พวกเเขาตกลงกันเช่นนี้ รอหลังปีใหม่แล้วค่อยเดินทางนี่ก็เป็นการให้เวลาฟู่จาวหนิงไปพูดเรื่องนี้กับผู้เฒ่าฟู่ด้วยเช่นกันช่วงท้ายปีมาถึงอย่างรวดเร็วตอนที่ใกล้จะสิ้นปีก็มีหิมะใหญ่ตกลงมาครั้งหนึ่ง แค่คืนเดียวเมืองทั้งเมืองก็กลายเป็นโลกหิมะขาวไปองค์จักรพรรดิก็คอยมีการเคลื่อนไหวเล็กๆ อยู่เนืองๆ นี่ยังจัดงานเลี้ยงฤดูหนาวขึ้นมาอีก ให้เซียวหลันยวนพาฟู่จาวหนิงเข้าวังด้วยกัน หาวิธีจะรู้ให้ได้ว่าสิ่งยืนยันสามชิ้นนั้นคืออะไรเซียวหลันยวนจึงนำสิ่งยืนยันสองชิ้นตรงหน้าให้เขาดูไม่มีสิ่งยืนยันชิ้นที่สาม เพียงแต่พอเห็นของสองชิ้นนี้แล้วก็ยังเดาอะไรไม่ออก องค์จักรพรรดิเองก็ไม่มีหน้าไปถามเขาตรงๆ ว่าสิ่งนี้จะเอาไปใช้ที่ไหน ใช้อย่างไร สุดท้ายจึงสะกดลงมาไม่ถามชั่วคราว"ข้าไม่เชื่อหรอก ว่าพวกเขาจะไม่เคลื่อนไหวอะไร แล้วให้คนมาจับตาจวนอ๋องเจวี้ยนไว้ หากเขามีการเคลื่อนไหวก็ให้ตามไป อย่าแหวกหญ้าให้งูตื่น"ถึงตอนนั้นเขาก็จะกลายเป็นนกกระจอกที่อยู่ด้านหลังตั้กแตนที่จับหนอนแมลงเองหลังจากกำหนดแผนการนี้ องค์จักรพรรดิก็ไม่รีบร้อนฟู่จาวหนิงคืนสิ้นปีนี้อยู่ที่บ้านตระกูลฟู่เซี่ยซื่อกับหลินอันห่าวก็ดื่มสุราแก้
ตอนนี้ฟู่จาวหนิงเดินมาถึงหน้าประตู กระทืบหิมะที่รองเท้า ตบเสื้อผ้า ได้ยินเสียงของเขา พูดว่า "ท่านปู่ เช่นนั้นท่านก็คงไม่รู้จริงๆชื่อเสียงไม่ดีนั่นน่ะลือออกไปตั้งนานแล้ว""ลือออกไปแล้วหรือ?" ผู้เฒ่าฟู่ตกตะลึงไป"ใช่แล้ว ฟู่เจียวเจียวเอาไปพูดภายนอก บอกว่าข้าขโมยขาไก่ของนางกิน แล้วยังแอบกินไข่ไปอีกตั้งหลายใบ จนทำเอาให้คืนสิ้นปีนั้นของบ้านพวกเขามีแต่ข้าวต้มกับผักดอง แล้วก็น้ำแกงอีกนิดหน่อย"ฟู่จาวหนิงเองก็คิดเรื่องเหล่านี้ออกแล้วก่อนหน้านี้ตอนที่บ้านเหล่านั้นยังอยู่ที่นี่ ช่วงนั้นวันวันก็วุ่นวายกันไปหมดจริงๆยิ่งไปกว่านั้นชื่อเสียงของฟู่จาวหนิงยังถูกพวกเขาทำลายไปนานแล้วด้วย ไม่เช่นนั้นจะไม่มีคนจากบ้านอื่นมาสู่ขอนางได้อย่างไรกัน?ถึงอย่างไรด้วยหน้าตาเช่นนี้ของนาง ต่อให้ตระกูลฟู่จะยากจน แต่ก็ต้องมีคนไม่น้อยมาชอบนางบ้างตอนที่การหมั้นหมายของนางกับรัฐทายาทชินอ๋องเซียวยังไม่ได้พูดกันออกไป ก็ยังไม่มีใครเข้ามาพูดเรื่องสู่ขอ หรือว่านั่นจะเป็นเพราะพวกบ้านอื่นเอาชื่อเสียงของนางไปลือจนย่ำแย่หรือเปล่านะ?บอกว่านางกินเก่งแต่ขี้เกียจ อะไรก็ไม่ทำสักอย่าง อยู่ในบ้านยังคอยลักเล็กขโมยน้อย แล้วยังชอ
