ผู้อาวุโสจี้สีหน้ากลืนไม่เข้าคายไม่ออกขึ้นมา"เรื่องนั้น อาจารย์เป็นผู้อาวุโสในพันธมิตรโอส แต่ว่าพันธมิตรโอสถก็มีกฎเกณฑ์อยู่ คนด้วยกันเองซื้อวัตถุดิบยา สามารถลดราคาได้สองส่วน แต่เงินก็ยังต้องจ่ายอยู่"แล้วก็วัตถุดิบยาที่นางต้องการ ก็ไม่ถูกเลยฟู่จาวหนิงเองก็ไม่คิดจะเอาเปรียบพันธมิตรโอสถขนาดนั้น และนางเองก็ไม่มีเงินมากเช่นกัน ดังนั้น คงต้องพึ่งพาตนเองเก็บยาสกัดยาค่อยๆ เลี้ยงตัวไปก่อน"ไม่เช่นนั้นเดี๋ยวข้าจะไปหาเจ้าพันธมิตรดู เขาอาจจะรู้ถึงความสัมพันธ์ในอดีตของตระกูลฟู่กับอ๋องเจวี้ยน ช่วงนั้นพันธมิตรเองก็อยู่ในเมืองหลวงเช่นกัน" ผู้อาวุโสจี้เอ่ยขึ้น"ได้เลย เช่นนั้นก็รบกวนท่านอาจารย์แล้ว""ไม่ต้องเกรงใจ เจ้าเรียกข้าว่าอะไรนะ?" ตาเฒ่าจี้ถลึงตาโตขึ้นฉับพลัน ตื่นเต้นขึ้นมา"ท่านอาจารย์ ไม่ใช่บอกว่าจะรับข้าเป็นศิษย์หรือ?" ฟู่จาวหนิงกระพริบตาปริบเมื่อครู่ที่ผู้อาวุโสจี้บอกว่าสามารถสร้างเหตุผลพื่อมาหลอกคนเรื่องที่นางจู่ๆ ก็เป็นวิชาแพทย์ นางรู้สึกหวั่นไหวมาก ยิ่งไปกว่านั้น นางก็อยากจะเรียนรู้เกี่ยวกับวัตถุดิบยาในแคว้นเจาจากผู้อาวุโสจี้ด้วยการเรียนรู้ไม่มีที่สิ้นสุด นางเองก็จะหยิ่งทะนง
สิ่งที่ไท่ซ่างหวงเหลือไว้ให้อ๋องเจวี้ยนครั้งนั้น ตัวกุญแจกับสถานที่ล้วนส่งมอบให้กับคนสามคน ในมือพวกเขาทั้งสามคนล้วนมีสิ่งยืนยันอยู่คนละชิ้น มีเพียงทั้งสามคนมาอยู่พร้อมกันเท่านั้น นำเอาของทั้งสามอย่างออกมาจึงจะใช้ได้แต่ว่าสามคนนี้คือใคร กระทั่งองค์จักรพรรดิเองก็ยังไม่รู้องค์จักรพรรดิกับฮองเฮาก็คอยเลียบๆ เคียงๆ หาข่าวจากไทเฮาอยู่ แต่ผลลัพธ์คือไทเฮาเองก็ไม่รู้เหมือนกันนี่เป็นปมในใจปมหนึ่งขององค์จักรพรรดิเห็นๆ อยู่ว่าเขาต่างหากที่เป็นคนที่มีคุณสมบัติสืบทอดการปกครองมากที่สุด ตำแหน่งจักรพรรดิท้ายสุดก็ยังส่งมาให้เขา แต่ไท่ซ่างหวงกลับรู้สึกชอบไปทางอ๋องเจวี้ยนมากกว่าอย่างชัดเจนเสด็จแม่ของเขาต่างหากที่เป็นฮองเฮาลำดับหนึ่ง ไทเฮาคนปัจจุบันเข้าวังมาทีหลังด้วยซ้ำ แต่พอเข้าวังก็ไม่ต้องไปตบตีแย่งชิงกับนางสนมเลย ขึ้นแท่นนั่งบัลลังก์ไปเลยทันทีแล้วยังอ๋องเจวี้ยนที่เกิดออกมาภายนอกนั่นอีก ถ้าหากในบ้านปกติ ก็นับเขาว่าเป็นลูกนอกสมรสได้แล้ว ไท่ซ่างหวงแอบไปลูกที่นอกวัง รอจนสองขวบจึงรับกลับเข้ามา ด้านบนก็มีพระโอรสอยู่ตั้งหลายคนแล้ว แต่ก็ยังรักเจ้าคนที่มาทีหลังนี่อย่างกับสมบัติล้ำค่าองค์จักรพรรดิกั
