อันเหนียนหันข้าง บังตัวนายท่านผังเอาไว้ฮู่เจียไท่ในที่สุดก็ถูกคุมตัวออกไปเขาสิ้นหวังขึ้นในพริบตาคิดไม่ถึงเลยจริงๆ ว่าอีกแค่ก้าวเดียวเท่านั้น แต่ใครจะไปคิดว่าไทเฮาจะทำการเช่นนี้ ยิ่งไปกว่านั้นอ๋องเจวี้ยนก็ยังมาเร็วขนาดนี้อีกด้วย?จบกัน"ตอนนี้ใครจะบอกข้าได้บ้าง ว่านี่มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่!"องค์จักรพรรดิร้องขึ้นอย่างโมโห เขาเองก็เดือดดาลเหมือนกันตอนนี้ไม่พอใจต่อตัวอ๋องเจวี้ยนมากที่สุด เพราะในขั้นตอนเมื่อครู่ ทำให้เขารู้สึกว่าเซียวหลันยวนต่างหากที่เป็นเจ้าของวังจักรพรรดิ ทั้งหมดล้วนถูกเซียวหลันยวนควบคุมไว้ เขากลับไม่มีโอกาสได้พูดเลย!เซียวหลันยวนแย่งชิงบัลลังก์ไปแล้วหรือเปล่านะ!"องค์จักรพรรดิ เรื่องนี้อีกเดี๋ยวตรวจสอบชัดเจนแล้วจะเขียนรายงานอย่างละเอียดส่งมาในวังหลวง" อ๋องเจวี้ยนเอ่ยขึ้น"ข้าอยากจะรู้ตอนนี้!""ตอนนี้หรือ?" อ๋องเจวี้ยนเหลือบมองไปทางนายท่านผัง "เชน่นั้นก็ให้นายท่านผังพูดเถิด""พูดมา!" องค์จักรพรรดิโมโหจนลงไม้ลงมือ ถีบไปที่นายท่านผังทีหนึ่งนายท่านผังรีบโขกศีรษะลงสามครั้ง"องค์จักรพรรดิโปรดให้อภัย ไทเฮาโปรดให้อภัย อ๋องเจวี้ยนโปรดให้อภัย""ให้อภัยเรื่องอะไ
"เจ้าสังหารแม่นางเจี๋ยไปแล้วใช่ไหม?" ฮู่เจียไท่อันที่จริงยังคิดว่าอาจจะมีความโชคดีอยู่ คิดว่าบางทีคนที่ตายไปอาจจะไม่ใช่แม่นางเจี๋ยแต่ว่าเขากลับไม่รู้เลย ว่าประโยคถามตรงๆ นี้ของเขา ทำให้ฟู่จาวหนิงรู้ขึ้นมาเรื่องหนึ่ง นั่นคือคนที่ควบคุมกู่ทะลวงใจในร่างกายแม่นางเจี๋ย คนที่ลอบจับตามองพวกเขาอยู่ตลอดนั้นไม่ใช่ฮู่เจียไท่ไม่เช่นนั้นคงรู้ไปนานแล้วว่าแม่นางเจี๋ยตายอย่างไรฟู่จาวหนิงไม่ได้ตอบเขา เดินออกไป ยื่นมือไปคล้องข้อมือเขา จับชีพจรให้แก่เขาฮู่เจียไท่คิดจะสะบัดมือนางออก แต่กำลังภายในเขาถูกเซียวหลันยวนทำลายไปแล้ว ตอนนี้ยังถูกดจุดชีพจรไว้อีก ขยับตัวไม่ได้เลยเซียวหลันยวนเองก็กังวลว่าจะวุ่นวายรู้ๆ อยู่ว่าฮู่เจียไท่มีสภาพเช่นนี้แล้ว แต่ก็ยังกังวลฟู่จาวหนิงพอเข้าใกล้เขาแล้วจะมีอันตราย"เจ้าคิดจะทำอะไรกับข้า?""หุบปาก ท่านเงียบหน่อยได้ไหม? ข้าไม่อยากจะบีบถามอะไรท่านเสียหน่อย แต่ท่านก็เอาแต่แหกปากปาวๆ ไม่หยุดเสียที"ประโยครังเกียจขนาดนี้ของฟู่จาวหนิงทำเอาฮู่เจียไท่หน้าแดงก่ำเขากระทั่งยังรู้สึกว่าถูกทำให้อัปยศเสียด้วยซ้ำ เพราะว่าตัวตนฐานะของเขาความสามารถของเขา จึงไม่คู่ควรให้นางต่อมาไ
