จงเจี้ยนยกฟู่จาวหนิงขึ้นมา นายท่านทางนันก็ลังเลขึ้นมาแล้วจริงๆ"ฮองเฮาออกคำสั่ง วันนี้พวกเราต้องพาเฮ่อเหลียนเฟยไป ไม่เช่นนั้นพวกเราคงไปอธิบายกับฮองเฮาไม่ได้"นายท่านกัดฟัน เอ่ยขึ้นมาตรงๆ กับจงเจี้ยน "องครักษ์จง ข้าพูดความจริงกับเจ้าแล้ว พวกเจ้าตอนนี้คิดจะต่อต้านก็ได้ เช่นนั้นพวกเราก็คงต้องโบกดาบเสียแล้ว อีกเดี๋ยวถ้าสู้กันขึ้นมาจริงๆ ก็ไม่รู้ว่าจะบาดเจ็บไปถึงพวกเจ้ากับผู้เฒ่าฟู่หรือไม่ เรื่องนั้นคงจะพูดยาก""แล้วก็ พวกเราจะทุ่มสุดกำลัง พวกเจ้าต่อให้มีวรยุทธ์ดี นั่นก็อาจจะสังหารพี่น้องพวกเราได้บางส่วน ถึงตอนนั้นพวกเจ้าก็จะถือว่าก่ออาชญากรรมแล้ว พวกเจ้าลองคิดดู อ๋องเจวี้ยนจะไปงัดกับฮองเฮาเพื่อพวกเจ้าไม่กี่คนนี้จริงหรือ!"จงเจี้ยนนิ่งงันไปพวกของสืออีก็ล้วนมองเขาคนคุ้มครองเรือนเหล่านั้นล้วนมีสีหน้าตุ้มต่อมฟู่จาวหนิงเคยบอกไว้แล้ว ไม่ว่าอย่างไรก็ตาม พวกเขาต้องปกป้องความปลอดภัยในบ้าน แต่พวกเขาเองก็คิดไม่ถึงว่าครั้งแรกก็ต้องมางัดกับคนที่ฮองเฮาส่งมาเสียแล้วนี่ เป็นเช่นนี้ คุณหนูจะปกป้องพวกเขาไว้ได้จริงไหม?"ถ้าพวกเจ้าจะพาไป ก็พาข้าไปด้วย" ผู้เฒ่าฟู่แหวกเหล่าองครักษ์ที่ขวางอยู่ด้านหน
"เจ้าเป็นใคร?"เฮ่อเหลียนเฟยถามอีกครั้งรถม้าควบทะยานแล้ว เอียงตะแคงจนเขารู้สึกแย่"เจ้าไม่ต้องรู้หรอก"คนผู้นั้นหลังจากตอบลกับมาก็ไม่ส่งเสียงอะไรอีก ต่อให้เฮ่อเหลียนเฟยจะถามต่ออย่างไร จะกระตุ้นเขาต่ออย่างไร เขาก็ล้วนไม่ส่งเสียงรถม้าแล่นทะยานอยู่นานเฮ่อเหลียนเฟยพิจารณาจากความเลือนราง และรู้สึกว่าตนเองออกจากเมืองแล้วในใจเขาจะมากน้อยก็ยังหวาดกลัวอยู่ นี่ถ้าออกจากเมืองแล้วพาเขาไปภูเขาร้างหน้าผาขาดก็จบกัน พี่หญิงจะมาทันได้อย่างไรกัน?พี่ญิงถ้าหากหาตัวเขาไม่ทัน แล้วจะช่วยเหลือเขาได้อย่างไร?เขาไม่อยากตายจริงๆแต่ว่าเขาก็ไม่อยากให้พี่หญิงมีอันตราย ถ้าพี่หญิงมาหาเขาแล้วจริงๆ จะเป็นอันตรายไปด้วยไหม? เฮ่อเหลียนเฟยรู้สึกขึ้นมาอีกว่าฟู่จาวหนิงอย่ามาหาเขาดีกว่าขณะที่คิดอย่างหวาดกลัวไม่ปลอดภัยนี้ รถม้าก็แล่นเร็วขึ้นเรื่อยๆ เหมือนขับเร็วขึ้นจริงๆ บนถนนทางการที่ไม่มีคน เป็นไปไม่ได้ที่จะยังอยู่ในเมือง รอบๆ ก็ไม่ได้ยินเสียงของผู้คนเลย"ข้ามีความลับจะมาบอกฮองเฮา!" เฮ่อเหลียนเฟยร้องขึ้นมาอีก"ฮองเฮาไม่สนใจอยากรู้ความรู้อะไรของเด็กอย่างเจ้าหรอก" อีกเสียงหนึ่งดังขึ้นมา มีความประชดประชันอย่
