เซียวหลันยวนยังคิดว่านางจู่ๆ ที่เห็นหน้าเขา แล้วจะถูกแผลเป็นพิษทำให้ตกใจเสียอีก ใจกระตุกขึ้นมาฉับพลันเมื่อครู่เขาเห็นนางหยิบกล่องใบนี้ขึ้นมาแนบข้างหู รู้สึกว่านางจะพบอะไรเข้า ดังนั้นจึงเดินเข้ามา คิดไม่ถึงว่านางจะตกใจสะดุ้งโหยงอย่างนี้แล้วแบบนี้ยังคิดจะนอนคู่เคียงหมอนกับนางอีกหรือ?ประเดี๋ยวประด๋าวคงทำเอานางสะดุ้งโหยงตลอดเวลาเลยกระมัง?ฟู่จาวหนิงยืนมั่นคงแล้ว นางกลับไม่ได้คิดอะไรเยอะตอนนี้หาสิ่งของสำคัญที่สุด ก่อนหน้านี้เขาเองก็พูดไว้แล้วนี่ ว่านี่คืองาน"กล่องใบนี้ส่งเสียงลอดออกมาได้ ดังนั้นข้าจึงรู้สึกว่า ด้านในไม่แน่ว่าจะมีของอยู่ ก็แค่นั้น" ฟู่จาวหนิงส่งกล่องใบนั้นให้เขาเซียวหลันยวนรับไป สูดปากขึ้นมาด้วยสัญชาตญาณ นิ้วมืองอเล็กน้อย"เย็นมากหรือ?""อืม"แม้จะเย็นมาก เขาก็ยังทำเหมือนนางก่อนหน้านี้ ยกมันขึ้นแนบหู ตั้งใจฟังแต่เขาก็ยังใช้หน้าอีกครึ่งที่ยังดีอยู่หันหาฟู่จาวหนิงด้วยสัญชาตญาณ"เสียงอื้ออึง""ใช่ไหม? ท่านเองก็ได้ยิน" ฟู่จาวหนิงยื่นมือมารับกล่องใบนี้กลับไป ถึงอย่างไรเขาก็เย็นจนนิ้วแทบจะขาวซีดไปหมดแล้ว"ของสิ่งนี้คงไม่ได้นำมาเพื่อยืนยันจุดตำแหน่งหรอกกระมัง?"
เซียวหลันยวนกับฟู่จาวหนิงถอยออกไป มองดูพวกเขาขึ้นหน้าไปพร้อมกัน เตรียมจะผลักหินยักษ์เปิดออก"ระวังหน่อย เหมือนหินก้อนนี้จะไม่ค่อยมั่นคง อย่าให้ถูกทับเข้า"ฟู่จาวหนิงดูกังวลหน่อยๆ เพราะหินก้อนนี้ใหญ่จริงๆ ปีนขึ้นไปนั่งได้หลายคนเลยก้อนที่พวกเขาจะไปผลักแม้จะดูเล็กลงหน่อย แต่ก็ยังใหญ๋โตอยู่"จะผลักให้เคลื่อนที่ได้ไหม?"ฟู่จาวหนิงมองแล้วยังสงสัยหน่อยๆหินก้อนใหญ่ขนาดนี้ ลำพังพวกเขาจะผลักได้หรือ?ชิงอีได้ยินคำพูดนาง ก็ถูฝ่ามือ เอ่ยเตือนขึ้นว่า "พระชายา เป็นเพราะตอนนี้ท่านอ๋องใช้วรยุทธ์ไม่ได้ ไม่เช่นนั้นด้วยกำลังภายในของท่านอ๋อง สามารถผลักหินก้อนนี้ออกได้แน่นอน"หรือก็คือ กำลังภายในของเซียวหลันยวนนั้นลึกล้ำมากเมื่อครู่เขาก็ไม่ได้คิดจะลองดูอยู่หรือไรกัน?"แล้วถ้าตอนนั้นเจ็บหน้าอก หรือเลือดลมไหลย้อน จนพิษระงับไม่อยู่ ข้าก็ไม่มียาจะให้เขาหรอกนะ" ฟู่จาวหนิงไม่มองเซียวหลันยวน แต่คำพูดคือพูดกับเขาอยู่"ข้าจะไม่ขยับ ฟังคำกำชับของหมอ" เซียวหลันยวนสีหน้าจริงจังฟังคำกำชับของหมอเป็นคำที่ฟู่จาวหนิงพูดอยู่ตลอด ตอนนี้พวกเขาเองก็จดจำไว้ในใจแล้ว"พระชายา ข้าแค่จะบอกว่ากำลังภายในของท่านอ๋องร้า