ฮู่โม่ไม่อยากจะเรียกเขาว่าท่านลุงแล้วตั้งแต่ที่รู้ว่าฮู่เจียไท่ฟังแต่คำพูดของแม่นางเจี๋ยคนนั้น แล้ววางยาพิษกับผู้นำตระกูลฮู่ เขาก็เตะโด่งฮู่เจียไท่ออกจากอาณาเขตแล้วคนที่โหดเหี้ยมไร้จิตใจเช่นนี้ เขายอมตัดทิ้งไม่เอาดีกว่า"ได้ อันที่จริงข้าก็ไม่มีอะไรจะถามเขาเหมือนกัน" ฟู่จาวหนิงคิดๆ แล้วก็เห็นด้วยฮู่เจียไท่กลับหน้าเปลี่ยนสีถึงตอนนี้เขาก็เพิ่งจะพบว่าตนเองไม่กล้าสู้หน้าท่านพ่อยิ่งไปกว่านั้น เขายังคิดว่าต่อให้ท่านพ่อถูกอ๋องเจวี้ยนช่วยเหลือกลับมาในจวนอ๋อง ก็น่าจะอยู่รอดได้ไม่นานแล้ว เพราะอาการบาดเจ็บของเขารุนแรงมาก แล้วยังถูกวางยาพิษอีก อายุปูนนั้นแล้วจะทานทนไหวได้อย่างไร?เขาคิดมาตลอดว่าผู้นำตระกูลฮู่ตอนนี้คงตายไปแล้วคิดไม่ถึงเลยว่าเขายังมีชีวิตอยู่ ยิ่งไปกว่านั้นยังสติแจ่มใสอีกด้วย? แล้วยังอยากเจอเขาอีก?"ข้าไม่พบ มีอะไรน่าพบกัน?"ฮู่เจียไท่คัดค้านทันทีฮู่โม่หัวเราะเย็นชาขึ้นที่ประตู "ทำไมหรือ รู้สึกไม่มีหน้าไปพบท่านตาหรือ? ประหม่าหรือไร? กล้าทำไม่กล้ารับสินะ?""เสี่ยวโม่ ข้าเป็นผู้อาวุโสเจ้านะ เจ้ามาพูดกับข้าเช่นนี้หรือ?!""ถุด!"ฮู่โม่ถ่มน้ำลายออกมาเสียงหนึ่ง ไม่อยา
ถ้าไม่ใช่เขากำลังพูดเรื่องสังหารพ่อตนเองอยู่ ฟู่จาวหนิงก็เกือบจะหัวเราะพรวดออกมาแล้วฮู่โม่ทนไม่ไหว สาวเท้าพุ่งออกไป ง้างมือขึ้นตบฉาดไปที่หน้าเขา"ฮู่เจียไท่สมองของท่านถูกแมลงกู่กินไปแล้วหรือ! ท่านเห็นท่านพ่อบาดเจ็บหนัก ยังไม่พูดเรื่องไม่ช่วยเขา แต่นี่ยังซ้ำดาบลงไปที่เขาอีกหรือ? เรื่องนี้ท่านยังปั้นหน้าพูดออกมาได้อีก? ใต้หล้าทำไมจึงมีคนที่ไร้ยางอายอย่างท่านอยู่กัน?"พรวดฮู่เจียไท่กระอักเลือดสดถ้าไม่ใช่ท่านปู่ยังมีเรื่องจะถาม ฮู่โม่คงจัดการฟาดเขาจนตายไปแล้วผู้นำตระกูลฮู่หลับตาลง ตอนที่ลืมตาขึ้นก็ตารื้นฮู่โม่มองเขา กัดฟันเอ่ยขึ้น "ท่านพ่อ ท่านก็มองว่ามีลูกชายน้อยลงไปคนหนึ่งเถิด ท่านยังมีพ่อของข้าอยู่ อาสามอาสี่พวกเขา แล้วก็ยังมีพี่น้องอย่างพวกข้าด้วย"จะให้คนเช่นนี้มาเป็นคนในตระกูลไม่ได้ ไม่ใช่นนั้นคงได้โมโหจนตายแน่"รู้แล้ว ข้าแค่อยากถามเขา ว่าตอนนั้นหลังจากที่ภรรยาของพี่ใหญ่มาถึงเมืองหลวงแล้วล้มป่วย ต่อมาทนต่อได้ไม่นานนางก็ตายไป นี่เกี่ยวข้องกับแม่นางเจี๋ยไหม?"ท่านผู้เฒ่าฮู่ถามคำถามที่ทำให้พวกเขาทั้งหมดรู้สึกเกินคาดออกมาคำถามหนึ่งใครเองก็คิดไม่ถึงว่าเขาจู่ๆ จะถามอดีตฮู
