เสียงของเซียวหลันยวนดังลอดเข้ามาจากด้านนอก"ฝึกทหารมาปกป้องพี่สาวเจ้าหรือ? ปณิธานกว้างไกลเสียจริง"เซียวหลันยวนที่ไอเย็นวาบทั้งตัว คลุมด้วยผ้าคลุมขนจิ้งจอกขาว ยืนอยู่หน้าประตูเขามองมายังปู่หลานทั้งสามคนในห้อง ไม่เดินเข้ามาในใจเขาจะมากน้อยยังรู้สึกสับสนอยู่เห็นๆ อยู่ว่าเขากับฟู่จาวหนิงแต่งงานกันแล้ว เขาเป็นสามีของนาง ถึงอย่างไรเขาก็เป็นอ๋องของแคว้นเจานะ ในมือยังมีองครักษ์เงามังกรอยู่ด้วย แต่ปู่หลานตระกูลฟู่นี่กลับไม่นับเขาเข้าไป ยังคงรู้สึกว่าฟู่จาวหนิงเป็นหญิงสาวโดดเดี่ยวไร้ที่พึ่งพาอีกหรือ?ความรู้สึกนี้ทำให้เขารู้สึกพ่ายแพ้หน่อยๆฟู่จาวหนิงมีเขาคอยคุ้มครองไม่ได้หรือไรกัน?ผู้เฒ่าฟู่พอได้ยินเสียงของเขาก็รีบใช้ชายเสื้อเช็ดน้ำตาทันที ยืดหลังตรง น้ำเสียงสงบลงอย่างชัดเจน"เรื่องนี้ต้องขอบคุณอ๋องเจวี้ยน ตระกูลฟู่ซาบซึ้งอย่างเหลือคณา"ผู้เฒ่าคนนี้ คิดจะขีดเส้นชัดเจนกับเขาหรือ? มาพักถึงในจวนอ๋องเจวี้ยนแล้วแท้ๆ แต่ยังจะมาเกรงอกเกรงใจแบบนี้อีก?นิสัยนี้ไม่น่ารักเอาเสียเลยน้ำเสียงเซียวหลันยวนเองก็เรียบนิ่ง "ท่านผู้เฒ่าเกรงใจไปแล้ว หนิงหนิงเป็นภรรยาของข้า พวกท่านเองก็เป็นครอบครัว
เซียวหลันยวนพูดกับเขาว่า "แต่ว่าจดหมายที่เจ้าเขียน จะต้องส่งเข้าวังผ่านตาองค์จักรพรรดิเสียก่อน ดังนั้นจะเขียนอะไรเจ้าต้องคิดให้ดี"ราชาเฮ่อเหลียนจะฟังคำของเขาไหม นี่ก็ยังพูดลำบาก"ขอรับ"ฟู่จาวเฟยอารมณ์ก็เหมือนจะหมดอาลัยตายอยากขึ้นมา ผู้เฒ่าฟู่ตบลงบนบ่าเขา "ไป ปู่จะไปเขียนจดหมายกับเจ้า""ขอรับ"พวกเขาตอนที่ผ่านข้างตัวเซียวหลันยวน ผู้เฒ่าฟู่ก็ยืนนิ่ง เอ่ยกับเซียวหลันยวนว่า "ขอโทษด้วยจริงๆ พวกเราปู่หลานสองคนอาจจะต้องอยู่ในจวนอ๋องเจวี้ยนอีกสักวันสองวัน"เรื่องราวยังไม่ได้จัดการเสร็จสิ้น เขาเองก็ไม่อยากให้ฟู่จาวหนิงต้องวิ่งไปวิ่งมาสองด้าน เเขาเองก็ปวดใจ ดังนั้นทางที่ดีคือให้พวกเขาพักอยู่ในจวนอ๋องเจวี้ยนไปก่อน จาวหนิงเองก็จะได้พักฟื้นอย่างวางใจด้วย"ไม่เป็นไร พักเถิด" เซียวหลันยวนเองก็ตอบกลับเสียงเรียบ"อืม เช่นนั้นก็ขอบใจมาก"รอจนผู้เฒ่าฟู่กับฟู่จาวเฟยออกไป เซียวหลันยวนจึงปลดหน้ากากลง มองฟู่จาวหนิง สีหน้าดูน้อยเนื้อต่ำใจอย่างชัดเจน"วันนี้ในวังเกือบจะลงไม้ลงมือกับจักรพรรดิเสียแล้ว เขาคิดจะส่งข้าเข้าคุกด้วย"พรวด"เกิดอะไรขึ้น?" ฟู่จาวหนิงเกือบจะสำลักดังนั้นเขาถึงหายไปครึ่งค่อ
