อันเหนียนหันข้าง บังตัวนายท่านผังเอาไว้ฮู่เจียไท่ในที่สุดก็ถูกคุมตัวออกไปเขาสิ้นหวังขึ้นในพริบตาคิดไม่ถึงเลยจริงๆ ว่าอีกแค่ก้าวเดียวเท่านั้น แต่ใครจะไปคิดว่าไทเฮาจะทำการเช่นนี้ ยิ่งไปกว่านั้นอ๋องเจวี้ยนก็ยังมาเร็วขนาดนี้อีกด้วย?จบกัน"ตอนนี้ใครจะบอกข้าได้บ้าง ว่านี่มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่!"องค์จักรพรรดิร้องขึ้นอย่างโมโห เขาเองก็เดือดดาลเหมือนกันตอนนี้ไม่พอใจต่อตัวอ๋องเจวี้ยนมากที่สุด เพราะในขั้นตอนเมื่อครู่ ทำให้เขารู้สึกว่าเซียวหลันยวนต่างหากที่เป็นเจ้าของวังจักรพรรดิ ทั้งหมดล้วนถูกเซียวหลันยวนควบคุมไว้ เขากลับไม่มีโอกาสได้พูดเลย!เซียวหลันยวนแย่งชิงบัลลังก์ไปแล้วหรือเปล่านะ!"องค์จักรพรรดิ เรื่องนี้อีกเดี๋ยวตรวจสอบชัดเจนแล้วจะเขียนรายงานอย่างละเอียดส่งมาในวังหลวง" อ๋องเจวี้ยนเอ่ยขึ้น"ข้าอยากจะรู้ตอนนี้!""ตอนนี้หรือ?" อ๋องเจวี้ยนเหลือบมองไปทางนายท่านผัง "เชน่นั้นก็ให้นายท่านผังพูดเถิด""พูดมา!" องค์จักรพรรดิโมโหจนลงไม้ลงมือ ถีบไปที่นายท่านผังทีหนึ่งนายท่านผังรีบโขกศีรษะลงสามครั้ง"องค์จักรพรรดิโปรดให้อภัย ไทเฮาโปรดให้อภัย อ๋องเจวี้ยนโปรดให้อภัย""ให้อภัยเรื่องอะไ
"เจ้าสังหารแม่นางเจี๋ยไปแล้วใช่ไหม?" ฮู่เจียไท่อันที่จริงยังคิดว่าอาจจะมีความโชคดีอยู่ คิดว่าบางทีคนที่ตายไปอาจจะไม่ใช่แม่นางเจี๋ยแต่ว่าเขากลับไม่รู้เลย ว่าประโยคถามตรงๆ นี้ของเขา ทำให้ฟู่จาวหนิงรู้ขึ้นมาเรื่องหนึ่ง นั่นคือคนที่ควบคุมกู่ทะลวงใจในร่างกายแม่นางเจี๋ย คนที่ลอบจับตามองพวกเขาอยู่ตลอดนั้นไม่ใช่ฮู่เจียไท่ไม่เช่นนั้นคงรู้ไปนานแล้วว่าแม่นางเจี๋ยตายอย่างไรฟู่จาวหนิงไม่ได้ตอบเขา เดินออกไป ยื่นมือไปคล้องข้อมือเขา จับชีพจรให้แก่เขาฮู่เจียไท่คิดจะสะบัดมือนางออก แต่กำลังภายในเขาถูกเซียวหลันยวนทำลายไปแล้ว ตอนนี้ยังถูกดจุดชีพจรไว้อีก ขยับตัวไม่ได้เลยเซียวหลันยวนเองก็กังวลว่าจะวุ่นวายรู้ๆ อยู่ว่าฮู่เจียไท่มีสภาพเช่นนี้แล้ว แต่ก็ยังกังวลฟู่จาวหนิงพอเข้าใกล้เขาแล้วจะมีอันตราย"เจ้าคิดจะทำอะไรกับข้า?""หุบปาก ท่านเงียบหน่อยได้ไหม? ข้าไม่อยากจะบีบถามอะไรท่านเสียหน่อย แต่ท่านก็เอาแต่แหกปากปาวๆ ไม่หยุดเสียที"ประโยครังเกียจขนาดนี้ของฟู่จาวหนิงทำเอาฮู่เจียไท่หน้าแดงก่ำเขากระทั่งยังรู้สึกว่าถูกทำให้อัปยศเสียด้วยซ้ำ เพราะว่าตัวตนฐานะของเขาความสามารถของเขา จึงไม่คู่ควรให้นางต่อมาไ