"เช่นนั้นข้าจะรีบไปอุ่นข้าวก่อนแล้วกัน" ป้าจงเองก็รีบไปทำงานเช่นกันลุงจงป้อนม้าตัวนั้นแล้วเรียบร้อย กำลังกวาดลานบ้าน พอได้ยินว่าฟู่จาวหนิงตื่นแล้วก็ยิ้มขึ้นมา ไม่รู้เพระาอะไร ตอนที่ฟู่จาวหนิงนอนหลับยังไม่ตื่น จิตใจของพวกเขาทั้งหมดก็เหมือนจะทั้งตึงทั้งเครียดตอนนี้พอได้ยินว่านางตื่นแล้ว พวกเขาก็วางใจลงมาทันทีฟู่จาวหนิงหลังจากล้างหน้าล้างตา ป้าจงก็ยกกับข้าวเข้ามาแล้ว"ท่านปู่ตื่นมาแล้วพูดอะไรหรือไม่?""ท่านผู้เฒ่าหลังจากตื่นมา พวกเราก็บอกว่าท่านนอนหลับอยู่ในห้อง เขาก็ไม่พูดอะไรอีก น่าจะรอให้ท่านตื่นก่อนแล้วค่อยพูดกระมัง" เสี่ยวเถาเอ่ยขึ้น"ท่านผู้เฒ่าดูแล้วเหมือนกำลังวังชาจะดีขึ้น พอกินยาลูกกลอนที่คุณหนูให้มาไปสองครั้ง ตอนกลางวันก็กินข้าวได้ และนอนหลับไปแล้ว"พวกของป้าจงล้วนรู้สึกว่ายาลูกกลอนขวดเล็กที่ฟู่จาวหนิงส่งมาให้เมื่อวานนี้มีประสิทธิภาพดีมาก ยอดเยี่ยมมาก เพราะว่าเมื่อคืนกับวันนี้ผู้เฒ่าฟู่หลังจากกินลงไปสองครั้งก็กินข้าวได้แล้วก่อนหน้านี้เขากินอะไรไม่ลงเลย"่ข้าไปดูท่านปู่ก่อน""คุณหนู ท่านเมื่อวานกลับมายังไม่ได้กินอะไรเลย รีบกินข้าวเสียก่อนเถิด ท่านผู้เฒ่ายังนอนหลับอย
ฟู่จาวหนิงยืนขึ้นมา โมโหจนหน้าเขียว"ตระกูลเจียงยังมีร้านอยู่นี่ แล้วร้านล่ะ?""ร้าน"ป้าจงกับเสี่ยวเถาสบตากัน รู้สึกลำบากใจมาก"คุณหนู ท่านช่วงนี้ไม่ค่อยรู้เรื่องการทำธุรกิจ ฮูหยินรองฮูหยินสามก็เข้ามาหาท่านผู้เฒ่าอยู่ตลอด บอกว่าส่งร้านให้พวกนางดูแลเถอะ แล้วทุกปีจะแบ่งเงินส่งมาให้"ประหยัดคนแก่ป่วยกระเสาะกระแสอย่างท่านผู้เฒ่าไปคน แล้วก็ยังมีสาวน้อยที่ไม่รู้เรื่องอะไรเลยอย่างฟู่จาวหนิงอีกคน ทำเอาร้านพังป่นปี้ไปจนหมดแล้ว"ท่านผู้เฒ่านำสัญญาของร้านส่งเป็นสินสอดให้คุณหนูแล้ว วันนั้นคุณหนูก็กอดอยู่บนเกี้ยวนี่ คุณหนูไม่รู้หรือ?"เสี่ยวเถามองฟู่จาวหนิงอย่างประหลาดกล่องสินสอด?ในหัวสมองฟู่จาวหนิงเหมือนมีภาพหลายภาพแล่นปรากฎขึ้น แต่ว่าหัวของนางก็เจ็บปวดขึ้นมานางตอนนี้เพิ่งคิดออกถึงปัญหาหนึ่ง คุณหนูฟู่ออกจากบ้านวันนั้น ขึ้นเกี้ยว แล้วตายในเกี้ยวอย่างไรกัน ความทรงจำสั้นๆ ช่วงนี้เหมือนจะไม่มีอยู่เลยความทรงจำสุดท้าย ก็คือนางนั่งอยู่หน้าโต๊ะแต่งหน้าในห้องนี้ หยิบผ้าคลุมแดงลงมาคลุมด้วยตนเอง จากนั้นหลังจากที่ตื่นมา นางก็ข้ามมิติมาแล้ว"ข้าวันนั้นออกไปขึ้นเกี้ยวด้วยตนเองเลยหรือ" ฟู่จาวห