เซียวหลันยวนตอนที่กลับมาก็ผ่านช่วงอาหารเย็นไปแล้วฟู่จาวหนิงเขียนหนังสืออยู่ในห้องหนังสือเรือนเจียนเจียตอนที่เขาเข้ามาเห็นนางกำลังจรดพู่กัน แสงเทียนจุดสว่าง ส่องใบหน้านางจนราวกับชุบแสงเอาไว้ชั้นหนึ่ง ทั้งดูสวยงามทั้งอ่อนโยนน้ำค้างแข็งที่ติดตัวเข้ามาจากด้านนอกแต่เดิมละหลายหายไปหมดในพริบตาเดียวเซียวหลันยวนไม่อยากให้นางออกห่างจากจวนอ๋องเลยตอนนี้เขาเพิ่งจะได้รู้ถึงข้อดีของการแต่งงาน การที่มีนางอยู่"กลับมาแล้วหรือ?" ฟู่จาวหนิงเงยหน้ามอง จากนั้นก็วางพู่กันในมือลงหงจั๋วเองก็ตามเข้ามา "ท่านอ๋องกินข้าวเย็นแล้วหรือยังเพคะ?""กินมาแล้ว"หลังจากเซียวหลันยวนตอบกลับคำหนึ่งก็มองไปทางฟู่จาวหนิง "เจ้ายังไม่ได้กินหรือ?" ถามจบก็หันหน้ามองไปทางหงจั๋ว "พระชายารอข้าอยู่รึ?""ท่านเลิกคิดไปได้เลย ข้าต้องกินแล้วสิ ใครจะรู้ว่าต้องรอท่านกลับมาตอนไหน" ฟู่จาวหนิงตอบหงจั๋วตอบกลับเสียงแผ่ว "ท่านอ๋อง อันที่จริงพระชายารออยู่พักหนึ่งแล้ว แต่เห็นท่านอ๋องไม่กลับมาเสียทีเลยกินไปก่อน"นางตอบแทนพระชายให้ ว่าพระชายาก็รออยู่ เพียงแต่ไม่ได้รอจนมืดขนาดนี้"ข้าผิดเอง หลังจากนี้ถ้ายังไม่กลับมากินข้าว ก็ส่งคนไป
เซียวหลันยวนตอนนี้จึงเพิ่งเฉลยฟู่จาวหนิงตะลึงงัน"ดังนั้นจึงรู้สึกว่าน่าจะใช้งานได้มาตลอด พวกนางใช้เวลาหลายปีไปศึกษาค้นคว้าสิ่งนี้ ตอนนี้น่าจะเป็นพวกนางที่รู้มากกว่า" เซียวหลันยวนเอ่ยขึ้น "ข้าให้พวกนางมาดูหน่อยแล้วกัน ว่าเสื้อผ้านี้เป็นของจวน""ท่านคิดไกลขนาดนี้เชียวหรือ?"ฟู่จาวหนิงคิดไม่ถึงเลยว่าตอนนั้นเขาจะคิดไว้มากขนาดนี้"หลายปีก่อน ร่างกายไม่ค่อยสบาย ไม่มีแรงจะทำอะไร เรื่องอื่นๆ ก็ทำไม่ไหว ทำได้แค่เอาเรื่องที่คิดออกมาคิดอีกรอบ" เซียวหลันยวนตอบ"เช่นนั้นก็ให้พวกนางดูเถิด ให้โอกาสพวกนางได้ไถ่โทษเสียหน่อย" ฟู่จาวหนิงพยักหน้าเซียวหลันยวนเรียงชิงอีเข้ามา อธิบายไปสองสามคำชิงอีหยิบภาพนั้นแล้วไปหาไป๋ซวงกับจินเสวี่ยทันทีหงจั๋วรินน้ำชาร้อนเข้ามา เซียวหลันยวนดื่มไปอึกหนึ่ง จากนั้นก็มองไปยังกระดาษบนโต๊ะฟู่จาวหนิงด้านบนเขียนชื่อคนเอาไว้ส่วนหนึ่ง และยังวาดภาพที่เกี่ยวข้อง"วันนี้ไปพบฮู่เจียไท่มาหรือ?""อืม ข้าเพิ่งรู้ว่า ฮูหยินใหญ่ฮู่ที่จากไปแล้วตอนที่มายังเมืองหลวงในอดีตน่าจะรู้ความลับอะไรบางอย่าง จากนั้นก็ถูกวางยาพิษ ข้าลองถามผู้เฒ่าฮู่อย่างละเอียดแล้ว ว่าตอนนั้นอาการป่วยของ