"แค่กๆ" สีหน้าผู้เฒ่าฟู่ดูไม่เป็นธรรมชาตินักฟู่จาวหนิงตอนนี้จึงเข้าใจขึ้นมา "เซียวหลันยวนหรือ? ก็น่าจะอยู่ที่จวนคนเดียวกระมัง เขาไม่เข้าวังฉลองปีใหม่"เซี่ยซื่อเองก็อยากรู้อยากเห็น "ได้ยินว่าไทเฮาองค์จักรพรรดิฮองเฮาไม่ค่อยจะดีกับเขานัก เอาแต่คอยระมัดระวังเขานี่จริงไหม?"นางเดิมทีก็กล้าจะวิพากษ์วิจารณ์เรื่องในราชวงศ์อยู่ แต่ตอนนี้พอใช้ชีวิตกับฟู่จาวหนิงพักหนึ่ง และเพราะเซียวหลันยวนเป็นสามีของฟู่จาวหนิง จะมากน้อยก็เป็นกังวลขึ้นมา อยากจะถามตั้งนานแล้ว"ตัวตนฐานะของเขาพิเศษหน่อยๆ แล้วก็ชอบละเมิดเรื่องต่างๆ จริงๆ แล้วองค์จักรพรรดินั่นจิตใจก็ไม่ได้กว้างขวางเท่าไรนัก" ฟู่จาวหนิงเอ่ยขึ้น "จะว่าไป ตอนที่เขายังเล็กก็ถูกวางยาพิษแล้ว ใช้ชีวิตมาก็ไม่ง่ายสักเท่าไร"พอฟังถึงจุดนี้ เซี่ยซื่อก้เห็นใจอ๋องเจวี้ยนขึ้นมา"ก่อนหน้านี้อ๋องเจวี้ยนใช้ชีวิตอยู่แต่ในยอดเขาโยวชิงมาหลายต่อหลายปี นั่นไม่เหงาหงอยขมขื่นแย่หรอกหรือ?""จะไปเหงาหงอยขมขื่มอะไรกัน เขามีเงินทองตั้งมากมาย" ฟู่จาวหนิงเอ่ยขึ้น"เวลาแบบนี้ เงินทองมันจะไปช่วยอะไรได้กัน? ข้าได้ยินมาว่าเขาสุขภาพก็ไม่ดี กินก็กินได้ไม่กี่คำใช่ไหม?""ใครบอ
"ก็นั่นน่ะสิ? ดังนั้น เซียวเหยียนจิ่งจึงไม่คู่ควร"ผู้เฒ่าฟู่เอ่ยขึ้น "ช่วงนี้ข้าเห็นจาวหนิงก็เข้าใจแล้ว นางตอนนี้ดูมีความคิดของตนเอง ไม่ได้โง่อีกด้วย จะดูคนดูสถานการณ์ก็ยังแม่นยำกว่าผู้เฒ่าคนนี้อีก และยังมีความสามารถอีกด้วย อ๋องเจวี้ยนคงไม่ได้มีเป้าหมายอะไรกับนางกระมัง? แต่ก็นะ พวกเขาแต่งงานมาครึ่งปีแล้ว ข้าเห็นจาวหนิงก็ไม่ได้ดูลำบากอะไร"จะว่าไปเขาก็รู้สึกไม่อยากเชื่อเลยแต่ความจริงก็เป็นเช่นนี้ก่อนหน้านี้ตอนที่ฟู่จาวหนิงวิ่งไล่ตามเซียวเหยียนจิ่งนางก็ดูมืดมนมาก ดูไม่สงบเอาเสียเลย ดูต้อยต่ำหวาดกลัวอีกต่างหาก ต่อให้เซียวเหยียนจิ่งไม่ได้มีความแค้นอะไรกับนางเลยก็ตามทีแต่พออยู่กับอ๋องเจวี้ยน ต่อให้ระหว่างพวกเขาอาจจะมีเรื่องในอดีตพาดขวางอยู่ แต่สภาพของจาวหนิงตอนนี้ก็ยังถือว่าดีมาก"ขอแค่นางรู้ดีอยู่แก่ใจ หลังจากนี้จะเจอกับเรื่องอะไร ข้าเชื่อมั่นว่านางจะรับมือได้" ผู้เฒ่าฟู่เอ่ยขึ้น "ถ้าหากในสายตาอ๋องเจวี้ยนมีแต่ความแค้นในใจ ตอนนี้จาวหนิงคงไม่ใช่เช่นนี้"เซี่ยซื่อเติมน้ำชาให้เขาอีกแก้ว ทอดถอนใจออกมาเสียงหนึ่ง"ท่านผู้เฒ่า จะอย่างไรท่านก็เป็นคนฉลาดคนหนึ่งนะ?"จาวหนิงอาจจะคิดว่าท่า
"เจ้าทำเองเลยหรือ?""ใช่แล้ว ต้องปีใหม่ในกลุ่มประชาชนเท่านั้นจึงจะทำขนมแบบนี้ ในราชวงศ์พวกท่านไม่มีกระมัง?""ในวังส่งขนมมงคลเข้ามา หลากหลายแบบเลย แต่ว่าข้ากินไม่ลง ข้าจะลองชิมที่เจ้าทำดู" เซียวหลันยวนเดินเข้ามาทันที ยื่นมือออกไปรับกล่องอาหารในมือฟู่จาวหนิงมือของเขาแตะเข้ากับนางฟู่จาวหนิงหยิบกล่องอาหารส่งให้ชิงอีทันที มืออีกข้างของตนเองก็คว้าเซียวหลันยวนไว้ชิงอีก็รับกล่องอาหารไปอย่างเฉียบแหลม"มือของท่านเย็นอย่างกับน้ำแข็ง แล้วยังมายืนตากลมข้างนอกนี้อีก? ท่นอ๋องเจวี้ยน ท่านคดว่าตนเองแข็งแรงมากนักหรือ?" ฟู่จาวหนิงมองบนใส่เขามือของเขาเย็นมากจริงๆ!