"เจ้าค่ะ" ป้าจงก้มหน้าท้องของนางกับเสี่ยวเถาก็ร้องขึ้นมาพร้อมกัน"พวกเจ้ายังไม่กินข้าวหรือ?" ฟู่จาวหนิงสีหน้าเย็นชาลงถ้าหากนางไม่กลับมา คนใช้บ้านตระกูลฟู่เหล่านี้ ไม่หิวตายกันหมดแล้วหรือ?"คุณหนู พวกเรากินกันแล้ว" เสียงของเสี่ยวเถาต่ำลงมาพวกเขากินกันแล้ว แต่พวกเขาก็แค่กินข้าวต้มจางๆ กับผักดองนิดหน่อย ไม่ได้อิ่มอะไรเลย ดังนั้นผ่านไปแค่ชั่วยามเดียวพวกนางก็หิวขึ้นมาอีก"ไป ไปข้างหน้ากัน!"ฟู่จาวหนิงโมโหกระฟัดกระเฟียดเดินออกประตูไป พอกำลังจะเดินไปยังบ้านสองกับบ้านสาม เตรียมไปหาฟู่เจียวเจียวกับฟู่เป่าเจิน ลุงจงก็เดินเข้ามา ด้านหลังมีจงเจี้ยนติดตามอยู่บนตัวจงเจี้ยนแบกของอยู่ไม่น้อย เพราะว่าไม่มีอะไรจะใส่ ดังนั้นจึงใช้เถาวัลย์กับเชือกฟางสานขึ้นมา เขาแบกมากองใหญ่ สองมือก็ถืออยู่ไม่น้อยเลย"คุณหนู เขาบอกว่ามาหาท่านน่ะ"ลุงจงตาขวางเล็กๆ เพราะบนตัวจงเจี้ยนนอกจากแบกหญ้าอยู่กองหนึ่งแล้ว ยังมีไก่ป่ากระต่ายป่า แล้วยังมีตะกร้าที่ถักจากหญ้า ด้านในใส่ไข่ไก่ป่าไว้เต็มฟู่จาวหนิงเห็นของเหล่านี้ก็เพิ่งคิดขึ้นมาได้"เจ้าทำไมกลับมาช้าเหลือเกิน?"นางคิดว่าจงเจี้ยนเมื่อวานก็กลับมาแล้วเสียอีก แ
"สถานการณ์ของผู้เฒ่าฟู่ไม่ค่อยดีนัก คุณหนูฟู่ ไม่สิ พระชายานางอาจจะวางใจไม่ลงกระมัง"จงเจี้ยนพูดแทนฟู่จาวหนิงด้วยสัญชาตญาณ "ตอนอยู่ที่เขาจันทร์ลับฟ้า พระชายาหาวัตถุดิบยามาหลายชนิด นางบอกว่าสิ่งเหล่านั้นผู้เฒ่าฟู่จะได้ใช้ แต่ร่างกายท่านผู้เฒ่าร่างกายยังต้องทนต่อผลกระทบของยาให้ได้เสียก่อน จึงจะถือว่าผ่านด่านที่ยาก จากนั้นก็ค่อยๆ ชุบเลี้ยงเอา"อ๋องเจวี้ยนมองเขา "นางอยู่ในภูเขาแต่ก็ยังคุยกับเจ้าเสียมากมายเลยหรือ?"""เรียนท่านอ๋อง ไม่ได้คุยกันมากเท่าไรนัก เพียงแต่ข้าน้อยถามมากไปหน่อย พระชายาเองบางครั้งก็ตอบข้าอย่างไม่มีทางเลือกอ๋องเจวี้ยนหมุนตัว "ไปจัดการตัวเองแล้วมาหาข้าที่ห้องหนังสือ"เขาอยากจะฟังเสียหน่อยว่าหลายวันนี้ฟู่จาวหนิงหาวัตถุดิบยามาได้มากเท่าไร แล้วทำอะไรไปจงเจี้ยนถึงได้หันมาพูดแทนนางแล้ว"ขอรับ"จงเจี้ยนรีบจัดการตนเอง สามวันไม่ได้อาบน้ำในภูเขา เขาแทบจะรับตัวเองไม่ไหวแล้วพอเขาจัดการตัวเองเสร็จ ตอนที่ตามอ๋องเจวี้ยนเข้าไปเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นบนภูเขา ในวังก็ส่งคนเข้ามาแล้วหมอหลวงเฉินกับซุนมามาเดินเข้ามาในจวนอ๋องเจวี้ยนผู้ดูแลจงตอนเห็นพวกเขาก็รู้สึกปวดหัวขึ้นมาก่อนที
"รีบไปบอกท่านอ๋องเร็ว"อ๋องเจวี้ยนพอได้ยินเรื่องนี้ ก็ชะงักไปครู่หนึ่ง "ให้นางไปเถอะ ข้าก็จะดูเสียหน่อย ว่าฟู่จาวหนิงจะรับมือยายเฒ่าที่มีนิสัยแปลกประหลาดเคร่งกฏและทื่อๆ จากในวังได้หรือไม่""ท่านอ๋อง ได้ยินมาว่า นักบุญหญิงจากเผ่าโม๋ลั่วเดินทางมาถึงเมืองหลวงแคว้นเจาแล้ว!" มีทหารลับรีบเดินตรงเข้ามา "นักบุญหญิงในเมื่อเข้ามาแล้ว จะต้องนำไหมใจโลหิตติดมาด้วยแน่นอน"พอได้ยินข่าวนี้ สีหน้าของอ๋องเจวี้ยนก็ผ่อนคลายลงมา เขาเคาะนิ้ว "ไหมใจโลหิต!"