"ลัทธิเทพทำลายล้าง ชื่อเสียงเลื่องลือฉาวโฉ่เน่าเหม็น"เซียวหลันยวนมองนางเช่นนี้ก็อดอยากจะไปปลอบนางไม่ได้ "จากที่ข้าตรวจสอบมา ตอนนั้นความฉลาดและสติปัญญาของฟู่จิ้นเชิน ถ้าว่าตามหลักการไม่มีทางถูกคนหลอกไปเข้าลัทธิอะไรเป็นแน่"ตอนนั้นฟู่จิ้นเชินเป็นจอหงวน แล้วยังเป็นช่วงที่รุ่งโรจน์สง่างามมีอนาคตอีกด้วย แล้วยังเพิ่งจะแต่งงานกับคนที่รักอีก มีความหยิ่งทะนงอยู่ ไม่ใช่ว่าใครจะมาหลอกชักชวนแล้วก็กลายเป็นสาวกลัทธิอะไรแบบนั้นหรอกฟู่จาวหนิงถอนหายใจแผ่วเบา"หวังว่าจะเป็นเช่นนั้น""ทำไมหรือ ตอนนี้กลับกันแล้วหรือไร? ข้าหันมาปลอบเจ้า แต่ตัวเจ้าเองกลับจะไม่เชื่อพ่อแม่แล้วหรือ?"เซียวหลันยวนรู้สึกน่าขันหน่อยๆตัวเขาเองก็เหมือนเปลี่ยนไปแล้วก่อนหน้านี้พอพูดถึงสามีภรรยาฟู่จิ้นเชิน พอคิดถึงเรื่องที่ตนเองถูกวางยาพิษจนย่ำแย่ครั้งนั้น ในใจเขาก็เต็มไปด้วยความโกรธแค้น พอคิดถึงพวกเขาสองคนก็รู้สึกแค่ว่าในอกเต็มไปด้วยเจตนาฆ่าแต่ว่าตอนนี้ เขากลับคิดอยากจะช่วยให้พวกเขาหลุดพ้นจากความผิดเสียแล้วเจตนาฆ่าเต็มอก ยังไม่ได้คุ้มค่ากับการที่นางต้องอารมณ์ไม่ดีพอพูดถึงสามีภรรยาฟู่จิ้นเชิน เขาตอนนี้ก็ถือว่าสงบลงมา
พวกเเขาตกลงกันเช่นนี้ รอหลังปีใหม่แล้วค่อยเดินทางนี่ก็เป็นการให้เวลาฟู่จาวหนิงไปพูดเรื่องนี้กับผู้เฒ่าฟู่ด้วยเช่นกันช่วงท้ายปีมาถึงอย่างรวดเร็วตอนที่ใกล้จะสิ้นปีก็มีหิมะใหญ่ตกลงมาครั้งหนึ่ง แค่คืนเดียวเมืองทั้งเมืองก็กลายเป็นโลกหิมะขาวไปองค์จักรพรรดิก็คอยมีการเคลื่อนไหวเล็กๆ อยู่เนืองๆ นี่ยังจัดงานเลี้ยงฤดูหนาวขึ้นมาอีก ให้เซียวหลันยวนพาฟู่จาวหนิงเข้าวังด้วยกัน หาวิธีจะรู้ให้ได้ว่าสิ่งยืนยันสามชิ้นนั้นคืออะไรเซียวหลันยวนจึงนำสิ่งยืนยันสองชิ้นตรงหน้าให้เขาดูไม่มีสิ่งยืนยันชิ้นที่สาม เพียงแต่พอเห็นของสองชิ้นนี้แล้วก็ยังเดาอะไรไม่ออก องค์จักรพรรดิเองก็ไม่มีหน้าไปถามเขาตรงๆ ว่าสิ่งนี้จะเอาไปใช้ที่ไหน ใช้อย่างไร สุดท้ายจึงสะกดลงมาไม่ถามชั่วคราว"ข้าไม่เชื่อหรอก ว่าพวกเขาจะไม่เคลื่อนไหวอะไร แล้วให้คนมาจับตาจวนอ๋องเจวี้ยนไว้ หากเขามีการเคลื่อนไหวก็ให้ตามไป อย่าแหวกหญ้าให้งูตื่น"ถึงตอนนั้นเขาก็จะกลายเป็นนกกระจอกที่อยู่ด้านหลังตั้กแตนที่จับหนอนแมลงเองหลังจากกำหนดแผนการนี้ องค์จักรพรรดิก็ไม่รีบร้อนฟู่จาวหนิงคืนสิ้นปีนี้อยู่ที่บ้านตระกูลฟู่เซี่ยซื่อกับหลินอันห่าวก็ดื่มสุราแก้
