"ดูท่าจะเป็นความผิดข้าเอง"พูดพลางก้มหน้าลงจิกไปที่ริมฝีปากนาง เสียงทุ้มต่ำ "เช่นนั้นข้านับตั้งแต่ตอนนี้ให้เริ่มจีบเจ้าหรือ?"ฟู่จาวหนิงอดยิ้มขึ้นมาไม่ได้"ตอนนี้เจ้าลืมคำพูดของข้าที่เคยพูดไปก่อนหน้านี้แล้ว นับตั้งแต่ตอนนี้ พวกเราถือว่าเริ่มกันใหม่"เซียวหลันยวนพูดจบก็จิกลงไปบนริมฝีปากนางอีกครั้ง "รับปากไหม? พระชายาอ๋องเจวี้ยน?""ไม่รับปากหรือ?""ไม่รับปาก?"เซียวหลันยวนกดลงมา ประกบปากนางไว้จนมิด เสียงของเขาอู้อี้อยู่ระหว่างริมฝีปากไรฟัน "จะจูบเจ้าจนกว่าจะรับปากเลย"ในห้องร้อนขึ้นมาทันที ค่ำคืนนี้ดูหวานชื่นอ่อนโยนเป็นพิเศษวันต่อมา คนของจวนอ๋องเจวี้ยนรู้สึกว่าระหว่างท่านอ๋องกับพระชายาแตกต่างออกไปแล้วตอนที่ท่านอ๋องเรียกพระชายาว่า "หนิงหนิง" ก็ดูเป็นธรรมชาติมาก พระชายาเองก็ตอบรับอย่างเป็นธรรมชาติเช่นกันยิ่งไปกว่านั้นระหว่างพวกเขาทั้งสองคนยังเหมือนมีสีสันอะไรบางอย่างหลั่งไหลอย่างชัดเจน ดูแล้วหวานชื่นเหลือแสนผู้ดูแลอดทนอยู่นาน พอมาถึงช่วงค่ำก็ทนไม่ไหวแล้ว ไปรายงานกับเซียวหลันยวนเรื่องที่มีใครเข้ามาส่งของขวัญปีใหม่บ้าง จากนั้นก็รายงานถึงกลุ่มคนอาวุโสไหนบ้างที่จวนอ๋องเจวี้ยนต้
"เจ้าไสหัวออกไป" เซียวหลันยวนกวาดมองไปทางชิงอี"ข้าน้อยขอตัวก่อน!"ชิงอีเองก็รีบหนีไปเช่นกันจากนั้นจึงเจอเข้ากับผู้ดูแลที่ด้านนอก ทั้งสองคนล้วนถอนหายใจออกมาพร้อมกัน"พวกเราใจร้อนไปเสียแล้ว""คิดง่ายเกินไป ท่านอ๋องถ้าไหวจริงๆ คงไม่ต้องไปพักฟื้นที่ยอดเขาโยวชิงตั้งหลายปีหรอก คนอื่นพอสิบเจ็ดสิบแปดก็มีทายาทกันสองสามคนแล้ว เขายี่สิบต้นๆ กลับยังเป็นเด็กน้อยอยู่เลย" ชิงอีส่ายหัวผู้ดูแลเองก็ส่ายหัวตาม "เมื่อเป็นเช่นนี้ พระชายาเองก็ดีแสนดี นางไม่รังเกียจท่านอ๋องของพวกเราเลย""ใช่ใช่ใช่ พระชายาดีที่หนึ่งจริงๆ"ไม่ห่างไปนัก ฟู่จาวหนิงพาหงจั๋วกับเฝิ่นซิงยกของว่างเข้ามา ได้ยินบทสนทนาของคนทั้งสองอย่างชัดถ้อยชัดคำหงจั๋วกับเฝิ่นซิงล้วนก้มหน้าแดงลงไป จากนั้นก็แอบกันแลกเปลี่ยนสายตาพวกนางเองก็คิดว่าเมื่อคืนนี้ท่านอ๋องกับพระชายาน่าจะลงเอยกันเรียบร้อย คิดไม่ถึงเลยฟู่จาวหนิงพูดไม่ออกนางเองก็คิดไม่ถึงว่าจะมาได้ยินบทสนทนาโจ๋งครึ่มเช่นนี้เซียวหลันยวนพูดอะไรกับพวกเขากันแน่?"อะแฮ่ม!"พอได้ยินผู้ดูแลกับชิงอียังจะคุยกันต่อ ฟู่จาวหนิงจึงกระแอมหนักๆ ขึ้นเสียงหนึ่ง"อ๋า พระชายา?!"ผู้ดูแลรีบเผ
