"ข้าฟัง ข้าจะฟัง"ฟู่จาวหนิงปลอบผู้เฒ่าฟู่เสร็จ มองเขาดื่มยาจนผล็อยหลับไป จากนั้นจึงถอยออกมา"จงเจี้ยน สืออี พวกเจ้าคอยคุ้มกันอยู่ในบ้านตระกูลฟู่"นางหยิบเข็มเล่มหนึ่งออกมา "สิ่งนี้ข้าฉาบยาพิษไว้ แต่เป็นแค่พวกที่ทำให้เส้นเอ็นอ่อนแรงลงทำนองนั้น ถ้าหากมีเรื่องเช่นวันนี้อีก จะเป็นคนในที่ว่าการ หรือว่าคนในวัง พวกเจ้าก็ใช้สิ่งนี้ไปเลย จัดการล้มคนลงก่อน รอข้ากลับมาแล้วค่อยจัดการ""ล้มคนลงไปก่อนหรือ?""ใช่!"ฟู่จาวหนิงสีหน้าเย็นเยียบ "พวกเจ้าเองก็ควรจะรู้ ท่านปู่ของข้าทนการกระตุ้นมากขนาดนั้นไม่ไหว ข้าต้องเาอชีวิตของเขาเป็นหลัก รักษาชีวิตของเขาไว้ก่อน ส่วนเรื่องขัดราชโองการหรือหลอกลวงองค์จักรพรรดิ สามารถจัดการภายหลังได้!""ขอรับ พวกข้าเข้าใจแล้ว""ตอนนี้ในบ้านก็ส่งให้พวกเจ้าแล้ว ข้าจะไปหาเสี่ยวเฟย"จงเจี้ยนมองฟู่จาวหนิงออกไป ถอนหายใจ"พี่ใหญ่ ท่านถอนหายใจทำไมกัน?""ก็แค่รู้สึกว่า คุณหนูนี่เข้มแข็งเด็ดเดี่ยวจริงๆ แล้วยังกล้าหาญมากด้วย คนในที่ว่าการบอกจะล้มก็ล้มทิ้งไปเลย แล้วยังก็ยังรู้สึกว่านางจะมีวิธีแก้ไขในภายหลังจริงๆ เสียด้วย คนเช่นนี้เหมาะกับท่านอ๋องของพวกเราจริงๆ!"ท่านอ๋องพวก
ฟู่จาวหนิงนำกระดาษยัดเข้าไปในกระเป๋าแขนเสื้อ สังเกตร่องรอยล้อรถบนพื้นอย่างละเอียดในนี้มีรอยล้อรถรอยหนึ่งมีหยดเลือดสีแดงคล้ำหลายหยดฟู่จาวหนิงเพ่งสายตาเฮ่อเหลียนเฟยเคยบอกกับนาง พวกเขาก่อนหน้านี้ที่อยู่บนภูเขาถ้าไม่มีวิธีทิ้งร่องรอย ก็จะแทงนิ้วตนเองแล้วทิ้งหยดเลือดเป็นสัญลักษณ์เอาไว้ถ้าหากเขาอยู่บนรถม้า แล้วไปหาโอกาสกับตำแหน่งที่เหมาะสมกรีดนิ้วตนเองแล้วหยดเลือดไว้ได้อย่างไรกัน?รอยเลือดเช่นนี้ ถ้าไม่ได้พาสุนัขที่เผ่าเฮ่อเหลียนเลี้ยงไว้ ก็ยากมากที่จะสังเกตเห็น แต่นางเชื่อว่านี่น่าจะเป็นสิ่งที่เฮ่อเหลียนเฟยทิ้งไว้ เขาเชื่อในนาง!เชื่อว่านางจะหารายละเอียดนี้จนพบเสี่ยวเฟยในเมื่อเชื่อมั่นนางเช่นนี้ นางก็จะไม่ทำให้เขาผิดหวังและตอนนี้เอง เซียวหลันยวนก็กำลังอยู่ในวังเบื้องหน้าเขามีองค์จักรพรรดิและฮองเฮานั่งอยู่องค์จักรพรรดิกับฮองเฮาเดิมกำลังเตรียมจะกินของว่าง จากนั้นก็จะแลกเปลี่ยนความรู้สึกกันและกันเสียหน่อย แต่เซียวหลันยวนก็พรวดพราดเข้ามาในใจองค์จักรพรรดิก็แอบเคือง แต่ก็ทำอะไรเขาไม่ได้ครั้งนั้นก่อนหน้าที่ไท่ซ่างหวงจะเสด็จสวรรคต พูดกับอ๋องเจวี้ยนเอาไว้ว่า วังจักรพรรดินี้ล้วน