หากจะนำพิษที่ค้างอยู่ในตัวเขาออกมา รวมถึงในตัวยาที่รักษาอาการของเขามาหลายปีนี้ ไหมใจโลหิตคือหนึ่งในวัตถุดิบยาด้านในพวกเขาหาข่าวมาหลายปี จึงได้ยินว่าใต้หล้านี้มีชนเผ่าที่เร้นกายต่อโลกที่ชื่อว่าเผ่าโม๋ลั่ว ในเผ่าทุกๆ สิบปีจะเลือกนักบุญหญิงออกมาคนหนึ่ง นักบุญหญิงสามารถค้นหาไหมใจโลหิตได้ และเป็นหญิงสาวที่สามารถชุบเลี้ยงไหมใจโลหิตได้หลังจากชุบเลี้ยงไหมใจโลหิตก็จะถูกนักบุญหญิงพาติดตัวไปด้วย แต่ว่าคนของเผ่าโม๋ลั่วก็ออกจากเขาน้อยครั้งมาก นักบุญหญิงเองก็ตัวตนฐานะสูงส่งจนไม่ค่อยออกมาง่ายๆครั้งนี้กลับมาเมืองหลวง ก็เพราะได้รับข้อมูลมาว่า พิธีเดิมพันโอสถครั้ง
และพอดีว่ามีลมพัดเข้ามาจากทางฟู่จาวหนิงพอดีไห่ฉางจวิ้นจมูกฟุดฟิด ดวงตาเป็นประกาย จ้องเขม็งไปทางฟู่จาวหนิง"นางคือใครหรือ?"น้ำเสียงนางดูตื่นเต้นเล็กน้อยฮูหยินสามฟู่พอเห็นฟู่จาวหนิงก็ตะลึงงันไป ก่อนหน้านี้ได้ยินพี่สะใภ้รองบอกว่าฟู่จาวหนิงเหมือนเปลี่ยนไปเป็นอีกคน ดุร้ายขึ้นมา หลายวันนี้เพื่อรอไห่ฉางจวิ้น นางก็ไม่คิดจะปะทะกับฟู่จาวหนิง คิดไม่ถึงว่าครั้งนี้จะมาเจอกันที่นี่"นางคือฟู่จาวหนิง เป็นหลานสาวคนโตของท่านผู้เฒ่าของตระกูลฟู่เรา" ฮูหยินสามฟู่พอเห้นท่าทางของฟู่จาวหนิงก็รู้สึกลางไม่ค่อยดี "ฉางจวิ้น พวกเราเดินทางอื่นเถิด จาวหนิงนางนิสัยไม่ค่อยดีนัก""ไม่ บนตัวนางมีกลิ่นของวัตถุดิบยาที่ข้าต้องการอยู่!"ไห่ฉางจวิ้นกลับรีบสาวเท้าเดินเข้าไปหาฟู่จาวหนิง"ฟู่จาวหนิง!""ใครน่ะเจ้า?"ในความทรงจำฟู่จาวหนิงไม่มีคนนี้อยู่ แต่หญิงสาวที่แต่งตัวชุดกระโปรงดำคนหนึ่งจู่ๆ ก็เรียกชื่อนางขึ้นมา สายตาที่มองนางเปล่งประกาย นางก็รู้สึกขนลุกเล็กๆคนผู้นี้โผล่มาจากไหนกันนะ?"ข้าชื่อว่าไห่ฉางจวิ้น บนตัวเจ้ามีกลิ่นของบุปผาล้างราตรีอยู่ เจ้ามีบุปผาล้างราตรีอยู่ใช่หรือไม่?" ไห่ฉางจวิ้นเองก็ตรงไปตรงมา
หลี่จื่อเหยานอนอยู่บนเตียง กระทั่งมือก็ไม่มีแรงจะขยับนางรู้สึกว่าปากของตนเองแอบจะแห้งแตกอยู่แล้ว แต่ก็ไม่มีใครเข้ามาดูนางเลยนางไม่รู้ว่าตนเองนอนอยู่บนเตียงนานเท่าไรแล้ว อยากจะเรียกคนให้เข้ามา แต่ก็ทำได้แค่ส่งเสียงที่อ่อนแอไปเท่านั้น"น้ำ""ใครก็ได้..."