ฟู่จาวหนิงกับเซียวหลันยวนสบตากันผาดหนึ่ง ล้วนมองกันอย่างไม่เข้าใจดูท่าในกล่องใบนั้นเดิมทีจะใส่น้ำยาสีน้ำเงินเอาไว้ พอใส่เข้าไป กล่องก็จะถูกบีบจนแตก น้ำยาด้านในถึงไหลออกมาแต่การออกแบบเช่นนี้มีความหมายอะไร?ยิ่งไปกว่านั้น ด้านในหินยักษ์ก้อนนี้ยังทำกลไกเอาไว้เช่นนี้อีก นี่จะยอดเกินไปแล้วกระมัง"ดูหน่อย" เซียวหลันยวนเองก็เข้ามาแล้ว บนหินที่ถูกน้ำสีน้ำเงินไหลผ่านไป ค่อยๆ ปรากฎตัวอักษรหลายบรรทัดขึ้นมา"เอ๋?"ฟู่จาวหนิงเองก็เห็นแล้วน้ำยาพิเศษชนิดนี้มีไว้ทำให้อักษรบนกำแพงปรากฎออกมาหรือ? และถ้ามองไม่เห็นตัวหนังสือ ก็คงจะพบเบาะแสอื่นได้ลำบากแล้วจริงๆอักษรบรกำแพงหินดูอ่อนช้อยมาก ราวกับเป็นลายมือของหญิงสาวรอจนอักษรทั้งหมดปรากฎออกมา ฟู่จาวหนิงกับเซียวหลันยวนก็เข้าไปอ่านพร้อมกันแต่ตอนที่มองเห็นอักษรบนนั้น สีหน้าของพวกเขาก็เปลี่ยนไปทันที"อายวนหลานชายข้า"คำเรียกด้านหน้าสุด ทำให้ฟู่จาวหนิงมองเซียวหลันยวนอย่างประหลาดใจ "ต่อให้ไท่ซ่างหวงเป็นคนเขียน คำเรียกนี้ก็ไม่ถูกต้องไหม?"ไท่ซ่างหวงเป็นพ่อแท้ๆ ของเขานะ"นี่ไม่ใช่ลายมือเขา" เซียวหลันยวนเอ่ยขึ้นเสียงขรึม"ไม่ใช่หรือ?"พวกเขาอ่าน
"น่าเสียดาย ท้ายสุดแคว้นเจาก็ยังไม่ยอมให้เจ้าเป็นจักรพรรดิ กระทั่งว่ามีคนเปิดโปงตัวตนฐานะของแม่เจ้าออกไป ทำให้นางมีภัย และทำให้เจ้าตกอยู่ในอันตรายไปด้วย พวกเราหลบหนีจากต้าชื่อไปยังเขาอวี้เหิงอย่างยากลำบาก ร่างกายก็ติดพิษร้ายแรง เหลือเวลาอีกไม่มาก และไม่มีอะไรจะทิ้งไว้ให้เจ้าด้วย ตอนนี้เหลือเพียงสิ่งของจากตงฉิงทิ้งไว้ให้เจ้าเป็นที่ระลึกเพียงเท่านั้น"อักษรเขียนถึงจุดนี้ก็จบลงแล้วแต่ว่า ก็แทบจะเล่าเรื่องราวออกมาชัดเจนทั้งหมดฟู่จาวหนิงมองเซียวหลันยวน"ตอนนี้ข้าเข้าใจแล้ว ทำไมไท่ซ่างหวงที่รักท่านเอ็นดูท่านขนาดนั้น แต่กลับไม่ส่งตำแหน่งจักรพรรดิแคว้นเจาให้กับท่าน"ดูท่า ไท่ซ่างหวงเองก็กังวลว่าหลังจากที่เขาขึ้นเป็นจักรพรรดิแคว้นเจา จะกลับไปช่วยเหลือตงฉิงฟื้นฟูแคว้น!ยิ่งไปกว่านั้น แคว้นเจากับต้าชื่อถ้าหากแต่ก่อนเคยทำเรื่องไม่ดีกับตงฉิงไว้ ซ้ำยังยึดภูเขาสายแร่ของพวกเขามา ถ้าตงฉิงฟื้นฟูแคว้น นั่นไม่ใช่ว่าจะต้องกลับคืนสู่เจ้าของเดิมหรอกหรือ?แคว้นเจากับต้าชื่อที่กลายเป็นสองแคว้นใหญ่ที่แข็งแกร่ง เป็นเพราะยึดครองภูเขาสายแร่ของตงฉิงมาอย่างนั้นหรือ?แต่ไท่ซ่างหวงเองก็ยังมีความรักต่อเซียวหล
ระหว่างภูเขาสูงต่ำ ถนนที่ปูจากก้อนหินกลายเป็นภาพวาด บ้านเรือนสูงๆ ต่ำๆ ดูมีสัดส่วนที่ดี ในนี้มีตำหนักแห่งหนึ่งตั้งตระหง่านอย่างเตะตา ในตำหนักกำลังมีดอกไม้ผืนใหญ่เบ่งบาน สีม่วงบ้าง สีชมพู สีขาว สวยงามจับจิตนอกเมืองผืนนี้ ยังมีกำแพงสูงลิบทอดยาวราวกับมังกรถนนใหญ่นอกเมืองทั้งสี่ด้านทอดยาวออกไป อ้อมผ่านเนินเขาบางส่วน และยังเชื่อมกับหมู่บ้านเล็กๆ บางส่วนอีกด้วยเหล่านี้ราวกับเป็นไข่มุกประกายแสงบางส่วนที่กระจายอยู่รอบตัวเมืองหลักอย่างไรอย่างนั้นและด้านนอกที่อยู่อาศัยผืนใหญ่นี้ ยังมีภูเขาที่สูงต่ำไม่เหมือนกันอยู่อีกหลายลูก ในนี้เขาลูกที่สูงที่สุด ยังเห็นว่ามีหิมะปกคลุมอยู่ฟู่จาวหนิงรู้สึกละสายตาออกมาไม่ได้เลย"สวยงามจริงๆ นี่คือแคว้นตงฉิงหรือ?"