เซียวหลันยวนมองฟู่จาวหนิงครั้งนี้นางเป็นห่วงเขาอย่างจริงจัง"เป็นห่วงขนาดนี้เลยหรือ?""ท่านพูดอะไรน่ะ?" ฟู่จาวหนิงไม่ชินกับท่าทีอุบไว้แบบนี้ของเขาเอาเสียเลย"อันที่จริงก็ง่ายมาก ข้าก็พูดออกไปตรงๆ ว่าข้าจะพาเจ้าออกไปยังที่ห่างไกลรอบหนึ่ง ถึงตอนนั้นผู้เฒ่าฟู่กับฟู่จาวเฟยจะอยู่ในเมืองหลวง ถ้ามีการเคลื่อนไหวอะไรองค์จักรพรรดิก็จะรู้ได้""ง่ายๆ แค่นี้หรือ? แล้วเขาก็ปล่อยท่านออกมาน่ะนะ?"ฟู่จาวหนิงรู้สึกเกินคาด"อืม เจ้าไม่ค่อยรู้จักองค์จักรพรรดิดีน่ะสิ" เซียวหลันยวนเอ่ยขึ้น "เขาตอนนี้มีความทุกข์ใจอยู่เรื่องหนึ่ง ก็คือไท่ซ่างหวงทิ้งอะไรไว้ให้ข้ากันแน่ ในมือข้ามีองครักษ์เงามังกร เขาจะบีบให้ข้าเอาสิ่งยืนยันทั้งสามชิ้นออกมาก็ไม่ได้ แล้วครั้นจะแย่งชิงตรงๆ เขาก็ยังต้องรักษาหน้าตาไว้อีก""ดังนั้นพอบอกว่าจะออกเดินทางไกล เขาก็รู้ว่าท่านจะไปหาสิ่งที่ไท่ซ่างหวงทิ้งไว้ให้กับท่าน""ถูกต้อง เขาไม่มีทางขวางข้าแน่ ข้าบอกว่าข้าจะไปกับเจ้า แน่นอนว่าเขาไม่มีทางกักบริเวณเจ้าไว้ เพราะเขาเองก็รู้สึกว่า ถึงอย่างไรเขาก็ต้องส่งคนให้ลอบตามไปอยู่แล้ว นั่นก็ไม่แตกต่างอะไรกับคอยจับตาดูเจ้า"ฟู่จาวหนิงเข้าใจขึ
"จะว่าไป เสี่ยวเฟยอยู่ที่เมืองหลวง ข้าเองก็ไม่ค่อยว่างใจนะ เจ้าก็ออกไปข้าก็ออกไปด้วย เหลือเด็กไว้แค่คนเดียวเจ้าว่ามันได้หรือ?"ฟู่จาวเฟยลังเลขึ้นมา เอ่ยกับเขาต่อว่า "ท่านปู่ ข้าแค่คนเดียวก็ไม่เป็นไรหรอก ไม่ใช่ว่ายังมีพวกน้าเซี่ยอยู่ด้วยหรือ?""ข้าเองก็ไม่วางใจ ถึงตอนนั้นคนอยู่ภายนอก หัวใจบินกลับมาทุกวัน เอาแต่กังวลอยู่ตลอดแบบนี้ก้ไม่มีดีกับสุขภาพอีก จาวหนิงเจ้าว่าใช่ไหมล่ะ?"ฟู่จาวหนิงถูกผู้เฒ่าฟู่กล่อมคัดค้านกลับมาแล้วก็เป็นเช่นนั้นจริงๆเขาออกเมืองหลวงไปด้วยไม่ใช่ตัวเลือกที่ดี"วางใจเถอะ รอให้เจ้ากับอ๋องเจวี้ยนออกจากเมืองหลวงก่อน ข้ากับเสี่ยวเฟยจะอยู่แต่ในบ้านทุกวัน ไม่ออกไปไหน ไม่พบหน้าใคร ไม่ก่อเรื่อง และไม่ให้โอกาสใครมาก่อเรื่องด้วย จะรอพวกเจ้ากลับมาเงียบๆ เชื่อว่าองค์จักรพรรดิเองก็คงไม่เอาข้าไปทำอะไรก่อนที่พวกเจ้าจะกลับมาหรอก"ผู้เฒ่าฟู่ตบลงไปบนบ่าฟู่จาวหนิงเบาๆ"เจ้าก็อย่ากังวลพวกข้านักเลย เจ้าลองคิดดู ตั้งหลายปีมานี้ พวกเราพวกเราก็เดินดินอยู่ใต้แผ่นฟ้า ใช้ชีวิตอยู่ใต้หนังตาองค์จักรพรรดิ แล้วเขาทำอะไรไหม? วางใจได้แล้ว"ฟู่จาวหนิงถอนหายใจ"เช่นนั้นก็ฟังท่านปู่แล้วกัน"