ตัวนางเองยังรู้สึกว่าเสียงของตัวเองเหมือนเสียงยุงร้อง สาวใช้ที่อยู่ด้านนอกนั่นไม่ได้ยินเลยหลายวันนี้พวกนางยิ่งขี้เกียจขึ้นไปอีก ถึงแม้ตอนแรกนางมักจะดุด่าพวกนั้น ไม่ยอมให้พวกนางเข้ามาวุ่นวายกับนาง นางอยากจะนอนมันทั้งวันแต่หลายวันนี้นางรู้สึกว่านอนจนผิดปกติไปแล้ว แต่พวกนางก็ยังไม่พบอาหารเย็นเมื่อวานพวกนางส่งเข้ามาแล้ว มาส่งที่ข้างเตียงนางเหมือนก่อนหน้า นางก็ลุกขึ้นมากินอย่างเกียจคร้าน พอกินเสร็จก็โยนตะเกียบไปบนโต๊ะ พอสาวใช้เหล่านั้นว่างก็เข้ามาเก็บไปแต่ชามตะเกียบของเมื่อวาน พวกนางจนตอนนี้ก็ยังไม่เข้ามาเก็บ ยิ่งไปกว่านั้น ยังไม่มีคนเข้ามารินน้ำให้นางด้วยข้าวเช้าข้าวเที่ยงวันนี้ ก็ไม่มีใครส่งเข้ามาเพราะนางไม่ได้เรียกให้ส่งข้าวหรือ?แต่นางก็พูดไม่ออกแล้วหลี่จื่อเหยารู้สึกว่าหัวของตนเองมึนตื้อ นางอยากจะด่าคน อยากจะเรียกสา
ที่ไม่สมเหตุสมผลที่สุดคือ กระทั่งคนเทขยะก็ยังไม่กล้าเข้ามา บอกว่าขยะของจวนชินอ๋องเซียวก็ไม่แน่ว่าจะไม่มีพิษ แค่สูดดมก็อาจจะติดเชื้อได้"เดิมทีในจวนอ๋องยังมีคนงานอยู่บางส่วน บ้านอยู่ภายนอก ตอนนี้คนเหล่านั้นก็ยังไม่กล้ามา คนในอุทยานเอง กระทั่งประตูเมืองก็ยังไม่เข้ามา ของกินของดื่มในจวนอ๋องทุกวันก็ไม่มีใครส่งเข้ามา ตนเองจะออกไปซื้อก็ไม่ได้""หมายความว่าอย่างไร?" เซียวเหยียนจิ่งคิดว่าตนเองฟังผิด กระทั่งออกไปซื้อของก็ยังไม่ได้เนี่ยนะ?"รัฐทายาท คนที่ขายเนื้อขายผักด้านนอก ล้วนกลัวคนในจวนเรากันหมด ดังนั้นจึงไม่ขายของให้พวกเราชั่วคราว! บอกว่าเรื่องนี้ต่อให้ไปพูดต่อหน้าองค์จักรพรรดิก็ยังถือว่าถูกต้อง ถึงอย่างไร องค์จักรรพรรดิก็ออกราชโองการมาแล้ว ว่าห้ามท่านอ๋อนเข้าเมืองหลวง""องค์จักรพรรดิรู้ว่าท่านพ่ออยู่ที่อุทยานด้านนอกหรือ?" เซียวเหยียนจิ่งหน้าขรึมลงมา"ขอรับ รู้กันทั่วทั้งเมืองแล้ว ผู้เช่าทำนาทั้งหมดในอุทยานก็ไม่ให้เข้าเมืองแล้ว เสบียงที่ผลิตในอุทยาทก็ไม่อนุญาตให้ส่งมาเมืองหลวง ดังนั้นพวกเราจะเอากลับไปกินที่จวนอ๋องก็ยังไม่ได้""มีเหตุผลแบบนี้ด้วยรึ! พวกเขาคิดจะให้จวนชินอ๋องเซียวอดตายก
สาเหตุที่เซียวเหยียนจิ่งมารับหมอเทวดาหลี่กลางทาง ก็เพราะอาการป่วยของชินอ๋องเซียวเขาถามหมอหลายคนในเมืองหลวงไปแล้ว ล้วนเป็นหมอที่มีวิชาแพทย์ดีมากทั้งนั้น ผลคือไม่มีใครรักษาได้สักคนกระทั่งยังไม่แน่ใจว่าติดโรคระบาดมาได้อย่างไรด้วยซ้ำองครักษ์ที่ไปหาคนป่วยคนนั้นไม่เป็นอะไรกันเลย แต่คนที่ไม่ได้ไปสัมผัสคนป่วยคนนั้นอย่างชินอ๋องเซียวกลับติดมาเสียได้ นี่จะอธิบายกันอย่างไรล่ะ?