ตอนที่พูดนางก็ยังไม่หยุด ดึงเขาเข้าไปในห้องเซียวหลันยวนยอมให้นางลากไป ไม่คัดค้านเลยแม้แต่คำเดียว"พระชายา ขนมนี้ยังร้อนอยู่" ชิงอีหยิบของในกล่องยกออกมาฟู่จาวหนิงใส่ถ่านเผาแดงเข้าไปในกล่องเหล็กชั้นล่าง ชัั้นบนใส่ของกินเอาไว้ เช่นนี้พอหิ้วไปไหนมาไหนก็ยังร้อนอยู่พอเปิดกล่องอาหารให้พวกเขาดู ชิงอีก็ร่าเริงขึ้นมาแล้ว"วิธีนี้ดีมากเลย"เขารีบออกไปเรียกหงจั๋วกับเฝิ่นซิงเข้ามารับใช้ และให้เวลาท่านอ๋องกับพระชายาได้อยู่กันตามลำพังเสียก
ตอนที่พวกหงจั๋วรินชาเข้ามา ฟู่จาวหนิงก็เก็บเข็มกลับไปแล้ว"รสชาติดี"ฟู่จาวหนิงรีบยกชาดื่มลงไปอึกใหญ่ ผลคือน้ำชาลวก นางร้องซี๊ดแลบลิ้นออกมา จากนั้นจึงถลึงตาใส่เซียวหลันยวนเจ้านี่ทำเอาปากกับลิ้นนางเจ็บขนาดนี้เลย"พระชายา ไม่เป็นไรใช่ไหม?" หงจั๋วตกใจสะดุ้งโหยง "ชานี้ไม่ได้ร้อนขนาดนั้นนี่นา"อันที่จริงก็ไม่ใด้ลวกมาก แต่ลิ้นนางเดิมทีก็เจ็บอยู่หน่อยๆ แล้วถ้าไม่ใช่นางยืนหยัดจะฝังเข็ม เซียวหลันยวนคงกลืนนางไปแล้ว"ไม่เป็นไรไม่เป็นไร" ฟู่จาวหนิงถลึงตาเหลือบมองเซียวหลันยวนผาดหนึ่ง นี่ไม่ใช่ต้องโทษเขาหรอกหรือ?หงจั๋วมองพระชายา จากนั้นก็มองท่านอ๋อง เม้มปากแอบหัวเราะแม้ท่านอ๋องกับพระชายาแต่งงานกันเหมือนละครฉากหนึ่ง แต่นางก็ไม่เคยเห็นสามีภรรยาคู่ไหนเหมือนกับพวกเขาเลยพระชายาแม้ว่าปกติจะไม่พักในจวนอ๋อง ตอนที่เข้ามายังเหมือนเป็นแขกคนหนึ่ง แต่นางทำไมถึงรู้สึกว่าไม่มีนายหญิงคนไหนที่จะเหมาะกับจวนอ๋องเจวี้ยนเท่านางแล้ว?ยิ่งไปกว่านั้น ท่านอ๋องก็เคยกำชับนางกับเฝิ่นซิง นางทั้งสองคนเป็นสาวใช้ให้แค่พระชายาเท่านั้น ตอนที่พระชายาไม่อยู่ในจวนอ๋อง พวกนางสองคนก็ไม่ต้องทำเรื่องอื่น รับผิดชอบแค่ปัดกวาด
เทียนแดง กระโจมแดง ผ้าห่มแดง หมอนสีแดงก่อนหน้านี้ไม่ใช่เช่นนี้นี่!"พระชายา พักผ่อนไวไว ข้าน้อยขอตัวก่อน" เฝิ่นซิงกับหงจั๋วพอจัดการเรื่องเสร็จก็ถอนตัวออกไปทันที"เอ๋?"ฟู่จาวหนิงหมุนตัวคิดจะร้องเรียกพวกนาง แต่สองสาวใช้ก็วิ่งไวเสียยิ่งกว่ากระต่ายเซียวหลันยวนอาบน้ำเสร็จเดินเข้ามา พอเข้าประตูก็งงงันไป แต่เพียงไม่นานก็เก็บสีหน้าลงแต่ว่าฟู่จาวหนิงก็เห็นสีหน้างงงันของเขาเมื่อครู่นี้แล้ว "ข้าคิดว่าท่านจะมีงานอดิเรกเช่นนี้เสียอีก ช่วงสองเดือนก็เอาแต่จัดเรื่องเช่นนี้มาตลอด ตอนนี้ดูท่าว่าสองสาวใช้นั่นจะจัดแจงเองเสียแล้ว""ปีใหม่ แบบนี้ก็ไม่เลวนักหรอก" เซียวหลันยวนเอ่ยขึ้นฟู่จาวหนิงไม่มีคำจะพูดต่อเลยเขาก็บอกอยู่ว่าแค่ปีใหม่ เช่นนั้นถ้านางยังจะคิดเล็กคิดน้อย มันจะไม่ใช่กลายเป็นว่านางคิดมาเกินไปหรือ?