ดูท่านจะเป็นแคว้นเล็กที่มีพื้นที่แคว้นเล็กมากแห่งหนึ่ง ราวกับเป็นไข่มุกที่สาบสูญไปแล้วอย่างไรอย่างนั้นเซียวหลันยวนมองมุมซ้ายบน ที่นั่นเขียนไว้ว่าทิวทัศน์แห่งตงฉิง"ใช่""พอเห็นเช่นนี้ ตงฉิงก็ทำให้คนรู้สึกคิดถึงอยู่ตลอดจริงๆ"บ้านเกิดเมืองนอนที่เล็กแต่สวยวิจิตร ดูแล้วเหมือนดินแดนในอุดมคติ คิดไม่ถึงว่าจะต้องหายสาบสูญไปกับหายนะครั้งมโหฬารนั
"พวกนางตอนนั้นไปยังต้าชื่อ ก็เอาของตั้งมากมายขนาดนี้ออกมาเลยหรือ?" ฟู่จาวหนิงกลับรู้สึกแปลกประหลาด"ชุดคลุมพญาหงส์ ตราประทับแคว้น ตราประทับส่วนตัว ของเหล่านี้ควรจะติดไป แต่ภาพทิวทัศน์ของตงฉิงนี้ น่าจะวาดออกมาภายหลัง"ครั้งนั้นไม่ว่าอย่างไรก็เป็นจักรพรรดินี สิ่งของที่นำไปด้วยจะต้องไม่น้อยแน่นอน"ตราประทับแคว้นกับตราประทับส่วนตัว เจ้าช่วยข้าเก็บไว้ก่อน" เซียวหลันยวนบอกกับฟู่จาวหนิงทำไมถึงให้นางเก็บไว้อีกแล้วล่ะ?ฟู่จาวหนิงบางทีก็สงสัยว่าเซียวหลันยวนรู้อะไรมาหรือเปล่า ไม่เช่นนั้นทำไมถึงชอบเอาสิ่งของที่เขาคิดว่าสำคัญที่สุดเหล่านั้นมาให้นางเก็บไว้กัน?เขารู้มาหรือเปล่าว่านางเก็บของได้ดีที่สุด?"ท่านเก็บไว้เองก็ได้นี่ จวนอ๋องเจวี้ยนใหญ่เสียขนาดนั้น ยังจะกลัวหาที่ซ่อนของพวกนี้ไม่ได้อีกหรือ?"ฟู่จาวหนิงเองก็ไม่เข้าใจหน่อยๆ เหมือนกัน ดังนั้นจึงลองถามหยั่งเชิงไปคำหนึ่งเซียวหลันยวนกลับรู้สึกว่านางก่อนหน้านี้ยินดีที่จะเก็บสิ่งยืนยันให้ แต่ตอนนี้กลับดูไม่ค่อยยินดีนักแล้ว คงไม่ใช่เพราะใบหน้าของเขากลายเป็นสภาพนี้ในตอนนี้หรอกนะ หลังจากนี้คงดีขึ้นไม่ได้จริงๆ ดังนั้นนางจึงคิดจะปลีกตัวจากไปหรื
ท้ายสุดก็ยังเป็นฟู่จาวหนิงที่เปิดกล่องเหล็กเหล่านั้นออกทีละใบทั้งหมดล้วนเป็นของที่ตงฉิงเหลือทิ้งเอาไว้ยิ่งไปกว่านั้นน่าจะเป็นของที่พวกนางติดตัวไปต้าชื่อในครั้งนั้น ตอนนั้นก็ไปเพราะจะสร้างสัมพันธ์ทางการทูต ดังนั้นตงฉิงครั้งนั้นอันที่จริงจึงนำของไปไม่น้อย ยิ่งไปกว่านั้นยังนำสิ่งล้ำค่าของตงฉิงไปอีกไม่น้อยหลังจากนั้นทุกครั้งที่เปิดกล่องเหล็ก ก็ล้วนทำให้ฟู่จาวหนิงเปิดโลกทัศน์ขึ้นมามีบางส่วนเป็นตำหนักที่สลักออกมาาจากหินแร่ทอง แล้วยังมีเนื้อผ้าบางส่วนที่ไม่เคยเห็นมาก่อน สัมผัสอ่อนนุ่มมาก วางไว้บนมือยังสัมผัสได้ถึงความอบอุ่น ใต้แสงตะวันยังส่องระยิบยับราวกับแสงจันทรา ละเอียดมาก