"ท่านปู่!"พอเข้าประตูมา ฟู่จาวหนิงก็ไปหาผู้เฒ่าฟู่ก่อนทันที"คุณหนู ท่านผู้เฒ่าอยู่ในโถง" เฉินซานเห็นนางวิ่งไปที่เรือนท่านผู้เฒ่า จึงรีบร้องเรียกนางไว้ฟู่จาวหนิงรีบหักเลี้ยวกลับมา"พวกเราเตือนท่านผู้เฒ่าให้กลับเรือนไปพักผ่อนแล้ว ให้นอนเพื่อรอท่าน แต่เขาก็กังวลเหลือเกิน เอาแต่อดทนอยู่ในโถงหน้า"ฟู่จาวหนิงรีบวิ่งเข้าไปพอเห็นจงเจี้ยนนั่งอยู่ข้างๆ ท่านผู้เฒ่า นางจึงผ่อนใจโล่งลงมาผู้เฒ่าฟู่พอเห็นนาง ก็ดีดตัวลุกขึ้นพรวดความรู้สึกเหมือนมีกระดูกสันหลังขึ้นมาฉับพลัน ความตื่นเต้นที่ว่าในที่สุดนางก็มาเสียที ทำเอาเส้นสายที่ตึงเปรี๊ยะของเขาขาดลงมาทันที"จาวหนิง เร็ว เสี่ยวเฟยเขา..."เขายังพูดไม่ทันจบ ก็กระอักเลือดออกมาทีหนึ่ง คนทั้งหมดล้วนหน้าเปลี่ยนสีกันหมด"ท่านผู้เฒ่า!""ท่านปู่!"ฟู่จาวหนิงนิ่งขรึมไป พุ่งตัวเข้าไป เข้าประคองตัวเขาร่วมกับจงเจี้ยนผู้เฒ่าฟู่ถูกประคองตัวนั่งลง เข็มเงินเล่มหนึ่งของฟู่จาวหนิงแทงลงไปที่จุดชีพจรเสริมแกร่งหัวใจจุดหนึ่ง"ท่านปู่ ท่านทำใจให้สบาย ต้องทำใจให้สบาย พวกเราจะพาเสี่ยวเฟยกลับมา เขาจะไม่เป็นไร ท่านไม่ต้องร้อนรนไป"ฟู่จาวหนิงรีบปลอบเขา พลางหยิ
เซียวหลันยวนจะช่วยเสี่ยวเฟยอย่างสุดกำลังไหม?อันที่จริงระหว่างทางที่กลับ ฟู่จาวหนิงเองก็คำถามนี้ในใจตนเองเช่นกันถ้าหากเผ่าเฮ่อเหลียนกบฏจริง ถ้าหากราชาเฮ่อเหลียนจับตัวขุนพลบัญชาการเมืองหูจริง ยึดครองเมืองหู เฮ่อเหลียนเฟยในฐานะที่เป็นลูกชายราชาเฮ่อเหลียน ยิ่งไปกว่านั้นจากที่ตัวเขาพูดมา เฮ่อเหลียนเฟยมีความเป็นไปได้สูงที่จะถูกส่งต่อบัลลังก์ให้เขาดังนั้น เขาในเผ่าเฮ่อเหลียนจึงไม่ใช่คนที่ไม่มีชื่อเสียงเรียงนามอย่างแน่นอน ไม่ใช่คนทั่วไปที่ไม่มีตัวตนฐานะถ้าหากต้องประหารเก้าชั่วโคตรจริง เฮ่อเหลียนเฟยหนีไม่พ้นแน่นอน กลายเป็นคนสมควรถูกดึงเข้าไปเกี่ยวข้องมากที่สุด กระทั่งเรียกร้องหาความเป็นธรรมก็ยังไม่ได้เซียวหลันยวนจะว่าอย่างไรก็ต้องยืนอยู่ข้างราชวงศ์แคว้นเจากระมัง?เว้นเสียแต่นางจะพิสูจน์ได้ ว่าเสี่ยวเฟยเป็นน้องชายแท้ๆ ของนาง ไม่เกี่ยวข้องอะไรกับราชาเฮ่อเหลียนแต่ถ้าหากเป็นน้องชายนาง หรือก็คือระหว่างที่พ่อแม่ของนางถูกไล่จับก็ตั้งครรภ์ขึ้นมา ตอนแรกสุด เซียวหลันยวนคิดจะใช้นางมาคุกคามพวกเขา ตอนนี้มีลูกชายมาอีกคน เขาจะคิดเอามาใช้ประโยชน์ด้วยหรือไม่กัน?ถึงอย่างไรในใจคนสมัยนี้ ลูกชายก็ยัง