ราชองครักษ์หลายคนล้วนเห็นอ๋องเจวี้ยนเดินตรงออกมา โดยมีองค์จักรพรรดิเดินตามออกมาอีกไม่กี่ก้าวกับตา ดูแล้วเหมือนโมโหฉุนเฉียวมาอ๋องเจวี้ยนไม่สนใจองค์จักรพรรดิเลยองค์จักรพรรดิตามมาไม่กี่ก้าวก็ยังตะโกนตามอยู่ปาวๆ จนเสียงแหบแห้ง"เซียวหลันยวน เจ้าหยุดเดี๋ยวนี้!"ฝีเท้าอ๋องเจวี้ยนไม่ได้ผ่อนเบาลงแม้แต่น้อย ท่าทางการเดินก็ดูสง่าราศี ชายเสื้อปลิวสะบัด เดินตรงไป ตรงไป"องค์จักรพรรดิ ให้คนปิดประตูวังไว้ ดูว่าเขาจะออกไปอย่างไร!"ฮองเฮาเองก็ตามออกมา ใบหน้าท่าทางมารดาแห่งใต้หล้าผู้ใจกว้างแต่เดิม ตอนนี้สีหน้าก็บิดเบี้ยวขึ้นมาแล้ว"ไม่เช่นนั้นก็ให้ราชองครักษ์ขวางเขาไว้ ต้องดับความโกรธเขาลงให้ได้ จะให้เขามาขี่คอองค์จักรพรรดิวางอำนาจบาตรใหญ่มิได้!"องค์จักรพรรดิพอได้ยินคำพูดนี้ของฮองเฮา สิ่งแรกที่รู้สึกคือขายขี้หน้าถึงอย่างไรตอนนี้เขาก็ถูกเซียวหลันยวนมาขี่อยู่บนคอจริงๆ เขาเป็นถึงจักรพรรดิแคว้นหนึ่งเลยนะ แต่เซียวหลันยวนบทจะมองข้ามก็มองข้าม!ราชสำนัก ข้าราชการในแคว้นเจานี้ ไม่ใช่ว่าเป็นทหารใต้บัญชาของเขาหรอกหรือ? เขาคิดจะใช้คนไหน อยากจะลดขั้นผู้ใด คิดจะใช้ใครไม่ใช่ว่าขึ้นอยู่กับเขาทั้งนั้นหรอก
"อ๋องเจวี้ยนคุมองครักษ์เงามังกรอยู่ในมือ คงไม่ได้มีใจคิดไม่ซื่อหรอกกระมัง?"แน่นอนว่ามีคนรู้สึกว่าพวกเขาคิดมากเกินไป "องค์รักษ์ต่อให้จะร้ายกาจอีกแค่ไหน ก็ไม่ใช่ว่ามีอยู่แค่ไม่กี่คนหรือไรกัน? องค์จักรพรรดิมีทหารนับล้านนะ องครักษ์เงามังกรจะต้านทานทหารนับล้านไหวหรือ?"สองพี่น้องอันเหนียนอันชิงที่กำลังออกมาซื้อของว่างก็ได้ยินเสียงวิพากษ์วิจารณ์เข้าพอดีพวกเขาสบตามองกัน ไม่พูดอะไร หยิบของว่างแล้วออกประตูไปรอจนขึ้นรถม้า อันชิงจึงมองไปทางอันเหนียน"ท่านพี่ ที่พวกเขาพูดท่านเห็นว่าอย่างไร?""เห็นว่าอย่างไร?" อันเหนียนยิ้ม "เจ้าหมายถึงด้านไหนล่ะ?""องครักษ์เงามังกรถ้าอยู่ต่อหน้าทหารนับล้านก็ไม่ใช่อะไรทั้งนั้น" อันชิงกดเสียงลงต่ำ"ยังไม่พูดถึงว่าอ๋องเจวี้ยนมีใจจะนั่งตำแหน่งนั้นไหม เอาแค่ทหารนับล้าน เจ้าคิดว่าทหารนับล้านน่ะอยู่ในที่เดียวกันหรือ? การจะเรียกรวมทหารนับล้านไม่ใช่เรื่องที่ง่ายดายเลย แต่ละค่ายทหารก็มีแม่ทัพที่แตกต่างกัน แต่องครักษ์เงามังกรอยู่ในเมืองหลวง"อันชิงฟังเข้าใจความหมายของเขาทันทีคนอื่นพูดกันว่าองครักษ์เงามังกรไม่สามารถต้านทานทหารนับล้านไหว แต่อันที่จริง ทหารนับล้าน
เจิ้งหยางรู้สึกว่าลู่ทงพูดถูก"ใช่ พวกเราต้องช่วยลูกพี่หนิงดู ว่าอ๋องเจวี้ยนจะไปช่วยนางทำอะไร? ถ้าหากไม่ใช่ เช่นนั้นพวกเราก็ต้องรีบหาตัวลูกพี่หนิงแล้วไปช่วยเหลือนาง!""ถูกต้องถูกต้อง ข้าเองก็คิดเช่นนี้""พวกเจ้าตอนนี้จะถอยก็ยังทันนะ หันม้ากลับไปที่เมืองหลวงเสีย!" ลู่ทงหันหน้าไปบอกเหล่าพี่น้องที่อยู่ด้านหลังเจิ้งหยางติดตามมา "เจิ้งทงพูดถูกต้อง พวกเจ้าเองก็มองออกแล้ว อ๋องเจวี้ยนตอนนี้นำองครักษ์เงามังกรอย่างองอาจเช่นนี้ เป็นไปได้ว่าน่าจะไปยั่วโมโหองค์จักรพรรดิเข้าแล้ว พวกเราจะติดตามอ๋องเจวี้ยนไป หลังจากนี้อาจจะถูกองค์จักรพรรดิทิ้งได้ คงคิดให้ถี่ถ้วน!"