เขาเองก็ไปหาฟู่จาวหนิงมไ่ได้ ยิ่งไม่อยากให้ฟู่จาวหนิงรู้ว่าพ่อของตนเองติดโรคระบาดนั้นด้วย ดังนั้นจึงทำได้แค่รีบไปรับหมอเทวดาหลี่เท่านั้นไม่ว่าจะพูดอย่างไร หมอเทวดาหลี่อย่างน้อยก็เป็นพ่อตาเขานะถึงแม้พวกเราก่อนหน้านี้จะทะเลาะกันบ่อย จนแทบจะเป็นศัตรูกันอยู่แล้วยิ่งไปกว่านั้น หลี่จื่อเหยาที่อยู่ในจวนชินอ๋องเซียวก็แทบจะไม่มีตัวตนอยู่แล้วไม่ว่านางจะอาละวาดแค่ไหน เซียวเหยียนจิ่งก็ไม่สนใจนาง ไม่พบนางด้วยซ้ำ เขาส่งหญิงรับใช้ที่ตัวใหญ่แรงเยอะไปให้หลี่จื่อเหยาหลายคน กระทั่งสาวใช้ก็ยังมีพละกำลังอย่างมากด้วย คอยจับตานางดูไว้ทุกวันกระทั่งยังวางยาพิษออกฤทธิ์ช้ากับหลี่จื่อเหยาอีก พิษนั่นเซียวเหยียนจิ่งหามาอย่างยากลำบาก เขาเคยทดลองแล
"ข้าเดาว่าอีกไม่นานนางน่าจะจัดงานเลี้ยงอะไรอีก ถึงตอนนั้นเกรงว่าคงจะมาเชิญอันชิงด้วย"ฟู่จาวหนิงคิดถึงนิสัยเฉินฮ่าวปิง รู้สึกว่านางได้แต่งตั้งเป็นท่านหญิง จะต้องเคลื่อนไหวอะไรแน่ เป็นไปไม่ได้ที่จะเงียบไปเช่นนี้ จะบอกไม่จดจำอันชิง ก็ดูจะเป็นไปได้อยู่"แล้วไม่ไปได้ไหม?" องค์หญิงหนานฉือขมวดคิ้ว"ไม่ไปก็ได้อยู่" เซียวหลันยวนพูดขึ้นมาอันเหนียนถอนหายใจ "ท่านอ๋อง ท่านน่ะได้ พวกเราที่เป็นขุนนางตัวเล็กตัวน้อย ปฏิเสธคนส่งเดชไม่ได้นี่สิ"เซียวหลันยวนเหลือบมองเขาพูดซะน่าอดสูแบบนี้ นี่ใช้อันเหนียนไหมเนี่ย?ความคิดของอันเหนียนคนนี้ ไม่เคยจะเรียบง่ายมาแต่ไหนแต่ไรฟู่จาวหนิงไม่ได้คิดจะอ้อมค้อมเหมือนพวกเขาสองคน พอได้ยินอันเหนียนพูดเช่นนี้ นางก็ตอบรับมาตรงๆ"อันชิงเองก็ถือว่าไปผิดใจกับเฉินฮ่าวปิงเพราะข้าเหมือนกัน ถ้าหากเฉินฮ่าวปิงมาหาเรื่องนาง พวกท่านก็มาบอกข้าเลย"ในตาอันเหนียนมีรอยยิ้ม "เช่นนั้นข้าก็ขอขอบคุณพระชายาแทนชิงชิงด้วย"เป้าหมายใหญ่สุดที่เขามาที่นี่ ก็เพื่อประโยคนี้ไม่ใช่หรือ? ฟู่จาวหนิงถ้ายอมปกป้องอันชิงหน่อย เขาก็ไม่ต้องกังวลมากแล้ว"เฮอะ" เซียวหลันยวนเหลือบมองเขาอย่างหมดคำจะพูด "เจ้านี่ม
อันเหนียนแปลงโฉมเป็นชายกลางคนคนหนึ่ง พาสาวใช้คนหนึ่งเข้ามาในจวนอ๋องเจวี้ยนฟู่จาวหนิงสายตาตกอยู่บนตัวสาวใช้คนนั้น หัวเราะพรวดออกมา"องค์หญิงแปลงโฉมใช้ได้นี่นา หน้าย่นลงมาแล้วนั่น"สาวใช้ที่ดูลับๆ ล่อๆ คนนึ้นยืดตัวตรง เงยหน้าขึ้นทันที ท่าทางเปลี่ยนไปในพริบตานางมองฟู่จาวหนิงเอ่ยขึ้นอย่างประหลาด "ข้าแต่งแบบนี้แล้ว เจ้ายังปราดเดียวก็รู้เลยหรือ?""ใบหู คางกับคอขององค์หญิงไม่ได้เปลี่ยนไปเลย" ฟู่จาวหนิงชี้ไปที่ช่องโหว่เหล่านั้นหงจั๋วกับเฝิ่นซิงยืนอยู่ข้างๆนาง ทั้งสองคนล้วนมององค์หญิงหนานฉืออย่างสนอกสนใจขนาดพระชายาชี้ช่องโหว่พวกนี้ออกมาแล้ว แต่พวกนางก็ยังมองไม่ออก ดูท่าสายตาของพระชายาจะแข็งแกร่งกว่าคนธรรมดามากเลยองค์หญิงหนานฉือเบ้ปาก "ตอนที่ข้าออกมาก็ส่องกระจกตั้งหลายรอบแล้วนา ขนาดข้าเองยังมองไม่ออกเลย"คอใบหูและมือของนาง ทาจนดำไว้ชั้นหนึ่ง มีช่องโหว่ตรงไหนกันอันเหนียนเอ่ยขึ้นว่า "พระชายาอ๋องเจวี้ยนเรียนวิชาแพทย์มานะ ต้องมองคนได้เฉียบคมกว่าพวกเราอยู่แล้ว""นี่เกี่ยวกับเรียนแพทย์ตรงไหนกัน" องค์หญิงหนานฉือไม่ค่อยเข้าใจฟู่จาวหนิงพยักหน้าให้อันเหนียน แสดงท่าทีชื่นชม "ผู้ตรวจการอันพูดถูกต้อง