"ข้าฟัง ข้าจะฟัง"ฟู่จาวหนิงปลอบผู้เฒ่าฟู่เสร็จ มองเขาดื่มยาจนผล็อยหลับไป จากนั้นจึงถอยออกมา"จงเจี้ยน สืออี พวกเจ้าคอยคุ้มกันอยู่ในบ้านตระกูลฟู่"นางหยิบเข็มเล่มหนึ่งออกมา "สิ่งนี้ข้าฉาบยาพิษไว้ แต่เป็นแค่พวกที่ทำให้เส้นเอ็นอ่อนแรงลงทำนองนั้น ถ้าหากมีเรื่องเช่นวันนี้อีก จะเป็นคนในที่ว่าการ หรือว่าคนในวัง พวกเจ้าก็ใช้สิ่งนี้ไปเลย จัดการล้มคนลงก่อน รอข้ากลับมาแล้วค่อยจัดการ""ล้มคนลงไปก่อนหรือ?""ใช่!"ฟู่จาวหนิงสีหน้าเย็นเยียบ "พวกเจ้าเองก็ควรจะรู้ ท่านปู่ของข้าทนการกระตุ้นมากขนาดนั้นไม่ไหว ข้าต้องเาอชีวิตของเขาเป็นหลัก รักษาชีวิตของเขาไว้ก่อน ส่วนเรื่องขัดราชโองการหรือหลอกลวงองค์จักรพรรดิ สามารถจัดการภายหลังได้!""ขอรับ พวกข้าเข้าใจแล้ว""ตอนนี้ในบ้านก็ส่งให้พวกเจ้าแล้ว ข้าจะไปหาเสี่ยวเฟย"จงเจี้ยนมองฟู่จาวหนิงออกไป ถอนหายใจ"พี่ใหญ่ ท่านถอนหายใจทำไมกัน?""ก็แค่รู้สึกว่า คุณหนูนี่เข้มแข็งเด็ดเดี่ยวจริงๆ แล้วยังกล้าหาญมากด้วย คนในที่ว่าการบอกจะล้มก็ล้มทิ้งไปเลย แล้วยังก็ยังรู้สึกว่านางจะมีวิธีแก้ไขในภายหลังจริงๆ เสียด้วย คนเช่นนี้เหมาะกับท่านอ๋องของพวกเราจริงๆ!"ท่านอ๋องพวก
ฟู่จาวหนิงนำกระดาษยัดเข้าไปในกระเป๋าแขนเสื้อ สังเกตร่องรอยล้อรถบนพื้นอย่างละเอียดในนี้มีรอยล้อรถรอยหนึ่งมีหยดเลือดสีแดงคล้ำหลายหยดฟู่จาวหนิงเพ่งสายตาเฮ่อเหลียนเฟยเคยบอกกับนาง พวกเขาก่อนหน้านี้ที่อยู่บนภูเขาถ้าไม่มีวิธีทิ้งร่องรอย ก็จะแทงนิ้วตนเองแล้วทิ้งหยดเลือดเป็นสัญลักษณ์เอาไว้ถ้าหากเขาอยู่บนรถม้า แล้วไปหาโอกาสกับตำแหน่งที่เหมาะสมกรีดนิ้วตนเองแล้วหยดเลือดไว้ได้อย่างไรกัน?รอยเลือดเช่นนี้ ถ้าไม่ได้พาสุนัขที่เผ่าเฮ่อเหลียนเลี้ยงไว้ ก็ยากมากที่จะสังเกตเห็น แต่นางเชื่อว่านี่น่าจะเป็นสิ่งที่เฮ่อเหลียนเฟยทิ้งไว้ เขาเชื่อในนาง!เชื่อว่านางจะหารายละเอียดนี้จนพบเสี่ยวเฟยในเมื่อเชื่อมั่นนางเช่นนี้ นางก็จะไม่ทำให้เขาผิดหวังและตอนนี้เอง เซียวหลันยวนก็กำลังอยู่ในวังเบื้องหน้าเขามีองค์จักรพรรดิและฮองเฮานั่งอยู่องค์จักรพรรดิกับฮองเฮาเดิมกำลังเตรียมจะกินของว่าง จากนั้นก็จะแลกเปลี่ยนความรู้สึกกันและกันเสียหน่อย แต่เซียวหลันยวนก็พรวดพราดเข้ามาในใจองค์จักรพรรดิก็แอบเคือง แต่ก็ทำอะไรเขาไม่ได้ครั้งนั้นก่อนหน้าที่ไท่ซ่างหวงจะเสด็จสวรรคต พูดกับอ๋องเจวี้ยนเอาไว้ว่า วังจักรพรรดินี้ล้วน
