แต่จ้าวเฉินที่พูดขึ้นมาตอนนี้มันก็ดูโง่มากจริงๆ เขารู้สึกควรกันไว้ก่อน จะไม่ซ่อนอยู่จุดเดียวกับจ้าวเฉินเขาส่งสัญญาณมือให้จ้าวเฉิน เป็นสัญญาณว่าตนเองจะไปอีกทางหนึ่ง จากนั้นก็ใช้วิชาตัวเบา บินแฉลบออกไปอีกด้านอย่างไร้ซุ่มเสียงตอนที่ร่อนลงชายเสื้อของเขาปัดไปยังกิ่งไม้กิ่งหนึ่งบนกิ่งไม้เดิมทีมีหิมะสุมตัวหนา พอถูกปัดเบาๆ หิมะที่สุ่มอยู่ด้านบนก็ทยอยร่วงลงมาหูของฟู่จาวหนิงขยับเล็กน้อย ครั้งนี้ก็จับได้อีกทิศทางหนึ่งที่นี่คนที่เหลือไว้น่าจะไม่มากเท่าไรนักถ้าหากคนไม่มาก เช่นนั้นพวกเขาก็ต้องเตรียมอะไรไว้ในกระโจมระหว่างทางที่มานางก็ได้กลิ่นของวัตถุดิบยาที่ทำให้ประสาทด้านชาชนิดหนึ่ง แม้กลิ่นจะจางมาก แต่ขณะที่กองหิมะกดกลิ่นสิ่งของอื่นๆ ทั้งหมดลงไป กลิ่นจางๆ เช่นนี้นางก็ยังดมออกมาได้ดังนั้นอีกฝ่ายน่าจะมีคนที่ใช้ยาใช้พิษได้อย่างร้ายกาจฟู่จาวหนิงก่อนหน้านี้กินยาแก้พิษลงไปแล้วเม็ดหนึ่งถัดจากนี้ก็น่าจะเป็นการประลองกันของยาและพิษระหว่างนางกับคนคนนั้นแล้วฟู่จาวหนิงถือขวดสุราไว้ในมือ ในที่สุดก็ลุกขึ้นยืนจ้าวเฉินพวกเขาพอเห็นการเคลื่อนไหวของนาง ในร่างกายก็เหมือนมีเส้นหนึ่งในร่างกายถูกดึ
ฟู่จาวหนิงหลังจากออกมาก็หมอบอยู่ด้านหลังกองหิมะกองหนึ่ง ไม่ขยับเขยื้อนจนผู้บัญชาการกองธงมู่ตื่นตัวกลับมา ตอนที่มองไปทางกระโจมผ้า เขาก็ไม่เห็นว่าที่นั่นมีอะไรผิดปกติไม่สิ!มีอะไรไม่ปกติอยู่!เพราะเขาไม่ได้ยินการเคลื่อนไหวของเฮ่อเหลียนเฟยแล้ว!ก่อนหน้านี้เฮ่อเหลียนเฟยดิ้นรนอย่างร้อนใจมาตลอด แล้วยังพยายามคิดจะแผดเสียงร้องออกมาอีก แต่เขาก็มีการเคลื่อนไหวได้เพียงนิดเดียวเท่านั้น ส่งเสียงร้องออกมาไม่ได้เลยทว่าตอนนี้การเคลื่อนไหวนั้นกลับไม่ได้ยินเสียแล้ว!หรือก็คือ ในกระโจมเงียบเป็นเป่าสาก ไม่มีเสียงใดๆ เลย!นี่เป็นไปได้อย่างไรกัน?เฮ่อเหลียนเฟยที่กำลังร้อนรนตึงเครียดหวาดกลัว ลมหายใจเขาหนักเสียขนาดนั้น ด้วยกำลังภายในของเขาจะต้องได้ยินแน่นอนแล้วทำไมตอนนี้แค่ลมหายใจของเขาก็ยังไม่ได้ยินกัน?หรือว่าเฮ่อเหลียนเฟยสลบไปแล้ว? หรืออาจจะตายไปแล้ว?ในใจผู้บัญชาการกองธงมู่ตื่นตัวขึ้นมา เขาเองก็ทนเงียบต่อไปไม่ไหวแล้ว ยิ่งไปกว่านั้น ฟู่จาวหนิงล่ะ?จ้าวเฉินเองก็รอไม่ไหวเช่นกันเขาออกแรงส่งสัญญาณมือไปทางผู้บัญชาการกองธงมู่ช่างเขาปะไร ตอนนี้ฟู่จาวหนิงก็แค่คนคนเดียว พวกเขาจะกลัวอะไรกัน? พุ่
