คนเหล่านี้น่าจะไม่ใช่คนแคว้นเจา!พวกเขาเองก็ไม่รู้วางแผนไว้นานแค่ไหนแล้ว ถึงได้มีคนตั้งมากมายแทรกซึมเข้าไปยังตำแหน่งต่างๆ ในเมืองหลวงของแคว้นเจาได้อย่างเงียบเชียบแบบนี้!ผู้บัญชาการกองธงมู่พ่นลม ฟังแล้วก็รู้สึกหงุดหงิด"แล้วพวกเจ้าล่ะ?"ชายกลุางคนหนึ่งในนั้นที่ดูแล้วมีการศึกษาหน่อยก็ถอนหายใจออกมา มีท่าทางไม่ค่อยยินยอมขึ้นด้วยเช่นกัน"ข้าถูกเปิดโปงอย่างไม่ค่อยเป็นธรรมด้วย! ทั้งหมดเพราะฟู่จาวหนิงคนนั้น!"เฮ่อเหลียนเฟยเงี่ยหูฟังคำพูดของพวกเขา เหมือนจะพูดถึงพี่หญิงหรือเปล่า?"และเพราะก่อนหน้านี้ฟู่จาวหนิงมาซื้อยาที่ร้านยาของพวกข้า ตอนนั้นข้าก็ไม่ได้คิดมาก แค่รู้สึกว่าร้านยามากมายทั่วทั้งเมืองกำลังหัวเราะเยาะเรื่องที่นางไปขุดผักป่าแล้วคิดว่าเป็นยาสมุนไพรเอามาขาย รู้สึกว่าข้าก็ควรจะทำเหมือนคนอื่นๆ หัวเราะเยาะนางไปรอบหนึ่ง"คนชุดดำข้างๆ ก็หัวเราะเสียงเย็นชา"เหมือนเจ้าไม่ได้แค่หัวเราะเยาะนางนะ แต่เจ้ามันบ้ากาม ตอนนั้นพอเจ้าเห็นฟู่จาวหนิงสวยเป็นพิเศษ แล้วยังคิดจะยื่นมือไปลูบนางอีก ยิ่งไปกว่านั้นยังบอกนางว่าถ้านางมาอยู่ด้วยไม่กี่วัน ผู้เฒ่าฟู่ต้องการยาอะไร เจ้าจะประเคนช่วยให้หมด"คนร่
วิธีการของอ๋องเจวี้ยนเวลานี้ คือการบีบให้พวกเขาต้องล้มเลิกความพยายามในช่วงหลายปีนี้ แล้วถอนตัวออกไปจากเมืองหลวงและเพราะอ๋องเจวี้ยนน่ากลัวเกินไป จับจ้องคนเพียงคนเดียว ก็ยังสาวไส้พวกเขาออกมาเป็นพรวนได้!นี่อันตรายเกินไป ทำเอาพวกเขาตอนนี้ไม่กล้าจะเสี่ยงอยู่ต่อแล้วในมืออ๋องเจวี้ยนมีองครักษ์เงามังกร และพลานุภาพก็ยังยิ่งใหญ่มากอย่างเช่นฮวาเหนียง เดิมทีคิดว่าตนเองออกเรือนกับหัวหน้าที่คอยดูแลเจ้าหน้าที่ฝ่ายหุงหาอาหารในค่ายตงต้าเหล่านั้น นี่เป็นงานที่ไม่เลวเลย และไม่ใช่สิ่งที่คนธรรมดาจะไต่เต้าขึ้นไปถึง เขาจะต้องมีเบื้องหลังจึงสามารถเข้าไปในค่ายได้ แล้วหัวหน้าคนนั้นก็ทำได้ดีในค่ายตงต้าอีกด้วยแต่ว่าอ๋องเจวี้ยนก็ยังกล้าไม่สนใจ จัดการส่งองครักษ์เงามังกรเข้าไปจับคนในค่ายตงต้าเลยหัวหน้าในค่ายตงต้าคนนั้นก็ไม่กล้าที่จะขัดขืนดังนั้นพวกเขาจะทำอะไรได้?คนเหล่านี้ถ้าตกไปอยู่ในมืออ๋องเจวี้ยน เกรงว่าคงถูกไต่สวนอะไรออกมาแน่ ดังนั้นพวกเขาจึงต้องรีบถอนตัวกันก่อนพอได้ยินผู้บัญชาการกองธงมู่พูดเช่นนี้ คนเหล่านี้ก็ไม่กล้ามีความเห็น รีบกระชับเสื้อผ้าหมุนตัวตามพวกองครักษ์ชุดขาวเหล่านั้นออกไป"พี่มู่