ราชองครักษ์หลายคนล้วนเห็นอ๋องเจวี้ยนเดินตรงออกมา โดยมีองค์จักรพรรดิเดินตามออกมาอีกไม่กี่ก้าวกับตา ดูแล้วเหมือนโมโหฉุนเฉียวมาอ๋องเจวี้ยนไม่สนใจองค์จักรพรรดิเลยองค์จักรพรรดิตามมาไม่กี่ก้าวก็ยังตะโกนตามอยู่ปาวๆ จนเสียงแหบแห้ง"เซียวหลันยวน เจ้าหยุดเดี๋ยวนี้!"ฝีเท้าอ๋องเจวี้ยนไม่ได้ผ่อนเบาลงแม้แต่น้อย ท่าทางการเดินก็ดูสง่าราศี ชายเสื้อปลิวสะบัด เดินตรงไป ตรงไป"องค์จักรพรรดิ ให้คนปิดประตูวังไว้ ดูว่าเขาจะออกไปอย่างไร!"ฮองเฮาเองก็ตามออกมา ใบหน้าท่าทางมารดาแห่งใต้หล้าผู้ใจกว้างแต่เดิม ตอนนี้สีหน้าก็บิดเบี้ยวขึ้นมาแล้ว"ไม่เช่นนั้นก็ให้ราชองครักษ์ขวางเขาไว้ ต้องดับความโกรธเขาลงให้ได้ จะให้เขามาขี่คอองค์จักรพรรดิวางอำนาจบาตรใหญ่มิได้!"องค์จักรพรรดิพอได้ยินคำพูดนี้ของฮองเฮา สิ่งแรกที่รู้สึกคือขายขี้หน้าถึงอย่างไรตอนนี้เขาก็ถูกเซียวหลันยวนมาขี่อยู่บนคอจริงๆ เขาเป็นถึงจักรพรรดิแคว้นหนึ่งเลยนะ แต่เซียวหลันยวนบทจะมองข้ามก็มองข้าม!ราชสำนัก ข้าราชการในแคว้นเจานี้ ไม่ใช่ว่าเป็นทหารใต้บัญชาของเขาหรอกหรือ? เขาคิดจะใช้คนไหน อยากจะลดขั้นผู้ใด คิดจะใช้ใครไม่ใช่ว่าขึ้นอยู่กับเขาทั้งนั้นหรอก
"อ๋องเจวี้ยนคุมองครักษ์เงามังกรอยู่ในมือ คงไม่ได้มีใจคิดไม่ซื่อหรอกกระมัง?"แน่นอนว่ามีคนรู้สึกว่าพวกเขาคิดมากเกินไป "องค์รักษ์ต่อให้จะร้ายกาจอีกแค่ไหน ก็ไม่ใช่ว่ามีอยู่แค่ไม่กี่คนหรือไรกัน? องค์จักรพรรดิมีทหารนับล้านนะ องครักษ์เงามังกรจะต้านทานทหารนับล้านไหวหรือ?"สองพี่น้องอันเหนียนอันชิงที่กำลังออกมาซื้อของว่างก็ได้ยินเสียงวิพากษ์วิจารณ์เข้าพอดีพวกเขาสบตามองกัน ไม่พูดอะไร หยิบของว่างแล้วออกประตูไปรอจนขึ้นรถม้า อันชิงจึงมองไปทางอันเหนียน"ท่านพี่ ที่พวกเขาพูดท่านเห็นว่าอย่างไร?""เห็นว่าอย่างไร?" อันเหนียนยิ้ม "เจ้าหมายถึงด้านไหนล่ะ?""องครักษ์เงามังกรถ้าอยู่ต่อหน้าทหารนับล้านก็ไม่ใช่อะไรทั้งนั้น" อันชิงกดเสียงลงต่ำ"ยังไม่พูดถึงว่าอ๋องเจวี้ยนมีใจจะนั่งตำแหน่งนั้นไหม เอาแค่ทหารนับล้าน เจ้าคิดว่าทหารนับล้านน่ะอยู่ในที่เดียวกันหรือ? การจะเรียกรวมทหารนับล้านไม่ใช่เรื่องที่ง่ายดายเลย แต่ละค่ายทหารก็มีแม่ทัพที่แตกต่างกัน แต่องครักษ์เงามังกรอยู่ในเมืองหลวง"อันชิงฟังเข้าใจความหมายของเขาทันทีคนอื่นพูดกันว่าองครักษ์เงามังกรไม่สามารถต้านทานทหารนับล้านไหว แต่อันที่จริง ทหารนับล้าน