เหล่าคุณชายพวกนั้นมองหน้ากันไปมา จากนั้นก็ร้องเรียกขึ้นเสียงดัง "ลู่ทง เจิ้งหยาง พวกเจ้าดูถูกกันเกินไปไหม? พวกเราตอนนั้นเองก็ถูกลูกพี่หนิงช่วยชีวิตไว้ที่เขาเมฆอรุณนะ พวกเราต้องอยากช่วยลูกพี่หนิงอยู่แล้ว!""ใช่ๆๆ ไม่ใช่ว่ามีแค่พวกเจ้าสองคนที่ไม่กลัวตายนะ พวกข้าก็ไม่กลัวตายเหมือนกัน!""กลัวตาย แต่ก็ต้องคอยสนับสนุนลูกพี่หนิงนะ!"พวกเขาทยอยกันตะโกนขึ้นมาก่อนหน้านี้พวกเขาล้วนเป็นพวกโง่เขลาเบาปัญญา ทุกวันเอาแต่นัดกันออกไปล่าสัตว์ดื่มสุร
"ที่นี่ จะเป็นสถานที่ที่ฟู่จาวหนิงไม่มีทางลืมเลือนไปตลอดชีวิต"จ้าวเฉินชี้ไปที่เขาลูกนี้เฮ่อเหลียนเฟยเงยหน้ามองไปผาดหนึ่ง ทั้งภูเขาเป็นหิมะขาวโพลน ด้านหน้ามีถนนสายหนึ่ง มีรอยเท้าของคนบางส่วนเหยียบไปแล้ว ดูสับสนวุ่นวาย แต่ก็สะดุดตาเป็นอย่างมากเขาเข้าใจขึ้นมาทันทีพวกของจ้าวเฉินต้องเคยมาที่นี่ก่อนแล้วแน่นอน หรือบางทีอาจจะเป็นคนของพวกเขาดูจากรอยเท้า จำนวนคนไม่น้อยเลยพวกเขาไม่กลัวว่ารอยเท้าเหล่านี้จะเปิดโปงพวกเขา นี่คือคิดจะล่อฟู่จาวหนิงขึ้นเขากระมัง"เจ้าไม่ใช่จะเอาชีวิตข้าหรือ? ข้าไปไปก็พอแล้ว!" เฮ่อเหลียนเฟยร้องขึ้นมา หลังจากนี้ก็คิดจะกัดลิ้นแรงๆแต่ว่าพี่มู่คนนั้นก็มาบีบหน้าของเขาเอาไว้ทันที บิดคางของเขาเสียงดังกร๊อบ กรามของเขาหลุดออกมาตอนนี้เขากัดลิ้นไม่ได้อีกแล้ว"เอาล่ะ อย่าไปกระตุ้นเขาเลย ขึ้นเขากันก่อน" พี่มู่เอ่ยกับจ้าวเฉิน"ลุกขึ้นมา" จ้าวเฉินเตะเฮ่อเหลียนเฟย "เจ้าคิดว่าเจ้าตายแล้วก็จบหรือ? ถ้าเจ้าตายไป ฟู่จาวหนิงก็จะน่าเวทนายิ่งกว่า ไม่เชื่อเจ้าก็ลองดู ถ้าเจ้ายังไม่ลุกขึ้นอีก ต่อให้เป็นผู้เฒ่าตระกูลฟู่คนนั้นพวกเราก็จะไม่ปล่อยไป"เฮ่อเหลียนเฟยถลึงตามองเขาอย่างโก
คนเหล่านี้น่าจะไม่ใช่คนแคว้นเจา!พวกเขาเองก็ไม่รู้วางแผนไว้นานแค่ไหนแล้ว ถึงได้มีคนตั้งมากมายแทรกซึมเข้าไปยังตำแหน่งต่างๆ ในเมืองหลวงของแคว้นเจาได้อย่างเงียบเชียบแบบนี้!ผู้บัญชาการกองธงมู่พ่นลม ฟังแล้วก็รู้สึกหงุดหงิด"แล้วพวกเจ้าล่ะ?"ชายกลุางคนหนึ่งในนั้นที่ดูแล้วมีการศึกษาหน่อยก็ถอนหายใจออกมา มีท่าทางไม่ค่อยยินยอมขึ้นด้วยเช่นกัน"ข้าถูกเปิดโปงอย่างไม่ค่อยเป็นธรรมด้วย! ทั้งหมดเพราะฟู่จาวหนิงคนนั้น!"เฮ่อเหลียนเฟยเงี่ยหูฟังคำพูดของพวกเขา เหมือนจะพูดถึงพี่หญิงหรือเปล่า?"