี่ม้าคนเดียวแต่แบบพวกเขาที่ขนสัมภาระมากมายเช่นนี้ กลางคืนยังต้องเข้าพัก หยุดพักเพื่อกินข้าวสามมือ ก็ต้องใช้เวลาประมาณหกวัน บวกกับเรื่องฝนหรืออย่างอื่น ความเร็วก็จะยิ่งช้าลง อาจจะไปถึงเจ็ดแปดวันดังนั้นนางจึงส่งองครักษ์สองคนขี่ม้านำไปสำรวจทางข้างหน้าก่อนแล้ว ถึงแม้จะไม่ถึงในสามสี่วัน แต่ก็หวังว่าจะไม่เกิดเรื่องอะไรขึ้นอีกและเพราะไปได้ช้า จึงถูกคนอื่นตามขึ้นมาแล้วรถม้าของอันเหนียนอยู่หน้าขบวน ฟู่จาวหนิงนั่งอยู่รถม้าคันกลาง เดิมทียังมีรถม้าของฟู่จิ้นเชินตามอยู่ด้านหลังอีก แต่เพราะระหว่างทางพวกเขาต้องรีบเรียนรู้ ดังนั้นฟู่จิ้นเชินจึงอยู่บนรถม้าฟู่จาวหนิงเป็นส่วนใหญ่ด้านหลังมีรถสัมภาระอีกหลายคัน ด้านหลังก็เป็นองครักษ์จวนอ๋องคุมท้ายเพราะล้วนเป็นคนที่ฝึกยุทธ์มา พวกเขาอยู่ท้ายขบวนจึงได้ยินการเคลื่อนไหวด้านหลัง ว่ามีคนไ

สแกนรหัสเพื่ออ่านบนแอป
DMCA.com Protection Status