ถึงตอนนั้นอ๋องเจวี้ยนคงได้เดือดดาลจนสังหารพวกเขา นี่เป็นบทสรุปที่เหมาะสมที่สุดของพวกเขาแล้วแต่ตอนนี้พอได้ยินคำพูดของผู้บัญชาการกองธงมู่ เหมือนคิดจะให้ทางรอดกับฟู่จาวหนิง แล้วยังจะพานางออกไปอีก?เขาร้อนรนขึ้นมาแล้วจ้าวเฉินแอบอ้อมไปด้านหลังขณะเดียวกัน ผู้บัญชาการกองธงมู่ในที่สุดก็พบตัวฟู่จาวหนิง เขาสะบัดข้อมือ อาวุธลับเล่มหนึ่งพุ่งยิ่งไปทางฟู่จาวหนิงทันทีฟิ้วเสียงดังขึ้น ฟู่จาวหนิงสัมผัสได้ทันควัน นางกลิ้งตัวไปบนพื้นหิมะอาวุธลับเล่มนั้นผลุบหายเข้าไปในตำแหน่งเดิมของนางเมื่อครู่ฟู่จาวหนิงจึงปรากฎตัวขึ้นในสายตาคนทั้งหมดด้วยเหตุนี้"ฟู่จาวหนิง!"จ้าวเฉินกระโจนขึ้นมาอย่างกลั้นไม่อยู่ พุ่งตรงไปหาฟู่จาวหนิง ออกฝ่ามือตบไปทางหน้าอกของนางไม่ว่าอย่างไร เขาจะให้นางต้องบาดเจ็บหนักก่อน!"เฮ่อเหลียนเฟยอยู่ในมือข้า!" เขาร้องขึ้นอย่างรวดเร็ว คิดจะให้ฟู่จาวหนิงหยิกเล็บเจ็บเนื้อแต่ฟู่จาวหนิงมองไปทางเขา ยกมือขึ้น แสงเงินสายหนึ่งสว่างวาบ เข็มเงินพุ่งแทงไปทางเขา"จ้าวเฉิน ที่แท้ก็เจ้านี่เอง!"ฟู่จาวหนิงพอมาถึงก็ทำให้พวกเขาประมาท ชิงโอกาสโยนเฮ่อเหลียนเฟยเข้าไปในห้องเภสัชอย่างรวดเร็ว ตอน
"ปึง!"ฟู่จาวหนิงเองก็มีแรงมากกว่าที่คนทั้งหมดคาดการณ์ไว้เสียอีกกระโจมผ้าทั้งผืนถูกนางดึงจนล้มแผ่ไม้ด้านบนก็ร่วงลงมาทันที เชือกรอบๆ ก็หดแน่นขึ้นพร้อมกันกระโจมทั้งหลังกลายเป็นอาวุธรูปร่างเหมือนกรงขังไปในพริบตา จัดการพันธนาการจ้าวเฉินที่เข้าไปเมื่อครู่ไว้ด้านใน"อ๊า!"จ้าวเฉินร้องเสียงแหลมแผ่นไม้ด้านบนฟาดลงมา เขาคิดจะหลบแต่ก็หลบไม่พ้น ถูกกดลงไปบนพื้นทันที บนพื้นก็มีพรมที่ผู้บัญชาการกองธงมู่จัดการวางไว้ก่อนหน้า เขาดมกลิ่นที่อยู่ด้านบนเข้าไป คิดจะกลั้นใจแต่ไม้แหลมบนกระดานไม้ก็แทงเข้าไปที่แผ่นหลังเขา เจ็บจนเขาต้องร้องออกมา แล้วจะไปกลั้นหายใจทันได้อย่างไร?ผ้ารอบๆ ก็หดรัดแน่นห่อตัวขึ้นมา พันตัวเขาไว้ด้านใน บนหลังเองก็มีกระดานไม้ทับอยู่ ปีนลุกขึ้นมาไม่ได้เลยจ้าวเฉินเจ็บจนเริ่มชาแล้ว"พี่มู่ช่วยข้าด้วย!"เขาเจ็บจนเบื้องหน้าดำมืดไปหมด ทำได้เพียงแผดเสียงปอดแทบฉีกร้องเรียกหาผู้บัญชาการกองธงมู่ผู้บัญชาการกองธงมู่เห็นว่าแค่ชั่วพริบตาเดียว กับดักกับการโจมตีที่พวกเขาเตรียมไว้ตั้งนานก็ถูกฟู่จาวหนิงใช้งานย้อนกลับมา จึงโมโหจนหัวหมุนขึ้นเสียแล้วจ้าวเฉินยังจะกล้าเรียกเขาอีก!เขาไม่เคย