เซียวหลันยวนปลดเข็มขัดออกฟู่จาวหนิงเองก็ลังเลอยู่พักหนึ่ง จึงถอดรองเท้าขึ้นเตียง ชิดตัวเข้าไปด้านในรอจนเซียวหลันยวนเป่าเทียนแล้วนอนลงข้างๆ นางก็หมุนตัวเข้าหาเขา แม้ว่าจะอยู่ในความมืดมองไม่เห็นหน้าตาเขา แต่ยังมีกลิ่นหอมสดชื่นจางๆ พันล้อมอยู่รอบตัวเขา และความรู้สึกคงอยู่ของตัวเขาก็รุนแ
"ดูท่าจะเป็นความผิดข้าเอง"พูดพลางก้มหน้าลงจิกไปที่ริมฝีปากนาง เสียงทุ้มต่ำ "เช่นนั้นข้านับตั้งแต่ตอนนี้ให้เริ่มจีบเจ้าหรือ?"ฟู่จาวหนิงอดยิ้มขึ้นมาไม่ได้"ตอนนี้เจ้าลืมคำพูดของข้าที่เคยพูดไปก่อนหน้านี้แล้ว นับตั้งแต่ตอนนี้ พวกเราถือว่าเริ่มกันใหม่"เซียวหลันยวนพูดจบก็จิกลงไปบนริมฝีปากนางอีกครั้ง "รับปากไหม? พระชายาอ๋องเจวี้ยน?""ไม่รับปากหรือ?""ไม่รับปาก?"เซียวหลันยวนกดลงมา ประกบปากนางไว้จนมิด เสียงของเขาอู้อี้อยู่ระหว่างริมฝีปากไรฟัน "จะจูบเจ้าจนกว่าจะรับปากเลย"ในห้องร้อนขึ้นมาทันที ค่ำคืนนี้ดูหวานชื่นอ่อนโยนเป็นพิเศษวันต่อมา คนของจวนอ๋องเจวี้ยนรู้สึกว่าระหว่างท่านอ๋องกับพระชายาแตกต่างออกไปแล้วตอนที่ท่านอ๋องเรียกพระชายาว่า "หนิงหนิง" ก็ดูเป็นธรรมชาติมาก พระชายาเองก็ตอบรับอย่างเป็นธรรมชาติเช่นกันยิ่งไปกว่านั้นระหว่างพวกเขาทั้งสองคนยังเหมือนมีสีสันอะไรบางอย่างหลั่งไหลอย่างชัดเจน ดูแล้วหวานชื่นเหลือแสนผู้ดูแลอดทนอยู่นาน พอมาถึงช่วงค่ำก็ทนไม่ไหวแล้ว ไปรายงานกับเซียวหลันยวนเรื่องที่มีใครเข้ามาส่งของขวัญปีใหม่บ้าง จากนั้นก็รายงานถึงกลุ่มคนอาวุโสไหนบ้างที่จวนอ๋องเจวี้ยนต้
ส่วนฟู่จาวหนิงเองก็มองมาทางเขา เพราะเซียวหลันยวนไม่ได้ยื่นมือมาประคองนางในตอนแรก แต่กลับมองนางอย่างงงงันหน่อยๆฟู่จาวหนิงยังไม่รู้ว่าตอนนี้เขากำลังคิดอะไร ใจก็ดำดิ่งหน่อยๆยังดีที่ตอนนางมองไปอีกครั้ง เซียวหลันยวนก็ยื่นมือมาดึงนางลุกขึ้นแล้ว จากนั้นไข่มุกหมึกในมือนางก็ส่งคืนไปยังเจ้าอาราม"คืนให้ท่าน"พริบตาที่เจ้าอารามยื่นมารับ เสียงเปรี๊ยะก็ดังขึ้น ไข่มุกหมึกลูกนั้นแตกละเอียดกะทันหันคนทั้งหมดล้วนตกตะลึง มองไปทางเศษหินที่รวงลงมานั่นพวกเขาล้วนถือไข่มุกหมึกกันมาแล้ว เดิมทีก็ยังดีดีอยู่ ไม่มีรอยร้าวอะไรเลย ยิ่งไปกว่านั้นตัวลูกปัดหยกก็ตันและแข็งแกร่ง หล่นลงพื้นก็ไม่แน่ว่าจะแตกด้วยซ้ำแต่ตอนนี้จู่ๆ มันก็เป็นแบบนี้ไปแล้วเจ้าอารามโค้งตัวลงเก็บชิ้นส่วนหยกขึ้นมา หยิบขึ้นมามองๆ"ไข่มุกหมึกทำนายดารา ข้าเองก็เหลืออยู่แค่เม็ดเดียวด้วย"อยู่กับเขามาหลายสิบปี ใช้มาก็ตั้งหลายครั้ง ตอนนี้จู่ๆ ก็แตกเสียแล้วเซียวหลันยวนยื่นมือตัวเองออกมา "ข้าไม่ได้ออกแรงนะ""แล้วก็ไม่เหมือนบีบจนแตกด้วย"เจ้าอารามพูดพลางมองไปทางฟู่จาวหนิงฟู่จาวหนิงหรุบตาลง เศษหินบนพื้นเหล่านั้น "หรือพวกท่านสงสัยว่าข้าทำ