และเพราะก่อนหน้านี้ฟู่จาวหนิงมาซื้อยาที่ร้านยาของพวกข้า ตอนนั้นข้าก็ไม่ได้คิดมาก แค่รู้สึกว่าร้านยามากมายทั่วทั้งเมืองกำลังหัวเราะเยาะเรื่องที่นางไปขุดผักป่าแล้วคิดว่าเป็นยาสมุนไพรเอามาขาย รู้สึกว่าข้าก็ควรจะทำเหมือนคนอื่นๆ หัวเราะเยาะนางไปรอบหนึ่ง"คนชุดดำข้างๆ ก็หัวเราะเสียงเย็นชา"เหมือนเจ้าไม่ได้แค่หัวเราะเยาะนางนะ แต่เจ้ามันบ้ากาม ตอนนั้นพอเจ้าเห็นฟู่จาวหนิงสวยเป็นพิเศษ แล้วยังคิดจะยื่นมือไปลูบนางอีก ยิ่งไปกว่านั้นยังบอกนางว่าถ้านางมาอยู่ด้วยไม่กี่วัน ผู้เฒ่าฟู่ต้องการยาอะไร เจ้าจะประเคนช่วยให้หมด"คนร่
วิธีการของอ๋องเจวี้ยนเวลานี้ คือการบีบให้พวกเขาต้องล้มเลิกความพยายามในช่วงหลายปีนี้ แล้วถอนตัวออกไปจากเมืองหลวงและเพราะอ๋องเจวี้ยนน่ากลัวเกินไป จับจ้องคนเพียงคนเดียว ก็ยังสาวไส้พวกเขาออกมาเป็นพรวนได้!นี่อันตรายเกินไป ทำเอาพวกเขาตอนนี้ไม่กล้าจะเสี่ยงอยู่ต่อแล้วในมืออ๋องเจวี้ยนมีองครักษ์เงามังกร และพลานุภาพก็ยังยิ่งใหญ่มากอย่างเช่นฮวาเหนียง เดิมทีคิดว่าตนเองออกเรือนกับหัวหน้าที่คอยดูแลเจ้าหน้าที่ฝ่ายหุงหาอาหารในค่ายตงต้าเหล่านั้น นี่เป็นงานที่ไม่เลวเลย และไม่ใช่สิ่งที่คนธรรมดาจะไต่เต้าขึ้นไปถึง เขาจะต้องมีเบื้องหลังจึงสามารถเข้าไปในค่ายได้ แล้วหัวหน้าคนนั้นก็ทำได้ดีในค่ายตงต้าอีกด้วยแต่ว่าอ๋องเจวี้ยนก็ยังกล้าไม่สนใจ จัดการส่งองครักษ์เงามังกรเข้าไปจับคนในค่ายตงต้าเลยหัวหน้าในค่ายตงต้าคนนั้นก็ไม่กล้าที่จะขัดขืนดังนั้นพวกเขาจะทำอะไรได้?คนเหล่านี้ถ้าตกไปอยู่ในมืออ๋องเจวี้ยน เกรงว่าคงถูกไต่สวนอะไรออกมาแน่ ดังนั้นพวกเขาจึงต้องรีบถอนตัวกันก่อนพอได้ยินผู้บัญชาการกองธงมู่พูดเช่นนี้ คนเหล่านี้ก็ไม่กล้ามีความเห็น รีบกระชับเสื้อผ้าหมุนตัวตามพวกองครักษ์ชุดขาวเหล่านั้นออกไป"พี่มู่
ส่วนฟู่จาวหนิงเองก็มองมาทางเขา เพราะเซียวหลันยวนไม่ได้ยื่นมือมาประคองนางในตอนแรก แต่กลับมองนางอย่างงงงันหน่อยๆฟู่จาวหนิงยังไม่รู้ว่าตอนนี้เขากำลังคิดอะไร ใจก็ดำดิ่งหน่อยๆยังดีที่ตอนนางมองไปอีกครั้ง เซียวหลันยวนก็ยื่นมือมาดึงนางลุกขึ้นแล้ว จากนั้นไข่มุกหมึกในมือนางก็ส่งคืนไปยังเจ้าอาราม"คืนให้ท่าน"พริบตาที่เจ้าอารามยื่นมารับ เสียงเปรี๊ยะก็ดังขึ้น ไข่มุกหมึกลูกนั้นแตกละเอียดกะทันหันคนทั้งหมดล้วนตกตะลึง มองไปทางเศษหินที่รวงลงมานั่นพวกเขาล้วนถือไข่มุกหมึกกันมาแล้ว เดิมทีก็ยังดีดีอยู่ ไม่มีรอยร้าวอะไรเลย ยิ่งไปกว่านั้นตัวลูกปัดหยกก็ตันและแข็งแกร่ง หล่นลงพื้นก็ไม่แน่ว่าจะแตกด้วยซ้ำแต่ตอนนี้จู่ๆ มันก็เป็นแบบนี้ไปแล้วเจ้าอารามโค้งตัวลงเก็บชิ้นส่วนหยกขึ้นมา หยิบขึ้นมามองๆ"ไข่มุกหมึกทำนายดารา ข้าเองก็เหลืออยู่แค่เม็ดเดียวด้วย"อยู่กับเขามาหลายสิบปี ใช้มาก็ตั้งหลายครั้ง ตอนนี้จู่ๆ ก็แตกเสียแล้วเซียวหลันยวนยื่นมือตัวเองออกมา "ข้าไม่ได้ออกแรงนะ""แล้วก็ไม่เหมือนบีบจนแตกด้วย"เจ้าอารามพูดพลางมองไปทางฟู่จาวหนิงฟู่จาวหนิงหรุบตาลง เศษหินบนพื้นเหล่านั้น "หรือพวกท่านสงสัยว่าข้าทำ