"เจ้ามันใครกัน หน้าตาก็น่าเกลียดแล้วยังหนวกหูอีกด้วย"คำพูดนี้ทำเอาผู้บัญชาการกองธงมู่โมโหจนปากเบี้ยวเขาคิดไม่ถึงเลย ว่าในสถานการณ์เช่นนี้ ฟู่จาวหนิงแค่คนเดียวยังกล้ากำเริบเสิบสานเสียขนาดนี้!"เกรงว่าตอนนี้เจ้าคงใกล้จะตายแล้ว ไม่เห็นโลงศพไม่หลั่งน้ำตา"ผู้บัญชาการกองธงมู่เดิมทีคิดจะปล่อยนางไว้ แต่คำพูดนางในตอนนี้ไปยั่วโมโหเขาเข้า จนจิตสังหารเองก็สะกดไม่อยู่แล้ว!ในเมื่อนางเป็นพวกไม่รู้ผิดชอบชั่วดี เช่นนั้นทำไมเขาจะต้องปล่อยนางไว้?"โลงศพ? เจ้าเตรียมเอาไว้ด้วยหรือ?" ฟู่จาวหนิงร้องเฮอะขึ้นมา ดึงเชือกแน่นขึ้น ในหูก็ได้ยินเสียงกรีดร้องจ้าวเฉินอ่อนแรงขึ้นมาก จึงย้อนถามผู้บัญชาการกองธงมู่ขึ้นเสียงหน่อง "ข้าว่าที่นี่เป็นสถานที่กลบฝังพวกเจ้าก็ดูไม่เลวนักนะ""สังหาร!"ผู้บัญชาการกองธงมู่พอเห็นนางซื้อตัวไม่ได้ขู่ก็ไม่ได้ สายตาก็ดุดันขึ้นมา และไม่คิดจะปล่อยนางไว้แล้ว ตะโกนคำสั่งสังหารออกมาเสียงเย็นจากเสียงคำสั่งของเขา คนชุดขาวรอบๆ ก็กระโจนตัวขึ้นมา ใต้เท้าเตะกองหิมะ เกล็ดหิมะโถมไปทางฟู่จาวหนิงภายใต้เส้นแสงที่มืดมิด หิมะทยอยเข้าล้อมตัวนางรอบด้านล้วนมีจิตสังหารบีบเข้าหานางขณะเดียวก
กระบี่ด้านหลังเข้ามาใกล้แค่เอื้อมแล้วฟู่จาวหนิงโถมตัวไปด้านหน้า ล้มลงไปบนพื้นหิมะอย่างแรง จนกระบี่เล่มนั้นถากหลังนางไปนางสัมผัสได้ว่าบาดแผลบนแผ่นหลังตนเองเปิดออกมาจากการล้มครั้งนี้ เลือดไหลออกมามากขึ้น แต่นางก็ไม่สนใจ ปีนตัวขึ้นแล้วพุ่งต่อไปทันทีและตอนนี้เองผู้บัญชาการกองธงมู่ก็มาถึงด้านหลังนางแล้ว ฟาดฝ่ามือหนักๆ ตรงมาทางนางฟู่จาวหนิงกัดฟัน ตัดสินใจที่จะรับฝ่ามือนี้ และใช้แรงฝ่ามือเขาพัดลอยออกไป ขอแค่ร่วงลงมาห่างจากพวกเขาหน่อย นางก็สามารถมุดเข้าไปในห้องเภสัชได้"ผัวะ!"ฝ่ามือนี้ซัดโดนแผ่นหลังของนาง"จาวหนิง!"ตอนที่ฟู่จาวหนิงถูกฟาดจนลอยออกมา ความมืดตรงหน้าก็มีเสียงเย็นชาที่มีความร้อนรนตกตะลึงหวาดกลัวเสียงหนึ่งดังขึ้นขณะเดียวกัน ร่างหนึ่งก็กระจโจนขึ้นมากลางอากาศ พุ่งตรงเข้ามาหานางฟู่จาวหนิงใจผ่อนคลายลงมาทันทีนางตกเข้าไปในอ้อมกอดที่เย็นเฉียบเย็นมาก แต่นางก็รู้สึกปลอดภัยขึ้นในพริบตาเซียวหลันยวนมาแล้วเซียวหลันยวนที่รีบตามมาก็เห็นเข้ากับฉากที่นางถูกตบจนตัวลอย เกือบจะคุ้มคลั่งขึ้นมาแล้วเขารับตัวนางไว้ ตอนที่กอดนางยังลูบไปโดนเลือดเต็มฝ่ามือ แล้วเลือดก็แทบจะแข็งตัวไปท