ถึงอย่างไรอีกเดี๋ยวเขาก็ตายแล้ว คนตายนั้นพูดไม่ได้"อ๋องเจวี้ยนถ้าหากอยู่ในเมืองหลวง ข้าก็ยังหาโอกาสได้ยาก แต่ถ้าหากเขามาถึงภูเขาหิมะ ขอแค่ข้าทำให้เขาพิษกำเริบ ความหนาวเย็นของภูเขาหิมะนี้จะทำให้เขากระตุ้นพลังวรยุทธ์ไม่ได้เลย แล้วเจ้าว่าเขามาแล้วข้าต้องกลัวไหม?"จ้าวเฉินหลังจากได้ยินก็ตื่นเต้นขึ้นมา "จริงหรือ?""ข้ายังต้องหาเรื่องมาหลอกเจ้าหรือ มีความหมายตรงไหนกัน?""เช่นนั้น ถ้าหากฟู่จาวหนิงแก้พิษเขาได้จะทำอย่างไรกัน?""วิชาแพทย์ของนางไม่ได้ดีถึงระดับนั้น ต่อให้มีจริง นางก็ขาดตัวยา พิษนั่นซับซ้อนมาก จำเป็นต้องใช้ยาแก้หลายชนิดจำนวนมาก ยาแก้พิษอาจจะต้องใช้วัตถุดิบยานับร้อยชนิดเลวทีเดียว ตอนนี้วัตถุดิบยาหลายอย่างขาดแคลน เจ้าคิดว่าการจะหาวัตถุดิบยาให้ครบได้มันง่ายดายนักหรือ?"เขามั่นใจมาก ต่อให้ฟู่จาวหนิงสามารถแก้พิษให้อ๋องเจวี้ยนได้ ตอนนี้เองก็ยังขาดวัตถุดิบยาอยู่จ้าวเฉินถามขึ้นอีก "แต่ว่าอ๋องเจวี้ยนมีองครักษ์เงามังกร""องครักษ์เงามังกรต่อให้เข้ามาก็เหมือนกัน ขอแค่ข้าพูดความลับการติดพิษของอ๋องเจวี้ยนออกไป พวกเขาจะกล้าสังหารข้าหรือ? จากที่ข้ารู้ อ๋องเจวี้ยนตรวจสอบเรื่องนี้มาสิบปีแ
ผู้บัญชาการมู่เดินเข้ามา จากนั้นก็มัดสองขาของเฮ่อเหลียนเฟยไว้แน่น จากนั้นเขาก็หยิบสิ่งของออกมาถุงหนึ่ง พอเปิดออก ด้านในห่อผงฝุ่นที่ดูคล้ายหิมะเอาไว้ผู้บัญชาการมู่สวมถุงมือ หยิบเอาของเหล่านั้นมาทาเชือกบนตัวเขาที่เหลือก็ทาไปบนข้อมือและเสื้อผ้าถ้าไม่ได้เห็นกับตาว่าของสิ่งนี้นำออกมาจากบนตัวเขา เฮ่อเหลียนเฟยก็อาจจะคิดว่าเขาหยิบถุงหิมะออกมาใบหนึ่งของสิ่งนี้ทาไว้บนตัวเขานานขนาดนี้ ก็ยังไม่มีกลิ่นอะไรเลยยิ่งไปกว่านั้นหลังจากทาไปที่เชือก เขาก็เหมือนแค่โดนหิมะบางส่วนมาเปื้อนตัวเท่านั้น มองไม่ออกถึงความผิดปกติตรงไหนเลย"เจ้าทาอะไรให้ข้า? นี่มันคืออะไรกัน?" เฮ่อเหลียนเฟยใจกำลังดำดิ่ง"แน่นอนว่าเป็นของดี" ผู้บัญชาการมู่ขยำถุงกระดาษ จากนั้นก็ยื่นมือขว้างออกไปไกลๆ กระดาษก้อนนั้นก็ตกลงไปก้นเหวเขาหัวเราะ มือที่ใสวมถุงมือหนังกระต่ายก็ตบลงไปบนหน้าของเฮ่อเหลียนเฟย"เจ้าเองก็หน้าตาหล่อเหลา ถ้าไม่ใช่ตัวตนฐานะไม่ถูกต้อง ข้าเองก็สนใจตัวเจ้าอยู่ น่าเสียดาย"เฮ่อเหลียนเฟยรู้สึกในท้องปั่นป่วนขึ้นทันที"ถุด!"เขาออกแรงถ่มน้ำลายไปบนหน้าผู้บัญชาการมู่"ข้าได้ยินแล้ว เจ้าคือคนของต้าชื่อ! ยิ่งไปกว่