ฟู่จาวหนิงกับเซียวหลันยวนหลังจากพูดหัวข้อนี้จนชัดเจน ทั้งสองคนก็ดูเป็นตัวของตัวเองขึ้นมาแล้วถึงอย่างไร ก็ถือเป็นช่วงมีความรักก็แล้วกัน"เวลาที่จะไปเขาอวี้เหิงกำหนดไว้หลังเทศกาลหยวนเซียว เจ้ายังสามารถฉลองเทศกาลหยวนเซียวกับท่านปู่ได้ด้วย ถึงตอนนั้นร่างกายของเขาก็น่าจะดีขึ้นมากแล้วกระมัง?""เอาล่ะ อีกไม่กี่วันข้าค่อยไป""แล้วก็" เซียวหลันยวนกวักมือกับนาง "มานี่หน่อย ไป๋ซวงกับจินเสวี่ยค้นคว้าให้แล้ว พลิกดูข้อมูลในปีนั้นมากกมาย หาขอบเขตออกมา หญิงสาวคนนั้นอาจจะเป็นคนจากตระกูลเหล่านี้""ข้าขอดูหน่อย"ฟู่จาวหนิงเดินเข้ามาทันที ก็เห็นกระดาษที่มีทั้งเขียนทั้งวาด บนกระดาษทุกใบวาดหญิงสาวไว้หลายคน วาดเครื่ององค์เสื้อผ้าของพวกนางออกมาจนหมด ข้างๆ ยังมีอธิบายไว้ด้วย ว่านี่เป็นของตระกูลไหน เครื่องประดับชุดนี้น่าจะเป็นคนแบบไหนสวมวาดไว้ดีมาก"พวกนางยังมีฝีมือด้านนี้ด้วยหรือ?"ฟู่จาวหนิงเองก็รู้สึกเกินคาดเดิมทีนางรู้สึกว่าเรื่องนี้ใช้เวลาตั้งสองเดือน ไป๋ซวงกับจินเสวี่ยจงใจถ่วงเวลานางหรือเปล่า ตอนนี้เห็นสิ่งที่พวกนางส่งเข้ามา นางกลับรู้สึกว่าเข้าใจพวกนางผิดไปเสียแล้ว"ตอนอยู่ที่ยอดเขาโยวชิง ข
ยิ่งไปกว่านั้นสีหน้าก็ดีขึ้นมากแล้ว"วันนี้ตอนเช้าพวกเรายังพูดถึงท่านอยู่เลย" ท่านเฟิงจวินกุมมือฟู่จาวหนิง "คิดถึงท่านมาตั้งหลายวันแล้วคิดว่าท่านน่าจะมา จึงเหลือของอร่อยเอาไว้ให้ท่านด้วย ภรรยาผู้เฒ่าหกเอากลับมาจากบ้านฝ่ายหญิงที่เจียงหนาน เดิมทีคิดจะส่งไปให้ท่าน แต่ลู่ทงเจ้าเด็กนั่นเมื่อวานนี้เข้ามา บอกว่าท่านไม่รู้อยู่ที่จวนตระกูลฟู่หรือจวนอ๋อง"พอเห็นท่านเฟิงจวินยิ้มแบบอธิบายลำบาก ฟู่จาวหนิงก็รู้สึกว่าพวกเขาน่าจะคิดว่าความสัมพันธ์ระหว่างนางกับเซียวหลันยวนดูไม่ค่อยชัดเจน ดังนั้นจึงไม่กล้าพูดออกมาตรงๆพระชายาที่หลังจากอภิเษกแต่ก็เอาแต่อยู่ที่บ้านฝ่ายหญิง มีใครเคยเห็นบ้าง?ทั้งเมืองหลวงกำลังวิพากษ์วิจารณ์ความสัมพันธ์ของนางกับอ๋องเจวี้ยนว่าเป็นอย่างไรกันแน่"ข้าก่อนหน้านี้อยู่แต่ในบ้านกับท่านปู่ ท่านก่อนหน้านี้สุขภาพไม่ค่อยดี ดังนั้นจึงอยู่ที่บ้านคอยดูแลรักษาเขา สองวันนี้ก็เพิ่งไปที่จวนฟู่"พอเห็นฟู่จาวหนิงตอบกลับอย่างไร้กังวล ท่านเฟิงจวินก็ผ่อนลมหายใจโล่ง"พระชายาอ๋องเจวี้ยน ท่านเองก็อย่าโทษคนแก่อย่างข้าที่ยุ่งมากนักเลย ตอนนี้เห็นท่านเป็นเช่นนี้ กับอ๋องเจวี้ยนน่าจะคืบหน้ากันบ้างแล