ฮู่โม่ไม่อยากจะเรียกเขาว่าท่านลุงแล้วตั้งแต่ที่รู้ว่าฮู่เจียไท่ฟังแต่คำพูดของแม่นางเจี๋ยคนนั้น แล้ววางยาพิษกับผู้นำตระกูลฮู่ เขาก็เตะโด่งฮู่เจียไท่ออกจากอาณาเขตแล้วคนที่โหดเหี้ยมไร้จิตใจเช่นนี้ เขายอมตัดทิ้งไม่เอาดีกว่า"ได้ อันที่จริงข้าก็ไม่มีอะไรจะถามเขาเหมือนกัน" ฟู่จาวหนิงคิดๆ แล้วก็เห็นด้วยฮู่เจียไท่กลับหน้าเปลี่ยนสีถึงตอนนี้เขาก็เพิ่งจะพบว่าตนเองไม่กล้าสู้หน้าท่านพ่อยิ่งไปกว่านั้น เขายังคิดว่าต่อให้ท่านพ่อถูกอ๋องเจวี้ยนช่วยเหลือกลับมาในจวนอ๋อง ก็น่าจะอยู่รอดได้ไม่นานแล้ว เพราะอาการบาดเจ็บของเขารุนแรงมาก แล้วยังถูกวางยาพิษอีก อายุปูนนั้นแล้วจะทานทนไหวได้อย่างไร?เขาคิดมาตลอดว่าผู้นำตระกูลฮู่ตอนนี้คงตายไปแล้วคิดไม่ถึงเลยว่าเขายังมีชีวิตอยู่ ยิ่งไปกว่านั้นยังสติแจ่มใสอีกด้วย? แล้วยังอยากเจอเขาอีก?"ข้าไม่พบ มีอะไรน่าพบกัน?"ฮู่เจียไท่คัดค้านทันทีฮู่โม่หัวเราะเย็นชาขึ้นที่ประตู "ทำไมหรือ รู้สึกไม่มีหน้าไปพบท่านตาหรือ? ประหม่าหรือไร? กล้าทำไม่กล้ารับสินะ?""เสี่ยวโม่ ข้าเป็นผู้อาวุโสเจ้านะ เจ้ามาพูดกับข้าเช่นนี้หรือ?!""ถุด!"ฮู่โม่ถ่มน้ำลายออกมาเสียงหนึ่ง ไม่อยา
ถ้าไม่ใช่เขากำลังพูดเรื่องสังหารพ่อตนเองอยู่ ฟู่จาวหนิงก็เกือบจะหัวเราะพรวดออกมาแล้วฮู่โม่ทนไม่ไหว สาวเท้าพุ่งออกไป ง้างมือขึ้นตบฉาดไปที่หน้าเขา"ฮู่เจียไท่สมองของท่านถูกแมลงกู่กินไปแล้วหรือ! ท่านเห็นท่านพ่อบาดเจ็บหนัก ยังไม่พูดเรื่องไม่ช่วยเขา แต่นี่ยังซ้ำดาบลงไปที่เขาอีกหรือ? เรื่องนี้ท่านยังปั้นหน้าพูดออกมาได้อีก? ใต้หล้าทำไมจึงมีคนที่ไร้ยางอายอย่างท่านอยู่กัน?"พรวดฮู่เจียไท่กระอักเลือดสดถ้าไม่ใช่ท่านปู่ยังมีเรื่องจะถาม ฮู่โม่คงจัดการฟาดเขาจนตายไปแล้วผู้นำตระกูลฮู่หลับตาลง ตอนที่ลืมตาขึ้นก็ตารื้นฮู่โม่มองเขา กัดฟันเอ่ยขึ้น "ท่านพ่อ ท่านก็มองว่ามีลูกชายน้อยลงไปคนหนึ่งเถิด ท่านยังมีพ่อของข้าอยู่ อาสามอาสี่พวกเขา แล้วก็ยังมีพี่น้องอย่างพวกข้าด้วย"จะให้คนเช่นนี้มาเป็นคนในตระกูลไม่ได้ ไม่ใช่นนั้นคงได้โมโหจนตายแน่"รู้แล้ว ข้าแค่อยากถามเขา ว่าตอนนั้นหลังจากที่ภรรยาของพี่ใหญ่มาถึงเมืองหลวงแล้วล้มป่วย ต่อมาทนต่อได้ไม่นานนางก็ตายไป นี่เกี่ยวข้องกับแม่นางเจี๋ยไหม?"ท่านผู้เฒ่าฮู่ถามคำถามที่ทำให้พวกเขาทั้งหมดรู้สึกเกินคาดออกมาคำถามหนึ่งใครเองก็คิดไม่ถึงว่าเขาจู่ๆ จะถามอดีตฮู