"ไม่รู้ว่าท่านลุงครั้งนี้จะเจออุปสรรคมากไหม"ฟู่จาวหนิงส่งเสิ่นเสวียน กลับไปบนรถม้าพร้อมเซียวหลันยวน แต่ก็ยังกังวลอยู่บ้าง"เขารับมือได้ ไม่ต้องกังวลจนเกินไปหรอก""หลักๆ คือสุขภาพเขายังไม่ได้ดีขึ้นอย่างสมบูรณ์""เจ้าไม่ใช่ว่าให้ยาไปตั้งมากมายแล้วหรือ? ยิ่งไปกว่านั้น เขายังทิ้งองครักษ์อีกหกคนให้ติดตามมา ถึงตอนนั้นเจ้าสกัดยาแล้วให้พวกเขาส่งไปก็ยังได้"เสิ่นเสวียนเองก็ทิ้งองครักษ์วิชายุทธ์ยอดเยี่ยมไว้ให้ฟู่จาวหนิงถึงหกคน พอบวกกับคนคุ้มครองเรือนที่ตนเองพามาอีกสองคน และยังมีเฉินซานอีก นางก็มีคนแล้วถึงเก้าคนเสิ่นเสวียนคิดอะไรอยู่เขาเองก็เข้าใจแค่ให้ข้างกายฟู่จาวหนิงมีคนอยู่ ไม่ใช่เอาแต่พึ่งพาเขา เช่นนี้นางก็จะยิ่งมีการรับประกัน และรู้สึกปลอดภัยมากยิ่งขึ้นหรือก็คือ เขายังไม่ถูกเชื่อมั่นอย่างสนิทใจนั่นเองแต่ว่าเซียวหลันยวนเองก็ไม่สนใจที่เขาโดนวางยาพิษตอนเด็กในครั้งนั้น ก็มีการยืนยันจากปากผู้บัญชาการกองธงมู่แล้วว่าเกี่ยวข้องกับลัทธิเทพทำลายล้างช่วงนี้พวกเขาเองก็ตรวจสอบฮูหยินอาวุโสโหวจวิ้นอันกับคนข้างกายนางแล้ว ที่บังเอิญก็คือ สาวใช้ที่ติดตามฮูหยินอาวุโสเข้าวังในตอนนั้น หรือก็คื
ดังนั้นเขาจึงคิดจะให้คนเหล่านี้ตามไปจนถึงที่นี่ก่อนค่อยว่ากัน"หุบเขาซานชิง?"ฟู่จาวหนิงขมวดคิ้ว "นั่นไม่ใช่ว่าอันตรายมากหรอกหรือ? ท่านคิดจะใช้ตนเองเป็นเหยื่อล่อพวกเขา?"เขาอยากจะบีบคนที่คิดจะลงมือพวกนั้นให้ลงมือหรือ? จัดการทิ้งไปด้านหนึ่งก่อนแบบนี้?แต่จะยืนยันได้อย่างไรว่ามีแค่ฝ่ายเดียวที่ลงมือ? ถ้าเผื่อพวกกลุ่มสำนักอื่นพวกนั้นลงมือขึ้นมาพร้อมกันด้วยล่ะ? พวกเขาเองก็อันตรายมากด้วยเช่นกัน"ข้าไม่สามารถลงมือจัดการพวกเขาทิ้งได้ทันที ยิ่งไปกว่านั้นยังเปลืองแรงมากด้วย" เซียวหลันยวนอธิบายกับนาง "ดังนั้นจึงจะให้โอกาาสลงมือที่เหมาะสมกับพวกเขาสักครั้ง จากนั้นค่อยควานหาตัวปลาในน้ำขุ่น ให้พวกเขามาอยู่ด้วยกันแล้วตีกันเอง"ฟู่จาวหนิงตาเป็นประกาย ตอนนี้เข้าใจความหมายของเขาแล้ว"ท่านจะให้พวกเขามากัดกันเองหรือ?""กัดกันเอง?" เซียวหลันยวนยิ้มขึ้นมา "คำพูดนี้ใช้ได้เหมาะสมจริงๆ ใช่ ให้กัดกันเอง แล้วถ้าดวงดีหน่อย ไม่แน่อาจจะจัดการพวกเขาทิ้งได้ในคราวเดียวเลย"ฟู่จาวหนิงสนใจขึ้นมา "จะจัดการพวกเขาในครั้งเดียวก็ไม่ใช่จะทำไม่ได้ ใช้ยาเป็นอย่างไร!""อื๋อ? เจ้ามีพอใช้กับคนมากขนาดนี้เลยหรือ?"ทำไมจะไม
เซียวหลันยวนรู้มาตลอดว่าพิษที่ตนเองติดมานี้มีภัยถึงชีวิตเพียงแต่หลายปีมานี้เขาก็คอยให้คนออกไปค้นหาวัตถุดิบยา หาหมอไปทั่วมาโดยตลอด ท้ายสุดพอมาเจอกับฟู่จาวหนิง และได้รับเลือดกวางกับไหมใจโลหิตมา นางก็จัดการสะกดพิษตัวนี้เอาไว้ให้กับเขาถ้าไม่มีนาง เขาตอนนี้คงจะทนไม่ไหวไปแล้ว คงได้นอนแผ่อยู่บนเตียงลุกไม่ขึ้น ไม่สามารถออกไปไหนมาไหนได้อย่างแน่นอนแต่ว่าพิษนี้ก็ยังไม่มีทางแก้ ตอนนี้ทำได้เพียงยืดเวลาออกไปเท่านั้นเขาไม่คิดว่าตนเองจะไม่เป็นไรจริงๆ ถึงอย่างไรแผลเป็นพิษใบหน้าแผลนั้นก็ยังอยู่มาโดยตลอด ยิ่งไปกว่านั้นช่วงนี้ก็เหมือนจะหนักข้อขึ้นด้วยแผนเป็นพิษนั้นลามกว้างแล้ว ตอนนี้มาถึงกลางใบหน้าเรียบร้อยยิ่งไปกว่านั้นก่อนหน้านี้เขาสวมหน้ากากไว้ตลอดยังพอได้ แต่ตอนนี้ช่วงเวลาสวมหน้ากากก็สั้นลงเรื่อยๆ พอสวมไว้นานหน่อยแผลเป็นพิษก็จะคันขึ้นมา คันเอามากๆยังดีที่ช่วงนี้พวกเขาออกมาจากเมืองหลวง กำลังเร่งระยะทาง ตอนอยู่บนรถม้าเขาก็เจอแค่ฟู่จาวหนิงเท่านั้นจึงสามารถปลดหน้ากากลงได้แต่พอเข้าเมือง ผ่านพวกหมู่บ้าน เขาก็ยังต้องสวมมันขึ้นมาถ้าผ่านไปอีกช่วงหนึ่ง แผลเป็นพิษนี้คงจะขยายไวขึ้นไปอีก สีกับลวด
"ถ้าหากจะปกป้องชีวิตข้าเช่นนี้จริงๆ ก็ใช้ใบหน้าเถอะ"เซียวหลันยวนแม้ว่าในใจจะเจ็บปวด แต่เขาไม่ใช่คนอ่อนแอแบบนั้น ตัดสินใจออกมาทันที"ยอมให้ใบหน้านี้ยับเยินไป ก็ยังดีกว่าทำให้ข้าเดินไม่ได้ไปตลอดชีวิต" เซียวหลันยวนอธิบาย "ขอแค่ข้ายังขยับตัวได้อย่างอิสระ เผื่อถ้าเจ้าต้องการให้ข้าช่วยอะไร ข้าก็ยังช่วยเหลือได้ทันท่วงที"ถึงอย่างไร เขาก็ยังสวมหน้ากากไปหานางได้ฟู่จาวหนิงฟังคำพูดเขาแล้วรู้สึกแปลกๆด้วยระยะห่างระหว่างพวกเขา เขาต้องมาหาอย่างทันท่วงที?ความหมายของคำพูดเขา ก็คือหลังจากนี้พวกเขาจะไม่อยู่ด้วยกันแล้วหรือ?"เซียวหลันยวน ท่านหมายความว่าอย่างไร?""ข้าก่อนหน้านี้อันที่จริงก็เจอกับหมอเทวดาหลายคนในงานประชุมหมอใหญ่" เซียวหลันยวนเอ่ยขึ้น "พวกเขาเคยหารือกันแล้ว ถ้าหากติดไปแล้วพักหนึ่งก็จะแก้ไม่ได้ สามารถใช้ยาผสานเข้ากับกำลังภายใน บีบให้มาอยู่ที่ขาทั้งสอง เช่นนี้ขาทั้งสองจะใช้การไม่ได้ เดินเหินก็ไม่ได้ แต่รักษาชีวิตไว้ได้"ฟู่จาวหนิงขมวดคิ้ว"ดังนั้น ถ้าหากมีวันหนึ่งเจ้าต้องการจะรักษาชีวิตข้าไว้เช่นนี้ ก็อย่าเลือกข้อนี้เลย""เขาไม่อยากกลายเป็นขยะที่ต้องนั่งอยู่แต่ในรถเข็นยืนไม่ขึ้น
พระชายาเยว่รู้สึกว่า แม่นมเยว่อดทนอยู่ในวังมายี่สิบปี คงวางแผนงานใหญ่อะไรอยู่นางถึงแม้จะเคยเห็นฝีมือแม่นมเยว่มาบ้างแล้ว แต่ก็ยังรู้สึกว่าแม่นมเยว่เองก็ไม่ได้มีฝีมือมากขนาดนั้น ถ้าหากนางร้ายกาจจริง จำเป็นต้องมาซุ่มอยู่ในวังหลวงยี่สิบปี แต่ก็ยังทำเรื่องไม่เสร็จแบบนี้หรือ?แม่นมเยว่น่าจะเป็นยอดฝืมือในการใช้ยา ยิ่งไปกว่านั้นยังยอดเยี่ยมในด้านการสกัดยาชนิดนั้น ยาที่ไม่ใช่เรื่องที่น่าภูมิใจเท่าไร ถึงอย่างไรก็ทำให้แค่ผู้ชายมีความสุขล่องลอยได้มากเท่านั้น ทำเรื่องใหญ่โตอะไรให้สำเร็จไม่ได้ตอนนี้ นางได้รับความโปรดปรานจากองค์จักรพรรดิแล้ว ยังต้องคอยฟังแม่นมเยว่อยู่อีกหรือ?