ไม่รู้ว่าใช้ใยอะไรถักทอขึ้นมาจากสิ่งเหล่านี้สามารถมองออกว่า ตงฉิงในอดีตงานฝีมือหรือสิ่งทอต่างๆ ล้วนเลื่องชื่อ น่าจะเพราะประชาชนที่นั่นล้วนเป็นคนขยันและฉลาดเฉลียวมากฝีมือนอกเหนือจากนี้ กระทั่งยังมีบันทึกอีกลังหนึ่ง พวกเขาพลิกเปิดอ่าน แนะนำบุคคลที่มีชื่อของตงฉิง และมีบางส่วนที่ช่างฝีมือบันทึกไว้ กระทั่งยังมีบันทึกการแพทย์อีกเล่มหนึ่ง!"วิชาแพทย์และตำรับยาบนบันทึกการแพทย์เล่มนี้ดีเอามากๆ" ฟู่จาวหนิงพลิกดูอีกพัก
ของเหล่านี้ทำไมจึงไม่ส่งออกไปกัน?"เป็นไปได้ไหม ว่าพวกเขาเอาออกไปก่อนบางส่วน พอเพิ่งส่งออกไป ปรากฎต่อใต้หล้า ก็ทำให้เกิดอาการน้ำลายสอและการช่วงชิงขึ้น?" ฟู่จาวหนิงตั้งคำถามขึ้นมา"ก็เป็นไปได้ พวกเขาคงให้รอบเดียวหมดไม่ได้หรอก"บางที คนของตงฉิงอันที่จริงคงจ่ายออกไปไม่น้อยแล้ว สิ่งเหล่านี้คือช่วงหลังที่พบว่ามีบางอย่างไม่ถูกต้องจึงเก็บรักษาเอาไว้ หรือบางที ต่อมาพวกเขาพบว่าอันตราย จึงจงใจซ่อนของเหล่านี้ไว้ ทำทีเป็นปล่อยวางคนอื่น คิดจะรักษาชีวิตเอาไว้ก่อนถึงอย่างไรถ้ายังหาของเหล่านี้ไม่เจอ คนพวกนั้นก็คงจะไม่สังหารพวกเขาจนตาย"เช่นนี้ ดูท่าว่าตงฉิงจะร่ำรวยจริงๆ" ฟู่จาวหนิงถอนหายใจ "เมื่อเป็นเช่นนี้ ไท่ซ่างหวงยังใช้ได้อยู่หรือ? เขาเอาของเหล่านี้ทิ้งไว้ให้ท่าน แต่กลับไม่ส่งไปให้องค์จักรพรรดิ""เป็นไปได้ไหม ว่าเขาจะไม่รู้อะไรเลย?" เซียวหลันยวนกลับไม่เชื่อในนิสัยคนนี่ก็เป็นไปได้เช่นกัน บางทีไท่ซ่างหวงอาจจะแค่คิดว่าซ่อนของเก่าแก่บางส่วนของตงฉิงเอาไว้ พวกตราประทับแคว้นอะไรพวกนี้ ถึงอย่างไรการฟื้นฟูแคว้นของตงฉิงก็ไม่มีหวังอยู่แล้ว ของเหล่านี้นำไปก็คงไม่มีประโยชน์ จึงทิ้งไว้ให้เซียวหลันยวนเป
ส่วนฟู่จาวหนิงเองก็มองมาทางเขา เพราะเซียวหลันยวนไม่ได้ยื่นมือมาประคองนางในตอนแรก แต่กลับมองนางอย่างงงงันหน่อยๆฟู่จาวหนิงยังไม่รู้ว่าตอนนี้เขากำลังคิดอะไร ใจก็ดำดิ่งหน่อยๆยังดีที่ตอนนางมองไปอีกครั้ง เซียวหลันยวนก็ยื่นมือมาดึงนางลุกขึ้นแล้ว จากนั้นไข่มุกหมึกในมือนางก็ส่งคืนไปยังเจ้าอาราม"คืนให้ท่าน"พริบตาที่เจ้าอารามยื่นมารับ เสียงเปรี๊ยะก็ดังขึ้น ไข่มุกหมึกลูกนั้นแตกละเอียดกะทันหันคนทั้งหมดล้วนตกตะลึง มองไปทางเศษหินที่รวงลงมานั่นพวกเขาล้วนถือไข่มุกหมึกกันมาแล้ว เดิมทีก็ยังดีดีอยู่ ไม่มีรอยร้าวอะไรเลย ยิ่งไปกว่านั้นตัวลูกปัดหยกก็ตันและแข็งแกร่ง หล่นลงพื้นก็ไม่แน่ว่าจะแตกด้วยซ้ำแต่ตอนนี้จู่ๆ มันก็เป็นแบบนี้ไปแล้วเจ้าอารามโค้งตัวลงเก็บชิ้นส่วนหยกขึ้นมา หยิบขึ้นมามองๆ"ไข่มุกหมึกทำนายดารา ข้าเองก็เหลืออยู่แค่เม็ดเดียวด้วย"อยู่กับเขามาหลายสิบปี ใช้มาก็ตั้งหลายครั้ง ตอนนี้จู่ๆ ก็แตกเสียแล้วเซียวหลันยวนยื่นมือตัวเองออกมา "ข้าไม่ได้ออกแรงนะ""แล้วก็ไม่เหมือนบีบจนแตกด้วย"เจ้าอารามพูดพลางมองไปทางฟู่จาวหนิงฟู่จาวหนิงหรุบตาลง เศษหินบนพื้นเหล่านั้น "หรือพวกท่านสงสัยว่าข้าทำ