เซี่ยซื่อกับหลินอันห่าวกำลังกวาดหิมะอยู่ที่ลานถึงแม้ตอนนี้คนคุ้มครองเรือนกับคนใช้ในบ้านตระกูลฟู่จะมีอยู่ไม่น้อย แต่นางก็อยากจะทำงานบ้าง และจะนำอันห่าวให้ทำตัวขยันขึ้นมาหน่อย เช่นนี้ที่พักอยู่ในเรือนตระกูลฟู่นางจึงจะไม่รู้สึกประหม่ายิ่งไปกว่านั้นถ้าจะมองบ้านตระกูลฟู่เป็นบ้านของตนเอง เช่นนั้นก็ต้องขยันหน่อยจงเจี้ยนดีขึ้นมากแล้ว และออกมาตากแดดอยู่บ่อยๆคนอื่นๆ ล้วนวุ่นงานของตนเอง ช่วงนี้ลุงจงพาพวกเขาตรวจสอบบ้านตระกูลฟู่ทั้งในทั้งนอกไปหลายรอบ จุดที่ต้องซ่อมก็ซ่อมเสีย ควรเสริมให้แข็งแกร่งก็เสริมไปแล้ว และยังมีบางส่วนต้องทำความสะอาดออกมา ตระเตรียมช่วงฤดุใบไม้ผลิมาถึงจะปลูกดอกไม้กับต้นผลไม้เสียใหม่บ้านตระกูลฟู่ตอนนี้เริ่มกลับมาดูเคร่งขรึมยิ่งใหญ่อีกครั้งบ้างแล้วหลังจากฮู่โม่จากไป เศรษฐีฟางก็ช่วยฟู่จาวหนิงหาคนคุ้มครองเรือนมาอีกสี่คน ฟางซือฉิงช่วงก่อนปีใหม่ก็ยังมาพักอยู่หลายวันเฉินซานตอนที่ไม่ได้ตามฟู่จาวหนิงออกไปก็อยู่ด้วยกันกับคนคุ้มครองเรือนเหล่านั้น รบเร้าให้สืออีสือซานสอนวิชาต่อสู้ให้พวกเขาสืออีกับสือซานเองก็ยินดีสอนพวกเขา คนเหล่านี้หลังจากนี้ล้วนเป็นคนคุ้มครองเรือนบ้านฝ่ายห
"ทำไมจะเป็นไปไม่ได้? เมื่อคืนนี้เพิ่งได้รับรายงานด่วนจากเมืองหู!"นายท่านคนนั้นมองเฮ่อเหลียนเฟยสายตาเย็นชา หัวเราะเย็นเยียบออกมาเมื่อคืนได้รับรับงานด่วนจากเมืองหู วันนี้ในวังก็ออกคำสั่งให้จับคนเรียบร้อยสืออีพวกเขาเองก็เข้าใจขึ้นมา ในวังจะต้องรู้ตัวตนของเฮ่อเหลียนเฟยนานแล้ว พี่น้องจ้าวเฉินจ้าวหรูก่อนหน้านี้จะต้องนำไปบอกฮองเฮาแน่แต่ติดที่อ๋องเจวี้ยน ฮองเฮาจึงอดทนไม่ยอมลงมือ ตอนนี้พอสบโอกาส ก็ลงมือทันทีแม้แต่วันเดียวก็ไม่ยอมรอเมื่อเป็นเช่นนี้ เมืองหูจะต้องส่งรายงานด่วนเข้ามาจริงแน่ แต่เนื้อหาภายในเป็นอย่างไร พวกเขาเองก็ไม่อาจล่วงรู้"เรื่องนี้ยังไม่ได้ตรวจสอบชัดเจน จะว่าไป ต่อให้ราชาเฮ่อเหลียนจะทำเรื่องอะไรก็ตาม ก็คงไม่ถึงกับเป็นภัยต่อทั้งเผ่า และเด็กคนนี้ก็มาที่เมืองหลวงนานแล้ว เพียงพอที่จะอธิบายว่าเรื่องนี้ไม่เกี่ยวอะไรกับเขา" สือซานเอ่ยขึ้นผู้เฒ่าฟู่รีบเสริมเข้ามาประโยคหนึ่ง "ต่อให้เขายังไม่ออกไป เขาเองก็เป็นแค่เด็กอายุสิบสองสิบสาม เขาจะไปรู้อะไรได้? เรื่องนี้เป็นเรื่องของพวกผู้ใหญ่ ไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรกับเขา""อะไรคือไม่เกี่ยวข้อง? นี่เป็นความผิดฐานก่อกบฎ! โทษนี้เดิมก็เป็