แต่ถ้าแม่นมเยว่ก็มีวิธีการที่จะให้องค์จักรพรรดิรับมือกับอ๋องเจวี้ยนจริงล่ะ?จะว่าไป ยาชนิดนั้นของแม่นมเยว่ ถ้าหากใช้กับอ๋องเจวี้ยน ไม่รู้ว่าจะมีประสิทธิผลไหมชั่วขณะหนึ่ง พระชายาเยว่คิดไปร้อยแปดจากนั้นนางก็ไปที่ครัวเล็ก ลงมือทำของว่างขึ้นมาถาดหนึ่ง เปลี่ยนเสื้อผ้า แต่งเนื้อแต่งตัวอย่างประณีต ยกของว่างเข้าไปในห้องหนังสือหลวงองค์จักรพรรดิเพิ่งฟังรายงานลับจบเขาให้คนจับตาดูคอยจับตาดูการเคลื่อนไหวของคนหลายคนในเมืองหลวง
"จุ๊ๆ เรื่องนี้..." พระชายาเยว่คิดๆ ยังไม่รู้จะจัดการอย่างไรก่อนดีชั่วคราว"เจ้ากลับไปอยู่ข้างๆ เฉินฮ่าวปิงก่อนแล้วกัน คอยจับตาดูนางไว้ มีเรื่องอะไรก็มาบอกกับข้า" พระชายาเยว่รู้สึกว่าตอนนี้ใช้งานชิวอวิ๋นไปก่อนแล้วกัน ถึงอย่างไรนางก็ไม่มีตัวเลือกอื่นแล้ว"่เจ้าค่ะ"รอจนชิวอวิ๋นออกไป พระชายาเยว่ก็เรียกคนเข้ามาคนคนนี้ดูแล้วปกติดี แต่ว่าการเดินเหินในวังนั้นไม่ถูกใครสังเกตหรือสนใจเลยเป็นแม่นมที่หน้าตาธรรมดาคนหนึ่ง"แม่นมเยว่ เมื่อครู่เจ้าได้ยินแล้วใช่ไหม?"แม่นมเยว่คนนี้ก้มหน้าต่ำเล็กน้อย เอ่ยขึ้นน้ำเสียงราบเรียบ"ได้ยินแล้วพะย่ะค่ะ""เรื่องนี้ ควรจะเผยกับองค์จักรพรรดิไหม?""ได้พะย่ะค่ะ""แต่ถ้าองค์จักรพรรดิรู้ อาจจะกริ้วอย่างรุนแรงได้ อ๋องฉยงที่มีความคิดไม่ดีกับพระชายาอ๋องเจวี้ยน เรื่องนี้ถ้าลือออกไปจะไม่ดีกับราชวงศ์""เรื่องนี้มีประโยชน์กับการที่พวกเราจะสืบค้นระดับความอดทนของจักรพรรดิต่ออ๋องฉยงได้ว่าอยู่ที่ไหน เพราะอะไรอ๋องฉยงจึงยังอยู่ในเมืองหลวง เรื่องนี้ยังต้องตรวจสอบให้ชัดเจน""เนื้อหาการคุยกันของอ๋องฉยงกับองค์จักรพรรดิทำไมจึงเปิดเผยไม่ได้" พระชายาเยว่ถอนหายใจ"ดังนั้น
"อะไรนะ?!"พระชายาเยว่พอได้ยินประโยคนั้นของชิวอวิ๋น ทิ้งมารยาทอะไรไปเกือบหมดจนแทบกระโจนขึ้นมา"เจ้าอย่ามาพูดมั่วซั่วนะ! ถ้าให้คนอื่นได้ยินข้าเองก็ช่วยเจ้าไม่ได้!"อันที่จริงนางเองก็ไม่อยากได้ชิวอวิ๋นแล้ว ดูแล้วเหมือนทำเรื่องอะไรก็ไม่สำเร็จ ไร้ประโยชน์สิ้นดีแต่ว่าตอนนี้พอได้ยินชิวอวิ๋นพูดประโยคนี้ออกมา ก็ทำเอานางลืมเรื่องที่จะโยนชิวอวิ๋นทิ้งไปทันที"เป็นเรื่องจริง พระชายา เรื่องนี้ถ้าไม่ได้ยินเองกับหู ข้าน้อยจะกล้าแต่งขึ้นมาได้อย่างไรกัน?" ชิวอวิ๋นรีบพูด"อ๋องฉยงชอบพระชายาอ๋องเจวี้ยนรึ?""