เจิ้งหยางรู้สึกว่าลู่ทงพูดถูก"ใช่ พวกเราต้องช่วยลูกพี่หนิงดู ว่าอ๋องเจวี้ยนจะไปช่วยนางทำอะไร? ถ้าหากไม่ใช่ เช่นนั้นพวกเราก็ต้องรีบหาตัวลูกพี่หนิงแล้วไปช่วยเหลือนาง!""ถูกต้องถูกต้อง ข้าเองก็คิดเช่นนี้""พวกเจ้าตอนนี้จะถอยก็ยังทันนะ หันม้ากลับไปที่เมืองหลวงเสีย!" ลู่ทงหันหน้าไปบอกเหล่าพี่น้องที่อยู่ด้านหลังเจิ้งหยางติดตามมา "เจิ้งทงพูดถูกต้อง พวกเจ้าเองก็มองออกแล้ว อ๋องเจวี้ยนตอนนี้นำองครักษ์เงามังกรอย่างองอาจเช่นนี้ เป็นไปได้ว่าน่าจะไปยั่วโมโหองค์จักรพรรดิเข้าแล้ว พวกเราจะติดตามอ๋องเจวี้ยนไป หลังจากนี้อาจจะถูกองค์จักรพรรดิทิ้งได้ คงคิดให้ถี่ถ้วน!"เหล่าคุณชายพวกนั้นมองหน้ากันไปมา จากนั้นก็ร้องเรียกขึ้นเสียงดัง "ลู่ทง เจิ้งหยาง พวกเจ้าดูถูกกันเกินไปไหม? พวกเราตอนนั้นเองก็ถูกลูกพี่หนิงช่วยชีวิตไว้ที่เขาเมฆอรุณนะ พวกเราต้องอยากช่วยลูกพี่หนิงอยู่แล้ว!""ใช่ๆๆ ไม่ใช่ว่ามีแค่พวกเจ้าสองคนที่ไม่กลัวตายนะ พวกข้าก็ไม่กลัวตายเหมือนกัน!""กลัวตาย แต่ก็ต้องคอยสนับสนุนลูกพี่หนิงนะ!"พวกเขาทยอยกันตะโกนขึ้นมาก่อนหน้านี้พวกเขาล้วนเป็นพวกโง่เขลาเบาปัญญา ทุกวันเอาแต่นัดกันออกไปล่าสัตว์ดื่มสุร
"ที่นี่ จะเป็นสถานที่ที่ฟู่จาวหนิงไม่มีทางลืมเลือนไปตลอดชีวิต"จ้าวเฉินชี้ไปที่เขาลูกนี้เฮ่อเหลียนเฟยเงยหน้ามองไปผาดหนึ่ง ทั้งภูเขาเป็นหิมะขาวโพลน ด้านหน้ามีถนนสายหนึ่ง มีรอยเท้าของคนบางส่วนเหยียบไปแล้ว ดูสับสนวุ่นวาย แต่ก็สะดุดตาเป็นอย่างมากเขาเข้าใจขึ้นมาทันทีพวกของจ้าวเฉินต้องเคยมาที่นี่ก่อนแล้วแน่นอน หรือบางทีอาจจะเป็นคนของพวกเขาดูจากรอยเท้า จำนวนคนไม่น้อยเลยพวกเขาไม่กลัวว่ารอยเท้าเหล่านี้จะเปิดโปงพวกเขา นี่คือคิดจะล่อฟู่จาวหนิงขึ้นเขากระมัง"เจ้าไม่ใช่จะเอาชีวิตข้าหรือ? ข้าไปไปก็พอแล้ว!" เฮ่อเหลียนเฟยร้องขึ้นมา หลังจากนี้ก็คิดจะกัดลิ้นแรงๆแต่ว่าพี่มู่คนนั้นก็มาบีบหน้าของเขาเอาไว้ทันที บิดคางของเขาเสียงดังกร๊อบ กรามของเขาหลุดออกมาตอนนี้เขากัดลิ้นไม่ได้อีกแล้ว"เอาล่ะ อย่าไปกระตุ้นเขาเลย ขึ้นเขากันก่อน" พี่มู่เอ่ยกับจ้าวเฉิน"ลุกขึ้นมา" จ้าวเฉินเตะเฮ่อเหลียนเฟย "เจ้าคิดว่าเจ้าตายแล้วก็จบหรือ? ถ้าเจ้าตายไป ฟู่จาวหนิงก็จะน่าเวทนายิ่งกว่า ไม่เชื่อเจ้าก็ลองดู ถ้าเจ้ายังไม่ลุกขึ้นอีก ต่อให้เป็นผู้เฒ่าตระกูลฟู่คนนั้นพวกเราก็จะไม่ปล่อยไป"เฮ่อเหลียนเฟยถลึงตามองเขาอย่างโก