เจ้าอารามสูดลมหายใจลึก"ผลลัพธ์นี้ไม่ค่อยดีนัก สิ่งที่มันชี้นำไป ทำให้อายวนเดินไปยังทางเลือกที่จะพาสู่ความพินาศ"พอได้ยินคำพูดเขา ฟู่จาวหนิงก็หน้าเปลี่ยนสีแต่นางกลับโมโหขึ้นมา"เฮอะ"ก่อนหน้านี้นางยังรู้สึกว่าจะอย่างไรก็ได้แต่ว่าตัวนางจะเป็นอย่างไร นางก็ยังไม่สนใจได้ เพราะนางไม่ใส่ใจ และไม่เชื่อว่าสิ่งเหล่านี้จะส่งผลกระทบกับตัวนางแต่เรื่องดันไปอยู่บนตัวเซียวหลันยวน นางก็ไม่ชอบใจขึ้นมาแล้วยิ่งไปกว่านั้น นางไม่รู้ว่าเซียวหลันยวนจะได้รัรบผลกระทบไหม ตัวนางเป็นคนที่ผ่านการข้ามภพมา แต่เขาไม่ใช่"อายวน" นางยื่นมือไปประคองเซียวหลันยวนเขาจับมือนางลุกขึ้นยืน มองดุนาง ยื่นมือลูบใบหน้านาง สีหน้าดูซับซ้อน"เจ้าลองดู"ฟู่จาวหนิงใจดำดิ่งหน่อยๆเพราะเขารู้สึกแปลกไปอย่างเห็นได้ชัด ปฏิกิริยานี้คือถูกส่งผลกระทบเข้าแล้วเมื่อครู่เขายังบอกนางอยู่เลยว่าถ้าไม่อยากคะเนทำนายก็ไม่ต้องทำ ตอนนี้เขากลับบอกว่าให้ลองดูเสียแล้วจิตใจต่อต้านกับความอยากเอาชนะของฟุ่จาวหนิงถูกกระตุ้นขึ้นมาแล้ว"ได้"นางขานรับ และไม่ลังเลอีก นั่งลงตรงหน้ามิติดาราทั้งสามผืนนั้น"ไข่มุกหมึก"เซียวหลันยวนส่งไข่มุกหมึก
เขาไม่อยากให้นางต้องฝืนตัวทำอะไรเพื่อตัวเขา"ข้ายินยอมทดสอบดู ไม่เป็นไร" ฟู่จาวหนิงบอกเขาเซียวหลันยวนชะงักไป "เช่นนั้นข้าก่อนแล้วกัน เจ้าลองดูผลลัพธ์ของข้าก่อนว่าเป็นอย่างไร แล้วค่อยตัดสินใจ"ตอนนี้เขาเองก็ยอมที่จะคะเนทำนายด้วย เพราะคำพูดประโยคนั้นที่เจ้าอารามพูดเมื่อครู่สามปีก่อนตอนที่เขาจะกลับเมืองหลวง ก็มีการวัดคะเนดาราไว้จริงๆ ทำให้เขารู้สึกได้อย่างชัดเจน ว่าเขาควรจะออกจากยอดเขาโยวชิงเวลานั้น และไปถึงเมืองหลวงในวันนั้นเขาเจอกับจาวหนิงถอนหมั้นกลางถนนในวันนั้น แต่งงานกับนางในวันนั้น ตอนนี้พอมาคิดก็ดูจะเป็นคู่รักวาสนาที่ฟ้าประทานมาจริงๆเพื่อความแม่นยำครั้งนี้ เขาเองก็ไม่กังขากับการวัดคะเนดาราเซียวหลันยวนนั่งขัดสมาธิลงตรงหน้ามิติดาราทั้งสามชิ้น ยื่นมือไปทางเจ้าอาราม "ไข่มุกหมึก""เจ้าจำไว้ด้วยว่าต้องขจัดสิ่งรบกวนออก อย่าต่อต้านการชี้นำ" เจ้าอารามส่งไข่มุกหมึกให้เขา จากนั้นจึงจุดธูปขึ้นเซียวหลันยวนหลับตา สองมือกุมไข่มุกหมึกตอนที่เขาเข้าสู่สภาวะลืมตนอย่างสมบูรณ์ ฟู่จาวหนิงก็แหงนหน้ามองท้องฟ้าด้วยสัญชาตญาณ เหมือนจะพบว่าแสงดาวเต็มท้องฟ้าจะสว่างเจิดจ้ากว่าเดิมเซียวหลันยวน