"น่าเสียดาย พี่สาวข้ามีฝีมือจนทำให้อ๋องเจวี้ยนช่วยนางนี่สิ เจ้าไม่ยอมรับหรือ?" เฮ่อเหลียนเฟยหัวเราะร่าขึ้นมาต่อเขาจะยั่วโมโหจ้าวเฉินสังหารเขาทิ้งที่นี่เสียให้จบๆ ไป ไม่เช่นนั้นถ้าพาเขาออกไปไกล ก็กลัวว่าพี่หญิงจะหาไม่เจอ ไม่ใช่แค่หาไม่เจอ ยังอาจจะถูกจ้าวเฉินล่อออกไปยังสถานที่ห่างไกลอีกด้วย อันตรายมาก"อ๋องเจวี้ยน โอ๊ะ ไม่สิ ควรจะเรียกว่าว่าพี่เขยมากกว่า พี่เขยข้าจะต้องมาช่วยหาตัวข้าแน่ ถึงตอนนั้นพวกเจ้าทั้งครอบครัวก็ไม่ต้องไปทวีปผิงอะไรนั่นแล้ว พี่เขยข้ากับพี่สาวข้าคงจัดการสังหารพวกเจ้าจนเรียบ""ฟู่จาวหนิงเองก็มีความสามารถนี้อยู่!"จ้าวเฉินจ้องเฮ่อเหลียนเฟย "เจ้าอยากตายนักหรือ? ข้าจะทำให้เจ้าสมอยากเอง! ก่อนหน้านี้ขาของเจ้าข้าก็เล่นงานมา ตอนนี้หายดีแล้วหรือไร?"สายตาเขาจับจ้องมาบนขาของเฮ่อเหลียนเฟย "ข้าจะให้เจ้าได้ลิ้มรสมันอีกครั้ง ให้เขาของเจ้าหักไปอีกรอบ!"พูดแล้วเขาก็เตรียมจะลงมือเฮ่อเหลียนเฟยม่านตาหดลงตอนนี้เอง ชายหนุ่มที่หน้าตาอึมครึมก็ยั้งจ้าวเฉินเอาไว้ "เจ้าตอนนี้ถ้าไปหักขาเขา อีกเดี๋ยวต้องแบกขึ้นเขาไปเองนะ?"จ้าวเฉินการเคลื่อนไหวชะงักงัน เลิกทำไปเฮ่อเหลียนเฟยฟังเข
"ใช่แล้ว ท่านผู้เฒ่า ต้องขอบคุณจาวหนิงเลย" ฟู่รั่วเสวี่ยประโยคนี้พูดอย่างกัดฟันผู้เฒ่าฟู่เองก็ฟังออกแล้วใบหน้าของเขาขรึมลงมาทันทีนี่มาหาเรื่องทะเลาะชัดๆ เลย ก่อนหน้านี้ตอนที่ยังอยู่ในบ้านตระกูลฟู่ ฟู่รั่วเสวี่ยพูดได้ว่าเป็นหญิงสาวรุ่นนี้ที่มีกิริยาการแสดงออกที่สุดคนหนึ่ง อ่อนโยนและรู้ความที่สุดคนหนึ่ง พูดจาน้ำเสียงแผ่วเบาละเอียดอ่อน อากัปกิริยาก็เอื้อเฟื้อเผื่อแผ่อย่างเหมาะสม อยู่ต่อหน้าเขาก็มีมารยาทนอบน้อม ผู้เฒ่าฟู่เองก็เคยมีความหวังในตัวนางอยู่พอคิดถึงเงื่อนไขแบบฟู่รั่วเสวี่ยเช่นนี้ หลังจากนี้น่าจะมีการแต่งงานที่ดี ถ้านางออกเรือนได้เป็นฝั่งฝา ก็ยังสามารถช่วยเหลือซึ่งกันและกันกับจาวหนิงได้แต่ว่าตอนนี้ดูท่า ฟู่รั่วเสวี่ยแค่เสแสร้งได้ดีกว่าฟู่เป่าเจินฟู่เจียวเจียวเท่านั้น อันที่จริงแล้วก็เป็นแบบเดียวกัน!หลังจากไล่ออกจากบ้านตระกูลฟู่ท่าทีของนางก็เปลี่ยนไปทันทีผู้เฒ่าฟู่ไอสำลักหลายครั้ง ไม่สนใจอะไรนาง ตอนนี้เขากำลังเป็นห่วงเฮ่อเหลียนเฟย มีกะจิตกะใจมาคิดเล็กคิดน้อยกับนางเสียที่ไหน?"เสี่ยวเถา ไม่ต้องร้อง" จงเจี้ยนพูดกับเสี่ยวเถาคำหนึ่ง "ไปล้างหน้าล้างตาไป""แต่ว่า พี่ชายจง
นี่คือไม่คิดจะช่วย ขนาดแค่ประคับประคองก็ยังไม่ยอมด้วยซ้ำ!"ที่บ้านเกิดเรื่อง""เมื่อครู่ข้าได้ยินเสี่ยวเถาพูดถึงคุณชายเสี่ยวเฟยอะไรนั่น เป็นเด็กที่ฟู่จาวหนิงเก็บมาจากภายนอกหรือ? แล้วคนนอกคนหนึ่งมาสร้างเรื่องให้ในบ้านตระกูลฟู่ พวกท่านก็ยังจะปกป้องเขาอีก? แต่ข้าที่มีสกุลฟู่ พวกท่านทำไมจึงไม่ช่วยข้าบ้าง?""