เซียวหลันยวนตอนนี้ก็เพิ่งจะลูบเจอแผลของนาง รีบสกัดจุดห้ามเลือดของนางทันที"อยู่ที่ไหน?" เขายื่นมือไข้าไปในอกนาง ควานหาขวดยาอีกขวดออกมาได้"ลงเขา ลงจากเขาก่อน"ฟู่จาวหนิงรู้สึกว่าถ้ายังรอที่นี่ต่อไปล่ะก็ พวกเขาทั้งสองคนได้แข็งตายแน่ ยิ่งไปกว่านั้นบนภูเขาลูกนี้ทุกหนแห่งก็เต็มไปด้วยพิษที่ผู้ชายหน้าขรึมคนนั้นวางไว้ นางรู้สึกว่ามันอันตรายกับเซียวหลันยวนมากเซียวหลันยวนมองไปยังทิศที่ผู้บัญชาการกองธงมู่จากไป กัดฟันกรอดเขาอยากจะไปสับคนผู้นั้นให้เป็นหมื่นท่อนเสีย ถ้าไม่สังหารเขา คงจะสลายความแค้นของเขาลงได้ยากแต่ว่าตอนนี้ฟู่จาวหนิงบาดเจ็บ ใจของเขาสับสนขึ้นมาอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน"ลงเขา"ฟู่จาวหนิงสัมผัสได้ถึงจิตสังหารของเขา กลัวว่าเขายังจะไล่ตามไปสังหารผู้บัญชาการกองธงมู่ด้วยตัวเองอีก จึงคว้ามือของเขาเอาไว้"เอาล่ะ" เซียวหลันยวนตอบรับเสียงแหบแห้ง "ข้าจะพาเจ้าลงจากเขาก่อน"ตอนนี้ทั้งหมดไม่มีอะไรสำคัญไปกว่านางแล้วเขาแบกฟู่จาวหนิงขึ้นหลังอย่างระมัดระวังเพราะหลังของนางบาดเจ็บ จะอุ้มก็ไม่สะดวกนัก"ท่านอ๋อง ข้าน้อยจะแบกพระชายาให้" ชิงอีรีบวิ่งเข้ามา มองเขาอย่างกังวล"เหลือคนไว้หาต
เซียวหลันยวนเม้มปาก ไม่ตอบอะไร"พิษบนตัวท่าน ก่อนหน้านี้ข้าพูดไว้แล้ว ถ้าหากถูกกระตุ้นขึ้นมาท่านจะหนาวตายเอา ทำไมท่านถึงเข้ามาในสถานที่อย่างภูเขาหิมะกันกัน?"เซียวหลันยวนตอบ นางเองก็รับไปอย่างมึนๆ "แต่ว่าข้าเองก็อยากรู้อยากเห็นมาตลอด บนยอดเขาโยวชิงนั่นเป็นอย่างไรกัน? ไม่หนาวหรือ? ฟังจากชื่อแล้วน่าะจะหนาวอยู่นะ ท่านทำไมถึงพักฟื้นอยู่ที่นั่นได้ตั้งหลายปีล่ะ?""เจ้าหยุดพูดก่อนเถอะ"เซียวหลันยวนถอนหายใจอย่างจำใจ เขารู้สึกว่าตนเองถ้าไม่เอ่ยออกมา นางคงเอาแต่พูดปาวปาวแน่ เห็นๆ อยู่ว่าเจ็บหนัก เห็นๆ อยู่ว่าแทบจะสลบไปอยู่แล้ว ทำไมถึงได้พูดมากกว่าปกติเสียล่ะนี่?"จู่ๆ ก็คิดถึงปัญหานี้ขึ้นมาได้น่ะ ก่อนหน้านี้ไม่ได้ถามมาตลอด" ฟู่จาวหนิงเอ่ยขึ้น"รอให้อาการบาดเจ็บเจ้าดีขึ้นก่นอ แล้วข้าจะบอกกับเจ้าเอง" เซียวหลันยวนแบกนาง รู้สึกได้ว่าเลือดบนหลังนางหยุดลงมาที่หลังมือตนเองแล้ว ใจก็เจ็บปวดเสียเหลือเกินในคืนที่หนาวขนาดนี้ ถ้าหากเลือดออกไม่มากนัก ไหลมาเพียงครู่เดียวก็แห้งแล้ว ไม่มีทางหยดลงมาแน่ ตอนนี้เลือดนางยังไหลอยู่ อธิบายได้ว่าบาดแผลนั้นหนักหนาเอาการทีเดียวตัวฟู่จาวหนิงเองมียาอยู่ แต่ยาห้ามเ