พะย่ะค่ะ ตอนที่ออกมาจากวังราชนิเวศน์ ข้าไปเจอที่หน้าประตูใหญ่"พระชายาเยว่คิดถึงใบหน้า รูปร่างของฟู่จาวหนิง ก็ไม่ใช่ว่าจะไม่เชื่อ"ได้ยินว่าอ๋องฉยงเป็นพวกชื่นชอบสาวงาม ไม่เช่นนั้นพระชายาอ๋องฉยงคงไม่คุมเขาไว้อย่างเข้มงวด ราวกับอยู่ในคุกแน่นอน"เพราะพอหย่อนยาน ไม่ทันระวังหน่อย อ๋องฉยงก็อาจจะไปหลับนอนกับสาวสวยคนไหนแล้วก็คอยเลี้ยงไว้ด้านนอกแต่พระชายาอ๋องฉยงเข้มงวดเสียขนาดนั้นแล้ว อ๋องฉยงก็ยังมีอวิ๋นจูกับเฉินฮ่าวปิงลูกนอกสมรสสองคนนี้ได้ที่โตแล้วมีอยู่สองคน แล้วที่ยังไม่โตล่ะ? อธิบายได้ว่าอ๋อง
"ข้าต้องการวัตถุดิบยาเหล่านี้เดิมทีก็จะให้นางส่งไปที่เมืองเจ้อ แล้วนางปฏิเสธเอง เดิมทีนี่เป็นความคิดของข้า! ท่านบอกว่าข้ารับมือไม่ไหว นางเองก็ไม่ใช่ว่าพึ่งพาคนอื่นหรือ ก็แค่เพราะนางแต่งงานกับอ๋องเจวี้ยนที่มีอำนาจ! ท่านให้นางเอาอ๋องเจวี้ยนให้ข้าสิ! ถ้าหากข้าเป็นพระชายาอ๋องเจวี้ยน ข้าเองยังทำได้ดีกว่านางเสียอีก!"ต่งฮ่วนจือถูกเสียงแหลมของนางแผดใส่จนปวดหูไปหมดแล้วเขามองอย่างตกตะลึงไปทางเฉินฮ่าวปิง ก่อนหน้านี้ไม่เคยรู้มาก่อนว่านางเป็นคนแบบนี้"เจ้าคิดว่าที่ศิษย์น้องหญิงมีความสามารถขนาดนี้ เป็นเพราะแต่งงานกับอ๋องเจวี้ยนหรือไรกัน?""แล้วไม่ใช่หรือ? นางก็แค่พึ่งพาอ๋องเจวี้ยนเหมือนกัน ด้านหลังมีต้นไม้ใหญ่ให้พักพิงร่มเย็น! ถ้าหากไม่ใช่อ๋องเจวี้ยน ตอนนั้นที่นางถอนหมั้นกับรัฐทายาทเซียวไปก็คงจะเอาตัวไม่รอดแล้ว ต่อมานางจะได้ไปฝากตัวเป็นศิษย์เรียนหมอจนเข้าพันธมิตรโอสถได้อย่างไรกัน?!"ต่งฮ่วนจือมองนางลึกๆ ส่ายหัวถอนหายใจ"บนโลกนี้ไม่มีรัฐทายาทเซียวอีกแล้ว"ขนาดรัฐทายาทเซียวไม่อยู่แล้ว ก็ยังไม่รู้หรือ?"ช่างเถอะ วันนี้เจ้าเป็นท่านหญิงไปแล้ว ข้าก็แค่ประชาชนธรรมดา ช่วยอะไรไม่ได้หรอก ขอตัวแค่นี้
พอเห็นสีหน้าเฉินฮ่าวปิง ใจของต่งฮ่วนจือก็เย็นลงมาทันทีทั้งที่รู้ความสัมพันธ์ระหว่างเขากับฟู่จาวหนิงแล้วแท้ๆ แต่ว่าตอนนี้ เฉินฮ่าวปิงก็ยังใช้ประโยชน์จากเขา คิดจะให้เขาขัดขวางศิษย์น้องหญิงต่อให้เป็นเรื่องที่เหลวไหลแบบนี้ นางก็ยังพูดออกมาโดยไม่หนักใจ แล้วขอให้เขาทำตามสิ่งที่นางต้องการต่งฮ่วนจือมองไปทางฮูหยินเฉิน เขายังดูคาดหวังอยู่ถึงอย่างไรฮูหยินเฉินก็เป็นผู้ใหญ่แล้ว น่าจะรู้จักขอบเขตบ้างกระมัง?"เจ้าเองก็คิดแบบนี้หรือ? จะให้ข้าเก็บวัตถุดิบยาไว้จนกว่าฮ่าวปิงจะรวมเงินได้?"ฟังเอาเถอะ เขาพูดซ้ำออกมาอีกรอบหนึ่งก็ยังรู้สึว่าเป็นเรื่องไร้สาระเลยฮูหยินเฉินขมวดคิ้ว มองนางด้วยสายตาเศร้าๆแต่ก่อนพอเห็นสีหน้าเช่นนี้ของนาง ต่งฮ่วนจือก็จะรู้สึกปวดใจ อยากจะปกป้องนางขึ้นมา เขารู้ ว่านางเป็นผู้หญิงอ่อนแอคนหนึ่ง มีลูกสาวติดหนึ่งคน คอยหนีคนตามล่าอยู่ตลอด มันลำบากแค่ไหนถ้าหากเป็นไปได้ เขาเองก็อยากจะยืนบังลมบังฝนให้นาง เพราะแรกสุดเขารู้สึกชื่นชมนาง ชื่นชมความแข็งแกร่งและความรักของแม่จากตัวนางแต่สีหน้าต่อตัวเขาของฮูหยินเฉินตอนนี้ ต่งฮ่วนจือจู่ๆ ก็คิดขึ้นมาว่า อ๋องฉยงถึงอย่างไรก็หาพวกนางเจอแ