รั่วเสวี่ย เรื่องราวไม่ใช่อย่างที่เจ้าคิด เสี่ยวเฟยไม่ได้หาเรื่องมาให้" ผู้เฒ่าฟู่รู้สึกว่าหน้าเริ่มมืดอีกแล้ว เขาเดิมทีก็ร้อนรนจนทำแทบไม่ไหว ตอนนี้ฟู่รั่วเสวี่ยยังจะมาอาละวาดอีก"ทำไมจะไม่ได้หาเรื่องกัน? แล้วตอนนี้มันเกิดอะไรขึ้น? จาวหนิงถือดีอะไรไปช่วยวิ่งเต้นให้เด็กคนนี้? ถึงไม่สามารถโผล่หน้าไปในงานเลี้ยงชมดอกเหมย?"ฟู่รั่วเสวี่ยดวงตาแดงเถือก "ข้าเป็นคนที่ท่านเลี้ยงดูมาจนโต จะอย่างไรก็ถือเป็นรุ่นหลังของท่าน ท่านคิดว่าหลังจากจาวหนิงก็ไม่มีญาติคนไหนอีกแล้วหรือ? ข้าเองก็มีชีวิตที่ดี ถ้ายืนอย่างมั่นคงในบ้านสามีได้ ก็ไม่ใช่ว่าจะกลายเป็นแรงช่วยเหลือจาวหนิงได้ในภายหลังหรอกหรือ?"ผู้เฒ่าฟู่ถูกนางพูดจี้ตรงใจแต่ก่อนเขาเอาแต่คิดว่า หลังจากเขาตายไป จาวหนิงก็จะอยู่เพียงลำพังคนเดียวในโลกใบ
ฟู่รั่วเสวี่ยกลับมาถึงบ้านสามี เด็กชายตัวอ้วนกลมอายุราวเจ็ดแปดขวบคนก็พุ่งเข้ามา"คุณชายน้อยหยุดก่อน อย่าวิ่ง!" สาวใช้รีบร้องขึ้นแต่ว่าเด็กคนนั้นไม่ฟังเลย หัวพุ่งมาทางท้องฟู่รั่วเสวี่ยฟู่รั่วเสวี่ยคิดจะเบี่ยงหลบ แต่ปฏิกิริยาไม่ได้รวดเร็วขนาดนั้น จึงถูกเด็กคนนั้นกระแทกเข้าไปที่ท้องความเจ็บปวดแล่นจนทำนางน้ำตารื้น นางกุมท้องตัวงอพูดไม่ออกอยู่นาน"ผู้หญิงเลว!"คุณชายน้อยถลึงตาใส่ฟู่รั่วเสวี่ยอย่างมาดร้าย หมุนตัววิ่งออกไป"ฮูหยิน ท่านไม่เป็นไรใช่ไหม?" สาวใช้รีบเข้ามาประคองตัวฟู่รั่วเสวี่ยฟู่รั่วเสวี่ยน้ำตาคลอเบ้าความเจ็บปวดนี้กว่าจะบรรเทาลง"เจ้าเด็กชั่วนั่นจงใจแน่ๆ จะต้องมีคนไปพูดอะไรข้างหูเจ้าเด็กนั่นแน่" ฟู่รั่วเสวี่ยชิงชังจนอยากจะฆ่าคนขึ้นมาเรื่องแบบนี้ไม่ใช่ครั้งแรกด้วย ครั้งเดียวยังดูเป็นอุบัติเหตุได้ สองครั้งนางก็ยังพอกล่อมตนเองได้ว่าเด็กคนนี้ซุกซนแต่นี่มันครั้งที่สามแล้วจะต้องมีคนไปเสี้ยมสอนเขา ยิ่งไปกว่านันยังจงใจกระแทกมาที่ท้องนางอีก ในจวนใครกันที่ไม่อยากให้นางตั้งครรภ์? แล้วถ้านางตั้งครรภ์ขึ้นมาจริง มาถูกเจ้าเด็กชั่วนี่กระแทกแบบนี้เอายังจะรักษาไว้ได้ไหม?เพีย
"ผู้เฒ่าฟู่ไม่เป็นไรแล้วชั่วคราว แต่พระชายาโปรดรีบกลับไปด้วยเถิด""ไป!"ฟู่จาวหนิงหมุนตัวขึ้นรถม้าไปอีกครั้งทันทีเซียวหลันยวนเองก็รีบตามไป "ขับไวหน่อย""ขอรับ"คนขับรถรีบลงแสให้รถม้าหันหัว แล่นตรงไปทางบ้านตระกูลฟู่ประตูใหญ่เปิดออก มีองครักษ์ยื่นหัวออกมามองรถม้าที่แล่นห่างออกไป คิดๆ แล้วก็รีบตรงเข้าไปรายงาน"นายท่าน คุณหนูจาวหนิงเพิ่งมาถึงประตูบ้าน แต่เหมือนที่บ้านเกิดเรื่อง จึงรีบหันกลับไปแล้ว"เสิ่นเสวียนช่วงนี้ร่างกายดีขึ้นบ้างแล้ว เพียงแต่เขาไม่ค่อยอยากอาหาร ดังนั้นกินเท่าไรก็ไม่อ้วน รูปร่างจึงผอมแห้งอยู่เสมอเขานั่งอยู่บนเก้าอี้ราชครูที่ปูพรมขนจิ้งจอกไว้ กำลังพลิกอ่านหนังสือเล่มหนึ่งอยู่เดิมทีคิดว่าวันนี้ฟู่จาวหนิงจะมา เขาก็รอนางอยู่ตลอดตอนนี้พอได้ยินเสียงขององครักษ์ เสิ่นเสวียนจึงขมวดคิ้ว ลุกขึ้นยืน"เตรียมรถ ไปบ้านตระกูลฟู่"เขายังไม่เคยไปบ้านตระกูลฟู่เลยตอนนี้เขายืนยันกว่าเก้าส่วนแล้วว่าฟู่หลินซื่อคือน้องสาวของเขา แต่กลับยังไม่เคยไปดูที่บ้านนางเลย ควรจะไปเสียหน่อยถ้าบ้านตระกูลฟู่เกิดเรื่องขึ้นจริงๆ เขาเองก็ต้องคอยสนับสนุนนางอยู่ข้างกายฟู่จาวหนิง"นายท่าน ท่
"ท่านปู่!"พอเข้าประตูมา ฟู่จาวหนิงก็ไปหาผู้เฒ่าฟู่ก่อนทันที"คุณหนู ท่านผู้เฒ่าอยู่ในโถง" เฉินซานเห็นนางวิ่งไปที่เรือนท่านผู้เฒ่า จึงรีบร้องเรียกนางไว้ฟู่จาวหนิงรีบหักเลี้ยวกลับมา"พวกเราเตือนท่านผู้เฒ่าให้กลับเรือนไปพักผ่อนแล้ว ให้นอนเพื่อรอท่าน แต่เขาก็กังวลเหลือเกิน เอาแต่อดทนอยู่ในโถงหน้า"ฟู่จาวหนิงรีบวิ่งเข้าไปพอเห็นจงเจี้ยนนั่งอยู่ข้างๆ ท่านผู้เฒ่า นางจึงผ่อนใจโล่งลงมาผู้เฒ่าฟู่พอเห็นนาง ก็ดีดตัวลุกขึ้นพรวดความรู้สึกเหมือนมีกระดูกสันหลังขึ้นมาฉับพลัน ความตื่นเต้นที่ว่าในที่สุดนางก็มาเสียที ทำเอาเส้นสายที่ตึงเปรี๊ยะของเขาขาดลงมาทันที"จาวหนิง เร็ว เสี่ยวเฟยเขา..."เขายังพูดไม่ทันจบ ก็กระอักเลือดออกมาทีหนึ่ง คนทั้งหมดล้วนหน้าเปลี่ยนสีกันหมด"ท่านผู้เฒ่า!""ท่านปู่!"ฟู่จาวหนิงนิ่งขรึมไป พุ่งตัวเข้าไป เข้าประคองตัวเขาร่วมกับจงเจี้ยนผู้เฒ่าฟู่ถูกประคองตัวนั่งลง เข็มเงินเล่มหนึ่งของฟู่จาวหนิงแทงลงไปที่จุดชีพจรเสริมแกร่งหัวใจจุดหนึ่ง"ท่านปู่ ท่านทำใจให้สบาย ต้องทำใจให้สบาย พวกเราจะพาเสี่ยวเฟยกลับมา เขาจะไม่เป็นไร ท่านไม่ต้องร้อนรนไป"ฟู่จาวหนิงรีบปลอบเขา พลางหยิ
ส่วนฟู่จาวหนิงเองก็มองมาทางเขา เพราะเซียวหลันยวนไม่ได้ยื่นมือมาประคองนางในตอนแรก แต่กลับมองนางอย่างงงงันหน่อยๆฟู่จาวหนิงยังไม่รู้ว่าตอนนี้เขากำลังคิดอะไร ใจก็ดำดิ่งหน่อยๆยังดีที่ตอนนางมองไปอีกครั้ง เซียวหลันยวนก็ยื่นมือมาดึงนางลุกขึ้นแล้ว จากนั้นไข่มุกหมึกในมือนางก็ส่งคืนไปยังเจ้าอาราม"คืนให้ท่าน"พริบตาที่เจ้าอารามยื่นมารับ เสียงเปรี๊ยะก็ดังขึ้น ไข่มุกหมึกลูกนั้นแตกละเอียดกะทันหันคนทั้งหมดล้วนตกตะลึง มองไปทางเศษหินที่รวงลงมานั่นพวกเขาล้วนถือไข่มุกหมึกกันมาแล้ว เดิมทีก็ยังดีดีอยู่ ไม่มีรอยร้าวอะไรเลย ยิ่งไปกว่านั้นตัวลูกปัดหยกก็ตันและแข็งแกร่ง หล่นลงพื้นก็ไม่แน่ว่าจะแตกด้วยซ้ำแต่ตอนนี้จู่ๆ มันก็เป็นแบบนี้ไปแล้วเจ้าอารามโค้งตัวลงเก็บชิ้นส่วนหยกขึ้นมา หยิบขึ้นมามองๆ"ไข่มุกหมึกทำนายดารา ข้าเองก็เหลืออยู่แค่เม็ดเดียวด้วย"อยู่กับเขามาหลายสิบปี ใช้มาก็ตั้งหลายครั้ง ตอนนี้จู่ๆ ก็แตกเสียแล้วเซียวหลันยวนยื่นมือตัวเองออกมา "ข้าไม่ได้ออกแรงนะ""แล้วก็ไม่เหมือนบีบจนแตกด้วย"เจ้าอารามพูดพลางมองไปทางฟู่จาวหนิงฟู่จาวหนิงหรุบตาลง เศษหินบนพื้นเหล่านั้น "หรือพวกท่านสงสัยว่าข้าทำ