เจ้าอารามสูดลมหายใจลึก"ผลลัพธ์นี้ไม่ค่อยดีนัก สิ่งที่มันชี้นำไป ทำให้อายวนเดินไปยังทางเลือกที่จะพาสู่ความพินาศ"พอได้ยินคำพูดเขา ฟู่จาวหนิงก็หน้าเปลี่ยนสีแต่นางกลับโมโหขึ้นมา"เฮอะ"ก่อนหน้านี้นางยังรู้สึกว่าจะอย่างไรก็ได้แต่ว่าตัวนางจะเป็นอย่างไร นางก็ยังไม่สนใจได้ เพราะนางไม่ใส่ใจ และไม่เชื่อว่าสิ่งเหล่านี้จะส่งผลกระทบกับตัวนางแต่เรื่องดันไปอยู่บนตัวเซียวหลันยวน นางก็ไม่ชอบใจขึ้นมาแล้วยิ่งไปกว่านั้น นางไม่รู้ว่าเซียวหลันยวนจะได้รัรบผลกระทบไหม ตัวนางเป็นคนที่ผ่านการข้ามภพมา แต่เขาไม่ใช่"อายวน" นางยื่นมือไปประคองเซียวหลันยวนเขาจับมือนางลุกขึ้นยืน มองดุนาง ยื่นมือลูบใบหน้านาง สีหน้าดูซับซ้อน"เจ้าลองดู"ฟู่จาวหนิงใจดำดิ่งหน่อยๆเพราะเขารู้สึกแปลกไปอย่างเห็นได้ชัด ปฏิกิริยานี้คือถูกส่งผลกระทบเข้าแล้วเมื่อครู่เขายังบอกนางอยู่เลยว่าถ้าไม่อยากคะเนทำนายก็ไม่ต้องทำ ตอนนี้เขากลับบอกว่าให้ลองดูเสียแล้วจิตใจต่อต้านกับความอยากเอาชนะของฟุ่จาวหนิงถูกกระตุ้นขึ้นมาแล้ว"ได้"นางขานรับ และไม่ลังเลอีก นั่งลงตรงหน้ามิติดาราทั้งสามผืนนั้น"ไข่มุกหมึก"เซียวหลันยวนส่งไข่มุกหมึก
เขาไม่อยากให้นางต้องฝืนตัวทำอะไรเพื่อตัวเขา"ข้ายินยอมทดสอบดู ไม่เป็นไร" ฟู่จาวหนิงบอกเขาเซียวหลันยวนชะงักไป "เช่นนั้นข้าก่อนแล้วกัน เจ้าลองดูผลลัพธ์ของข้าก่อนว่าเป็นอย่างไร แล้วค่อยตัดสินใจ"ตอนนี้เขาเองก็ยอมที่จะคะเนทำนายด้วย เพราะคำพูดประโยคนั้นที่เจ้าอารามพูดเมื่อครู่สามปีก่อนตอนที่เขาจะกลับเมืองหลวง ก็มีการวัดคะเนดาราไว้จริงๆ ทำให้เขารู้สึกได้อย่างชัดเจน ว่าเขาควรจะออกจากยอดเขาโยวชิงเวลานั้น และไปถึงเมืองหลวงในวันนั้นเขาเจอกับจาวหนิงถอนหมั้นกลางถนนในวันนั้น แต่งงานกับนางในวันนั้น ตอนนี้พอมาคิดก็ดูจะเป็นคู่รักวาสนาที่ฟ้าประทานมาจริงๆเพื่อความแม่นยำครั้งนี้ เขาเองก็ไม่กังขากับการวัดคะเนดาราเซียวหลันยวนนั่งขัดสมาธิลงตรงหน้ามิติดาราทั้งสามชิ้น ยื่นมือไปทางเจ้าอาราม "ไข่มุกหมึก""เจ้าจำไว้ด้วยว่าต้องขจัดสิ่งรบกวนออก อย่าต่อต้านการชี้นำ" เจ้าอารามส่งไข่มุกหมึกให้เขา จากนั้นจึงจุดธูปขึ้นเซียวหลันยวนหลับตา สองมือกุมไข่มุกหมึกตอนที่เขาเข้าสู่สภาวะลืมตนอย่างสมบูรณ์ ฟู่จาวหนิงก็แหงนหน้ามองท้องฟ้าด้วยสัญชาตญาณ เหมือนจะพบว่าแสงดาวเต็มท้องฟ้าจะสว่างเจิดจ้ากว่าเดิมเซียวหลันยวน