เฉินฮ่าวปิงมองต่งฮ่วนจือนางสามารถใช้วัตถุดิบยาของพันธมิตรโอสถทำการกุศลต่อได้ และยังพังแผนการของฟู่จาวหนิงได้อีก ทำให้นางไม่ได้รับวัตถุดิบยาหลังจากเฉินฮ่าวปิงกลับมาพูดเรื่องวันนี้กับฮูหยินเฉิน ฮูหยินเฉินโกรธมากดังนั้นนางจึงคิดวิธีนี้ออกมา รู้สึกว่าพวกนางตอนนี้รับมือฟู่จาวหนิงไม่ไหว แต่ถ้าลงแรงกับต่งฮ่วนจือทางนี้สักหน่อย สร้างความลำบากให้กับฟู่จาวหนิงได้บ้างก็ยังดีมีสิทธิ์อะไรที่จะยอมให้ฟู่จาวหนิงทำทุกอย่างได้ราบรื่นขนาดนั้น?ต่งฮ่วนจือถ้าหากขัดฟู่จาวหนิงได้ ไม่ใช่แค่ฟู่จาวหนิงจะไม่ชอบใจ แต่ผู้อาวุโสจี้ก็จะโกรธด้วย ถ้าผู้อาวุโสจี้โกรธ ฟู่จาวหนิงก็จะอารมณ์ไม่ดีดังนั้น ขอแค่กล่อมต่งฮ่วนจือ ก็จะทำได้ฟู่จาวหนิงอึดอัดได้ ดีจะตาย?ดังนั้น จึงได้เห็นเฉินฮ่าวปิงที่มาแสดงความอ่อนแอออดอ้อนต่งฮ่วนจือในตอนนี้นางรู้สึกว่า ความรักทีต่งฮ่วนจือมีให้นาง เรื่องนี้ไม่ใช่จะทำไม่สำเร็จแต่ตอนได้ยินคำพูดของนาง ต่งฮ่วนจือก็งงงันไปครู่หนึ่ง"ลุงต่ง..." เฉินฮ่าวปิงดึงแขนเสื้อของเขา "ได้ไหม?"ต่งฮ่วนจือดึงแขนเสื้อในมือนางกลับมา"เรื่องนี้ไม่ได้""ทำไมล่ะ?""อันดับแรก วัตถุดิบยาที่เจ้าคิดจะเอาไ
หลายปีก่อนที่เขาช่วยพวกนางแม่ลูกไว้ เฉินฮ่าวปิงยังเป็นเด็กสาวร่างผ่อนอ่อนแอ หลายปีนี้ยังถือว่าเขาเลี้ยงดูมาจนโต เขาแทบจะมองเฉินฮ่าวปิงเป็นลูกสาวตนเองไปแล้วแม้ตอนนี้นางเจอกับพ่อแท้ๆ แล้ว แต่พ่อแท้ๆ คนนั้นก็ไม่ใช่จะได้เรื่องกระมัง ต่งฮ่วนจือยังรู้สึกเป็นห่วงอยู่เขาคิดคิด ยังคิดจะไปบ้านเล็กในซอยนั่นเพื่อหาเฉินฮ่าวปิงหลายวันนี้เฉินฮ่าวปิงก็ไม่ยอมพบเขา ทุกครั้งที่เขามา คนใช้ก็จะบอกว่าท่านหญิงไม่อยู่วันนี้เขามา แต่เฉินฮ่าวปิงกลับอยู่ และยังยอมพบเขาด้วยพอเข้ามาในบ้าน มาถึงเรือนหน้า ฮูหยินเฉินก็อยู่ด้วยแม่ลูกหันมามองนางพร้อมกัน สายตาของคนทั้งคู่ล้วนแดงก่ำ ดูแล้วน่าสงสารมาก เฉินฮ่าวปิงพอเห็นเขาก็ร้องไห้โฮออกมา"ลุงต่ง!"นางพุ่งเข้ามาหาต่งฮ่วนจือ สองมือดึงแขนเสื้อเขา ร้องไห้ตัวโยน "ท่านมาได้เสียที!"ก่อนหน้านี้เขาเข้ามาตั้งหลายครั้ง ก็ไม่ยอมออกมาเจอ ไม่ได้ว่าเขาไม่เคยมาเสียหน่อยแต่ต่งฮ่วนจือก็ไม่ได้พูดออกมา มองสภาพเฉินฮ่าวปิงแล้วเขาก็ยังคงปวดใจอยู่"ทำไมหรือ? เกิดอะไรขึ้น? อ๋อง อ๋องฉยงไม่ได้ช่วยเจ้าหรือ?"พอพูดถึงอ๋องฉยง เฉินฮ่าวปิงก็รู้สึกน้อยเนื้อต่ำใจขึ้นมาเพราะวันนี้อ๋อง