ฟู่จาวหนิงอยู่ในคุกเองก็เบื่อหน่อยๆ แล้วนางเหลือบมองเซียวเหยียนจิ่งผาดหนึ่ง จากนั้นจึงตรงไปด้าหน้าเซียวหลันยวน "ข้าออกไปฟังหน่อยได้ไหม?""ไปเถอะ" เซียวหลันยวนพยักหน้า"เอ๋ ไม่หึงแล้วหรือ?" ฟู่จาวหนิงร้องชิชะเซียวหลันยวนหัวเราะเสียงทุ้ม "อย่าไปไกลนักล่ะ ข้าได้ยินอยู่"ถึงอย่างไรนางก็เบื่อๆ ถ้าเซียวเหยียนจิ่งพูดเรื่องอะไรที่ทำให้นางฆ่าเวลาได้ เช่นนั้นเขาก็ควรจะใจกว้างหน่อยแต่ว่า พวกเขาเดินไปไกลมากไม่ได้ ต้องอยู่ในระยะที่เขาสามารถได้ยิน"รู้อยู่แล้วว่าท่านจะใจกว้างหลอกๆ"ฟู่จาวหนิงวางพู่กัน ปรบๆ มือ จากนั้นจึงเดินออกจากห้องขัง"คิดจะพูดอะไร?"เซียวเหยียนจิ่งเดิมทีคิดจะให้เซียวหลันยวนหึงหวง ดังนั้นจึงไม่คิดจะเดินไปไกลนัก"มานี่หน่อย" เซียวเหยียนจิ่งเดินออกมาข้างๆ ไม่กี่ก้าว รู้สึกว่าระยะนี้เซียวหลันยวนน่าจะได้ยินเหมือนคนคุยกันแต่ไม่ได้ยินเนื้อหาด้านในเช่นนี้ก็พอดีฟู่จาวหนิงร้องเชอะในใจ น่าจะเข้าใจความคิดของเขาเพียงแต่เซียวเหยียนจิ่งก็ยังโง่อยู่ เขาคิดว่าระยะนี้เซียวหลันยวนไม่ได้ยินหรือไรกัน?นางเดินออกไปเซียวเหยียนจิ่งบอกกับผู้คุมข้างๆ คำหนึ่ง ให้เขาออกไปก่อนผู้คุม
ถ้าไม่ใช่ห้องขังรอบๆ ยังมีสภาพเดิมอยู่ เขาก็คงจะสงสัย ว่าฟู่จาวหนิงกับเซียวหลันยวนพักอยู่ในโรงเตี๊ยมอะไรกันคุกที่ไหนเขาจัดกันอบอุ่นแบบนี้บ้าง!"พระชายาอ๋องเจวี้ยน รบกวนออกมาหน่อย มีคนมาพบท่าน" ผู้คุมเปิดประตูยังต้องปรบมือเรียกคนม่านนั้นเลิกออก เซียวเหยียนจิ่งมองเข้าไปด้านใน และเห็นเซียวหลันยวนกำลังนั่งอยู่บนเก้าอี้ที่ปูด้วยเบาะรองตัวหนึ่งพลิกเปิดอ่านหนังสือ บนโต๊ะข้างๆ ยังมีชาที่ร้อนกรุ่นอยู่อีกกาหนึ่งด้วยฟู่จาวหนิงยืนอยู่ข้างๆ เขา กำลังจรดพู่กันเขียนอักษรดูแล้วเหมือนกำลังใช้ชีวิตประจำวันอยู่เลย!เซียวหลันยวนมองออกมา สบเข้ากับสายตาของเซียวเหยียนจิ่งพอดีเซียวเหยียนจิ่งเดิมทีใจก็กระตุกวูบ เขาเกือบจะถอยหนีออกมาแล้ว แต่ตอนที่เห็นฟู่จาวหนิง ไฟริษยาก็ทำให้เขาลืมความกลัวไปไม่ได้เจอกันตั้งครึ่งค่อนปี ฟู่จาวหนิงกลับสวยขึ้นกว่าเดิมเสียอีกเธอเป็นสาวเต็มตัวแล้ว ความเขินอายแบบเด็กสาวก็หายไปใบหน้าเปล่งปลั่ง รูปร่างก็ได้สัดส่วน ไม่เหมือนแต่ก่อนที่ผมบาง แต่มีส่วนโค้งเว้าที่สวยเด่นแค่ชดกระโปรงสีเหลืองเรียบง่าย เห็นแล้วก็ยังรู้สึกเย้ายวนเป็นพิเศษหลี่จื่อเหยาเทียบกับนางได้เสียที่ไหน!