ฮูหยินเฉินกลับมาในบ้านของต่งฮ่วนจือตอนที่สายัณห์กำลังมาถึง เฉินฮ่าวปิงก็กลับมาแล้ว"ท่านแม่!"ฮูหยินเฉินได้ยินเสียงของนาง ก็ลุกพรวดขึ้นมา จากนั้นนางก็เห็นเฉินฮ่าวปิงพาสาวใช้หน้าตาสะสวยสองคนเดินเข้ามาถึงอย่างไรก็เป็นคนที่เข้าใจลูกสาวดีที่สุด พอเห็นสีหน้าของเฉินฮ่าวปิง ฮูหยินเฉินก็รู้ว่านางคงจะได้เป็นท่านหญิงไปแล้วใจของนางดิ่งวูบทันที"ท่านแม่ รีบเก็บของเร็วเข้า พวกเรากลับบ้านกัน!" เฉินฮ่าวปิงเชิดคาง ดูภูมิใจมาก"ปิงเอ๋อร์ พวกเรามีบ้านที่ไหนกัน?""พระชายาเยว่ให้บ้านพวกเรามา อยู่ในซอยกุ้ยเซียงข้างหน้านี่ บ้านสองตอน หลังจากนี้พวกเราก็มีบ้านของตัวเองในเมืองหลวงแล้ว"เฉินฮ่าวปิงเอ่ยขึ้นอย่างดีใจ "แล้วก็ สาวใช้สองคนนี้พระชายาเยว่ก็ยกมาให้ข้า ชิวอวิ๋น ชิวเยว่ นี่แม่ของข้า"ชิวอวิ๋นชิวเยว่ขึ้นมาคารวะ "คารวะฮูหยิน"ฮูหยินเฉินสีหน้ายิ่งแข็งขึ้นไปอีก"ท่านแม่ ท่านทำไมถึงไม่ดีใจเลย? ท่านพ่อยังเป็นธุระ ให้องค์จักรพรรดิจัดหามามาอบรมมารยาทให้ข้าด้วย พรุ่งนี้จะเริ่มอบรมมารยาทในวังให้ข้า หลังจากนี้ข้าเองก็จะเป็นสตรีสูงศักดิ์ที่สง่างามได้แล้ว"เฉินฮ่าวปิงเข้ามาใกล้แม่ของนาง เอ่ยขึ้นเบาๆ ว่า "องค์จักรพร
ได้ยินว่าตระกูลของพระชายาอ๋องฉยงมีบารมีมากในเมืองฉยงโจว อ๋องฉยงไปที่นั่นเหมือนไปเกาะนางกินอย่างไรอย่างนั้น เขาตอนนี้ถ้าไปตบหน้าพระชายาอ๋องฉยงแบบนั้นอีก คือคิดจะไม่กลับไปเมืองฉยงโจวแล้วหรือ?เขาน่าจะรับปาก ถึงอย่างไรตอนนี้ก็เริ่มบ้าไปแล้ว" ส่งเขาเข้าคุกได้ ให้ไท่เฮาอยู่ในจวนอ๋องเจวี้ยนอย่ากลับวัง เรื่องเหล่านี้ยังทำออกมาได้ องค์จักรพรรดิบ้าไปหน่อยแล้วจริงๆ"ดังนั้น เจ้าความลับที่ฮูหยินเฉินกอดเอาไว้มันคืออะไรกันแน่?"มูลค่าสูงขนาดที่ ทำให้องค์จักรพรรดิต้องถอยให้ก้าวหนึ่งเลยหรือ"เรื่องเกี่ยวกับตงฉิง..." เสียงของเซียวหลันยวนเย็นชาลงเล็กน้อย "ตอนนี้ดูท่า การล่มสลายของตงฉิงครั้งนั้นเหมือนไม่ใช่ภัยธรรมชาติเสียแล้ว"ฟู่จาวหนิงมองเขา ดูกังวลขึ้นมา"ถ้าหากการล่มสลายของตงฉิงมีแผนร้ายอื่นอยู่ คนที่เกี่ยวข้องจะต้องไม่อยากให้ความจริงถูกเปิดเผยต่อใต้หล้าแน่ ถึงตอนนั้นตัวตนฐานะของท่านถ้าเปิดเผยออกมา จุดสนใจทั้งหมดก็จะพุ่งไปบนตัวท่านสิ"ถ้าหากมีแผนร้ายจริง คนที่เกี่ยวข้องจะต้องไม่ปล่อยเซียวหลันยวนแน่นอนกระมัง?ถึงอย่างไรเขาก็เป็นคนในราชวงศ์ตงฉิงหนึ่งเดียวที่ยังอยู่บนโลกนี้ เป็นสายเลือดเซียวหลันยวนนิ่