ก่อนค่ำวันเดียวกันฟู่จาวหนิงให้สืออีไปเก็บตั๋วเงินพวกนี้มาแล้วกระทั่งองค์หญิงเจ็ดก็ยังไม่กล้าที่จะไม่ให้หลังจากให้สามพันตำลึงมาแล้ว คนเหล่านี้ก็ล้วนรู้สึกเหมือนเสียปราณชี่ขนานใหญ่ไป ไม่มีทั้งหน้าไม่มีทั้งเงิน แล้วยังหวาดผวา ไม่รู้หลังจากนี้จะมีเรื่องอะไรอีกถ้าเผื่อพระชายาอ๋องเจวี้ยนเอาเรื่องนี้ไปฟ้องอ๋องเจวี้ยน อ๋องเจวี้ยนมาหาเรื่องบ้านพวกเขาอีกจะทำอย่างไร?โดยเฉพาะคุณหนูสี่หลิน หลังจากกลับมาก็ได้ยินพี่สาวคนโตกับคนรองพูดถึงเฉินฮ่าวปิง จึงได้รู้ว่าพวกนางเดิมทีก็ดูถูกท่านหญิงปิงอวี้อยู่แล้วพ่อของนางกับพี่สาวนางเองก็กำลังเดาว่าอ๋องฉยงทำไมจึงยังอยู่ในเมืองหลวง ยังพูดอีกว่า ไม่ว่าจะเพราะเรื่องอะไร การที่องค์จักรพรรดิให้อ๋องฉยงอยู่ในเมืองต่อโดยไม่สนกฏ ต้องไม่ใช่เรื่องดี พวกเขากำลังพูดว่า หลังจากนี้จะต้องเกิดความวุ่นวายขึ้นแน่อ๋องฉยงอาจจะก่อความวุ่นวายอะไรขึ้น ไม่ต้องพูดถึงลูกสาวบ้านน้อยของเขาคนนั้นเลย?ในคำพูด คืออ๋องฉยงทำเรื่องไม่ถูกต้อง ลูกสาวบ้านน้อย ยังไม่ได้ทำเรื่องอะไรดีดีเลย แต่ดันไปขอยศท่านหญิงมาองค์จักรพรรดิก็ยังรับปากอีก ดูจะเลอะเลือนหน่อยๆแน่นอน พวกเขาแอบคุยเรื่องน
เซียวหลันยวนพูดพลางหัวเราะเสียงต่ำฟู่จาวหนิงเองก็ตกตะลึงไป "ผู้ตรวจการอันไปคุกคามองค์จักรพรรดิหรือ?"ถ้าหากผู้ประสบภัยทะลักเข้าเมืองหลวง เมืองหลวงก็จะวุ่นวาย องค์จักรพรรดิไม่อยากจะสนใจก็คงต้องสนใจแล้วแค่โรคระบาด องค์จักรพรรดิก็ยังกลัวจนไม่ประชุมเช้า ไม่ต้องพูดเรื่องผู้ประสบภัยนับหมื่นเลย? เขาได้ตกใจจนตายกันพอดี"ก็จริงนั่นล่ะ แต่นี่ก็เป็นเรื่องจริง แต่รายละเอียดด้านในที่นำไปปฏิบัติได้ก็มีเยอะมาก""แล้วองค์จักรพรรดิให้เงินบรรเทาภัยมาเท่าไร?""หนึ่งหมื่นตำลึง""ขี้เหนียว" ฟู่จาวหนิงเบ้ปากนางเองก็ยอมแล้ว ผู้ประสบภัยนับหมื่น แต่ให้เงินบรรเทาภัยมาหมื่นตำลึง? นางเค้นจากตัวพวกองค์หญิงเจ็ดยังได้มาตั้งสามหมื่นตำลึง"คลังหลวงว่างเปล่าแล้วจริงๆ""เอาเถะ พวกเราเองก็ลองไปเตรียมตัวดูก่อน ถ้าเงินไม่พอจริง ค่อยให้ผู้ตรวจการชิงกลับไปปล้นองค์จักรพรรดิอีก" ฟู่จาวหนิงเอ่ยขึ้นถ้ายังไม่เห็นสถานการณ์เมืองเจ้อกับตา ใต้เท้าอันหากคิดจะปล้นก็ปล้นลำบาก"อันเหนียนบอกว่าสามวันนั้นรีบไปหน่อย ขอเลื่อนไปวันหนึ่ง ข้าส่งคนไปดูลาดเลาก่อน ตอนพวกเจ้าไปถึงจะมีคนรอรับอยู่"เอาของไปด้วยตั้งมากมาย ตอนไปถึงต้อง