เจ้าอารามถอนใจอย่างจนใจอีกครั้ง ร้องเรียกพวกเขาไว้"กลับมาก่อน ทำไมพูดไม่ถูกหูหน่อยเดียวก็จะไปแล้วล่ะ? เดี๋ยวนี้อารมณ์ขึ้นง่ายขนาดนี้เชียว? ข้าก็แค่พูดเฉยๆ ไม่ใช่ว่ามองเสี่ยวฟู่แบบนี้เสียหน่อย"ฟู่จาวหนิงเองก็ยืนนิ่ง นางดึงเซียวหลันยวนไว้ตอนนี้นางเองก็น่าจะมองการวัดคะเนดาราของเจ้าอารามเป็นเหมือนเกมลึกลับเกมนึง เมื่อครู่ที่เห็นการเปลี่ยนแปลงขององค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้น นางรู้สึกอยากรู้อยากเห็นมากยิ่งไปกว่านั้น ฟู่จาวหนิงรู้สึกว่าเจ้าอารามทำให้นางจับทางไม่ถูกเหมือนกัน คนผู้นี้ต้องมีตัวตนที่ไม่ธรรมดาสำหรับเซียวหลันยวนแน่นอนสำหรับฮูหยินเฉิง เซียวหลันยวนบทจะไม่ยอมรับก็ไม่ยอมรับได้ จะหมดความผูกพันนั่นก็หมดไป แต่สำหรับเจ้าอารามนั้นไม่ได้เด็ดขาดไม่เช่นนั้นคงไม่พานางเดินทางนับพันลี้มายอดเขาโยวชิงแค่เพราะคำๆ เดียวของเจ้าอารามหรอกนางเองก็อยากรู้มาก สาเหตุอะไรที่ต้องให้พวกเขามาทำนายชะตาอะไรนี่ เจ้าอารามคิดจะทำอะไรกันแน่นอกเหนือจากนี้ ตัวนางเองก็ยังอยากรู้ ว่าการที่นางมายังแคว้นเจานี่ เป็นเพราะมีพลังลึกลับอะไรหรือเปล่าถ้าไม่ทำให้ชัดเจน หลังจากนี้นางคงจะตั้งรับไม่ไหวองค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นถึ
เขามองไปทางเจ้าอารามอีกครั้ง น้ำเสียงเข้มงวดขึ้นมา"ท่านน้าเฉิงถ้าพูดแบบนี้จริง เช่นนั้นสายตานางก็ตื้นเขินไม่รู้จักกาลเทศะ นางเองก็ไม่เข้าใจจาวหนิง และยิ่งไม่เข้าใจว่าจาวหนิงผ่านอะไรมาบ้าง แล้วมีสิทธิ์อะไรถึงใช้ความคิดของตัวเองมาสรุป ดูท่าหลายปีนี้คงถูกเอาอกเอาใจในเมืองจื่อซวีจนเสียคนแล้วจริงๆ"เดิมทีเขาได้ยินว่าฮูหยินเฉิงตาแดงก่ำลงจากเขาไป ยังเคยคิดว่าว่าเพราะช่วยนี้เย็นชากับนางมากเกินไปหรือเปล่า เอาไว้ตอนที่จะกลับ พอผ่านอุทยานเขาเฉิงอวิ๋น ยังคิดจะเข้าไปบอกลานางเสียหน่อยแต่ตอนนี้เขารู้สึกแล้วจริงๆ ว่าใจคนมันพังไปแล้ว เช่นนั้นก็ยากที่จะได้รับการเคารพจากคนอื่นจริงๆ"ข้าจดจำได้ว่าตอนที่ข้ายังเล็กท่านน้าเฉิงเคยมาดูแลอยู่หลายครั้ง แต่อันที่จริงพวกเราก็ไม่ได้สนิทกันขนาดนั้น หลังจากข้าโตมา พวกเราก็เจอกันน้อยครั้งมาก เจอกันก็เพียงแค่ทักทาย ข้าเรียกนางว่าท่านน้า ก็เพราะเคยชินมาจากตอนเด็กเท่านั้น"เซียวหลันยวนตอนพูดถึงจุดนี้น้ำเสียงก็เย็นลงมา"ตอนยังเล็กนางดูแลข้ามาหลายครั้ง ส่วนหนึ่งเป็นเพราะอาเจ้าอุทยานกำชับไว้ ข้าจึงเคารพนาง แต่นางก็ควรวางตัวให้ถูก ไม่ใช่จะขึ้นมาเป็นผู้อาวุโสของข้าจริ