เฮ่อเหลียนเฟยถลึงตาโตมองเพดานกระโจมและตามคาด พอมองอย่างละเอียดก็เห็นจุดที่ไม่ถูกต้องด้านบนท่อนไม้หลายท่อนกระทั่งไม้แหลมที่ห้อยแทงลงมาอีกหลายเล่ม!เขาไม่รู้ด้วยซ้ำว่าไม้แหลมเหล่านั้นถูกผู้บัญชาการมู่ฉาบพิษไว้หรือไม่กระทั่งผ้าที่ตอกไว้ทั้งสี่ด้าน น่าจะเปื้อนพิษไว้แล้วกระมัง?แล้วก็พรมบนพื้นพี่หญิง อย่ามาเด็ดขาด!การเคลื่อนไหวภายนอก ผ่านไปครู่หนึ่งก็หายไปหมดแล้วรอบด้านนิ่งเงียบเป็นเป่าสาก บางครั้งก็มีเสียงลมภูเขาหวีดหวิว นอกจากนี้ด้านนอกก็ไม่มีการเคลื่อนไหวใดอีกเฮ่อเหลียนเฟยได้ยินเสียงหัวใจเต้นระรัวทั่วตัวเขาเหมือนจะร้อนขึ้นมา ไม่ได้รู้สึกเย็นเลยแม้แต่น้อยตอนนี้ผู้บัญชาการมู่กับจ้าวเฉินพวกเขาจะต้องคอยซุ่มอยู่รอบๆ นี้แน่นอน รอจนพี่หญิงเข้ามาเฮ่อเหลียนเฟยร้อนรนจนปากแทบจะพองท้องฟ้าค่อยๆ มืดลงบนภูเขาหิมะมีแสงหิมะขับเด่น แต่ก็ยังพอฝืนมองเห็นอยู่ไม่รู้ผ่านมานานเท่าไร ตอนที่รอยเท้าแนวนั้นใกล้จะถูกปกคลุม บนถนนภูเขาในที่สุดก็ปรากฎเงาคนร่างหนึ่งฟู่จาวหนิงเดินมานานกว่าจะหาที่นี่เจอในช่วงสุดท้ายที่ลมหิมะจะกลบร่องรอยก็หาเบาะแสพบจนได้รอยเท้าตั้งมากมายขนาดนั้น เล็กใหญ่ไม
ฟู่จาวหนิงกินไปด้วยสังเกตรอบๆ ไปด้วยภูเขาหิมะนี้ต้นไม้ไม่เยอะ แต่หินภูเขากลับมีอยู่พอควร บางส่วนถูกคลุมอยู่ใต้หิมะตอนนี้จุดสูงนูนต่ำรอบๆ บวกกับต้นไม้ที่มีหิมะถมกองอยู่บางส่วน เงามืดโบกไหว มองไม่ออกเลยว่ามีคนซ่อนอยู่ตรงไหนแต่ว่ากระโจมผ้านั่นก็อยู่ตรงกลางของพื้นเรียบว่างผืนหนึ่ง มันดูกะทันหันไปหน่อยดูแล้วเหมือนมีพวกนักล่ามากางเอาไว้ที่นี่เลยถึงอย่างไรหน้าผาอีกด้านก็เป็นป่าทึบผืนใหญ่ ข้ามออกไปก็จะเป็นฟ้าดินที่แตกต่างกันแต่รอยเท้าด้านล่างภูเขาก่อนหน้านี้ ไม่เหมือนกับพวกนักล่าทิ้งเอาไว้ มีคนไม่น้อยเลยที่เข้ามาที่นี่นางเองยังจับต้นชนปลายไม่ถูกถึงแผนการที่อีกฝ่ายพาเฮ่อเหลียนเฟยเข้ามาที่นี่ยิ่งไปกว่านั้น รอยเท้ามากมายขนาดนั้น จะใช่พวกทหารทางการที่บุกเข้าไปจวนตระกูลฟู่แล้วพาเฮ่อเหลียนเฟยเหล่านั้นหรือเปล่า ถ้าหากไม่ใช่ ที่ไหนกันที่ยังมีคนมากขนาดนี้?ฟู่จาวหนิงเคี้ยวเนิบนาบ อันที่จริงกำลังตั้งใจฟังการเคลื่อนไหวรอบๆ อยู่บนเขาเงียบเป็นพิเศษ เงียบจนขนาดที่เสียงลมพัดหิมะเข้ามาก็ยังได้ยินนางได้ยินคนในกระโจมส่งเสียงอาอาแปลกๆ ออกมา ฟังแล้วเหมือนส่งเสียงออกมาลำบากอย่างไรอย่างนั้นไม