จงเจี้ยนพอได้ยินการเคลื่อนไหวด้านหน้า อันที่จิรงก็คิดจะออกไปแล้ว แต่ว่าหลินอันห่าวถูกทำให้ตกใจ เขาจึงปลอบประโลมอยู่พักหนึ่ง"เสี่ยวเถา ข้างหน้าเกิดอะไรขึ้น?""มีทหารทางการมามากมาย พวกเขามาจับตัวคุณหนูเสี่ยวเฟย! ตอนนี้พี่สืออีกับพี่สือซานใกล้จะสู้กันขึ้นมาแล้ว!"เสี่ยวเถาเองก็หน้าถอดสีหน่อยๆจงเจี้ยนสีหน้าเปลี่ยนไปเล็กน้อย เอ่ยขึ้นกับเซี่ยซื่อทันที "ท่านพาอันห่าวเข้าห้องไปก่อน อย่าออกมาด้านนอก"เซี่ยซื่อลนลาน "ท่านผู้เฒ่าคงไม่เป็นไรใช่ไหม?""พวกเราจะปกป้องท่านผู้เฒ่าเอง"จงเจี้ยนเอ่ยกับเสี่ยวเถาต่อว่า "เจ้าไปจวนอ๋องเจวี้ยนหาคุณหนู"ทหารทางการเข้ามาในบ้านแล้ว ตัวตนฐานะอย่างพวกเขาใช้การอะไรไม่ได้เลย เว้นเสียแต่พวกเขาจะคิดเข้าไปต่อต้านกับคนในที่ว่าการจริงๆ"เจ้าค่ะ!"เสี่ยวเถารีบออกประตูวิ่งออกไปวิ่งไปได้ไม่ไกลนัก ก็เจอคนเข้ามาขวางทางนางไว้"เสี่ยวเถา เจ้าคิดจะไปไหนกัน?""คุณหนูรั่วเสวี่ย?"ฟู่รั่วเสวี่ยตอนนี้แตกต่างจากตอนที่อยู่ในบ้านตระกูลฟู่ไปแล้ว นางหวีผมของนางแล้ว บนตัวก็ยังสวมเสื้อผ้าที่ดูสวยสด พาสาวใช้มาด้วยสองคนแต่ว่าตอนนี้เสี่ยวเถาไม่สนใจจะถามให้มากความ คิดเพียงแต
จงเจี้ยนยกฟู่จาวหนิงขึ้นมา นายท่านทางนันก็ลังเลขึ้นมาแล้วจริงๆ"ฮองเฮาออกคำสั่ง วันนี้พวกเราต้องพาเฮ่อเหลียนเฟยไป ไม่เช่นนั้นพวกเราคงไปอธิบายกับฮองเฮาไม่ได้"นายท่านกัดฟัน เอ่ยขึ้นมาตรงๆ กับจงเจี้ยน "องครักษ์จง ข้าพูดความจริงกับเจ้าแล้ว พวกเจ้าตอนนี้คิดจะต่อต้านก็ได้ เช่นนั้นพวกเราก็คงต้องโบกดาบเสียแล้ว อีกเดี๋ยวถ้าสู้กันขึ้นมาจริงๆ ก็ไม่รู้ว่าจะบาดเจ็บไปถึงพวกเจ้ากับผู้เฒ่าฟู่หรือไม่ เรื่องนั้นคงจะพูดยาก""แล้วก็ พวกเราจะทุ่มสุดกำลัง พวกเจ้าต่อให้มีวรยุทธ์ดี นั่นก็อาจจะสังหารพี่น้องพวกเราได้บางส่วน ถึงตอนนั้นพวกเจ้าก็จะถือว่าก่ออาชญากรรมแล้ว พวกเจ้าลองคิดดู อ๋องเจวี้ยนจะไปงัดกับฮองเฮาเพื่อพวกเจ้าไม่กี่คนนี้จริงหรือ!"จงเจี้ยนนิ่งงันไปพวกของสืออีก็ล้วนมองเขาคนคุ้มครองเรือนเหล่านั้นล้วนมีสีหน้าตุ้มต่อมฟู่จาวหนิงเคยบอกไว้แล้ว ไม่ว่าอย่างไรก็ตาม พวกเขาต้องปกป้องความปลอดภัยในบ้าน แต่พวกเขาเองก็คิดไม่ถึงว่าครั้งแรกก็ต้องมางัดกับคนที่ฮองเฮาส่งมาเสียแล้วนี่ เป็นเช่นนี้ คุณหนูจะปกป้องพวกเขาไว้ได้จริงไหม?"ถ้าพวกเจ้าจะพาไป ก็พาข้าไปด้วย" ผู้เฒ่าฟู่แหวกเหล่าองครักษ์ที่ขวางอยู่ด้านหน