ฟู่จาวหนิงอยู่ในคุกเองก็เบื่อหน่อยๆ แล้วนางเหลือบมองเซียวเหยียนจิ่งผาดหนึ่ง จากนั้นจึงตรงไปด้าหน้าเซียวหลันยวน "ข้าออกไปฟังหน่อยได้ไหม?""ไปเถอะ" เซียวหลันยวนพยักหน้า"เอ๋ ไม่หึงแล้วหรือ?" ฟู่จาวหนิงร้องชิชะเซียวหลันยวนหัวเราะเสียงทุ้ม "อย่าไปไกลนักล่ะ ข้าได้ยินอยู่"ถึงอย่างไรนางก็เบื่อๆ ถ้าเซียวเหยียนจิ่งพูดเรื่องอะไรที่ทำให้นางฆ่าเวลาได้ เช่นนั้นเขาก็ควรจะใจกว้างหน่อยแต่ว่า พวกเขาเดินไปไกลมากไม่ได้ ต้องอยู่ในระยะที่เขาสามารถได้ยิน"รู้อยู่แล้วว่าท่านจะใจกว้างหลอกๆ"ฟู่จาวหนิงวางพู่กัน ปรบๆ มือ จากนั้นจึงเดินออกจากห้องขัง"คิดจะพูดอะไร?"เซียวเหยียนจิ่งเดิมทีคิดจะให้เซียวหลันยวนหึงหวง ดังนั้นจึงไม่คิดจะเดินไปไกลนัก"มานี่หน่อย" เซียวเหยียนจิ่งเดินออกมาข้างๆ ไม่กี่ก้าว รู้สึกว่าระยะนี้เซียวหลันยวนน่าจะได้ยินเหมือนคนคุยกันแต่ไม่ได้ยินเนื้อหาด้านในเช่นนี้ก็พอดีฟู่จาวหนิงร้องเชอะในใจ น่าจะเข้าใจความคิดของเขาเพียงแต่เซียวเหยียนจิ่งก็ยังโง่อยู่ เขาคิดว่าระยะนี้เซียวหลันยวนไม่ได้ยินหรือไรกัน?นางเดินออกไปเซียวเหยียนจิ่งบอกกับผู้คุมข้างๆ คำหนึ่ง ให้เขาออกไปก่อนผู้คุม
ถ้าไม่ใช่ห้องขังรอบๆ ยังมีสภาพเดิมอยู่ เขาก็คงจะสงสัย ว่าฟู่จาวหนิงกับเซียวหลันยวนพักอยู่ในโรงเตี๊ยมอะไรกันคุกที่ไหนเขาจัดกันอบอุ่นแบบนี้บ้าง!"พระชายาอ๋องเจวี้ยน รบกวนออกมาหน่อย มีคนมาพบท่าน" ผู้คุมเปิดประตูยังต้องปรบมือเรียกคนม่านนั้นเลิกออก เซียวเหยียนจิ่งมองเข้าไปด้านใน และเห็นเซียวหลันยวนกำลังนั่งอยู่บนเก้าอี้ที่ปูด้วยเบาะรองตัวหนึ่งพลิกเปิดอ่านหนังสือ บนโต๊ะข้างๆ ยังมีชาที่ร้อนกรุ่นอยู่อีกกาหนึ่งด้วยฟู่จาวหนิงยืนอยู่ข้างๆ เขา กำลังจรดพู่กันเขียนอักษรดูแล้วเหมือนกำลังใช้ชีวิตประจำวันอยู่เลย!เซียวหลันยวนมองออกมา สบเข้ากับสายตาของเซียวเหยียนจิ่งพอดีเซียวเหยียนจิ่งเดิมทีใจก็กระตุกวูบ เขาเกือบจะถอยหนีออกมาแล้ว แต่ตอนที่เห็นฟู่จาวหนิง ไฟริษยาก็ทำให้เขาลืมความกลัวไปไม่ได้เจอกันตั้งครึ่งค่อนปี ฟู่จาวหนิงกลับสวยขึ้นกว่าเดิมเสียอีกเธอเป็นสาวเต็มตัวแล้ว ความเขินอายแบบเด็กสาวก็หายไปใบหน้าเปล่งปลั่ง รูปร่างก็ได้สัดส่วน ไม่เหมือนแต่ก่อนที่ผมบาง แต่มีส่วนโค้งเว้าที่สวยเด่นแค่ชดกระโปรงสีเหลืองเรียบง่าย เห็นแล้วก็ยังรู้สึกเย้ายวนเป็นพิเศษหลี่จื่อเหยาเทียบกับนางได้เสียที่ไหน!