เจ้าอารามสูดลมหายใจลึก"ผลลัพธ์นี้ไม่ค่อยดีนัก สิ่งที่มันชี้นำไป ทำให้อายวนเดินไปยังทางเลือกที่จะพาสู่ความพินาศ"พอได้ยินคำพูดเขา ฟู่จาวหนิงก็หน้าเปลี่ยนสีแต่นางกลับโมโหขึ้นมา"เฮอะ"ก่อนหน้านี้นางยังรู้สึกว่าจะอย่างไรก็ได้แต่ว่าตัวนางจะเป็นอย่างไร นางก็ยังไม่สนใจได้ เพราะนางไม่ใส่ใจ และไม่เชื่อว่าสิ่งเหล่านี้จะส่งผลกระทบกับตัวนางแต่เรื่องดันไปอยู่บนตัวเซียวหลันยวน นางก็ไม่ชอบใจขึ้นมาแล้วยิ่งไปกว่านั้น นางไม่รู้ว่าเซียวหลันยวนจะได้รัรบผลกระทบไหม ตัวนางเป็นคนที่ผ่านการข้ามภพมา แต่เขาไม่ใช่"อายวน" นางยื่นมือไปประคองเซียวหลันยวนเขาจับมือนางลุกขึ้นยืน มองดุนาง ยื่นมือลูบใบหน้านาง สีหน้าดูซับซ้อน"เจ้าลองดู"ฟู่จาวหนิงใจดำดิ่งหน่อยๆเพราะเขารู้สึกแปลกไปอย่างเห็นได้ชัด ปฏิกิริยานี้คือถูกส่งผลกระทบเข้าแล้วเมื่อครู่เขายังบอกนางอยู่เลยว่าถ้าไม่อยากคะเนทำนายก็ไม่ต้องทำ ตอนนี้เขากลับบอกว่าให้ลองดูเสียแล้วจิตใจต่อต้านกับความอยากเอาชนะของฟุ่จาวหนิงถูกกระตุ้นขึ้นมาแล้ว"ได้"นางขานรับ และไม่ลังเลอีก นั่งลงตรงหน้ามิติดาราทั้งสามผืนนั้น"ไข่มุกหมึก"เซียวหลันยวนส่งไข่มุกหมึก
เขาไม่อยากให้นางต้องฝืนตัวทำอะไรเพื่อตัวเขา"ข้ายินยอมทดสอบดู ไม่เป็นไร" ฟู่จาวหนิงบอกเขาเซียวหลันยวนชะงักไป "เช่นนั้นข้าก่อนแล้วกัน เจ้าลองดูผลลัพธ์ของข้าก่อนว่าเป็นอย่างไร แล้วค่อยตัดสินใจ"ตอนนี้เขาเองก็ยอมที่จะคะเนทำนายด้วย เพราะคำพูดประโยคนั้นที่เจ้าอารามพูดเมื่อครู่สามปีก่อนตอนที่เขาจะกลับเมืองหลวง ก็มีการวัดคะเนดาราไว้จริงๆ ทำให้เขารู้สึกได้อย่างชัดเจน ว่าเขาควรจะออกจากยอดเขาโยวชิงเวลานั้น และไปถึงเมืองหลวงในวันนั้นเขาเจอกับจาวหนิงถอนหมั้นกลางถนนในวันนั้น แต่งงานกับนางในวันนั้น ตอนนี้พอมาคิดก็ดูจะเป็นคู่รักวาสนาที่ฟ้าประทานมาจริงๆเพื่อความแม่นยำครั้งนี้ เขาเองก็ไม่กังขากับการวัดคะเนดาราเซียวหลันยวนนั่งขัดสมาธิลงตรงหน้ามิติดาราทั้งสามชิ้น ยื่นมือไปทางเจ้าอาราม "ไข่มุกหมึก""เจ้าจำไว้ด้วยว่าต้องขจัดสิ่งรบกวนออก อย่าต่อต้านการชี้นำ" เจ้าอารามส่งไข่มุกหมึกให้เขา จากนั้นจึงจุดธูปขึ้นเซียวหลันยวนหลับตา สองมือกุมไข่มุกหมึกตอนที่เขาเข้าสู่สภาวะลืมตนอย่างสมบูรณ์ ฟู่จาวหนิงก็แหงนหน้ามองท้องฟ้าด้วยสัญชาตญาณ เหมือนจะพบว่าแสงดาวเต็มท้องฟ้าจะสว่างเจิดจ้ากว่าเดิมเซียวหลันยวน