เจ้าอารามถอนใจอย่างจนใจอีกครั้ง ร้องเรียกพวกเขาไว้"กลับมาก่อน ทำไมพูดไม่ถูกหูหน่อยเดียวก็จะไปแล้วล่ะ? เดี๋ยวนี้อารมณ์ขึ้นง่ายขนาดนี้เชียว? ข้าก็แค่พูดเฉยๆ ไม่ใช่ว่ามองเสี่ยวฟู่แบบนี้เสียหน่อย"ฟู่จาวหนิงเองก็ยืนนิ่ง นางดึงเซียวหลันยวนไว้ตอนนี้นางเองก็น่าจะมองการวัดคะเนดาราของเจ้าอารามเป็นเหมือนเกมลึกลับเกมนึง เมื่อครู่ที่เห็นการเปลี่ยนแปลงขององค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้น นางรู้สึกอยากรู้อยากเห็นมากยิ่งไปกว่านั้น ฟู่จาวหนิงรู้สึกว่าเจ้าอารามทำให้นางจับทางไม่ถูกเหมือนกัน คนผู้นี้ต้องมีตัวตนที่ไม่ธรรมดาสำหรับเซียวหลันยวนแน่นอนสำหรับฮูหยินเฉิง เซียวหลันยวนบทจะไม่ยอมรับก็ไม่ยอมรับได้ จะหมดความผูกพันนั่นก็หมดไป แต่สำหรับเจ้าอารามนั้นไม่ได้เด็ดขาดไม่เช่นนั้นคงไม่พานางเดินทางนับพันลี้มายอดเขาโยวชิงแค่เพราะคำๆ เดียวของเจ้าอารามหรอกนางเองก็อยากรู้มาก สาเหตุอะไรที่ต้องให้พวกเขามาทำนายชะตาอะไรนี่ เจ้าอารามคิดจะทำอะไรกันแน่นอกเหนือจากนี้ ตัวนางเองก็ยังอยากรู้ ว่าการที่นางมายังแคว้นเจานี่ เป็นเพราะมีพลังลึกลับอะไรหรือเปล่าถ้าไม่ทำให้ชัดเจน หลังจากนี้นางคงจะตั้งรับไม่ไหวองค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นถึ
เขามองไปทางเจ้าอารามอีกครั้ง น้ำเสียงเข้มงวดขึ้นมา"ท่านน้าเฉิงถ้าพูดแบบนี้จริง เช่นนั้นสายตานางก็ตื้นเขินไม่รู้จักกาลเทศะ นางเองก็ไม่เข้าใจจาวหนิง และยิ่งไม่เข้าใจว่าจาวหนิงผ่านอะไรมาบ้าง แล้วมีสิทธิ์อะไรถึงใช้ความคิดของตัวเองมาสรุป ดูท่าหลายปีนี้คงถูกเอาอกเอาใจในเมืองจื่อซวีจนเสียคนแล้วจริงๆ"เดิมทีเขาได้ยินว่าฮูหยินเฉิงตาแดงก่ำลงจากเขาไป ยังเคยคิดว่าว่าเพราะช่วยนี้เย็นชากับนางมากเกินไปหรือเปล่า เอาไว้ตอนที่จะกลับ พอผ่านอุทยานเขาเฉิงอวิ๋น ยังคิดจะเข้าไปบอกลานางเสียหน่อยแต่ตอนนี้เขารู้สึกแล้วจริงๆ ว่าใจคนมันพังไปแล้ว เช่นนั้นก็ยากที่จะได้รับการเคารพจากคนอื่นจริงๆ"ข้าจดจำได้ว่าตอนที่ข้ายังเล็กท่านน้าเฉิงเคยมาดูแลอยู่หลายครั้ง แต่อันที่จริงพวกเราก็ไม่ได้สนิทกันขนาดนั้น หลังจากข้าโตมา พวกเราก็เจอกันน้อยครั้งมาก เจอกันก็เพียงแค่ทักทาย ข้าเรียกนางว่าท่านน้า ก็เพราะเคยชินมาจากตอนเด็กเท่านั้น"เซียวหลันยวนตอนพูดถึงจุดนี้น้ำเสียงก็เย็นลงมา"ตอนยังเล็กนางดูแลข้ามาหลายครั้ง ส่วนหนึ่งเป็นเพราะอาเจ้าอุทยานกำชับไว้ ข้าจึงเคารพนาง แต่นางก็ควรวางตัวให้ถูก ไม่ใช่จะขึ้นมาเป็นผู้อาวุโสของข้าจริ