หมากก้าวแรกของพวกชินอ๋องเซียวในตอนนั้นก็เสี่ยงเหมือนกัน ไปบอกเรื่องที่พวกเขารู้กับองค์จักรพรรดิ แม้จะช่วยจัดการพยานสองคนนั้นไปแล้ว แต่องค์จักรพรรดิก็อาจจะยังไม่ละเว้นพวกเขาอยู่ถึงอย่างไรปากของคนตายนี่ล่ะที่ปิดสนิทที่สุด"ท่านพ่อ ความสัมพันธ์ของพวกเรากับองค์จักรพรรดิ จะไปเทียบกับตระกูลฟู่ได้อย่างไร?"เซียวเหยียนจิ่งไม่เห็นด้วยท่านพ่อกับองค์จักรพรรดิเป็นลูกพี่ลูกน้องกัน พวกเขาล้วนสกุลเซียว ยิ่งไปกว่านั้นชินอ๋องเซียวก็ยังคุกคามองค์จักรพรรดิไม่ได้ จวนชินอ๋องเซียวเองก็ไม่ได้มีอำนาจสักเท่าไร ก็แค่อาศัยแต่พระมหากรุณาธิคุณของฝ่าบาทไปเท่านั้นดังนั้นองค์จักรพรรดิจึงเชื่อในความจริงใจที่พวกเขาส่งไปให้ เชื่อว่าพวกเขาต้องการแค่จะได้รับการให้ความสำคัญและการปกป้องจากฝ่าบาทเท่านั้น"ตระกูลฟู่จะไปมีอะไร? ฝ่าบาทไม่จำเป็นต้องเห็นพวกตระกูลฟู่อยู่ในสายตาเลย ส่วนเซียวหลันยวนก็เป็นหนามในสายตาองค์จักรพรรดิอีก องค์จักรพรรดิคิดจะรับมือกับเซียวหลันยวน ตอนนี้เซียวหลันยวนเองก็มีจุดอ่อนที่ใหญ่ที่สุดอยู่ นั่นก็คือฟู่จาวหนิง"พอพูดคำนี้ เซียวเหยียนจิ่งก็ดูไม่ค่อยสบายใจขึ้นมาที่ต้องให้เขายอมรับว่าเซียวหลันย
ก่อนหน้านี้ฟู่จิ้นเชินชื่อเสียงระบือเมืองหลวง และเคยขี่ม้าไปตามถนนสายยาว เคยเข้าไปในโรงสุราประชันโคลงกลอนกับผุ้อื่น เป็นช่วงเวลาที่รุ่งโรจน์เหลือประมาณเพราะเขามีหน้าตาที่ไร้เทียมทาน คนที่ไปดูเขาโดยเฉพาะก็มีไม่น้อย ผ่านไปหลายปีเช่นนี้ คนที่ยังจดจำหน้าตาเขาได้ก็มีอยู่ไม่น้อยด้วยเช่นกันโดยเฉพาะแม้จะผ่านไปสิบกว่าปีแล้ว เขาก็แทบไม่ได้ดูแก่ลงเลย มีแค่ความสุขุมที่มากขึ้น คนที่เคยเจอเขาในครั้งนั้น พอคิดว่าแค่เหลือบมองแล้วจำเขาได้ก็คงไม่ใช่เรื่องที่ยากเย็นอะไรกลับกันตัวฟู่หลินซื่อ คนที่พบเจอมีไม่มากนัก"ตอนนั้นคนที่ส่งข่าวให้พวกเราบอกว่า รอให้ฟู่หลินซื่อกลับเมืองหลวง จึงสามารถคิดหาวิธีให้เรื่องเมื่อสิบแปดปีก่อนเกิดขึ้นอีกครั้ง"ชินอ๋องเซียวกดเสียงต่ำ "สิบแปดปีก่อน เรื่องที่ฟู่หลินซื่อถูกใส่ร้ายว่าวางยาพิษเซียวหลันยวนสินะ ตอนนี้นางกลับมาแล้ว จะมีคนยืมมือของนางลงมือวางยาพิษกับเซียวหลันยวนอีกครั้งหรือ?"เซียวเหยียนจิ่งในใจมีความตื่นเต้นที่ยากจะพรรณนาออกมาเขาช่วงนี้เฝ้าคอยเรื่องนี้อยู่ตลอดก่อนหน้านี้เขาถอยห่างฟู่จาวหนิง อยากจะหนีนางไปให้ไกลๆ แต่ตอนนี้เขาเสียใจขึ้นมาเสียแล้วนับตั้งแต่