เจ้าอารามถอนใจอย่างจนใจอีกครั้ง ร้องเรียกพวกเขาไว้"กลับมาก่อน ทำไมพูดไม่ถูกหูหน่อยเดียวก็จะไปแล้วล่ะ? เดี๋ยวนี้อารมณ์ขึ้นง่ายขนาดนี้เชียว? ข้าก็แค่พูดเฉยๆ ไม่ใช่ว่ามองเสี่ยวฟู่แบบนี้เสียหน่อย"ฟู่จาวหนิงเองก็ยืนนิ่ง นางดึงเซียวหลันยวนไว้ตอนนี้นางเองก็น่าจะมองการวัดคะเนดาราของเจ้าอารามเป็นเหมือนเกมลึกลับเกมนึง เมื่อครู่ที่เห็นการเปลี่ยนแปลงขององค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้น นางรู้สึกอยากรู้อยากเห็นมากยิ่งไปกว่านั้น ฟู่จาวหนิงรู้สึกว่าเจ้าอารามทำให้นางจับทางไม่ถูกเหมือนกัน คนผู้นี้ต้องมีตัวตนที่ไม่ธรรมดาสำหรับเซียวหลันยวนแน่นอนสำหรับฮูหยินเฉิง เซียวหลันยวนบทจะไม่ยอมรับก็ไม่ยอมรับได้ จะหมดความผูกพันนั่นก็หมดไป แต่สำหรับเจ้าอารามนั้นไม่ได้เด็ดขาดไม่เช่นนั้นคงไม่พานางเดินทางนับพันลี้มายอดเขาโยวชิงแค่เพราะคำๆ เดียวของเจ้าอารามหรอกนางเองก็อยากรู้มาก สาเหตุอะไรที่ต้องให้พวกเขามาทำนายชะตาอะไรนี่ เจ้าอารามคิดจะทำอะไรกันแน่นอกเหนือจากนี้ ตัวนางเองก็ยังอยากรู้ ว่าการที่นางมายังแคว้นเจานี่ เป็นเพราะมีพลังลึกลับอะไรหรือเปล่าถ้าไม่ทำให้ชัดเจน หลังจากนี้นางคงจะตั้งรับไม่ไหวองค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นถึ
เขามองไปทางเจ้าอารามอีกครั้ง น้ำเสียงเข้มงวดขึ้นมา"ท่านน้าเฉิงถ้าพูดแบบนี้จริง เช่นนั้นสายตานางก็ตื้นเขินไม่รู้จักกาลเทศะ นางเองก็ไม่เข้าใจจาวหนิง และยิ่งไม่เข้าใจว่าจาวหนิงผ่านอะไรมาบ้าง แล้วมีสิทธิ์อะไรถึงใช้ความคิดของตัวเองมาสรุป ดูท่าหลายปีนี้คงถูกเอาอกเอาใจในเมืองจื่อซวีจนเสียคนแล้วจริงๆ"เดิมทีเขาได้ยินว่าฮูหยินเฉิงตาแดงก่ำลงจากเขาไป ยังเคยคิดว่าว่าเพราะช่วยนี้เย็นชากับนางมากเกินไปหรือเปล่า เอาไว้ตอนที่จะกลับ พอผ่านอุทยานเขาเฉิงอวิ๋น ยังคิดจะเข้าไปบอกลานางเสียหน่อยแต่ตอนนี้เขารู้สึกแล้วจริงๆ ว่าใจคนมันพังไปแล้ว เช่นนั้นก็ยากที่จะได้รับการเคารพจากคนอื่นจริงๆ"ข้าจดจำได้ว่าตอนที่ข้ายังเล็กท่านน้าเฉิงเคยมาดูแลอยู่หลายครั้ง แต่อันที่จริงพวกเราก็ไม่ได้สนิทกันขนาดนั้น หลังจากข้าโตมา พวกเราก็เจอกันน้อยครั้งมาก เจอกันก็เพียงแค่ทักทาย ข้าเรียกนางว่าท่านน้า ก็เพราะเคยชินมาจากตอนเด็กเท่านั้น"เซียวหลันยวนตอนพูดถึงจุดนี้น้ำเสียงก็เย็นลงมา"ตอนยังเล็กนางดูแลข้ามาหลายครั้ง ส่วนหนึ่งเป็นเพราะอาเจ้าอุทยานกำชับไว้ ข้าจึงเคารพนาง แต่นางก็ควรวางตัวให้ถูก ไม่ใช่จะขึ้นมาเป็นผู้อาวุโสของข้าจริ