ฟู่จาวหนิงอยู่ในคุกเองก็เบื่อหน่อยๆ แล้วนางเหลือบมองเซียวเหยียนจิ่งผาดหนึ่ง จากนั้นจึงตรงไปด้าหน้าเซียวหลันยวน "ข้าออกไปฟังหน่อยได้ไหม?""ไปเถอะ" เซียวหลันยวนพยักหน้า"เอ๋ ไม่หึงแล้วหรือ?" ฟู่จาวหนิงร้องชิชะเซียวหลันยวนหัวเราะเสียงทุ้ม "อย่าไปไกลนักล่ะ ข้าได้ยินอยู่"ถึงอย่างไรนางก็เบื่อๆ ถ้าเซียวเหยียนจิ่งพูดเรื่องอะไรที่ทำให้นางฆ่าเวลาได้ เช่นนั้นเขาก็ควรจะใจกว้างหน่อยแต่ว่า พวกเขาเดินไปไกลมากไม่ได้ ต้องอยู่ในระยะที่เขาสามารถได้ยิน"รู้อยู่แล้วว่าท่านจะใจกว้างหลอกๆ"ฟู่จาวหนิงวางพู่กัน ปรบๆ มือ จากนั้นจึงเดินออกจากห้องขัง"คิดจะพูดอะไร?"เซียวเหยียนจิ่งเดิมทีคิดจะให้เซียวหลันยวนหึงหวง ดังนั้นจึงไม่คิดจะเดินไปไกลนัก"มานี่หน่อย" เซียวเหยียนจิ่งเดินออกมาข้างๆ ไม่กี่ก้าว รู้สึกว่าระยะนี้เซียวหลันยวนน่าจะได้ยินเหมือนคนคุยกันแต่ไม่ได้ยินเนื้อหาด้านในเช่นนี้ก็พอดีฟู่จาวหนิงร้องเชอะในใจ น่าจะเข้าใจความคิดของเขาเพียงแต่เซียวเหยียนจิ่งก็ยังโง่อยู่ เขาคิดว่าระยะนี้เซียวหลันยวนไม่ได้ยินหรือไรกัน?นางเดินออกไปเซียวเหยียนจิ่งบอกกับผู้คุมข้างๆ คำหนึ่ง ให้เขาออกไปก่อนผู้คุม
ถ้าไม่ใช่ห้องขังรอบๆ ยังมีสภาพเดิมอยู่ เขาก็คงจะสงสัย ว่าฟู่จาวหนิงกับเซียวหลันยวนพักอยู่ในโรงเตี๊ยมอะไรกันคุกที่ไหนเขาจัดกันอบอุ่นแบบนี้บ้าง!"พระชายาอ๋องเจวี้ยน รบกวนออกมาหน่อย มีคนมาพบท่าน" ผู้คุมเปิดประตูยังต้องปรบมือเรียกคนม่านนั้นเลิกออก เซียวเหยียนจิ่งมองเข้าไปด้านใน และเห็นเซียวหลันยวนกำลังนั่งอยู่บนเก้าอี้ที่ปูด้วยเบาะรองตัวหนึ่งพลิกเปิดอ่านหนังสือ บนโต๊ะข้างๆ ยังมีชาที่ร้อนกรุ่นอยู่อีกกาหนึ่งด้วยฟู่จาวหนิงยืนอยู่ข้างๆ เขา กำลังจรดพู่กันเขียนอักษรดูแล้วเหมือนกำลังใช้ชีวิตประจำวันอยู่เลย!เซียวหลันยวนมองออกมา สบเข้ากับสายตาของเซียวเหยียนจิ่งพอดีเซียวเหยียนจิ่งเดิมทีใจก็กระตุกวูบ เขาเกือบจะถอยหนีออกมาแล้ว แต่ตอนที่เห็นฟู่จาวหนิง ไฟริษยาก็ทำให้เขาลืมความกลัวไปไม่ได้เจอกันตั้งครึ่งค่อนปี ฟู่จาวหนิงกลับสวยขึ้นกว่าเดิมเสียอีกเธอเป็นสาวเต็มตัวแล้ว ความเขินอายแบบเด็กสาวก็หายไปใบหน้าเปล่งปลั่ง รูปร่างก็ได้สัดส่วน ไม่เหมือนแต่ก่อนที่ผมบาง แต่มีส่วนโค้งเว้าที่สวยเด่นแค่ชดกระโปรงสีเหลืองเรียบง่าย เห็นแล้วก็ยังรู้สึกเย้ายวนเป็นพิเศษหลี่จื่อเหยาเทียบกับนางได้เสียที่ไหน!