แต่จ้าวเฉินที่พูดขึ้นมาตอนนี้มันก็ดูโง่มากจริงๆ เขารู้สึกควรกันไว้ก่อน จะไม่ซ่อนอยู่จุดเดียวกับจ้าวเฉินเขาส่งสัญญาณมือให้จ้าวเฉิน เป็นสัญญาณว่าตนเองจะไปอีกทางหนึ่ง จากนั้นก็ใช้วิชาตัวเบา บินแฉลบออกไปอีกด้านอย่างไร้ซุ่มเสียงตอนที่ร่อนลงชายเสื้อของเขาปัดไปยังกิ่งไม้กิ่งหนึ่งบนกิ่งไม้เดิมทีมีหิมะสุมตัวหนา พอถูกปัดเบาๆ หิมะที่สุ่มอยู่ด้านบนก็ทยอยร่วงลงมาหูของฟู่จาวหนิงขยับเล็กน้อย ครั้งนี้ก็จับได้อีกทิศทางหนึ่งที่นี่คนที่เหลือไว้น่าจะไม่มากเท่าไรนักถ้าหากคนไม่มาก เช่นนั้นพวกเขาก็ต้องเตรียมอะไรไว้ในกระโจมระหว่างทางที่มานางก็ได้กลิ่นของวัตถุดิบยาที่ทำให้ประสาทด้านชาชนิดหนึ่ง แม้กลิ่นจะจางมาก แต่ขณะที่กองหิมะกดกลิ่นสิ่งของอื่นๆ ทั้งหมดลงไป กลิ่นจางๆ เช่นนี้นางก็ยังดมออกมาได้ดังนั้นอีกฝ่ายน่าจะมีคนที่ใช้ยาใช้พิษได้อย่างร้ายกาจฟู่จาวหนิงก่อนหน้านี้กินยาแก้พิษลงไปแล้วเม็ดหนึ่งถัดจากนี้ก็น่าจะเป็นการประลองกันของยาและพิษระหว่างนางกับคนคนนั้นแล้วฟู่จาวหนิงถือขวดสุราไว้ในมือ ในที่สุดก็ลุกขึ้นยืนจ้าวเฉินพวกเขาพอเห็นการเคลื่อนไหวของนาง ในร่างกายก็เหมือนมีเส้นหนึ่งในร่างกายถูกดึ
ฟู่จาวหนิงหลังจากออกมาก็หมอบอยู่ด้านหลังกองหิมะกองหนึ่ง ไม่ขยับเขยื้อนจนผู้บัญชาการกองธงมู่ตื่นตัวกลับมา ตอนที่มองไปทางกระโจมผ้า เขาก็ไม่เห็นว่าที่นั่นมีอะไรผิดปกติไม่สิ!มีอะไรไม่ปกติอยู่!เพราะเขาไม่ได้ยินการเคลื่อนไหวของเฮ่อเหลียนเฟยแล้ว!ก่อนหน้านี้เฮ่อเหลียนเฟยดิ้นรนอย่างร้อนใจมาตลอด แล้วยังพยายามคิดจะแผดเสียงร้องออกมาอีก แต่เขาก็มีการเคลื่อนไหวได้เพียงนิดเดียวเท่านั้น ส่งเสียงร้องออกมาไม่ได้เลยทว่าตอนนี้การเคลื่อนไหวนั้นกลับไม่ได้ยินเสียแล้ว!หรือก็คือ ในกระโจมเงียบเป็นเป่าสาก ไม่มีเสียงใดๆ เลย!นี่เป็นไปได้อย่างไรกัน?เฮ่อเหลียนเฟยที่กำลังร้อนรนตึงเครียดหวาดกลัว ลมหายใจเขาหนักเสียขนาดนั้น ด้วยกำลังภายในของเขาจะต้องได้ยินแน่นอนแล้วทำไมตอนนี้แค่ลมหายใจของเขาก็ยังไม่ได้ยินกัน?หรือว่าเฮ่อเหลียนเฟยสลบไปแล้ว? หรืออาจจะตายไปแล้ว?ในใจผู้บัญชาการกองธงมู่ตื่นตัวขึ้นมา เขาเองก็ทนเงียบต่อไปไม่ไหวแล้ว ยิ่งไปกว่านั้น ฟู่จาวหนิงล่ะ?จ้าวเฉินเองก็รอไม่ไหวเช่นกันเขาออกแรงส่งสัญญาณมือไปทางผู้บัญชาการกองธงมู่ช่างเขาปะไร ตอนนี้ฟู่จาวหนิงก็แค่คนคนเดียว พวกเขาจะกลัวอะไรกัน? พุ่