สายตาที่องค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นมองเซียวหลันยวนดูซับซ้อนมาก ดูลังเล กำลังตัดสินใจและดูเจ็บปวดทรมานมากแต่หลังจากนี้นางกลับละทิ้งเรื่องที่จะกลับเมืองหลวงหาคนอื่นหรือกระทั่งเรื่องไปแคว้นหมิ่น แล้วิคดจะอยู่ข้างกายเจ้าอารามแทนหรือ?นี่มัน...ฟู่จาวหนิงพูดไม่ออกไปชั่วขณะ ไม่รู้ว่าการเปลี่ยนความคิดกะทันหันของนางมันเกิดขึ้นมาได้อย่างไรตอนนี้นางกลับรู้สึกอยากรู้อยากเห็นต่อวัดคะเนดารานี้เสียแล้ว องค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นสัมผัสได้ถึงอะไรกันนะ?"องค์หญิงใหญ่พักอยู่ที่นี่สองสามวันก่อนก็ได้ เอาไว้ค่อยว่ากัน"เจ้าอารามเหลือบมองกระจกทรงมุมที่แสงดับไปแล้วผาดหนึ่ง จากนั้นก็มองใบหน้าองค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้น แอบถอนหายใจในใจเขาเองก็ทำไม่สำเร็จ บิดชะตาฝูอวิ้นกลับมาไม่ได้ชั่วคราวผิดพลาดตรงไหนกันแน่นะ?เจ้าอารามมองต่อไปทางฟู่จาวหนิง จากการทำนายส่วนตัวของเขา ทำนายไปทำนายมา ต้นกำเนิดตัวแปรทั้งหมดก็คือฟู่จาวหนิงดังนั้น เรื่องที่เกี่ยวกับฟู่จาวหนิง เขาต้องมาขบคิดให้ดีจริงจัง""เจ้าอารามรับข้าไว้เถอะ แม้ข้าจะทำอะไรไม่เป็นเลย แต่ก็ยังเรียนรู้ได้ ข้าเรียนรู้ทำกับข้าว จริงด้วย ข้าเป็นแแม่สื่อได้ด้วยนะ หลังจากนี้ชายเส
บนพื้นมีสามจุดเปล่งแสงขึ้นรางๆ ปรากฏรูปร่างสามแบบคือ แปดเหลี่ยม ทรงกลม ทรงมุมฟู่จาวหนิงเดินเข้าไปสองก้าว จึงพบว่านั่นเป็นกระจกหลากสีเรียบลื่นสามชิ้นสลักฝังอยู่บนพื้น ใต้กระจกน่าจะเป็นหินหยกผิวเรียบ และระหว่างหยกกับกระจกมีของเหลวสีแดงเจือสีเงินไหลเอื่อยๆ อยู่ยิ่งไปกว่านั้น เพียงไม่นาน ด้านบนยังมีแสงระยิบเหมือนดวงดาว ราวกับจำลองท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยแสงดาวออกมาเจ้าอารามเดินเข้าไปใกล้ กวักมือให้กับองค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้น"มานี่"องค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นก็ค่อนข้างว่าง่าย เดินเข้าไปทันทีเจ้าอารามส่งลูกปัดหยกสีดำเม็ดหนึ่งให้นาง"นั่งขัดสมาธิ กำลูกปัดเม็ดนี้ไว้ สัมผัสดูว่ามันนำเจ้าไปยังมิติดาราไหน แล้วจงชี้ออกมา"องค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นไม่ค่อยเข้าใจ แต่ก็ทำตามที่เขาบอกนั่งลงขัดสมาธิบนพื้น สองมือกุมลูกปัดนั้น ตั้งสมาธิสัมผัสผ่านไปครู่หนึ่ง นางจึงหันหลังอย่างลังเลไปทางทรงมุมนั้น"ทางนี้"ฟู่จาวหนิงยืนมองอยู่ข้างๆจากที่นางเห็น เจ้าอารามเหมือนคนที่กำลังเล่นละครหลอกคนอย่างไรอย่างนั้น เรื่องแบบนี้จะทำนายดวงชะตาออกมาได้อย่างไร?กำลูกปัดลูกหนึ่งไว้ ก็สามารถชักนำให้ตนเองเลือกกระจกหลากสีแผ่นไหนแบ