ฟู่จาวหนิงอยู่ในคุกเองก็เบื่อหน่อยๆ แล้วนางเหลือบมองเซียวเหยียนจิ่งผาดหนึ่ง จากนั้นจึงตรงไปด้าหน้าเซียวหลันยวน "ข้าออกไปฟังหน่อยได้ไหม?""ไปเถอะ" เซียวหลันยวนพยักหน้า"เอ๋ ไม่หึงแล้วหรือ?" ฟู่จาวหนิงร้องชิชะเซียวหลันยวนหัวเราะเสียงทุ้ม "อย่าไปไกลนักล่ะ ข้าได้ยินอยู่"ถึงอย่างไรนางก็เบื่อๆ ถ้าเซียวเหยียนจิ่งพูดเรื่องอะไรที่ทำให้นางฆ่าเวลาได้ เช่นนั้นเขาก็ควรจะใจกว้างหน่อยแต่ว่า พวกเขาเดินไปไกลมากไม่ได้ ต้องอยู่ในระยะที่เขาสามารถได้ยิน"รู้อยู่แล้วว่าท่านจะใจกว้างหลอกๆ"ฟู่จาวหนิงวางพู่กัน ปรบๆ มือ จากนั้นจึงเดินออกจากห้องขัง"คิดจะพูดอะไร?"เซียวเหยียนจิ่งเดิมทีคิดจะให้เซียวหลันยวนหึงหวง ดังนั้นจึงไม่คิดจะเดินไปไกลนัก"มานี่หน่อย" เซียวเหยียนจิ่งเดินออกมาข้างๆ ไม่กี่ก้าว รู้สึกว่าระยะนี้เซียวหลันยวนน่าจะได้ยินเหมือนคนคุยกันแต่ไม่ได้ยินเนื้อหาด้านในเช่นนี้ก็พอดีฟู่จาวหนิงร้องเชอะในใจ น่าจะเข้าใจความคิดของเขาเพียงแต่เซียวเหยียนจิ่งก็ยังโง่อยู่ เขาคิดว่าระยะนี้เซียวหลันยวนไม่ได้ยินหรือไรกัน?นางเดินออกไปเซียวเหยียนจิ่งบอกกับผู้คุมข้างๆ คำหนึ่ง ให้เขาออกไปก่อนผู้คุม
ถ้าไม่ใช่ห้องขังรอบๆ ยังมีสภาพเดิมอยู่ เขาก็คงจะสงสัย ว่าฟู่จาวหนิงกับเซียวหลันยวนพักอยู่ในโรงเตี๊ยมอะไรกันคุกที่ไหนเขาจัดกันอบอุ่นแบบนี้บ้าง!"พระชายาอ๋องเจวี้ยน รบกวนออกมาหน่อย มีคนมาพบท่าน" ผู้คุมเปิดประตูยังต้องปรบมือเรียกคนม่านนั้นเลิกออก เซียวเหยียนจิ่งมองเข้าไปด้านใน และเห็นเซียวหลันยวนกำลังนั่งอยู่บนเก้าอี้ที่ปูด้วยเบาะรองตัวหนึ่งพลิกเปิดอ่านหนังสือ บนโต๊ะข้างๆ ยังมีชาที่ร้อนกรุ่นอยู่อีกกาหนึ่งด้วยฟู่จาวหนิงยืนอยู่ข้างๆ เขา กำลังจรดพู่กันเขียนอักษรดูแล้วเหมือนกำลังใช้ชีวิตประจำวันอยู่เลย!เซียวหลันยวนมองออกมา สบเข้ากับสายตาของเซียวเหยียนจิ่งพอดีเซียวเหยียนจิ่งเดิมทีใจก็กระตุกวูบ เขาเกือบจะถอยหนีออกมาแล้ว แต่ตอนที่เห็นฟู่จาวหนิง ไฟริษยาก็ทำให้เขาลืมความกลัวไปไม่ได้เจอกันตั้งครึ่งค่อนปี ฟู่จาวหนิงกลับสวยขึ้นกว่าเดิมเสียอีกเธอเป็นสาวเต็มตัวแล้ว ความเขินอายแบบเด็กสาวก็หายไปใบหน้าเปล่งปลั่ง รูปร่างก็ได้สัดส่วน ไม่เหมือนแต่ก่อนที่ผมบาง แต่มีส่วนโค้งเว้าที่สวยเด่นแค่ชดกระโปรงสีเหลืองเรียบง่าย เห็นแล้วก็ยังรู้สึกเย้ายวนเป็นพิเศษหลี่จื่อเหยาเทียบกับนางได้เสียที่ไหน!