หมากก้าวแรกของพวกชินอ๋องเซียวในตอนนั้นก็เสี่ยงเหมือนกัน ไปบอกเรื่องที่พวกเขารู้กับองค์จักรพรรดิ แม้จะช่วยจัดการพยานสองคนนั้นไปแล้ว แต่องค์จักรพรรดิก็อาจจะยังไม่ละเว้นพวกเขาอยู่ถึงอย่างไรปากของคนตายนี่ล่ะที่ปิดสนิทที่สุด"ท่านพ่อ ความสัมพันธ์ของพวกเรากับองค์จักรพรรดิ จะไปเทียบกับตระกูลฟู่ได้อย่างไร?"เซียวเหยียนจิ่งไม่เห็นด้วยท่านพ่อกับองค์จักรพรรดิเป็นลูกพี่ลูกน้องกัน พวกเขาล้วนสกุลเซียว ยิ่งไปกว่านั้นชินอ๋องเซียวก็ยังคุกคามองค์จักรพรรดิไม่ได้ จวนชินอ๋องเซียวเองก็ไม่ได้มีอำนาจสักเท่าไร ก็แค่อาศัยแต่พระมหากรุณาธิคุณของฝ่าบาทไปเท่านั้นดังนั้นองค์จักรพรรดิจึงเชื่อในความจริงใจที่พวกเขาส่งไปให้ เชื่อว่าพวกเขาต้องการแค่จะได้รับการให้ความสำคัญและการปกป้องจากฝ่าบาทเท่านั้น"ตระกูลฟู่จะไปมีอะไร? ฝ่าบาทไม่จำเป็นต้องเห็นพวกตระกูลฟู่อยู่ในสายตาเลย ส่วนเซียวหลันยวนก็เป็นหนามในสายตาองค์จักรพรรดิอีก องค์จักรพรรดิคิดจะรับมือกับเซียวหลันยวน ตอนนี้เซียวหลันยวนเองก็มีจุดอ่อนที่ใหญ่ที่สุดอยู่ นั่นก็คือฟู่จาวหนิง"พอพูดคำนี้ เซียวเหยียนจิ่งก็ดูไม่ค่อยสบายใจขึ้นมาที่ต้องให้เขายอมรับว่าเซียวหลันย
ก่อนหน้านี้ฟู่จิ้นเชินชื่อเสียงระบือเมืองหลวง และเคยขี่ม้าไปตามถนนสายยาว เคยเข้าไปในโรงสุราประชันโคลงกลอนกับผุ้อื่น เป็นช่วงเวลาที่รุ่งโรจน์เหลือประมาณเพราะเขามีหน้าตาที่ไร้เทียมทาน คนที่ไปดูเขาโดยเฉพาะก็มีไม่น้อย ผ่านไปหลายปีเช่นนี้ คนที่ยังจดจำหน้าตาเขาได้ก็มีอยู่ไม่น้อยด้วยเช่นกันโดยเฉพาะแม้จะผ่านไปสิบกว่าปีแล้ว เขาก็แทบไม่ได้ดูแก่ลงเลย มีแค่ความสุขุมที่มากขึ้น คนที่เคยเจอเขาในครั้งนั้น พอคิดว่าแค่เหลือบมองแล้วจำเขาได้ก็คงไม่ใช่เรื่องที่ยากเย็นอะไรกลับกันตัวฟู่หลินซื่อ คนที่พบเจอมีไม่มากนัก"ตอนนั้นคนที่ส่งข่าวให้พวกเราบอกว่า รอให้ฟู่หลินซื่อกลับเมืองหลวง จึงสามารถคิดหาวิธีให้เรื่องเมื่อสิบแปดปีก่อนเกิดขึ้นอีกครั้ง"ชินอ๋องเซียวกดเสียงต่ำ "สิบแปดปีก่อน เรื่องที่ฟู่หลินซื่อถูกใส่ร้ายว่าวางยาพิษเซียวหลันยวนสินะ ตอนนี้นางกลับมาแล้ว จะมีคนยืมมือของนางลงมือวางยาพิษกับเซียวหลันยวนอีกครั้งหรือ?"เซียวเหยียนจิ่งในใจมีความตื่นเต้นที่ยากจะพรรณนาออกมาเขาช่วงนี้เฝ้าคอยเรื่องนี้อยู่ตลอดก่อนหน้านี้เขาถอยห่างฟู่จาวหนิง อยากจะหนีนางไปให้ไกลๆ แต่ตอนนี้เขาเสียใจขึ้นมาเสียแล้วนับตั้งแต่