ดาวสองดวงนั้นประกายจ้ามาก แล้วยังอยู่ใกล้มากด้วย ส่องประกายให้กันและกัน เหมือนขานรับกันและกันไม่รู้เพราะอะไร พอเห็นดาวสองดวงนี้ ฟู่จาวหนิงรู้สึกมีความสุขขึ้นมานางมองไปทางเซียวหลันยวน ถามขึ้นเสียงแผ่วเบา "ท่านเห็นดาวดวงไหนหรือ?"เซียวหลันยวนไม่ตอบ แต่กุมมือนางมัน จับนิ้วนางชี้ออกไป"เอ๋?"ที่เซียวหลันยวนชี้ก็คือดาวสองดวงนั้น!หรือพวกเขาจะมองเห็นแบบเดียวกัน?แน่นอนว่าอาจจะเพราะดาวสองดวงนั้นสว่างไสวมากที่สุด คนอื่นเองก็อาจจะมองเห็นพวกมันด้วยฟู่จาวหนิงคิดเช่นนี้ เลยมองไปทางองค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้น แต่กลับเห็นนางมองไปทางอื่นนางมองไล่ตามสายตาองค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นไป ตรงนั้นมีดาวดวงหนึ่ง สว่างอยู่เหมือนกัน แต่ดาวที่อยู่รอบๆ เล็กเอามากๆ จึงส่องระยับอยู่เพียงดวงเดียวที่องค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นมองอยู่น่าจะเป็นดวงนั้นกระมัง?ตอนที่นางจะเก็บสายตาก็กวาดไปเห็นซางจื่อพอดี และเห็นซางจื่อก็กำลังมองท้องฟ้า แต่สายตาของเขาดูสับสน สีหน้าเองก็ตกตะลึงไปฟู่จาวหนิงคิดๆ ถอยหลังสองก้าวไปอยู่ข้างๆ ซางจื่อซางจื่อเก็บสายตากลับ มองไปทางนาง ไม่เข้าใจว่าทำไมจู่ๆ นางก็มาอยู่ข้างๆ"ซางจื่อ เจ้าชอบดาวดวงไหน?"ซา
"แต่ก่อนท่านเคยเห็นเขาระบำมาก่อนไหม?""ไม่มีเคยเลย"ตอนที่พวกเขาหยุดเท้ายืนมอง องค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นก็มาถึงข้างกายพวกเขานางเองก็มองการร่ายรำบนแท่นชมดาว สายตาดูเคลิบเคลิ้มหน่อยๆ"ข้าได้ยินว่า แต่ก่อนตงฉิงก็มีระบำทำนายดวงดาวอยู่ประเภทหนึ่ง คิดค้นขึ้นมาโดยตระกูลราชครูตงฉิง นี่เป็นระบำที่ลึกลับมาก จังหวะก้าวเท้าทุกก้าวล้วนพิถีพิถัน นำมาซึ่งพลังแห่งดวงดาว ทำให้ผู้ทำนายดวงดาวมีพลังที่ลึกลับมากขึ้น ผลลัพธ์การทำนายเองก็แม่นยำขึ้น"องค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นเองก็ลืมสิ่งที่เซียวหลันยวนพูดไว้เมื่อครู่ เรื่องที่ไม่ให้นางเข้ามาใกล้นัก แต่มายืนอยู่ข้างกายพวกเขา พูดเรื่องที่ตนเองรู้มาก่อนหน้านี้ออกมาอย่างอดไม่อยู่"ตระกูลราชครูของตงฉิง?" ฟู่จาวหนิงเหลือบมองนางผาดหนึ่ง"ใช่ นี่เป็นสิ่งที่ข้าได้ยินองค์จักรพรรดิของข้าบอกมา" องค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นพอเห็นว่านางยอมพูดกับตนเอง ก็รู้สึกเหมือนได้รับเกียรติจนประหลาดใจขึ้นมา "ยิ่งไปกว่านั้นข้าก็ได้ยินว่าองค์จักรพรรดิข้าค้นหาตระกูลราชครูตงฉิงอยู่ตลอด ว่ากันว่า ตระกูลราชครูนั้นรู้ความลับมากมายของตงฉิง สามารถช่วยให้อาณาจักรมั่นคงได้ด้วย"เซียวหลันยวนร้องเฮอะขึ้นมาต้