เฉินฮ่าวปิงบิดมือออกจากแขนของฮูหยินเฉินทันที"ท่านแม่ ข้าจะเข้าวังไปกับท่านพ่อ ถ้าท่านไม่ไป ข้าเข้าไปฟังองค์จักรพรรดิดูว่าเขาจะพูดอะไร กลับมาแล้วจะเล่าให้ท่านฟัง""ปิงเอ๋อร์! เจ้าห้ามไป!""ไป" อ๋องฉยงลุกขึ้นมา เดินนำไปก่อน เฉินฮ่าวปิงรีบตามขึ้นไป กลัวฮูหยินเฉินจะดึงเอาไว้ฮูหยินเฉินพอเห็นนางตามออกไปแล้ว ก็รีบร้อนตามขึ้นไป"ปิงเอ๋อร์ กลับมา!"พวกเขากว่าจะหลุดพ้นจากการไล่สังหารของพระชายาอ๋องฉยง ตอนนี้จะต้องกลับไปอยู่ในวังวนนั้นอีกแล้วหรือ? อ๋องฉยงคนนี้พึ่งพาไม่ได้!แต่ว่าเฉินฮ่าวปิงก็คิดแต่อยากจะให้ตนเองมีตัวตนฐานะดี นางไม่อยากเป็นลูกกำพร้าที่ไม่มีพ่อไม่มีชาติตระกูล แล้วทำได้แค่พึ่งพาการช่วยเหลือปกป้องจากต่งฮ่วนจือพ่อแท้ๆ ไม่ใช่ว่าดีกว่าคนอื่นหรือ?เป็นลูกสาวของอ๋อง ไม่ใช่ว่าดีกว่าอาศัยอยู่ในบ้านคนอื่นหรือ?"กลับไปแล้วก็เตือนแม่เจ้าหน่อย ว่าอย่าดื้อรั้นนัก" พอขึ้นรถม้า หลังจากที่รถม้าแล่นห่างออกจากร้านงานปัก อ๋องฉยงจึงพูดขึ้นมาคำหนึ่งกับเฉินฮ่าวปิงเฉินฮ่าวปิงพยักหน้านางถอนใจโล่ง ที่ท่านแม่ไม่ไล่ตามมา"ท่านพ่อ ข้าจะเตือนนางแน่ แต่ว่า ท่านทำไมถึงไม่ต้องการข้ากับท่านแม่ล่ะ?" เฉินฮ่าวปิงถ
"ถ้าเล็ดลอดออกไป พวกนางแม่ลูกน่าจะมีอันตรายถึงตัว นางยังถือว่าฉลาดอยู่" เซียวหลันยวนอันที่จริงในใจก็คาดเดาไว้บ้างแล้ว"แล้วตอนนั้นที่นางไปหาอ๋องฉยง เป็นเพราะจะยืมอำนาจของอ๋องฉยงหรือ?""ก็เป็นไปได้"และตอนนี้ที่ชั้นสองของร้านงานปักฝั่งตรงข้าม เฉินฮ่าวปิงกำลังถลึงตาอ้าปากค้างทุกคนพูดที่อ๋องฉยงพูดกับแม่นางฟังออกทั้งหมด แต่พอรวมเข้าด้วยกันทำไมนางถึงฟังไม่เข้าใจเลย?อะไรคือแคว้นเจาอยู่ต่อไม่ได้พวกเขาก็ยังหาทางอื่นได้?คิดจะกบฏต่อแคว้นหรือ?อะไรคือถ้าหากสามารถหาดินแดนผืนนั้นเจอ พวกเขาบางทีอาจจะเป็นอ๋องได้?เขาตอนนี้ไม่ใช่เป็นอ๋องอยู่แล้วหรือ? เขาไม่ใจว่ามีเมืองฉยงโจวอยู่แล้วหรือ? ยังคิดจะไปเป็นอ๋องที่ไหนอีก?อะไรคือตระกูลเฉินในครั้งนั้นติดต่อศัตรูเพื่อทรยศแคว้น?ฮูหยินเฉินตอนนี้สภาพดูไม่ดีเอาเลยหลายปีก่อนถูกพระชายาฮูหยินไล่สังหาร ตอนที่ชีวิตมีวิกฤตก็ไม่เคยคิดจะให้อ๋องฉยงช่วย เพราะรู้สึกว่าอ๋องฉยง่าจะรู้ความลับของนางเข้ามาแต่ความลับนั่นนางไม่อยากจะบอกอ๋องฉยงตอนแรกนางเคยคิดไว้แล้ว ดังนั้นจึงยอมตัวเองให้กับอ๋องฉยง แต่พออยู่กับเขาแล้ว นางพบว่าอ๋องฉยงยังไม่พอที่จะแบกเรื่องใหญ่เช่นนี้ได้ เขายั