สายตาที่องค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นมองเซียวหลันยวนดูซับซ้อนมาก ดูลังเล กำลังตัดสินใจและดูเจ็บปวดทรมานมากแต่หลังจากนี้นางกลับละทิ้งเรื่องที่จะกลับเมืองหลวงหาคนอื่นหรือกระทั่งเรื่องไปแคว้นหมิ่น แล้วิคดจะอยู่ข้างกายเจ้าอารามแทนหรือ?นี่มัน...ฟู่จาวหนิงพูดไม่ออกไปชั่วขณะ ไม่รู้ว่าการเปลี่ยนความคิดกะทันหันของนางมันเกิดขึ้นมาได้อย่างไรตอนนี้นางกลับรู้สึกอยากรู้อยากเห็นต่อวัดคะเนดารานี้เสียแล้ว องค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นสัมผัสได้ถึงอะไรกันนะ?"องค์หญิงใหญ่พักอยู่ที่นี่สองสามวันก่อนก็ได้ เอาไว้ค่อยว่ากัน"เจ้าอารามเหลือบมองกระจกทรงมุมที่แสงดับไปแล้วผาดหนึ่ง จากนั้นก็มองใบหน้าองค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้น แอบถอนหายใจในใจเขาเองก็ทำไม่สำเร็จ บิดชะตาฝูอวิ้นกลับมาไม่ได้ชั่วคราวผิดพลาดตรงไหนกันแน่นะ?เจ้าอารามมองต่อไปทางฟู่จาวหนิง จากการทำนายส่วนตัวของเขา ทำนายไปทำนายมา ต้นกำเนิดตัวแปรทั้งหมดก็คือฟู่จาวหนิงดังนั้น เรื่องที่เกี่ยวกับฟู่จาวหนิง เขาต้องมาขบคิดให้ดีจริงจัง""เจ้าอารามรับข้าไว้เถอะ แม้ข้าจะทำอะไรไม่เป็นเลย แต่ก็ยังเรียนรู้ได้ ข้าเรียนรู้ทำกับข้าว จริงด้วย ข้าเป็นแแม่สื่อได้ด้วยนะ หลังจากนี้ชายเส
บนพื้นมีสามจุดเปล่งแสงขึ้นรางๆ ปรากฏรูปร่างสามแบบคือ แปดเหลี่ยม ทรงกลม ทรงมุมฟู่จาวหนิงเดินเข้าไปสองก้าว จึงพบว่านั่นเป็นกระจกหลากสีเรียบลื่นสามชิ้นสลักฝังอยู่บนพื้น ใต้กระจกน่าจะเป็นหินหยกผิวเรียบ และระหว่างหยกกับกระจกมีของเหลวสีแดงเจือสีเงินไหลเอื่อยๆ อยู่ยิ่งไปกว่านั้น เพียงไม่นาน ด้านบนยังมีแสงระยิบเหมือนดวงดาว ราวกับจำลองท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยแสงดาวออกมาเจ้าอารามเดินเข้าไปใกล้ กวักมือให้กับองค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้น"มานี่"องค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นก็ค่อนข้างว่าง่าย เดินเข้าไปทันทีเจ้าอารามส่งลูกปัดหยกสีดำเม็ดหนึ่งให้นาง"นั่งขัดสมาธิ กำลูกปัดเม็ดนี้ไว้ สัมผัสดูว่ามันนำเจ้าไปยังมิติดาราไหน แล้วจงชี้ออกมา"องค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นไม่ค่อยเข้าใจ แต่ก็ทำตามที่เขาบอกนั่งลงขัดสมาธิบนพื้น สองมือกุมลูกปัดนั้น ตั้งสมาธิสัมผัสผ่านไปครู่หนึ่ง นางจึงหันหลังอย่างลังเลไปทางทรงมุมนั้น"ทางนี้"ฟู่จาวหนิงยืนมองอยู่ข้างๆจากที่นางเห็น เจ้าอารามเหมือนคนที่กำลังเล่นละครหลอกคนอย่างไรอย่างนั้น เรื่องแบบนี้จะทำนายดวงชะตาออกมาได้อย่างไร?กำลูกปัดลูกหนึ่งไว้ ก็สามารถชักนำให้ตนเองเลือกกระจกหลากสีแผ่นไหนแบ