หมากก้าวแรกของพวกชินอ๋องเซียวในตอนนั้นก็เสี่ยงเหมือนกัน ไปบอกเรื่องที่พวกเขารู้กับองค์จักรพรรดิ แม้จะช่วยจัดการพยานสองคนนั้นไปแล้ว แต่องค์จักรพรรดิก็อาจจะยังไม่ละเว้นพวกเขาอยู่ถึงอย่างไรปากของคนตายนี่ล่ะที่ปิดสนิทที่สุด"ท่านพ่อ ความสัมพันธ์ของพวกเรากับองค์จักรพรรดิ จะไปเทียบกับตระกูลฟู่ได้อย่างไร?"เซียวเหยียนจิ่งไม่เห็นด้วยท่านพ่อกับองค์จักรพรรดิเป็นลูกพี่ลูกน้องกัน พวกเขาล้วนสกุลเซียว ยิ่งไปกว่านั้นชินอ๋องเซียวก็ยังคุกคามองค์จักรพรรดิไม่ได้ จวนชินอ๋องเซียวเองก็ไม่ได้มีอำนาจสักเท่าไร ก็แค่อาศัยแต่พระมหากรุณาธิคุณของฝ่าบาทไปเท่านั้นดังนั้นองค์จักรพรรดิจึงเชื่อในความจริงใจที่พวกเขาส่งไปให้ เชื่อว่าพวกเขาต้องการแค่จะได้รับการให้ความสำคัญและการปกป้องจากฝ่าบาทเท่านั้น"ตระกูลฟู่จะไปมีอะไร? ฝ่าบาทไม่จำเป็นต้องเห็นพวกตระกูลฟู่อยู่ในสายตาเลย ส่วนเซียวหลันยวนก็เป็นหนามในสายตาองค์จักรพรรดิอีก องค์จักรพรรดิคิดจะรับมือกับเซียวหลันยวน ตอนนี้เซียวหลันยวนเองก็มีจุดอ่อนที่ใหญ่ที่สุดอยู่ นั่นก็คือฟู่จาวหนิง"พอพูดคำนี้ เซียวเหยียนจิ่งก็ดูไม่ค่อยสบายใจขึ้นมาที่ต้องให้เขายอมรับว่าเซียวหลันย
ก่อนหน้านี้ฟู่จิ้นเชินชื่อเสียงระบือเมืองหลวง และเคยขี่ม้าไปตามถนนสายยาว เคยเข้าไปในโรงสุราประชันโคลงกลอนกับผุ้อื่น เป็นช่วงเวลาที่รุ่งโรจน์เหลือประมาณเพราะเขามีหน้าตาที่ไร้เทียมทาน คนที่ไปดูเขาโดยเฉพาะก็มีไม่น้อย ผ่านไปหลายปีเช่นนี้ คนที่ยังจดจำหน้าตาเขาได้ก็มีอยู่ไม่น้อยด้วยเช่นกันโดยเฉพาะแม้จะผ่านไปสิบกว่าปีแล้ว เขาก็แทบไม่ได้ดูแก่ลงเลย มีแค่ความสุขุมที่มากขึ้น คนที่เคยเจอเขาในครั้งนั้น พอคิดว่าแค่เหลือบมองแล้วจำเขาได้ก็คงไม่ใช่เรื่องที่ยากเย็นอะไรกลับกันตัวฟู่หลินซื่อ คนที่พบเจอมีไม่มากนัก"ตอนนั้นคนที่ส่งข่าวให้พวกเราบอกว่า รอให้ฟู่หลินซื่อกลับเมืองหลวง จึงสามารถคิดหาวิธีให้เรื่องเมื่อสิบแปดปีก่อนเกิดขึ้นอีกครั้ง"ชินอ๋องเซียวกดเสียงต่ำ "สิบแปดปีก่อน เรื่องที่ฟู่หลินซื่อถูกใส่ร้ายว่าวางยาพิษเซียวหลันยวนสินะ ตอนนี้นางกลับมาแล้ว จะมีคนยืมมือของนางลงมือวางยาพิษกับเซียวหลันยวนอีกครั้งหรือ?"เซียวเหยียนจิ่งในใจมีความตื่นเต้นที่ยากจะพรรณนาออกมาเขาช่วงนี้เฝ้าคอยเรื่องนี้อยู่ตลอดก่อนหน้านี้เขาถอยห่างฟู่จาวหนิง อยากจะหนีนางไปให้ไกลๆ แต่ตอนนี้เขาเสียใจขึ้นมาเสียแล้วนับตั้งแต่