เจ้าอารามสูดลมหายใจลึก"ผลลัพธ์นี้ไม่ค่อยดีนัก สิ่งที่มันชี้นำไป ทำให้อายวนเดินไปยังทางเลือกที่จะพาสู่ความพินาศ"พอได้ยินคำพูดเขา ฟู่จาวหนิงก็หน้าเปลี่ยนสีแต่นางกลับโมโหขึ้นมา"เฮอะ"ก่อนหน้านี้นางยังรู้สึกว่าจะอย่างไรก็ได้แต่ว่าตัวนางจะเป็นอย่างไร นางก็ยังไม่สนใจได้ เพราะนางไม่ใส่ใจ และไม่เชื่อว่าสิ่งเหล่านี้จะส่งผลกระทบกับตัวนางแต่เรื่องดันไปอยู่บนตัวเซียวหลันยวน นางก็ไม่ชอบใจขึ้นมาแล้วยิ่งไปกว่านั้น นางไม่รู้ว่าเซียวหลันยวนจะได้รัรบผลกระทบไหม ตัวนางเป็นคนที่ผ่านการข้ามภพมา แต่เขาไม่ใช่"อายวน" นางยื่นมือไปประคองเซียวหลันยวนเขาจับมือนางลุกขึ้นยืน มองดุนาง ยื่นมือลูบใบหน้านาง สีหน้าดูซับซ้อน"เจ้าลองดู"ฟู่จาวหนิงใจดำดิ่งหน่อยๆเพราะเขารู้สึกแปลกไปอย่างเห็นได้ชัด ปฏิกิริยานี้คือถูกส่งผลกระทบเข้าแล้วเมื่อครู่เขายังบอกนางอยู่เลยว่าถ้าไม่อยากคะเนทำนายก็ไม่ต้องทำ ตอนนี้เขากลับบอกว่าให้ลองดูเสียแล้วจิตใจต่อต้านกับความอยากเอาชนะของฟุ่จาวหนิงถูกกระตุ้นขึ้นมาแล้ว"ได้"นางขานรับ และไม่ลังเลอีก นั่งลงตรงหน้ามิติดาราทั้งสามผืนนั้น"ไข่มุกหมึก"เซียวหลันยวนส่งไข่มุกหมึก
เขาไม่อยากให้นางต้องฝืนตัวทำอะไรเพื่อตัวเขา"ข้ายินยอมทดสอบดู ไม่เป็นไร" ฟู่จาวหนิงบอกเขาเซียวหลันยวนชะงักไป "เช่นนั้นข้าก่อนแล้วกัน เจ้าลองดูผลลัพธ์ของข้าก่อนว่าเป็นอย่างไร แล้วค่อยตัดสินใจ"ตอนนี้เขาเองก็ยอมที่จะคะเนทำนายด้วย เพราะคำพูดประโยคนั้นที่เจ้าอารามพูดเมื่อครู่สามปีก่อนตอนที่เขาจะกลับเมืองหลวง ก็มีการวัดคะเนดาราไว้จริงๆ ทำให้เขารู้สึกได้อย่างชัดเจน ว่าเขาควรจะออกจากยอดเขาโยวชิงเวลานั้น และไปถึงเมืองหลวงในวันนั้นเขาเจอกับจาวหนิงถอนหมั้นกลางถนนในวันนั้น แต่งงานกับนางในวันนั้น ตอนนี้พอมาคิดก็ดูจะเป็นคู่รักวาสนาที่ฟ้าประทานมาจริงๆเพื่อความแม่นยำครั้งนี้ เขาเองก็ไม่กังขากับการวัดคะเนดาราเซียวหลันยวนนั่งขัดสมาธิลงตรงหน้ามิติดาราทั้งสามชิ้น ยื่นมือไปทางเจ้าอาราม "ไข่มุกหมึก""เจ้าจำไว้ด้วยว่าต้องขจัดสิ่งรบกวนออก อย่าต่อต้านการชี้นำ" เจ้าอารามส่งไข่มุกหมึกให้เขา จากนั้นจึงจุดธูปขึ้นเซียวหลันยวนหลับตา สองมือกุมไข่มุกหมึกตอนที่เขาเข้าสู่สภาวะลืมตนอย่างสมบูรณ์ ฟู่จาวหนิงก็แหงนหน้ามองท้องฟ้าด้วยสัญชาตญาณ เหมือนจะพบว่าแสงดาวเต็มท้องฟ้าจะสว่างเจิดจ้ากว่าเดิมเซียวหลันยวน