หมากก้าวแรกของพวกชินอ๋องเซียวในตอนนั้นก็เสี่ยงเหมือนกัน ไปบอกเรื่องที่พวกเขารู้กับองค์จักรพรรดิ แม้จะช่วยจัดการพยานสองคนนั้นไปแล้ว แต่องค์จักรพรรดิก็อาจจะยังไม่ละเว้นพวกเขาอยู่ถึงอย่างไรปากของคนตายนี่ล่ะที่ปิดสนิทที่สุด"ท่านพ่อ ความสัมพันธ์ของพวกเรากับองค์จักรพรรดิ จะไปเทียบกับตระกูลฟู่ได้อย่างไร?"เซียวเหยียนจิ่งไม่เห็นด้วยท่านพ่อกับองค์จักรพรรดิเป็นลูกพี่ลูกน้องกัน พวกเขาล้วนสกุลเซียว ยิ่งไปกว่านั้นชินอ๋องเซียวก็ยังคุกคามองค์จักรพรรดิไม่ได้ จวนชินอ๋องเซียวเองก็ไม่ได้มีอำนาจสักเท่าไร ก็แค่อาศัยแต่พระมหากรุณาธิคุณของฝ่าบาทไปเท่านั้นดังนั้นองค์จักรพรรดิจึงเชื่อในความจริงใจที่พวกเขาส่งไปให้ เชื่อว่าพวกเขาต้องการแค่จะได้รับการให้ความสำคัญและการปกป้องจากฝ่าบาทเท่านั้น"ตระกูลฟู่จะไปมีอะไร? ฝ่าบาทไม่จำเป็นต้องเห็นพวกตระกูลฟู่อยู่ในสายตาเลย ส่วนเซียวหลันยวนก็เป็นหนามในสายตาองค์จักรพรรดิอีก องค์จักรพรรดิคิดจะรับมือกับเซียวหลันยวน ตอนนี้เซียวหลันยวนเองก็มีจุดอ่อนที่ใหญ่ที่สุดอยู่ นั่นก็คือฟู่จาวหนิง"พอพูดคำนี้ เซียวเหยียนจิ่งก็ดูไม่ค่อยสบายใจขึ้นมาที่ต้องให้เขายอมรับว่าเซียวหลันย
ก่อนหน้านี้ฟู่จิ้นเชินชื่อเสียงระบือเมืองหลวง และเคยขี่ม้าไปตามถนนสายยาว เคยเข้าไปในโรงสุราประชันโคลงกลอนกับผุ้อื่น เป็นช่วงเวลาที่รุ่งโรจน์เหลือประมาณเพราะเขามีหน้าตาที่ไร้เทียมทาน คนที่ไปดูเขาโดยเฉพาะก็มีไม่น้อย ผ่านไปหลายปีเช่นนี้ คนที่ยังจดจำหน้าตาเขาได้ก็มีอยู่ไม่น้อยด้วยเช่นกันโดยเฉพาะแม้จะผ่านไปสิบกว่าปีแล้ว เขาก็แทบไม่ได้ดูแก่ลงเลย มีแค่ความสุขุมที่มากขึ้น คนที่เคยเจอเขาในครั้งนั้น พอคิดว่าแค่เหลือบมองแล้วจำเขาได้ก็คงไม่ใช่เรื่องที่ยากเย็นอะไรกลับกันตัวฟู่หลินซื่อ คนที่พบเจอมีไม่มากนัก"ตอนนั้นคนที่ส่งข่าวให้พวกเราบอกว่า รอให้ฟู่หลินซื่อกลับเมืองหลวง จึงสามารถคิดหาวิธีให้เรื่องเมื่อสิบแปดปีก่อนเกิดขึ้นอีกครั้ง"ชินอ๋องเซียวกดเสียงต่ำ "สิบแปดปีก่อน เรื่องที่ฟู่หลินซื่อถูกใส่ร้ายว่าวางยาพิษเซียวหลันยวนสินะ ตอนนี้นางกลับมาแล้ว จะมีคนยืมมือของนางลงมือวางยาพิษกับเซียวหลันยวนอีกครั้งหรือ?"เซียวเหยียนจิ่งในใจมีความตื่นเต้นที่ยากจะพรรณนาออกมาเขาช่วงนี้เฝ้าคอยเรื่องนี้อยู่ตลอดก่อนหน้านี้เขาถอยห่างฟู่จาวหนิง อยากจะหนีนางไปให้ไกลๆ แต่ตอนนี้เขาเสียใจขึ้นมาเสียแล้วนับตั้งแต่