สายตาที่องค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นมองเซียวหลันยวนดูซับซ้อนมาก ดูลังเล กำลังตัดสินใจและดูเจ็บปวดทรมานมากแต่หลังจากนี้นางกลับละทิ้งเรื่องที่จะกลับเมืองหลวงหาคนอื่นหรือกระทั่งเรื่องไปแคว้นหมิ่น แล้วิคดจะอยู่ข้างกายเจ้าอารามแทนหรือ?นี่มัน...ฟู่จาวหนิงพูดไม่ออกไปชั่วขณะ ไม่รู้ว่าการเปลี่ยนความคิดกะทันหันของนางมันเกิดขึ้นมาได้อย่างไรตอนนี้นางกลับรู้สึกอยากรู้อยากเห็นต่อวัดคะเนดารานี้เสียแล้ว องค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นสัมผัสได้ถึงอะไรกันนะ?"องค์หญิงใหญ่พักอยู่ที่นี่สองสามวันก่อนก็ได้ เอาไว้ค่อยว่ากัน"เจ้าอารามเหลือบมองกระจกทรงมุมที่แสงดับไปแล้วผาดหนึ่ง จากนั้นก็มองใบหน้าองค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้น แอบถอนหายใจในใจเขาเองก็ทำไม่สำเร็จ บิดชะตาฝูอวิ้นกลับมาไม่ได้ชั่วคราวผิดพลาดตรงไหนกันแน่นะ?เจ้าอารามมองต่อไปทางฟู่จาวหนิง จากการทำนายส่วนตัวของเขา ทำนายไปทำนายมา ต้นกำเนิดตัวแปรทั้งหมดก็คือฟู่จาวหนิงดังนั้น เรื่องที่เกี่ยวกับฟู่จาวหนิง เขาต้องมาขบคิดให้ดีจริงจัง""เจ้าอารามรับข้าไว้เถอะ แม้ข้าจะทำอะไรไม่เป็นเลย แต่ก็ยังเรียนรู้ได้ ข้าเรียนรู้ทำกับข้าว จริงด้วย ข้าเป็นแแม่สื่อได้ด้วยนะ หลังจากนี้ชายเส
บนพื้นมีสามจุดเปล่งแสงขึ้นรางๆ ปรากฏรูปร่างสามแบบคือ แปดเหลี่ยม ทรงกลม ทรงมุมฟู่จาวหนิงเดินเข้าไปสองก้าว จึงพบว่านั่นเป็นกระจกหลากสีเรียบลื่นสามชิ้นสลักฝังอยู่บนพื้น ใต้กระจกน่าจะเป็นหินหยกผิวเรียบ และระหว่างหยกกับกระจกมีของเหลวสีแดงเจือสีเงินไหลเอื่อยๆ อยู่ยิ่งไปกว่านั้น เพียงไม่นาน ด้านบนยังมีแสงระยิบเหมือนดวงดาว ราวกับจำลองท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยแสงดาวออกมาเจ้าอารามเดินเข้าไปใกล้ กวักมือให้กับองค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้น"มานี่"องค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นก็ค่อนข้างว่าง่าย เดินเข้าไปทันทีเจ้าอารามส่งลูกปัดหยกสีดำเม็ดหนึ่งให้นาง"นั่งขัดสมาธิ กำลูกปัดเม็ดนี้ไว้ สัมผัสดูว่ามันนำเจ้าไปยังมิติดาราไหน แล้วจงชี้ออกมา"องค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นไม่ค่อยเข้าใจ แต่ก็ทำตามที่เขาบอกนั่งลงขัดสมาธิบนพื้น สองมือกุมลูกปัดนั้น ตั้งสมาธิสัมผัสผ่านไปครู่หนึ่ง นางจึงหันหลังอย่างลังเลไปทางทรงมุมนั้น"ทางนี้"ฟู่จาวหนิงยืนมองอยู่ข้างๆจากที่นางเห็น เจ้าอารามเหมือนคนที่กำลังเล่นละครหลอกคนอย่างไรอย่างนั้น เรื่องแบบนี้จะทำนายดวงชะตาออกมาได้อย่างไร?กำลูกปัดลูกหนึ่งไว้ ก็สามารถชักนำให้ตนเองเลือกกระจกหลากสีแผ่นไหนแบ