เจ้าอารามถอนใจอย่างจนใจอีกครั้ง ร้องเรียกพวกเขาไว้"กลับมาก่อน ทำไมพูดไม่ถูกหูหน่อยเดียวก็จะไปแล้วล่ะ? เดี๋ยวนี้อารมณ์ขึ้นง่ายขนาดนี้เชียว? ข้าก็แค่พูดเฉยๆ ไม่ใช่ว่ามองเสี่ยวฟู่แบบนี้เสียหน่อย"ฟู่จาวหนิงเองก็ยืนนิ่ง นางดึงเซียวหลันยวนไว้ตอนนี้นางเองก็น่าจะมองการวัดคะเนดาราของเจ้าอารามเป็นเหมือนเกมลึกลับเกมนึง เมื่อครู่ที่เห็นการเปลี่ยนแปลงขององค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้น นางรู้สึกอยากรู้อยากเห็นมากยิ่งไปกว่านั้น ฟู่จาวหนิงรู้สึกว่าเจ้าอารามทำให้นางจับทางไม่ถูกเหมือนกัน คนผู้นี้ต้องมีตัวตนที่ไม่ธรรมดาสำหรับเซียวหลันยวนแน่นอนสำหรับฮูหยินเฉิง เซียวหลันยวนบทจะไม่ยอมรับก็ไม่ยอมรับได้ จะหมดความผูกพันนั่นก็หมดไป แต่สำหรับเจ้าอารามนั้นไม่ได้เด็ดขาดไม่เช่นนั้นคงไม่พานางเดินทางนับพันลี้มายอดเขาโยวชิงแค่เพราะคำๆ เดียวของเจ้าอารามหรอกนางเองก็อยากรู้มาก สาเหตุอะไรที่ต้องให้พวกเขามาทำนายชะตาอะไรนี่ เจ้าอารามคิดจะทำอะไรกันแน่นอกเหนือจากนี้ ตัวนางเองก็ยังอยากรู้ ว่าการที่นางมายังแคว้นเจานี่ เป็นเพราะมีพลังลึกลับอะไรหรือเปล่าถ้าไม่ทำให้ชัดเจน หลังจากนี้นางคงจะตั้งรับไม่ไหวองค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นถึ
เขามองไปทางเจ้าอารามอีกครั้ง น้ำเสียงเข้มงวดขึ้นมา"ท่านน้าเฉิงถ้าพูดแบบนี้จริง เช่นนั้นสายตานางก็ตื้นเขินไม่รู้จักกาลเทศะ นางเองก็ไม่เข้าใจจาวหนิง และยิ่งไม่เข้าใจว่าจาวหนิงผ่านอะไรมาบ้าง แล้วมีสิทธิ์อะไรถึงใช้ความคิดของตัวเองมาสรุป ดูท่าหลายปีนี้คงถูกเอาอกเอาใจในเมืองจื่อซวีจนเสียคนแล้วจริงๆ"เดิมทีเขาได้ยินว่าฮูหยินเฉิงตาแดงก่ำลงจากเขาไป ยังเคยคิดว่าว่าเพราะช่วยนี้เย็นชากับนางมากเกินไปหรือเปล่า เอาไว้ตอนที่จะกลับ พอผ่านอุทยานเขาเฉิงอวิ๋น ยังคิดจะเข้าไปบอกลานางเสียหน่อยแต่ตอนนี้เขารู้สึกแล้วจริงๆ ว่าใจคนมันพังไปแล้ว เช่นนั้นก็ยากที่จะได้รับการเคารพจากคนอื่นจริงๆ"ข้าจดจำได้ว่าตอนที่ข้ายังเล็กท่านน้าเฉิงเคยมาดูแลอยู่หลายครั้ง แต่อันที่จริงพวกเราก็ไม่ได้สนิทกันขนาดนั้น หลังจากข้าโตมา พวกเราก็เจอกันน้อยครั้งมาก เจอกันก็เพียงแค่ทักทาย ข้าเรียกนางว่าท่านน้า ก็เพราะเคยชินมาจากตอนเด็กเท่านั้น"เซียวหลันยวนตอนพูดถึงจุดนี้น้ำเสียงก็เย็นลงมา"ตอนยังเล็กนางดูแลข้ามาหลายครั้ง ส่วนหนึ่งเป็นเพราะอาเจ้าอุทยานกำชับไว้ ข้าจึงเคารพนาง แต่นางก็ควรวางตัวให้ถูก ไม่ใช่จะขึ้นมาเป็นผู้อาวุโสของข้าจริ