ฟู่จาวหนิงอยู่ในคุกเองก็เบื่อหน่อยๆ แล้วนางเหลือบมองเซียวเหยียนจิ่งผาดหนึ่ง จากนั้นจึงตรงไปด้าหน้าเซียวหลันยวน "ข้าออกไปฟังหน่อยได้ไหม?""ไปเถอะ" เซียวหลันยวนพยักหน้า"เอ๋ ไม่หึงแล้วหรือ?" ฟู่จาวหนิงร้องชิชะเซียวหลันยวนหัวเราะเสียงทุ้ม "อย่าไปไกลนักล่ะ ข้าได้ยินอยู่"ถึงอย่างไรนางก็เบื่อๆ ถ้าเซียวเหยียนจิ่งพูดเรื่องอะไรที่ทำให้นางฆ่าเวลาได้ เช่นนั้นเขาก็ควรจะใจกว้างหน่อยแต่ว่า พวกเขาเดินไปไกลมากไม่ได้ ต้องอยู่ในระยะที่เขาสามารถได้ยิน"รู้อยู่แล้วว่าท่านจะใจกว้างหลอกๆ"ฟู่จาวหนิงวางพู่กัน ปรบๆ มือ จากนั้นจึงเดินออกจากห้องขัง"คิดจะพูดอะไร?"เซียวเหยียนจิ่งเดิมทีคิดจะให้เซียวหลันยวนหึงหวง ดังนั้นจึงไม่คิดจะเดินไปไกลนัก"มานี่หน่อย" เซียวเหยียนจิ่งเดินออกมาข้างๆ ไม่กี่ก้าว รู้สึกว่าระยะนี้เซียวหลันยวนน่าจะได้ยินเหมือนคนคุยกันแต่ไม่ได้ยินเนื้อหาด้านในเช่นนี้ก็พอดีฟู่จาวหนิงร้องเชอะในใจ น่าจะเข้าใจความคิดของเขาเพียงแต่เซียวเหยียนจิ่งก็ยังโง่อยู่ เขาคิดว่าระยะนี้เซียวหลันยวนไม่ได้ยินหรือไรกัน?นางเดินออกไปเซียวเหยียนจิ่งบอกกับผู้คุมข้างๆ คำหนึ่ง ให้เขาออกไปก่อนผู้คุม
ถ้าไม่ใช่ห้องขังรอบๆ ยังมีสภาพเดิมอยู่ เขาก็คงจะสงสัย ว่าฟู่จาวหนิงกับเซียวหลันยวนพักอยู่ในโรงเตี๊ยมอะไรกันคุกที่ไหนเขาจัดกันอบอุ่นแบบนี้บ้าง!"พระชายาอ๋องเจวี้ยน รบกวนออกมาหน่อย มีคนมาพบท่าน" ผู้คุมเปิดประตูยังต้องปรบมือเรียกคนม่านนั้นเลิกออก เซียวเหยียนจิ่งมองเข้าไปด้านใน และเห็นเซียวหลันยวนกำลังนั่งอยู่บนเก้าอี้ที่ปูด้วยเบาะรองตัวหนึ่งพลิกเปิดอ่านหนังสือ บนโต๊ะข้างๆ ยังมีชาที่ร้อนกรุ่นอยู่อีกกาหนึ่งด้วยฟู่จาวหนิงยืนอยู่ข้างๆ เขา กำลังจรดพู่กันเขียนอักษรดูแล้วเหมือนกำลังใช้ชีวิตประจำวันอยู่เลย!เซียวหลันยวนมองออกมา สบเข้ากับสายตาของเซียวเหยียนจิ่งพอดีเซียวเหยียนจิ่งเดิมทีใจก็กระตุกวูบ เขาเกือบจะถอยหนีออกมาแล้ว แต่ตอนที่เห็นฟู่จาวหนิง ไฟริษยาก็ทำให้เขาลืมความกลัวไปไม่ได้เจอกันตั้งครึ่งค่อนปี ฟู่จาวหนิงกลับสวยขึ้นกว่าเดิมเสียอีกเธอเป็นสาวเต็มตัวแล้ว ความเขินอายแบบเด็กสาวก็หายไปใบหน้าเปล่งปลั่ง รูปร่างก็ได้สัดส่วน ไม่เหมือนแต่ก่อนที่ผมบาง แต่มีส่วนโค้งเว้าที่สวยเด่นแค่ชดกระโปรงสีเหลืองเรียบง่าย เห็นแล้วก็ยังรู้สึกเย้ายวนเป็นพิเศษหลี่จื่อเหยาเทียบกับนางได้เสียที่ไหน!