เซียวหลันยวนตอนที่กลับมาก็ผ่านช่วงอาหารเย็นไปแล้วฟู่จาวหนิงเขียนหนังสืออยู่ในห้องหนังสือเรือนเจียนเจียตอนที่เขาเข้ามาเห็นนางกำลังจรดพู่กัน แสงเทียนจุดสว่าง ส่องใบหน้านางจนราวกับชุบแสงเอาไว้ชั้นหนึ่ง ทั้งดูสวยงามทั้งอ่อนโยนน้ำค้างแข็งที่ติดตัวเข้ามาจากด้านนอกแต่เดิมละหลายหายไปหมดในพริบตาเดียวเซียวหลันยวนไม่อยากให้นางออกห่างจากจวนอ๋องเลยตอนนี้เขาเพิ่งจะได้รู้ถึงข้อดีของการแต่งงาน การที่มีนางอยู่"กลับมาแล้วหรือ?" ฟู่จาวหนิงเงยหน้ามอง จากนั้นก็วางพู่กันในมือลงหงจั๋วเองก็ตามเข้ามา "ท่านอ๋องกินข้าวเย็นแล้วหรือยังเพคะ?""กินมาแล้ว"หลังจากเซียวหลันยวนตอบกลับคำหนึ่งก็มองไปทางฟู่จาวหนิง "เจ้ายังไม่ได้กินหรือ?" ถามจบก็หันหน้ามองไปทางหงจั๋ว "พระชายารอข้าอยู่รึ?""ท่านเลิกคิดไปได้เลย ข้าต้องกินแล้วสิ ใครจะรู้ว่าต้องรอท่านกลับมาตอนไหน" ฟู่จาวหนิงตอบหงจั๋วตอบกลับเสียงแผ่ว "ท่านอ๋อง อันที่จริงพระชายารออยู่พักหนึ่งแล้ว แต่เห็นท่านอ๋องไม่กลับมาเสียทีเลยกินไปก่อน"นางตอบแทนพระชายให้ ว่าพระชายาก็รออยู่ เพียงแต่ไม่ได้รอจนมืดขนาดนี้"ข้าผิดเอง หลังจากนี้ถ้ายังไม่กลับมากินข้าว ก็ส่งคนไป
เซียวหลันยวนตอนนี้จึงเพิ่งเฉลยฟู่จาวหนิงตะลึงงัน"ดังนั้นจึงรู้สึกว่าน่าจะใช้งานได้มาตลอด พวกนางใช้เวลาหลายปีไปศึกษาค้นคว้าสิ่งนี้ ตอนนี้น่าจะเป็นพวกนางที่รู้มากกว่า" เซียวหลันยวนเอ่ยขึ้น "ข้าให้พวกนางมาดูหน่อยแล้วกัน ว่าเสื้อผ้านี้เป็นของจวน""ท่านคิดไกลขนาดนี้เชียวหรือ?"ฟู่จาวหนิงคิดไม่ถึงเลยว่าตอนนั้นเขาจะคิดไว้มากขนาดนี้"หลายปีก่อน ร่างกายไม่ค่อยสบาย ไม่มีแรงจะทำอะไร เรื่องอื่นๆ ก็ทำไม่ไหว ทำได้แค่เอาเรื่องที่คิดออกมาคิดอีกรอบ" เซียวหลันยวนตอบ"เช่นนั้นก็ให้พวกนางดูเถิด ให้โอกาสพวกนางได้ไถ่โทษเสียหน่อย" ฟู่จาวหนิงพยักหน้าเซียวหลันยวนเรียงชิงอีเข้ามา อธิบายไปสองสามคำชิงอีหยิบภาพนั้นแล้วไปหาไป๋ซวงกับจินเสวี่ยทันทีหงจั๋วรินน้ำชาร้อนเข้ามา เซียวหลันยวนดื่มไปอึกหนึ่ง จากนั้นก็มองไปยังกระดาษบนโต๊ะฟู่จาวหนิงด้านบนเขียนชื่อคนเอาไว้ส่วนหนึ่ง และยังวาดภาพที่เกี่ยวข้อง"วันนี้ไปพบฮู่เจียไท่มาหรือ?""อืม ข้าเพิ่งรู้ว่า ฮูหยินใหญ่ฮู่ที่จากไปแล้วตอนที่มายังเมืองหลวงในอดีตน่าจะรู้ความลับอะไรบางอย่าง จากนั้นก็ถูกวางยาพิษ ข้าลองถามผู้เฒ่าฮู่อย่างละเอียดแล้ว ว่าตอนนั้นอาการป่วยของ