ผู้อาวุโสจี้อยู่ในรถม้าด้านหลัง เขาเองก็เลิกม่านขึ้นมองด้านนอก พอเห็นร้านรวงสองฟากฝั่งถนนแขวนไว้ด้วยโคมแดงก็ถอนหายใจ"จะปีใหม่อีกแล้ว"ชายหนุ่มอายุราวสามสิบปีอีกหนึ่งคนที่นั่งอยู่ในรถม้าก็มองออกไปด้านนอก พอได้ยินเขาพูดเช่นนี้ก็มองไปทางผู้อาวุโสจี้ ถอนหายใจเอ่ยขึ้นว่า "ผู้อาวุโสจี้ นี่จะปีใหม่อยู่แล้ว เจ้าพันธมิตรเรียกท่านกลับไปรวมตัวที่สาขาหลัก ท่านทำไมจึงปฏิเสธล่ะ?"ผู้อาวุโสจี้ไม่ได้กลับสาขาหลักไปช่วงปีใหม่หลายปีแล้ว"ไม่อยากไป วุ่นวายเกิน" ผู้อาวุโสจี้ส่ายหัว ไม่สนใจอย่างเห็นได้ชัด"ผู้อาวุโสคนอื่นก็ล้วนอยู่ที่พันธมิตร แม้ว่าเวลาปกติจะไปที่นั่นที่นี่ แต่พอถึงช่วงไว้พระจันทร์กับปีใหม่ล้วนกลับไป ตอนที่พวกเขาอยู่ด้วยกันยังสามารถหารือเรื่องใหญ่ต่างๆ ในพันธมิตรได้ นอกจากนี้ทุกสิ้นปีฝ่ายบัญชีพันธมิตรโอสถก็จะตรวจสอบแบ่งปันเงิน ท่านไม่กลับไป เรื่องพวกนี้ก็ไม่รู้ว่าจัดการกันชัดเจนหรือไม่ชายคนนี้เพิ่งจะถูกย้ายมาเป็นผู้ดูแลพันธมิตรคนใหม่ของเมืองหลวง ซูเหอซูเหอเองก็ถือเป็นคนที่ได้รับการสนับสนุนจากผู้อาวุโสจี้ เดิมทีด้วยอายุและประสบการณ์ของเขา ควรจะถูกจัดไปอยู่ประจำที่สาขาของพันธมิตรโอ
"หวานจัง"องค์หญิงนานฉือกินไปคำหนึ่ง ตาก็เป็นประกายขึ้นมา"ลูกชิ้นนี่เหนียวหนึบหนับดี เด้งและอ่อนนุ่ม น้ำแกงก็หวาดดี อร่อยจัง""ลูกชิ้นนี้ต้องใช้น้ำอุ่นที่อุณหภูมิพอดีมานวด ส่วนเวลาและแรงตอนที่นวดก็ต้องพิถีพิถันด้วย ท่านพี่เองก็ชอบกิน พีสะใภ้กินเยอะหน่อยๆ"องค์หญิงหนานฉือชอบกิน อันชิงจึงดีใจมากนางนั่งอยู่ตรงข้ามมององค์หญิงหนานฉือ รู้สึกว่านางดุมีเสน่ห์กว่าก่อนที่แต่งงานเสียอีก สวยจับใจจริงๆ"พี่ชายของเจ้า..."องค์หญิงหนานฉือหน้าร้อนขึ้นมาเดิมทีนางก็เป็นคนที่ค่อนข้างเปิดเผย แต่พอเจอกับเรื่องนี้ก็อดเขินอายขึ้นมาไม่ได้เหมือนักนพูดพูดถึงผู้ตรวจการอันเหนียน องค์หญิงหนานฉือก็รู้สึกปากร้อนขึ้นมาหน่อยๆ นางไม่เคยคิดเลยว่าผู้ตรวจการอันที่มีหน้าตางดงามอ่อนโยนมีการศึกษา จะเป็นชายหนุ่มที่มีอารมณ์หนักหน่วงคนหนึ่งแบบนี้!หลายวันนี้ ทุกวันตอนกลางคืนเขาก็จะมาทรมานนางสองครั้ง หลังจากเสร็จประชุมเช้า เขาก็ยังกลับมาทรมานนางอีกครั้งยิ่งไปกว่านั้นทุกครั้งก็ยังใช้เวลานาน นี่ทำเอานางหลายวันนี้มึนๆ งงๆ ร่างกายเมื่อยขบนอนไม่พอ ไม่ค่อยได้ออกจากห้องเลยทุกมื้อล้วนมีคนส่งอาหารเข้ามาในห้อง นางเองก็ขี
ฟู่จาวหนิงเองก็ไม่สนใจว่าองค์จักรพรรดิจะถามพวกอวิ๋นจูอย่างไรนางกลับมาที่จวนอ๋องเจวี้ยนอีกครั้ง ครั้งนี้ย้ายของไปมากกว่าเดิม ถึงกับตกแต่งห้องขังนั้นขึ้นมาแล้วประตูห้องขังยังแขวนม่านเอาไว้ด้วย บนพื้นปูพรม บนเตียงยังมีฉากกั้นลมสูงครึ่งตัวคนอีก แล้วยังกั้นเป็นห้องเล็กๆ สามารถวางถังปลดทุกข์ใบหนึ่งได้ด้วยที่มุมยังมีแจกันดอกไม้ บนกำแพงติดเชิงเทียนเอาไว้ แล้วยังแขวนเครื่องหอมไว้อีกย้ายโต๊ะมาหนึ่งตัว เก้าอี้สองตัว แล้วยังมีเบาะรองนั่งอีกพู่กันหมึกกระดาษแท่นฝนหมึกก็ยังติดมา แล้วยังมีเตาเล็กสำหรับอุ่นชาอุ่นสุราอีกชุดหนึ่ง วางเครื่องลายครามที่ประณีตสวยงามเอาไว้องครักษ์จวนอ๋องเจวี้ยนหลังจากย้ายของพวกนี้เข้ามาจัดวางแล้ว ห้องขังนี้ก็เปลี่ยนไปอย่างมากหัวหน้าคุกกับผู้คุมมองจนตาตั้งพวกเขาไม่ใช่ว่าไม่ได้ห้ามปราม แต่ฟู่จาวหนิงพูดมาคำเดียวว่า "ข้าบอกกับองค์จักรพรรดิแล้วว่ามาอยู่เป็นเพื่อนท่านอ๋อง" พวกเขาก็ต้องก้มหน้ากลับไปหัวหน้าคุกรู้สึกว่าผิดปกติไปจริงๆ วิ่งไปรายงานกับหัวหน้า ตอนกลับมายังคิดจะรื้อของเหล่านี้ของฟู่จาวหนิงออก"พระชายาอ๋องเจวี้ยน องค์จักรพรรดิให้อ๋องเจวี้ยนมาทบทวนตนเองให้