หมากก้าวแรกของพวกชินอ๋องเซียวในตอนนั้นก็เสี่ยงเหมือนกัน ไปบอกเรื่องที่พวกเขารู้กับองค์จักรพรรดิ แม้จะช่วยจัดการพยานสองคนนั้นไปแล้ว แต่องค์จักรพรรดิก็อาจจะยังไม่ละเว้นพวกเขาอยู่ถึงอย่างไรปากของคนตายนี่ล่ะที่ปิดสนิทที่สุด"ท่านพ่อ ความสัมพันธ์ของพวกเรากับองค์จักรพรรดิ จะไปเทียบกับตระกูลฟู่ได้อย่างไร?"เซียวเหยียนจิ่งไม่เห็นด้วยท่านพ่อกับองค์จักรพรรดิเป็นลูกพี่ลูกน้องกัน พวกเขาล้วนสกุลเซียว ยิ่งไปกว่านั้นชินอ๋องเซียวก็ยังคุกคามองค์จักรพรรดิไม่ได้ จวนชินอ๋องเซียวเองก็ไม่ได้มีอำนาจสักเท่าไร ก็แค่อาศัยแต่พระมหากรุณาธิคุณของฝ่าบาทไปเท่านั้นดังนั้นองค์จักรพรรดิจึงเชื่อในความจริงใจที่พวกเขาส่งไปให้ เชื่อว่าพวกเขาต้องการแค่จะได้รับการให้ความสำคัญและการปกป้องจากฝ่าบาทเท่านั้น"ตระกูลฟู่จะไปมีอะไร? ฝ่าบาทไม่จำเป็นต้องเห็นพวกตระกูลฟู่อยู่ในสายตาเลย ส่วนเซียวหลันยวนก็เป็นหนามในสายตาองค์จักรพรรดิอีก องค์จักรพรรดิคิดจะรับมือกับเซียวหลันยวน ตอนนี้เซียวหลันยวนเองก็มีจุดอ่อนที่ใหญ่ที่สุดอยู่ นั่นก็คือฟู่จาวหนิง"พอพูดคำนี้ เซียวเหยียนจิ่งก็ดูไม่ค่อยสบายใจขึ้นมาที่ต้องให้เขายอมรับว่าเซียวหลันย
ก่อนหน้านี้ฟู่จิ้นเชินชื่อเสียงระบือเมืองหลวง และเคยขี่ม้าไปตามถนนสายยาว เคยเข้าไปในโรงสุราประชันโคลงกลอนกับผุ้อื่น เป็นช่วงเวลาที่รุ่งโรจน์เหลือประมาณเพราะเขามีหน้าตาที่ไร้เทียมทาน คนที่ไปดูเขาโดยเฉพาะก็มีไม่น้อย ผ่านไปหลายปีเช่นนี้ คนที่ยังจดจำหน้าตาเขาได้ก็มีอยู่ไม่น้อยด้วยเช่นกันโดยเฉพาะแม้จะผ่านไปสิบกว่าปีแล้ว เขาก็แทบไม่ได้ดูแก่ลงเลย มีแค่ความสุขุมที่มากขึ้น คนที่เคยเจอเขาในครั้งนั้น พอคิดว่าแค่เหลือบมองแล้วจำเขาได้ก็คงไม่ใช่เรื่องที่ยากเย็นอะไรกลับกันตัวฟู่หลินซื่อ คนที่พบเจอมีไม่มากนัก"ตอนนั้นคนที่ส่งข่าวให้พวกเราบอกว่า รอให้ฟู่หลินซื่อกลับเมืองหลวง จึงสามารถคิดหาวิธีให้เรื่องเมื่อสิบแปดปีก่อนเกิดขึ้นอีกครั้ง"ชินอ๋องเซียวกดเสียงต่ำ "สิบแปดปีก่อน เรื่องที่ฟู่หลินซื่อถูกใส่ร้ายว่าวางยาพิษเซียวหลันยวนสินะ ตอนนี้นางกลับมาแล้ว จะมีคนยืมมือของนางลงมือวางยาพิษกับเซียวหลันยวนอีกครั้งหรือ?"เซียวเหยียนจิ่งในใจมีความตื่นเต้นที่ยากจะพรรณนาออกมาเขาช่วงนี้เฝ้าคอยเรื่องนี้อยู่ตลอดก่อนหน้านี้เขาถอยห่างฟู่จาวหนิง อยากจะหนีนางไปให้ไกลๆ แต่ตอนนี้เขาเสียใจขึ้นมาเสียแล้วนับตั้งแต่