"ลัทธิเทพทำลายล้าง ชื่อเสียงเลื่องลือฉาวโฉ่เน่าเหม็น"เซียวหลันยวนมองนางเช่นนี้ก็อดอยากจะไปปลอบนางไม่ได้ "จากที่ข้าตรวจสอบมา ตอนนั้นความฉลาดและสติปัญญาของฟู่จิ้นเชิน ถ้าว่าตามหลักการไม่มีทางถูกคนหลอกไปเข้าลัทธิอะไรเป็นแน่"ตอนนั้นฟู่จิ้นเชินเป็นจอหงวน แล้วยังเป็นช่วงที่รุ่งโรจน์สง่างามมีอนาคตอีกด้วย แล้วยังเพิ่งจะแต่งงานกับคนที่รักอีก มีความหยิ่งทะนงอยู่ ไม่ใช่ว่าใครจะมาหลอกชักชวนแล้วก็กลายเป็นสาวกลัทธิอะไรแบบนั้นหรอกฟู่จาวหนิงถอนหายใจแผ่วเบา"หวังว่าจะเป็นเช่นนั้น""ทำไมหรือ ตอนนี้กลับกันแล้วหรือไร? ข้าหันมาปลอบเจ้า แต่ตัวเจ้าเองกลับจะไม่เชื่อพ่อแม่แล้วหรือ?"เซียวหลันยวนรู้สึกน่าขันหน่อยๆตัวเขาเองก็เหมือนเปลี่ยนไปแล้วก่อนหน้านี้พอพูดถึงสามีภรรยาฟู่จิ้นเชิน พอคิดถึงเรื่องที่ตนเองถูกวางยาพิษจนย่ำแย่ครั้งนั้น ในใจเขาก็เต็มไปด้วยความโกรธแค้น พอคิดถึงพวกเขาสองคนก็รู้สึกแค่ว่าในอกเต็มไปด้วยเจตนาฆ่าแต่ว่าตอนนี้ เขากลับคิดอยากจะช่วยให้พวกเขาหลุดพ้นจากความผิดเสียแล้วเจตนาฆ่าเต็มอก ยังไม่ได้คุ้มค่ากับการที่นางต้องอารมณ์ไม่ดีพอพูดถึงสามีภรรยาฟู่จิ้นเชิน เขาตอนนี้ก็ถือว่าสงบลงมา
พวกเเขาตกลงกันเช่นนี้ รอหลังปีใหม่แล้วค่อยเดินทางนี่ก็เป็นการให้เวลาฟู่จาวหนิงไปพูดเรื่องนี้กับผู้เฒ่าฟู่ด้วยเช่นกันช่วงท้ายปีมาถึงอย่างรวดเร็วตอนที่ใกล้จะสิ้นปีก็มีหิมะใหญ่ตกลงมาครั้งหนึ่ง แค่คืนเดียวเมืองทั้งเมืองก็กลายเป็นโลกหิมะขาวไปองค์จักรพรรดิก็คอยมีการเคลื่อนไหวเล็กๆ อยู่เนืองๆ นี่ยังจัดงานเลี้ยงฤดูหนาวขึ้นมาอีก ให้เซียวหลันยวนพาฟู่จาวหนิงเข้าวังด้วยกัน หาวิธีจะรู้ให้ได้ว่าสิ่งยืนยันสามชิ้นนั้นคืออะไรเซียวหลันยวนจึงนำสิ่งยืนยันสองชิ้นตรงหน้าให้เขาดูไม่มีสิ่งยืนยันชิ้นที่สาม เพียงแต่พอเห็นของสองชิ้นนี้แล้วก็ยังเดาอะไรไม่ออก องค์จักรพรรดิเองก็ไม่มีหน้าไปถามเขาตรงๆ ว่าสิ่งนี้จะเอาไปใช้ที่ไหน ใช้อย่างไร สุดท้ายจึงสะกดลงมาไม่ถามชั่วคราว"ข้าไม่เชื่อหรอก ว่าพวกเขาจะไม่เคลื่อนไหวอะไร แล้วให้คนมาจับตาจวนอ๋องเจวี้ยนไว้ หากเขามีการเคลื่อนไหวก็ให้ตามไป อย่าแหวกหญ้าให้งูตื่น"ถึงตอนนั้นเขาก็จะกลายเป็นนกกระจอกที่อยู่ด้านหลังตั้กแตนที่จับหนอนแมลงเองหลังจากกำหนดแผนการนี้ องค์จักรพรรดิก็ไม่รีบร้อนฟู่จาวหนิงคืนสิ้นปีนี้อยู่ที่บ้านตระกูลฟู่เซี่ยซื่อกับหลินอันห่าวก็ดื่มสุราแก้