"ที่แท้การขังเอาไว้ในคุกใหญ่ก็ไม่เรียกว่าการลงโทษสินะ?""ฟู่จาวหนิง วันนี้เจ้าคิดจะมาทำอะไรกันแน่? ข้ามีงานการอีกตั้งมาก ไม่มีเวลามาเสวนาไร้สาระกับเจ้านะ!" องค์จักรพรรดิรู้สึกว่าแค่เห็นฟู่จาวหนิงเขาก็ปวดหัวเสียแล้วเขาเองก็ไม่กล้าทำอะไรนางจริงๆวิชาแพทย์ของฟู่จาวหนิงสูงส่งมาก! ในใจเขายังรู้สึกว่าโชคดีมาก ถึงอย่างไรนางก็เป็นคนของแคว้นเจา ถึงอย่างไรนางก็ยังมีญาติอยู่ที่เมืองหลวง ถึงอย่างไรตระกูลฟู่ก็ไม่ได้มีรากฐานอะไร ดังนั้นตอนที่เขาต้องการนางจริงๆ เขายังมั่นใจว่าตนเองจะบีบจุดอ่อนของนาง แล้วนำนางมาใช้ประโยชน์เพื่อตนเองได้ใครให้วิชาแพทย์ต้องมาเจอกับหายนะเข้าในใต้หล้านี้กัน ปัจจุบันพวกหมอเก่งๆ ล้ำค่าจะตายไปก่อนหน้านี้แคว้นเจามีหมอเทวดาหลี่ พวกเขาก็รู้สึกมีความมั่นใจอยู่ แต่พอเทียบกับฟู่จาวหนิง วิชาแพทย์ของหมอเทวดาหลี่กลับห่างชั้นอยู่ไกลโขเลยทีเดียวเพื่อวิชาแพทย์ของนาง ขอแค่นางไม่มาเหยียบเส้นต่ำสุดที่ไม่ควรล้ำ องค์จักรพรรดิก็ยังมีความอ่อนข้อให้สูงลิบอยู่เพียงแต่ว่า นางนี่มันน่าโมโหเสียจริงองค์จักรพรรดิรู้สึกว่ายิ่งพูดกับฟู่จาวหนิงมากแค่ไหนชีวิตเขาก็สั้นลงไปอีกหลายปี"แค่อยากจ
องค์จักรพรรดิพอได้ยินคำของฟู่จาวหนิง หน้าผากก็มีเส้นเลือดปูดตึงขึ้นมา"อายวนเขามีอะไรต้องทุกข์ใจกัน? ไม่พอใจข้าที่ให้เขาไปนั่งทบทวนตนเองในคุกหรือ?"ถ้านางกล้าบอกว่าไม่พอใจล่ะก็...ในใจองค์จักรพรรดิยังกำลังคิด ว่าตอนที่นางพูดว่าไม่พอใจแล้วจะตอกนางกลับไปอย่างไร ก็ได้ยินฟู่จาวหนิงใช้น้ำเสียงแปลกประหลาดออกมาคำหนึ่ง"องค์จักรพรรดิ ใครบ้างที่ยินดีจะอยู่ในคุก?"องค์จักรพรรดิ: นี่ยังจะย้อนถามมาอีกหรือ?"แต่ต่อให้ไม่ยินดีก็มิอาจขัดราชโองการได้" ฟู่จาวหนิงผายสองมือออก ดูจำใจอย่างมาก "เขาเป็นทุกข์ก็คือพวกสาวงามที่องค์จักรพรรดิยัดเข้ไาปข้างกายนั่นมันน่าโมโหมาก องค์จักรพรรรดิให้พวกนางไปดูแลเขา ผลลัพธ์คือพวกนางทั้งหมดก็หนีไปกันเกลี้ยง!""หนีหรือ?"องค์จักรพรรดิเองก็เดินตามแนวคิดของนางโดยไม่รู้ตัว กระทั่งน้ำเสียงก็ยังเลียนเสียงนางขึ้นอย่างไม่รู้ตัวจากนั้นเขาจึงได้สติกลับมา อยากจะตบปากตัวเองเสียจริงๆ"ใช่ไหมล่ะ เกินไปจริงๆ องค์จักรพรรดิ อายวนอยู่ในคุำำใหญ่ออกมาไม่ได้ ดังนั้นเขาจึงให้ข้าเข้าวังมาบอกกับองค์จักรพรรดิ จวนอ๋องเจวี้ยนไม่ต้อนรับสาวงามพวกนี้ แต่เจอเรื่องครั้งนี้เข้าไปก็ส่งผลกระทบกั