ผู้อาวุโสจี้อยู่ในรถม้าด้านหลัง เขาเองก็เลิกม่านขึ้นมองด้านนอก พอเห็นร้านรวงสองฟากฝั่งถนนแขวนไว้ด้วยโคมแดงก็ถอนหายใจ"จะปีใหม่อีกแล้ว"ชายหนุ่มอายุราวสามสิบปีอีกหนึ่งคนที่นั่งอยู่ในรถม้าก็มองออกไปด้านนอก พอได้ยินเขาพูดเช่นนี้ก็มองไปทางผู้อาวุโสจี้ ถอนหายใจเอ่ยขึ้นว่า "ผู้อาวุโสจี้ นี่จะปีใหม่อยู่แล้ว เจ้าพันธมิตรเรียกท่านกลับไปรวมตัวที่สาขาหลัก ท่านทำไมจึงปฏิเสธล่ะ?"ผู้อาวุโสจี้ไม่ได้กลับสาขาหลักไปช่วงปีใหม่หลายปีแล้ว"ไม่อยากไป วุ่นวายเกิน" ผู้อาวุโสจี้ส่ายหัว ไม่สนใจอย่างเห็นได้ชัด"ผู้อาวุโสคนอื่นก็ล้วนอยู่ที่พันธมิตร แม้ว่าเวลาปกติจะไปที่นั่นที่นี่ แต่พอถึงช่วงไว้พระจันทร์กับปีใหม่ล้วนกลับไป ตอนที่พวกเขาอยู่ด้วยกันยังสามารถหารือเรื่องใหญ่ต่างๆ ในพันธมิตรได้ นอกจากนี้ทุกสิ้นปีฝ่ายบัญชีพันธมิตรโอสถก็จะตรวจสอบแบ่งปันเงิน ท่านไม่กลับไป เรื่องพวกนี้ก็ไม่รู้ว่าจัดการกันชัดเจนหรือไม่ชายคนนี้เพิ่งจะถูกย้ายมาเป็นผู้ดูแลพันธมิตรคนใหม่ของเมืองหลวง ซูเหอซูเหอเองก็ถือเป็นคนที่ได้รับการสนับสนุนจากผู้อาวุโสจี้ เดิมทีด้วยอายุและประสบการณ์ของเขา ควรจะถูกจัดไปอยู่ประจำที่สาขาของพันธมิตรโอ
"หวานจัง"องค์หญิงนานฉือกินไปคำหนึ่ง ตาก็เป็นประกายขึ้นมา"ลูกชิ้นนี่เหนียวหนึบหนับดี เด้งและอ่อนนุ่ม น้ำแกงก็หวาดดี อร่อยจัง""ลูกชิ้นนี้ต้องใช้น้ำอุ่นที่อุณหภูมิพอดีมานวด ส่วนเวลาและแรงตอนที่นวดก็ต้องพิถีพิถันด้วย ท่านพี่เองก็ชอบกิน พีสะใภ้กินเยอะหน่อยๆ"องค์หญิงหนานฉือชอบกิน อันชิงจึงดีใจมากนางนั่งอยู่ตรงข้ามมององค์หญิงหนานฉือ รู้สึกว่านางดุมีเสน่ห์กว่าก่อนที่แต่งงานเสียอีก สวยจับใจจริงๆ"พี่ชายของเจ้า..."องค์หญิงหนานฉือหน้าร้อนขึ้นมาเดิมทีนางก็เป็นคนที่ค่อนข้างเปิดเผย แต่พอเจอกับเรื่องนี้ก็อดเขินอายขึ้นมาไม่ได้เหมือนักนพูดพูดถึงผู้ตรวจการอันเหนียน องค์หญิงหนานฉือก็รู้สึกปากร้อนขึ้นมาหน่อยๆ นางไม่เคยคิดเลยว่าผู้ตรวจการอันที่มีหน้าตางดงามอ่อนโยนมีการศึกษา จะเป็นชายหนุ่มที่มีอารมณ์หนักหน่วงคนหนึ่งแบบนี้!หลายวันนี้ ทุกวันตอนกลางคืนเขาก็จะมาทรมานนางสองครั้ง หลังจากเสร็จประชุมเช้า เขาก็ยังกลับมาทรมานนางอีกครั้งยิ่งไปกว่านั้นทุกครั้งก็ยังใช้เวลานาน นี่ทำเอานางหลายวันนี้มึนๆ งงๆ ร่างกายเมื่อยขบนอนไม่พอ ไม่ค่อยได้ออกจากห้องเลยทุกมื้อล้วนมีคนส่งอาหารเข้ามาในห้อง นางเองก็ขี
ฟู่จาวหนิงเองก็ไม่สนใจว่าองค์จักรพรรดิจะถามพวกอวิ๋นจูอย่างไรนางกลับมาที่จวนอ๋องเจวี้ยนอีกครั้ง ครั้งนี้ย้ายของไปมากกว่าเดิม ถึงกับตกแต่งห้องขังนั้นขึ้นมาแล้วประตูห้องขังยังแขวนม่านเอาไว้ด้วย บนพื้นปูพรม บนเตียงยังมีฉากกั้นลมสูงครึ่งตัวคนอีก แล้วยังกั้นเป็นห้องเล็กๆ สามารถวางถังปลดทุกข์ใบหนึ่งได้ด้วยที่มุมยังมีแจกันดอกไม้ บนกำแพงติดเชิงเทียนเอาไว้ แล้วยังแขวนเครื่องหอมไว้อีกย้ายโต๊ะมาหนึ่งตัว เก้าอี้สองตัว แล้วยังมีเบาะรองนั่งอีกพู่กันหมึกกระดาษแท่นฝนหมึกก็ยังติดมา แล้วยังมีเตาเล็กสำหรับอุ่นชาอุ่นสุราอีกชุดหนึ่ง วางเครื่องลายครามที่ประณีตสวยงามเอาไว้องครักษ์จวนอ๋องเจวี้ยนหลังจากย้ายของพวกนี้เข้ามาจัดวางแล้ว ห้องขังนี้ก็เปลี่ยนไปอย่างมากหัวหน้าคุกกับผู้คุมมองจนตาตั้งพวกเขาไม่ใช่ว่าไม่ได้ห้ามปราม แต่ฟู่จาวหนิงพูดมาคำเดียวว่า "ข้าบอกกับองค์จักรพรรดิแล้วว่ามาอยู่เป็นเพื่อนท่านอ๋อง" พวกเขาก็ต้องก้มหน้ากลับไปหัวหน้าคุกรู้สึกว่าผิดปกติไปจริงๆ วิ่งไปรายงานกับหัวหน้า ตอนกลับมายังคิดจะรื้อของเหล่านี้ของฟู่จาวหนิงออก"พระชายาอ๋องเจวี้ยน องค์จักรพรรดิให้อ๋องเจวี้ยนมาทบทวนตนเองให้