ผู้อาวุโสจี้อยู่ในรถม้าด้านหลัง เขาเองก็เลิกม่านขึ้นมองด้านนอก พอเห็นร้านรวงสองฟากฝั่งถนนแขวนไว้ด้วยโคมแดงก็ถอนหายใจ"จะปีใหม่อีกแล้ว"ชายหนุ่มอายุราวสามสิบปีอีกหนึ่งคนที่นั่งอยู่ในรถม้าก็มองออกไปด้านนอก พอได้ยินเขาพูดเช่นนี้ก็มองไปทางผู้อาวุโสจี้ ถอนหายใจเอ่ยขึ้นว่า "ผู้อาวุโสจี้ นี่จะปีใหม่อยู่แล้ว เจ้าพันธมิตรเรียกท่านกลับไปรวมตัวที่สาขาหลัก ท่านทำไมจึงปฏิเสธล่ะ?"ผู้อาวุโสจี้ไม่ได้กลับสาขาหลักไปช่วงปีใหม่หลายปีแล้ว"ไม่อยากไป วุ่นวายเกิน" ผู้อาวุโสจี้ส่ายหัว ไม่สนใจอย่างเห็นได้ชัด"ผู้อาวุโสคนอื่นก็ล้วนอยู่ที่พันธมิตร แม้ว่าเวลาปกติจะไปที่นั่นที่นี่ แต่พอถึงช่วงไว้พระจันทร์กับปีใหม่ล้วนกลับไป ตอนที่พวกเขาอยู่ด้วยกันยังสามารถหารือเรื่องใหญ่ต่างๆ ในพันธมิตรได้ นอกจากนี้ทุกสิ้นปีฝ่ายบัญชีพันธมิตรโอสถก็จะตรวจสอบแบ่งปันเงิน ท่านไม่กลับไป เรื่องพวกนี้ก็ไม่รู้ว่าจัดการกันชัดเจนหรือไม่ชายคนนี้เพิ่งจะถูกย้ายมาเป็นผู้ดูแลพันธมิตรคนใหม่ของเมืองหลวง ซูเหอซูเหอเองก็ถือเป็นคนที่ได้รับการสนับสนุนจากผู้อาวุโสจี้ เดิมทีด้วยอายุและประสบการณ์ของเขา ควรจะถูกจัดไปอยู่ประจำที่สาขาของพันธมิตรโอ
"หวานจัง"องค์หญิงนานฉือกินไปคำหนึ่ง ตาก็เป็นประกายขึ้นมา"ลูกชิ้นนี่เหนียวหนึบหนับดี เด้งและอ่อนนุ่ม น้ำแกงก็หวาดดี อร่อยจัง""ลูกชิ้นนี้ต้องใช้น้ำอุ่นที่อุณหภูมิพอดีมานวด ส่วนเวลาและแรงตอนที่นวดก็ต้องพิถีพิถันด้วย ท่านพี่เองก็ชอบกิน พีสะใภ้กินเยอะหน่อยๆ"องค์หญิงหนานฉือชอบกิน อันชิงจึงดีใจมากนางนั่งอยู่ตรงข้ามมององค์หญิงหนานฉือ รู้สึกว่านางดุมีเสน่ห์กว่าก่อนที่แต่งงานเสียอีก สวยจับใจจริงๆ"พี่ชายของเจ้า..."องค์หญิงหนานฉือหน้าร้อนขึ้นมาเดิมทีนางก็เป็นคนที่ค่อนข้างเปิดเผย แต่พอเจอกับเรื่องนี้ก็อดเขินอายขึ้นมาไม่ได้เหมือนักนพูดพูดถึงผู้ตรวจการอันเหนียน องค์หญิงหนานฉือก็รู้สึกปากร้อนขึ้นมาหน่อยๆ นางไม่เคยคิดเลยว่าผู้ตรวจการอันที่มีหน้าตางดงามอ่อนโยนมีการศึกษา จะเป็นชายหนุ่มที่มีอารมณ์หนักหน่วงคนหนึ่งแบบนี้!หลายวันนี้ ทุกวันตอนกลางคืนเขาก็จะมาทรมานนางสองครั้ง หลังจากเสร็จประชุมเช้า เขาก็ยังกลับมาทรมานนางอีกครั้งยิ่งไปกว่านั้นทุกครั้งก็ยังใช้เวลานาน นี่ทำเอานางหลายวันนี้มึนๆ งงๆ ร่างกายเมื่อยขบนอนไม่พอ ไม่ค่อยได้ออกจากห้องเลยทุกมื้อล้วนมีคนส่งอาหารเข้ามาในห้อง นางเองก็ขี
ฟู่จาวหนิงเองก็ไม่สนใจว่าองค์จักรพรรดิจะถามพวกอวิ๋นจูอย่างไรนางกลับมาที่จวนอ๋องเจวี้ยนอีกครั้ง ครั้งนี้ย้ายของไปมากกว่าเดิม ถึงกับตกแต่งห้องขังนั้นขึ้นมาแล้วประตูห้องขังยังแขวนม่านเอาไว้ด้วย บนพื้นปูพรม บนเตียงยังมีฉากกั้นลมสูงครึ่งตัวคนอีก แล้วยังกั้นเป็นห้องเล็กๆ สามารถวางถังปลดทุกข์ใบหนึ่งได้ด้วยที่มุมยังมีแจกันดอกไม้ บนกำแพงติดเชิงเทียนเอาไว้ แล้วยังแขวนเครื่องหอมไว้อีกย้ายโต๊ะมาหนึ่งตัว เก้าอี้สองตัว แล้วยังมีเบาะรองนั่งอีกพู่กันหมึกกระดาษแท่นฝนหมึกก็ยังติดมา แล้วยังมีเตาเล็กสำหรับอุ่นชาอุ่นสุราอีกชุดหนึ่ง วางเครื่องลายครามที่ประณีตสวยงามเอาไว้องครักษ์จวนอ๋องเจวี้ยนหลังจากย้ายของพวกนี้เข้ามาจัดวางแล้ว ห้องขังนี้ก็เปลี่ยนไปอย่างมากหัวหน้าคุกกับผู้คุมมองจนตาตั้งพวกเขาไม่ใช่ว่าไม่ได้ห้ามปราม แต่ฟู่จาวหนิงพูดมาคำเดียวว่า "ข้าบอกกับองค์จักรพรรดิแล้วว่ามาอยู่เป็นเพื่อนท่านอ๋อง" พวกเขาก็ต้องก้มหน้ากลับไปหัวหน้าคุกรู้สึกว่าผิดปกติไปจริงๆ วิ่งไปรายงานกับหัวหน้า ตอนกลับมายังคิดจะรื้อของเหล่านี้ของฟู่จาวหนิงออก"พระชายาอ๋องเจวี้ยน องค์จักรพรรดิให้อ๋องเจวี้ยนมาทบทวนตนเองให้