ดาวสองดวงนั้นประกายจ้ามาก แล้วยังอยู่ใกล้มากด้วย ส่องประกายให้กันและกัน เหมือนขานรับกันและกันไม่รู้เพราะอะไร พอเห็นดาวสองดวงนี้ ฟู่จาวหนิงรู้สึกมีความสุขขึ้นมานางมองไปทางเซียวหลันยวน ถามขึ้นเสียงแผ่วเบา "ท่านเห็นดาวดวงไหนหรือ?"เซียวหลันยวนไม่ตอบ แต่กุมมือนางมัน จับนิ้วนางชี้ออกไป"เอ๋?"ที่เซียวหลันยวนชี้ก็คือดาวสองดวงนั้น!หรือพวกเขาจะมองเห็นแบบเดียวกัน?แน่นอนว่าอาจจะเพราะดาวสองดวงนั้นสว่างไสวมากที่สุด คนอื่นเองก็อาจจะมองเห็นพวกมันด้วยฟู่จาวหนิงคิดเช่นนี้ เลยมองไปทางองค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้น แต่กลับเห็นนางมองไปทางอื่นนางมองไล่ตามสายตาองค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นไป ตรงนั้นมีดาวดวงหนึ่ง สว่างอยู่เหมือนกัน แต่ดาวที่อยู่รอบๆ เล็กเอามากๆ จึงส่องระยับอยู่เพียงดวงเดียวที่องค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นมองอยู่น่าจะเป็นดวงนั้นกระมัง?ตอนที่นางจะเก็บสายตาก็กวาดไปเห็นซางจื่อพอดี และเห็นซางจื่อก็กำลังมองท้องฟ้า แต่สายตาของเขาดูสับสน สีหน้าเองก็ตกตะลึงไปฟู่จาวหนิงคิดๆ ถอยหลังสองก้าวไปอยู่ข้างๆ ซางจื่อซางจื่อเก็บสายตากลับ มองไปทางนาง ไม่เข้าใจว่าทำไมจู่ๆ นางก็มาอยู่ข้างๆ"ซางจื่อ เจ้าชอบดาวดวงไหน?"ซา
"แต่ก่อนท่านเคยเห็นเขาระบำมาก่อนไหม?""ไม่มีเคยเลย"ตอนที่พวกเขาหยุดเท้ายืนมอง องค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นก็มาถึงข้างกายพวกเขานางเองก็มองการร่ายรำบนแท่นชมดาว สายตาดูเคลิบเคลิ้มหน่อยๆ"ข้าได้ยินว่า แต่ก่อนตงฉิงก็มีระบำทำนายดวงดาวอยู่ประเภทหนึ่ง คิดค้นขึ้นมาโดยตระกูลราชครูตงฉิง นี่เป็นระบำที่ลึกลับมาก จังหวะก้าวเท้าทุกก้าวล้วนพิถีพิถัน นำมาซึ่งพลังแห่งดวงดาว ทำให้ผู้ทำนายดวงดาวมีพลังที่ลึกลับมากขึ้น ผลลัพธ์การทำนายเองก็แม่นยำขึ้น"องค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นเองก็ลืมสิ่งที่เซียวหลันยวนพูดไว้เมื่อครู่ เรื่องที่ไม่ให้นางเข้ามาใกล้นัก แต่มายืนอยู่ข้างกายพวกเขา พูดเรื่องที่ตนเองรู้มาก่อนหน้านี้ออกมาอย่างอดไม่อยู่"ตระกูลราชครูของตงฉิง?" ฟู่จาวหนิงเหลือบมองนางผาดหนึ่ง"ใช่ นี่เป็นสิ่งที่ข้าได้ยินองค์จักรพรรดิของข้าบอกมา" องค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นพอเห็นว่านางยอมพูดกับตนเอง ก็รู้สึกเหมือนได้รับเกียรติจนประหลาดใจขึ้นมา "ยิ่งไปกว่านั้นข้าก็ได้ยินว่าองค์จักรพรรดิข้าค้นหาตระกูลราชครูตงฉิงอยู่ตลอด ว่ากันว่า ตระกูลราชครูนั้นรู้ความลับมากมายของตงฉิง สามารถช่วยให้อาณาจักรมั่นคงได้ด้วย"เซียวหลันยวนร้องเฮอะขึ้นมาต้