"ที่แท้การขังเอาไว้ในคุกใหญ่ก็ไม่เรียกว่าการลงโทษสินะ?""ฟู่จาวหนิง วันนี้เจ้าคิดจะมาทำอะไรกันแน่? ข้ามีงานการอีกตั้งมาก ไม่มีเวลามาเสวนาไร้สาระกับเจ้านะ!" องค์จักรพรรดิรู้สึกว่าแค่เห็นฟู่จาวหนิงเขาก็ปวดหัวเสียแล้วเขาเองก็ไม่กล้าทำอะไรนางจริงๆวิชาแพทย์ของฟู่จาวหนิงสูงส่งมาก! ในใจเขายังรู้สึกว่าโชคดีมาก ถึงอย่างไรนางก็เป็นคนของแคว้นเจา ถึงอย่างไรนางก็ยังมีญาติอยู่ที่เมืองหลวง ถึงอย่างไรตระกูลฟู่ก็ไม่ได้มีรากฐานอะไร ดังนั้นตอนที่เขาต้องการนางจริงๆ เขายังมั่นใจว่าตนเองจะบีบจุดอ่อนของนาง แล้วนำนางมาใช้ประโยชน์เพื่อตนเองได้ใครให้วิชาแพทย์ต้องมาเจอกับหายนะเข้าในใต้หล้านี้กัน ปัจจุบันพวกหมอเก่งๆ ล้ำค่าจะตายไปก่อนหน้านี้แคว้นเจามีหมอเทวดาหลี่ พวกเขาก็รู้สึกมีความมั่นใจอยู่ แต่พอเทียบกับฟู่จาวหนิง วิชาแพทย์ของหมอเทวดาหลี่กลับห่างชั้นอยู่ไกลโขเลยทีเดียวเพื่อวิชาแพทย์ของนาง ขอแค่นางไม่มาเหยียบเส้นต่ำสุดที่ไม่ควรล้ำ องค์จักรพรรดิก็ยังมีความอ่อนข้อให้สูงลิบอยู่เพียงแต่ว่า นางนี่มันน่าโมโหเสียจริงองค์จักรพรรดิรู้สึกว่ายิ่งพูดกับฟู่จาวหนิงมากแค่ไหนชีวิตเขาก็สั้นลงไปอีกหลายปี"แค่อยากจ
องค์จักรพรรดิพอได้ยินคำของฟู่จาวหนิง หน้าผากก็มีเส้นเลือดปูดตึงขึ้นมา"อายวนเขามีอะไรต้องทุกข์ใจกัน? ไม่พอใจข้าที่ให้เขาไปนั่งทบทวนตนเองในคุกหรือ?"ถ้านางกล้าบอกว่าไม่พอใจล่ะก็...ในใจองค์จักรพรรดิยังกำลังคิด ว่าตอนที่นางพูดว่าไม่พอใจแล้วจะตอกนางกลับไปอย่างไร ก็ได้ยินฟู่จาวหนิงใช้น้ำเสียงแปลกประหลาดออกมาคำหนึ่ง"องค์จักรพรรดิ ใครบ้างที่ยินดีจะอยู่ในคุก?"องค์จักรพรรดิ: นี่ยังจะย้อนถามมาอีกหรือ?"แต่ต่อให้ไม่ยินดีก็มิอาจขัดราชโองการได้" ฟู่จาวหนิงผายสองมือออก ดูจำใจอย่างมาก "เขาเป็นทุกข์ก็คือพวกสาวงามที่องค์จักรพรรดิยัดเข้ไาปข้างกายนั่นมันน่าโมโหมาก องค์จักรพรรรดิให้พวกนางไปดูแลเขา ผลลัพธ์คือพวกนางทั้งหมดก็หนีไปกันเกลี้ยง!""หนีหรือ?"องค์จักรพรรดิเองก็เดินตามแนวคิดของนางโดยไม่รู้ตัว กระทั่งน้ำเสียงก็ยังเลียนเสียงนางขึ้นอย่างไม่รู้ตัวจากนั้นเขาจึงได้สติกลับมา อยากจะตบปากตัวเองเสียจริงๆ"ใช่ไหมล่ะ เกินไปจริงๆ องค์จักรพรรดิ อายวนอยู่ในคุำำใหญ่ออกมาไม่ได้ ดังนั้นเขาจึงให้ข้าเข้าวังมาบอกกับองค์จักรพรรดิ จวนอ๋องเจวี้ยนไม่ต้อนรับสาวงามพวกนี้ แต่เจอเรื่องครั้งนี้เข้าไปก็ส่งผลกระทบกั