ผู้อาวุโสจี้อยู่ในรถม้าด้านหลัง เขาเองก็เลิกม่านขึ้นมองด้านนอก พอเห็นร้านรวงสองฟากฝั่งถนนแขวนไว้ด้วยโคมแดงก็ถอนหายใจ"จะปีใหม่อีกแล้ว"ชายหนุ่มอายุราวสามสิบปีอีกหนึ่งคนที่นั่งอยู่ในรถม้าก็มองออกไปด้านนอก พอได้ยินเขาพูดเช่นนี้ก็มองไปทางผู้อาวุโสจี้ ถอนหายใจเอ่ยขึ้นว่า "ผู้อาวุโสจี้ นี่จะปีใหม่อยู่แล้ว เจ้าพันธมิตรเรียกท่านกลับไปรวมตัวที่สาขาหลัก ท่านทำไมจึงปฏิเสธล่ะ?"ผู้อาวุโสจี้ไม่ได้กลับสาขาหลักไปช่วงปีใหม่หลายปีแล้ว"ไม่อยากไป วุ่นวายเกิน" ผู้อาวุโสจี้ส่ายหัว ไม่สนใจอย่างเห็นได้ชัด"ผู้อาวุโสคนอื่นก็ล้วนอยู่ที่พันธมิตร แม้ว่าเวลาปกติจะไปที่นั่นที่นี่ แต่พอถึงช่วงไว้พระจันทร์กับปีใหม่ล้วนกลับไป ตอนที่พวกเขาอยู่ด้วยกันยังสามารถหารือเรื่องใหญ่ต่างๆ ในพันธมิตรได้ นอกจากนี้ทุกสิ้นปีฝ่ายบัญชีพันธมิตรโอสถก็จะตรวจสอบแบ่งปันเงิน ท่านไม่กลับไป เรื่องพวกนี้ก็ไม่รู้ว่าจัดการกันชัดเจนหรือไม่ชายคนนี้เพิ่งจะถูกย้ายมาเป็นผู้ดูแลพันธมิตรคนใหม่ของเมืองหลวง ซูเหอซูเหอเองก็ถือเป็นคนที่ได้รับการสนับสนุนจากผู้อาวุโสจี้ เดิมทีด้วยอายุและประสบการณ์ของเขา ควรจะถูกจัดไปอยู่ประจำที่สาขาของพันธมิตรโอ
"หวานจัง"องค์หญิงนานฉือกินไปคำหนึ่ง ตาก็เป็นประกายขึ้นมา"ลูกชิ้นนี่เหนียวหนึบหนับดี เด้งและอ่อนนุ่ม น้ำแกงก็หวาดดี อร่อยจัง""ลูกชิ้นนี้ต้องใช้น้ำอุ่นที่อุณหภูมิพอดีมานวด ส่วนเวลาและแรงตอนที่นวดก็ต้องพิถีพิถันด้วย ท่านพี่เองก็ชอบกิน พีสะใภ้กินเยอะหน่อยๆ"องค์หญิงหนานฉือชอบกิน อันชิงจึงดีใจมากนางนั่งอยู่ตรงข้ามมององค์หญิงหนานฉือ รู้สึกว่านางดุมีเสน่ห์กว่าก่อนที่แต่งงานเสียอีก สวยจับใจจริงๆ"พี่ชายของเจ้า..."องค์หญิงหนานฉือหน้าร้อนขึ้นมาเดิมทีนางก็เป็นคนที่ค่อนข้างเปิดเผย แต่พอเจอกับเรื่องนี้ก็อดเขินอายขึ้นมาไม่ได้เหมือนักนพูดพูดถึงผู้ตรวจการอันเหนียน องค์หญิงหนานฉือก็รู้สึกปากร้อนขึ้นมาหน่อยๆ นางไม่เคยคิดเลยว่าผู้ตรวจการอันที่มีหน้าตางดงามอ่อนโยนมีการศึกษา จะเป็นชายหนุ่มที่มีอารมณ์หนักหน่วงคนหนึ่งแบบนี้!หลายวันนี้ ทุกวันตอนกลางคืนเขาก็จะมาทรมานนางสองครั้ง หลังจากเสร็จประชุมเช้า เขาก็ยังกลับมาทรมานนางอีกครั้งยิ่งไปกว่านั้นทุกครั้งก็ยังใช้เวลานาน นี่ทำเอานางหลายวันนี้มึนๆ งงๆ ร่างกายเมื่อยขบนอนไม่พอ ไม่ค่อยได้ออกจากห้องเลยทุกมื้อล้วนมีคนส่งอาหารเข้ามาในห้อง นางเองก็ขี
ฟู่จาวหนิงเองก็ไม่สนใจว่าองค์จักรพรรดิจะถามพวกอวิ๋นจูอย่างไรนางกลับมาที่จวนอ๋องเจวี้ยนอีกครั้ง ครั้งนี้ย้ายของไปมากกว่าเดิม ถึงกับตกแต่งห้องขังนั้นขึ้นมาแล้วประตูห้องขังยังแขวนม่านเอาไว้ด้วย บนพื้นปูพรม บนเตียงยังมีฉากกั้นลมสูงครึ่งตัวคนอีก แล้วยังกั้นเป็นห้องเล็กๆ สามารถวางถังปลดทุกข์ใบหนึ่งได้ด้วยที่มุมยังมีแจกันดอกไม้ บนกำแพงติดเชิงเทียนเอาไว้ แล้วยังแขวนเครื่องหอมไว้อีกย้ายโต๊ะมาหนึ่งตัว เก้าอี้สองตัว แล้วยังมีเบาะรองนั่งอีกพู่กันหมึกกระดาษแท่นฝนหมึกก็ยังติดมา แล้วยังมีเตาเล็กสำหรับอุ่นชาอุ่นสุราอีกชุดหนึ่ง วางเครื่องลายครามที่ประณีตสวยงามเอาไว้องครักษ์จวนอ๋องเจวี้ยนหลังจากย้ายของพวกนี้เข้ามาจัดวางแล้ว ห้องขังนี้ก็เปลี่ยนไปอย่างมากหัวหน้าคุกกับผู้คุมมองจนตาตั้งพวกเขาไม่ใช่ว่าไม่ได้ห้ามปราม แต่ฟู่จาวหนิงพูดมาคำเดียวว่า "ข้าบอกกับองค์จักรพรรดิแล้วว่ามาอยู่เป็นเพื่อนท่านอ๋อง" พวกเขาก็ต้องก้มหน้ากลับไปหัวหน้าคุกรู้สึกว่าผิดปกติไปจริงๆ วิ่งไปรายงานกับหัวหน้า ตอนกลับมายังคิดจะรื้อของเหล่านี้ของฟู่จาวหนิงออก"พระชายาอ๋องเจวี้ยน องค์จักรพรรดิให้อ๋องเจวี้ยนมาทบทวนตนเองให้