"ที่แท้การขังเอาไว้ในคุกใหญ่ก็ไม่เรียกว่าการลงโทษสินะ?""ฟู่จาวหนิง วันนี้เจ้าคิดจะมาทำอะไรกันแน่? ข้ามีงานการอีกตั้งมาก ไม่มีเวลามาเสวนาไร้สาระกับเจ้านะ!" องค์จักรพรรดิรู้สึกว่าแค่เห็นฟู่จาวหนิงเขาก็ปวดหัวเสียแล้วเขาเองก็ไม่กล้าทำอะไรนางจริงๆวิชาแพทย์ของฟู่จาวหนิงสูงส่งมาก! ในใจเขายังรู้สึกว่าโชคดีมาก ถึงอย่างไรนางก็เป็นคนของแคว้นเจา ถึงอย่างไรนางก็ยังมีญาติอยู่ที่เมืองหลวง ถึงอย่างไรตระกูลฟู่ก็ไม่ได้มีรากฐานอะไร ดังนั้นตอนที่เขาต้องการนางจริงๆ เขายังมั่นใจว่าตนเองจะบีบจุดอ่อนของนาง แล้วนำนางมาใช้ประโยชน์เพื่อตนเองได้ใครให้วิชาแพทย์ต้องมาเจอกับหายนะเข้าในใต้หล้านี้กัน ปัจจุบันพวกหมอเก่งๆ ล้ำค่าจะตายไปก่อนหน้านี้แคว้นเจามีหมอเทวดาหลี่ พวกเขาก็รู้สึกมีความมั่นใจอยู่ แต่พอเทียบกับฟู่จาวหนิง วิชาแพทย์ของหมอเทวดาหลี่กลับห่างชั้นอยู่ไกลโขเลยทีเดียวเพื่อวิชาแพทย์ของนาง ขอแค่นางไม่มาเหยียบเส้นต่ำสุดที่ไม่ควรล้ำ องค์จักรพรรดิก็ยังมีความอ่อนข้อให้สูงลิบอยู่เพียงแต่ว่า นางนี่มันน่าโมโหเสียจริงองค์จักรพรรดิรู้สึกว่ายิ่งพูดกับฟู่จาวหนิงมากแค่ไหนชีวิตเขาก็สั้นลงไปอีกหลายปี"แค่อยากจ
องค์จักรพรรดิพอได้ยินคำของฟู่จาวหนิง หน้าผากก็มีเส้นเลือดปูดตึงขึ้นมา"อายวนเขามีอะไรต้องทุกข์ใจกัน? ไม่พอใจข้าที่ให้เขาไปนั่งทบทวนตนเองในคุกหรือ?"ถ้านางกล้าบอกว่าไม่พอใจล่ะก็...ในใจองค์จักรพรรดิยังกำลังคิด ว่าตอนที่นางพูดว่าไม่พอใจแล้วจะตอกนางกลับไปอย่างไร ก็ได้ยินฟู่จาวหนิงใช้น้ำเสียงแปลกประหลาดออกมาคำหนึ่ง"องค์จักรพรรดิ ใครบ้างที่ยินดีจะอยู่ในคุก?"องค์จักรพรรดิ: นี่ยังจะย้อนถามมาอีกหรือ?"แต่ต่อให้ไม่ยินดีก็มิอาจขัดราชโองการได้" ฟู่จาวหนิงผายสองมือออก ดูจำใจอย่างมาก "เขาเป็นทุกข์ก็คือพวกสาวงามที่องค์จักรพรรดิยัดเข้ไาปข้างกายนั่นมันน่าโมโหมาก องค์จักรพรรรดิให้พวกนางไปดูแลเขา ผลลัพธ์คือพวกนางทั้งหมดก็หนีไปกันเกลี้ยง!""หนีหรือ?"องค์จักรพรรดิเองก็เดินตามแนวคิดของนางโดยไม่รู้ตัว กระทั่งน้ำเสียงก็ยังเลียนเสียงนางขึ้นอย่างไม่รู้ตัวจากนั้นเขาจึงได้สติกลับมา อยากจะตบปากตัวเองเสียจริงๆ"ใช่ไหมล่ะ เกินไปจริงๆ องค์จักรพรรดิ อายวนอยู่ในคุำำใหญ่ออกมาไม่ได้ ดังนั้นเขาจึงให้ข้าเข้าวังมาบอกกับองค์จักรพรรดิ จวนอ๋องเจวี้ยนไม่ต้อนรับสาวงามพวกนี้ แต่เจอเรื่องครั้งนี้เข้าไปก็ส่งผลกระทบกั