ผู้อาวุโสจี้อยู่ในรถม้าด้านหลัง เขาเองก็เลิกม่านขึ้นมองด้านนอก พอเห็นร้านรวงสองฟากฝั่งถนนแขวนไว้ด้วยโคมแดงก็ถอนหายใจ"จะปีใหม่อีกแล้ว"ชายหนุ่มอายุราวสามสิบปีอีกหนึ่งคนที่นั่งอยู่ในรถม้าก็มองออกไปด้านนอก พอได้ยินเขาพูดเช่นนี้ก็มองไปทางผู้อาวุโสจี้ ถอนหายใจเอ่ยขึ้นว่า "ผู้อาวุโสจี้ นี่จะปีใหม่อยู่แล้ว เจ้าพันธมิตรเรียกท่านกลับไปรวมตัวที่สาขาหลัก ท่านทำไมจึงปฏิเสธล่ะ?"ผู้อาวุโสจี้ไม่ได้กลับสาขาหลักไปช่วงปีใหม่หลายปีแล้ว"ไม่อยากไป วุ่นวายเกิน" ผู้อาวุโสจี้ส่ายหัว ไม่สนใจอย่างเห็นได้ชัด"ผู้อาวุโสคนอื่นก็ล้วนอยู่ที่พันธมิตร แม้ว่าเวลาปกติจะไปที่นั่นที่นี่ แต่พอถึงช่วงไว้พระจันทร์กับปีใหม่ล้วนกลับไป ตอนที่พวกเขาอยู่ด้วยกันยังสามารถหารือเรื่องใหญ่ต่างๆ ในพันธมิตรได้ นอกจากนี้ทุกสิ้นปีฝ่ายบัญชีพันธมิตรโอสถก็จะตรวจสอบแบ่งปันเงิน ท่านไม่กลับไป เรื่องพวกนี้ก็ไม่รู้ว่าจัดการกันชัดเจนหรือไม่ชายคนนี้เพิ่งจะถูกย้ายมาเป็นผู้ดูแลพันธมิตรคนใหม่ของเมืองหลวง ซูเหอซูเหอเองก็ถือเป็นคนที่ได้รับการสนับสนุนจากผู้อาวุโสจี้ เดิมทีด้วยอายุและประสบการณ์ของเขา ควรจะถูกจัดไปอยู่ประจำที่สาขาของพันธมิตรโอ
"หวานจัง"องค์หญิงนานฉือกินไปคำหนึ่ง ตาก็เป็นประกายขึ้นมา"ลูกชิ้นนี่เหนียวหนึบหนับดี เด้งและอ่อนนุ่ม น้ำแกงก็หวาดดี อร่อยจัง""ลูกชิ้นนี้ต้องใช้น้ำอุ่นที่อุณหภูมิพอดีมานวด ส่วนเวลาและแรงตอนที่นวดก็ต้องพิถีพิถันด้วย ท่านพี่เองก็ชอบกิน พีสะใภ้กินเยอะหน่อยๆ"องค์หญิงหนานฉือชอบกิน อันชิงจึงดีใจมากนางนั่งอยู่ตรงข้ามมององค์หญิงหนานฉือ รู้สึกว่านางดุมีเสน่ห์กว่าก่อนที่แต่งงานเสียอีก สวยจับใจจริงๆ"พี่ชายของเจ้า..."องค์หญิงหนานฉือหน้าร้อนขึ้นมาเดิมทีนางก็เป็นคนที่ค่อนข้างเปิดเผย แต่พอเจอกับเรื่องนี้ก็อดเขินอายขึ้นมาไม่ได้เหมือนักนพูดพูดถึงผู้ตรวจการอันเหนียน องค์หญิงหนานฉือก็รู้สึกปากร้อนขึ้นมาหน่อยๆ นางไม่เคยคิดเลยว่าผู้ตรวจการอันที่มีหน้าตางดงามอ่อนโยนมีการศึกษา จะเป็นชายหนุ่มที่มีอารมณ์หนักหน่วงคนหนึ่งแบบนี้!หลายวันนี้ ทุกวันตอนกลางคืนเขาก็จะมาทรมานนางสองครั้ง หลังจากเสร็จประชุมเช้า เขาก็ยังกลับมาทรมานนางอีกครั้งยิ่งไปกว่านั้นทุกครั้งก็ยังใช้เวลานาน นี่ทำเอานางหลายวันนี้มึนๆ งงๆ ร่างกายเมื่อยขบนอนไม่พอ ไม่ค่อยได้ออกจากห้องเลยทุกมื้อล้วนมีคนส่งอาหารเข้ามาในห้อง นางเองก็ขี
ฟู่จาวหนิงเองก็ไม่สนใจว่าองค์จักรพรรดิจะถามพวกอวิ๋นจูอย่างไรนางกลับมาที่จวนอ๋องเจวี้ยนอีกครั้ง ครั้งนี้ย้ายของไปมากกว่าเดิม ถึงกับตกแต่งห้องขังนั้นขึ้นมาแล้วประตูห้องขังยังแขวนม่านเอาไว้ด้วย บนพื้นปูพรม บนเตียงยังมีฉากกั้นลมสูงครึ่งตัวคนอีก แล้วยังกั้นเป็นห้องเล็กๆ สามารถวางถังปลดทุกข์ใบหนึ่งได้ด้วยที่มุมยังมีแจกันดอกไม้ บนกำแพงติดเชิงเทียนเอาไว้ แล้วยังแขวนเครื่องหอมไว้อีกย้ายโต๊ะมาหนึ่งตัว เก้าอี้สองตัว แล้วยังมีเบาะรองนั่งอีกพู่กันหมึกกระดาษแท่นฝนหมึกก็ยังติดมา แล้วยังมีเตาเล็กสำหรับอุ่นชาอุ่นสุราอีกชุดหนึ่ง วางเครื่องลายครามที่ประณีตสวยงามเอาไว้องครักษ์จวนอ๋องเจวี้ยนหลังจากย้ายของพวกนี้เข้ามาจัดวางแล้ว ห้องขังนี้ก็เปลี่ยนไปอย่างมากหัวหน้าคุกกับผู้คุมมองจนตาตั้งพวกเขาไม่ใช่ว่าไม่ได้ห้ามปราม แต่ฟู่จาวหนิงพูดมาคำเดียวว่า "ข้าบอกกับองค์จักรพรรดิแล้วว่ามาอยู่เป็นเพื่อนท่านอ๋อง" พวกเขาก็ต้องก้มหน้ากลับไปหัวหน้าคุกรู้สึกว่าผิดปกติไปจริงๆ วิ่งไปรายงานกับหัวหน้า ตอนกลับมายังคิดจะรื้อของเหล่านี้ของฟู่จาวหนิงออก"พระชายาอ๋องเจวี้ยน องค์จักรพรรดิให้อ๋องเจวี้ยนมาทบทวนตนเองให้