สายตาที่องค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นมองเซียวหลันยวนดูซับซ้อนมาก ดูลังเล กำลังตัดสินใจและดูเจ็บปวดทรมานมากแต่หลังจากนี้นางกลับละทิ้งเรื่องที่จะกลับเมืองหลวงหาคนอื่นหรือกระทั่งเรื่องไปแคว้นหมิ่น แล้วิคดจะอยู่ข้างกายเจ้าอารามแทนหรือ?นี่มัน...ฟู่จาวหนิงพูดไม่ออกไปชั่วขณะ ไม่รู้ว่าการเปลี่ยนความคิดกะทันหันของนางมันเกิดขึ้นมาได้อย่างไรตอนนี้นางกลับรู้สึกอยากรู้อยากเห็นต่อวัดคะเนดารานี้เสียแล้ว องค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นสัมผัสได้ถึงอะไรกันนะ?"องค์หญิงใหญ่พักอยู่ที่นี่สองสามวันก่อนก็ได้ เอาไว้ค่อยว่ากัน"เจ้าอารามเหลือบมองกระจกทรงมุมที่แสงดับไปแล้วผาดหนึ่ง จากนั้นก็มองใบหน้าองค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้น แอบถอนหายใจในใจเขาเองก็ทำไม่สำเร็จ บิดชะตาฝูอวิ้นกลับมาไม่ได้ชั่วคราวผิดพลาดตรงไหนกันแน่นะ?เจ้าอารามมองต่อไปทางฟู่จาวหนิง จากการทำนายส่วนตัวของเขา ทำนายไปทำนายมา ต้นกำเนิดตัวแปรทั้งหมดก็คือฟู่จาวหนิงดังนั้น เรื่องที่เกี่ยวกับฟู่จาวหนิง เขาต้องมาขบคิดให้ดีจริงจัง""เจ้าอารามรับข้าไว้เถอะ แม้ข้าจะทำอะไรไม่เป็นเลย แต่ก็ยังเรียนรู้ได้ ข้าเรียนรู้ทำกับข้าว จริงด้วย ข้าเป็นแแม่สื่อได้ด้วยนะ หลังจากนี้ชายเส
บนพื้นมีสามจุดเปล่งแสงขึ้นรางๆ ปรากฏรูปร่างสามแบบคือ แปดเหลี่ยม ทรงกลม ทรงมุมฟู่จาวหนิงเดินเข้าไปสองก้าว จึงพบว่านั่นเป็นกระจกหลากสีเรียบลื่นสามชิ้นสลักฝังอยู่บนพื้น ใต้กระจกน่าจะเป็นหินหยกผิวเรียบ และระหว่างหยกกับกระจกมีของเหลวสีแดงเจือสีเงินไหลเอื่อยๆ อยู่ยิ่งไปกว่านั้น เพียงไม่นาน ด้านบนยังมีแสงระยิบเหมือนดวงดาว ราวกับจำลองท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยแสงดาวออกมาเจ้าอารามเดินเข้าไปใกล้ กวักมือให้กับองค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้น"มานี่"องค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นก็ค่อนข้างว่าง่าย เดินเข้าไปทันทีเจ้าอารามส่งลูกปัดหยกสีดำเม็ดหนึ่งให้นาง"นั่งขัดสมาธิ กำลูกปัดเม็ดนี้ไว้ สัมผัสดูว่ามันนำเจ้าไปยังมิติดาราไหน แล้วจงชี้ออกมา"องค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นไม่ค่อยเข้าใจ แต่ก็ทำตามที่เขาบอกนั่งลงขัดสมาธิบนพื้น สองมือกุมลูกปัดนั้น ตั้งสมาธิสัมผัสผ่านไปครู่หนึ่ง นางจึงหันหลังอย่างลังเลไปทางทรงมุมนั้น"ทางนี้"ฟู่จาวหนิงยืนมองอยู่ข้างๆจากที่นางเห็น เจ้าอารามเหมือนคนที่กำลังเล่นละครหลอกคนอย่างไรอย่างนั้น เรื่องแบบนี้จะทำนายดวงชะตาออกมาได้อย่างไร?กำลูกปัดลูกหนึ่งไว้ ก็สามารถชักนำให้ตนเองเลือกกระจกหลากสีแผ่นไหนแบ