ดาวสองดวงนั้นประกายจ้ามาก แล้วยังอยู่ใกล้มากด้วย ส่องประกายให้กันและกัน เหมือนขานรับกันและกันไม่รู้เพราะอะไร พอเห็นดาวสองดวงนี้ ฟู่จาวหนิงรู้สึกมีความสุขขึ้นมานางมองไปทางเซียวหลันยวน ถามขึ้นเสียงแผ่วเบา "ท่านเห็นดาวดวงไหนหรือ?"เซียวหลันยวนไม่ตอบ แต่กุมมือนางมัน จับนิ้วนางชี้ออกไป"เอ๋?"ที่เซียวหลันยวนชี้ก็คือดาวสองดวงนั้น!หรือพวกเขาจะมองเห็นแบบเดียวกัน?แน่นอนว่าอาจจะเพราะดาวสองดวงนั้นสว่างไสวมากที่สุด คนอื่นเองก็อาจจะมองเห็นพวกมันด้วยฟู่จาวหนิงคิดเช่นนี้ เลยมองไปทางองค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้น แต่กลับเห็นนางมองไปทางอื่นนางมองไล่ตามสายตาองค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นไป ตรงนั้นมีดาวดวงหนึ่ง สว่างอยู่เหมือนกัน แต่ดาวที่อยู่รอบๆ เล็กเอามากๆ จึงส่องระยับอยู่เพียงดวงเดียวที่องค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นมองอยู่น่าจะเป็นดวงนั้นกระมัง?ตอนที่นางจะเก็บสายตาก็กวาดไปเห็นซางจื่อพอดี และเห็นซางจื่อก็กำลังมองท้องฟ้า แต่สายตาของเขาดูสับสน สีหน้าเองก็ตกตะลึงไปฟู่จาวหนิงคิดๆ ถอยหลังสองก้าวไปอยู่ข้างๆ ซางจื่อซางจื่อเก็บสายตากลับ มองไปทางนาง ไม่เข้าใจว่าทำไมจู่ๆ นางก็มาอยู่ข้างๆ"ซางจื่อ เจ้าชอบดาวดวงไหน?"ซา
"แต่ก่อนท่านเคยเห็นเขาระบำมาก่อนไหม?""ไม่มีเคยเลย"ตอนที่พวกเขาหยุดเท้ายืนมอง องค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นก็มาถึงข้างกายพวกเขานางเองก็มองการร่ายรำบนแท่นชมดาว สายตาดูเคลิบเคลิ้มหน่อยๆ"ข้าได้ยินว่า แต่ก่อนตงฉิงก็มีระบำทำนายดวงดาวอยู่ประเภทหนึ่ง คิดค้นขึ้นมาโดยตระกูลราชครูตงฉิง นี่เป็นระบำที่ลึกลับมาก จังหวะก้าวเท้าทุกก้าวล้วนพิถีพิถัน นำมาซึ่งพลังแห่งดวงดาว ทำให้ผู้ทำนายดวงดาวมีพลังที่ลึกลับมากขึ้น ผลลัพธ์การทำนายเองก็แม่นยำขึ้น"องค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นเองก็ลืมสิ่งที่เซียวหลันยวนพูดไว้เมื่อครู่ เรื่องที่ไม่ให้นางเข้ามาใกล้นัก แต่มายืนอยู่ข้างกายพวกเขา พูดเรื่องที่ตนเองรู้มาก่อนหน้านี้ออกมาอย่างอดไม่อยู่"ตระกูลราชครูของตงฉิง?" ฟู่จาวหนิงเหลือบมองนางผาดหนึ่ง"ใช่ นี่เป็นสิ่งที่ข้าได้ยินองค์จักรพรรดิของข้าบอกมา" องค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นพอเห็นว่านางยอมพูดกับตนเอง ก็รู้สึกเหมือนได้รับเกียรติจนประหลาดใจขึ้นมา "ยิ่งไปกว่านั้นข้าก็ได้ยินว่าองค์จักรพรรดิข้าค้นหาตระกูลราชครูตงฉิงอยู่ตลอด ว่ากันว่า ตระกูลราชครูนั้นรู้ความลับมากมายของตงฉิง สามารถช่วยให้อาณาจักรมั่นคงได้ด้วย"เซียวหลันยวนร้องเฮอะขึ้นมาต้