"ที่แท้การขังเอาไว้ในคุกใหญ่ก็ไม่เรียกว่าการลงโทษสินะ?""ฟู่จาวหนิง วันนี้เจ้าคิดจะมาทำอะไรกันแน่? ข้ามีงานการอีกตั้งมาก ไม่มีเวลามาเสวนาไร้สาระกับเจ้านะ!" องค์จักรพรรดิรู้สึกว่าแค่เห็นฟู่จาวหนิงเขาก็ปวดหัวเสียแล้วเขาเองก็ไม่กล้าทำอะไรนางจริงๆวิชาแพทย์ของฟู่จาวหนิงสูงส่งมาก! ในใจเขายังรู้สึกว่าโชคดีมาก ถึงอย่างไรนางก็เป็นคนของแคว้นเจา ถึงอย่างไรนางก็ยังมีญาติอยู่ที่เมืองหลวง ถึงอย่างไรตระกูลฟู่ก็ไม่ได้มีรากฐานอะไร ดังนั้นตอนที่เขาต้องการนางจริงๆ เขายังมั่นใจว่าตนเองจะบีบจุดอ่อนของนาง แล้วนำนางมาใช้ประโยชน์เพื่อตนเองได้ใครให้วิชาแพทย์ต้องมาเจอกับหายนะเข้าในใต้หล้านี้กัน ปัจจุบันพวกหมอเก่งๆ ล้ำค่าจะตายไปก่อนหน้านี้แคว้นเจามีหมอเทวดาหลี่ พวกเขาก็รู้สึกมีความมั่นใจอยู่ แต่พอเทียบกับฟู่จาวหนิง วิชาแพทย์ของหมอเทวดาหลี่กลับห่างชั้นอยู่ไกลโขเลยทีเดียวเพื่อวิชาแพทย์ของนาง ขอแค่นางไม่มาเหยียบเส้นต่ำสุดที่ไม่ควรล้ำ องค์จักรพรรดิก็ยังมีความอ่อนข้อให้สูงลิบอยู่เพียงแต่ว่า นางนี่มันน่าโมโหเสียจริงองค์จักรพรรดิรู้สึกว่ายิ่งพูดกับฟู่จาวหนิงมากแค่ไหนชีวิตเขาก็สั้นลงไปอีกหลายปี"แค่อยากจ
องค์จักรพรรดิพอได้ยินคำของฟู่จาวหนิง หน้าผากก็มีเส้นเลือดปูดตึงขึ้นมา"อายวนเขามีอะไรต้องทุกข์ใจกัน? ไม่พอใจข้าที่ให้เขาไปนั่งทบทวนตนเองในคุกหรือ?"ถ้านางกล้าบอกว่าไม่พอใจล่ะก็...ในใจองค์จักรพรรดิยังกำลังคิด ว่าตอนที่นางพูดว่าไม่พอใจแล้วจะตอกนางกลับไปอย่างไร ก็ได้ยินฟู่จาวหนิงใช้น้ำเสียงแปลกประหลาดออกมาคำหนึ่ง"องค์จักรพรรดิ ใครบ้างที่ยินดีจะอยู่ในคุก?"องค์จักรพรรดิ: นี่ยังจะย้อนถามมาอีกหรือ?"แต่ต่อให้ไม่ยินดีก็มิอาจขัดราชโองการได้" ฟู่จาวหนิงผายสองมือออก ดูจำใจอย่างมาก "เขาเป็นทุกข์ก็คือพวกสาวงามที่องค์จักรพรรดิยัดเข้ไาปข้างกายนั่นมันน่าโมโหมาก องค์จักรพรรรดิให้พวกนางไปดูแลเขา ผลลัพธ์คือพวกนางทั้งหมดก็หนีไปกันเกลี้ยง!""หนีหรือ?"องค์จักรพรรดิเองก็เดินตามแนวคิดของนางโดยไม่รู้ตัว กระทั่งน้ำเสียงก็ยังเลียนเสียงนางขึ้นอย่างไม่รู้ตัวจากนั้นเขาจึงได้สติกลับมา อยากจะตบปากตัวเองเสียจริงๆ"ใช่ไหมล่ะ เกินไปจริงๆ องค์จักรพรรดิ อายวนอยู่ในคุำำใหญ่ออกมาไม่ได้ ดังนั้นเขาจึงให้ข้าเข้าวังมาบอกกับองค์จักรพรรดิ จวนอ๋องเจวี้ยนไม่ต้อนรับสาวงามพวกนี้ แต่เจอเรื่องครั้งนี้เข้าไปก็ส่งผลกระทบกั