ดาวสองดวงนั้นประกายจ้ามาก แล้วยังอยู่ใกล้มากด้วย ส่องประกายให้กันและกัน เหมือนขานรับกันและกันไม่รู้เพราะอะไร พอเห็นดาวสองดวงนี้ ฟู่จาวหนิงรู้สึกมีความสุขขึ้นมานางมองไปทางเซียวหลันยวน ถามขึ้นเสียงแผ่วเบา "ท่านเห็นดาวดวงไหนหรือ?"เซียวหลันยวนไม่ตอบ แต่กุมมือนางมัน จับนิ้วนางชี้ออกไป"เอ๋?"ที่เซียวหลันยวนชี้ก็คือดาวสองดวงนั้น!หรือพวกเขาจะมองเห็นแบบเดียวกัน?แน่นอนว่าอาจจะเพราะดาวสองดวงนั้นสว่างไสวมากที่สุด คนอื่นเองก็อาจจะมองเห็นพวกมันด้วยฟู่จาวหนิงคิดเช่นนี้ เลยมองไปทางองค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้น แต่กลับเห็นนางมองไปทางอื่นนางมองไล่ตามสายตาองค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นไป ตรงนั้นมีดาวดวงหนึ่ง สว่างอยู่เหมือนกัน แต่ดาวที่อยู่รอบๆ เล็กเอามากๆ จึงส่องระยับอยู่เพียงดวงเดียวที่องค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นมองอยู่น่าจะเป็นดวงนั้นกระมัง?ตอนที่นางจะเก็บสายตาก็กวาดไปเห็นซางจื่อพอดี และเห็นซางจื่อก็กำลังมองท้องฟ้า แต่สายตาของเขาดูสับสน สีหน้าเองก็ตกตะลึงไปฟู่จาวหนิงคิดๆ ถอยหลังสองก้าวไปอยู่ข้างๆ ซางจื่อซางจื่อเก็บสายตากลับ มองไปทางนาง ไม่เข้าใจว่าทำไมจู่ๆ นางก็มาอยู่ข้างๆ"ซางจื่อ เจ้าชอบดาวดวงไหน?"ซา
"แต่ก่อนท่านเคยเห็นเขาระบำมาก่อนไหม?""ไม่มีเคยเลย"ตอนที่พวกเขาหยุดเท้ายืนมอง องค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นก็มาถึงข้างกายพวกเขานางเองก็มองการร่ายรำบนแท่นชมดาว สายตาดูเคลิบเคลิ้มหน่อยๆ"ข้าได้ยินว่า แต่ก่อนตงฉิงก็มีระบำทำนายดวงดาวอยู่ประเภทหนึ่ง คิดค้นขึ้นมาโดยตระกูลราชครูตงฉิง นี่เป็นระบำที่ลึกลับมาก จังหวะก้าวเท้าทุกก้าวล้วนพิถีพิถัน นำมาซึ่งพลังแห่งดวงดาว ทำให้ผู้ทำนายดวงดาวมีพลังที่ลึกลับมากขึ้น ผลลัพธ์การทำนายเองก็แม่นยำขึ้น"องค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นเองก็ลืมสิ่งที่เซียวหลันยวนพูดไว้เมื่อครู่ เรื่องที่ไม่ให้นางเข้ามาใกล้นัก แต่มายืนอยู่ข้างกายพวกเขา พูดเรื่องที่ตนเองรู้มาก่อนหน้านี้ออกมาอย่างอดไม่อยู่"ตระกูลราชครูของตงฉิง?" ฟู่จาวหนิงเหลือบมองนางผาดหนึ่ง"ใช่ นี่เป็นสิ่งที่ข้าได้ยินองค์จักรพรรดิของข้าบอกมา" องค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นพอเห็นว่านางยอมพูดกับตนเอง ก็รู้สึกเหมือนได้รับเกียรติจนประหลาดใจขึ้นมา "ยิ่งไปกว่านั้นข้าก็ได้ยินว่าองค์จักรพรรดิข้าค้นหาตระกูลราชครูตงฉิงอยู่ตลอด ว่ากันว่า ตระกูลราชครูนั้นรู้ความลับมากมายของตงฉิง สามารถช่วยให้อาณาจักรมั่นคงได้ด้วย"เซียวหลันยวนร้องเฮอะขึ้นมาต้