"ที่แท้การขังเอาไว้ในคุกใหญ่ก็ไม่เรียกว่าการลงโทษสินะ?""ฟู่จาวหนิง วันนี้เจ้าคิดจะมาทำอะไรกันแน่? ข้ามีงานการอีกตั้งมาก ไม่มีเวลามาเสวนาไร้สาระกับเจ้านะ!" องค์จักรพรรดิรู้สึกว่าแค่เห็นฟู่จาวหนิงเขาก็ปวดหัวเสียแล้วเขาเองก็ไม่กล้าทำอะไรนางจริงๆวิชาแพทย์ของฟู่จาวหนิงสูงส่งมาก! ในใจเขายังรู้สึกว่าโชคดีมาก ถึงอย่างไรนางก็เป็นคนของแคว้นเจา ถึงอย่างไรนางก็ยังมีญาติอยู่ที่เมืองหลวง ถึงอย่างไรตระกูลฟู่ก็ไม่ได้มีรากฐานอะไร ดังนั้นตอนที่เขาต้องการนางจริงๆ เขายังมั่นใจว่าตนเองจะบีบจุดอ่อนของนาง แล้วนำนางมาใช้ประโยชน์เพื่อตนเองได้ใครให้วิชาแพทย์ต้องมาเจอกับหายนะเข้าในใต้หล้านี้กัน ปัจจุบันพวกหมอเก่งๆ ล้ำค่าจะตายไปก่อนหน้านี้แคว้นเจามีหมอเทวดาหลี่ พวกเขาก็รู้สึกมีความมั่นใจอยู่ แต่พอเทียบกับฟู่จาวหนิง วิชาแพทย์ของหมอเทวดาหลี่กลับห่างชั้นอยู่ไกลโขเลยทีเดียวเพื่อวิชาแพทย์ของนาง ขอแค่นางไม่มาเหยียบเส้นต่ำสุดที่ไม่ควรล้ำ องค์จักรพรรดิก็ยังมีความอ่อนข้อให้สูงลิบอยู่เพียงแต่ว่า นางนี่มันน่าโมโหเสียจริงองค์จักรพรรดิรู้สึกว่ายิ่งพูดกับฟู่จาวหนิงมากแค่ไหนชีวิตเขาก็สั้นลงไปอีกหลายปี"แค่อยากจ
องค์จักรพรรดิพอได้ยินคำของฟู่จาวหนิง หน้าผากก็มีเส้นเลือดปูดตึงขึ้นมา"อายวนเขามีอะไรต้องทุกข์ใจกัน? ไม่พอใจข้าที่ให้เขาไปนั่งทบทวนตนเองในคุกหรือ?"ถ้านางกล้าบอกว่าไม่พอใจล่ะก็...ในใจองค์จักรพรรดิยังกำลังคิด ว่าตอนที่นางพูดว่าไม่พอใจแล้วจะตอกนางกลับไปอย่างไร ก็ได้ยินฟู่จาวหนิงใช้น้ำเสียงแปลกประหลาดออกมาคำหนึ่ง"องค์จักรพรรดิ ใครบ้างที่ยินดีจะอยู่ในคุก?"องค์จักรพรรดิ: นี่ยังจะย้อนถามมาอีกหรือ?"แต่ต่อให้ไม่ยินดีก็มิอาจขัดราชโองการได้" ฟู่จาวหนิงผายสองมือออก ดูจำใจอย่างมาก "เขาเป็นทุกข์ก็คือพวกสาวงามที่องค์จักรพรรดิยัดเข้ไาปข้างกายนั่นมันน่าโมโหมาก องค์จักรพรรรดิให้พวกนางไปดูแลเขา ผลลัพธ์คือพวกนางทั้งหมดก็หนีไปกันเกลี้ยง!""หนีหรือ?"องค์จักรพรรดิเองก็เดินตามแนวคิดของนางโดยไม่รู้ตัว กระทั่งน้ำเสียงก็ยังเลียนเสียงนางขึ้นอย่างไม่รู้ตัวจากนั้นเขาจึงได้สติกลับมา อยากจะตบปากตัวเองเสียจริงๆ"ใช่ไหมล่ะ เกินไปจริงๆ องค์จักรพรรดิ อายวนอยู่ในคุำำใหญ่ออกมาไม่ได้ ดังนั้นเขาจึงให้ข้าเข้าวังมาบอกกับองค์จักรพรรดิ จวนอ๋องเจวี้ยนไม่ต้อนรับสาวงามพวกนี้ แต่เจอเรื่องครั้งนี้เข้าไปก็ส่งผลกระทบกั